[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว 015:ช่วงเวลาแห่งความฝัน

ตอนที่ 015:ช่วงเวลาแห่งความฝัน

015:ช่วงเวลาแห่งความฝัน

ฉันกำลังฝัน

 

มันอยู่ระหว่างโลกแห่งนี้กับโลกแห่งวิญญาณ

 

 

 

ท้องฟ้าไร้ซึ่งเมฆสีฟ้าคราม

 

พื้นเป็นสีขาวบริสุทธิ์ไม่มีร่องรอยใดๆ

 

มีโต๊ะและเก้าอี้สองตัวบนพื้นที่แห่งนี้

 

เด็กผู้หญิงอายุประมาณสิบหกหรือสิบเจ็ดปีนั่งอยู่บนเก้าอี้ ผมยาวสีเงินห้อยลงมาถึงใต้เอวสวมชุดสีขาว

 

เธอคนนั้นรินชาจากชุดชาบนโต๊ะ และถือถ้วยชาไว้ในมือ

 

อีกคนเป็นผู้ชายผมสีดำและสวมชุดที่เหมือนกับนักสู้

 

 

 

 

 

「ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ อลิสเทีย(アリステア) รอช่วงเวลาแห่งนี้มานานแล้ว」

 

 

 

 หลังจากพูดแบบนั้นก็สังเกตว่าตรงหน้าเขาไม่มีถ้วยชา และกล่าวว่า「เสิร์ฟชาให้ข้าบ้างสิ」

 

หญิงสาวผมสีเงินหายใจออกมาและจับมืออย่างรวดเร็วทันใดนั้นถ้วยชาก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าชายคนนั้น

 

 

 

「ขอโทษที่ให้รอนะ แต่จากความรู้สึกของข้ามันเพิ่งผ่านไปหนึ่งชั่วโมง」

 

 

 

「เหหหหหห~เป็นไปตามคาดเลยนะท่านเทพธิดาเจ้าขา」

 

 

 

「อย่ามาเรียกข้าแบบนั้นนะ」

 

 

 

「อาเร้ อายเหรอจ้ะ」

 

 

 

หลังจากหันไปมองชายตรงหน้าเธอก็หันมาหัวเราะด้วยน้ำเสียงอันดัง

 

ใบหน้าของชายคนนั้นเองก็แดงขึ้นเช่นกัน

 

เป็นช่วงเวลาอันแสนสงบสุข

 

 

 

 

 

ชายคนนี้คือชายที่เชี่ยวชาญวิชาสำนักมังกรซากุระ ได้ฝึกฝนสาวกหลายคนในฐานะผู้ก่อตั้งสำนัก และกำลังใช้ชีวิตอยู่บนสรวงสวรรค์

 

วิชามังกรซากุระ เป็นวิชาการต่อสู้ที่คิดค้นเพื่อโค่นล้มเทพเจ้า ดังนั้นเขาที่ฝึกฝนมาก็เพื่อฆ่าเทพเจ้าและไปถึงแก่นแท้ของพลังปราณ

 

เมื่อถึงเวลาที่เขาเปิดสำนักวิชา จุดประสงค์ของเขาก็เปลี่ยนไป

 

 

 

ครั้งหนึ่งโชคดีในความโชคร้ายชายคนหนึ่งที่ก้าวสู่วิถีแห่งสวรรค์ได้พบกับหญิงสาวคนหนึ่ง

 

เธอแนะนำว่าตัวเองเป็นเทพธิดานามอลิสเทีย แล้วได้บันดาลพรให้ชายคนนั้นสามอย่าง

 

ไม่ว่าจะพ่ายแพ้ให้กับจอมมาร หรือตายกับการต่อสู้กับเทพมังกร หรือถูกเทพเจ้าโลกนี้โยนไปต่างโลก

 

ชายคนนั้นจะสามารถใช้เคล็ดวิชาลับของพลังปราณ และเปลี่ยนร่างกายของเขาให้สู่วิถีของเทพ แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเทพธิดาก็จงใจที่จะช่วยเขา

 

 

 

ชายคนนั้นแอบหลงรักเธอ แต่หลังจากนั้นก็ไม่สามารถใช้เคล็ดวิชาลับ ร่างกายและจิตวิญญาณของเขากำลังแหลกสลายและไม่สามารถสื่อสารกับเธอได้อีกครั้ง

 

 

 

ชายคนนั้นอยากเจอเธออีกสักครั้ง

 

เขาอยากเห็นใบหน้าของเธอ อยากได้ยินเสียงของเธอ แม้จะไม่ต้องแตะต้องกันก็ตาม

 

นั่นเป็นเหตุผลที่เขาดีใจมากที่ได้กลับชาติมาเกิดเป็นลูน่า ซึ่งแม้ตอนนี้เขาจะเป็นแค่สาวน้อยตัวเล็กๆ

 

เพราะเมื่อใดก็ตามที่ส่องกระจก ก็ได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวที่เขารัก และหากต้องการได้ยินเสียงของเธอ ก็สามารถใช้น้ำเสียงของตัวเองได้

 

 

 

แต่เขาก็คิดว่า

 

ความปรารถนาที่จะได้พูดคุยกับเธออีกครั้งด้วยตัวตนของเขาจริงๆไม่ได้ลดลงเลย

 

 

 

อลิสเทียวางถ้วยไว้บนโต๊ะเมื่อน้ำชาลดไปครึ่งแก้ว

 

 

 

「แต่สุดท้ายแล้วนายก็ไม่ยอมฟังคำแนะนำของฉันจนถึงวินาทีสุดท้าย」

 

 

 

「คำแนะนำ? เอ่อ……มันเป็นไปไม่ได้หรอกนะ หากคิดตามปกติ」

 

 

 

ต่อหน้าเทพธิดาที่พูดด้วยความตกใจ ชายคนนั้นตอบขณะนั่งไขว้ห้าง

 

 

 

「ก็เพราะเจ้าเป็นคนพูดเองไม่ใช่เรอะว่า “ความสัมพันธ์ของสองเราจะไม่มีวันเป็นจริง” พระเจ้ากับมนุษย์จะไม่สามารถเป็นหนึ่งเดียวกันได้ ดังนั้นข้าก็เลยไม่มีโอกาสได้มาเจอกับเจ้าอีก เพราะคำพูดของใครกันล่ะที่ทำให้ข้าต้องเป็นแบบนี้ มันเป็นความผิดของเจ้านะ เจ้าควรมองไปรอบๆและสังเกตคนข้างๆ จะรู้ว่ามีคนที่ห่วงใยเจ้าอยู่?」

 

 

 

「โอ้โห นี่นายจำฝังใจขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ แต่แล้วมันทำไมล่ะ……」

 

 

 

ชายคนนั้นหันกลับไปหาอลิสเทียและก้มหน้าลงด้วยความตกใจ

 

 

 

「เจ้าจำคำพูดของตัวเองได้แต่กลับจำคำตอบที่ข้าให้กับเจ้าไม่ได้งั้นเหรอ」

 

 

 

「นายพูดอะไรทิ้งไว้งั้นเหรอ?」

 

 

 

「เทพธิดาติ๊งต๊องเอ้ย」

 

 

 

「ฉันโกรธแล้วนะคะ?」

 

 

 

「เฮ้ย เฮ้ย…….ข้าพูดเอาไว้ว่า “ถ้ามีผู้หญิงที่ดีกว่าเจ้า ข้าจะยอมตัดใจ” ไง」

 

 

 

「เจ้าพูดแบบนั้นจริงๆเหรอ?!」

 

 

 

เทพธิดาดูตกใจ

 

ฉันเห็นผมสีเงินแวววาวกำลังปลิวไปตามการเคลื่อนไหวของเธอ

 

 

 

「นี่เจ้าจำไม่ได้จริงๆเหรอ? ข้าแต่งงานและมีลูกสามคน แต่ว่าในตอนท้ายของชีวิตข้าก็ไม่สามารถแสดงความรักจริงๆต่อภรรยาของข้าและลูกๆได้จากก้นบึ้งของหัวใจ ข้าแน่ใจว่าพวกเธอเองก็คงรับรู้ได้เช่นกัน นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าข้าไม่มีหน้ามาเจอเจ้าจนอยากให้เจ้าขับไสไล่ส่ง」

 

 

 

「อืม พอมาคิดดูมันก็ตลกมากเลยนะ ที่นายยังตัดใจจากฉันไม่ได้」

 

 

 

「อย่ามาพูดเหมือนเป็นเรื่องของคนอื่นสิ………..เอ่อมากกว่านี้ เดี๋ยวเวลาจะหมดก่อน ข้ามีคำถามอยากจะถาม」

 

 

 

「อืม…..มีอะไรที่อยากให้ฉันทำให้นายล่ะ?」

 

 

 

เธอถามพร้อมถอนหายใจให้กับตัวเขาที่เปลี่ยนเรื่อง

 

ชายคนนั้นยกสาวนิ้วขึ้นมาและพูดขึ้น

 

 

 

「ก่อนอื่นตัวข้าหรือลูน่า ข้าพบว่าร่างของของข้ามีสมรรถภาพทางกายภาพที่ผิดปกติ อย่างน้อยในชาติที่แล้วตัวข้าที่อายุ 7 ขวบไม่สามารถควบคุมพลังปราณได้หรอกนะ และหลังจากที่ข้าใช้เคล็ดวิชาลับก็ยังไม่หมดสติอีกด้วยซึ่งมันเกินขอบเขตของมนุษย์ไปแล้วนะ นี่เป็นเพราะเจ้าลงมือทำอะไรโดยพลการใช่ไหม?」

 

 

 

เขานั้นเกิดใหม่เป็นลูน่าได้เจ็ดปีแล้ว แต่เขาแน่ใจว่าจะได้พบกับอลิสเทียอีกครั้งแน่นอน

 

ดังนั้นเลยคิดอยู่เสมอว่าจะถามอะไรหากได้พบกันอีกครั้ง

 

เทพธิดาตนนั้นตอบคำถามของข้าทีละประเด็น

 

 

 

「ไม่เลย ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด เนื่องจากชาติที่แล้วนายได้เข้าสู่วิถีแห่งพระเจ้าถึงสามครั้ง ในเวลานั้นโดยไม่คำนึงถึงความนึกคิดของนาย สิ่งที่ฉันทำก็แค่อัปเดทข้อมูลร่างกายที่นายจะไปเกิดใหม่และใส่ดวงวิญญาณของนายเข้าไป นั่นเป็นเหตุผลที่นายได้กลับชาติมาเกิด ร่างกายของนายเลยอยู่ในขอบขตที่ว่าได้อัพเกรดตัวตนไปแล้ว เพราะแบบนั้นร่างกายนายเลยล้ำยุคกว่าปัจจุบันไปมากไงล่ะ」

 

 

 

「……ไม่เลยเฟ้ย นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ยินเรื่องนี้เลยนะ」

 

 

 

「ฉันเองก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะฉันเองก็คาดไม่ถึง และที่สำคัญที่สุดนายทำให้ฉันอายนะรู้ไหม」

 

 

 

เธอหน้าแดงและจ้องมองมาทางนี้

 

น่ารักเกินไปแล้ว

 

เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นเรื่องที่น่าอับอายแม้แต่ตัวเทพธิดาเอง

 

แต่เขาก็ไม่รู้ว่าไปสร้างอะไรให้เธอเกิดความอับอาย  

(TN:เพื่อใครงงก็พี่แกหลงรักนาง แล้วดันไปเกิดใหม่ด้วยรูปลักษณ์ของนาง)

 

 

 

「เอาล่ะ ขอถามคำถามต่อไป วันก่อนมีสิ่งๆหนึ่งอ้างว่าเป็น “ภูติจักรกล” เข้ามาหาข้าและแสดงหนังสือทำนายอนาคตให้กับข้า ยัยนั่นเป็นใครและเข้าหาข้าด้วยเหตุผลอะไร?」

 

 

 

จากนั้นใบหน้าของเธอก็ขุ่นมั่ว

 

 

 

「ฉันเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั่นคืออะไร」

 

 

 

「แม้แต่เจ้าก็ไม่รู้เหรอ? เจ้าเป็นถึงเทพธิดาเชียวนะ?」

 

 

 

「อย่างน้อยมันก็มีหนึ่งหรือสองสิ่งที่ต่อให้เป็นเทพก็มิอาจร่วงรู้ได้นะ」

 

 

 

เธอพูดด้วยความไม่พอใจ

 

อาาาา น่ารักชะมัดอยากเดทกับเธอจังเลย

 

 

 

「ไม่ ไม่ ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น ต่อให้เจ้าไม่รู้ว่ามันคืออะไร อย่างน้อยก็ต้องทราบว่า อย่าง มันเป็นตัวตนจากต่างโลก หรือ เป็นของเทพองค์อื่น อะไรทำนองเนี้ย?」

 

 

 

「อุมุ~ ประการแรก สิ่งที่ฉันทราบก็คือเจ้านั่นเป็นภูติหมายถึงเจตจำนงที่มีสติปัญญาที่อาศัยอยู่ในทุกสิ่ง มันไม่มีพลังพอจะไปมาระหว่างโลกหรอกนะ เพราะว่าสสารหนึ่งไม่สามารถอยู่ในโลกเดียวกันได้ไงล่ะ อย่างโลก B และโลก C ตัวนายเป็นมนุษย์ แต่ถ้าโดนเรียกไปในโลกหนึ่งตัวตนของนายจะถูกสร้างขึ้นมาใหม่และหากเป็นตัวตนที่ต่ำกว่ามาตราฐานของโลกใบนั้นก็จะถูกดีดกลับโลกเดิม แต่เด็กคนนั้น เอ่อเธอชื่อว่า ชิโระจัง สินะ? ชิโระได้บอกว่าตัวเองนำเกมจีบสาวมาและเกมคอนโซลที่มาจากอีกโลกหนึ่ง แต่ถ้าเธออ้างตัวว่าเป็นภูติยังไงก็ไม่ได้จริงๆนะ」

 

 

 

เห็นได้ชัดว่าการเคลื่อนย้ายตัวตนหนึ่งไปอีกโลกหนึ่งตัวเทพจะต้องรับรู้อย่างแน่นอนไม่มีทางหลุดรอดสายตาของเทพไปได้

 

 

 

「……เฮ้อ แต่ดูเหมือนว่าตัวชิโระจังจะใช้พลังงานไฟฟ้าในการขับเคลื่อนแทนที่จะเป็นพลังเวทย์ ดังนั้นคงจะเป็นไปได้รึเปล่านะ อ้าโม่ววววววววววววววววว!」

 

 

 

ตัวเขาเองก็ไม่รู้ แต่เทพธิดาตรงหน้ากำลังกุมขมับ

 

บางทีเธอก็พ่นคำศัพท์ทางวิชาการออกมา แต่ว่าตัวเขาที่ได้เห็นด้านที่ไม่ค่อยได้เห็นของเธอก็คิดว่าเธอน่ารักจริงๆ

 

 

 

「แต่ว่าขอคอนเฟิร์มเลยว่าคำตอบที่ฉันได้คือ “ไม่รู้”แต่ฉันแน่ใจว่าเธอกำลังลงมือทำอะไรบางอย่าง อย่าลดการป้องกันตัวลงเด็ดขาดเข้าใจไหม?」

 

 

 

「อ่า แน่นอน」

 

 

 

เธอคนนั้นมองมาทางนี้พร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์

 

 

 

「แล้วข้อที่สามล่ะ?」

 

 

 

「อืม ใช่เหตุผลที่ข้าต้องมาถกเถียงกับเจ้าในเรื่องนี้ คือข้าสามารถเปลี่ยนแปลงอนาคตได้รึเปล่า」

 

 

 

「เอ๊ะ เรื่องนั้นก็ต้องแน่นอนอยู่แล้วสิ」

 

 

 

เทพธิดาดูเหมือนจะโล่งใจเพราะเป็นคำตอบที่อยู่ในความเข้าใจของเธอ

 

 

 

「ขนาดร่างกายและดวงวิญญาณของนายยังถูกเขียนทับได้และแถมร่างนั้นยังมีรูปลักษณ์เหมือนกับฉันและกลายเป็นลูน่าที่เป็นนายในวันนี้ กล่าวอีกนัยหนึ่ง นายกับฉันเหมือนเป็นพวกเดียวกัน หากนายกับฉันสนิทสนมกันมากขึ้นพวกเราก็สามารถมาหากันได้ตลอดเวลา แต่ว่าฉันไม่อยากจะแทรกแซงมากนักเพราะมันจะทำให้นายสับสนระหว่างเส้นแบ่งโลก เพราะงั้นฉันเลยมาหานายในรูปแบบของความฝันเป็นครั้งคราว เอิ่ม ฉันอธิบายยากเกินเข้าใจรึเปล่า? หากเพียงตัดสถานการณ์ที่นายกำลังพูดคุยกับฉันอยู่ในตอนนี้ตัวตนของนายก็จะกลับเข้าร่างเดิมและมันเหมือนกับการแค่นายหลับฝันไปเท่านั้นแหละ ฉันไม่ได้จับตาดูนายตลอดเวลา ดังนั้นถ้ามีอะไรที่อยากจะพูดกับนาย ฉันจะดึงนายมาที่นี่เหมือนในวันนี แต่อย่าเข้าใจผิดล่ะ การทำแบบนี้ไม่ได้ส่งผลดีต่อนายเลยสักนิด」

 

 

 

「อืม เข้าใจแล้ว」

 

 

 

เขาพยักหน้า กับคำอธิบายที่ยาวเวิ่นเว้อ จากนั้นก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและเข้าไปกอดเธอ

 

 

 

「ตาบ้า?!ทำบ้าอะไรของนายเนี่ย ฉันไม่ชอบนะ」

 

 

 

เทพธิดาคนนั้นตกใจเล็กน้อย แต่เธอก็ไม่ได้พยายามจะดิ้นจากอ้อมแขนของเขา

 

จากการเคลื่อนไหวของเธอ ก็พอจะรู้ว่าเธอเองก็มีใจให้เขาเหมือนกัน

 

 

 

「แต่มีคำบางคำที่ข้าไม่สามารถเพิกเฉยได้ เมื่อตัวตนของข้าชัดเจนมากยิ่งขึ้น เราจะกลายเป็นพวกเดียวกัน?」

 

 

 

เธอวางมือลงบนแขนของเขาและหลับตาลงด้วยสีหน้าที่เศร้าใจ

 

ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อย

 

น่ารักซะอยากจับเป็นเจ้าสาว

 

แต่ว่าอีกฝ่ายดูจะจริงจังกว่าที่คิด

 

 

 

「อืม ยิ่งนายก้าวเข้าสู่วิถีแห่งพระเจ้ามากเท่าไหร่ ร่างกายและจิตวิญญาณของนายก็จะได้รับผลกระทบจากตัวฉันที่เป็นเทพธิดา ในท้ายที่สุดนายก็จะกลายเป็นพวกเดียวกับเรา นี่มันคือคำสาป สำหรับผู้ที่ดูหมิ่นเทพเจ้าถูกบังคับให้เป็นเทพ ดังนั้นฉันหวังว่านายจะไม่ใช้ปาฏิหาริย์ของพระเจ้าอีกขอร้องล่ะ……」

 

 

 

แม้จะมองไม่เห็นหน้าของเธอ

 

แต่ไหล่ของเธอสั่นเล็กน้อย

 

เธอค่อนข้างจะกังวลอย่างแท้จริง

 

 

 

「อลิสเทีย ต่อให้เป็นแบบนั้นข้าก็ไม่เสียใจหรอกนะ」

 

 

 

「แม้ว่านายจะเก่ง แต่ฉันไม่อยากให้นายมาอยู่บนดินแดนแห่งนี้ ดินแดนของพระเจ้าน่ะเมื่อได้มาถึงมันแล้วจะกลายเป็นตัวตนที่ทรงพลัง แต่แลกกลับการที่นายจะไม่สามารถกลับไปเป็นมนุษย์ได้อีกแล้ว อารมณ์ของนายที่มีในฐานะมนุษย์ทั้งหมดจะหายไปหมดเลยนะ」

 

 

 

「ต่อให้เป็นยังไงข้าก็ยังคงเป็นข้า ขอแค่ได้พบกับเจ้า ไม่สิ แม้ว่าข้าจะไม่ได้พบเจ้า แต่ใครจะแคร์ ไม่สำคัญหรอกต่อให้ข้าจะเป็นอะไรไปก็ตาม」

 

 

 

เขาไม่ได้คิดจะปลอบโยนเธอ

 

ชายคนนี้ตัวตนปัจจุบันของเขา เขาก้าวเดินออกมาด้วยความมั่นใจและเต็มที่กับการใช้ชีวิต

 

เขาไม่เสียใจ และไม่อยากจะริเริ่มใหม่อะไรอีกแล้ว

 

ยังไงสักวันหนึ่งผู้คนก็ต้องตาย

 

ถ้าตายก็กลายเป็นศพ ร่างกายมันก็เป็นเพียงก้อนเนื้อ

 

ดังนั้นเมื่อคิดเช่นนั้น ก็ใช้ชีวิตตามที่ตนเองอยากเถอะ

 

นี่คือสิ่งที่เขาคิดได้จากชาติก่อน

 

 

 

「อลิสเทีย ข้าไม่ได้ฉลาดหลักแหลม ดังนั้นไม่ได้เก่งเรื่องรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเฉกเช่นเดียวกับเจ้า แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าเข้าใจแจ่มแจ้ง เจ้าน่ะเป็นผู้หญิงที่ดีที่สุด และข้าก็พร้อมที่จะสละทุกอย่าง อลิสเทียมาเป็นของข้าซะเถอะ ข้าว่าข้าพูดกับเจ้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า มีแค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ข้าจะไม่ยอมแพ้ ถ้าข้าและเจ้าต้องเป็นพวกเดียวกัน เจ้าก็ควรจะยินดีที่ข้าจะได้มาหาเจ้า เพราะงั้นอย่าร้องไห้เลยนะ」

 

 

กึก เธอบีบมือที่กอดแขนเขา

 

ปลายนิ้วของเธอมันช่างอบอุ่น

 

 

「อื้อ――」

 

 

 

จากนั้นเธอก็พูดอะไรสักอย่าง

 

แต่ว่าเขานั้นไม่ค่อยได้ยิน

 

แต่ว่าช่างมันเถอะ

 

เขามีความสุขที่ได้เจอเธออีกครั้งหลังจากผ่านมานานหลายปี แม้ว่าเปลือกตาของเธอจะชุ่มชื้นและเหม่อมองเพดาน เธอก็ทำได้เพียงแค่ยิ้มออกมาเท่านั้น

 

[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว

[นิยายแปล] ~จ้าวนักสู้เกิดใหม่ทั้งทีดันเป็นนางร้าย ~ ลูน่าอยากรีไทร์แล้ว

Score 10
Status: Completed
เรื่องย่อ(ตรงไหนฟะ) เรื่องราวสามัญที่พบเห็นได้ดาษดื่นกับคนธรรมดาทั่วไปที่ตายไปในโลกแฟนตาซีและเกิดใหม่ในโลกใบเดิม ไม่ใช่ไปเกิดใหม่ต่างโลก ก็แค่กลับชาติมาเกิดธรรมดา(ถึงปกติจะไปเกิดใหม่ต่างโลก……)แต่ว่าเกิดใหม่ทั้งทีก็ดันเป็น TS ไปซะแล้ว กลายเป็นสาวน้อยที่อาจจะเติบใหญ่ ――ในอดีต เขาเป็นชายผู้เป็นจ้าวนักสู้ปรมาจารย์ด้านพลังคิ (ศิลปะการต่อสู้ที่ผสมผสานพลังกายและเวทมนตร์เข้าด้วยกัน) ขณะที่ใช้ชีวิตธรรมดาสามัญทั่วไป เขาก็ได้พยายามข้ามแม่น้ำซันสึ แต่ก็ล้มเหลว กลับมาเกิดใหม่ จุดหมายปลายทางที่มาเกิดคือลูกสาวขุนนาง เป็นนางร้ายที่ถูกลิขิตให้หมั้นกับเจ้าชายและโดนเนรเทศ โชคดีภายใต้ความโชคร้ายลูน่าที่เป็นลูกสาวของมาร์ควิสได้มองเห็นอนาคต(สิ่งมีชีวิตลึกลับที่อ้างตัวเองว่ามาจากต่างโลก ได้นำแผ่นเกมจีบสาวจากอีกโลกหนึ่งพร้อมกับเกมคอนโซล) และขณะที่เผชิญหน้ากับอนาคตอันเลวร้ายเธอก็ได้ใช้เทคนิค คิ ที่เชี่ยวชาญมาจากชาติก่อนอย่างเต็มที่ ผม(ฉัน)นั้น TUEEE(โครตแกร่ง)ในโลกแห่งนี้ แต่กลับไม่มีพัฒนาการเลยสักนิด หากรังเกียจใครก็พร้อมที่จะซัดหน้ามัน ดังนั้นไม่ได้มีความกวนประสาทแบบนางร้ายปกติ ตัวละครหลักนั้นเป็นสาวสวย(TS) แต่นางเอกเองก็สวยไม่แพ้กัน เหล่าสาวๆต่างโดนรุมจีบ ตัวละครหลักค่อยๆตกหลุมรักทั้งนางเอกและTS หลงรักเพียงแรกเห็น ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ด้วย “คิ” พลังเวทย์อะไรนั่นไม่ได้ใช้เลย เป็นเรื่องราวสุดแสนจะวายป่วงที่เต็มไปด้วยเล่ห์กลและใช้พลังในการแก้ปัญหา ทำสิ่งต่างๆที่ชอบ ด้วย การเป็นไอดอล หรือ นักแสดงชั้นเลิศ และในที่สุดก็ถูกเรียกว่าจักรพรรดินี

Options

not work with dark mode
Reset