“เป็นห่วงฉันด้วยเหรอ” เป็นห่วงเธอแล้วทำไมถึงส่งเธอให้คนอื่น เธอเชื่อว่าหทัยรัตน์ต้องมีส่วนรู้เห็นเรื่องนี้แน่ๆ เพราะมีเพียงหทัยรัตน์คนเดียวที่รู้เรื่องนี้
“เป็นห่วงสิ ฉันขอโทษ ฉันผิดไปแล้ว ฉันบอกคุณกรแล้วว่าเธอไม่ได้ทำแบบนั้นแล้ว แต่เขาบอกว่าเป็นความต้องการของผู้ชายคนนั้น”
“แล้วเธอก็ยอมง่ายๆ”
“ฉันก็ไม่ยอม แต่แกต้องฟังในสิ่งที่ฉันจะพูดก่อน แล้วแกจะเข้าใจว่าทำไมฉันถึงยอม”
“งั้นก็พูดมา ฉันรอฟังอยู่”
“ทำงานก่อน ตอนเย็นฉันจะเล่าให้ฟัง ทุกอย่าง” พิรุณรักได้แต่ถอนหายใจ เธอหวังว่าเพื่อนเธอจะไม่ทำให้เธอผิดหวัง มีเหตุผลที่ดีๆมาอธิบาย
ตลอดทั้งวันหญิงสาวทำงานอย่างไม่มีสมาธิ กลัวก็กลัวว่าคนที่มีอำนาจจะทำอะไรแผงๆ แต่เธอคงคิดเข้าข้างตัวเองมากเกินไป เพราะทุกอย่างปกติดี
เธอได้ยินพนักงานคุยกันแววๆ ว่าท่านประธานเข้ามาที่บริษัทแล้วแถมยังอยู่ในห้องทั้งวัน
ตกเย็นเลิกงานหทัยรัตน์ก็กลับพร้อมเธอ
“เล่ามา” พิรุณรักจ้องเพื่อนเขม็ง
“คือ แกต้องรับปากฉันมาก่อนว่าจะไม่โกรธ” หทัยรัตน์ไม่รู้ใจเพื่อนนักตอนนี้ ว่าถ้าเธอเล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง เพื่อนจะโกรธหรือจะพอใจ
“ฉันมีเหตุผล ถ้าเรื่องที่แกทำไม่สมควรโกรธฉันก็จะไม่โกรธ แต่เรื่องที่แกทำกับฉันเมื่อคืนฉันโกรธ” หทัยรัตน์ทำหน้าสลด แต่ก็ยอมรับความผิดของตน
“ฉันขอโทษ”
“เอาล่ะเล่ามา แกมีเรื่องอะไรปิดบังฉัน”
“คือ หลังจากวันนั้นที่เรากลับจากกระบี่ แกเฮิร์ทฉันก็ได้แต่บอกให้แกทำใจ ว่าเรื่องของแกกับผู้ชายคนนั้นมันเป็นไปไม่ได้ เขากับเรามันต่างกัน แต่แกรู้อะไรไหม ว่าหลังจากนั้นไม่ถึงเดือนคุณกรมาบอกฉันว่า ให้ดูแลแกให้ดี กันแกออกจากผู้ชายทุกคนที่เข้าใกล้ แล้วก็ห้ามให้แกมีแฟน”
“ทำไม”
“จะทำไมล่ะ ก็เพราะคุณแกริค เขาสั่งมา ตลอดเกือบสองปีที่ผ่านมาเขาจับตาดูแกอยู่ตลอด” พิรุณรักตกใจมากกับสิ่งที่เพื่อนเล่าให้ฟัง เธอไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้ หรือเธออาจจะคิดว่าเขาคงไม่มีทางทำอย่างนี้แน่ ทุกอย่างมันจบตั้งแต่ตอนนั้น
“แกเป็นคนรายงานเขา” เธอไม่อยากจะเชื่อ
“ส่วนหนึ่ง เพราะคุณกรส่งลูกน้องเขามาตามแก” หญิงสาวตาโตเมื่อได้ยินแบบนั้น
“ทำไมฉันไม่รู้”
“รู้ได้ไงพวกนั้นเก่งจะตาย แกไม่เคยสังเกตรึไงเวลาที่แกไปเที่ยวไม่มีผู้ชายเข้ามาจีบสักคน” ใช่มันเป็นแบบนั้นจริงๆ หลายครั้งที่เธอไปเที่ยว มีผู้ชายส่งสายตามาให้และเธอส่งกลับแต่ไม่มีใครเข้ามาหาเธอสักคน
“แล้วเขาจะทำอย่างนี้ทำไม”
“โอ๊ย จะอะไรอีกล่ะ ก็เขาหวงแกน่ะสิ” หทัยรัตน์ไม่รู้หรอกว่าผู้ชายคนนั้นทำแบบนั้นทำไม จะรักเพื่อนเธอรึเปล่า แต่เธอรู้อย่างหนึ่งคือหวง เขาหวงเพื่อนเธอ
“แต่เขาก็ไม่เคยทำให้ฉันรู้” ถึงจะตื่นเต้นและรู้สึกดีนิดๆ กับเรื่องนี้แต่เธอก็คิดไม่ออกว่าเขาทำอย่างนี้ทำไม คำว่าหวงมันใช้กับคนที่มีความรู้สึกดีๆ ให้กันไม่ใช่เหรอ
“ก็เพราะเขาไม่อยากให้แกรู้ไง”
“แล้วพี่ดนุล่ะ นั่นก็ผู้ชายเหมือนกัน”
“อันนั้นฉันก็ไม่รู้ ว่าทำไมพี่ดนุไม่โดนขัดขวางถามคุณกรเขาก็ไม่บอก”
“ฉันก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ทำไมเขาไม่มาหาฉันแล้วบอกฉันตรงๆ แกก็รู้ว่าเขาพร้อมที่จะสานต่อฉันก็พร้อมเหมือนกัน” ตอนนั้นเธอซึมไปพักใหญ่กว่าจะค่อยๆ ลบเรื่องของเขาออกจากหัวได้
“อันนี้ฉันก็ไม่รู้ แกต้องถามเขาเอง”
“คงไม่มีโอกาสแล้วล่ะ ฉันปฏิเสธเขาไปแล้ว ฉันไม่อยากเป็นนางบำเรอของเขา” เรื่องวันนั้นเธอยังไม่สามารถลบออกจากสมองได้เลย ความอ่อนหวานความซาบซ่าที่เธอมีร่วมกับเขามันยังอยู่ในความทรงจำของเธอ ถึงจะเป็นเพียงระยะเวลาสั้นๆ เธอก็รู้สึกดี
“จริงดิ แล้วเขายอมเหรอ” หทัยรัตน์ตกใจ
“เขาก็ไม่เห็นพูดอะไร”
“แต่เขาเฝ้าแกมาตั้งนานนะ” เฝ้าเหรอ ให้คนอื่นเฝ้าต่างหาก
“เลิกพูดเถอะ ฉันไม่อยากรู้แล้ว”
“แกไม่โกรธฉันเพิ่มใช่ไหม” ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้เพื่อนฟังแล้วเธอก็สบายใจ เก็บไว้ตั้งนาน อยากจะพูดจะบอกก็ไม่ได้ เพราะได้รับปากกรวิทย์ไว้แล้ว และเธอคิดว่าเธอก็ไม่ได้ทำร้ายเพื่อน
แต่มาตอนนี้ทำไมเธอรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังทำร้ายเพื่อน
“โกรธแกแล้วได้อะไร”
“ปลาย ฉันขอโทษ”
“ช่างเถอะ ต่อไปแกก็ไม่ต้องเอาเรื่องฉันไปรายงานเขาแล้วนะ ต่างคนต่างอยู่ ฉันยังคิดเลยว่าจะลาออก อึดอัด”
“งานหายากนะแก”
“นั่นแหละปัญหา หรือว่าฉันจะกลับบ้านดี ค่อยกลับมาเริ่มต้นใหม่” ตอนนี้สมองเธอตีกันสับสนวุ่นวายกันไปหมด
“ไม่เอาน่าปลาย แกบอกว่าเขาไม่สนใจแกจะไปคิดอะไรมาก อยู่ใครอยู่มัน เงินเดือนที่นี่เยอะจะตาย ทนเอาหน่อย”
การที่เธอเคยมีความสัมผัสกับประธานบริษัทจะไม่ให้คิดอะไรเลยมันก็ไม่ได้ เธอไม่อยากมีปัญหาไม่อยากเป็นขี้ปากของคนในบริษัท แต่เรื่องนี้ก็ยังไม่มีใครรู้นอกจากหทัยรัตน์
“ฉันจะลองดู แต่ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นฉันจะลาออก”
“อืม ยังไงฉันก็อยู่ข้างแก”
“เจ้านายต้องการเลขาไหมครับ” อาเธอร์ที่ถามเจ้านาย การทำงานอยู่ที่นี่แกริคอาจจะต้องการเลขา
“ฉันมีแซคแล้ว ไม่ต้อง”
“ครับ ถ้าอยากได้อะไรบอกผมได้ทันทีเลยนะครับ” เขาเข้ามาบริหารงานที่นี้เกือบจะสองปีแล้ว ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบรื่น
“อืม” แกริคทำหน้าครุ่นคิด
“เดี๋ยว”
“ครับ”
“ฉันคิดว่าต้องการเลขา” อาเธอร์รู้สึกงงนิดหน่อยที่เจ้านายเปลี่ยนใจกะทันหัน แต่เขาก็ไม่ถาม
“ผมจะจัดการให้ครับ ต้องการผู้หญิงหรือผู้ชายครับ”
“ฉันจะเป็นคนเลือกเอง”
“ครับ”
“ปลายฝนคุณอาเธอร์เรียกขึ้นไปพบ” ทัศนัยเอ่ยปากบอกลูกน้องสาว เขาเองก็ยังงงที่พิรุณรักโดนเรียกตัวขึ้นไปพบ ทั้งที่เธอพึ่งเข้าทำงานได้แค่ไม่กี่อาทิตย์ เขาถามหาเหตุผล แต่ก็ได้คำตอบกลับมาว่ามันเป็นคำสั่ง เขาก็ได้แต่เป็นห่วงลูกน้อง
“คุณอาเธอร์เหรอคะ เรียกปลายทำไมค่ะพี่ทัศ” ปลายฝนมีรางสังหรณ์ใจขึ้นมาทันที สิ่งที่เธอกำลังกลัว คงไม่เกิดขึ้นหรอกใช่ไหม
“พี่ก็ไม่รู้ พี่ก็อยากถามเราว่าไปทำอะไรมารึเปล่า” ร่างบางเหมือนหัวใจกำลังจะหยุดเต้น หน้าซีดเผือดแต่ก็พยายามกักเก็บมันไว้
“ปลายพึ่งจะเข้ามาทำงาน ยังไม่ได้ทำอะไรเลยนะคะ”
“งั้นพี่ก็ไม่รู้เหมือนกันนะ ขึ้นไปพบท่านเถอะ คงไม่มีอะไรหรอก เราไม่ได้ทำอะไรผิดมาก็ไม่ต้องกลัว”
“ค่ะ ไปตอนนี้เลยใช่ไหมคะ”
“ใช่ ตอนนี้เลย ชั้นบนสุดนะ” พิรุณรักถึงกลับไม่มีแรงจะก้าวเดิน หลายวันมานี้ชีวิตเธอสงบสุขมาก มันเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนเธอสบายใจว่าแกริคอาจจะไม่มายุ่งกับเธออีกแล้ว แต่พอมาวันนี้มันคืออะไร
หญิงสาวหายใจเข้าลึกๆ เมื่อมาถึงชั้นบนสุด ก็เจอเข้ากับแซคที่ยืนรออยู่หน้าห้อง
“ฉันมาพบคุณอาเธอร์ค่ะ”
“เชิญครับ” แซคเปิดประตูให้เธอ แค่นี้เธอก็รู้แล้วว่าคนที่อยู่ในห้องนี้เป็นใคร
“เป็นคนที่คุณคิดนั่นแหละครับ” จนแซคเอ่ยขึ้นไข้ความสงสัยของเธอ