“มีอะไรหรือพ่อหนุ่ม”
“คือ..คุณแกริคอยากคุยกับท่านทั้งสองครับ” องอาจและสายพิณขมวดคิ้ว
“เขาเป็นคนรักของลูกสาวท่านครับ” แซคเมื่อเห็นว่าทั้งสองไม่รู้ว่าคนที่เขาเอ่ยเป็นใครเลยเฉลย ไม่ใช่ว่าพิรุณรักบอกพ่อกับแม่แล้วเหรอ หรือว่ายังไม่ได้บอก นี่เขาทำอะไรผิดไปรึเปล่า
“อ่อ..ไหนล่ะ” องอาจก็อยากจะทำความรู้จักคนรักของลูกสาวเหมือนกัน ไปบ้านเมืองเขาแบบนั้นไม่รู้ว่าลูกจะเป็นยังไง ผู้ชายที่ได้ขึ้นชื่อว่าพ่อของลูกในท้องของลูกสาว จะรักลูกสาวพวกเขาจริงรึเปล่า
“รอสักครู่ครับ” เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร แซคก็รีบต่อสายหาแกริคทันที เปิดกล้องตามที่เจ้านายหนุ่มสั่งมาตามสาย
องอาจรับโทรศัพท์ไปถือ เผยให้เห็นคนในหน้าจอที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย หน้าตาหล่อเหลาทรงผู้ดีแผ่ไปด้วยอำนาจทำให้องอาจหันไปมองหน้ากันกับภรรยา ลูกสาวเขาไปรู้จักคนแบบนี้ได้ยังไง
พิรุณรักลากกระเป๋าใบโตออกมาจากห้อง ทำให้ทุกคนหันไปมอง แซครีบลุกขึ้นไปช่วยยก
“เรียบร้อยแล้วรึ”
“ค่ะ” หญิงสาวอดใจหวิวๆ เหมือนกันที่ต้องไปไกลขนาดนี้
“เราต้องเดินทางแล้วครับ ผมขอลาตรงนี้เลยนะครับ” แซคลากกระเป๋าออกไปรอที่รถให้พ่อแม่ลูกได้ลากัน
“ปลายไปก่อนนะคะพ่อแม่ ดูแลตัวเองด้วยนะคะ” พิรุณรักกอดทั้งสองคนพร้อมร้องไห้สะอื้น
“คำนี้แม่สิต้องเป็นคนพูด เราไม่ได้ตัวคนเดียวแล้วนะ ต้องดูแลตัวเองมากๆ ถ้าอยู่ไม่ได้ก็กลับบ้านเรานะลูก”
หลังจากที่ได้คุยกับคนทางไกลองอาจและสายพิณมีลางสังหรณ์ว่าลูกสาวคนเดียวของพวกเขาจะไม่ได้กลับมาอยู่กับพวกเขาอีก
“ค่ะ ปลายขอโทษอีกครั้งนะคะที่ทำให้พ่อกับแม่ผิดหวังและตัดสินใจอะไรเอาแต่ใจแบบนี้” พิรุณรักไม่รู้จะพูดยังไงกับความรักที่พ่อกับแม่มีให้เธอ พวกท่านไม่เพียงแต่ไม่โกรธเธอแถมยังไม่ห้ามที่เธอจะไปหาแกริค
“สิ่งไหนที่ทำให้ลูกมีความสุขเราก็ไม่อยากขัด แต่ถ้าวันไหนที่ลูกรู้สึกว่าเป็นทุกข์ให้กลับมาที่บ้านเรานะลูก”
“ค่ะ” พิรุณรักกอดมารดาแน่น แล้วผละไปกอดบิดา
“ปลายจะโทรหานะคะ”
“เดินทางปลอดภัยนะลูก” สายพิณน้ำตาไหลหลังจากที่ลูกสาวขึ้นรถออกไป หัวอกคนเป็นแม่ ต้องห่วงลูกธรรมดา ถึงปากจะบอกเพื่อความสุขลูกแต่ก็อดห่วงไม่ได้
“ห้ามลูกดีไหมแม่” องอาจหันไปถามความเห็นภรรยา เกิดอยากเปลี่ยนใจ
“เรื่องมันมาถึงขนาดนี้แล้วพ่อ ทางนั้นก็เหมือนจะจริงใจกับลูกเรามาก”
หลังจากที่ได้คุยกับแกริคผ่านโทรศัพท์ฝ่ายนั้นก็แสดงความจริงใจให้เห็น
พิรุณรักรู้สึกตื่นเต้นที่ได้รู้ว่าเดินทางด้วยเครื่องส่วนตัว การเดินทางของเธอจึงไม่ติดขัดหลังจากที่ห่วงว่าอาจจะมีผลกระทบต่อลูกในท้อง เธอก็ไม่ต้องกังวล
และตอนนี้เธอก็มายืนอยู่ในโรงพยาบาลหน้าห้องพักของแกริค มือเรียวเล็กบีบเข้าหากันแน่น รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่จะได้พบหน้าเขา หลังจากที่ไม่ได้พบกันมานานเป็นเดือนๆ เสียงพูดคุยดังออกมาจากในห้อง
“เข้าไปเถอะครับคุณริครอคุณอยู่” แซคที่ยืนอยู่ข้างๆ เป็นคนบอกหญิงสาว
ทางด้านในห้อง แกริคมองไปที่ประตูอย่างใจจดใจจ่อหลังจากที่แซคแจ้งว่าได้มาถึงโรงพยาบาลแล้วพร้อมพิรุณรัก
“สรุปว่าเธอท้องจริงไหม” เกรสันถามน้องชาย
“ฉันยังไม่รู้” ที่ยังไม่รู้เพราะแซคยังไม่ได้ถามเรื่องนี้จากพิรุณรักแต่จากที่สังเกตมีความเป็นไปได้ว่าแฟนสาวของเขาอาจจะท้อง
“นายมั่นใจกับคนนี้มาก”
“ใช่ เลิกถามฉันแล้วกลับไปทำงานของนายไป จะมาเฝ้าฉันทำไมทั้งวัน” แกริคพูดอย่างหัวเสีย เกรสันรู้ว่าวันนี้น้องสะใภ้จะมาเขาเลยอยากมาดูให้เห็นกับตา
“ฉันมารอดูหน้าน้องสะใภ้” เกรสันยักไหล่ ปักหลักต่ออยู่ในห้อง แกริคชิปากอย่างหัวเสีย
ก๊อกๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้นทำให้ทั้งสองคนหันไปมอง ประตูค่อยๆ เปิดเข้ามาทีละนิดหลังจากสิ้นเสียงเคาะ
“ขออนุญาตครับ” เป็นแซคที่โผล่หน้าเข้ามา แกริครู้สึกว่าหัวใจเขาเต้นระทึกอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน เหมือนเด็กหนุ่มพึ่งหัดรักที่จะได้เจอหน้าแฟนสาว
มองเลยไปข้างหลังของคนสนิทแต่ก็ยังไม่เห็นคนที่อยากเจอ แกริคขมวดคิ้วเข้าหากัน มองหน้าแซคอย่างต้องการคำตอบ
“อย่ามองหน้าผมอย่างนั้นสิครับ ผมพาเธอมาได้แน่นอนครับ มาสิครับคุณปลายมีคนคิดถึงคุณใจจะขาดอยู่แล้ว” แซคหันกลับไปเรียกสาวเจ้าที่ไม่กล้าเดินเข้ามา เขาก็ไม่เข้าใจว่าเธอจะกลัวอะไร อย่างกับไม่เคยเห็นหน้ากัน
พิรุณรักบีบมือตัวเองแน่น ค่อยๆ เดินเข้ามา เธอกลัว กลัวที่จะเห็นเขาเจ็บ แกริคจ้องไปข้างหน้าไม่วางตา ทันทีที่เห็นร่างบางเดินเข้ามา เขาก็ยันตัวเองให้ลุกขึ้นพิงหัวเตียง สายตาจับจ้องอยู่ที่ร่างบางคนที่เขาแสนคิดถึง
พิรุณรักมีน้ำมีนวลขึ้นจริงๆ ถึงหน้าตาจะเศร้าๆ ไปบ้าง เขารู้ว่าเธอต้องเสียใจแค่ไหนในวันที่ไม่เห็นเขากลับไป เขาอยากจะฆ่าพี่ชายตัวดีที่จัดการทุกอย่างเองโดยไม่คำนึกถึงความรู้สึกของคนรอบข้างเขาสักนิด
สองคนจ้องตากันไม่มีใครยอมหลบ สื่อความหมายทางสายตาว่าคิดถึงกันแค่ไหน พิรุณรักมองสำรวจเขาตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า เม้มปากแน่น น้ำตาไหลออกมาทางห่างตาทันทีที่เห็นว่าเขาเจ็บแค่ไหน
“ปลายฝน” ในที่สุดแกริคก็เรียกชื่อเธอ ทันทีที่ได้ยินชื่อตัวเองพิรุณรักก็วิ่งเข้าไปหาเขา โผล่เข้ากอดเขาอย่างแสนคิดถึง ร้องไห้สะอื้นอย่างหนัก
“คุณเป็นอย่างยังไงบ้าง” ร่างบางซบอกแกร่ง กอดเขาแน่น เพื่อให้แน่ใจว่าเขายังอยู่ตรงนี้กับเธอจริงๆ ตลอดเวลาที่ห่างกันเธอไม่คิดว่าตัวเองจะได้เจอเขาอีก คิดอยู่ตลอดว่าเขาคงทิ้งเธอไปแล้ว
“เด็กดีไม่ร้อง ฉันไม่เป็นอะไร” แกริคลูบหัวทุยเบาๆ เพื่อปลอบขวัญ เขาคิดว่าเธอจะโกรธเขาจนไม่อยากพูดด้วย ไม่ยอมมากับแซคง่ายๆ แต่ผิดคาด ถือว่าแซคทำงานได้ดี
“คุณเจ็บหนักขนาดนี้บอกไม่เป็นไรได้ยังไง” พิรุณรักเงยหน้าขึ้นจับหน้าเขาเพื่อสำรวจ ลูบไล้ไปตามร่างแกร่งดูว่ามีแผลตรงไหนรึเปล่า แกริคได้แต่กัดฟันแน่น
“ฉันไม่เป็นไร เธอเป็นยังไงบ้าง” แกริคสำรวจร่างบางไม่ต่างกัน
“หนูสบายดีค่ะ หนูออกจากงานแล้วนะคะ”
“ฉันรู้” พิรุณรักคิดว่าเขาคงรู้เรื่องทุกอย่างแล้ว มือสากลูบใบหน้าสวยปัดคราบน้ำตาออกให้
“อะแฮมๆ” เสียงขัดจังหวะดังขึ้นจากด้านหลัง แกริคกลอกตา พิรุณรักเหมือนพึ่งจะรู้สึกตัว ลืมว่ามีคนอยู่ในห้องนี้กับเขาด้วย รีบผละออกจากร่างแกร่งยืนตัวตรงหันกลับไปมองคนที่อยู่ในห้อง เธอก็เจอกับคนตัวโตหน้าตาหล่อเหล่าไม่แพ้แกริคและมีส่วนคล้ายกันมาก
“นี่เกรสันพี่ชายฉัน นี่พิรุณรัก คนรักของฉัน” แกริคแนะนำทั้งสองคนให้รู้จักกัน อีกคนยกยิ้มมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า ส่วนอีกคนหัวใจเต้นรัวเร็วที่ถูกแนะนำว่าเป็นคนรักต่อหน้าพี่ชายของเขา
“ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณพิรุณรัก” เกรสันยื่นมือมาตรงหน้า เรียกชื่อหญิงสาวด้วยสำเนียงแปร่งๆ ออกเสียงไม่ชัด
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ เรียกดิฉันว่าปลายฝนก็ได้ค่ะ” พิรุณรักยื่นมือออกไปจับทักทายตามมารยาท และเห็นว่าชื่อตัวเองคงเรียกอยากไปสำหรับเขาเลยแนะนำให้เรียกชื่อเล่น
“ปลายฝน”
“ค่ะ”
“ปลายฝน” เกรสันลองเรียก และมันก็ง่ายกว่าเรียกชื่อจริงของเธออยู่มาก
“รู้จักแล้วนายก็ควรกลับไปทำงานได้แล้ว” แกริคไล่พี่ชาย
“คุณปลายฝนมาเหนื่อยๆ ทานข้าวรึยังครับ ออกไปหาอะไรอร่อยๆ ทานกันไหมครับ” เกรสันไม่สนใจเสียงน้องชาย
“เอ่อ…” พิรุณรักมีท่าทีอึกอักที่โดนชวนกะทันหันแบบนี้ เธอหันไปหาแกริค
“เลิกกวนประสาทฉันได้แล้ว กลับไป และถ้าไม่จำเป็นก็ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้า” แกริคพูดอย่างหัวเสีย คนพึ่งจะได้เจอหน้าเมีย ยังจะมาแยก
“ฮ่าๆ” เกรสันหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขารู้แล้วว่ามันหวงคนของขนาดไหน นี่น้องเขาจะมีเมียเป็นตัวเป็นตนแล้วสินะ
“กวนประสาท” แกริคยังสบถต่อ พิรุณรักมองสองพี่น้องอย่างไม่เข้าใจ