“ฉันไม่สนใจเรื่องนั้น เราจะไม่พูดถึงอดีต” คำพูดของกรวิทย์ทำให้เธอน้ำตาซึม กอดเอวสอบซบหน้าลงหน้าอกแกร่ง อ้อมกอดของผู้ชายคนนี้อบอุ่นเสมอ
“แต่หวานก็ยังนึกไม่ถึงอยู่ดี คุณไม่ได้สนใจหวานสักนิดตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกัน” ถึงเขาจะเทคแคร์ดูแลเอาใจใส่บ้างแต่เขาก็ไม่เคยเอ่ยคำหวาน มีแค่การกระทำที่ทำเหมือนผ่านๆ แต่แค่นั้นมันก็ทำให้เธอหลงเขาจนถึงขั้นรักได้แล้ว
“ใครบอก ถ้าฉันไม่สนใจเธอ ฉันจะกลับมานอนที่ห้องทุกวันทำไม ฉันแค่แสดงออกไม่เก่ง อย่าว่าแต่ฉันเลยเธอเองก็เหมือนกัน ไม่ได้สนใจกันสักนิด ไม่เคยอ้อน ไม่เคยแสดงความหึงหวงให้ฉันเห็น มีแค่เวลาที่อยู่บนเตียงเท่านั้นแหละที่เธออ้อนวอนฉัน” หน้านวลแดงระรื่นขึ้นทันทีกับคำพูดของเขา
“คุณก็ไม่ต่างกันหรอก”
“ฉันยอมรับ ฉันหลงและต้องการเธอมากเวลาอยู่บนเตียง” กรวิทย์ยอมรับอย่างหมดเปลือก ใครว่าเซ็กส์ไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชีวิตคู่ เขาคนหนึ่งแหละที่ขอเถียง เพราะความผูกพันของเขากับหทัยรัตน์คือเซ็กส์ เราสองคนเข้ากันได้ดี รู้ว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรแบบไหน และรู้สึกโหยหาทุกครั้งที่ไกลจาก
หทัยรัตน์เม้มปากแน่นขยุ้มมือกับเสื้อของเขาอย่างเขินอาย
“ฉันบอกรักเธอแล้ว เธอยังไม่เคยบอกฉันสักครั้งเลยนะ เธอรักฉันเหมือนที่ฉันรักเธอไหมหวาน” กรวิทย์ช้อนคางมนขึ้นมาให้สบตา ถามหาคำว่ารักที่เขาอยากได้ยิน
“หวาน..” หทัยรัตน์หลบสายตาหวานเชื่อมของเขาอย่างเขินอาย เขาเล่นถามเธอแบบนี้เธอก็ใจอ่อนสิ
“หวานอะไร บอกฉันสิหวานว่าเธอเองก็รักฉัน”
“ถ้าคุณกรจะค้างที่นี่ก็รีบไปอาบน้ำเถอะค่ะ หวานง่วงแล้ว” กรวิทย์อ้าปากค้าง แม่ตัวดีเปลี่ยนเรื่องหน้าตาเฉย เมื่อครู่ยังอยู่ในโหมดหวานน้ำตาเรียกพี่อยู่เลย
“โถ่หวาน” เขาอดที่จะโอดครวญไม่ได้ เธอไม่ได้รักเขาเลยรึไงทำไมแค่นี้ถึงพูดไม่ได้
“จะค้างไหมคะ ถ้าค้างก็ไปอาบน้ำได้แล้วค่ะ” หทัยรัตน์บอกเขาเสียงแข็ง กรวิทย์ถอนหายใจออกมายาวๆ เอาวะยังดีที่เธอยอมใจอ่อนให้ค้างด้วย
“อาบให้หน่อยสิ”
“ไม่ค่ะ แล้วถ้าจะค้างที่นี่หวานมีกฎ”
“กฎอะไร”
“คุณกรต้องออกไปนอนที่โซฟาค่ะ” กรวิทย์มองตามมือเล็กที่ชี้ออกไปนอกห้อง
“ไม่” เขานอนที่นี่เพื่อที่จะได้นอนกอดเธอให้หายคิดถึง
“ไม่ก็กลับค่ะ”
“ทำไมเธอใจร้ายแบบนี้”
“หวานไม่ได้ใจร้ายค่ะ เราอยู่ด้วยกันมาสองปี นอนด้วยกันเกือบจะทุกวัน หวานกลัวว่าคุณจะเบื่อ” ความจริงคือเธอไม่อยากใจอ่อน ถ้ายังเห็นสายตาออดอ้อนของเขาคำหวานหูที่ลวงถามเอาคำว่ารักจากเธอ มีหวังเธอใจอ่อนบอกเขาแน่ ขอเล่นตัวสักหน่อยเถอะ เพราะชีวิตเธอที่ผ่านมาไม่มีค่าสักนิด เธอก็อยากให้คนอื่นเห็นค่าบ้าง ถ้าเขารักเธอจริงๆ อย่างปากพูดเรื่องแค่นี้เขาต้องทนได้สิ
ถ้าเขาทำไม่ได้แสดงว่าที่เขาพูดมาทั้งหมดมันไม่ใช่ความรัก มันก็แค่เซ็กส์แค่ความต้องการเวลาอยู่บนเตียง
“ฉันไม่เคยเบื่อ”
“ไม่รู้ล่ะ ถ้าไม่อยากนอนก็กลับบ้านไปเถอะค่ะ หวานง่วงแล้วเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว” เธอตัดบทเขา
“ใช่สิ ไปเดินเล่นกับชายอื่นมาหนิ” ร่างบางชะงักแอบหัวใจเต้นแรง แต่มันก็มีความขำอยู่ในนั้น คำพูดประชดประชันของเขาเธอไม่คิดว่าจะได้ยิน
“เขาเป็นเพื่อนค่ะไม่ใช่ชายอื่น หวานก็บอกคุณแล้วหนิคะก่อนไป ไปเถอะค่ะกลับไปเถอะฝากล็อกห้องด้วยนะคะ” หทัยรัตน์คลานขึ้นไปนอนห่มผ้าเรียบร้อย มองคนที่ยืนอยู่กลางห้อง ที่มองเธอด้วยสีหน้าคาดโทษ
“มองทำไมคะ ถ้าคุณคิดจะทำอะไรหวาน ก็ทำได้เลยค่ะ” หทัยรัตน์พูดกับเขายิ้มๆ กรวิทย์ยิ้มกว้างเมื่อได้ยินแบบนั้น
“จริงเหรอ” เตรียมกระโจนขึ้นไปหาเธอบนเตียง
“รีบทำแล้วก็รีบกลับค่ะ แล้วเรื่องที่เราคุยกันก่อนหน้านี้ก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้นซะนะคะ ทำเสร็จก็วางเงินไว้ให้ด้วยนะคะ” คำพูดประชดประชันของเธอทำให้กรวิทย์โมโห
“เธอไม่ใช่แค่ดูถูกตัวเองนะหวาน เธอกำลังดูถูกฉันด้วย คำว่ารักของฉันเธอมองไม่เห็นมันเลยใช่ไหม” พูดเสร็จเขาก็เดินออกจากห้องไปเพื่อสงบสติอารมณ์
ส่วนคนที่อยู่ในห้องก็ชะงักค้าง เธอเล่นแรงไปใช่ไหม ใครบอกว่าเธอมองไม่เห็นความรักจากเขา เธอแค่อยากพิสูจน์มันอีกนิดเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะดูถูกเขาสักนิด ร่างบางทิ้งตัวลงนอนมองประตูห้องนอนที่ปิดสนิท เขาคงกลับไปแล้วสินะ
เวลาผ่านไปจนกระทั่งเกือบจะเที่ยงคืนทำยังไงหทัยรัตน์ก็นอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียงเพราะคิดถึงคนที่เดินออกจากห้อง
ร่างบางขยับตัวลุกจากที่นอนเพราะรู้สึกหิวน้ำขึ้นมา เพียงแค่เดินออกมาจากห้องก็เจอกับความมืด นี่เขาใจดีถึงขนาดปิดไฟให้เธอด้วยเหรอ สวิตช์ไฟถูกเปิดให้ไฟสว่างจ้าไปทั่วด้านนอก ร่างสูงใหญ่นอนเหยียดกายบนโซฟาทำให้เธอชะงักค้าง
เขาไม่ได้ไปไหน กรวิทย์ยังอยู่ในชุดเดิมที่เข้ามาหาเธอ ใช่สินะเขายังไม่อาบน้ำหนิ หทัยรัตน์รู้สึกหัวใจเต้นแรงอีกเท่าตัว มองไปที่คนตัวใหญ่ด้วยสายตาอ่อนโยน
ถึงเขาจะโกรธเธอยังไงแต่เขาก็ไม่ได้ไปไหน เขาทำตามที่เธอบอก ร่างบางหันหลังเข้าไปในห้องหยิบผ้าห่มออกมาจากตู้ เดินเข้าไปหาคนตัวโตจัดการห่มผ้าให้เขาอย่างเบามือ
และก่อนที่เธอจะดึงมือกลับกับโดนมือใหญ่จับไว้ทำให้เธอสะดุ้ง เขาไม่ได้หลับ
“แกล้งหลับเหรอคะ”
“เปล่า เธอทำฉันตื่น” ปากบางเม้มเข้าหากันพยายามจะดึงมือออกจากการเกาะกุมแต่ไม่เป็นผล
“ปล่อยหวานนะคะ” ร่างบางโวยวาย
กรวิทย์กระตุกเธอให้ล้มลงมาทับตัวเอง รวบร่างบางไว้ในอ้อมกอดพลิกตัวเธอให้นอนลงเคียงข้างหันหน้าเข้าหากัน การกระทำของเขาไวมากจนหทัยรัตน์ไม่ทันตั้งตัว
“ปล่อยหวาน” เสียงแผ่วเบาออกมาจากลำคอสวย
“ฉันงอนเธออยู่ไม่คิดจะง้อกันเลยเหรอ” หทัยรัตน์หลบสายตาของเขาดิ้นพยายามให้หลุดจากอ้อมกอดเขา โซฟามันก็ไม่ได้ใหญ่มาก นอนสองคนแบบนี้มันก็เบียดกันสิ
“หวาน” กรวิทย์กระซิบเสียงหวานปากเสียดสีกันไปมา
“คนงอนเขาทำอย่างนี้เหรอคะ” หทัยรัตน์ไม่คุ้นเคยกับกรวิทย์เวอร์ชันนี้สักนิด เขาทำเธอแทบละลายอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“เธอไม่ง้อ ไม่ตามฉันสักนิด” กรวิทย์คิดว่าพอเขาเดินออกมาจากห้องเธอจะตามออกมา แต่ผิดคาดเธอไม่ตาม มันทำให้เขาหงุดหงิด ได้แต่เดินวนไปวนมาอยู่หน้าห้อง อยากจะกลับเข้าไปในห้องแล้วจัดการปล้ำเธอซะให้เข็ด ให้สมกับที่เธอยัดเยียดให้เขา
เขาโกรธที่เธอดูถูกตัวเอง โกรธที่เธอมองไม่เห็นคำว่ารักของเขา เขาไม่สนใจหรอกนะว่าเธอผ่านอะไรมา อยู่ด้วยกันมาขนาดนี้แล้วเขาไม่คิดถึงเรื่องพวกนั้นด้วยซ้ำ ถึงเธอจะเคยผ่านใครมาเขาก็ลบมันไปหมดแล้ว ลบมันทุกวัน ทุกวันที่เธออยู่ใต้ร่างของเขา
“หวานคิดว่าคุณกลับไปแล้ว” หทัยรัตน์พูดเสียงอ่อย รู้สึกเสียใจเหมือนกันที่พูดให้เขารู้สึกไม่ดี
“เธอเป็นคนบอกให้ฉันมานอนข้างนอกเอง” นี่เขาทำตามที่เธอบอกเหรอ หัวใจเต้นแรงแทบทะลุออกมาด้านนอก
“แล้วทำไมไม่อาบน้ำคะ” เขาจะกล้าบอกได้ยังไงว่าไม่กล้ากลับเข้าไปในห้องเพราะเธอไม่ออกมาง้อ ถ้าเธอโผล่หน้าออกมาสักนิดพูดกับเขาสองสามคำเขาก็จะยอมใจอ่อน กลับเข้าไปจัดการตัวเองแล้วทำตามที่เธอบอกแล้ว แต่นี่ไม่มีสักนิด เขาเลยต้องนอนทั้งชุดนี้
แค่เธอเดินออกมา ห่มผ้าให้ แสดงความห่วงใยต่อเขา เขาก็หายโกรธเธอเป็นปริทิ้ง