“เขาเรียกฉันมาพบทำไมคะ” ขาที่กำลังจะก้าวข้ามผ่านประตูชะงักแล้วหันกลับมาถามคนที่เธอเคยเห็นและคุยด้วยแค่ไม่กี่ครั้ง
“คุณเข้าไปถามท่านเองดีกว่าครับ” หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเมื่อไม่ได้คำตอบ ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องที่ใหญ่โตสมฐานะ
เธอเพ่งมองไปที่คนตัวโตสง่างามที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน ในมือของเขามีเอกสารที่กำลังจดปากกาเซ็นต์
แกริคเงยหน้าขึ้นมองคนที่เดินเข้ามาในห้องด้วยสีหน้าเรียบเฉย ซึ่งมันทำให้หญิงสาวประหม่าเมื่อสบสายตาของเขา
“ท่านเรียกดิฉันมามีอะไรให้รับใช้ค่ะ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างเป็นทางการ ทั้งที่หัวใจเต้นโครมคราม ไม่ว่าครั้งไหนผู้ชายตรงหน้าก็ทำให้หัวใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะทุกครั้งที่เจอหน้ากัน
“นั่งสิ” ปากบางเม้มเข้าหากันก่อนจะยอมนั่งตามที่ประธานใหญ่บอก กำมือทั้งสองข้างแน่นแล้ววางไว้บนตัก เธอหยิกตัวเองหลายครั้งเพื่อเรียกสติ
แกริคมองหน้าหญิงสาวตรงๆ พิรุณรักใส่ฟอร์มของแผนกตัวเองกางเกงยีนรัดรูปสีดำและรองเท้าคัตชูมีส้นแบบทันสมัย ผมก็มัดรอบตึงกับหนังศีรษะเพื่อสะดวกในการทำงานแต่งหน้าบางๆ อย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งแค่นี้ก็ทำให้เธอสวยเด่น ถึงจะไม่สวยที่สุดเท่ากับผู้หญิงที่แกริค ซีคีเลียโนเคยควง แต่เธอก็มีแรงดึงดูดให้เขาเข้าหาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ
ทุกอย่างในห้องตกอยู่ในความเงียบเพิ่มแรงกดดันให้กับหญิงสาวขึ้นไปอีกเท่าตัว จนเธอทนไม่ไหว
“ถ้าไม่มีอะไรดิฉันขอตัวนะคะ”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปมาทำงานเป็นเลขาของฉัน” แกริคเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นคนตรงหน้าเริ่มจะหมดความอดทน เธอไม่ได้ต่างไปจากเมื่อก่อนนัก ถึงจะโตขึ้นสวยขึ้น แต่ด้านอารมณ์ก็ยังกักเก็บไว้ไม่เก่งพอ
พิรุณรักที่กำลังจับต้นชนปลายอยู่นึกทวนคำพูดของเขาในใจ เขาจะให้เธอมาเป็นเลขา
“ไม่ค่ะ ดิฉันไม่ได้เรียนมาทางด้านนี้ คงไม่เหมาะ” เธอรู้สิ่งที่เขาต้องการ และเธอจะไม่ยอมเด็ดขาด เธอบอกแล้วว่าตัวเองไม่ใช่เด็กสาวใจแตกเมื่อสองปีก่อนอีกแล้ว
ความน่ารักอ่อนหวานที่เธอมีให้เขาตอนนั้นถูกเขามองข้าม วันที่เขาจะจากไปเขาไม่พูดอะไรกับเธอสักคำ เพียงแค่บอกลูกน้องให้เอาเช็คให้ ไม่มีคำบอกลา ไม่มีการสบตา มันตอกย้ำสถานะของเธอแน่ชัดแล้วว่าเธอมันก็แค่นางบำเรอ
พอมาถึงตอนนี้ที่บอกว่าเขาเฝ้ามองเธอมาตลอด การเฝ้ามองของเขามันหมายความว่ายังไง ต้องการให้เธอกลับไปเป็นนางบำเรอของเขาเมื่อเขากลับมาที่ประเทศของเธอ อย่างนั้นเหรอ
“อย่าดื้อ” คำพูดของเขาทำให้เธอถลึงตาใส่อย่างลืมตัว แต่ก็ได้รับรอยยิ้มที่มุมปากกลับมา
“ดิฉันไม่เหมาะจริงๆ ค่ะ” เธอย้ำความคิดของตัวเอง
“คนที่ตัดสินว่าเหมาะหรือไม่เหมาะคือฉัน”
“แต่ดิฉันไม่อยากทำ” หญิงสาวเชิดหน้าขึ้น แกริคกระตุกยิ้มกับท่าทางนั้นของเธอ แม่นางบำเรอตัวน้อยของเขามีอย่างหนึ่งที่เพิ่มขึ้นนั่นก็คือความดื้อรั้น ผู้หญิงที่คอยปรนนิบัติเขายอมตามใจเขาไม่มีอีกแล้ว
ในเวลานั้นเขาถามหาเหตุผลกับเธอทำไมถึงทำงานนี้ ทั้งที่เขาเป็นคนแรกของเธอ คำตอบของเธอก็คือเงิน แต่มีหรือที่เขาจะไม่คิดหาคำตอบ
หลังจากที่เขากลับอิตาลีไปเขาก็นอนไม่หลับ ในหัวมีแต่ภาพของเธอ เขาเลยต้องทำอะไรสักอย่าง และสืบเรื่องราวทุกอย่างของสาวน้อยตรงหน้า
รอเวลาจนกระทั่งเธอเรียนจบ มันถึงจะเป็นเวลาของเขา
“เธอลืมฉันได้แล้วเหรอสาวน้อย” และเขาก็รู้ด้วยว่าเหตุผลที่เธอทำมันคืออะไร ความคิดเด็กๆ ที่คลั่งไคล้ในตัวเขา ทำให้เธอกล้าทำอะไรแบบนั้นมันทำให้เขาโกรธนิดหน่อย แต่ก็ยอมรับว่าถ้าเธอไม่ทำเขาก็คงไม่ได้รู้จักเธอ
พิรุณรักตาโตตัวแข็งทื่อ เมื่อได้ยินคำถามที่ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องงาน
“คุณรู้อะไรมา” พิรุณรักกลั้นใจถามออกไป
“ว่าเธอชอบฉันมาก หรือรักดี” แกริคพูดหน้าตายแต่มุมปากก็ยังมีรอยยิ้มเล็กน้อย เขาไม่อยากเสียเวลาอีกแล้ว เขาจะอยู่ที่นี่แค่สามเดือน เขาต้องรีบทำเวลา
“ไม่..”
“อย่าพึ่งปฏิเสธ ถ้ายังไม่ทบทวนดีๆ” เขารีบพูดดักคอเธอเอาไว้ เขาไม่อยากได้ยินคำว่าไม่ชอบหรือไม่รักออกจากปากเธอ ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าสาวน้อยตรงหน้ายังลืมเขาไม่ได้ก็เถอะ
มันเป็นคำบอกเล่าจากเพื่อนของเธอที่ให้กรวิทย์ถาม เขาอยากรู้ทุกอย่าง ทุกความรู้สึกที่พิรุณรักมีต่อเขา
“ดิฉันคิดว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องงาน” ปากบางเม้มเข้าหากันอย่างอดกลั้นอารมณ์ เธอกำลังตกเป็นรองเขา และเธอก็อยากจะตีเพื่อนตัวดีที่เอาเรื่องของเธอไปขาย คำพูดของเขาก็พอจะเดาออกว่าเขารู้ถึงความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขาแล้ว
“ฉันก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องงานปลายฝน” ชื่อเล่นของเธอที่ออกจากปากเขาทำให้เธอทำตัวไม่ถูก ร่างบางไม่กล้าแม้แต่จะขยับ สมองเธอต้องทำงานหนักเพื่อหาทางที่จะออกจากสถานการณ์ตรงหน้า
“ถ้าไม่มีเรื่องงานดิฉันขอตัว” คำว่าขอตัวของเธอก็คือเธอลุกขึ้นจริงๆ ไม่ใช่แค่พูดเหมือนก่อนหน้านี้
“ยังไงเธอก็ออกไปไม่ได้ถ้าฉันไม่อนุญาต” เรียวขางามชะงักกับความเผด็จการของเขา หันกลับมาเผชิญหน้ากับคนบ้าอำนาจ
“คุณต้องการอะไรจากฉัน ฉันบอกแล้วไงคะว่าถ้าจะให้ฉันกลับไปเป็นนางบำเรอของคุณฉันไม่เป็น” พิรุณรักระเบิดอารมณ์ใส่เขาอย่างเหลืออด เขาเล่นกับความรู้สึกของเธอมากไปแล้วนะ ทั้งที่รู้ว่าเธอคิดยังไง ทั้งที่รู้ว่าเธอลืมเขาไม่ได้ เขายังจะเอาความรู้สึกของเธอไปล้อเล่น
“แล้วอยากเป็นอะไร” การสบตากับเขาอย่างจริงจังทำให้เธอเห็นอะไรบางอย่างในแววตานั้น แต่เธอก็ไม่อยากจะเชื่อ คำถามของเขาทำให้เธอไปไม่ถูกเหมือนกัน
“ไม่เป็น ไม่เป็นอะไรทั้งนั้น” ย้ำในใจตัวเองตลอดเวลาว่าเธอกับเขามันต่างกัน เธอจะเป็นอะไรกับเขาได้นอกจากนางบำเรอบนเตียง
“หลังจากวันนั้นเธออยากถามอะไรฉันไหม” แกริคไม่สนการย้ำคิดย้ำทำของเธอว่าไม่อยากเป็นอะไรกับเขา ทั้งที่แววตาของเธอแสดงออกชัดเจนว่ามีเขาอยู่ในนั้น
และเขาก็เปิดโอกาสให้เธอได้ถาม
“คุณจะตอบตามความจริง” เธอก็อยากรู้เหมือนกันว่าเขาจะตอบอะไร เหตุผลของเขามันจะเฮงซวยแค่ไหนสำหรับเธอ
“ใช่” แกริคพยักหน้า ถ้าเขาไม่เปิดเปลือกความรู้สึก เขาก็จะไม่ได้ปลดปล่อยความรู้สึกนี้เช่นกัน เกือบสองปีที่ผ่านมาเขาทนมาพอแล้ว
และเขาจะไม่ทนมองนางบำเรอตัวน้อยนี้อีกแล้ว
“คุณให้คนตามฉันทำไม คุณสืบเรื่องฉันทำไม” แกริคคิดไม่ผิดว่าเธอต้องรู้เรื่องนี้แล้ว สีหน้าจริงจังของเธอทำให้เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาต้องมาเสียท่าให้กับผู้หญิงตัวเล็กๆ
ต้องทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำ และความรู้สึกที่ไม่เคยเกิดก็เกิดขึ้นกับผู้หญิงตรงหน้า คนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้หญิงที่เขาซื้อกิน หลังจากทบทวนความรู้สึกตัวเอง มาเกือบสองปี มันก็สิ้นสุดลงเมื่อเจอหน้าเธอตัวเป็นๆ และเขาก็ลักหลับเธอตอนที่เธอเมาอย่างผู้ชายตายอดตายอยาก เขาก็ยอมรับเต็มปากเลยว่า เขาชอบเธอมาก ถึงขั้นรักไหม คงต้องเรียนรู้ตัวตนของเธอจริงๆ อีกที
แต่เขาคิดว่าคงหาคำตอบให้ตัวเองได้ไม่ยาก
“ผู้หญิงที่ฉันชอบต้องอยู่ในสายตาฉันตลอดเวลา” แกริคตอบเสียงจริงจัง
“อะไรนะคะ” แต่คนได้ยินกลับไม่เชื่อหู ร้องถามเขาด้วยความตกใจตาโตมองคนตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ คนบ้าอะไรพูดว่าชอบคนอื่นได้หน้าตาย
“ฉันพูดแค่ครั้งเดียว”
“ฉันไม่ได้ยินค่ะ” เธออยากแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้หูฝาด แกริคกลอกตาให้กับคนที่บอกว่าไม่ได้ยินทั้งที่เธอได้ยินเต็มสองหู