002:ณ เมือง ลาทอส
ใช้เวลาประมาณครึ่งวันในการเดินทาง
เมื่อฉันออกจากบ้านตอนเช้าตรู่ตอนนี้ก็เริ่มจะค่ำแล้ว
ขมวดคิ้วกับความที่ปวดก้นจากแรงสั่นสะเทือนของรถม้าและภูมิทัศน์ที่ถูกสร้างขึ้นมาตามท้องถนน
「อะ เห็นเมืองแล้วล่ะ!」
พรุ่งนี้จะมีปาร์ตี้ของขุนนางนรกนั่น
ราวกับจะปกปิดความมืดมิดของเมืองนี้ เธอแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา และชี้ไปยังกำแพงด้านนอกของเมืองที่อยู่ด้านหลังวิสัยทัศน์ของเธอ
รถม้านั้นถูกจัดเตรียมจากนายท่านของพ่อ
แน่นอนว่ารวมถึงคนขับรถม้าด้วย
ไม่ต้องจ่ายค่าโดยสารและรถม้าเองก็เป็นของหรูหรา แน่นอนว่าตระกูลบารอนอย่างเราๆไม่มีทางเป็นเจ้าของได้ และแม้ว่าจะซื้อได้ ก็ไม่มีเงินบำรุงรักษา
นอกจากนี้ ตระกูลบารอนนั้นเป็นเจ้าของทุ่งนาไม่กี่แห่งไม่ไกลจากเมืองหลวง ดังนั้นไม่มีบ้านพักอยู่ในเมืองหรอกนะ
แต่ว่าพื้นที่เพราะปลูกของตระกูลมาร์ควิสนั้นกว้างใหญ่ อาณาเขตของเมืองลาทอสเองก็ใหญ่ไม่แพ้กัน
……ใช่ฉันหมายถึง เกิดความเลื่อมล้ำทางสังคมมากเกินไปแล้วย่ะ
「เมืองนั้นถูกเรียกว่า “ลาทอส” และเป็นที่อยู่ของตระกูลมาร์ควิส ดังนั้นจึงมีอัศวินประจำการอยู่ที่เมือง เป็นเมืองที่เจริญที่สุดในแถวย่านนี้แล้ว」
ท่านพ่ออธิบายให้ฟัง
จ้า ไม่เพียงแต่รถม้าและเมือง แต่ยังมีอัศวินประจำเมืองด้วยให้ตายเถอะ
ฉันจะเอาอะไรไปสู้กับคนพรรณนั้นกันล่ะ
ฉันมีใบหน้าที่น่ารักก็จริง และแม่ก็บอกว่า “ถ้าเข้าเมืองกันแล้ว ไปซื้อเสื้อผ้ามาแต่งตัวให้งดงามกันหน่อยดีไหมจ้ะ”
ครอบครัวของเขาบารอนเทมเพิล(テンプル) ไม่มีอาณาเขตเป็นของตนเอง ไม่มีอัศวินส่วนตัวด้วย
สิ่งเดียวที่เอาชนะตระกูลมาร์ควิสได้ก็คือระยะทางที่ไกลกว่าในการไปเมืองหลวง
นั่นเป็นเหตุผลที่ฉันไม่อิจฉาเลยสักนิด
ใช่ความหรูหราน่ะเป็นศัตรูแห่งความเกลียดชัง
ฉันสลัดความรู้สึกด้านลบออกไป
――เอ่อ มันสายเกินไปที่จะแนะนำตัวเองรึเปล่า
ฉันมาเรีย・เทมเพิล เด็กสาวอายุ 12 ปีเกิดในตระกูลบารอน
ท่านพ่อ ควอตซ์(クォーツ)・เทมเพิล ท่านแม่คุเรฮะ(クレハ)
พ่อและแม่เป็นเพื่อนสมัยเด็กกันและแต่งงานกันเพราะรักกัน
ครอบครัวของแม่เองก็เป็นบารอน พวกเราเลยมียศบารอนไปด้วย
ด้วยเหตุนี้ พวกเราไม่ใช่ตระกูลที่ร่ำรวย แต่พวกเราก็มีสภาพแวดล้อมที่เหมาะสม และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่สะดวกสบายดีไม่ต้องการอะไรที่มากเกินความจำเป็น
สิ่งสำคัญในการมีความรักคือว่าอีกฝ่ายจะร่ำรวยมหาศาลยังงั้นเหรอ?
ไม่เลยหากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต่างกันเกินไปอีกฝ่ายก็ต้องแบกรับภาระหนักหนาเกินความจำเป็น และครอบครัวจะแตกแยก
ฉันไม่รู้เลยเพราะว่าชาติที่แล้วฉันก็มีแฟนอายุเท่ากัน เลยไม่ค่อยเข้าใจ แต่เพื่อนๆมักจะร้องไห้กลับมาทุกครั้งที่เจอกัน
รถม้าที่พวกเรานั่งมาหยุดลงครู่หนึ่หน้าประตูเมือง และยามที่เห็นบัตรเชิญของพวกเราก็ปล่อยพวกเราไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
「เอ่องานเป็นไปได้ด้วยดีจนจะเลื่อนตำแหน่งเลยเหรอคะ?」
「คิดแบบนั้นเหรอภรรยาที่รักของผม」
「เอ่อก็ต้องแบบนั้นรึเปล่าคะ……」
ล้อของรถม้าหมุนและเกือกม้าก็ดังทุกครั้งที่กระทบเข้ากับพื้นหิน
คู่รักบารอนต่างกระซิบซึ่งกันและกัน แต่ฉันแสร้งทำเป็นไม่ได้ยินบรรยากาศหวานแววของทั้งสอง
◆ ◆ ◆
พวกเราเช็คอินกันที่โรงแรม “ซิลเวอร์” ซึ่งเป็นโรงแรมสุดหรูในลาทอสแห่งนี้ และมาร์ควิสได้จ่ายค่าที่พักให้พวกเราเป็นที่เรียบร้อย
ในขณะที่ครอบครัวขุนนางจัดงานปาร์ตี้ไปรับขุนนางชนบทก็พูดว่า「เดี๋ยววันพรุ่งนี้ส่งคนไปรับ」จนพวกเราต้องแพ็คกระเป๋าเดินทางในกลางดึกและออกเดินทางในวันรุ่งขึ้นในทันที
「……แต่ว่ามันอะไรกันเนี่ย? น่าแปลกมีแต่คนเก่งๆมารวมกันทั้งนั้นเลยนะคะ?」
「โอ๊ะแม่เองก็คิดเหมือนกันเหรอ」
「เดาว่าท่านมาร์ควิสคงจะตั้งใจแน่ๆล่ะคะ」
ฉันถูกประกบระหว่างพ่อแม่ระหว่างที่เดินทางไปยังถนนสายหลัก
ฉันเฝ้าดูคนมาระยะหนึ่งแล้ว แต่ไม่ค่อยมีคนเลย
มีคนที่แต่งตัวด้วยชุดเกราะกับดาบ และมีคนที่แต่งตัวด้วยชุดสบายๆ และฝึกวิชาต่อสู้อยู่บ้าง
ชาวเมืองและพ่อค่าเร่ในเมืองนั้นมีมากกว่า แต่ก็มีคนน่ากลัวที่ตัวใหญ่ๆกล้ามโตๆด้วย
เมื่อฉันถามคำถามพ่อก็พูดออกมา
「ปกติแล้วที่ดินแห่งนี้ถูกบริหารโดยท่านภรรยาของนายท่าน และนายท่านเองก็แอบน้อยใจที่ไม่ค่อยได้กลับบ้าน เพราะทำงานอยู่ที่ปราสาท ดังนั้นภรรยาจึงทำหน้าทีรักษาการณ์แทน แต่เธอเป็นบุตรของตระกูลดยุค ซึ่งถูกเรียกว่าปีศาจสีเงิน เธอนั้นแข็งแกร่งมากเมื่ออยู่ในสนามรบ แต่ว่าเนื่องจากภรรยาของนายท่านเป็นคนปกครองเมืองนี้ตามลำพัง เลยเป็นธรรมดาที่จะมีคนแข็งแกร่งรวมตัวกันละมั้งนะพ่อว่า?」
ปีศาจสีเงินอะไรล่ะนั่น……。
ความหนาวไหลไปทั่วกระดูกสันหลัง
มาเรียในเกมจีบสาวนั้นได้ประนามลูกสาวของตระกูลนี้ แม้ว่าจะเป็นแค่ในเนื้อเรื่องแต่ก็ต้องทำให้เธอทุกข์ทรมานราวกับตกนรกทั้งเป็น
ฉันอดไม่ได้ที่จะตกใจว่ามีท่านแม่ของเธอที่ดูน่ากลัวขนาดนั้น
「อ่า แต่สถานการณ์ปัจจุบันเป็นเพราะลูกสาวของเธอ」
พ่อพูดราวกับจำอะไรบางอย่างได้ขึ้นมา
「มีเรื่องเล่าว่าท่านแม่ของคุณหนูได้จัดตั้งกองกำลังใหม่เพื่อปกป้องลูกสาวของเธอเมื่อไม่กี่ปีก่อน」
「ถ้าเป็นแบบนั้นคุณนายคงจะรักลูกสาวมากเลยสินะคะ」
พ่อกับแม่กำลังยิ้มออกมา
แต่ฉันรู้ว่าตามจริงมันไม่ใช่แบบนี้
――ไม่ผิดแน่ ลูน่าเองก็เป็นผู้กลับชาติมาเกิดเหมือนกัน แผนคือการจัดตั้งกองทัพมากวาดล้างฉันในอนาคต……。
นี่คิดจะทำอะไรกับสาวน้อยไร้พิษสงแบบฉันกันค่ะเนี่ย?!
ฉันเริ่มตัวสั่นด้วยความกลัว
แม่เองก็พูดออกมาว่า「มีอะไรเหรอจ้ะ? ลูกตัวสั่นใหญ่เลยนะ? เป็นหวัดหรือเปล่าจ้ะ」
แม่เข้ามากอดฉันและเสียงหัวใจของเธอก็สงบลง
「บางทีอาจจะเหนื่อยกับการเดินทาง เอ่อขอโทษด้วยนะ แต่ว่าคงไปเที่ยวด้วยไม่ไหวแล้วขอตัวกลับโรงแรมก่อนดีกว่า」
ท่านพ่ออุ้มฉันและเดินทางกลับ
แม้แต่ท่านแม่เองก็กลับด้วย ดูเหมือนจะห่วงความปลอดภัยของลูกสาวมากกว่าสิ่งใด
ท่านพ่อ ท่านแม่ ขอโทษนะคะ
หนูไม่ได้เป็นอะไรหรอกค่ะ
ก็แค่คิดว่าชีวิตที่สองมันช่างแสนสั้นเหลือเกิน
แน่นอนว่าไม่สามารถบอกออกไปได้
หลังจากกลับมาที่โรงแรม ฉันถูกบังคับเปลี่ยนเป็นชุดนอนและโดนสั่งให้นอนทันที
ดูเหมือนว่าฉันเองก็ค่อนข้างจะเหนื่อยล้าจากการเดินทาง คืนนั้นฉันมีไข้เล็กน้อยและนอนด้วยความคร่ำครวญ
แม้ว่าจะเป็นการมาเที่ยว แต่ฉันก็ไม่สามารถออกไปข้างนอกได้
ช่างน่าเสียดาย
ในวัยนี้ ฉันได้ตระหนักว่าตัวเองช่างเป็นสิ่งมีชีวิตที่บอบบางเหลือเกิน
หากเข้านอนตั้งแต่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน ก็จะตื่นมาตอนกลางดึก และคราวนี้ก็จะตกอยู่ในหายนะที่ว่านอนไม่หลับ
นอกหน้าต่างมืดแล้ว และไม่เห็นสิ่งใดเลย ทุกอย่างเริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาว
ขณะที่ฉันมองเพดานที่ว่างเปล่า ฉันก็นึกถึงวัยเด็กในชาติที่แล้ว
ฉันมีเพื่อนเพียงคนเดียวนับตั้งแต่สมัยเรียนและลงเอยด้วยการตายเพราะทำงานอย่างหนักไม่มีโอกาสได้ร่ำลา
ฉันได้เจอกับเธอทีไร เธอก็จะเอาแต่บ่นเรื่องสามีและลูกของเธอ และเธอก็มักจะไปโวยวายขอให้เจ้านายขึ้นเงินเดือนเพราะเงินไม่พอใช้
แต่อย่างน้อยหากตายเพราะทำงานหนักเกินไป ก็อาจจะได้มาพบกันอีกก็ได้
เฮ้อ เพื่อนของฉันตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่กัน อยากจะเจอจังเลยนะ
ในที่สุดฉันก็หลับไปและเมื่อถึงยามเช้าฉันกระโดดลงจากเตียงด้วยความสดชื่น
「เอาล่ะ ไปกันเลยดีกว่า!」
วันนี้เป็นงานวันเกิดของลูน่าจัง
และสำหรับฉันมันคือตัวชี้ชะตาอนาคต
จะดีหรือร้ายทุกอย่างล้วนต้องเดิมพัน แค่คิดก็สนุกแล้ว
เธอดึงชุดเดรสเล็กๆออกมาและเตรียมตัวสำหรับศึกครั้งแรก
หลังจากทานอาหารเช้าในโรงอาหารชั้นหนึ่งกับพ่อและแม่ ก็มีรถม้ามารับฉัน
ฉัน มาเรีย・เทมเพิล ในเวลานี้จิตใจของฉันดุจดั่งโมโมทาโร่ที่ออกล่าปีศาจ