"โอ๋ๆ ๆ ไม่เป็นไรนะแก"สองสาวนั่งกอดกันอยู่ในห้องใหม่ของ หทัยรัตน์ แกริคสามารถจัดการได้อย่างที่เขารับปาก วันรุ่งขึ้นหทัยรัตน์ก็สามารถเข้ามาอยู่ที่นี่ได้เลย
พิรุณรักต้องปลอบเพื่อนที่เอาแต่ร้องไห้ไม่หยุด เธอรู้สึกสงสารเพื่อนที่ต้องเจออะไรแบบนี้
"ทำไมฉันต้องรักเขาด้วยว่ะแก ฉันพยายามห้ามตัวเองแล้ว แต่ทำไม…."
"ฉันเข้าใจ ฉันเข้าใจความรักมันห้ามกันได้ที่ไหน แกอยู่กับเขามาตั้งนานไม่รักสิแปลก"พิรุณรักเข้าใจความรู้สึกเพื่อนเป็นอย่างดี เพราะเธอก็เคยเป็นมาก่อน
"มันไม่ยุติธรรมเลย ฉันรักเข้าแต่เขาไม่ได้คิดอะไรกับฉันเลย"
"เขาพูดแบบนั้นเหรอ"พิรุณรักไม่เชื่อหรอกว่ากรวิทย์จะไม่มีความรู้สึกอะไรกับเพื่อนเธอเลย
"ไม่พูด แต่การกระทำมันฟ้อง เขากำลังจะแต่งงาน"ยิ่งคิดถึงข้อนี้เธอก็ยิ่งเจ็บช้ำ
"เอาไง จะไปแย่งมาเลยไหม ฉันจะขอร้องคุณแกริคให้ไปอุ้มเขามาเลยดีไหม"หทัยรัตน์ส่งค้อนให้เพื่อนสาว ใครเขาจะไปทำอย่างนั้นกัน
"บ้าสิ ฉันก็เพ้อไปงั้นแหละ ฉันรู้ดีว่าตัวเองอยู่ในสถานะไหน ฉันต้องตัดใจจากเขาให้ได้"หทัยรัตน์พูดอย่างหมายมั่น
"เลิกร้องไห้ให้ได้ก่อนเถอะ” เมื่อได้ยินแบบนั้นหทัยรัตน์ก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้า
"เชอะ ทีตอนแกล่ะยังร้องไห้อยู่เป็นเดือน"
"งั้นออกไปเที่ยวไหม เผื่อเจอผู้ใหม่"
"ไม่เอา ความจริงเรื่องของคุณกร ฉันก็ทำใจมาตลอด แต่ช่วงนี้เรื่องหนักๆ มันเข้ามาหาฉันเยอะเกินไปเลยทำให้ฉันร้องไห้ง่าย อีกอย่างฉันคิดถึงยายด้วย เวลาฉันเศร้าฉันเสียใจยายจะเป็นคนปลอบฉันเสมอ ในหัวฉันตอนนี้มันเลยป่นกันไปหมด"
“ฉันเข้าใจ ยังไงฉันก็อยู่ข้างแก อยู่ปลอบแกอยู่ตรงนี้ มีอะไรระบายออกมาได้เลย นี่อิเอมมี่มันก็ว่าจะมาหาแกเหมือนกัน”
“มันรู้เรื่องฉันแล้วเหรอ”
“อืม ฉันบอกเอง”
“ขอบใจมากนะแก ฝากขอบคุณ คุณแกริคด้วย แล้วเรื่องที่อยู่ฉัน อย่าบอกคุณกรนะ”
“กลัวเขามาตาม” พิรุณรักเลิกคิ้วถาม
“ไม่ได้กลัว เขาจะมาตามฉันทำไม จบก็คือจบ” เมื่อคืนหลังจากที่เธอเดินเข้าห้อง เธอก็ไม่เห็นหน้าเขาอีกเลย เธอคิดว่าเขาคงออกจากห้องหลังจากที่คุยกันจบ เขาใจร้ายมาก
“จ้า แม่คนเก่ง”
“เสียงโทรศัพท์แกป่ะ”
“ใช่” หทัยรัตน์ควานหาโทรศัพท์ในกระเป๋า สายที่โทรเข้ามาทำให้เธอขมวดคิ้ว
“ใครโทรมา คุณกรเหรอ”
“เปล่า คุณหมอ”
“คุณหมอไหน”
“หมอกวิน คนที่ดูแลยายฉันไง”
“แล้วโทรมาทำไม”
“ไม่รู้สิ”
“รับสิ”
“สวัสดีค่ะคุณหมอ”
(คุณหวานยุ่งอยู่รึเปล่าครับ)
“ก็ไม่ยุ่งเท่าไหร่ค่ะ” ที่บอกว่าไม่ยุ่งเท่าไหร่ ก็ยุ่งอยู่นิดหนึ่งเพราะเธอต้องจัดของ แต่ที่จริงก็ยังไม่ต้องจัดอะไรมากเพราะของเธอก็ไม่เยอะ มีแค่กระเป๋าเสื้อผ้า
(แสดงว่ายุ่งใช่ไหมครับ)
“ก็ยุ่งนิดหนึ่งค่ะ คุณหมอมีอะไรรึเปล่าคะ”
(คือ หมอ เอ่อ คุณหวานลืมไปรึเปล่าครับว่าจะเลี้ยงข้าวหมอ) ตอนแรกเธอขมวดคิ้วเข้าหากันกับคำพูดติดอ่างของหมอกวิน เพราะหมอไม่เคยเป็นแบบนี้ แต่พอเขาทวงสิ่งที่เธอติดค้างเขามันก็ทำเธอตาโตขึ้นทันที
“หวานพึ่งจะพูดไปเมื่อวานเองนะคะ”
(เอ้าเหรอครับ แหะๆ) เสียงหัวเราะแห้งๆ ของหมอกวินทำให้เธออดยิ้มไม่ได้ จนพิรุณรักที่นั่งฟังอยู่จ้องหน้าเพื่อนเขม็ง
สามนาทีก่อนยังนั่งร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรอยู่เลยว่าผู้ชายไม่รัก แต่พอเจอผู้ใหม่โทรมาแค่นั้นแหละยิ้มออกเชียว ทำไมเพื่อนเธอเป็นคนแบบนี้เนี่ย
หทัยรัตน์ถลึงตาใส่เพื่อน
“หมอไม่มีเพื่อนกินข้าวเหรอคะ” เธอคิดว่ามันคงจะเป็นอย่างนั้น ไม่งั้นเขาคงไม่โทรมาชวนเธอหรอก
(ครับ จะว่าอย่างนั้นก็ได้ วันนี้วันหยุดด้วย)
“อ่อ งั้นเอาไงคะ หมออยากทานอะไรร้านไหนบอกหวานมาได้เลยค่ะ” หทัยรัตน์คิดว่าออกไปข้างนอกก็ดีเหมือนกัน เธอเองก็ไม่อยากจมปลักอยู่กับเรื่องเดิมๆ ออกไปหาอะไรทำคงลืมเรื่องที่ทำให้เราเศร้าได้บ้าง
(ไม่ยุ่งนิดหนึ่งแล้วเหรอครับ)
“คุณหมอ”
(โอเคครับ หมอล้อเล่น เอาเป็นว่ามาเจอกันที่ร้าน..เที่ยงนะครับ)
“ค่ะ เจอกันค่ะ”
“บอกมาแกกับหมอไปถึงไหนแล้ว แล้วที่แกร้องไห้เมื่อกี้แค่เล่นละครใช่ไหม” พิรุณรักเค้นเอาคำตอบจากเพื่อนทันทีที่วางสาย
“บ้า ใครจะไปเล่นละคร ฉันเสียใจจริงๆ แต่ฉันคิดว่าฉันไม่ควรเสียใจนาน ออกไปหาอะไรทำ คงสบายใจขึ้น อีกอย่างฉันรับปากคุณหมอไว้ว่าจะเลี้ยงข้าวเขาเป็นการตอบแทนที่เขาช่วยเรื่องงานศพยาย”
“เลี้ยงข้าวเสร็จคือจบ”
“จบสิจะมีอะไรล่ะ”
“แล้วหมอเขาอยากจบกับแกรึเปล่า”
“ไม่ต้องมายุ ฉันไม่เอาแล้ว ฉันอยากอยู่คนเดียว หมอเขาเป็นคนดีอย่าให้มาแปดเปื้อนเพราะฉันเลย” เธอคิดอย่างนั้นจริงๆ ถึงตอนนี้จะมีคนเข้ามาเธอก็ไม่พร้อมจะเปิดใจรับใคร เธอขอเว้นเรื่องผู้ชายไว้ก่อน ตอนนี้ขอใช้ชีวิตอิสระของตัวเองให้เต็มที่ อีกอย่างเธอก็ไม่คิดว่าตัวเองจะเหมาะสมกับใคร จะเป็นแม่ของลูกใครได้ ใครจะรับเธอได้
ดังนั้นเรื่องอนาคตที่จะสร้างครอบครัวกับใครตัดไปได้เลย อยู่คนเดียวอย่างนี้แหละดีแล้ว
“แก แกอย่ามองโลกแค่ด้านเดียว ผู้ชายบางคนที่เขารักเราจริงๆ เขาก็รับได้หมดแหละไม่ว่าผู้หญิงคนนั้นจะผ่านอะไรมาบ้าง และหมออาจจะเป็นหนึ่งในนั้นก็ได้” พิรุณรักไม่อยากให้เพื่อนคิดแบบนี้ การใช้ชีวิตคนเดียวมันก็ดี เป็นอิสระอยากทำอะไรก็ทำ แต่จะไม่ดีกว่าเหรอถ้าทางเดินของชีวิตเรามีคนช่วยคิดช่วยเดิน
สำหรับเธอถึงเธอจะรักแกริคมาก มากจนคิดว่าจะไม่รักใครอีก แต่ถ้ามันถึงจุดจุดนั้นจริงๆ เธอก็ต้องเปิดใจรับใครสักคนเข้ามาในชีวิต เธอไม่อยากใช้ชีวิตคนเดียวจนตายหรอกนะ
“ไม่รู้สิ รอให้ถึงวันนั้นก่อน แล้วอีกอย่างนะ หมอกวินเขาไม่ได้คิดอะไรกับฉัน เขาแค่โทรมาชวนไปทานข้าว ไม่ได้ไปสารภาพรัก”
ถึงบางครั้งมันจะทำให้เธอคิดเข้าข้างตัวเองอยู่บ้างเรื่องการแสดงออกของหมอกวิน แต่เธอก็ไม่อยากเพ้อไปมาก บอกจริงๆ ว่าเธอยังไม่พร้อมจะเปิดรับใคร
“ถ้าเขาสารภาพรักขึ้นมาแกจะทำยังไง” พิรุณรักรู้สึกว่าหมอกวินต้องคิดอะไรกับเพื่อนเธอแน่ ไม่งั้นคงไม่โทรมาชวนไปกินข้าวก่อนแบบนี้หรอก
“เวอร์ เขาจะทำอย่างนั้นทำไม เขาก็เห็นว่าฉันเคยไปโรงพยาบาลกับคุณกรและเข้าใจว่าฉันกับคุณกรเป็นแฟนกัน”
“แต่ตอนนี้แกเลิกแล้ว แกโสดเพื่อน”
“พอๆ เลิกพูดเรื่องนี้ ฉันบอกแล้วไงว่าอยากอยู่คนเดียว”