จากเหตุการณ์ที่แกริคประกาศกร้าวไปทั่วโรงอาหารว่าพิรุณรักเป็นคนสำคัญของเขา เหล่าพนักงานก็ต่างเกรงใจพิรุณรัก คำนินทาก็ไม่มีเข้าหูของพิรุณรักอีก ทุกอย่างสงบเงียบ
ส่วนเรื่องของนิรินพิรุณรักเองก็ไม่ได้ถามแกริคว่าเขาจัดการกับผู้หญิงคนนั้นยังไง แต่เธอก็ไม่เห็นหล่อนในบริษัทอีกเลย
ร่างบางนอนแอบอิงอยู่บนอกแกร่งลูบไล้ขึ้นลงเบาๆ แกริคที่เช็คเมลล์อยู่หายใจติดขัด มือวางแทบเล็ตลงแล้วหันมาสนใจหญิงสาว
“วันมะรืนฉันต้องไปสิงคโปร์” ร่างบางชะงักทันทีที่ได้ยินแบบนั้น เงยหน้าขึ้นมองปลายคางบึกบึน ไรเคราจางๆ ของเขาทำให้เธออดไม่ได้ที่จะจูบมันเบาๆ แล้วยันตัวขึ้นให้ระดับหน้าตรงกับเขา
“ไปกี่วันคะ”
“สาม” แกริคกำหนดวันกลับเร็วที่สุด ความจริงเขาอยากไปกลับด้วยซ้ำ แต่ด้วยอะไรหลายๆ อย่างไม่สามารถทำอย่างนั้นได้
พิรุณรักพยักหน้าเข้าใจ แล้วซบลงบนอกเขาเหมือนเดิม
“ไปด้วยไหม” แกริคลองชวนเธอดู ซึ่งมันก็ทำให้พิรุณรักหัวใจเต้นแรง เขาอยากให้เธอไปด้วย
พิรุณรักส่ายหน้าปฏิเสธ เธอไปก็ไม่มีประโยชน์จะเกะกะเขาทำงานเปล่าๆ แค่เขาชวนเธอก็ดีใจแล้ว ซึ่งแกริคก็คิดไว้อยู่แล้วเธอจะปฏิเสธซึ่งเขาเองก็ไม่เซ้าซี้
“กลับมาฉันมีอะไรอยากจะถามเธอ”
“อะไรคะ” พิรุณรักยันตัวขึ้นไปถามเขาด้วยความตื่นเต้น
“กลับมาก่อน” หน้าสวยบึ้งตึงเล็กน้อย แต่ก็ยอมตัดใจ เพราะถึงเธอตื้อถามไปเขาก็คงไม่ยอมบอก
อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะถึงกำหนดสามเดือนที่เขาอยู่ที่นี่แล้ว เธอควรจะทำยังไงต่อดีนะ จะถามเขาเลยไหมว่าจะเอายังไงเรื่องของเราแต่เธอก็ไม่กล้าพอ คงต้องรอให้เขาเป็นฝ่ายพูดก่อน
พิรุณรักถอนหายใจเบาๆ
“เป็นอะไรถอนหายใจทำไม หืม” แกริคก้มลงถามคนตัวเล็กที่อยู่ดีๆ ก็ถอนหายใจ
“เปล่าค่ะหนูแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย” เธอบอกเขาตามความจริงแต่ไม่ได้บอกว่าคิดเรื่องอะไร
“คิดเยอะนะเรา มานี่ดีกว่า”
“อะไรคะ”
“ฉันต้องตุนไว้เพราะจะไม่อยู่หลายวัน” ว่าแล้วแกริคก็ขึ้นคร่อมร่างบาง ก้มลงจูบปากดูดดื่มความวาบหวามก็เกิดขึ้นทันที พิรุณรักเองก็ไม่ปฏิเสธให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี เขาจะไม่อยู่หลายวันเธอเองก็คงคิดถึงเขาเหมือนกัน
วันนี้แกริคเดินทางไปสิงคโปร์วันแรก หลังจากที่กลับมาจากที่ทำงานพิรุณรักก็นั่งเหงาอยู่ห้องคนเดียว ส่งข้อความไปหาหทัยรัตน์รายนั้นก็ไม่อยู่ออกไปข้างนอกกับคุณกร
เรื่องหทัยรัตน์กับคุณกรเธอยังไม่ถามเพื่อนเลยตกลงเป็นยังไง แต่จากที่เห็นคงเดาได้ไม่ยาก เพื่อนเธอคงสมหวัง
พิรุณรักนอนจับโทรศัพท์พลิกไปพลิกมา รอข้อความจากแกริคแต่เขาก็เงียบ เขาส่งข้อความมาหาเธอแค่ครั้งเดียวก็คือตอนที่ไปถึงที่โน่น นี่ก็ค่ำแล้วยังไม่มีวี่แววอีกเลย
จนกระทั่งสามทุ่มเสียงเรียกเข้าก็ดังขึ้น พิรุณรักรีบวิ่งออกจากห้องน้ำมาคว้าโทรศัพท์ เห็นว่าเป็นแกริคก็รีบกดรับ
“สวัสดีค่ะ” เธอทักทายเขาด้วยน้ำเสียงสดใส
(นอนรึยัง)
“ยังเลยค่ะ หนูพึ่งจะอาบน้ำเสร็จ แล้วคุณล่ะคะ”
(ฉันต้องออกไปข้างนอกต่อ เลยโทรมาส่งเด็กเข้านอน) ปากบางเม้มเข้าหากันทันทีที่ได้ยินว่าเขาจะออกไปข้างนอก ดึกป่านนี้แล้วคงไม่มีอะไรนอกจากออกไปเที่ยว
“ค่ะ”
(เป็นอะไร ทำไมตอบสั้นจัง)
“หนูก็จะนอนแล้วไงคะ คุณจะออกไปข้างนอกก็ไปเถอะค่ะ” น้ำเสียงติดงอนๆ ทำให้คนที่อยู่ในสายยิ้มขำ
(ฉันคงไปไหนไม่ได้เพราะมีเด็กงอน) พิรุณรักส่งค้อนให้เขาทางโทรศัพท์
“หนูเปล่างอนซะหน่อย”
(งอนชัดๆ กลัวว่าฉันจะออกไปทำอะไร) พิรุณรักค้อนแล้วค้อนอีกให้กับคนที่รู้ทันความคิดของตัวเอง
“หนูจะไปรู้ไหมล่ะคะว่าคุณจะออกไปทำอะไร” เสียงหัวเราะในลำคอดังมาจากปลายสาย
(หลอกถามเหรอเด็กน้อย)
“หนูเปล่า” พิรุณรักตอบกลับไปเสียงสูง แกริคยิ่งหัวเราะออกมาเสียงดัง
(ถามฉันตรงๆ เลยก็ได้)
“หนูไม่ได้อยากรู้” แต่แม่เด็กดื้อก็ยังปากแข็ง
(จริงเหรอ) แกริคถามอย่างไม่เชื่อ
“จริงสิคะ หนูจะนอนแล้ว”
(ง่วงแล้วเหรอ)
“ง่วงแล้วค่ะ” ว่าแล้วพิรุณรักก็อ้าปากห้าว เธอรู้สึกง่วงจริงๆ ทั้งที่พึ่งจะสามทุ่ม แต่การที่นอนโดยไม่มีแกริคเธอจะนอนหลับรึเปล่าก็ไม่รู้
(นอนหลับเหรอไม่มีฉันนอนกอด)
“หลับสิคะ”
(ไม่คิดถึงฉันรึไง มีแต่ฉันที่คิดถึงเธออยู่ฝ่ายเดียว) ปากบางยิ้มกว้างหัวใจเต้นแรงกับคำบอกคิดถึงของเขา
(ว่าไง)
“คิดถึงค่ะ หนูคิดถึงคุณ” คราวนี้พิรุณรักยอมรับตรงๆ ทำให้ฝ่ายนั้นยิ้มบ้าง
(ฉันไม่ออกไปข้างนอกดีไหม ปล่อยให้ลูกค้าไปกินเลี้ยงกันเอง) คำพูดของแกริคบอกได้กลายๆ ว่าที่เขาออกไปข้างนอกคือออกไปกินเลี้ยงกับลูกค้า
“ก็ดีค่ะ” พิรุณรักพูดตามใจคิด เพราะการที่ออกไปกินเลี้ยงแบบนี้คงไม่วายที่จะมีผู้หญิงเข้ามาเกี่ยวข้อง
(หืม นี่เธอกำลังจะทำให้ฉันเสียงานนะ)
“คุณเป็นคนพูดเองนะคะว่าจะไม่ออกไป จะมาโทษหนูได้ไง”
(ฮ่าๆ ใช่) แกริคหัวเราะชอบใจกับคนชั่งย้อน
(ได้เวลาแล้วครับ) แต่เสียงแซคที่ตะโกนเข้ามาทำให้พิรุณรักรู้ว่ายังไงเขาก็ต้องออกไปอยู่ดี
แล้วมาหลอกให้เธอดีใจทำไม
(ฉันต้องไปแล้ว เธอก็อย่านอนดึกล่ะ)
“ค่ะ” พิรุณรักตอบรับสั้นๆ จากนั้นแกริคก็วางสายไป แต่ทำไมเธอรู้สึกไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก ความรู้สึกนี้มันคืออะไร
วันนี้ก็เป็นวันที่สามแล้วที่แกริคเดินทางไปสิงคโปร์ หลังจากวันแรกที่เขาโทรมาหาเธอจนถึงวันนี้เขาก็ยังไม่โทรมาอีกเลยเธอโทรไปเขาก็ปิดเครื่อง บอกว่าจะไปสามวันแล้วกลับมาก็ไม่มีวี่แวว เพราะนี่ก็จะเกือบเที่ยงคืนแล้ว หรือว่าเขาจะเลื่อนกำหนดกลับ เบอร์คุณแซคเธอก็ไม่มีด้วย
การหายไปเงียบๆของเขาทำให้พิรุณรักเกิดความกังวลกลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป เขาไม่น่าจะขาดการติดต่อนานขนาดนี้ ร่างบางเดินไปเดินมารอบห้อง มือก็กดโทรศัพท์แต่ทางนั้นก็ปิดเครื่องเหมือนเดิม จนเธอทนไม่ไหวตัดสินใจลงไปหาหทัยรัตน์เพื่อที่จะไปขอเบอร์แซคกับกรวิทย์
ก๊อกๆ ๆ
เคาะประตูสองสามทีไม่นานคนข้างในก็เดินมาเปิด
“มีอะไรรึเปล่าแก” หทัยรัตน์ขมวดคิ้วถามเพื่อนตาปรือๆ
“คุณกรอยู่กับแกไหม”
“อยู่ มีอะไรรึเปล่า” คราวนี้หทัยรัตน์ตื่นเต็มตา เมื่อเห็นท่าทีร้อนใจของเพื่อน
“ฉันอยากขอเบอร์คุณแซคกับคุณกร ฉันติดต่อคุณแกริคไม่ได้กลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไป”
“เข้ามาก่อน” ท่าทีร้อนใจของเพื่อนทำให้หทัยรัตน์พลอยเป็นกังวลไปด้วย เมื่อเข้ามาในห้องหทัยรัตน์ก็เดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อปลุกกรวิทย์ไม่นานทั้งสองก็เดินออกมา
พิรุณรักเบี่ยงหน้าหนีนิดหน่อยเมื่อเห็นคนรักของเพื่อนใสแค่กางเกงนอนตัวเดียวออกมา เธอไม่ได้ตื่นเต้นหรือคิดอะไรกับกรวิทย์หรอกนะ แต่เห็นผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่แกริคถอดเสื้อแบบนี้มันแปลกๆ
หทัยรัตน์เมื่อเห็นท่าทีของเพื่อนเธอก็พึ่งนึกขึ้นได้ว่ากรวิทย์อยู่ในชุดไม่เรียบร้อยก็รีบเดินเข้าไปในห้องเพื่อหยิบชุดคลุมมาให้เขาสวม ส่วนชายหนุ่มที่ยังสะลึมสะลือไม่ตื่นเต็มตาก็รับมาอย่างงงๆ
“ขอโทษนะคะที่มารบกวน” พิรุณรักพูดอย่างรู้สึกผิด
“ปลายจะมาขอเบอร์คุณแซคคุณกรมีไหมคะ” หทัยรัตน์เป็นคนพูดแทนเพื่อน กรวิทย์มองคนรักของเจ้านายอย่างงงๆ แต่ก็พยักหน้ารับ เดินเข้าไปหยิบโทรศัพท์ในห้องแล้วเดินออกมาหาทั้งสองสาว
“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ” เขาส่งเบอร์โทรให้พิรุณรัก
“ปลายติดต่อคุณแกริคไม่ได้ค่ะ กลัวว่าจะเป็นอะไร” กรวิทย์พยักหน้าเข้าใจ เขาพอจะรู้ว่าแกริคไปไหนเพราะหทัยรัตน์เล่าให้ฟัง
“เขาไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกครับ” จากการที่เคยร่วมงานกับแกริคมาทำให้ก็พอรู้
“แต่เขาไม่เคยขาดการติดต่อแบบนี้นะคะ” กรวิทย์ขมวดคิ้ว เขาไม่รู้หรอกว่าแกริคติดต่อคนรักบ่อยแค่ไหน แต่จากการที่เขาเคยทำงานกับแกริคมา แกริคเป็นคนที่ไม่ค่อยสนใจใครไม่ค่อยสนใจโทรศัพท์เท่าไหร่นอกจากเรื่องงาน เขาเองก็ไม่ได้อยู่กับแกริคในช่วงที่มีแฟน เลยไม่รู้ใจเจ้านายเก่าช่วงนี้เท่าไหร่
“กี่วันแล้วครับ”