015:ช่วงเวลาแห่งความฝัน
ฉันกำลังฝัน
มันอยู่ระหว่างโลกแห่งนี้กับโลกแห่งวิญญาณ
ท้องฟ้าไร้ซึ่งเมฆสีฟ้าคราม
พื้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ไม่มีร่องรอยใดๆ
มีโต๊ะและเก้าอี้สองตัวบนพื้นที่แห่งนี้
เด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบหกหรือสิบเจ็ดปีนั่งอยู่บนเก้าอี้ ผมยาวสีเงินห้อยลงมาถึงใต้เอวสวมชุดสีขาว
เธอคนนั้นรินชาจากชุดชาบนโต๊ะ และถือถ้วยชาไว้ในมือ
อีกคนเป็นผู้ชายผมสีดำและสวมชุดที่เหมือนกับนักสู้
「ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ อลิสเทีย(アリステア) รอช่วงเวลาแห่งนี้มานานแล้ว」
หลังจากพูดแบบนั้นก็สังเกตว่าตรงหน้าเขาไม่มีถ้วยชา และกล่าวว่า「เสิร์ฟชาให้ข้าบ้างสิ」
หญิงสาวผมสีเงินหายใจออกมาและจับมืออย่างรวดเร็วทันใดนั้นถ้วยชาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าชายคนนั้น
「ขอโทษที่ให้รอนะ แต่จากความรู้สึกของข้ามันเพิ่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมง」
「เหหหหหห~เป็นไปตามคาดเลยนะท่านเทพธิดาเจ้าขา」
「อย่ามาเรียกข้าแบบนั้นนะ」
「อาเร้ อายเหรอจ้ะ」
หลังจากหันไปมองชายตรงหน้าเธอก็หันมาหัวเราะด้วยน้ำเสียงอันดัง
ใบหน้าของชายคนนั้นเองก็แดงขึ้นเช่นกัน
เป็นช่วงเวลาอันแสนสงบสุข
ชายคนนี้คือชายที่เชี่ยวชาญวิชาสำนักมังกรซากุระ ได้ฝึกฝนสาวกหลายคนในฐานะผู้ก่อตั้งสำนัก และกำลังใช้ชีวิตอยู่บนสรวงสวรรค์
วิชามังกรซากุระ เป็นวิชาการต่อสู้ที่คิดค้นเพื่อโค่นล้มเทพเจ้า ดังนั้นเขาที่ฝึกฝนมาก็เพื่อฆ่าเทพเจ้าและไปถึงแก่นแท้ของพลังปราณ
เมื่อถึงเวลาที่เขาเปิดสำนักวิชา จุดประสงค์ของเขาก็เปลี่ยนไป
ครั้งหนึ่งโชคดีในความโชคร้ายชายคนหนึ่งที่ก้าวสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง
เธอแนะนำว่าตัวเองเป็นเทพธิดานามอลิสเทีย แล้วได้บันดาลพรให้ชายคนนั้นสามอย่าง
ไม่ว่าจะพ่ายแพ้ให้กับจอมมาร หรือตายกับการต่อสู้กับเทพมังกร หรือถูกเทพเจ้าโลกนี้โยนไปต่างโลก
ชายคนนั้นจะสามารถใช้เคล็ดวิชาลับของพลังปราณ และเปลี่ยนร่างกายของเขาให้สู่วิถีของเทพ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเทพธิดาก็จงใจที่จะช่วยเขา
ชายคนนั้นแอบหลงรักเธอ แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาลับ ร่างกายและจิตวิญญาณของเขากำลังแหลกสลายและไม่สามารถสื่อสารกับเธอได้อีกครั้ง
ชายคนนั้นอยากเจอเธออีกสักครั้ง
เขาอยากเห็นใบหน้าของเธอ อยากได้ยินเสียงของเธอ แม้จะไม่ต้องแตะต้องกันก็ตาม
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาดีใจมากที่ได้กลับชาติมาเกิดเป็นลูน่า ซึ่งแม้ตอนนี้เขาจะเป็นแค่สาวน้อยตัวเล็กๆ
เพราะเมื่อใดก็ตามที่ส่องกระจก ก็ได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่เขารัก และหากต้องการได้ยินเสียงของเธอ ก็สามารถใช้น้ำเสียงของตัวเองได้
แต่เขาก็คิดว่า
ความปรารถนาที่จะได้พูดคุยกับเธออีกครั้งด้วยตัวตนของเขาจริงๆไม่ได้ลดลงเลย
อลิสเทียวางถ้วยไว้บนโต๊ะเมื่อน้ำชาลดไปครึ่งแก้ว
「แต่สุดท้ายแล้วนายก็ไม่ยอมฟังคำแนะนำของฉันจนถึงวินาทีสุดท้าย」
「คำแนะนำ? เอ่อ……มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ หากคิดตามปกติ」
ต่อหน้าเทพธิดาที่พูดด้วยความตกใจ ชายคนนั้นตอบขณะนั่งไขว้ห้าง
「ก็เพราะเจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่เรอะว่า “ความสัมพันธ์ของสองเราจะไม่มีวันเป็นจริง” พระเจ้ากับมนุษย์จะไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ดังนั้นข้าก็เลยไม่มีโอกาสได้มาเจอกับเจ้าอีก เพราะคำพูดของใครกันล่ะที่ทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้ มันเป็นความผิดของเจ้านะ เจ้าควรมองไปรอบๆและสังเกตคนข้างๆ จะรู้ว่ามีคนที่ห่วงใยเจ้าอยู่?」
「โอ้โห นี่นายจำฝังใจขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ แต่แล้วมันทำไมล่ะ……」
ชายคนนั้นหันกลับไปหาอลิสเทียและก้มหน้าลงด้วยความตกใจ
「เจ้าจำคำพูดของตัวเองได้แต่กลับจำคำตอบที่ข้าให้กับเจ้าไม่ได้งั้นเหรอ」
「นายพูดอะไรทิ้งไว้งั้นเหรอ?」
「เทพธิดาติ๊งต๊องเอ้ย」
「ฉันโกรธแล้วนะคะ?」
「เฮ้ย เฮ้ย…….ข้าพูดเอาไว้ว่า “ถ้ามีผู้หญิงที่ดีกว่าเจ้า ข้าจะยอมตัดใจ” ไง」
「เจ้าพูดแบบนั้นจริงๆเหรอ?!」
เทพธิดาดูตกใจ
ฉันเห็นผมสีเงินแวววาวกำลังปลิวไปตามการเคลื่อนไหวของเธอ
「นี่เจ้าจำไม่ได้จริงๆเหรอ? ข้าแต่งงานและมีลูกสามคน แต่ว่าในตอนท้ายของชีวิตข้าก็ไม่สามารถแสดงความรักจริงๆต่อภรรยาของข้าและลูกๆได้จากก้นบึ้งของหัวใจ ข้าแน่ใจว่าพวกเธอเองก็คงรับรู้ได้เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าข้าไม่มีหน้ามาเจอเจ้าจนอยากให้เจ้าขับไสไล่ส่ง」
「อืม พอมาคิดดูมันก็ตลกมากเลยนะ ที่นายยังตัดใจจากฉันไม่ได้」
「อย่ามาพูดเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่นสิ………..เอ่อมากกว่านี้ เดี๋ยวเวลาจะหมดก่อน ข้ามีคำถามอยากจะถาม」
「อืม…..มีอะไรที่อยากให้ฉันทำให้นายล่ะ?」
เธอถามพร้อมถอนหายใจให้กับตัวเขาที่เปลี่ยนเรื่อง
ชายคนนั้นยกสาวนิ้วขึ้นมาและพูดขึ้น
「ก่อนอื่นตัวข้าหรือลูน่า ข้าพบว่าร่างของของข้ามีสมรรถภาพทางกายภาพที่ผิดปกติ อย่างน้อยในชาติที่แล้วตัวข้าที่อายุ 7 ขวบไม่สามารถควบคุมพลังปราณได้หรอกนะ และหลังจากที่ข้าใช้เคล็ดวิชาลับก็ยังไม่หมดสติอีกด้วยซึ่งมันเกินขอบเขตของมนุษย์ไปแล้วนะ นี่เป็นเพราะเจ้าลงมือทำอะไรโดยพลการใช่ไหม?」
เขานั้นเกิดใหม่เป็นลูน่าได้เจ็ดปีแล้ว แต่เขาแน่ใจว่าจะได้พบกับอลิสเทียอีกครั้งแน่นอน
ดังนั้นเลยคิดอยู่เสมอว่าจะถามอะไรหากได้พบกันอีกครั้ง
เทพธิดาตนนั้นตอบคำถามของข้าทีละประเด็น
「ไม่เลย ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด เนื่องจากชาติที่แล้วนายได้เข้าสู่วิถีแห่งพระเจ้าถึงสามครั้ง ในเวลานั้นโดยไม่คำนึงถึงความนึกคิดของนาย สิ่งที่ฉันทำก็แค่อัปเดทข้อมูลร่างกายที่นายจะไปเกิดใหม่และใส่ดวงวิญญาณของนายเข้าไป นั่นเป็นเหตุผลที่นายได้กลับชาติมาเกิด ร่างกายของนายเลยอยู่ในขอบขตที่ว่าได้อัพเกรดตัวตนไปแล้ว เพราะแบบนั้นร่างกายนายเลยล้ำยุคกว่าปัจจุบันไปมากไงล่ะ」
「……ไม่เลยเฟ้ย นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนี้เลยนะ」
「ฉันเองก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะฉันเองก็คาดไม่ถึง และที่สำคัญที่สุดนายทำให้ฉันอายนะรู้ไหม」
เธอหน้าแดงและจ้องมองมาทางนี้
น่ารักเกินไปแล้ว
เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นเรื่องที่น่าอับอายแม้แต่ตัวเทพธิดาเอง
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าไปสร้างอะไรให้เธอเกิดความอับอาย
(TN:เพื่อใครงงก็พี่แกหลงรักนาง แล้วดันไปเกิดใหม่ด้วยรูปลักษณ์ของนาง)
「เอาล่ะ ขอถามคำถามต่อไป วันก่อนมีสิ่งๆหนึ่งอ้างว่าเป็น “ภูติจักรกล” เข้ามาหาข้าและแสดงหนังสือทำนายอนาคตให้กับข้า ยัยนั่นเป็นใครและเข้าหาข้าด้วยเหตุผลอะไร?」
จากนั้นใบหน้าของเธอก็ขุ่นมั่ว
「ฉันเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั่นคืออะไร」
「แม้แต่เจ้าก็ไม่รู้เหรอ? เจ้าเป็นถึงเทพธิดาเชียวนะ?」
「อย่างน้อยมันก็มีหนึ่งหรือสองสิ่งที่ต่อให้เป็นเทพก็มิอาจร่วงรู้ได้นะ」
เธอพูดด้วยความไม่พอใจ
อาาาา น่ารักชะมัดอยากเดทกับเธอจังเลย
「ไม่ ไม่ ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ต่อให้เจ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร อย่างน้อยก็ต้องทราบว่า อย่าง มันเป็นตัวตนจากต่างโลก หรือ เป็นของเทพองค์อื่น อะไรทำนองเนี้ย?」
「อุมุ~ ประการแรก สิ่งที่ฉันทราบก็คือเจ้านั่นเป็นภูติหมายถึงเจตจำนงที่มีสติปัญญาที่อาศัยอยู่ในทุกสิ่ง มันไม่มีพลังพอจะไปมาระหว่างโลกหรอกนะ เพราะว่าสสารหนึ่งไม่สามารถอยู่ในโลกเดียวกันได้ไงล่ะ อย่างโลก B และโลก C ตัวนายเป็นมนุษย์ แต่ถ้าโดนเรียกไปในโลกหนึ่งตัวตนของนายจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่และหากเป็นตัวตนที่ต่ำกว่ามาตราฐานของโลกใบนั้นก็จะถูกดีดกลับโลกเดิม แต่เด็กคนนั้น เอ่อเธอชื่อว่า ชิโระจัง สินะ? ชิโระได้บอกว่าตัวเองนำเกมจีบสาวมาและเกมคอนโซลที่มาจากอีกโลกหนึ่ง แต่ถ้าเธออ้างตัวว่าเป็นภูติยังไงก็ไม่ได้จริงๆนะ」
เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนย้ายตัวตนหนึ่งไปอีกโลกหนึ่งตัวเทพจะต้องรับรู้อย่างแน่นอนไม่มีทางหลุดรอดสายตาของเทพไปได้
「……เฮ้อ แต่ดูเหมือนว่าตัวชิโระจังจะใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแทนที่จะเป็นพลังเวทย์ ดังนั้นคงจะเป็นไปได้รึเปล่านะ อ้าโม่ววววววววววววววววว!」
ตัวเขาเองก็ไม่รู้ แต่เทพธิดาตรงหน้ากำลังกุมขมับ
บางทีเธอก็พ่นคำศัพท์ทางวิชาการออกมา แต่ว่าตัวเขาที่ได้เห็นด้านที่ไม่ค่อยได้เห็นของเธอก็คิดว่าเธอน่ารักจริงๆ
「แต่ว่าขอคอนเฟิร์มเลยว่าคำตอบที่ฉันได้คือ “ไม่รู้”แต่ฉันแน่ใจว่าเธอกำลังลงมือทำอะไรบางอย่าง อย่าลดการป้องกันตัวลงเด็ดขาดเข้าใจไหม?」
「อ่า แน่นอน」
เธอคนนั้นมองมาทางนี้พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
「แล้วข้อที่สามล่ะ?」
「อืม ใช่เหตุผลที่ข้าต้องมาถกเถียงกับเจ้าในเรื่องนี้ คือข้าสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้รึเปล่า」
「เอ๊ะ เรื่องนั้นก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วสิ」
เทพธิดาดูเหมือนจะโล่งใจเพราะเป็นคำตอบที่อยู่ในความเข้าใจของเธอ
「ขนาดร่างกายและดวงวิญญาณของนายยังถูกเขียนทับได้และแถมร่างนั้นยังมีรูปลักษณ์เหมือนกับฉันและกลายเป็นลูน่าที่เป็นนายในวันนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง นายกับฉันเหมือนเป็นพวกเดียวกัน หากนายกับฉันสนิทสนมกันมากขึ้นพวกเราก็สามารถมาหากันได้ตลอดเวลา แต่ว่าฉันไม่อยากจะแทรกแซงมากนักเพราะมันจะทำให้นายสับสนระหว่างเส้นแบ่งโลก เพราะงั้นฉันเลยมาหานายในรูปแบบของความฝันเป็นครั้งคราว เอิ่ม ฉันอธิบายยากเกินเข้าใจรึเปล่า? หากเพียงตัดสถานการณ์ที่นายกำลังพูดคุยกับฉันอยู่ในตอนนี้ตัวตนของนายก็จะกลับเข้าร่างเดิมและมันเหมือนกับการแค่นายหลับฝันไปเท่านั้นแหละ ฉันไม่ได้จับตาดูนายตลอดเวลา ดังนั้นถ้ามีอะไรที่อยากจะพูดกับนาย ฉันจะดึงนายมาที่นี่เหมือนในวันนี แต่อย่าเข้าใจผิดล่ะ การทำแบบนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อนายเลยสักนิด」
「อืม เข้าใจแล้ว」
เขาพยักหน้า กับคำอธิบายที่ยาวเวิ่นเว้อ จากนั้นก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและเข้าไปกอดเธอ
「ตาบ้า?!ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ฉันไม่ชอบนะ」
เทพธิดาคนนั้นตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้พยายามจะดิ้นจากอ้อมแขนของเขา
จากการเคลื่อนไหวของเธอ ก็พอจะรู้ว่าเธอเองก็มีใจให้เขาเหมือนกัน
「แต่มีคำบางคำที่ข้าไม่สามารถเพิกเฉยได้ เมื่อตัวตนของข้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น เราจะกลายเป็นพวกเดียวกัน?」
เธอวางมือลงบนแขนของเขาและหลับตาลงด้วยสีหน้าที่เศร้าใจ
ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อย
น่ารักซะอยากจับเป็นเจ้าสาว
แต่ว่าอีกฝ่ายดูจะจริงจังกว่าที่คิด
「อืม ยิ่งนายก้าวเข้าสู่วิถีแห่งพระเจ้ามากเท่าไหร่ ร่างกายและจิตวิญญาณของนายก็จะได้รับผลกระทบจากตัวฉันที่เป็นเทพธิดา ในท้ายที่สุดนายก็จะกลายเป็นพวกเดียวกับเรา นี่มันคือคำสาป สำหรับผู้ที่ดูหมิ่นเทพเจ้าถูกบังคับให้เป็นเทพ ดังนั้นฉันหวังว่านายจะไม่ใช้ปาฏิหาริย์ของพระเจ้าอีกขอร้องล่ะ……」
แม้จะมองไม่เห็นหน้าของเธอ
แต่ไหล่ของเธอสั่นเล็กน้อย
เธอค่อนข้างจะกังวลอย่างแท้จริง
「อลิสเทีย ต่อให้เป็นแบบนั้นข้าก็ไม่เสียใจหรอกนะ」
「แม้ว่านายจะเก่ง แต่ฉันไม่อยากให้นายมาอยู่บนดินแดนแห่งนี้ ดินแดนของพระเจ้าน่ะเมื่อได้มาถึงมันแล้วจะกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลัง แต่แลกกลับการที่นายจะไม่สามารถกลับไปเป็นมนุษย์ได้อีกแล้ว อารมณ์ของนายที่มีในฐานะมนุษย์ทั้งหมดจะหายไปหมดเลยนะ」
「ต่อให้เป็นยังไงข้าก็ยังคงเป็นข้า ขอแค่ได้พบกับเจ้า ไม่สิ แม้ว่าข้าจะไม่ได้พบเจ้า แต่ใครจะแคร์ ไม่สำคัญหรอกต่อให้ข้าจะเป็นอะไรไปก็ตาม」
เขาไม่ได้คิดจะปลอบโยนเธอ
ชายคนนี้ตัวตนปัจจุบันของเขา เขาก้าวเดินออกมาด้วยความมั่นใจและเต็มที่กับการใช้ชีวิต
เขาไม่เสียใจ และไม่อยากจะริเริ่มใหม่อะไรอีกแล้ว
ยังไงสักวันหนึ่งผู้คนก็ต้องตาย
ถ้าตายก็กลายเป็นศพ ร่างกายมันก็เป็นเพียงก้อนเนื้อ
ดังนั้นเมื่อคิดเช่นนั้น ก็ใช้ชีวิตตามที่ตนเองอยากเถอะ
นี่คือสิ่งที่เขาคิดได้จากชาติก่อน
「อลิสเทีย ข้าไม่ได้ฉลาดหลักแหลม ดังนั้นไม่ได้เก่งเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเฉกเช่นเดียวกับเจ้า แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าเข้าใจแจ่มแจ้ง เจ้าน่ะเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด และข้าก็พร้อมที่จะสละทุกอย่าง อลิสเทียมาเป็นของข้าซะเถอะ ข้าว่าข้าพูดกับเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ข้าจะไม่ยอมแพ้ ถ้าข้าและเจ้าต้องเป็นพวกเดียวกัน เจ้าก็ควรจะยินดีที่ข้าจะได้มาหาเจ้า เพราะงั้นอย่าร้องไห้เลยนะ」
กึก เธอบีบมือที่กอดแขนเขา
ปลายนิ้วของเธอมันช่างอบอุ่น
「อื้อ――」
จากนั้นเธอก็พูดอะไรสักอย่าง
แต่ว่าเขานั้นไม่ค่อยได้ยิน
แต่ว่าช่างมันเถอะ
เขามีความสุขที่ได้เจอเธออีกครั้งหลังจากผ่านมานานหลายปี แม้ว่าเปลือกตาของเธอจะชุ่มชื้นและเหม่อมองเพดาน เธอก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมาเท่านั้น