“ตามสบายเลยแม่หนูน้อย” เมื่อโดนกล่าวหาว่าอิจฉาดนุก็ไม่มีคำจะพูด จะพูดแบบนั้นก็ถูกเขารู้สึกอิจฉาแกริคอยู่ลึกๆ ที่พี่ชายเจอรักแท้
“แล้วผู้หญิงที่พี่นุบอกว่ากำลังจีบอยู่นี่ไปถึงไหนแล้วคะ” พิรุณรักเงยหน้าจากโทรศัพท์ถาม
“พี่พูดตอนไหนว่ามีคนที่จีบอยู่” ดนุเฉไฉ
“พูดสิปลายจำได้ แค่นี้บอกน้องไม่ได้รึไง” ดนุถอนหายใจ
“ไม่มีแล้ว แห้ว พี่ก็ไม่เข้าใจทำไมผู้ชายหล่อๆ รวยๆ พร้อมทุกอย่างแบบพี่ต้องอาภัพกับความรักแบบนี้ด้วย” พิรุณรักเบ้ปากกลอกตาให้คนที่โอดครวญ
“ไม่ใช่พี่เทเขาเพราะเบื่อหรอกเหรอ อย่ามาทำเป็นพูดดีหน่อยเลย”
“บ้า มีแต่คนทิ้งพี่ทั้งนั้น” ดนุหัวเราะออกมาเบาๆ กับคำกล่าวหานั้น แต่เขายังเถียงข้างๆ ขู่ๆ ผู้หญิงส่วนใหญ่ที่เขาควงหรือจีบมีแต่ตีตัวออกจากเขาทั้งนั้นเพราะเขาไม่สนใจพวกเธอ เขาเป็นประเภทที่เบื่อง่าย ความสนใจของเขาอยู่ได้ไม่นานก็เลิก ผู้หญิงเลยทนเขาไม่ได้
ดนุเองก็ไม่สนใจหรือแคร์เผู้หญิงทุกคนที่เขาเคยควงก็เหมือนกันหมดสนใจแต่เรื่องเงิน คนที่คิดว่าจะดีก็ดีแตก เขาเลยไม่ค่อยสนใจใครจริงจัง จะสนใจก็แค่ตอนอยู่บนเตียงเสร็จกิจก็ลาจาก
“ไม่เชื่อสักนิด”
“หึ” ดนุหัวเราะเบาๆ ไม่แถต่อเพราะมีแต่จะเข้าตัวหันไปสั่งอาหาร พิรุณรักเองก็กลับมาสนใจโทรศัพท์ต่อเธอกำลังขมวดคิ้วกับข้อความของแกริค
(ห้ามกลับดึก เพราะเย็นนี้ฉันก็ไม่ว่างกลับไปกินข้าวด้วยเหมือนกัน มีธุระข้างนอก) เธออยากพิมพ์ถามกลับไปเหลือเกินว่าธุระของเขาคืออะไร แต่ก็ไม่กล้าเพราะเขาจำกัดความมาแค่นี้แสดงว่าอยากให้เธอรู้เท่านี้ บางทีเขาอาจจะไปทานข้าวกับลูกค้า
(ค่ะ คุณเองก็อย่ากลับดึกเหมือนกันนะคะ) พิรุณรักตลกกับความคิดของตัวเองเธอไม่กล้าถามว่าเขาไปธุระที่ไหนแต่กล้าที่จะบอกให้เขาไม่กลับดึก
(ครับ) แกริคตอบกลับมาสั้นๆ แสดงว่าเขาไม่ว่าอะไรเธอสามารถบอกเขาได้
(งั้นหนูทานข้าวก่อนนะคะ)
(ฉันก็จะออกไปแล้วเหมือนกัน)
“เงยหน้าขึ้นมาทานข้าวได้แล้วจะได้รีบกลับ” ดนุเรียกคนที่สนใจแต่โทรศัพท์
“คร๊า หูย สั่งมาเยอะเชียวนี่กะจะเอาจนเลยใช่ไหมคะ” พิรุณรักมองอาหารหลายอย่างที่ว่างอยู่บนโต๊ะแล้วโอดครวญ
“ยัยงก สามีให้เงินใช้ก็ใช้บ้าง”
“ยังไม่ใช่สามีจริงๆ ซะหน่อย” พิรุณรักบ่นเบาๆ ตอนนี้ทุกคนที่รู้จักอาจมองว่าเขาเป็นของเธอ แต่อนาคตใครจะรู้
“นายเห็นไหมเมฆว่าแม่นี่มันร้ายแค่ไหน จ้องจะจับแต่ผู้ชายรวยๆ” มิรินไม่คิดว่าตัวเองจะบังเอิญขนาดนี้ มาเจอแม่เด็กใหม่นั่งกินข้าวกับนักธุรกิจอีกคน คนนี้เธอพอจะรู้จักเพราะเห็นข่าวตามหน้าหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ความอิจฉายิ่งพุ่งขึ้นสูง ยัยเด็กใหม่นี่มีอะไรดีถึงได้แต่ผู้ชายหล่อๆ รวยๆ คงคั่วอยู่หลายคนสิท่า ว่าแล้วเธอก็ยกโทรศัพท์ขึ้นมาบันทึกภาพไว้ ผู้ชายถึงจะใช้ผู้หญิงเปลืองแค่ไหน แต่ก็คงไม่ชอบใจแน่ถ้าผู้หญิงคนนั้นนอนกับผู้ชายหลายคน ยิ่งผู้ชายอย่างแกริคยิ่งไม่มีทางยอมกับเรื่องแบบนี้แน่
“เห็น ฉันไม่คิดว่าปลายฝนจะเป็นแบบนั้น” เมฆาไม่คิดว่าผู้หญิงที่ตัวเองสนใจจะเป็นเด็กเสี่ย
“ที่พูดเพราะนายคิดจะจริงจังกับยัยนั่นรึไง”
“เปล๊า ฉันแค่ไม่คิดว่าตัวเองมองคนผิด” ที่เมฆาพูดแบบนี้เพราะเขาผ่านผู้หญิงมาเยอะ เห็นมาทุกรูปแบบทุกมารยามองปราดเดียวก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นแบบไหน รวมทั้งผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเขาด้วย เขาไม่คิดว่าตัวเองจะมองพิรุณรักผิดจากที่เห็น
“ผิดไม่ผิดนายก็อยากเคลมยัยนั่นอยู่แล้วไม่ใช่รึไง จะสนใจอะไร” มิรินพูดเสียงฉุนและหงุดหงิดที่เห็นชายหนุ่มมองว่ายัยเด็กใหม่เป็นคนดี
“อืม ก็ใช่ฉันไม่สน” ยิ่งเป็นผู้หญิงแบบนี้เขาคิดว่ามันน่าจะง่ายกว่าที่คิด ที่ผ่านมาเธอคงเล่นตัวไปเองเพราะอยู่ในบริษัท
“งั้นนายก็รีบจัดการซะ”
“เธอมั่นใจมากแค่ไหนว่าถ้าฉันจัดการปลายฝนแล้ว ท่านประธานจะสนใจเธอ” เมฆาคิดว่าคนอย่างแกริคไม่ใช่ใครจะเข้าถึงตัวได้ง่ายๆ ถ้าเจ้าตัวไม่อนุญาต ความน่าเกรงขามบวกกับความน่ากลัวที่แผ่ออกมาทำให้คนอื่นไม่กล้าเข้าไปต่อกรด้วย
แต่เขาก็อยากลองของเหมือนกันและคิดว่าผู้หญิงที่แกริคใช้แล้วอย่างพิรุณรักคงไม่พิเศษอะไรที่จะทำให้ผู้ชายอย่างนั้นมาสนใจ ยิ่งพิรุณรักคั่วอยู่หลายคนแบบนี้ยิ่งไม่มีปัญหา
“ฉันจะหาวิธีของฉันเอง”
“ขอบคุณนะครับสำหรับวันนี้”
“ขอบคุณเหมือนกันค่ะที่เลี้ยงข้าว ขับรถดีๆ นะคะ”
หลังจากที่ซื้อของเสร็จกวินก็มาส่งหญิงสาวที่คอนโดทีแรกเขาชวนเธอไปทำอาหารกินที่ห้องแต่เธอปฏิเสธ ซึ่งแค่นี้ก็ทำให้เขารู้คำตอบแล้วว่าเธอคิดยังไงกับเขา นี่ขณะยังไม่ได้เริ่มจริงจังก็แห้วซะแล้วกวิน
“ครับ” หทัยรัตน์มองรถของกวินที่ขับออกไปก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก เธอหวังว่ากวินจะไม่คิดอะไรกับเธอมากมาย
หทัยรัตน์หันหลังเดินเข้าไปในคอนโด พอขึ้นมาบนห้องก็จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ดูเวลาเกือบจะสองทุ่มก็แอบมองไปที่ประตูเป็นระยะ
เธอไม่ได้รอคุณกรอยู่ใช่ไหมหวาน
“จะรอเขาทำไมเขาไม่รู้ซะหน่อยว่าเราอยู่ที่นี่” ใช่ หทัยรัตน์ยังไม่เคยบอกกรวิทย์ว่าเธอย้ายมาอยู่ที่นี่ แล้วเขาจะมาหาเธอได้ไง
หทัยรัตน์เลิกสนใจหน้าประตูหันหน้ามาหารายการโทรทัศน์ ปกติเธอก็นอนดึกอยู่แล้วนี่พึ่งจะสองทุ่มยังไม่ถึงเวลานอน แต่การย้ายออกมาอยู่นี่คนเดียวก็ทำให้เธอนอนเร็วขึ้นกว่าแต่ก่อนเยอะ ดูทีวีไปตาก็เริ่มจะเคลิ้มหลับ
แต่เสียงกริ๊งหน้าห้องทำให้เธอสะดุ้งตื่น
“ใครมา” คิ้วสวยขมวดเข้าหากัน คนที่รู้ว่าเธออยู่ที่นี่ก็มีแค่พิรุณรักกับเอมมี่สอง คนนั้นคงไม่มาหาเธอ หรือว่าจะเป็นกรวิทย์เขารู้ที่อยู่ของเธองั้นเหรอ
เสียงกริ๊งหน้าห้องดังขึ้นอีกครั้งทำให้เธอหลุดออกจากความคิดตัวเองแล้วรีบเดินไปที่ประตู ส่องตาแมวดูก็ทำให้อ้าปากค้าง แล้วค่อยๆ เปิดประตูให้แขก
“นอนแล้วเหรอ”
“รู้ได้ไงคะว่าหวานอยู่ที่นี่” เธอไม่ตอบคำถามเขาแต่อยากรู้มากกว่าว่าเขารู้ได้ไงว่าเธออยู่ที่นี่
“มันไม่ได้เกินความสามารถฉันหรอก” กรวิทย์ยักไหล่แล้วแทรกตัวเข้ามาในห้อง
ใช่สินะ เธอไม่น่าถามเรื่องแค่นี้เขาสามารถอยู่แล้ว แต่กระเป๋าใบเล็กที่เขาหิ้วมาด้วยทำให้หทัยรัตน์ขมวดคิ้ว
“เอากระเป๋ามาทำไมคะ”
“เสื้อผ้า”
“หวานไม่ให้ค้างด้วยหรอกนะ” หทัยรัตน์รีบพูดดักคอเขาไว้ สถานะของเขากับเธอไม่เหมือนแต่ก่อนและตอนนี้อะไรๆ มันก็ยังไม่ชัดเจนมากนัก เธอไม่ยอมกลับไปเป็นนางบำเรอให้เขาเหมือนก่อนหรอกนะ
“หวาน มาถึงขนาดนี้แล้วยังจะไล่อีกเหรอ” กรวิทย์หน้าบึ้ง นี่เขาบอกรักเธอพยายามเคลียร์ทุกอย่างเธอยังไม่เชื่อเขาอีกเหรอ
“ไล่ค่ะ หวานไม่ใช่เด็กของคุณอีกแล้วนะคะ”
“ก็ไม่ใช่ไง แต่เป็นเมียเข้าใจไหมครับ ผัวจะมานอนค้างกับเมียมันผิดตรงไหน” คำว่าเมียของกรวิทย์ทำให้เธออ้าปากค้าง มองคนที่เดินเข้าห้องนอนเธอหน้าตาเฉย
“คุณกร เรายังไม่แต่งงานกันหวานไม่นับ” หทัยรัตน์เดินบึ่งตามเขาเข้าไปในห้อง
“แต่งเลยไหมล่ะ” แต่แทนที่จะเข้ามาจัดการเขาได้ เขากลับทำให้เธออ้าปากค้างยิ่งกว่าเดิม ทำไมเขาพูดอะไรง่ายๆ แบบนี้
“หวานไม่ตลก”
“ฉันก็ไม่ได้ตลกนี่จริงจังสุดๆแล้ว เราอยู่ด้วยกันมาตั้งกี่ปีแล้วหวานมาหวงตัวอะไรตอนนี้” ปากบางเม้มเข้าหากัน มันไม่เกี่ยวกับเรื่องหวงตัวซะหน่อย เธอแค่ไม่อยากกลับไปเป็นเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว
“ยังไงก็ไม่ได้หวานไม่ยอม” หทัยรัตน์ยังยืนยันคำเดิม
“ไม่ยอมงั้นปล้ำ” กรวิทย์พูดสีหน้าจริงจัง เขาคิดถึงเธอแทบบ้าแต่เธอก็เอาแต่ไล่
“คุณกร หวานไม่ยอมคุณจะขืนใจหวานงั้นเหรอคะ” หทัยรัตน์รู้ว่าถ้าเขาจะทำ เธอก็ต้องใจอ่อนแน่เพราะร่างกายเธอไม่เคยต่อต้านเขาได้สักครั้ง แต่จิตใจของเธอตอนนี้ไม่อยากยอมเขา
“ใครจะไปทำอย่างนั้น “กรวิทย์วางกระเป๋าลงแล้วเดินเข้ามากอดหญิงสาว
“เป็นอะไร” เขาอยากรู้ว่าเธอเป็นอะไร คิดอะไรอยู่ตอนนี้ ทำไมถึงต่อต้านเขาขนาดนี้
“หวาน หวานแค่ไม่อยากเป็นเหมือนแต่ก่อน หวานไม่อยากเป็นแค่นางบำเรอบนเตียงของคุณ” หทัยรัตน์เผยความในใจให้เขารู้ ถึงเขาจะบอกรักเธอแล้ว แต่อะไรหลายๆ อย่างมันก็ยังไม่ชัดเจน จากที่คิดว่าจะบอกรักเขาถ้าเขาบอกรักเธอ เธอก็ยังไม่พร้อมจะบอก
“บอกแล้วไงว่าไม่ใช่ เธอเป็นคนรักของฉัน” กรวิทย์กอดเอวบางแน่น
“เรื่องจริงเหรอคะ”
“จริงสิ”
“แต่หวานเคยขายตัว” นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่เธอกลัวว่าเขาจะยอมรับไม่ได้ แล้วยิ่งถ้าถึงขั้นแต่งงานครอบครัวเขาคงรับไม่ได้เช่นกัน