เช้าวันต่อมาพิรุณรักได้ยื่นใบลาออกที่ฝ่ายบุคคล เพื่อนในแผนกต่างพากันเศร้าและเห็นใจหญิงสาว แต่ไม่มีใครรู้ว่าเธอตั้งท้อง
“คิดดีแล้วเหรอปลาย” ทศนัยถาม
“ค่ะ ปลายคิดไว้ตั้งนานแล้วว่าอยากกลับไปอยู่ที่บ้านช่วยพ่อแม่ทำสวน”
“ปลายแกจะทิ้งฉันเหรอ” หทัยรัตน์เดินเข้ามากอดเพื่อน
“แกไปหาฉันก็ได้”
“แกไม่รออีกหน่อยเหรอ ไม่แน่พรุ่งนี้มะรืนนี้คุณแกริคเขาอาจจะกลับมา” พิรุณรักส่ายหน้า เธอไม่รออีกแล้ว ถึงมันจะเป็นเวลาไม่นานที่เขาหายไปขาดการติดต่อ แต่แค่นี้มันก็ยืนยันได้แล้วว่าเขาต้องการจะตัดขาดจากเธอจริงๆ เพราะถ้าเขายังต้องการเธออยู่ไม่มีความจำเป็นสักนิดที่เขาจะหายไปแบบนี้ เขาควรจะโทรหาเธอสักนิด บอกเหตุผลว่าทำไมถึงไม่กลับมา
แต่นี่เขากลับประเทศเขาไปโดยทิ้งเธอไว้เพียงลำพังกับลูกที่กำลังจะเกิดมา เธอคงหวังมากเกินไป แกริคเหมือนหายเงียบเข้ากรีบเมฆ ตอนแรกเธอกลัวว่าเขาจะเกิดอุบัติเหตุรึเปล่า แต่ก็ไม่ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเขาคงลงข่าวหน้าหนึ่งหรือไม่อาเธอร์ต้องรู้ แต่ไม่มีข่าวอะไรเกี่ยวกับเขาเลย
“ฉันตัดสินใจแล้ว ขอบคุณทุกคนมากนะคะ” พิรุณรักจะทำงานจนถึงสิ้นเดือนแล้วลาออก ข่าวที่เธอลาออกดังไปทั่วบริษัท
“ตกกระป๋องแล้วงั้นสิ ถึงกับทนอยู่ที่นี่ไม่ได้”
“ฉันว่าแล้ว อย่างมากก็เป็นได้แค่นางบำเรอ”
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังไปทั่วบริษัท ทำให้พิรุณรักไม่ค่อยได้ออกไปกินข้าวไหน หทัยรัตน์จะเป็นคนซื้อมาให้เธอตลอด ยิ่งเธออยู่ในช่วงแพ้ท้องด้วยยิ่งลำบาก ดีที่เธอจะอ้วกแค่ตอนเช้า อารมณ์ก็ไม่ปกติ บางวันก็แอบร้องไห้คนเดียว
ที่ประเทศอิตาลี สำนักงานใหญ่ของตระกูลซีคีเลียโน เกรสันนั่งหน้าเครียดอยู่กับบิดา
“ไม่คิดว่ามันจะกลับมาลอบกัดเราแบบนี้” เจสันพูดหน้าเครียดไม่ต่างกัน
“คราวนี้ผมไม่มีทางปล่อยมันไปอีกแน่” สองสามอาทิตย์ที่ผ่านมาเขาและบิดาต้องวิ่งเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น
“ถอนรากถอนโคนมันให้หมด” เจสันพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด ถึงเขาจะอายุมากแล้วแต่สมัยหนุ่มๆ เจสันก็เป็นคนที่ใจร้อนใช่เล่น ความเด็ดขาดไม่ได้หายไปไหน แต่บทบาทหน้าที่ต่างๆ ถ่ายทอดให้ลูกชายทั้งสองคนดูแล เพราะเขาอยากใช้ชีวิตสบายๆ บ้าง
แต่คราวนี้มีคนมาทำให้ลูกชายเขาเกือบตายเขาก็จะไม่ปล่อยมันไว้เหมือนกัน
เกรสันอดรู้สึกผิดไม่ได้ ถ้าเขาไม่คะยั้นคะยอให้แกริคเดินทางไปสิงคโปร์เรื่องทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้ มอร์แกน เมสัน ไอ้หมาลอบกัด หลังจากที่มันหายไปสองปี หนีรอดจากการตามล่าของตระกูลซีคีเลียโนไปได้ หลังจากที่มันลอบทำร้ายบิดาของเขาบาดเจ็บ นึกไม่ถึงว่ามันจะไม่เข็ด
การที่มันรู้ว่าแกริคเดินทางไปสิงคโปร์คราวนี้มันคงมองดูความเคลื่อนไหวของเราอยู่ตลอดเวลา และคงรอเวลาที่จะแก้แค้น
หลังจากที่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเกรสันก็ได้เห็นภาพที่ทำให้ใจเขาสั่นสะเทือน รถของแกริคเกิดระเบิดขึ้นอย่างแรงหลังจากขับออกมาจากร้านอาหารแห่งหนึ่งในประเทศสิงคโปร์ ในรถมีเพียงแกริคและแซคลูกน้องคนสนิทเท่านั้น
มันเป็นเพราะความชะล่าใจเกินไป วันนั้นแกริคไม่ได้นำลูกน้องไปด้วย ทำให้ไม่ได้รับการคุมครองหรือตรวจสอบอย่างที่ควรจะเป็น
แต่ยังดีที่ทั้งสองคนมีสติ สามารถกระโดดลงมาจากรถได้ แต่ระเบิดที่มีความแรงและเศษซากของรถที่กระจายไปทั่วทำให้ทั้งสองคนบาดเจ็บสาหัส ตอนนี้อาการคงที่ยังไม่มีใครฟื้น
เกรสันจัดการปิดข่าวทุกช่องทางไม่ว่าจะเสียเงินมากแค่ไหนก็ตาม เพราะถ้ามีข่าวออกไปว่าแกริคซีคีเลียโน โดนระเบิด ทุกอย่างต้องวุ่นวายแน่เพราะซีคีเลียโนไม่ได้มีศัตรูแค่คนเดียว แต่ก็ไม่มีใครหน้าไหนกล้าลูบคมพวกเขาเท่า มอร์แกน เมสัน เพราะทุกคนรู้ว่าคงไม่ได้ตายดี
ถึงบ้านเมืองจะมีกฎหมายแต่เงินก็สามารถซื้อได้ทุกอย่าง การที่เขาจะฆ่าใครสักคนไม่ใช่เรื่องยาก แต่พวกเขาเลือกที่จะไม่ทำ
“ถึงแด๊ดไม่บอกผมก็จะทำ” เกสันกัดกรามแน่น ในใจเขาไม่เคยสงบเลยตั้งแต่แกริคเกิดอุบัติเหตุ สั่งให้ลูกน้องกระจายกำลังตามหาตัวการ เขาเชื่อว่ามันยังไม่ได้ไปไหนไกล เพราะมันต้องรอดูผลงานก่อน การที่เกรสันไม่ปล่อยให้ข่าวรอดออกไปเพราะอยากจะล่อคนร้ายให้มันมาดูด้วยตัวเอง ว่าแกริคตายรึยัง
เสียงโทรศัพท์เลขาของเกรสันขัดการสนทนาของสองพ่อลูก แฮกรับโทรศัพท์โดยไวเมื่อเห็นว่าเป็นโรงพยาบาลโทรมา
“ครับขอบคุณมากครับ” คุยไม่ถึงนาทีก็วางสาย
“แซคฟื้นแล้วครับ” แฮกแจ้งข่าวดีที่หมอโทรมาบอก
“ผมจะไปโรงพยาบาลแด๊ดไปด้วยไหมครับ” เกรสันลุกขึ้นหันมาถามบิดา
“ไปสิ”
ทั้งหมดเดินทางมาโรงพยาบาลทันทีที่รู้ว่ารู้น้องคนสนิทของแกริคฟื้น
“คนไข้รู้สึกตัวแล้วครับ เราได้ย้ายคนไข้ออกมาอยู่ห้องธรรมดาแล้วครับ” หมอรายงานทันทีที่เห็นทั้งสองคน
“แล้วริคล่ะ”
“คุณแกริคยังไม่มีอาการตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้นครับ เราคงได้แค่รอ” ในความหมายของหมอคือ ไม่รู้ว่าแกริคจะฟื้นเมื่อไหร่ขึ้นอยู่กับร่างกายและการตอบสนองของคนไข้ พูดง่ายๆ คือเหมือนเป็นเจ้าชายนิทราที่รอเวลาฟื้นคืนชีพอีกครั้ง
“แด๊ดเชื่อว่าน้องต้องกลับมา” เจสันตบไหล่ลูกชายเบาๆ เกรสันพยักหน้า
“ผมก็เชื่อครับ”
“เราจะขอเยี่ยมแซคได้ไหมครับ”
“ได้ครับ แต่ได้แค่สิบนาทีนะครับหมออยากให้คนไข้ได้พักผ่อน”
“ครับ”
เกรสันเดินเข้ามาในห้องพัก เห็นแซคที่มีผ้าพันแผลไปทั่วตัว
แซคที่นอนลืมตาอยู่เมื่อเห็นเจ้านายอีกคนก็จะขยับตัว
“ไม่ต้อง”
“คุณริค คุณริคเป็นยังไงบ้างครับ” แซคพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า ตอนนี้เขายังขยับร่างกายไม่ได้มากนัก
“ยังไม่ฟื้น” เกรสันตอบด้วยน้ำเสียงปกติ แซคหลับตา รู้สึกผิดที่ทำงานสะเพร่า
“เป็นความผิดของผมเองครับ”
“ใช่ เป็นความผิดของนายที่ทำงานหละหลวม โชคดีแค่ไหนที่นายรอดมาได้” แซคน้อมรับความผิดของตัวเอง ถ้าวันนั่นเขาไม่ยอมเชื่อแกริค ทุกอย่างก็คงไม่เป็นแบบนี้ แกริคสั่งไม่ให้นำลูกน้องไปด้วย เพราะกลัวว่าจะเป็นการไม่ให้เกียรติคู่ค้า
“ผมหลับไปนานแค่ไหนครับ”
“เกือบสองอาทิตย์” แซคตกใจไม่น้อยที่รู้ว่าตัวเองหลับไปนานขนาดนั้น
“ผมขอโทษครับท่าน” แซคขอโทษเจสันอีกครั้งเมื่อเห็นว่าใครเดินเข้ามา
“พักผ่อนให้มากๆ รีบหายแล้วรีบมาจัดการคนที่มันกล้าลอบกัดเรา”
“ใครครับ”
“มอร์แกน” แซคกัดฟันกรอกเมื่อได้ยินชื่อนี้
“ผมจะไม่ปล่อยมันไว้”
“ดี”
“คุณริคจะฟื้นเมื่อไหร่ครับ” แซควนกลับมาถามเรื่องเจ้านายต่อ
“ไม่รู้ แม้แต่หมอยังบอกไม่ได้ว่าน้องชายฉันจะฟื้นเมื่อไหร่ แต่ฉันเชื่อว่าริคมันต้องฟื้น เหมือนที่นายฟื้น” แซคพูดไม่ออกเมื่อได้ยินแบบนั้น นี่เป็นอุบัติเหตุที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยเกิดมา แซครู้สึกเสียใจจริงๆ น้ำตาลูกผู้ชายคลอเบ้า เขาอยากจะแลกชีวิตกับแกริคด้วยซ้ำ อยากจะเป็นคนที่นอนแล้วไม่ฟื้น เปลี่ยนให้แกริคฟื้นขึ้นมาแทนเขา
เขาจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดี หลังจากที่ขับรถออกมาจากร้านอาหารที่ทางเอเย่นสิงคโปร์พาไปเลี้ยง เขาก็รับรู้ว่ารถมีบางอย่างผิดปกติ แต่เขารู้ช้าไปเพราะระเบิดทำงานเร็วมาก เขาตะโกนบอกแกริคให้กระโดดลงจากรถทันที แต่แรงระเบิดมันแรงมาก ทำให้หลังจากนั้นเขาก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย ดีแค่ไหนแล้วที่รอดมาได้
“มีคนจากเมืองไทยติดต่อมาบ้างไหมครับ” ไม่รอช้าถามในสิ่งที่อยากรู้ เขารู้ว่าแกริคหวงอะไรที่สุด ถ้าไม่ใช่หญิงสาวที่อยู่เมืองไทย