“ค่ะ” หทัยรัตน์ตอบเสียงเบา ตอนนี้หัวใจเธอเต้นโครมคราม ถึงแม้ใจจะบอกว่าอยากหยุดแต่อีกด้านของความรู้สึกก็อยากให้เขายื้อเธอไว้
“อยากได้อะไรไหม” คำถามของกรวิทย์ทำให้เธอขมวดคิ้วเงยหน้าขึ้นมองเขาอย่างไม่เข้าใจความหมาย
“อะไรคะ”
“เธออยากได้อะไร ก่อนที่เราจะแยกกัน” คำพูดของเขาเหมือนของแหลมคมที่ทิ่มใจเธอ เขาไม่คิดจะยื้อเธอไว้สักนิด เธอหวังลมๆ แล้งๆ จริงๆ สินะ
“หวานไม่อยากได้อะไรค่ะ พรุ่งนี้หวานจะย้ายออกนะคะ” ถึงตอนนี้หัวใจเธอจะเจ็บแค่ไหน เธอก็ต้องไป
“ไม่ต้องหรอก อยู่ที่นี่แหละ ฉันจะไปเอง” ปากบางเม้มเข้าหากันพยายามข่มน้ำตาเอาไว้ ส่ายหัวแรงๆ ให้เขารู้ว่าเธอปฏิเสธ
“ไม่ค่ะ หวานไม่อยู่ที่นี่” ถ้าเธออยู่ที่นี่เธอก็จะลืมเขาไม่ได้ ที่นี่มันเป็นความทรงจำระหว่างเธอกับเขา ถ้าเขาไม่อยู่แล้วเธอจะอยู่ได้ยังไง
“แล้วจะไปอยู่ที่ไหน” กรวิทย์พูดเสียงอ่อน
“หวานจะหาที่อยู่ใหม่เองค่ะ คุณไม่ต้องห่วง”
“งั้นฉันจะซื้อคอนโดให้”
“ไม่ค่ะ หวานไม่เอาอะไรทั้งนั้น หวานได้จากคุณเยอะแล้ว” เธอไม่อยากรับอะไรจากเขาอีก
“ดื้อ” ในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว ก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาเธอก็ลุกขึ้นหันหลังให้เขา
“ขอตัวเข้าไปนอนก่อนนะคะ”
กรวิทย์มองร่างบางที่เดินเข้าห้องไปแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ ยกมือคลึงขมับทั้งสองข้างของตัวเองแรงๆ
ช่วงนี้เขามีเรื่องมากมายต้องคิด และก็คิดไม่ตกอยู่หลายเรื่องร่วมถึงเรื่องของหทัยรัตน์ด้วย
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นทำให้กรวิทย์ต้องหยิบมันขึ้นมารับ
“ครับ”
(ถึงห้องรึยังคะ ไม่เห็นโทรหาน้องเลย) เสียงหวานกระเง้ากระงอมาตามสาย
“ถึงแล้วครับ แล้วน้องพิมพ์ทำอะไรอยู่ครับ”
(คิดถึงพี่กรค่ะ พรุ่งนี้จะเข้ามาที่บ้านไหมคะน้องจะได้บอกคุณแม่ทำอาหารที่พี่กรชอบรอ)
“เข้าไปครับ นอนได้แล้ว”
(นอนอะไรคะ พึ่งจะหนึ่งทุ่มเอง)
“เป็นเด็กเป็นเล็กเขาห้ามนอนดึกไม่รู้เหรอ”
(น้องไม่เด็กแล้วนะ น้องจะเป็นเจ้าสาวของพี่กรแล้วนะ จะเด็กได้ไง” เสียงหวานที่เถียงฉอดๆ ทำให้มุมปากกรวิทย์กระตุกเบาๆ ส่ายหน้าให้โทรศัพท์
“ครับไม่เด็กก็ไม่เด็ก คุณว่าที่เจ้าสาว”
(ไม่พูดกับพี่กรแล้ว เจอกันพรุ่งนี้นะคะ บ๊ายค่ะ)
หลังจากว่างสายกรวิทย์ก็เอนหลังพิงโซฟา พิมพ์ประภาคือคนที่เขาต้องแต่งงานด้วยโดยการทำสัญญาของทั้งสองครอบครัวตั้งแต่พวกเรายังเด็ก เขาไม่คิดว่าคำสัญญาของผู้ใหญ่จะส่งผลมาถึงเขาในวันนี้ เขากับพิมพ์ประภารู้จักกันตั้งแต่เด็ก เธอเคยเป็นเด็กผู้หญิงตัวน้อยๆ ที่ตามเขาต้อยๆ ก่อนที่จะเราจะแยกกันไปเรียนต่อต่างประเทศและก่อนที่เขาจะไปทำงานกับแกริค
เขาไม่เคยอยากจะสานต่อธุรกิจของครอบครัวเพราะมันเป็นสิ่งที่เขาไม่ชอบ เมื่อเรียนจบเขาจึงเข้าทำงานกับแกริค แต่เป็นเพราะเขาเป็นคนสืบทอดเพียงคนเดียวจึงเลี่ยงอะไรไม่ได้ เลยตัดสินใจลาออกจากการทำงานกับแกริค แล้วมาสืบต่อธุรกิจที่บ้าน
ช่วงแรกๆ เขาใช้ชีวิตอย่างอิสระเพราะไม่ได้นึกถึงเรื่องที่ผู้ใหญ่ตกลงกันไว้ จนกระทั่งเมื่อเดือนก่อน พิมพ์ประภาเรียนจบกลับมา ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มคุยกันเรื่องนี้ และเริ่มให้เขากับพิมพ์ประภาได้เริ่มศึกษานิสัยกันจริงจัง
ทีแรกเขาจะคุยกับเธอดีๆ ตกลงกันเพื่อที่จะไม่ให้เรื่องคลุมถุงชนเกิดขึ้น แต่พิมพ์ประภากลับพูดว่ารักเขา รักมาตั้งนานแล้ว และเธอก็อยากทำตามคำสัญญาของผู้ใหญ่ไม่อยากไห้พวกท่านเสียใจ
เขาอาจจะเป็นผู้ชายที่ขี้ขลาดไม่กล้าตัดสินใจ เมื่อเห็นแววตาใสๆ ที่มองเขาอย่างเทิดทูนสายตาที่มีความรักให้เขาเต็มเปี่ยมของพิมพ์ประภา เขาก็ทำร้ายเธอไม่ลง
ดังนั้นเขาจึงมาคิดเรื่องความสัมพันธ์กับหทัยรัตน์ มาตอนนี้เธอเป็นคนเอ่ยปากก่อนว่าอยากจบความสัมพันธ์กับเขา บอกตรงๆ ว่ารู้สึกใจหาย หทัยรัตน์ทำให้เขาเคยชินกับการที่มีเธออยู่ในชีวิต แต่เธอก็ไม่เคยพูดหรือแสดงออกอะไรมากไปกว่าหน้าที่
และเขาเองก็ไม่รู้ด้วยว่าตัวเองรู้สึกยังไงกับเธอ แค่รู้สึกว่าทุกๆ วันที่เขาอยู่กับเธอเขาไม่เคยเบื่อ แต่ความสัมพันธ์แบบนี้สักวันมันคงต้องยุติลง เธออยู่กับเขาด้วยฐานะอะไรต่างคนต่างรู้ดี
หทัยรัตน์เข่าอ่อนทรุดลงกับพื้นห้องทันทีที่ได้ยินการสนทนาจากด้านนอก คำพูดของเขาที่คุยกับปลายสายมันทำให้เธอเดาไปต่างๆ นานา และความคิดของเธอตอนนี้ก็มีเพียงเรื่องเดียว เขากำลังจะแต่งงาน
“ปลาย” เสียงกระซิบเรียกจากมุตาทำให้พิรุณรักละสายตาจากหน้าคอมหันไปเลิกคิ้วมอง
“คะ”
“ท่านประธานแซ่บไหม” คำถามของมุตาทำให้พิรุณรักหน้าแดงขึ้นทันที
หลังจากวันที่ทุกคนรู้เรื่องของเธอกับแกริค ในเช้าวันที่พิรุณรักมาทำงาน ทุกคนต่างมองเธออย่างไม่เชื่อและไม่กล้าเข้าใกล้ไม่กล้าแม้แต่จะเดินเข้ามาพูดด้วยจนมันทำให้เธออึดอัด
“พวกพี่คะ อย่าทำแบบนี้กับปลายได้ไหมมันอึดอัด อยากรู้อะไรถามมาเลยค่ะ” เธอตัดสินใจจะพูดกับทุกคนตรงๆ เพราะยังไงก็ต้องร่วมงานกันอีกนาน เธอไม่อยากเป็นแบบนี้
“ถามได้แน่เหรอคะ”
“ได้ค่ะ” พิรุณรักพยักหน้ารัวๆ ทุกคนก็วิ่งกรูเข้ามาหาเธอทันที
“น้องปลายรู้จักกับท่านประธานได้ยังไง รู้จักมานานแค่ไหน แล้วเราเป็นอะไรกับท่าน” ต้นหลิวรัวคำถามใส่ทันที
“ตอบทีละคำถามนะคะ หนึ่งปลายรู้จักกับท่านมาสองปีแล้วค่ะ สองรู้จักได้ยังไง อืม ท่านของพวกพี่ให้บอกว่าเขาเข้ามาจีบปลายก่อน สาม คือปลายเป็นแฟนท่านค่ะ จุๆ เงียบไว้เลยนะคะ” พิรุณรักไล่ทีละข้อให้พวกพี่ๆ ฟัง เธอไม่ได้บอกหมดทุกเรื่องอย่างที่แกริคบอก ถ้าบอกหมด ทุกคนคงมองเธอเป็นผู้หญิงไม่ดีแน่ๆ
ทุกคนอ้าปากเหวอเมื่อรู้ความสัมพันธ์ของทั้งคู่อย่างชัดเจน
“แล้วทำไมน้องปลายถึงมาทำงานที่แผนกเราล่ะ หรือว่ามาสืบอะไรรึเปล่า” คราวนี้ทุกคนหน้าเหวอ
“เปล่าค่ะ เปล่า ปลายไม่ได้มาสืบอะไรทั้งนั้น คือ จะพูดยังไงดี” พิรุณรักอึกอัก ยิ่งทำให้ทุกคนอยากรู้
“อะไรยังไงคะ”
“คือเราพึ่งจะคืนดีกันค่ะ เราพึ่งจะกลับมาคบกันตอนที่ท่านมาบริหารงานที่นี่ ทีแรกปลายไม่รู้หรอกค่ะว่าท่านเป็นเจ้าของบริษัทนี้ เรื่องมันยาวเล่าทั้งวันยังไม่จบเลยค่ะ เอาเป็นว่าปลายอยากให้พวกพี่ๆ เห็นปลายเป็นแค่พนักงานคนหนึ่ง เราทำงานด้วยกันเหมือนเดิมนะคะ” พิรุณรักส่งสายตาออดอ้อนทุกคน
“พี่ใช้งานเราหนักท่านจะไม่ว่าใช่ไหม” ทัศนัยถึงจะมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนอื่น เขาก็ยังกลัวแกริคอยู่ดี
“ไม่ว่าค่ะ ไม่ว่า นะคะทุกคนปลายไม่อยากทำให้ทุกคนอึดอัด”
“ได้ค่ะ มีน้องเป็นแฟนท่านประธานก็ดีเหมือนกัน” ต้นหลิวพูดด้วยสีหน้าภูมิใจ
“ใช่ อิจฉาน้องปลายมากอ่ะ ติดต่อฝรั่งหล่อๆ ให้พี่สักคนสิคะ” มุตากรี๊ด
“คุณแซคเป็นไงคะ” มุตาหุบยิ้มทันที
“ไม่เอาค่ะ ผู้ชายปากเสีย” พูดแล้วเบะปากเบาๆ
“คุณแซคน่ะเหรอคะปากเสีย” พิรุณรักทำหน้าครุ่นคิด
“ใช่ค่ะ ปากเสียมาก”
“เขาไม่เล่นด้วยก็ไปว่าเขา”
“ใครไม่เล่นด้วย ฉันไม่ได้ไปอ่อยอะไรเขาซะหน่อย” มุตาพูดอย่างอารมณ์เสีย
“ใครอ่อยใครเหรอครับ” เสียงภาษาอังกฤษที่ลอยเข้ามาทำให้ทุกคนตัวแข็งทื่อ โดยเฉพาะมุตา
“อ้าวคุณแซค มีอะไรรึเปล่าคะ” พิรุณรักเป็นคนทักเลขาของท่านประธานก่อนเพื่อน
“ไม่มีอะไรหรอกครับคุณปลาย เพียงแต่คุณแกริคให้ผมลงมาดู เผื่อว่ามีอะไรให้ช่วยอธิบาย”
“ไม่มีอะไรแล้วค่ะ”
“งั้นผมไปก่อนนะครับ อ่อ ท่านฝากมาบอกว่า ฝากดูแลแฟนท่านด้วยนะครับ อย่าให้ผู้ชายคนไหนมาจีบได้” พร้อมกับส่งสายตาไปที่ดนัย จนเจ้าตัวสะดุ้งสุดตัว
พิรุณรักหน้าเหวอกับคำพูดนั้น ฝากอะไรของเขา
ทุกคนส่งยิ้มล้อเรียนให้พิรุณรัก
“ผมเปล่าคิดอะไรกับน้องนะครับ” ดนัยรีบปฏิเสธทันทีทำให้ทุกคนหัวเราะ
“ครับ อ่อ สำหรับผมนะครับไม่ต้องให้ใครมาอ่อยหรอกครับ ถ้าชอบผมจะจีบเอง” คราวนี้เป็นมุตาที่หน้าเหวอ นี่เขาไม่ได้หลอกด่าเธอใช่ไหม