นางบำเรอเติมใจ 42

ตอนที่ 42

“ปลายฝนครับ ขึ้นไปที่ห้องท่านประธานอีกรอบได้ไหม เหมือนคอมท่านจะกลับมามีปัญหาอีกแล้ว” พิรุณรักหันไปทางทัศนัย

“ได้ค่ะๆ งั้นปลายไปเลยนะคะ” พิรุณรักเมื่อได้ยินแบบนั้นเธอก็ไม่รีรอรีบวิ่งออกไปทันที

ร่างบางวิ่งกระหืดกระหอบมาที่หน้าห้อง

“คุณครับมีอะไรรึเปล่าครับ”

“เอ่อ สวัสดีค่ะคุณอาเธอร์ พอดีดิฉันมาพบคุณแกริคค่ะ” พิรุณรักกลอกตาไปมา เธอไม่รู้ว่าอาเธอร์รู้ความสัมพันธ์ของเธอกับแกริครึเปล่า

“งั้นเหรอ” อาเธอร์ขมวดคิ้วมองผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่อยู่ในชุดพนักงาน ทำไมพนักงานตัวเล็กๆ แค่นี้ถึงมาพบแกริคมีเรื่องอะไรรึเปล่า

“ค่ะ งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ” พิรุณรักเคาะประตูสองสามทีแล้วรีบเปิดเข้าไป

“แซคไปไหน” อาเธอร์มองตามเธอแล้วก็มองหาแซคด้วย ปกติแซคจะอยู่หน้าห้องตลอดแล้วนี่หายไปไหน อาเธอร์หันไปมองประตูห้องทำงานของแกริคอีกรอบ แล้วตัดสินใจเดินกลับไปที่ห้องของตัวเอง

“เป็นยังไงบ้างคะ” พิรุณรักรีบวิ่งเข้าไปหาแกริคที่นอนหมดสภาพอยู่บนโซฟา หน้าซีดเผือดของคนตัวโตทั้งสองหันมามองเธอ แซคถอนหายใจออกมายาวๆ อย่างโล่งอก คราวนี้เขาคงได้ไปหาหมอแล้วสินะ

“ทำไมสภาพแย่แบบนี้ หนูไม่น่าชวนพวกคุณกินเลย” จากสภาพของทั้งสองคนทำให้เธอรู้สึกผิด ถ้าเธอไม่ชวนพวกเขากินคงไม่เป็นแบบนี้ เธอน่าจะรู้ว่าท้องเขาอาจจะไม่รับอาหารพวกนี้

“หนูขอโทษนะคะ”

“ไปโรงพยาบาลกันไหมคะ” เธอถามอย่างเป็นห่วง

“เรียกหมอมาที่นี่ก็ได้ครับ ถ้าขืนเราเดินลงไปในสภาพนี้พนักงานคงแตกตื่นกันหมด”

นั่นสินะ

“งั้นหนูจะโทรเรียกหมอนะคะ”

“ไปหาอาเธอร์ที่ห้องให้เขาจัดการให้” จริงอยู่ที่แกริคไม่มีศัตรูที่ประเทศไทยแต่เรื่องแบบนี้เขาเองก็ไม่อยากพลาด

“คะ คุณอาเธอร์เหรอคะ”

“ใช่ครับ”

“ค่ะๆ ได้ค่ะ” เธอมองหน้าแกริคและแซคก็รีบเดินออกจากห้อง ดีที่ชั้นนี้ไม่มีคนพลุกพล่าน มีแค่ผู้บริหารที่อยู่ชั้นนี้

แล้วห้องคุณอาเธอร์อยู่ตรงไหนเนี่ย พิรุณรักมองซ้ายมองขวาเดินไปตามทางที่คิดว่าใช่ และก็ใช่จริงๆ หน้าห้องของคุณอาเธอร์มีเลขานั่งอยู่

“เอ่อ..”

“มีอะไรรึเปล่าคะ” เลขาหน้าห้องเอ่ยปากตามเมื่อเห็นพนักงานของบริษัทเดินเข้ามา

“ดิฉันมาขอพบคุณอาเธอร์ค่ะ”

“ท่านไม่ได้เรียกหนิคะ” นิสาจำได้ว่าไม่ได้มีคำสั่งจากคุณอาเธอร์ให้เรียกพนักงานขึ้นมาพบ

“เอ่อ..คือ คุณแกริคบอกให้ดิฉันมาค่ะ เรื่องด่วนมาก รบกวนหน่อยนะคะ” ในเมื่อไม่มีทางเลือกพิรุณรักก็ยกเอาชื่อแกริคขึ้นมาอ้าง

“คุณแกริคงั้นเหรอคะ” นิสาแค่ได้ยินชื่อของผู้บริหารใหญ่ก็สะดุ้ง

“ใช่ค่ะ”

“รอสั่งครู่นะคะ” ถึงจะไม่แน่ใจว่าผู้หญิงตรงหน้าพูดความจริงรึเปล่าและรู้จักกับคุณแกริคได้ยังไง แต่เธอก็ไม่อยากพลาด

“ค่ะ” เธอยกหูหาอาเธอร์และแจ้งรายละเอียด

“เชิญข้างในได้เลยค่ะ”

“ขอบคุณนะคะ” ความใจร้อนของพิรุณรักทำให้เธอไม่ได้เคาะประตู อาเธอร์ขมวดคิ้วมองคนที่มาขอพบเขาและเอาชื่อเจ้านายมาอ้าง ไม่คิดว่าจะเป็นผู้หญิงคนเดียวกันที่เจออยู่หน้าห้องเจ้านาย

“คุณอาเธอร์คะ เรียกหมอให้หน่อยค่ะ คุณแกริคกับคุณแซคไม่สบาย” ด้วยความร้อนใจทำให้เธอรีบพูด

“ใครไม่สบายนะครับ”

“คุณแกริคกับคุณแซคค่ะ ท้องเสีย”

“ท้องเสีย” อาเธอร์ทวนคำพูดอย่างไม่อยากจะเชื่อ

“ใช่ค่ะ คุณแกริคบอกให้ฉันมาหาคุณให้คุณเรียกหมอให้” อาเธอร์ไม่รอให้ผู้หญิงตรงหน้าพูดจบรีบเดินออกจากห้องตรงไปยังห้องเจ้านายทันที พิรุณรักได้แต่วิ่งตาม

นิสาได้แต่มองทั้งสองคนตาปริบๆ

อาเธอร์เข้ามาในห้องทำงานของแกริคก็เห็นเจ้านายกับเลขาหมดสภาพอยู่บนโซฟา รีบกดโทรศัพท์เรียกหมอมาที่นี่ทันที

“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ครับ” อาเธอร์มองทั้งสองคนแล้วเลื่อนสายตาไปมองที่พิรุณรัก หญิงสาวทำตัวลีบทันที

“ปลายฝนมานี่” เสียงเรียกของแกริคทำให้ทุกคนหันไปมอง เธอชั่งใจอยู่ว่าควรเดินเข้ามาหาเขาดีไหม

“ยืนทำอะไรอยู่ มานี่” น้ำเสียงหงุดหงิดเอ่ยขึ้นซ้ำสอง ทำให้เธอต้องเดินเข้าไปหาเขานั่งลงใกล้ๆ คนตัวโต

อาเธอร์มองการกระทำของเจ้านายอย่างไม่เข้าใจ ความสงสัยเกิดขึ้นในหัวเขาทันที แกริคพึ่งจะเดินทางมาถึงเมืองไทยได้ไม่นานทำไมถึงได้รู้จักพนักงานของบริษัทแถมเหมือนจะไม่ได้รู้จักกันแบบธรรมดา

“ไม่ต้องทำหน้าสงสัย นี่ปลายฝนผู้หญิงของฉัน” คำแนะนำของแกริคทำให้พิรุณรักอ้าปากเหวอ นี่เขาแนะนำกันอย่างนี้เหรอ

“คุณ..”

“ไม่ต้องห่วงหรอก อาเธอร์มันไม่ปากสว่างหรอก” แกริครู้สึกหมั่นไส้ในความคิดมากของหญิงสาวที่กลัวคนอื่นจะรู้นัก

“ครับ ผมไม่ยุ่งเรื่องของเจ้านาย” อาเธอร์พูดเสียงเรียบ ถึงจะอยากรู้รายละเอียดมากกว่านี้แต่เขาก็รู้ว่าไม่ควรถาม ยอมรับว่าตกใจกับสิ่งที่ได้รู้ นี่เจ้านายเขาเป็นสมพรานกินไก่วัดไปแล้วเหรอ

“แต่ผมอยากรู้ว่าใครทำให้คุณเป็นแบบนี้” อาเธอร์ยังไม่หมดความสงสัยในเรื่องนี้

“ฉันเองค่ะ ฉันให้พวกเขากินส้มตำและอาหารอีสาน” พิรุณรักยกมือขึ้นอย่างยอมรับผิด

“ส้มตำ ทำไมถึง..”

“ไม่ต้องพูดมาก ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก”

แซคเบ้ปากมองบนให้เจ้านายที่บอกไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เข้าห้องน้ำตั้งหลายรอบ และเขาก็อยากจะพูดด้วยว่าเป็นมากเลยต่างหาก แต่เกรงใจคนเห่อแฟน กลัวว่าจะโดนลูกหลง

“แต่ยังไงมันก็เป็นความผิดของหนูอยู่ดี ต่อไปหนูจะไม่ให้คุณกินอะไรแปลกๆ อีก” เห็นเขาเป็นแบบนี้เธอคงไม่กล้าให้เขากินอาหารที่เขาไม่คุ้นชินอีก

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันไม่ได้เป็นอะไรมาก”

ลูกน้องทั้งสองคนอ้าปากเหวอให้กับทั้งคำพูดและการกระทำของเจ้านาย

แกริคเอนตัวลงนอนบนตักนุ่มๆ ของพิรุณรักหน้าตาเฉยโดยไม่เกรงใจว่ามีใครอยู่ในห้องสักนิด ต่างจากหญิงสาวที่ทำตัวไม่ถูก

“คุณ”

“เฉยๆ ฉันหมดแรง”

“แต่..ในห้องนี้ไม่ได้มีแค่เรานะคะ” พิรุณรักกระซิบพูดกับเขา ถ้าอยู่กันสองคนเธอจะไม่ห้ามเขาเลยสักนิด แต่นี่มีคนอื่นอยู่ด้วย

“ใครสน พวกนายสนใจฉันรึไง” แกริคหันไปถามลูกน้อง

“ไม่สนครับ” แซคเอ่ยขึ้น หันหน้าไปมองทางอื่น

พิรุณรักได้แต่ถอนหายใจกับคนเอาแต่ใจยอมให้เขาทำตามใจตัวเอง ลูกน้องทั้งสองคนก็แยกตัวไปนั่งคนละมุม จนกระทั่งหมอมาถึงก็ตรวจและจ่ายยาให้ ส่วนมากจะเป็นพวกเกลือแร่ หมอยังให้ดูอาการถ้าสามสี่วันอาการยังไม่ดีขึ้นให้ไปโรงพยาบาลทันที

“ผมขอเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ” แซคเดินเข้าห้องน้ำอย่างหมดแรง

“หนูเอาเกลือแร่ไปผสมน้ำให้นะคะ”

พิรุณรักดูแลทั้งสองคน เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนเลิกเดินเข้าห้องน้ำเธอก็ขอตัวกลับลงไปทำงาน ถึงแกริคจะไม่ยอมก็เถอะ

“เป็นไงบ้างปลายเรียบร้อยดีไหม”

“อ่อ เรียบร้อยดีค่ะ” คนที่มัวแต่ห่วงคนข้างบนสะดุ้งเล็กน้อย

“ดีแล้ว”

นางบำเรอเติมใจ

นางบำเรอเติมใจ

Score 10
Status: Completed
“ฉันไม่ชอบคนที่ไม่เป็นงาน” แกริคพูดย้ำแล้วก็หลับตาเอนหลังพิงโซฟา ตอนนี้เขาอยากปลดปล่อย เพราะอัดอั้นมาตั้งแต่เมื่อคืนพิรุณรักตาหลุกหลิกมองคนที่หลับตาอยู่ นึกถึงหนังที่ตัวเองดูและคำแนะนำของเพื่อน เธอไม่ควรทำให้เขารำคาญปลายฝนเธอค่อยๆ ขยับขึ้นไปนั่งบนตักแกร่งไม่กล้าจะเทน้ำหนักลงไปทั้งตัวกลัวว่าเขาจะหนัก แต่คนที่หลับตาอยู่ก็จับเธอกดลงบนตักเขาทั้งตัว ทำให้เธอผวาจับบ่าเขาไว้เพราะกลัวตก“เริ่มเลย” แกริคสั่งทั้งที่หลับตาอยู่“ตรงนี้เหรอคะ” ขอให้เธอถามเพื่อเตรียมใจอีกสักนิด นี่เธอกำลังจะเป็นของเขาจริงๆ เหรอแกริคเงยหน้าขึ้นหรี่ตามองเธอ“เอ่อ หนูคิดว่า เราเข้าห้องกันดีกว่าค่ะ” ที่นี่มันโล่งแจ้งเกินไป ถึงจะรู้ว่าไม่มีใครลงมาก็เถอะ แต่ลูกน้องของเขาก็อยู่ข้างบนตั้งหลายคน

Options

not work with dark mode
Reset