017:งานกำจัดโจร① (ชิบหายแล้วตัวตนที่ไม่ควรจะตื่นขึ้น)
มิน่า วิมเบล และอลิซ่าลูกสาวของเธอ
ทันทีที่ทั้งสองมาคฤหาสน์มาร์ควิส บุคคลที่ชาติตระกูลแตกต่างกันก็มารวมกัน
「เรียนท่านซาราเอล่า สมาชิกอัศวินหน่วยที่หนึ่ง ห้าสิบนายพร้อมออกเดินทางแล้ว」
พ่อบ้านที่รับคำพูดของเขามาก็เดินเข้าไปในคฤหาสน์
ทหารที่เข้ามานั้นทำงานภายใต้คำสั่งของซาราเอล่า แต่พวกเขาไม่กล้าเข้าไปในคฤหาสน์เพราะชาติกำเนิดที่แตกต่างกัน
「ชั้นจะรออยู่ที่นี่」
ทหารปฏิเสธที่จะเข้าไปด้วยตัวเองและปล่อยให้พ่อบ้านเข้าไปแทน
คาร์ดิส・กิกะไบต์
อายุมากกว่า สามสิบ ปี เมื่อมองแวบแรก ร่างกายที่ดูผอมเพรียวได้รับการฝึกฝนเป็นอย่างดี โดยธรรมชาติเชี่ยวชาญวิชาดาบ
กลุ่มทหารที่เรียกตัวเองว่าผู้พิทักษ์ แต่กลุ่มทหารก็มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “หน่วยรักษาความปลอดภัยแห่งลาทอส หน่วยที่หนึ่งของดิแซค” นั่นเป็นส่วนหนึ่งของกองกำลังดิแซคไม่ใช่ของเมือง
แม้ว่าจะกล่าวว่าเนื่องจากปัญหาที่ตั้งของความใกล้ชิดของเมืองหลวงและระยะห่างจากชายแดนที่อาจเป็นสนามและอยู่ห่างไกลจากชายแดน ซึ่งเมืองหลวงอาจจะเป็นสนามรบหลักจึงมีกองกำลังที่เคลื่อนไหวได้รวดเร็วไม่มาก และส่วนใหญ่เกี่ยวกับกองกำลังรักษาความสงบ
และผู้บัญชาการของหน่วยรบคือคาร์ดิสคนนี้
แม้ว่าจะเป็นสามัญชน แต่ก็เป็นถึงหัวหน้าหน่วย จะไม่มีใครบ่นแม้ว่าจะขึ้นไปคฤหาสน์ของมาร์ควิสและรายงานโดยตรงต่อซาราเอล่า แต่ตัวเขาเองก็ดื้อรั้นปฏิเสธที่จะขึ้นไปในคฤหาสน์ อาจเป็นเพราะเขาไม่ชอบสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่าขุนนาง
เรียกได้ว่าเป็นคนแปลกไปหน่อย
คนส่วนใหญ่คิดว่าอัศวินที่หนึ่งก็ต้องมีหน่วยที่สอง แต่ความจริงไม่ใช่
หรือมากกว่านั้น อันที่สองมีอยู่เพียงหน้าที่ให้คนที่ผ่านการคัดเลือกเป็นคนแรก เป็นแค่ชื่อสมมติเท่านั้น
เอิ่ม ในแง่นั้นก็สะดวกดี หากต้องการให้พวกเขาเคลื่อนไหวเป็นรายบุคคล ไม่จำเป็นต้องขอให้หัวหน้าช่วยตัดสิน ดังนั้นสามารถเคลื่อนไหวได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากกว่านี้
สังคมที่แบ่งตัวจากจุดสูงสุดสู่ต่ำสุดต้องได้รับการอนุมัติจากเบื้องบน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยก็ตาม
จากนั้นในงานที่ต้องใช้ความเร็ว มันอาจจะช้าไปสักหน่อย
เพื่อเป็นมาตรการในการแก้ปัญหานี้ดูเหมือนจะได้รับการคิดค้นและดำเนินการโดยขุนนางเมื่อหลายชั่วอายุคนก่อน
และมันดำเนินต่อไปจนถึงทุกวันนี้ นั่นคือทั้งหมดที่มี
เมื่อยืนอยู่หน้าทางเข้าคาร์ดิสได้รับการต้อนรับจากซาราเอล่า สวมชุดเกราะและ มิน่า วินเบล น้องสาวของเธอก็มาจากประตูด้านหลัง อนึ่งก็เห็นเด็กสาวตัวเล็กๆทั้งสองคน
「เอ่อคุณผู้หญิงทั้งสองคนก็อยู่ด้วยเหรอครับ?」
「ใช่ แต่ว่าพวกเธอจะไม่ร่วมในการต่อสู้ และจะฝากเป็นเครื่องรางนำชัยทั้งสองไว้อยู่เบื้องหลังดังนั้นไม่ต้องกังวล」
「ฮะ?!」
หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นคาร์ดิสก็ไปสนใจเด็กสาวซี่งไม่มีใครดูแลและหายใจออก
ลูน่าและอลิซ่า กำลังเดินออกมาด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย
แต่ว่านายหญิงซาราเอล่าแต่งตัวด้วยเสื้อสีดำและมีเข็มขัดแดงพร้อมกับดาบ
แต่ว่าดูน่ากลัว
เข้าใจโดยสัญชาติญาณว่าเขานั้นแข็งแกร่ง
แต่สิ่งที่น่ากลัวยิ่งกว่าคือสาวน้อยที่กำลังเดินด้วยผมมันวาวสีเงินและร่างกายที่ดูไร้เดียงสาแต่ไม่หวั่นไหวเลยแม้ว่าจะมีจิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ในระดับที่แม้แต่มือสมัครเล่นก็สัมผัสได้
ไม่ใช่ว่าดูไม่สนใจ แต่ว่าเข้าใจได้เพราะความแข็งแกร่งจนดูเหมือนกับเด็กไปเลย
จะพูดอะไรได้อีก
「ถ้าอย่างนั้นพวกเราจะไปคว้าชัยมา」
นายหญิงซาราเอล่าประกาศ
บ้านเกิดของเธอคือชายแดน และเขาได้ยินว่าครั้งหนึ่งเธอเคยถูกบูชาที่นั่นในฐานะเทพเจ้าแห่งสงคราม
แต่คาร์ดิสรู้ดีว่าความสามารถของเธอนั้นแข็งแกร่งเมื่อเธอสะบัดดาบด้วยมือไม่ได้แสดงพลังที่แท้จริง แต่ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายกลยุทธ์
เพราะทั้งสองเป็นเพื่อนเก่ากัน
ตอนที่ยังเป็นนักเรียน เป็นที่รู้จักกันในนาม “ป๊ศาจดาบสีเงิน” และว่ากันว่าต่อสู้ได้เทียบเท่ากับนักดาบ และว่าเธอเพียงคนเดียวสามารถถล่มสัตว์ประหลาดด้วยใบหน้าที่เย็นชา และกลับมาโดยไม่ได้รับบาดเจ็บ เรื่องราวแห่งความกล้าหาญ และหลังจากที่เธอแต่งงานแล้วดูเหมือนจะไม่เป็นเช่นนั้น
การต่อสู้ที่เคยผ่านมาจากผลงานของซาราเอล่าผู้ซึ่งก้าวออกมาจากคฤหาสน์ของมาร์ควิสและลูกสาวก็ต่างยิ้มออกมา
(แม่ลูกคู่นี้ไม่ใช่มนุษย์อย่างแน่นอน)
จากนั้นคาร์ดิสก็มองไปข้างนอกด้วยแววตาเลื่อนลอย
◆ ◆ ◆
――ย้อนกลับมาเล็กน้อย。
มิน่าและอลิซ่า ภรรยาคนแรกของเอิร์ลวินเบลและลูกสาวของเธอ ซึ่งมาที่บ้านของฉัน ได้พูดคุยกันแลกเปลี่ยนกันระหว่างแม่และลูกสาว
「เสร็จยังคะพี่สาว♡」
「เฮ้อเลิกเป็นยัยน้องสาวจำเป็นจะได้ไหม」
「เอ๊ะพี่สาวขี้บ่นไม่น่ารักเลยนะคะ」
「ไม่ ฉันไม่ได้ขี้บ่นอะไรขนาดนั้นสักหน่อย?」
พวกท่านแม่กำลังดื่มชาอยู่ในสวน
และเหล่าลูกสาวก็อยู่ในสนามฝึกซ้อม
ที่สนามฝึก โอไกกำลังนั่งสมาธิและฝึกพลังปราณ ที่ลูน่าบอกให้เขาฝึก และอยู่ที่นี่ในฐานะแขก ด้วยเหตุผลอะไรก็ไม่รู้พวกทหารเองก็นั่งสมาธิทำตามคำสั่งฉันหมดเลย แม้ว่าจะนั่งจนขาเป็นตะคริวก็เพียงแค่บ่นออกมาเพราะไม่คุ้นเคย
「เอ่อมีเหตุผลอะไรให้ต้องมาหาฉันเหรอ?」
「อ่า พอดีได้ยินมาจากคุณโอไก หากอยากแข็งแกร่งขึ้นให้ทำตามที่คุณหนูพูดแล้วจะแข็งแกร่งขึ้นแน่นอน」
เหล่าหทารต่างชี้มาที่「สาวน้อย」ไม่รู้ล่ะแต่ดูเหมือนทุกคนจะมองมาทางนี้และเรียก「คุณหนูลูน่า」
ลูน่ารู้สึกงงเล็กน้อย แต่ก็ปล่อยมันไป
ตัดสินใจแล้วว่าจะสอนวิธีฝึกพลังปราณพื้นฐานโดยมาแค่แนะนำ
「อืม ให้พลังปราณไหลเวียนอยู่ใต้ท้องน้อยและถุงน้ำดี หากต้องการให้พลังหมุนเวียนอยู่ในร่างได้มากขึ้นก็ต้องฝึกฝนให้มากขึ้น ดังนั้นต้องเริ่มจากสร้างความแข็งแกร่งทางจิตใจและให้ปอดกับหัวใจทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยการวิ่ง และเสริมสร้างกล้ามเนื้อด้วยการวิดพื้นและการสควอซ นอกจากนี้ใช้พลังปราณทำให้เลือดที่สูบฉีดนั้นสงบลง หากทำแบบนี้ต่อไปทุกวันจะเห็นผลลัพธ์ได้อย่างง่ายดาย」
「「「ครับ ท่านอาจารย์!!」」」
เฮ้ย หยุดเรียกฉันแบบนั้นเลยนะ
ลูน่ายิ้มเจื้อนๆ
พวกผู้ใหญ่โค้งคำนับเด็ก เจ็ด ขวบ บ้ารึเปล่า
「พี่สาวฉันเองก็จะทำด้วยค่ะ~!」
ดังนั้นแม้แต่อลิซ่าซึ่งประกาศว่าตัวเองเป็นน้องสาวของฉันก็เข้าร่วมด้วยเช่นกัน ในที่สุดลูน่าก็ต้องจำใจเปิดสำนักฝึก (ชั่วคราว)
ในตอนท้ายของวัน สอนถึงวิธีการยืน วิธีการใช้หมัด ลูกเตะ และแม้กระทั่งวิธีจับศัตรู
ไม่ว่าจะยากสักแค่ไหนแต่แก่นแท้ของทุกอย่างก็คือกล้ามเนื้อสมอง (สมองกล้ามเนื้อ)
ในเวลานั้นท่านแม่ของทั้งคู่มาที่สนามฝึก
「ลูน่าตัวน้อยทำอะไรอยู่?」
「เอ่อ ขอโทษด้วยนะคะ」
ท่านแม่ของเธอ ซาราเอล่า เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน ไร้เดียงสา และบางครั้งโกรธทีเหมือนยักษ์มาร
ลูน่ายักไหล่ แต่เธอไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่มิน่าเล่าให้ฟัง
「ท่านพี่ พอเห็นแบบนี้ก็ชวนให้นึกถึงวันวานเลยนะคะ」
「นั่นสินะ」
ดูเหมือนทั้งสองคนจะนึกถึงวันวานด้วยความอยากรู้ฉันก็เลยถามทั้งสอง
มิน่าให้คำตอบว่า
「สมัยที่พวกเราเรียน ท่านพี่ถูกเรียกว่า “ปีศาจสีเงิน” ส่วนทางฝั่งดิฉันถูกเรียกว่า “ปีศาจสีแดง” และถูกหวาดกลัวกันยกใหญ่เลย ตอนที่พวกเราเข้าเรียนในวันแรกก็ได้มีเรื่องทะเลาะกับพวกรุ่นพี่ด้วย」
「เอ่อมิน่า อย่าพูดแบบนั้นสิฉันอายนะ!」
「อะ โทษทีค่ะ ท่านพี่♪」
「เอ่อ……」
ท่านแม่ยิ้มออกมาอย่างซุกซน และคุณมิน่าดูทำตัวไม่สมวัยเลย
อะไรกันล่ะนั่น !
ลูน่ารู้สึกตื่นเต้น
แล้วทำไม ตัวตนที่แข็งแกร่งขนาดนั้นถึงได้มาหยุดเอากลางคัน
(((เสียสมาธิ……)))。
เหล่าทหารที่ฝึกกันต่างเงียบ
ต่อมาพ่อบ้านก็มาบอกท่านแม่ว่าเตรียมการพร้อมแล้ว
「จะออกไปข้างนอกเหรอคะท่านแม่? จะออกไปสู้งั้นเหรอคะ?」
「อืม แม่ไม่ได้เล่าให้ลูกฟังสินะเมื่อวานแม่ไปตรวจพบรังโจรที่ชานเมือง」
เมื่อท่านแม่พูดเช่นนั้น คุณมิน่าก็กัดฟัน
「เอ๊ะจะไปสู้งั้นเหรอคะ!? ท่านพี่จะกลับไปสู้งั้นเหรอคะ!? ถ้างั้นให้ฉันเข้าร่วมด้วยเถอะค่ะ!!」
เห็นได้ชัดว่าทั้งสองเองก็ยังเป็นบุคคลที่กระหายสงครามอยู่
ท่านแม่บอกว่าจะไปทำลายล้างรังโจรและสืบสวนว่ามีบ่อน้ำพุร้อนไหม
หนังสือแห่งคำทำนายถูกปิดเป็นความลับ แต่ดูเหมือนคุณมิน่าจะไม่สนใจ
「เอ่อ ก็ได้จ้ะ แต่ว่าลูน่าลูกจะไปด้วยไหม?」
จากนั้นท่านแม่ก็ถาม
ลูน่ายิ้มและตอบทันทีว่า「ค่ะ หนูจะไปด้วย」。
ฉันตอบกลับทันทีและหันหน้าไปทางโอไกที่ยังนั่งอยู่「นายจะไปด้วยไหม?」เขาลุกขึ้นและตอบกลับมาว่า「แน่นอนครับคุณหนู」
「อะ ฉันด้วย ฉันด้วยยยยยยย!!」
อลิซ่ายกมือเล็กๆออกมาเพื่อประท้วงและอยากจะตามไปด้วยไม่มีใครสามารถปฏิเสธรอยยิ้มของเธอได้
ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจจะดำเนินแผนการต่อไป
「ถ้างั้นดิฉันขอไปแต่งตัวก่อนนะคะ เพราะงั้นไปรอที่ทางเข้า」
「「「ค่าา」」」
ท่านแม่กล่าวเช่นนั้นหลังจากเข้าไปในคฤหาสน์ ทั้งสามตอบกลับด้วยความร่าเริง
ทั้งสองคนที่ได้เห็นชุดต่อสู้ของซาราเอล่าและคุณมิน่าที่หวนรำลึกวันเก่าๆ แต่ฉันไม่สนใจ
ดังนั้นพวกเราจึงออกไปหาหัวหน้าของกลุ่มที่ประตูหน้า ขึ้นรถม้าและเข้าร่วมกับทหารที่หน้าที่รักษาการณ์
ป.ล.วันนี้คงได้เท่านี้แปลไปจู่ๆ เวียนหัวตาลายเกือบล้มฟุบคาคอม ขอไปพักผ่อนก่อนครับ