“ไม่เป็นไรค่ะคุณแซค นิรินดีขึ้นแล้วค่ะ” ร่างบางค่อยๆ ลุกขึ้น ทิ้งน้ำหนักลงที่ปลายเท้าข้างเดียว เขย่งๆ เหมือนเจ็บขาอีกข้าง
“ถ้าไม่เป็นไรแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”
“ค่ะ” แซคเดินเข้าไปในลิฟต์ที่ขึ้นไปส่งเจ้านายแล้วกลับลงมาด้วยการกดของเขาเองโดยไม่รอฟังคำตอบรับจากหญิงสาวผู้บาดเจ็บ
เมื่อรับร่างทั้งเจ้านายและลูกน้องนิรินก็ยืนตัวตรงกำมือแน่น กระทืบเท้าอย่างขัดใจและเก็บอารมณ์ไม่อยู่ ทุกคนที่อยู่บริเวณนั้นส่ายหน้าเอือมๆ ให้เธอ
“เป็นอะไร ทำท่าเหมือนอยากจะกรี๊ด” เมฆาที่พึ่งเดินเข้ามาในบริษัทเห็นเพื่อนร่วมงานสาวทำท่าทำทางเลยเอ่ยถาม
“เรื่องของฉัน” นิรินสะบัดหน้าใส่เมฆาแล้วเดินเข้าไปในลิฟต์พนักงาน เมฆามองตามอย่างงงๆ ไปกินรังแตนที่ไหนมา
“เสน่ห์แรงไม่เบาเลยนะครับ” แซคเอ่ยแซวเจ้านาย หลังจากขึ้นมาข้างบน
“ฉันรู้ว่าตัวเองหล่อไม่ต้องชม” แซคกลอกตา เบื่อความหลงตัวเองของเจ้านาย
“ถ้าคุณปลายรู้ว่าเจ้านายมีผู้หญิงล้อมหน้ารล้อมหลังแบบนี้จะไม่โกรธเอาเหรอครับ” แกริคเงยหน้าขึ้นจากเอกสารที่กำลังจะเซ็นต์ หรี่ตามองเจ้าลูกน้องจอมกวนประสาท
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดทำไมต้องกลัว”
“นั่นสินะครับ”
“นายจะกวนประสาทฉันไปถึงไหนแซค ออกไปทำงานได้แล้วไป เรียกอาเธอร์มาหาฉันด้วย”
“คร๊าบ” แซครีบถอยออกจากห้อง เมื่อรู้สึกว่าตัวเองเล่นมากเกินไปเดี๋ยวเจ้านายจะพิโรธเอา แล้วเรียกอาเธอร์ตามคำสั่ง
อาเธอร์เดินเข้ามาในห้อง
“เชิญนั่งสิ”
“ครับ”
“งานที่ฉันสั่งไปจัดการรึยัง” แกริคเข้าเรื่องโดยไม่เกริ่นอะไร
“ครับ”
“ฉันจะให้นายไปพบเอเย่นที่ประเทศสิงคโปร์ มาเล กัมพูชา” ถึงเกรสันจะอยากให้เขาไปเองแต่เขายังไม่อยากไปตอนนี้ ไปพบเอเย่นไปเมื่อไหร่ก็ได้ แต่เมื่อมีคำถามมาว่าไปรึยังตอนนี้เขาก็จะส่งคนอื่นไปแทน ใครไปก็เหมือนกัน อาเธอร์เป็นถึงผู้บริหารของที่นี่ย่อมรู้เนื้องานของที่นี่ดีกว่าเขา อาเธอร์ไปดีที่สุด
“แต่คุณเกรสันอยากให้คุณไปหนิครับ” แกริคขมวดคิ้วหรี่ตามองคนตรงหน้า นี่พี่ชายเขามันว่างมากถึงขนาดโทรหาทุกคนเลยรึไง
“จะฉันจะนายไปก็เหมือนกัน ช่วงนี้เป็นช่วงพักผ่อนของฉัน ฉันยังไม่อยากไปไหน เรื่องเกรสันไม่ต้องห่วงฉันจัดการเอง นายก็ไปแทนฉันแล้วกัน”
“แต่..”
“ไม่มีแต่ มีอะไรฉันรับผิดชอบเอง กลัวอะไรเกรสันนักหนา ฉันอยู่ตรงหน้านายนี่ไม่กลัวบ้างรึไง” แกริคพูดอย่างหัวเสีย
“ครับ ผมจะไป” อาเธอร์รีบรับคำเมื่อคนตรงหน้าเริ่มหงุดหงิด จะใครเขาก็กลัวทั้งนั้น แต่ตอนนี้แกริคอยู่ตรงหน้าเขา ย่อมน่ากลัวกว่าเกรสันที่อยู่ไกล
“ดี นายจะไปวันไหนก็หาวันเอาเอง ส่วนเรื่องที่นี่ฉันจะรับผิดชอบเอง”
“ครับ”
“อ่อ แล้วที่ว่าจัดการแล้ว ยอดขึ้นบ้างไหม” แกริคถามเรื่องที่ให้อาเธอร์ไปจัดการอาทิตย์ก่อน
“ก็ขึ้นเรื่อยๆ กับ แต่ยังไม่ถึงเป้า” แกริคเคาะปากกาในมือลงบนโต๊ะ
“ต้องเอาให้ถึง ไปจัดการให้เรียบร้อย แล้วแจ้งฝ่ายการตลาดทุกคนว่าอาทิตย์หน้าฉันจะเรียกประชุม”
“ครับ” คำสั่งของแกริคทำให้อาเธอร์เหงื่อตกแทนลูกน้อง แต่จะโทษใครไม่ได้นอกจากพนักงานเองที่ไปกระตุกหนวดเสือ เล่นกับใครไม่เล่น
หลังจากที่แกริคเรียกหาเขาเมื่อครั้งก่อน ก็มีคำสั่งให้ทำยอดขายเพิ่ม ต้องมีตู้คอนเทนเนอร์ขึ้นเรืออย่างน้อยอีกคนล่ะร้อยตู้ต่อเดือน ซึ่งมันทำให้เขาเองที่เป็นเจ้านายยังเหงื่อตก
“ไปได้แล้ว”
หลังจากที่อาเธอร์ออกไปแกริคก็ยกยิ้มที่มุมปากอย่างเจ้าเล่ห์ ถ้ามันยังมีเวลามาวอแวกับเมียเขาอีกจะเอาให้หนัก
“เอาล่ะทุกคน อาทิตย์หน้าท่านประธานใหญ่จะเรียกประชุม ทุกคนคงรู้นะว่าเรื่องอะไร” เมเนเจอร์ประจำแผนกประกาศบอกลูกน้องหลังจากที่โดนอาเธอร์เรียกไปพบ
“ท่านประธานโหดไปแล้วนะพี่ ใครจะไปทำได้” เมฆาบ่นขึ้นเป็นคนแรก การหาลูกค้าไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะสายเรือในประเทศนี้ไม่ได้มีแค่สายเรือของบริษัทนี้บริษัทเดียว ถึงที่นี่จะได้รับความเชื่อถือมากที่สุดก็เถอะแต่มันก็ต้องมีไปที่อื่นบ้าง แล้วลูกค้าเก่าๆ ของเขามันก็เยอะมากพอแล้ว ตู้แต่ล่ะเดือนที่ได้ก็ถือว่ายอดอยู่ในระดับที่ดี แต่นี่อะไรให้หาเพิ่มอีกคนล่ะร้อยตู้ต่อเดือนไม่โหดไปหน่อยเหรอ
“ทำไม่ได้ก็ต้องได้ นั่งว่างก็โทรหาลูกค้าหรือไม่ก็ออกไปหาลูกค้าข้างนอก นิรินไปช่วยเมฆาไป” สมยศเมเนเจอร์ที่ทำงานอยู่ที่นี่ตั้งแต่บริษัทเก่ายังไม่โดนเทคโอเวอร์สั่งเสียงเรียบ
“ค่ะ”
“นายจะตามรังควานฉันไปถึงไหนวะ บอกแล้วไงว่าช่วงนี้พักผ่อน” แกริคบ่นให้พี่ชาย คงรู้แล้วว่าเขาไม่ไปหาเอเย่นตามที่สั่งเลยโทรมา
(ก็นายไปดูงานที่เมืองไทยก็ต้องทำงานสิวะ จะให้ฉันทำงานหนักอยู่คนเดียวได้ไง)
“ตอนนี้ฉันก็ทำงาน ไม่ได้นั่งว่าง แต่ฉันขออย่างเดียวคือยังไม่อยากไปไหนตอนนี้”
(ทำไมถึงไม่อยากไป ติดเมียเด็กจนไปไหนไม่ได้รึไง) เกรสันนึกหมั่นไส้คนมีเมีย
“มันเรื่องของฉัน” แกริคพูดอย่างหัวเสีย ถ้าอยู่ใกล้จะถีบให้กวนอารมณ์ดีนัก
(ไม่รู้ล่ะยังไงนายก็ต้องไป ไปแค่สิงคโปร์ประเทศเดียวก็ได้เพราะรายนี้รายใหญ่) พูดยังไงเกรสันคงไม่ยอม แกริคได้แต่ถอนหายใจใส่พี่ชาย
“ถ้าฉันไม่ไปล่ะ”
(ถ้าไม่ไปก็กลับมาที่นี่ฉันจะไปแทน) แกริคอยากจะเขวี้ยงโทรศัพท์ทิ้ง
“นายมัน”
(เอาไง หรือจะให้ฉันฟ้องแด๊ดว่านายไม่ยอมทำงาน)
“ไอ้พี่เวร สนุกนักรึไงแกล้งฉัน”
(สนุกดี คิดอะไรมากวะ ก็พาไปด้วยดิ ง่ายนิดเดียว) ง่ายนิดเดียวบ้านมันสิ ถ้าพิรุณรักยอมไปกับเขาง่ายๆ เขาจะไม่ว่าอะไรเลย เพราะดูแล้วยังไงเธอก็ไม่ยอมไป
“หุบปากไปเลย อย่าให้ถึงทีฉันบ้างนะ”
(ไม่มีทาง ฉันไม่รู้จักความรัก) แต่ก่อนเขาก็ไม่รู้จักความรัก แต่พอมาเจอพิรุณรักเธอก็มาวนเวียนอยู่ในความคิดเขาตลอดเวลา ทำให้เขาวุ่นวายใจ โหยหา ใช้เวลาทบทวนตัวเองอยู่ตั้งนานจึงรู้ว่าเขาต้องการเธอมากแค่ไหน และมันคงเป็นความรักแบบที่คนอื่นว่ากัน
“ฉันจะรอดูวันนั้น มีเรื่องจะพูดแค่นี้ใช่ไหม”
(แค่นี้ ส่งรายงานมาให้ฉันด้วย) แกริคกัดฟันกรอด เห็นว่าเป็นพี่สั่งอะไรก็ได้งั้นสิ ถ้าไม่ติดว่าสงสารมันที่ต้องรับภาระจากแด๊ดคนเดียวเขาคงชิ่งไปตั้งนานแล้ว ทำไมเขาต้องเกิดมามีพี่อย่างนี้ด้วยวะ กวนประสาท คนอยากอยู่กับเมียก็หาเรื่องให้ไปที่อื่น
แกริคยกนาฬิกาเรือนหรูขึ้นดู เห็นว่าใกล้จะเที่ยงก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้อง
“ไปไหนครับ” แซคลุกขึ้นจากโต๊ะถามขึ้นทันที
“กลับ”
“กลับ นี่ยังไม่เที่ยงเลยนะครับ แล้วช่วงบ่ายจะเข้าไหมครับ” แซคร่ายยาว แกริคกลอกตาไปมาไอ้นี่ก็อีกคน
“ไม่ เที่ยงแล้วจะทำไม ฉันจะกลับไม่ได้รึไง” แซคหน้าเหวอเมื่อเจอเจ้านายรวนใส่ สงสัยอารมณ์ไม่ปกติ
“ตอนบ่ายฉันไม่เข้า” แกริคพูดจบก็เดินออกไปเลย แซคเดินตามทันที
“ตามมาทำไม” แกริคหันไปถามคนที่เดินตามมา
“อ้าว ก็เจ้านายจะกลับผมก็ต้องตามสิครับ”
“ไม่ต้องตาม นายทำงานต่อจนกว่าจะเลิก”
“แต่..”
“จะกลับไปทำไม กลับไปนั่งเฝ้าเมียฉันด้วยรึไง”
“เปล่าครับ” ไม่คิดจะพูดอ้อมๆ เลยว่าตัวเองจะกลับไปหาเมีย เสียภาพพจน์ผู้บริหารหมดเจ้านายเขา
“เปล่าก็กลับไปทำงาน ยังไม่พักเที่ยงเลยนิ”