ตอนที่ 189 – ในกรงแปดเหลี่ยม เด็กหนุ่มใจเด็ด!
ชิ่งเฉินยืนอยู่บนเวทีมวยกรงแปดเหลี่ยม
“นี่ เจ้าหนู ต้องพักผ่อนรึเปล่า?” หลี่ซูถงเดินมาถึงนอกกรงแปดเหลี่ยมจากไหนไม่รู้ ถามอย่างยิ้มแย้ม
ชิ่งเฉินหันศีรษะกลับไปมองท่านอาจารย์คนนี้ของตนเอง “ต้องการครับ”
“ฉันยังนึกว่าจะฝืนสู้การแข่งจัดอันดับให้เสร็จซะอีก?” หลี่ซูถงถามอย่างร่าเริง
ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างจริงใจว่า “นัดหน้าต้องสู้กับรุ่นพยัคฆ์แล้ว ผมต้องดูว่าเป็นใคร ดูวิธีการต่อสู้ของเขา มีีความมั่นใจในตัวเองเป็นเรื่องดี แต่การไปเผชิญหน้ากับศัตรูระดับเดียวกันโดยไม่เตรียมตัวสักนิดมันโง่นิดหน่อย”
หลี่ซูถงรู้สึกยินดี “ยึดถือความเป็นจริงมาก แต่ก็เข้ากับนิสัยของเธอ”
ว่าแล้ว หลี่ซูถงยกมือขึ้น ส่งสัญญาณให้กรรมการเปิดกรงแปดเหลี่ยม
กลับไปที่ห้องพักผ่อน จู่ ๆ มีพนักงานในชุดเสื้อกั๊กดำคนหนึ่งมาที่นี่ ส่งโทรศัพท์มือถือให้หนึ่งเครื่อง “สวัสดีครับท่าน นี่เป็นคู่ต่อสู้ลำดับถัดไปของท่าน ในนี้มีคลิปการแข่งขันของเขา ท่านมีเวลาสิบนาทีครับ”
พูดจบ พนักงานทิ้งโทรศัพท์มือถือเอาไว้และถอยออกไป
หลี่ซูถงยิ้มแล้วกล่าวว่า “ดูท่า……ค่ายมวยหวังให้เธอชนะ”
ชิ่งเฉินเปิดคลิปดูโดยไม่พูดสักคำ ถึงขนาดที่เปิดความเร็ว 16 เท่าตรง ๆ เพื่อประหยัดเวลา
หลี่ซูถงถามอยู่ด้านข้างว่า “สู้หลายนัดนั้นจบไปเมื่อกี้มีความรู้สึกอะไรบ้าง?”
“ไม่รู้สึกครับ” ชิ่งเฉินดูคลิปพลางตอบพลาง “พูดให้เป๊ะคือ ยังไม่ทันได้รู้สึก พวกเขาก็ล้มลงไปแล้ว”
“เจ้าหนูเธอนี่มั่นหน้ากว่าอาจารย์ลุงของเธอเยอะเลยนะ” หลี่ซูถงกล่าวด้วยอารมณ์ “นัดหน้าพวกเขาวางแผนจะหาตัวท็อปที่สุดในรุ่นพยัคฆ์มาสู้กับเธอ กลัวไหม?”
“ไม่กลัวครับ” ชิ่งเฉินส่ายหน้า “ยังไงมีท่านอาจารย์อยู่ที่นี่ ผมไม่ตายหรอก”
“ก่อนหน้านี้อาจารย์ลุงเธอก็คิดอย่างนี้” หลี่ซูถงถอนหายใจ “เขาอยู่บนเวทีมวยแทบจะถูกนักมวยรุ่นยานลาดตระเวนภาคพื้นตีตาย ผลคือพอหันหน้าไปก็เห็นอาจารย์อากำลังจีบสาวที่แต่งงานแล้วอยู่บนอัฒจันทร์ ไม่ได้มองเขาเลย ตอนนั้นอาจารย์ลุงเธอแทบสิ้นหวัง รู้ว่าได้แต่พึ่งพาตัวเอง”
“งั้นเพื่อให้ผมมีความรู้สึกถึงวิกฤต ท่านอาจารย์ก็ไปหาคนมาจีบสักคนเถอะครับ” ชิ่งเฉินกล่าวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์
“ไม่รู้จักเด็กรู้จักผู้ใหญ่” หลี่ซูถงยิ้มเอ่ย
“ท่านอาจารย์ตอนนั้นจัดไปถึงลำดับอะไรครับ?” ชิ่งเฉินถามอย่างใคร่รู้
“แน่นอนว่าเป็นรุ่นยานลาดตระเวนภาคพื้น!” หลี่ซูถงกล่าว
“ท่านอาจารย์ครับ ผมจำได้ว่าคุณพูดว่า ตอนที่ขึ้นเวทีมวยครั้งแรกเพิ่งจะผ่านด่านเป็นตายครั้งที่หนึ่งใช่ไหมครับ?” ชิ่งเฉินเอ่ยอย่างสงสัย “คุณที่เป็นอัศวินแรงก์ F คนหนึ่งจบที่รุ่นยานลาดตระเวนภาคพื้นอะนะ?”
“ฮ่า ๆ ใช่เหรอ ฉันเคยพูดเหรอ?”
10 นาทีให้หลัง พนักงานมาเคาะประตู “สวัสดีครับท่าน ควรจะลงสนามแล้วครับ”
ชิ่งเฉินวางโทรศัพท์มือถือลงทันที กลับไปที่กรงแปดเหลี่ยมพร้อมกับหลี่ซูถง
เวลานี้ มีนักพนันบนอัฒจันทร์จู่ ๆ จดจำหลี่ซูถงได้ “เฒ่าทารกนี้ไม่ใช่คนที่เมื่อกี้รับซื้อตั๋วของพวกเราเหรอ เขาถึงกับรู้จักนักมวย!”
“บัดซบ พวกเราถูกสองคนนี้หลอกแล้ว กวงเสี่ยวถู่คนนั้นรอบแรกจงใจซ่อนความแข็งแกร่ง ที่แท้เพื่ออำนวยความสะดวกให้ชายกลางคนคนนั้นรับซื้อตั๋ว!”
“บัดซบ เลวเกินไปแล้วปะ!”
“เมื่อกี้ชายกลางคนพูดว่ารับแค่ตั๋วผ่านด่านใช่ปะ?” มีคนถาม
“ใช่ เข้ารับแค่ตั๋วผ่านด่าน!”
นักพนันทั้งกลุ่มตะลึงงันทันที นี่แปลว่าชายกลางคนคนนั้นเชื่อมั่นว่ากวงเสี่ยวถู่จะต้องสามารถผ่านด่าน!
อีกฝ่ายเสียเงินมากขนาดนั้น ไม่ใช่อยู่ว่างเลยเผาเงินเล่นเป็นอันขาด
นี่คือการมีความเชื่อมั่นในตนเองอย่างสิ้นเชิง!
ระหว่างที่ขบคิด มีนักพนันลุกขึ้นรีบวิ่งไปที่ช่องหน้าต่างวางเดิมพัน
แต่ว่า ข้างนอกหน้าต่างวางเดิมพันถึงกับแขวนป้ายแจ้งเตือนแต่เนิ่น ๆ ว่าระบบขัดข้อง กำลังอยู่ระหว่างซ่อมแซมฉุกเฉิน
ชั่วขณะนี้เหล่านักพนันก็ไม่รู้ว่านี่เป็นขัดข้องจริงหรือว่าขัดข้องปลอม
เสียงแตรดังขึ้นช้า ๆ บุรุษแกร่งสิบคนข้างกรงแปดเหลี่ยมยกแตรขนาดมหึมาขึ้น
ท่ามกลางเสียงแตร หวงจื่อเสียนภายใต้การติดตามของโค้ช, ทีมนำ, สาวสวย เดินออกมาจากอุโมงค์นักมวย
บนเอวอีกฝ่ายคาดเข็มขัดทอง ในบรรดารอยสักเต็มตัว วิญญาณร้ายสีเขียวตรงหน้าท้องสะดุดตาที่สุด
เขายืนอยู่นอกกรงแปดเหลี่ยมยกมือส่งสัญญาณให้ผู้ชม ทั่วทั้งค่ายมวยระเบิดเสียงเชียร์ดังลั่นขึ้นมาทันใด
นี่เป็นนักมวยที่ได้รับความนิยมที่สุดในบรรดารุ่นพยัคฆ์ในค่ายมวย
ชิ่งเฉินมองดูเงียบ ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะได้ปะทะซึ่งหน้ากับผู้เหนือมนุษย์ในแรงก์เดียวกัน ที่นี่ไม่มีกฎของสถานที่ต้องห้าม ในกรงแปดเหลี่ยมก็ไม่มีสภาพแวดล้อมที่เขาสามารถใช้ประโยชน์
สิ่งที่เรียกว่ากรงแปดเหลี่ยมนี้ก็คือที่ที่สัตว์ร้ายสองตัวต้องใช้ความยุติธรรมอันเด็ดขาดตัดสินผลแพ้ชนะ หรือว่าความเป็นความตาย
เวลานี้ หวงจื่อเสียนก็บังเอิญหันศีรษะมามองหน้าเขาอย่างสงบนิ่งพอดี
ถึงจะเป็นชิ่งเฉินซึ่งเคยประสบกับการต่อสู้ที่แท้จริงมาแล้ว ชั่วขณะนี้ในที่สุดก็เข้าใจว่าเวทีมวยก็คือเวทีมวย อีกฝ่ายเคยเป็นราชันของที่นี่ ทว่าตนเองเป็นแค่คนใหม่ถอดด้าม
ในห้องส่วนตัว หลี่อีนั่วมองดูฉากนี้อย่างเยือกเย็น “ปกติแล้วคนใหม่แข่งจัดอันดับถึงรุ่นพยัคฆ์จะไม่ใช่ราชามวยตัวเก๋าลงสนามอีกเป็นอันขาด เจียงเสี่ยวถังดูท่าจะอยากให้กวงเสี่ยวถู่สร้างชื่อในนัดเดียว กลายเป็นต้นไม้เงินให้ค่ายมวยไห่ถังของเธอ”
หนานเกิงเฉินเอ่ยอย่างสงสัยว่า “เจียงเสี่ยวถังเป็นใครครับ?”
“ก็คือผู้หญิงที่สวมชุดสีทองคนนั้นตอนที่พวกเราเพิ่งเข้ามา” หลี่อีนั่วกล่าว “เธอเป็นบอสของค่ายมวยไห่ถังนี่ แล้วก็เป็นผู้หญิงที่ชมรมทั้งหมดในเมืองหมายเลข 18 ไม่อยากจะตอแยมากที่สุด”
“แต่ผมนึกว่าเธอจัดให้ราชามวยสู้กับกวงเสี่ยวถูเพราะอยากยุติการจัดอันดับของกวงเสี่ยวถู่ซะอีกครับ ถึงยังไงนี่เป็นราชามวยรุ่นพยัคฆ์เลยนะครับ” หนานเกิงเฉินเอ่ยอย่างกังขา
“เพราะว่าฉันพนันว่ากวงเสี่ยวถูจะผ่านด่าน ดังนั้นเธอมั่นใจว่ากวงเสี่ยวถูไม่ว่าจะเจอกับใครที่รุ่นพยัคฆ์ก็ต้องชนะแน่” หลี่อีนั่วมองไปทางหนานเกิงเฉิน “ผู้หญิงที่เฉลียวฉลาดประเภทนี้แม้แต่คำพูดยังใช้น้ำผึ้งเคลือบพิษ ฉันยังคงชอบประเภทอย่างคุณมากกว่านะเบบี๋”
หนานเกิงเฉินเงียบงันไปครึ่งค่อนวัน “แยกแยะได้ยากมากเลยว่าคุณกำลังชมผมหรือว่าด่าผม”
“ชู่” หลี่อีนั่วมองไปทางกรงแปดเปลี่ยม “เริ่มแล้ว”
เพียงแต่ครั้งนี้ ตั้งแต่วินาทีแรกที่เริ่มต้น หวงจื่อเสียนก็ใช้การโจมตีอันดุดันโจมตีชิ่งเฉินไปที่ขอบกรงแปดเหลี่ยม
ชิ่งเฉินอยากจะทำอย่างนัดแรก ใช้แขนทั้งคู่ป้องกันส่วนสำคัญ จากนั้นค่อยศึกษาจังหวะการโจมตีของอีกฝ่ายอย่างช้า ๆ
แต่หวงจื่อเสียนฟาดขามาทีเดียวถึงกับทำให้เขาลอยออกไปอย่างรุนแรงเลย
จนกระทั้งตอนนี้ชิ่งเฉินจึงคิดขึ้นมาได้ว่า ถึงระดับของพวกเขานี่ น้ำหนักตัวไม่เพียงพอจะสร้างเป็นป้อมปราการให้พวกเขาอีกแล้ว
เพราะว่าพลังที่พวกเขาแต่ละคนครอบครองล้วนเพียงพอที่จะเพิกเฉยต่อน้ำหนักตัวหนึ่งร้อยกว่าจิน
ความเจ็บปวดอันรุนแรงกระจายไปตามแขน แล้วก็แผ่นหลัง
แม้แต่ตาข่ายสีดำของกรงแปดเหลี่ยมที่เขากระแทกใส่ยังผิดรูป!
ในห้องส่วนตัว หลี่ถงอวิ๋นกับหนานเกิงเฉินกำหมัดแน่นพร้อมกัน
เห็นเพียงเด็กหญิงมีน้ำตาใส ๆ เอ่อคลอในดวงตาขึ้นทันที
ครั้งนี้แม้แต่หลี่อีนั่วยังค้นพบปัญหาแล้ว ประสบการณ์ต่อสู้ของชิ่งเฉินยังน้อยเกินไป
ขณะนี้ ลูกน้องข้างกายเจียงเสี่ยวถังเอ่ยเสียงค่อยว่า “เด็กหนุ่มนี่เหมือนจะไม่มีประสบการณ์ต่อสู้ระยะประชิดอะไรเลยนะครับ……”
เจียงเสี่ยวถังผู้ทรงเสน่ห์มองกรงแปดเหลี่ยม กล่าวอย่างไม่แยแสว่า “ถ้าเด็กหนุ่มนี่เป็นแค่แจกันดอกไม้ งั้นก็แค่ทำให้สถิติต่อสู้ของหวงจื่อเสียนยอดเยี่ยมขึ้น ไม่ว่าใครชนะใครแพ้ ค่ายมวยล้วนไม่ขาดทุน คุณเคยเห็นเจ้ามือเสียเงินเมื่อไหร่กัน?”
“แต่ว่า……” ลูกน้องกล่าว
เจียงเสี่ยวถังมองเขากึ่งยิ้มกึ่งบึ้ง “แต่ฉันรู้สึกว่าเขาจะไม่แพ้”
“เพราะอะไรครับ?” ลูกน้องเอ่ยอย่างแปลกใจ
เจียงเสี่ยวถังไม่ได้พูดอะไรมากความอีก
พูดยังไม่ทันขาดคำ
ชิ่งเฉินฉวยโอกาสก่อนที่การโจมตีครั้งต่อไปของหวงจื่อเสียนมาถึงลุกขึ้นยืนทันที เขารู้ว่า ระหว่างการต่อสู้ถ้าหากเสียจุดศูนย์ถ่วง นั่นก็ได้แต่ถูกเชือดตามใจชอบแล้ว
เห็นเพียงการโจมตีของหวงจื่อเสียนประดุจพายุฝนโหมกระหน่ำ ตกลงมาจากฟากฟ้าอย่างบ้าคลั่ง กระแทกใส่ร่างของชิ่งเฉินอย่างแน่นขนัด
ชิ่งเฉินรู้สึกเพียงว่าตนเองราวกับถูกรถบรรทุกชน ตลอดทั้งกายล้วนปริแตก
เขาอยากจะโจมตีสวนกลับอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งตอนที่เขาอยากจะสลับจากรับเป็นรุก การโจมตีของอีกฝ่ายล้วนบังคับให้เขาจำเป็นต้องใช้สองแขนกลับไปกัน
ชิ่งเฉินใช้แขนทั้งคู่กั้นอยู่ข้างหน้าอย่างยากลำบาก จับจ้องอีกฝ่ายทะลุรอยแยกของสองแขนเขม็ง
หวงจื่อเสียนก็ใช้แววตาอันไร้คลื่นลมมองเขาผ่านรอยแยก ทั้งสองฝ่ายล้วนทราบว่า ถ้าหากไม่เกิดเหตุเหนือคาด การต่อสู้จวนจะยุติลงแล้ว
การต่อสู้จริงกับการถกการทหารบนกระดาษไม่เหมือนกันอย่างที่คิดเลย
วินาทีถัดมา ม่านตาของชิ่งเฉินหดลงอย่างปุบปับ
ในความทรงจำ เสียงของเยี่ยหว่านเหมือนจะสะท้อนอยู่ในเรือนจำหมายเลข 18 อันมืดมิด “เสี่ยวเฉิน ถ้าคู่ต่อสู้แรงก์เท่ากับคุณ แต่ประสบการณ์กับทักษะเหนือคุณลิบลับ คุณควรจะทำยังไง?”
ชิ่งเฉินคิด “หนี?”
เยี่ยหว่านกล่าวว่า “ถ้าหนีไม่พ้นล่ะ”
ชิ่งเฉินคิดแล้วกล่าวว่า “ถ้าเป็นคุณเจอกับคู่ต่อสู้ที่แรงก์เท่ากัน แต่อีกฝ่ายประสบการณ์กับทักษะเหนือคุณลิบ แม่เยี่ยคุณจะทำยังไง?”
“ผม?” เยี่ยหว่านยิ้มเอ่ยว่า “ถ้าสู้ไม่ได้จริง ๆ งั้นก็ลองสัญชาตญาณกับความกล้า เสี่ยวเฉินคุณจำไว้นะ มีแค่คนที่คนที่กลัวแพ้เกินไป คิดคำนวณผลได้ผลเสียเกินไปจึงจะทำแค่ป้องกัน”
ในกรงแปดเหลี่ยม หวงจื่อเสียนโจมตีราวกับพายุคลั่งฝนโหม อยากจะใช้การถล่มครั้งแล้วครั้งเล่าระเบิดสองแขนป้องกันของชิ่งเฉินให้เปิดออก แต่ทว่าพริบตาถัดมาจู่ ๆ เขาเห็นเด็กหนุ่มกำลังยิ้มผ่านรอยแยกนั้น
ชิ่งเฉินคิดในใจว่า ใช่แล้ว ทำไมต้องท้าทายจุดแข็งของคนอื่นล่ะ?
ชิ่งเฉินยังไม่ได้สั่งสมประสบการณ์และทักษะอย่างเพียงพอ แต่เขาก็มีจุดแข็งของตัวเอง นั่นก็คือเขาไม่เคยกลัวเสียชีวิตเลย!
ใช่ ถ้าทักษะสู้คนเขาไม่ได้ งั้นก็ลองใช้ชีวิตที่มุมานะของคุณ สัญชาตญาณต่อสู้ เจตจำนงอันเด็ดเดี่ยว!
ยังมีความกล้าหาญที่จะมุ่งหน้าไป!
พริบตานั้น ชิ่งเฉินจู่ ๆ กางแขนทั้งคู่โถมใส่อีกฝ่าย เขาปล่อยให้หมัดของอีกฝ่ายโจมตีตนเอง จากนั้นทนรับทุกสิ่งนี้แล้วเริ่มออกหมัด
เขามีร่างกายของอัศวินอันแข็งแกร่ง ขอเพียงอีกฝ่ายไม่อาจเอาชีวิตเขาในท่าเดียว งั้นเขายังมีโอกาสใช้บาดเจ็บแลกบาดเจ็บ ใช้ชีวิตแลกชีวิต!
โอกาสมีเพียงหนึ่งครั้ง!
ในพริบตาดุจประกายไฟ!
ชิ่งเฉินต้านรับหนึ่งหมัดที่ชกใส่แก้มของหวงจื่อเสียน แล้วก็ฮุกหมัดโจมตีไปที่ซี่โครงขวาของอีกฝ่าย
วินาทีต่อมา เขาต้านรับหนึ่งหมัดที่โจมตีซี่โครงขวาตนเองของหวงจื่อเสียน แล้วก็โจมตีหนึ่งหมัดใส่แก้มของอีกฝ่าย
ถึงเขาจะไม่มีทักษะโจมตีและป้องกัน แล้วก็ไม่เข้าใจว่าจะควบคุมจังหวะการโจมตีอย่างไร ถึงขนาดที่ไม่เข้าใจว่าจะออกหมัดชุดได้อย่างไร แต่ว่าเขามีหนึ่งชีวิต!
อีกอย่าง ความเร็วกับกำลังของเขาไม่เคยด้อยกว่าหวงจื่อเสียน
หลังจากแลกหมัดกันไปสองที
หวงจื่อเสียนถอยไปข้างหลังเงียบ ๆ อีกฝ่ายดึงระยะห่างออกในชั่วพริบตา
ชิ่งเฉินยิ้มแล้ว ถึงเลือดจะไหลอาบแก้ม แต่ไม่อาจห้ามไม่ให้เขายิ้มอย่างสดใสเป็นพิเศษ
นอกกรงแปดเหลี่ยม หลี่ซูถงก็ยิ้มตามชิ่งเฉิน เขาทราบแล้วว่านักเรียนคนนี้ของตนเองเข้าใจถึงแก่นแท้ของการต่อสู้แล้ว
การต่อสู้ประชิดแบบถึงเป็นถึงตายไม่ใช่เวลาจะมาต่อรองผลได้ผลเสีย ไม่ใช่คุณแทงผมหนึ่งมีด ผมแทงคุณหนึ่งมีด จากนั้นบอกว่ารอบนี้ไม่ขาดทุนก็ดีแล้ว
การต่อสู้ประชิดแบบถึงเป็นถึงตายคือการฆ่าอีกฝ่ายให้ตายโดยไม่เสียดายราคา ตนเองได้รับบาดเจ็บมากอีกสักเท่าไหร่ก็ไม่เป็นไร
นอกเวทีมวย ผู้ชมทั้งหมดกำลังเดือดพล่าน พวกเขาคิดไม่ถึงว่าชิ่งเฉินจู่ ๆ จะเปลี่ยนวิธีสู้ และวิธีสู้แบบใช้บาดเจ็บแลกบาดเจ็บประเภทนี้นั้นดุเดือดที่สุดในมวยมืด แล้วก็น่าดูที่สุดด้วย!
วินาทีต่อมา ชิ่งเฉินโถมตัวไปก่อน ถึงกับเปิดเผยจุดอ่อนต่อหวงจื่อเสียนอย่างไม่หวั่นเกรง ส่วนตัวเขาเองเข้าสู่สภาวะโจมตีถ่ายเดียวโดยไม่ป้องกัน
เขาเคยพูดว่า ถ้าหากเป็นเทพเจ้าไม่ได้ งั้นก็เป็นสัตว์ป่า!
โมเมนตัมของหวงจื่อเสียนถูกยึดไปในชั่วขณะหนึ่ง ถึงกับเป็นเหมือนชิ่งเฉินตอนแรกสุด งอตัวเล็กน้อยใช้แขนทั้งคู่ป้องกันหน้าและซี่โครงทั้งสอง
ชิ่งเฉินทุบตีระบบป้องกันของหวงจื่อเสียนอย่างบ้าคลั่ง ไม่อาจไม่พูดว่า สายตาของอีกฝ่ายที่มองทะลุผ่านแขนทั้งคู่สามารถทำนายวิธีการโจมตีของเขาได้เสมอ
จากนั้นหวงจื่อเสียนจะปรับท่วงท่าให้สอดคล้อง แล้วพยายามใช้ข้อศอกมาฝืนรับหมัดของชิ่งเฉิน
นี่เป็นประสบการณ์อันน่ากลัวเป็นพิเศษ เป็นประสบการณ์ที่อีกฝ่ายสั่งสมจากการคลุกคลีบนเวทีมวยมาสิบกว่าปี!
สายตาของหวงจื่อเสียนยังคงสุขุม
ชิ่งเฉินตระหนักแล้วว่าหวงจื่อเสียนกำลังรอคอย รอหาโอกาส โจมตีตนเองจนถึงแก่ชีวิตในท่าเดียว
นี่ก็เป็นสัตว์ป่าที่แท้จริงตัวหนึ่ง เหมือนกับเฉาเวยในสถานที่ต้องห้าม ถึงแม้ว่าจะถูกคนยึดโมเมนตัมไปก็จะใช้สภาวะจิตใจอันแข็งแกร่งและมั่นคงนั้นของอีกฝ่าย ไล่ล่าหาโอกาสกำชัย
………………………………….
ตอนที่ 190 – ผมไม่ฆ่าคุณ