023:จัดตั้งกองทัพ
เมื่อลูน่าตื่นขึ้นมาเธอเห็นแสงที่ส่องผ่านช่องว่างระหว่านเพดานกับผ้าม่านที่ถูกปิด
「อูยยยยยยยยยยย……」
เธอคร่ำครวญและพยายามลุกขึ้น แต่ก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างนอนอยู่บนร่าง
เมื่อหันไปมองก็เห็นสาวน้อยผมสีแดงเพลิงนอนซบอกฉันอยู่ ลมหายใจอ่อนๆและไหล่ของเธอขยับทุกครั้งที่หายใจ
「อลิซ่า ลุกขึ้นได้แล้ว มันหนักนะ」
「งื้อออออออออออ~ขอให้ฉันนอนต่ออีกหน่อยนะค้าาาาา……」
ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่เห็นได้ชัดว่าตัวเธอที่เรียกตัวเองว่า “น้องสาว” แม้ว่าเธอจะอายุเท่ากันกับฉันก็ตาม
ในทางกลับกันชิโระที่กลายร่างเป็นสุนัขมีเสื้อคลุมสีขาวปกคลุมขณะนอนขดตัวและดึงผ้าปูที่นอนเป็นประจำ
ถ้าไม่ปล่อยให้ชิโระทำเช่นนั้น มือของอลิซ่าก็จะคลำอีกฝั่งหนึ่งทำให้ผ้าปูที่นอนมันจะขาด
「เฮ้อ เอาเถอะ จะทำอะไรก็เชิญ」
ลูน่าบ่นกับตัวเอง ถอนหายใจและหลับตาลง
ในขณะที่เธอกำลังจะกลับไปนอนอีกครั้ง ประตูก็เปิดออกหลังจากเสียงเคาะเบาๆ
「เช้าแล้วนะคะคุณหนู ! ช่างเป็นวันฟ้าใสที่เหมาะแก่การสูดอากาศด้านนอกนะคะ!」
คนที่เข้ามาก็คือแอนนา เมดประจำตัวของฉัน แต่ฉันรู้สึกแปลกๆ
ลูน่าขมวดคิ้วขณะที่หลับตาและตอบกลับไปว่า「หนวกหูน่าแอนนา ฉันจะนอน」
「เอ๊ะ?! ――คุณหนู!!」
แอนนาตกใจและตัวแข็งสักพักหนึ่ง จากนั้นก็มองมาด้วยความตื่นตระหนก「เอ๊ะ คุณหนูตื่นแล้วค่ะ คุณหญิงค้าาาาาา!!」เธอตะโกนไปที่โถงทางเดิน
เสียงดังหนวกหูชะมัดเลยยัยนี่
ฉันถอนหายใจออกมา เมื่อลืมตาตื่นขึ้นฉันก็สบตากับสาวน้อยผมสีแดง
「พี่สาว ในที่สุดก็ตื่นแล้วเหรอคะ……」
「ฉันหลับไปนานแค่ไหนเหรอ?」
「เอ่อสามวันเต็มๆค่ะ」
อลิซ่าน้ำตาไหลขณะพูดออกมา
บางทีเพื่อตรวจสอบสภาพร่างกายของฉันเธอคลำทุกส่วนของร่างกายฉันและเข้ามากอด
「ทุกคนกังวลว่าพี่สาวจะไม่ตื่นขึ้นอีกแล้ว…………ฮือ…..คิดว่าจะต้องเสียพี่สาวที่น่ารักคนนี้ไปแล้วซะอีก……..ฮือ……」
「เอ่อ ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ」
ลูน่าทำสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย แต่ก็ยังลูบหลังของอลิซ่าเอาไว้เพื่อปลอบเธอ
――ขณะที่ฉันนอนฉันฝันด้วย
ตามปกติมันเป็นความฝันที่เธอได้สนทนากับอลิสเทีย
แต่สิ่งสำคัญคือฉันจำเนื้อหาที่พูดคุยกันไม่ได้
ความฝันนั้นคลุมเครืออย่างน่ากลัว แต่ในบางครั้งก็จำเนื้อหาได้ทันทีหลังจากตื่นนอน แต่ทันทีที่ได้ยินเสียงของแอนนา ฉันก็ลืมไปจนหมด
ฉันพยายามจะจำ แต่ก็จำไม่ได้เลย ดังนั้นเลยยอมแพ้ อลิซ่าหยุดร้องไห้และคลานออกจากเตียง
เมื่อพูดถึงสิ่งต่างๆตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ลูน่าในชุดเดรสวิ่งไปที่โต๊ะอาหารพร้อมกับน้องสาวอย่างที่เป็นอยู่ แม้ว่าอลิซ่าจะตอแยฉันไม่เลิก
หลังจากทานอาหารเช้าแม่ก็พาฉันไปยังระเบียงที่มองเห็นสวน
ขณะที่ฉันนั่งลงบนเก้าอี้และกังวลว่าจะโดนต่อว่าเช่นไร ซาราเอล่าที่เป็นแม่ของฉันก็โค้งคำนับฉัน
「ก่อนอื่นเลยต้องขอโทษด้วย ที่ทำให้ลูกต้องเผชิญปัญหามากมายขนาดนี้」
「เอ่อ ไม่เป็นไรหรอกค่ะท่านแม่นี่เป็นสิ่งที่หนูตัดสินใจด้วยตัวเอง」
ฉันบอกว่าฉันทำทุกอย่างด้วยตัวของฉันเอง
จากนั้นเธอก็มองไปยังใบหน้าของท่านแม่ ท่านแม่ของเธอที่มีสีหน้าเศร้าๆก็กลับมายิ้มอีกครั้ง
「ในขณะที่ลูกหลับอยู่ แม่สั่งให้ทุกคนปิดเรื่องเงียบเหตุการณ์ในวันนั้นทั้งหมด แต่ว่าความลับมันไม่มีในโลก สักวันมันก็ต้องหลุดรอดไปโลกภายนอก」
「ค่ะ ขอบคุณมากนะคะแค่นั้นก็ช่วยหนูได้เยอะแล้วค่ะ」
「ยิ่งไปกว่านั้นแม่อยากจะเล่าเรื่องชาติกำเนิดของแม่น่ะ」
「เรื่องราวของท่านแม่เหรอคะ?」
ลูน่าสงสัย สงสัยว่าเธอจะพูดอะไร
คุณมิน่าและอลิซ่าก็อยู่ด้วย และเมื่อถามว่าคนนอกตระกูลของเรารับฟังเรื่องนี้ได้เหรอ เธอก็พยักหน้า
「แม่น่ะมาจากตระกูลดยุกเวลซัค(ウェルザーク) เป็นตระกูลระดับต้นๆที่ต้องเผชิญหน้ากับศัตรูเพราะบ้านเกิดของแม่อยู่ที่ชายแดน คนอื่นๆมักจะคิดว่าแม่เป็นแค่เคาน์เตส แต่ตำแหน่งของแม่จริงๆคือดยุค」
เพียงแต่ว่าขุนนางที่สืบทอดกันมาไม่ประทับใจต่ออำนาจของท่านแม่ และพวกเขาเป็นกลุ่มแนวคิดหัวโบราณว่าการดำรงอยู่ของขุนนางมีอยู่เพื่อการเมืองและการสืบทอดบัลลังก์ ไม่ใช่นักสู้ ดังนั้นเลยคิดว่าตำแหน่งของขุนนางชายแดนจะถูกลดไปหนึ่งถึงสองระดับเมื่อเทียบกับขุนนางในเมือง
ลูน่าพยักหน้าเล็กน้อยราวกับเข้าใจประเด็นที่จะสื่อ
และเธอก็คิดว่ามันน่าตลก
ตามหนังสือแห่งคำทำนายลูน่าเป็นคู่หมั้นของเจ้าชาย
แต่ว่าเมื่อทางราชวงศ์ส่งตัวฉันไปหาเจ้าชาย พวกเขามักจะคัดจากตำแหน่งทางสังคม จากขุนนางตระกูลดยุคหรือสูงกว่า และเป็นเรื่องยากที่จะต้อนรับลูกสาวของมาร์ควิสที่มีตำแหน่งต่ำกว่าพื้นฐาน
ในเกมจีบสาวเนื้อเรื่องที่เป็นประเด็นเช่นนี้ไม่มีคำอธิบายเลย แต่ลูน่าที่ได้มาเกิดในสังคมของชนชั้นสูงก็ได้เรียนรู้ถึงตำแหน่งทางสังคมจนรู้สึกอึดอัด
ตอนนี้เรื่องที่ลูน่าสงสัยว่าเธอที่เป็นลูกสาวของตระกูลมาร์ควิสทำไมถึงได้เป็นคู่หมั้นเจ้าชายได้
「ตามประเพณีของตระกูลเวลซัค ตระกูลของเรานั้นมีเชื้อสายของเทพธิดาอลิสเทีย ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นบุตรของทวยเทพ พวกเราใช้ชีวิตอยู่ภายใต้ราชวงศ์ และมีสายเลือดของนักรบที่เอาชนะจอมมารได้」
「……เอ๋?」
ฉันเพิ่งเคยได้ยินเรื่องบ้าๆแบบนี้
ลูน่ากลืนน้ำลายและกระตุ้นให้ท่านแม่พูดต่อ
「ผู้หญิงที่เกิดในตระกูลเวลซัคมักจะมีผมสีเงิน ว่ากันว่าเพราะสืบเชื้อสายของเทพธิดาอย่างเข้มข้น และในความเป็นจริงด้วยผมสีเงินทำให้ทุกคนไม่สามารถเอาชนะพวกเราได้ทั้งด้านพลังเวทย์และพลังกายเมื่อเทียบกับคนในรุ่นเดียวกัน」
โอ้ นั่นหมายถึงว่า พวกเราคือสายเลือดนักสู้สินะ
ลูน่าอ้าปากค้างและหายใจเข้าลึกๆ
――ฉันหมายถึงบุตรที่กำเนิดมาในตระกูลของเรานั้นได้รับเลือกให้เป็นนักรบ
ความจริงนี้ทำให้เธอประทับใจเป็นอย่างมาก
ครั้งต่อไปที่ไปเจอเธอ จะยอมยกโทษให้ก็ได้ และถ้าทำได้อยากจะจับกดชะมัด……แต่น่าเสียดายที่ว่าทำไม่ได้
หลังจากที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง
แม้จะอยากปฏิเสธ แต่ก็ไม่สามารตัดสินถึงความเป็นไปได้ของมัน
(กล่าวอีกนัยหนึ่ง ปัจจัยที่ว่าฉันสัมผัสสนิทชิดเชื้อกับเธอในชาติก่อนและฉันก็มีลูกกับภรรยาของฉันแต่ฉันไม่รู้ว่าเธอเป็นดยุคของตระกูลเวลซัค? ดังนั้นก็เหมือนกับว่าฉันเป็นบรรพบุรุษของตระกูลนี้และส่งต่อพลังมาจากรุ่นสู่รุ่นจนกระทั่งฉันมาเกิดจากทายาทที่สืบพลังของฉันงั้นเหรอ……)
ฉันก็ไม่มั่นใจ แต่ถ้าจะเกี่ยวข้องกับตัวฉันในอดีตชาติก็ไม่แปลกแล้วล่ะ
ด้วยความรู้สึกหงุดหงิดที่คลุมเครือ ลูน่าฟังคำพูดของท่านแม่
「ด้วยต้นกำเนิดของตระกูลเรา ลูน่า เธอคือเทพธิดาอลิสเทียหรือไม่ก็เป็นทายาทของอลิสเทียซึ่งเกิดมาพร้อมกับพลังที่มากกว่าที่เคยมีในตระกูลเวลซัค」
「……ค่ะ」
「สิ่งที่แม่พยายามจะบอกมีคนต้องการพลังของลูก เพราะแบบนั้น ราชวงศ์ ลัทธิ เมื่อลูกได้กลายเป็นเทพีที่แสดงถึงความเมตตา แต่ผู้คนจะต้องการพลังของลูก และถ้าติดอยู่ในวังวนนั้น จะถูกใช้ประโยชน์ไปจนตาย」
「นั่นสินะคะ……」
「ดังนั้นเพื่อเป็นมาตรการรับมือที่สำคัญแม่จะจัดตั้งกองทัพส่วนตัวให้ลูกเอง」
「งั้นเหรอคะ」
ปกป้องสาวน้อยที่มีพลังของเทพธิดา
นี่คือหน่วยกองทัพอิสระที่ไม่อยู่ภายใต้การเคลื่อนไหวของตระกูลมาร์ควิสดิแซค แต่ขึ้นตรงต่อลูน่า
ก็ค่อนข้างสมเหตุสมผลในแง่ของมุมมอง
เนื่องจากไม่สามารถตัดความเป็นไปได้ที่ราชวงศ์จะตั้งตัวเป็นศัตรูกับเรา จึงจำเป็นที่จะต้องจัดตั้งกองทัพอิสระที่ไม่ขึ้นตรงต่อใคร
ถ้าเธออยู่ในตำแหน่งของท่านแม่เธอก็คิดจะทำแบบเดียวกัน
「ถ้างั้นเรื่องการคัดเลือกบุคลากรและการฝึกฝนหนูขอเป็นคนจัดเองได้ไหมคะ?」
ดังนั้นฉันเลยมีเรื่องจะขอร้อง
หากเป็นกองทัพที่มาปกป้องฉัน ก็ต้องเข้มงวดกันหน่อย ลูกน้องของฉันก็ต้องก้าวตามฉันให้ทัน
และยากที่จะเชื่อว่าหากดึงคนมาจากหน่วยอื่นก็ไม่สามารถวางใจได้
เพราะงั้นต้องเลือกด้วยตัวเองและรวบรวมด้วยความพึงพอใจของตัวเอง
แต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก
มันเป็นเรื่องที่ว่าพวกเขาจะช่ำชองในพลังปราณรึเปล่าเพราะจะฝึกแบบเข้มข้มเลยล่ะ
ในหนึ่งถึงสองปีจะต้องเป็นกองกำลังรบที่ดีจนกระทั่งกลายเป็นกองทัพนับพัน
ลูน่าที่อายุ 7 ขวบ วางแผนไปถึงขนาดนั้น
「เข้าใจแล้ว ไม่คิดเลยว่าลูกสาวตัวน้อยของฉันจะเจ้าเผด็จการขนาดนี้ ทำตามใจชอบได้เลยจ้ะ」
เอิ่มฉันไป「เผด็จการ」ตอนไหน เมื่อไหร่
「โอ้พี่สาว ฉันเองก็จะเอาด้วย!!」
สาวน้อยผมสีแดงเดินเข้ามาจากด้านหลัง ลูน่าตอบด้วยรอยยิ้ม “จ้าจ้า”
อ่า เข้าใจแล้ว
นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมคุณมิน่าและอลิซ่าถึงอยู่ด้วย
――จากภูมิหลังเช่นนั้นได้เกิดกองกำลังพิทักษ์ลูน่าขึ้นมา
จากนั้นก็ใช้เวลาคิดชื่อกองกำลังอยู่ครึ่งวันจนสรุปได้ว่าชื่อ “กองกำลังพิทักษ์นางฟ้า”
ชื่อนี้ถูกคิดโดยอลิซ่าและโอไกคุง จากนั้นอัศวินสองคนที่เข้าร่วมในปฏิบัติการกำจัดโจร คุณอาร์ดิส(アーディス)และคุณซิลเวสเตอร์(シルベスタ) อายุยี่สิบต้นๆก็เห็นด้วยทันที
ต่อมาก็ได้ยินมาว่ากองกำลังของท่านแม่อยากจะเข้าร่วมทั้งห้าสิบคน แต่ว่าท่านแม่ซาราเอล่าได้สั่งมาว่าให้ไปคัดกันมาจนเหลือเพียงสองคนและทำให้เกิดความขัดแย้งระหว่างพวกเขาจนเกิดสงครามแย่งชิงและทั้งสองก็เป็นผู้ได้รับเลือกจากเทศกาลนองเลือดนั่น
ในที่สุดจากนั้นทหารยามในคฤหาสน์ คุณออโต้(オルト)ที่ประทับใจตอนเห็นลูน่าใช้หัตถ์พยัคฆ์จู่โจม ก็ได้มาเข้าร่วมด้วย
จากจุดนั้นเป็นต้นมา ทั้งห้าคนก็เป็นกำลังรบกลุ่มแรก
ลูน่าซึ่งเป็นเป้าหมายของการคุ้มกัน แต่ก็ยังเป็นหัวหน้าที่เลือกลูกน้องเข้าสังกัดด้วยตัวเธอเอง
ภายในไม่กี่ปี สมาชิกก็เพิ่มขึ้นเป็นหลายร้อยคน และถูกเรียกว่า “กองทัพปีศาจ”ซึ่งห่างไกลจากชื่อหน่วย
นั่นคือจุดเริ่มต้นแห่งการฝึกนรกซึ่งเต็มไปด้วยการฝึกตั้งแต่เช้าจนค่ำ อาเจียนออกมาจนหมด กระทั่งโดนน้ำสาดเข้าหน้า
――จบบท อายุ 7 ขวบ――