“อันไหนต้องกินกับอันไหนเธอก็บอกฉันก่อนสิ” พิรุณรักหัวเราะออกมาเบาๆ
“อ่อ งั้นชิมนี่ หนูสั่งให้เขาใส่พริกเม็ดเดียว คุณแซคกินเลยค่ะ” พิรุณรักตักตำไทยให้แกริค เขาก็ตักขึ้นมาชิมเคี้ยวๆ แล้วกลืนลงคอ รสชาติหวานๆ เปรี้ยว
“เป็นไงคะ อร่อยไหม” พิรุณรักทำหน้าลุ้น
“ก็พอได้ แล้วนั่นอะไรไม่เหมือนกันเหรอ” แกริคเห็นว่ามันก็เป็นเส้นเหมือนกัน เธอเรียกมันว่าส้มตำ เลยอยากรู้ว่าที่เธอตักให้เขาชิมกับที่อยู่ตรงหน้าเธอมันแตกต่างกันยังไง
“อ่อ อันนี้ตำปูปลาร้าค่ะ เผ็ดมากคุณกินไม่ได้หรอก” ส้มตำมีปูเป็นตัวๆ วางอยู่ เผ็ดหลายสิบเม็ดทำให้มีสีสันมากขึ้นรสชาติของมันแซ่บสะใจและถูกใจพิรุณรักมาก แต่ฝรั่งสองคนนี้คงกินไม่ได้
“อยากลอง” แกริคพูดด้วยน้ำเสียงแน่วแน่
“แต่..”
“ตักมา” สั่งเสียงเฉียบขาด
“อย่ามาว่าหนูทีหลังก็แล้วกัน”
แซคมองทั้งสองคนตาปริบๆ เขาเองก็ลองตักอาหารเข้าปากรับรู้รสชาติมันถูกปากมากทีเดียว แต่มีอีกอันที่เขายังไม่ได้ชิมเช่นกันคือตำปูปลาร้าของพิรุณรัก
“ผมเอาด้วยครับ”
“อ่ะๆ ทั้งเจ้านายทั้งลูกน้องบอกว่ากินไม่ได้ก็ไม่เชื่อ” เมื่อจนปัญญาเธอก็เลื่อนส้มตำไปตรงหน้าทั้งสองคน เธอตักคำเล็กๆ ให้แกริค แล้วลุ้นว่ากินแล้วเขาจะเป็นยังไง เธอกินยังเผ็ดเลย
แกริคตักส้มตำเข้าปาก รสชาติแรกที่รับรู้คือความเผ็ดมีกลิ่นตุๆ ตามมาเขารีบคายมันออกมาทันที
“อ๊า”
“เผ็ดครับ อูยย” แซคเองก็เป็นเหมือนกัน
“เห็นไหมหนูบอกแล้ว” วุ่นให้หญิงสาวคนเดียวรินน้ำให้ หูแดงหน้าแดงเถือกทั้งเจ้านายลูกน้องหลุดมาดท่านประธานกับเลขาแสนเนี๊ยบไปเลย
พิรุณรักอยากจะหัวเราะกับท่าทางของทั้งสองคนก็ได้แต่อดไว้ แต่ถ้าใครมาเห็นคงตกใจช็อกไปแน่ๆ บอกแล้วไม่เชื่อก็ได้แต่สงสาร
“แกหัวเราะอะไรวะปลาย” หทัยรัตน์เดินเข้ามาถามเพื่อนที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ที่โต๊ะทำงาน ตั้งแต่ที่ขึ้นไปหาแฟนมานี่อารมณ์ดีเชียวมีอะไรพิเศษนักหนา
“ฉันหัวเราะเหรอ” พิรุณรักทำหน้าเลิ่กลั่ก
“เออ สิเหมือนคนบ้า เป็นอะไร เขาทำอะไรให้แกอารมณ์ดี หรือว่าได้สักดอกสองดอก” พิรุณรักอ้าปากเหวอกับคำสันนิษฐานของเพื่อน
“บ้า พูดอะไรของแก”
“บ้า แต่หน้าแดง” หน้าแดงระรื่นของพิรุณรักยิ่งทำให้ตัวเองมีพิรุธ
“ไปทำงานเลยไป”
“ย่ะ หมั่นไส้คนมีความรัก” ปากบางยิ้มกว้างกับคำแซวของเพื่อน
“ใครมีความรักเหรอจ๊ะน้องหวาน” ต้นหลิวถามอย่างตื่นเต้น ทำให้ทุกคนหันมาสนใจด้วย
“เอ่อ…เพื่อนหวานค่ะหวานพูดถึงเพื่อนอีกคน” หทัยรัตน์พูดแก้ตัวหันไปขยิบตาให้พิรุณรัก
“อ่อ”
คำแก้ตัวของหทัยรัตน์ทำให้ทุกคนเลิกสนใจแล้วหันกลับไปทำงานต่อ พิรุณรักก็กลับมาทำงานของตัวเอง
เมื่อตอนเที่ยงหลังจากที่ท่านประธานและเลขาได้ลองส้มตำพร้อมกับอาหารอีสานไปแล้วไม่รู้จะเป็นยังไงบ้าง เพราะกินเสร็จเธอก็ลงมาเลย
ชั่งใจอยู่ว่าจะไลน์ไปถามเขาดีไหม
(เป็นยังไงบ้างคะ) เธอตัดสินใจไลน์ไปถามเพราะอดเป็นห่วงไม่ได้ แต่ก็ไม่มีคนอ่าน คิดว่าเขาคงไม่เป็นอะไรคงยุ่งอยู่กับงาน
ทางฝั่งเจ้านายกับลูกน้อง ตอนนี้กำลังนั่งพิงโซฟาอย่างหมดแรง
“เจ้านายครับ ไปหาหมอไหมครับ” แซคหันไปถามแกริคที่หอบหายใจแรงเหมือนไปวิ่งร้อยเมตรมาทั้งที่เดินเข้าแค่ห้องน้ำ
“ถามตัวเองเถอะ” แกริคไม่คิดว่าแค่กินอาหารที่พิรุณรักอยากกินเขาจะท้องเสียได้ ในเมื่อเธอกินได้ทำไมเขากินไม่ได้
“โถ่ เราก็ไม่ต่างกันหรอกครับ โอ๊ย มาอีกแล้วผมขอเข้าก่อนนะครับ” แซคดีดตัวขึ้น
“แซค หยุด”
แซคเบรกตัวกะทันหันบิดตัวไปมาหันกลับไปมองเจ้านายหน้าดำหน้าแดง
“อะไรครับ”
“ฉันเข้าก่อน” แซคอ้าปากเหวอ
“แต่ผมพูดก่อนนะครับ”
“ฉันเป็นใคร” แกริคเดินผ่านหน้าแซคไปเข้าห้องน้ำ
“เป็นเจ้านาย”
“รู้หนิ”
ปัง
เสียงปิดประตูห้องน้ำทำไมมันสะเทือนใจคนที่อยู่ด้านนอกนัก
“โถ่” แซคโอดครวญ มองซ้ายมองขวา
เอาไงดีวะ ไปเข้าข้างนอกก็ได้วะ แซควิ่งปรือออกไปข้างนอก
“ผมหมดแรงแล้วครับ นี่เราไม่ได้กินยาถ่ายเข้าไปใช่ไหมครับ” แซคพูดอย่างหมดแรง
แกริคไม่คิดว่าตัวเองจะหมดท่าขนาดนี้ อาหารแค่นั้นมันทำให้เขาเป็นได้ขนาดนี้เลยเหรอ แล้วพิรุณรักจะเป็นยังไงบ้างเธอจะเป็นเหมือนเขารึเปล่า มือแกร่งหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อที่จะโทรไปถามหญิงสาว แต่เห็นข้อความที่เธอส่งมาซะก่อน
(ขึ้นมาหาหน่อย) เขาส่งกลับไป มือไม้อ่อนแรง
“ผมเรียกหมอนะครับ”
“อย่าพึ่ง รอก่อน”
“รอทำไมครับ” แซคถามอย่างไม่เข้าใจ ท้องเสียจะตายอยู่แล้วจะให้รอทำไม
“รอปลายฝนก่อน”
แซคได้แต่ตบหน้าผากตัวเองแรงๆ จะตายอยู่แล้วยังจะอ้อนเมีย เป็นเอามากนะเจ้านายเขา
ติ๊ง
(มาหาหน่อย) คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันกับข้อความที่ตอบกลับมา
(มีอะไรรึเปล่าคะ หนูบอกแล้วไงว่าอย่าเรียกหนูขึ้นไปหากะทันหันแบบนี้)
(ฉันกำลังจะตาย) เธออ้าปากเหวอ ตกใจกับคำตอบของเขา ดีดตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้
(เป็นอะไรไปคะ)
(ท้องเสียเพราะอาหารของเธอ มารับผิดชอบซะ) พิรุณรักเอามือสางผมแรงๆ เธอว่าแล้วไม่มีผิดว่าเขาต้องท้องเสีย เริ่มรู้สึกกระวนกระวายใจ
(หนูจะขึ้นไปหาคุณได้ยังไง) พิรุณรักคิดหาข้ออ้างไม่ออกจริงๆ ว่าเธอจะหาเหตุผลอะไรเพื่อที่จะขึ้นไปที่ห้องท่านประธาน
เธอมองโทรศัพท์ที่เงียบไปหลังจากที่พิมพ์ข้อความตอบกลับไป
“ปลายเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า” ต้นหลิวถามเพราะเห็นหญิงสาวดูเหมือนมีเรื่องร้อนใจ
“เอ่อ..คือ”