“วันนี้วันที่สองค่ะ และวันนี้คุณริคก็บอกว่าจะกลับมา นี่ก็จะวันใหม่แล้วปลายกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้น” พิรุณรักคิดไปต่างๆ นานากลัวว่าเขาจะเกิดอุบัติเหตุหรือเกิดอะไรขึ้น
“งั้นผมจะลองโทรหาแซคให้เอง” ว่าแล้วกรวิทย์ก็กดโทรออกเบอร์ของแซคไม่นานปลายสายก็รับแต่กรวิทย์ไม่ได้เอ่ยปากพูดเพราะต้องหยุดฟังฝ่ายนั้นพูด ไม่นานก็วางสาย
“ไม่รับครับ”
เพราะสองสาวนั่งเยื้องฝั่งข้างเลยไม่เห็นว่าหน้าจอโทรศัพท์ของกรวิทย์เป็นยังไง
พิรุณรักยิ่งเกิดความกังวลหนัก
“ไม่เป็นไรค่ะ” พิรุณรักพูดหน้าเศร้าลุกขึ้นเตรียมกลับห้อง
“เขาอาจจะไม่เป็นไรก็ได้แก ไม่คิดมากนะ” หทัยรัตน์ลุกตามเพื่อนเดินเข้ามากอด
“ฉันอาจคิดมากไปเอง แกไปนอนเถอะ ขอบคุณมาก ขอบคุณมากนะคะคุณกร”
“ครับ”
กรวิทย์มองตามสองสาวที่เดินไปส่งกันหน้าห้องด้วยสีหน้าเครียดๆ เดินเข้าห้องนอนโทรหาแซคอีกครั้ง
ทางด้านพิรุณรักเมื่อกลับเข้ามาในห้องของตัวเอง เธอก็ตัดสินใจโทรหาแซคอีกครั้ง แต่ปรากฏว่าปิดเครื่อง ต้องเกิดอะไรขึ้นแน่ๆ ความรู้สึกของเธอตอนนี้บอกว่าต้องเกิดอะไรขึ้นกับแกริคแน่ๆ ความกังวลทำให้เธอนอนไม่หลับ
พิรุณรักเผลอหลับไปใกล้ช่วงฟ้าสาง เธอหวังว่าตื่นขึ้นมาจะเห็นแกริคอยู่ในห้อง แต่ก็ไม่มี พอตื่นเธอก็รีบโทรหาเขาอีกครั้งแต่ก็ไม่ติดเหมือนเดิม โทรหาแซคก็ไม่ต่างกัน
เช้าวันนี้พิรุณรักมาทำงานด้วยใบหน้าหม่นหมองจนคนรอบๆ สังเกตเห็นแต่ไม่กล้าเข้าไปถามว่าเป็นอะไร จนหทัยรัตน์เดินเข้าไปหา
“เป็นยังไงบ้างแก” พิรุณรักส่ายหน้า เธอคิดอะไรไม่ออกแล้วตอนนี้
“ลองไปถามคุณอาเธอร์ดูไหมแก” คำแนะนำของหทัยรัตน์ทำให้พิรุณรักตาโต ใช่เธอลืมคุณอาเธอร์ไปได้ยังไง
“ใช่ ฉันไปก่อนนะหวาน” พิรุณรักดีดตัวขึ้นแล้วรีบขึ้นไปข้างบนทันที พอมาถึงหน้าห้องของอาเธอร์ก็แจ้งเลขา
“คุณอาเธอร์ไม่อยู่ค่ะ เดินทางไปประเทศมาเลเซีย” พิรุณรักหน้าหมองลงทันทีที่ได้ยินแบบนั้น
“แล้วคุณอาเธอร์จะกลับมาเมื่อไหร่คะ”
“อาทิตย์หน้าค่ะ เพราะต้องไปเวียดนามต่อ” พิรุณรักพยักหน้าเข้าใจ ทั้งอาเธอร์และแกริคคงเดินทางไปพบลูกค้าเหมือนกัน
พิรุณรักลากสังขารตัวเองลงมาข้างล่าง
“เป็นยังไงบ้างแก ได้เรื่องไหม” พิรุณรักส่ายหน้าให้เพื่อน
“มันอาจจะไม่มีอะไรก็ได้ รอก่อนไหม” เธอก็อยากให้มันเป็นแบบนั้น แต่เธอมีลางสังหรณ์เหมือนว่าการที่เขาไปครั้งนี้เขาจะไม่กลับมา
พิรุณรักน้ำตาซึม รู้สึกเหมือนมีบางอย่างบีบหัวใจ
“เป็นอะไรแก” หทัยรัตน์เมื่อเห็นเพื่อนยกมือขึ้นกุมหน้าอกก็รีบร้องถาม
“เปล่าๆ” เธอสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เป็นอะไรนะ เธอไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน
“ไปทานข้าวกันสองสาว” ต้นหลิวเดินเข้ามาชวน
“ใช่ ไปทานข้าวกัน”
“ไปเถอะ ฉันไม่ค่อยหิว”
“แต่แกต้องกินอะไรบ้าง” หทัยรัตน์เห็นท่าทางของเพื่อนแล้วได้แต่ถอดใจ
“งั้นฉันจะซื้ออะไรมาให้กินแล้วกัน”
หทัยรัตน์ตบไหล่เพื่อนเบาๆ แล้วเดินออกไปกับพี่ๆ ที่ทำงาน ทุกคนในแผนกรู้เรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว แต่พวกเขาก็เชื่อว่ามันอาจจะไม่เป็นอย่างที่พิรุณรักคิด แกริคอาจจะแค่ติดธุระ
“ข้าวมาแล้วแก” หทัยรัตน์กลับมาพร้อมกับข้าวกล้อง กลิ่นผัดกะเพราหอมๆ ลอยออกมาจากกล่อง
“แกซื้ออะไรมา ทำไมกลิ่นแรงจัง” แต่พิรุณรักกลับรู้สึกว่ามันเหม็น
“ผัดกะเพราไง”
“เหม็น” พิรุณรักยกมือขึ้นผิดจมูกทันที
ท่าทางของเพื่อนทำให้หทัยรัตน์แปลกใจ ยกข้าวกล่องขึ้นมาดมดู
“ไม่เหม็นสักหน่อย หอมออก”
“เหม็น เอาไปไกลๆ เลยหวาน” พิรุณรักรู้สึกพะอืดพะอม กลิ่นผัดกะเพราที่หทัยรัตน์ซื้อมาให้เธอต้องกลั้นหายใจ ปิดปากวิ่งเข้าห้องน้ำทันที
ทุกคนมองหญิงสาวที่วิ่งเข้าห้องน้ำด้วยความเป็นห่วง
พิรุณรักอ้วกจนหมดแรงหายใจหอบเหนื่อยน้ำตาซึมอยู่ข้างชักโครก ก่อนจะค่อยๆ เดินออกมาจากห้องน้ำ
“เป็นอะไรมากไหมแก” หทัยรัตน์ที่รออยู่หน้าห้องน้ำรีบเข้าไปประคองเพื่อน ขมวดคิ้วมองเพื่อนด้วยสีหน้ากังวลใจ
“ไม่เป็นไร”
“แก แกไม่ได้ท้องใช่ไหม” คำถามของหทัยรัตน์ทำให้พิรุณรักชะงักตัวแข็งทื่อ ยกมือขึ้นกุมหน้าท้องของตัวเองทันที ท้องงั้นเหรอ
ปากบางเม้มเข้าหากันแล้วส่ายหน้า รวบรวมสติของตัวเอง
“ไม่หรอก ฉันคงพักผ่อนน้อยเกินไป ฉันคุม” พิรุณรักพูดเสียงสั่นเครือ
“แน่ใจนะ”
“อืม ไปทำงานต่อเถอะ”
เย็นวันนั้นพิรุณรักตัดสินใจแวะคลินิกเพื่อเช็คให้แน่ใจ คำพูดของหมอที่รายงานผลการตรวจทำให้หัวใจเธอเต้นระทึกกลั้นน้ำตาแทบไม่อยู่
“ยินดีด้วยครับคุณตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนแล้วครับ” มือเรียวลูบไล้อยู่ที่หน้าท้องแบนราบด้วยความตื้นตันใจ ในที่สุดเขาก็มา มาสักที
“ลูกแม่”
ผ่านไปสองอาทิตย์ที่พิรุณรักอยู่คนเดียว เธอไม่รู้ข่าวของแกริคอีกเลยตั้งแต่วันที่อาเธอร์กลับมาและบอกว่าเขากลับไปประจำการที่สาขาใหญ่แล้ว
แล้วเธอล่ะ เขาจะจบกับเธอแบบนี้จริงๆ เหรอ ไหนบอกว่ากลับมามีเรื่องจะถามเธอ แต่นี่เขาไปไม่ลาเธอสักคำ มือเรียวลูบหน้าท้องของตัวเองเบาๆ
“แม่จะทำยังไงดี” พิรุณรักก้มลงพูดกับหน้าท้องแบนราบของตัวเอง มีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะเกิดมาโดยที่เธอไม่มีโอกาสจะบอกคนที่ทำให้เขาเกิดมาด้วยซ้ำ
เธอเฝ้ารอจะบอกข่าวดีกับเขาแต่เขาก็ไม่กลับมา
การที่เธอตั้งท้อง มันคือความตั้งใจของเธอเอง ใครจะว่าเธอเลวหรือเห็นแก่ตัวก็ได้ เธอรู้ว่าเขาเองก็ไม่ได้คุมและเธอเองก็ไม่ได้จะคุมเหมือนกันเพราะเธออยากมีลูกกับเขา เพราะคิดว่าการมีลูกกับเขาอาจจะทำให้รั้งเขาไว้ได้ แต่มันก็ไม่เป็นผล เขาทิ้งเธอไปโดยไม่หันกลับมามองด้วยซ้ำ
เธอพยายามทุกทางแล้วที่จะติดต่อเขา แต่เขาก็ปิดช่องทางการติดต่อหมดทุกทาง เขากลับไปใช้ชีวิตตามปกติของเขา
และสิ่งที่เธอกลัวที่สุดก็มาถึง ทุกคนในบริษัทสมน้ำหน้าเธอ สุดท้ายเธอก็เป็นได้แค่นางบำเรอขั้นเวลาของ แกริค ซีคีเลียโน จริงๆ เดินผ่านใครเขาก็หัวเราะเยาะ
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้พิรุณรักหลุดออกจากภวังค์ความคิดของตัวเอง
(ปลายเป็นยังไงบ้าง)
“พี่นุ” ร่างบางสะอื้นเบาๆ ดีใจที่ดนุโทรมา
(อยู่ไหนครับ)
“อยู่ที่ห้องค่ะ พี่นุมีอะไรรึเปล่า” เธอไม่รู้หรอกว่าดนุรู้รึเปล่าว่าแกริคไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว
(เปล่าครับ แค่คิดถึง กินข้าวรึยัง)
“กินแล้วค่ะ” ถึงเธอจะไม่หิวแค่ไหนแต่เธอก็ต้องกิน เพื่อหนึ่งชีวิตที่อยู่ในท้อง
(สบายดีนะครับ)
“สบายดีค่ะ”
เธอคุยกับดนุสักพักก็วางสาย ดนุไม่ได้ถามถึงแกริคด้วยซ้ำ เขาเหมือนรู้ว่าญาติผู้พี่ของเขาไม่อยู่ที่นี่แล้ว ที่โทรมาคงแค่โทรมาเช็กว่าเธอเป็นยังไงบ้าง แต่คำพูดก่อนวางสายของดนุทำให้เธอต้องขมวดคิ้ว
(พี่อยากให้ปลายเข้มแข็ง)
แต่ความเข้มแข็งของเธอมันเหมือนจะไม่มีแล้ว อารมณ์ตอนนี้ของเธอมันสับสนวุ่นวายไปหมด
มันคงถึงเวลาที่เธอต้องกลับบ้านแล้วสินะ แค่คิดน้ำตาก็ไหลพรากพ่อแม่คงเสียใจที่มีลูกแบบเธอ