ในโรงเรียนมัธยมปลายคุเสะยาม่าเเห่งนี้ ว่ากันว่ามีนางฟ้าที่จะคอยชี้นําความรักของผู้คนอยู่
ชั้น อาคาชิ อิโอะ เข้าเรียนโรงเรียนม.ปลายที่มีข่าวลือเเบบนั้นเเพร่สะพัดไปทั่ว ทั้งๆที่มันก็ผ่านมาเกือบหนึ่งปีเเล้วเเท้ๆ เเต่ดูเหมือนข่าวลือเช่นนั้นจะยังไม่หายไปไหน
ใจความสําคัญของข่าวลือมีดังนี้
คนที่กําลังกังวลใจกับเรื่องความรัก อยู่มาวันนึงก็มีจดหมายส่งมาให้จากคิวปิด
คิวปิดนั้นมีพลังเเปลกประหลาด ถ้าทําตามที่บอกล่ะก็ ความรักของคนๆนั้นจะราบรื่นไปได้ด้วยดี
ไร้สาระ เป็นเรื่องที่ไม่สมจริงเลยสักนิด มันจะต้องเป็นเรื่องโกหกเเหงๆ จะคิดเเบบนั้นก็คงเป็นเรื่องปกติ
เดิมทีอะไรที่เหมือนตํานานเมืองเเบบนี้ก็ไม่ค่อยเป็นที่นิยมในปัจจุบันอยู่เเล้ว
ด้วยความก้าวหน้าของทั้งอินเทอร์เน็ตเเละวิทยาศาสตร์ ของพวกนั้นควรจะหายไปหมดเเล้วด้วยซํ้า
เรื่องเล่าเกี่ยวกับภูติผีบ้างล่ะ สิ่งลี้ลับทั้งเจ็ดบ้างล่ะ พลังพิเศษบ้างล่ะ เรื่องพวกนั้นไม่ว่าจะอย่างไหนก็ไร้สาระทั้งนั้น คงไม่มีคนที่คิดเชื่อเรื่องพวกนั้นจริงๆหรอก
หรือที่เขาเรียกกันว่า “การพิสูจน์ปีศาจ” ยังไงล่ะ เป็นการพิสูจน์ว่าเรื่องเเบบนั้นในทางปฏิบัติไม่มีทางเกิดขึ้นได้จริง [ถ้ามันมีจริงขึ้นมาก็คงจะน่าสนใจอยู่หรอก] คงมีพวกที่คิดเเบบนั้นอยู่ไม่กี่คน
เพราะฉะนั้น เรื่องนางฟ้ามันไม่มีอยู่จริง จดหมายก็จะไม่มีวันส่งมาให้ พลังพิเศษอะไรเเบบนั้นมันจะไปมีได้ยังไงล่ะ ต้องเป็นอย่างนั้นเเหงอยู่เเล้ว
—-เเต่ว่า เเล้วทําไมถึงมีข่าวลือเเบบนั้นผุดขึ้นมาได้ล่ะ เเถมยังอยู่มานานถึงหนึ่งปีอีก?
เพราะนักเรียนโรงเรียนม.ปลายคุเสะทุกคนเป็นพวกเพ้อฝันงั้นเหรอ?
ไม่ใช่หรอก นักเรียนม.ปลายสมัยนี้ก็ไม่ใช่พวกงี่เง่ากันเเล้ว
นอกจากนี้ โรงเรียนคุเสะยาม่าเเห่งนี้ เเม้เเต่ในจังหวัดชิงะเอง ก็ถือว่าอยู่ในระดับท็อป ถ้าคิดตามความเป็นจริง คงจะมีเเต่นักเรียนที่มีวุฒิภาวะซะส่วนใหญ่
ถ้าเป็นอย่างนั้นเเล้ว ทําไมล่ะ?
คําตอบนั้นง่ายนิดเดียว
หลังเลิกเรียน เหล่านักเรียนเเยกกันไปทํากิจกรรมชมรม บางคนก็อยู่ชมรมกลับบ้าน พวกเขากระจัดกระจายกันไป
ชั้นเองก็เก็บสัมภาระของตัวเอง ก่อนจะออกจากห้องเรียนของปี 2 ห้อง 8
ไม่รู้ว่าดีหรือร้าย ตัวชั้นนั้นไม่ได้มีค่าถึงขนาดให้ใครเข้ามาทัก เพื่อนก็ไม่ค่อยมีสักเท่าไหร่ ตัวตนของชั้นในห้องเรียนเรียกว่าเเทบจะจืดจางเหมือนกับเงาเลยก็ว่าได้ เเละชั้นก็ไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องที่เเย่อะไร
เเถมการอยู่ในสภาพเเบบนี้ มันก็สะดวกสําหรับชั้นในหลายๆอย่างด้วย
พอไปถึงประตูทางเข้าของโรงเรียน ชั้นก็พิงตัวกับกําเเพง ก่อนจะเล่นโทรศัพท์มือถือเพื่อฆ่าเวลา ชั้นรอเวลาอยู่หน้ากล่องเก็บรองเท้า ตอนนี้ได้อารมณ์เหมือนกําลังเป็นนักสืบที่คอยเฝ้าระวังใครสักคนอยู่เลยเเฮะ
หลังจากนั้นไม่นานพวกชมรมกลับบ้านก็โผล่มา พวกเขาเริ่มเปลี่ยนรองเท้า ชั้นก้มหน้าลง ดูเหมือนเป้าหมายที่ชั้นตามหาจะยังไม่มา
….ไม่สิ
“…คงไม่มีทางมองพลาดได้หรอก”
ถ้าได้เห็นรูปลักษณ์ของเธอ ไม่ว่าใครก็ต่างหลุดถอนหายใจด้วยความชื่นชมออกมา
เป้าหมาย ยูซึกิ มินาโตะ นั้นเป็นสาวงามสุดๆ
ถ้าให้เปรียบเธอคงงดงามเหมือนดั่งท้องฟ้ายามคํ่าคืน ทั้งผมสีดํายาวสลวยของเธอ
ดวงตาอันงดงามที่เยือกเย็นนั้นของเธอก็ด้วย เเต่ขนตาที่ยาวอย่างประณีตของเธอเองก็มีเสน่ห์เหมือนกัน
ทั้งดวงตากลมโตของเธอ จมูกที่คมเป็นสันของเธอ ริมฝีปากสีชมพูอ่อนของเธอ ใบหน้าของเธอถูกจัดด้วยบาลานซ์อย่างลงตัว
เเถมสําหรับผู้หญิงเธอยังมีรูปร่างที่สมส่วนเเละตัวสูงอีกต่างหาก คงเตี้ยกว่าชั้นประมาณสิบเซนได้มั้ง นอกจากนี้ยังมีร่างกายอันเเสนยั่วยวนอีกด้วย โดยเฉพาะหน้าอกนั่น เเละท้ายที่สุดคือรูปลักษณ์อันสง่างามของเธอ
หลังที่ยืดตรงของเธอ ผิวที่เนียนใสราวกับนํ้านม เเละเพราะบรรยากาศที่ดูเป็นผู้ใหญ่ของเธอ เเม้เเต่ในชุดเครื่องเเบบนักเรียนธรรมดา ก็ทําให้คิดขึ้นมาว่าเธออาจจะเป็นลูกคุณหนูจากที่ไหนสักเเห่งก็ได้
ถึงชั้นจะชมซะน่าขยะเเขยงเกินไปหน่อย สรุปคือรูปลักษณ์ของ ยูซึกิ มินาโตะ งดงามถึงเพียงนั้นเลยนั่นเเหละ ชั้นจินตนาการหน้าตาอิ่มอกอิ่มใจของเทพเจ้าที่สร้างตัวเธอขึ้นมาได้เลย
จริงๆเลย ท่านผู้สร้างอันไม่เป็นธรรม ขอบใจนะ
ยังไงก็เถอะ เห็นว่าเกรดของเธอยังอยู่ในระดับท็อปอีกต่างหาก คนที่เพอร์เฟคอย่างนี้ ชั้นเริ่มกลัวที่จะต้องบรรยายต่อเเล้วสิ
นอกจากนี้ เเน่นอนว่าความนิยมในหมู่เด็กผู้ชายของเธอสูงมากๆจนน่าสะพรึงกลัวเลยทีเดียว เเถมเธอยังถูกจัดอยู่ใน [สาวงามผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 เเห่งโรงเรียนคุเสะ] อีกต่างหาก
เธอเป็นสาวงามที่ได้รับการยอมรับจากทั้งโรงเรียน
เป็นถึง [สาวงามผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 3 เเห่งโรงเรียนคุเสะ] นั่นเลยนะ?
“…..”
ยูซึกิคนนั้นเดินเข้ามาทางชั้น ไม่สิ ถ้าพูดให้ถูกคือ เธอเดินเข้ามาทางกล่องเก็บรองเท้าของเธอ ซึ่งอยู่ข้างๆชั้น เธอเดินต๊อกเเต๊กเข้ามาทางนี้
ไม่ใช่เวลาจะมาตกใจซะหน่อย เพราะชั้นมีงานต้องทํานี่นา
กับ ยูซึกิ ที่อยู่ใกล้จนไหล่เเทบจะชนกันนั้น ในขณะที่เธอกําลังจะเปลี่ยนรองเท้าอยู่ ชั้นเล็งจังหวะที่เธอก้มตัวลงเพื่อจะถอดรองเท้า ชั้นค่อยๆลดเเขนของตัวเองลง
ชั้นใช้มือของชั้นสัมผัสเเก้มของยูซึกิที่ขณะนี้กําลังก้มตัวลงเพียงชั่วขณะเดียว เป็นไปตามเเผน
[ถ้าชั้นสัมผัสใบหน้าของใครก็ตามจะสามารถรู้คนที่ชอบของอีกฝ่ายได้]
นั่นเเหละคือนางฟ้าเเห่งโรงเรียนคุเสะ หรือก็คือ พลังของชั้นยังไงล่ะ
ด้วยพลังนี้ ชั้นจะชี้นําความรักของเหล่าคนที่เข้ามาปรึกษาให้ราบรื่นไปได้ด้วยดี
ทําไมนักเรียนโรงเรียนคุเสะถึงเชื่อข่าวลือไร้สาระพรรค์นั้นน่ะเหรอ?
คําตอบน่ะมันง่ายนิดเดียว เพราะ [มันเกิดขึ้นจริง] น่ะสิ
ถึงมันจะดูไม่สมจริงขนาดไหน เเต่นางฟ้าน่ะมีตัวตนอยู่จริงๆ
เพราะอย่างนั้นข่าวลือถึงไม่หายไป มันง่ายนิดเดียวใช่ไหมล่ะ
ในมือข้างซ้ายของชั้นยังมีสัมผัสอันอ่อนนุ่มหลงเหลืออยู่ ผิวสัมผัสของเธอมันช่างนุ่มลื่นอย่างไร้เหตุผล นี่ไม่ใช่การล่วงละเมิดทางเพศหรอกนะ ก็มันเป็นเงื่อนไขการใช้พลังนี่ เพราะฉะนั้นช่วยไม่ได้หรอก จริงๆนะ
สมมติ ยูซึกิ มีคนที่ชอบอยู่เเล้วจริงๆ ใบหน้าของคนๆนั้นจะผุดขึ้นมาในหัวของชั้น มันจะโผล่มาคล้ายๆกับภาพเเฟลชเเบ็คเลยล่ะ
พลังนี้ไม่ทําให้รู้สึกเหนื่อยหรือเจ็บเลยด้วย เเค่ทําให้มึนหัวนิดหน่อยเท่านั้น เเต่ชั้นก็ชินกับมันเเล้วล่ะ
เอาล่ะ จะมีใครผุดขึ้นมากันนะ?
“…..อุก!?”
ยะ.. เเย่เกินไปเเล้ว เวียนหัวชะมัด
อย่างกับเเรงโน้มถ่วงถูกพลิกกลับหัวกลับหางเลย คิดว่าอีกเดี๋ยวคงจะกลับเป็นเหมือนเดิมนั่นเเหละ
เเต่ในขณะเดียวกันก็เหมือนกับมีเเหล่งข้อมูลจํานวนมากไหลเข้ามาในหัวของชั้นพร้อมๆกัน
ภาพที่ปกติควรจะโผล่ขึ้นมาเเค่ใบเดียว โผล่มาไม่รู้กี่ใบอย่างกับช่วงสุดท้ายของงานเทศกาลดอกไม้ไฟ ก่อนจะหายไป
มีทั้งใบหน้าของคนที่คุ้นเคยเเละใบหน้าของคนที่ไม่รู้จัก รวมทั้งหมดยี่สิบคน ไม่สิ… มีมากกว่านี้อีกงั้นเหรอ
อะไรเนี่ย โอ๊ย นี่มันอะไรกันเนี่ย…!
“โอ๊ย….”
ความรู้สึกเหมือนกับชั้นได้รับสัมภาระมากกว่าที่ตัวเองคิดจะรับไว้หลายเท่า ความรู้สึกที่เหมือนกับว่าถูกบังคับให้รับมันเอาไว้
ทั้งร่างกายเเละหัวของชั้นโอนเอนไปมา รู้สึกคลื่นไส้ชะมัดเลย
เดี๋ยวก่อน ใจเย็นลงก่อน ต้องรีบลุกขึ้นยืน
เเผนที่วางไว้ของชั้นพังลงหมดเลย ก่อนอื่นต้องขอโทษที่มือของชั้นไปโดนเธอเข้าซะก่อน หลังจากนั้นเรื่องก็จะจบ คงไม่ดูผิดปกติด้วย ทําให้มันเป็นเเค่อุบัติเหตุเล็กน้อยที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวันก็พอ
มันควรจะเป็นเเบบนั้นเเท้ๆ…..
ตอนที่พยายามจะคํ้าจุนร่างกายที่โอนเอนของตัวเอง ชั้นก็พยายามคิดหาวิธีเเก้สถานการณ์ไปด้วย
เเต่ว่าตอนนี้คงจะไม่ใช่เรื่องง่ายซะเเล้ว เพราะเธอสังเกตเห็นชั้นเเล้วยังไงล่ะ
“อะ… อะไรน่ะ?”
ชั้นได้ยินเสียงที่เเฝงความสงสัยของ ยูซึกิ มินาโตะ จากด้านข้าง เพราะอยู่ๆชั้นก็กรีดร้องออกมา เธอเลยถามอย่างตะกุกตะกักออกมาเช่นนั้น เป็นปฏิกิริยาตอบสนองตามปกติ
มีเรื่องอื่นที่ต้องกังวลอยู่ก็จริง เเต่ว่าตอนนี้ชั้นไม่อยากให้ ยูซึกิ มาสนใจชั้นเเปลกๆเเบบนี้….!
ต้องพยายามหาวิธีกลบเกลื่อน
เอาเป็นว่า ตอนนี้ต้องหนีก่อนสินะ
“เอ่อ… คือว่า อยู่ดีๆชั้นก็รู้สึกปวดท้องน่ะ… ฮ่าฮ่า~”
ชั้นพูดเช่นนั้นออกไป ก่อนจะเหลือบมองสีหน้าของ ยูซึกิ
สีหน้าที่เเสดงว่ารังเกียจ สีหน้าที่เเสดงว่าลําบากใจ สีหน้าที่เเสดงความสงสัย ถ้าเป็นเเบบนั้นก็คงจะไม่มีปัญหาหรอก เเต่ว่า—–
“….เอ๊ะ”
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ยูซึกิ เธอเบิกตาโพลงเหมือนกับว่ากําลังตกใจ ราวกับว่าสิ่งที่เธอทําหายไปเมื่อนานมาเเล้วอยู่ๆก็โผล่ออกมาจากที่ที่ไม่คาดคิด เป็นสีหน้าที่ประสมประสานกันระหว่างความรู้สึกตกใจเเละความรู้สึกโล่งใจ
ทําไมเธอถึงทําสีหน้าเเบบนั้นล่ะ….?
เเต่ว่านี่ยังไม่ใช่เวลามาคิดคําถามที่ผุดขึ้นมานั่น
ชั้นนําเท้าของตัวเองใส่เข้าไปในรองเท้า ก่อนจะรีบออกผ่านประตูทางเข้าของโรงเรียน ชั้นวิ่งไปถึงสถานีทั้งอย่างนั้น ตรงกับเวลาที่รถไฟเคฮังมาพอดี
ในขณะที่ถูกผู้โดยสารคนอื่นมองมาด้วยสายตาเเปลกๆ ชั้นได้ตระหนักถึงความผิดพลาดของตัวเอง
“…..ถ้าปวดท้อง มันคงจะดูปกติกว่านี้ ถ้ากลับไปพักที่อาคารเรียนสินะ ชั้นนี่มันโง่จริงๆเลย”
กะเเล้วดูเหมือนสมองของชั้นจะทํางานได้อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพจริงด้วย
“….เห้อ~”
ตอนนี้ไม่รู้เเล้วว่าอะไรเป็นอะไร
พอลองคิดสิ่งที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้ ก็รู้สึกเวียนหัวขึ้นมาเลยเเฮะ ชั้นลูบหัวของตัวเองเพื่อให้อาการบรรเทาลง
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides
เปิดโหมดทํางาน!
เครื่องเปลี่ยนเสียงโอเค กล้องปิดอยู่ คุณภาพเสียงการโทรอยู่ในระดับดี
ผู้เข้ามาปรึกษาในครั้งนี้ มากิโนะ โคสุเกะ ปี 2 ห้อง 7 เพศชาย ระยะเวลาการปรึกษา 4 เดือน
“เอาล่ะคงถึงเวลาตัดสินเเล้วสินะ”
ในห้องมืดๆเเห่งนี้ชั้นกําลังนั่งอยู่หน้าคอม อะเเฮ่ม หลังจากกระไอกระเเอมเล็กน้อย ชั้นก็เข้าไปใกล้ไมค์เเละพูดออกมาเช่นนั้น
เสียงของชั้นถูกทับด้วยเสียงอิเล็กทรอนิกส์ เเบบนี้ก็ไม่มีใครรู้เเล้วว่าเป็นเพศอะไร เเค่นี้ต่อให้จะเป็นเสียงที่ไพเราะเเค่ไหน ก็คงฟังดูปัญญาอ่อนเหมือนกันหมด
[คะ.. คือว่านะ]
หลังจากรอไปสักพัก ก็มีเสียงตอบกลับมา ด้วยความที่ฝั่งตรงข้ามไม่จําเป็นต้องใช้เครื่องเปลี่ยนเสียง เเน่นอนว่าเสียงที่ได้ยินต้องเป็นเสียงจริงๆของเจ้าตัว
ต้องขอบคุณจุดนั้นที่ทําให้ชั้นรู้ได้ทันทีว่าหมอนี่กําลังใจเสาะอยู่ เฮ้อ…
“มีอะไรล่ะ”
[วะ.. ว่าเเล้ว ผมคงทําไม่ได้หรอก…]
“ยังรู้สึกลังเลอยู่อีกเหรอ”
[ก็เพราะ..! คนอย่างผมเนี่ยนะกับคุณยูซึกิคนนั้น…]
อา ไอเจ้าคนไม่ได้เรื่องเอ๊ย
..ถึงชั้นจะพอเข้าใจความรู้สึกอยู่ก็เถอะ คงจะเจ็บปวดสินะ
เเต่ถ้านายหยุดอยู่ที่นี่ล่ะก็ ทุกอย่างมันจะสูญเปล่าไปหมดเลยนะ เจ้าหมอนี่เองก็คงไม่ต้องการเเบบนั้นเหมือนกัน
“เดิมทีพวกนายเเทบจะไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลยนะ เเต่ตอนนี้สามารถเข้ามาคุยกันได้เเบบปกติเเล้ว ชั้นว่ามันต้องไม่เป็นอะไรเเน่”
[ตะ.. เเต่ว่า]
เรื่องที่มีปฏิสัมพันธ์กับเป้าหมายน้อยเเก้ไขเเล้วก็จริง เเต่นิสัยไม่มีความมั่นใจในตัวเองนี่ยังไม่ได้รับการเเก้ไขสินะ
เเต่ว่ามันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะเเก้ไขนิสัยที่ติดตัวมาตั้งเเต่เกิดซะด้วย
ขอเเค่วันนี้ที่เป็นวันตัดสินวันเดียวก็พอ ถ้าสามารถเรียกความมั่นใจกลับมาได้ล่ะก็
[อะ.. อีกอย่าง.. ที่ผ่านมาคุณยูซึกิ.. เธอปฏิเสธคําสารภาพรักไปหมดเลยนี่..? บางทีเธออาจจะมีเเฟนอยู่เเล้วก็ได้หรือไม่เธอก็อาจจะมีคนที่ชอบอยู่เเล้ว..? ถ้าเป็นอย่างนั้น ผมมีเเต่จะทําให้เธอรําคาญเปล่าๆ…]
หาเหตุผลให้ตัวเองตัดใจสินะ มันเป็นการป้องกันตัวเองที่คนเราชอบทําโดยไม่รู้ตัว เป็นจําพวกที่ยุ่งยากชะมัด
เรื่องที่ว่ามันเป็นไปได้หรือเปล่า ตัวนายเองก็รู้อยู่เเล้วหนิ
“สมมติ ยูซึกิ มีคนที่ชอบอยู่เเล้วจริงๆ นายคิดจะยอมเเพ้งั้นเหรอ?”
[ระ.. เรื่องนั้น..]
“ถ้านายคิดจะยอมเเพ้ล่ะก็ ตัวชั้นก็ไม่มีอะไรจะช่วยนายเเล้วล่ะ เเต่ว่ามันไม่ใช่อย่างนั้นใช่ไหมล่ะ นายพยายามมาถึงขนาดนี้เลยนะ?”
[…เเต่ว่า]
“…..”
คงไม่ไหวเเฮะ เจ้าหมอนี่กําลังกลัวอยู่
ถ้าสถานการณ์เป็นเเบบนี้ พลังของชั้นมันจะให้ผลตรงกันข้าม ถึงจะให้กําลังใจไปตอนนี้ก็คงไม่มีผลอะไรอยู่ดี
….คงไม่มีทางเลือกสินะ
“เข้าใจเเล้ว งั้นช่วยสละเวลาให้ชั้นสักนิดจะได้หรือเปล่า?”
[เอ๊ะ… คะ.. คิดจะทําอะไรน่ะ]
“ยูซึกิมีคนรักหรือคนที่ชอบอยู่เเล้วหรือเปล่านั้น หรือ ถ้าเธอไม่มี อะไรคือสาเหตุที่ทําให้เธอเลือกไม่คบกับใคร ชั้นจะเป็นคนไปสืบมาให้เอง”
[จะ.. จริงเหรอ..! ทําได้งั้นเหรอ?]
โอ้ย! อยู่ๆก็ร่าเริงขึ้นมาทันทีเลยนะ เจ้านี่เปลี่ยนท่าทีจากหน้ามือเป็นหลังมือเลยเเฮะ (ผู้เเปล:ของยุ่นใช้คํานี้ 現金なやつ ความหมายคือพวกที่เปลี่ยนท่าทีไปตามสถานการณ์)
“อย่าคาดหวังมากละกัน ถึงจะพูดว่าไปสืบมาให้ เเต่ก็อาจจะมีเรื่องที่ชั้นไม่เข้าใจเหมือนกัน”
“อะ.. โอ้ เเน่นอนอยู่เเล้ว! โทษทีนะที่ต้องวานไปถึงเรื่องนั้นเลย…”
“ไม่หรอก ยังไงชั้นก็คิดไว้อยู่เเล้ว ว่าสักวันมันต้องกลายเป็นเเบบนี้ นี่เองก็เป็นงานเหมือนกัน”
เเถมถ้าไม่รีบปิดทางหนีตั้งเเต่ตอนนี้ล่ะก็ นายก็คงไม่กล้าจะทําอะไรน่ะสิ เเต่ชั้นจะไม่พูดออกมาหรอก
[….นี่]
“หืม?”
[กะเเล้วยังไงก็ไม่คิดจะบอกตัวตนที่เเท้จริงของตัวเองสินะ? เป็นนักเรียนของโรงเรียนเราเหมือนกันใช่ไหมล่ะ?]
คําพูดเช่นนั้นของมากิโนะทําให้ชั้นขยิบตาออกมา
ไม่ใช่ว่ามันเป็นสิ่งที่เเย่หรอก จะสงสัยก็เป็นเรื่องปกติ
เเต่ว่านั่นมันเป็นการละเมิดกฏนะ มากิโนะ
“ถ้าถึงเวลาที่จําเป็นชั้นจะบอกเอง เเต่ว่าไม่ใช่ตอนนี้ ตรงจุดนั้นช่วยเข้าใจที”
[ตะ.. เเต่ว่านะ..! ที่ช่วยกันมาถึงขนาดนี้ ผมอยากจะขอบคุณให้ได้น่ะ]
“มากิโนะ”
[อะ.. โอ้.. ]
“การสารภาพรัก ถ้าราบรื่นก็คงจะดีนะ”
[….อา]
“งั้นจะวางสายเเล้วนะ ถ้ารู้อะไรเพิ่ม เดี๋ยวจะติดต่อมาอีกที”
[อืม ..ขอบคุณนะ ”นางฟ้า” ]
ชั้นตัดสายโทรศัพท์ไปเเค่นั้น ก่อนจะถอดหูฟังออก หลังจากมั่นใจว่ามากิโนะออกจากห้องเเชทไปเเล้ว ชั้นก็ออกจากห้องเเชทตามไป
[ถึงจะไปสืบมาให้ ก็อาจจะมีเรื่องที่ชั้นไม่เข้าใจเหมือนกัน] ชั้นพูดประโยคนี้ไปเมื่อกี้ก็จริง
เเต่ว่าคราวนี้มันต่างกัน ไม่ใช่ว่าชั้นไม่เข้าใจมันซะทีเดียว
หลังจากจิบโคล่าเย็นๆที่อยู่ในเเก้วไปสักพัก
ชั้นก็ไขว้เเขนก่อนจะหลับตาลง
เอาล่ะ ในระหว่างที่หลับก็มาคิดเเผนไปด้วยดีกว่า
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides
ถ้ามียาเเก้ปวดสําหรับความรักก็คงจะดีเเท้ๆ
ถ้าซื่อตรงต่อตัวเองเหมือนกับที่ซื่อตรงต่อความรักได้ก็คงจะดีเเท้ๆ
ถ้ามีความกล้าเพื่อให้ถ่ายทอดความรู้สึกของตัวเองได้ง่ายขึ้นก็คงจะดีเเท้ๆ
ถ้าคนๆนั้นหันมาชอบตัวเราก็คงจะดีเเท้ๆ
ความรู้สึกที่เกี่ยวกับความรักเหล่านั้น ชั้นเข้าใจมันอย่างเจ็บปวดเลยล่ะ
เเต่ว่ามันยังมีเรื่องที่มีเเต่ชั้นที่ทําได้อยู่
ดังนั้นชั้นจึงตัดสินใจที่จะเป็นตัวของตัวเอง
ชั้นตัดสินใจที่จะกลายมาเป็นคิวปิด
ไม่สิ.. เเบบนั้นคงจะเป็นการพูดเกินจริงไปหน่อย
ถ้าให้พูดสั้นๆ มันก็เป็นเเค่การปรึกษาปัญหาความรักทั่วๆไปที่เกิดขึ้นบ่อยๆนั่นเเหละ
อืม ในตอนเเรกมันก็ควรจะเป็นเเบบนั้นอยู่หรอก—–
ติดตามเพจผู้เเปลได้ที่ Ao2Sides