หนึ่งสัปดาห์ต่อมา บนภูเขาที่เต็มไปด้วยดวงดาวและไร้ผู้คน
“ดาวตกค่ะนายน้อย…อธิษฐานค่ะ”
เดมอนมองผู้หญิงที่รีบผุดลุกขึ้นนั่งเอามือประสานกันที่หน้าอกและหลับตาขยับปากขมุบขมิบด้วยความรัก รอจนเจ้าหล่อนลืมตาและล้มตัวลงมานอนข้างๆ ใหม่อีกครั้ง จึงเอ่ยถาม
“เธออธิษฐานอะไรเหรอแพตตี้”
“เป็นความลับค่ะ” เจ้าหล่อนฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะหัวเราะคิก เมื่อถูกคนตัวโตพลิกตัวขึ้นทาบทับและบดจูบลงมาหาเนิ่นนาน
“ถ้าไม่บอกจะจูบแบบนี้ทั้งวันทั้งคืน”
เขาข่มขู่ แต่ทำไมหล่อนถึงรู้สึกกระสันซ่านแบบนี้นะ อาจเป็นเพราะเจ้าท่อนชายแข็งชันที่กำลังดุนดันอยู่ที่หน้าท้องก็เป็นได้ แค่คิดว่าจะได้กลืนกินมันเข้ามาในร่างกายอีก ก็เสียวซ่านร้อนฉ่าแล้ว
“งั้นก็ยิ่งไม่บอกหรอกค่ะ อุ๊ย”
หล่อนร้องอุทานเมื่อคนตัวโตก้มหน้าลงมากัดปลายจมูกเล็กอย่างมันเขี้ยว
“กัดแพงทำไมคะ เจ็บนะ”
“หมั่นไส้ผู้หญิงติดเซ็กซ์น่ะสิ”
“บ้า ใครติดเซ็กซ์กันคะ นายน้อยนั่นแหละ” หล่อนพ้ออย่างเอียงอาย แก้มนวลแดงก่ำ
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกที่รัก ห้ามเรียกว่านายน้อยแล้ว เข้าใจไหมเนี่ย ดื้อจังเดี๋ยวนี้” เดมอนบ่น และก็เอามือขยำหน้าอกอวบอัดของภรรยาแรงๆ อย่างลงโทษ แต่เจ้าหล่อนกลับแอ่นหยัดตัวขึ้นหาฝ่ามือเขาและร้องครวญครางให้ขยำต่อซะอย่างนั้น
“เห็นไหมว่าเธอน่ะชอบเซ็กซ์ยิ่งกว่าฉันเสียอีก”
“ก็นาย…เอ่อ ก็ที่รักเป็นคนสอนแพงเองนี่คะ ดังนั้นจะต้องรับผิดชอบ ห้ามทำให้แพงนอนเหงาคนเดียว”
“ผู้หญิงเซี้ยว” เขาก้มหน้าลงมา เอาปลายจมูกโด่งชนกับปลายจมูกของหล่อนไปมา จากนั้นก็เริ่มต้นเปลื้องผ้าของหล่อนอีกครั้ง ซึ่งแน่นอนว่าหล่อนแสนจะเต็มใจ
“ถอดกางเกงในด้วยสิคะ เร็วสิคะที่รัก”
เดมอนมองภรรยาสาวที่ร้อนฉ่าราวกับกองไฟด้วยความเหลือเชื่อและพึงพอใจ
“เธอร้อนขึ้นทุกวันนะทูนหัว โอ้ว…อืมมมม”
เขาครวญครางเมื่อฝังความเป็นชายเข้าไปในซอกลับของพะแพงหมดทั้งตัวตน เจ้าหล่อนอ้าขากว้าง ก่อนจะตวัดรัดเรือนกายกำยำเอาไว้แน่นและเด้งขึ้นหาอย่างกระตือรือร้น
“อ๊า…แล้ว…ชอบไหมล่ะคะ อ๊า…อา…”
“ชอบสิ ถ้าไม่ชอบจะใส่บ่อยขนาดนี้เหรอ”
เดมอนก้มลงมาจูบปากอิ่มที่เผยอรอคอยอย่างแสนรัก บดขยี้ด้วยความเสน่หามิรู้ดับ ในขณะที่บั้นท้ายก็ซอยระริกเข้าใส่ราวกับเครื่องจักรกล สองร่างกรีดร้องด้วยความเสียวกระสัน ก่อนที่ความสุขมากมายจะอาบไล้คนทั้งคู่
หลังจากสุขสม เดมอนก็ยังคงประคองกอดร่างของภรรยาเอาไว้แนบอก พร่ำบอกรักนับครั้งไม่ถ้วน พะแพงน้ำตาไหลริน อิ่มเอมใจยิ่งนัก
“ความจริงฉันตั้งใจจะพาเธอไปฮันนีมูนที่เวนิสนะ แต่ดูท่าทางแล้วคงต้องไว้โอกาสหน้า หรือไม่ก็ตอนที่ฉันทำเธอท้องลูกคนที่สองของเราเสียแล้วล่ะ”
คนตัวเล็กที่นอนนิ่งอยู่ในอ้อมแขนแกร่งฉีกยิ้มกว้าง
“ลูกคนที่สองของเรา…เขาอยู่ในท้องของแพงแล้วล่ะค่ะ”
ดวงตาของเดมอนสดใสยิ่งกว่าดวงดาราใดๆ ในท้องนภา หล่อนเห็นเขาฉีกยิ้มกว้างราวกับเป็นรอยยิ้มสุดท้ายของเขาไม่มีผิด
“เธอท้อง…? เธอท้องแล้วใช่ไหมแพตตี้”
พอหล่อนพยักหน้ารับเท่านั้นแหละ คนตัวโตก็ลุกขึ้นยืน และกระโดดโลดเต้นกู่ร้องอย่างตื่นเต้นดีใจ
“ที่รักคะ…เบาๆ ค่ะ เดี๋ยวใครได้ยินเข้า”
“ก็ฉันดีใจนี่ ฉันกำลังจะได้ลูกคนที่สองแล้ว”
เดมอนตะโกนก้องฟ้า ก่อนจะทรุดตัวลงมานอนกกกอดหล่อนเอาไว้แนบอกอีกครั้ง
“งั้นเราจะไปทำลูกคนที่สามของเราที่เวนิส โอเคไหมแพตตี้”
คนฟังเบิกตากว้าง ก่อนจะหัวเราะออกมา
“แค่สองคนยังไม่พออีกเหรอคะ”
“ไม่…ต้องห้าหรือว่าหก หรือไม่ก็ครบโหลไปเลยถึงจะพอ”
“ไม่เอานะคะ แพงก็กลายเป็นแม่หมูกันพอดี”
“ถึงเธอจะกลายเป็นแม่หมู แต่ฉันก็รักเธอนะแพตตี้ นะ ได้โปรดมีลูกให้ฉันเยอะๆ เถอะ ฉันอยากเห็นในบ้านของเรามีลูกๆ วิ่งเล่น”
“มีลูกเป็นสิบคนจะเลี้ยงไม่ไหวเอานะคะ”
หล่อนยอมตามใจเขาอยู่แล้วล่ะ ก็แค่พูดไปอย่างนั้นเอง
“เธอก็รู้นี่ว่าฉันรวย ต่อให้เธอมีลูกให้ฉันสักร้อยคนฉันก็เลี้ยงไหว จริงไหมทูนหัว”
พะแพงหัวเราะทั้งน้ำตาอย่างมีความสุข
“ก็ได้ค่ะ ถ้าที่รักปั๊มไหวนะคะ”
“ฉันเอวดีจะตาย เธอก็รู้นี่”
“คนลามก”
“ถึงฉันจะลามก แต่ฉันก็รักเธอนะ”
เขาพลิกตัวขึ้นคร่อมทับเอาไว้ จูบแผ่วเบาและมองภรรยาสาวอย่างรักใคร่
“ทีนี้ตอบมาได้หรือยังคะว่าทำไมเมื่อสี่ปีก่อนถึงขับไล่แพง”
พะแพงนึกขึ้นได้จึงรีบถาม
“นี่ฉันยังไม่ได้บอกเธออีกหรือ”
สีหน้าของเดมอนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ก็ยังน่ะสิคะ พอจะตอบทีไรก็ฟัดแพงก่อนทุกทีเลย”
เดมอนหัวเราะร่วน “ตอนนี้ก็กำลังจะฟัดเธอเหมือนกัน”
“ไม่นะคะ ถ้าไม่ตอบคราวนี้แพงจะไปทำหมันจริงๆ ด้วย แล้วที่รักก็จะมีลูกไม่พอตั้งทีมฟุตบอลนะคะ”
หล่อนหรี่ตาแคบพูดน้ำเสียงจริงจัง และก็ทำให้เดมอนหัวเราะดังขึ้น
“ก็เพราะว่าฉันต้องแต่งงานกับวิคกี้ แล้วฉันก็ไม่ต้องการให้เธอมามีอิทธิพลกับฉันมากกว่าที่เป็นอยู่”
“คนใจร้าย”
“แต่หลังจากที่เธอจากไป ฉันก็ไม่เคยรู้จักกับความสุขอีกเลย ฉันคิดถึงแต่เธอ จนกระทั่งวันหนึ่งฉันทนไม่ไหวอีก ฉันก็เลยเดินเข้าไปสารภาพความจริงกับวิคกี้ แล้วเราสองคนก็หย่าขาดจากกัน”
“แล้วทำไมถึงไม่มาหาแพงเลยล่ะคะ ทำไมปล่อยเวลาผ่านมาตั้งนาน”
“นี่แม่คุณ ไอ้บริษัทที่เธอทำน่ะมันโคตรกระจอกเลย ตลาดหุ้นก็ไม่ได้เข้า ฉันจ้างนักสืบแทบหมดทั้งอเมริกาก็ยังตามหาเธอไม่เจอ จนเปลี่ยนมาใช้นักสืบของประเทศไทยตามคำแนะนำของเชลดอนนั่นแหละ ก็เลยหาเธอพบ นี่ถ้าฉันรู้ว่านักสืบอเมริกันมันกระจอกแบบนี้ ฉันมาจ้างนักสืบไทยตั้งนานแล้ว” คนตัวโตบ่นอย่างหงุดหงิด ในขณะที่พะแพงอมยิ้มมีความสุข และยกมือขึ้นลูบเครางามของสามีร่างยักษ์แผ่วเบา
“แต่เราก็เจอกันในที่สุด แม้มันจะนานสักหน่อยก็ตาม”
“พระเจ้าคงลงโทษฉันนั่นแหละที่ทำร้ายเธอเอาไว้ ปากฉันไม่ค่อยดีตั้งแต่เกิดแล้วล่ะ ชอบทำให้คนอื่นเสียใจตลอดเวลา แต่ต่อจากนี้ไป ฉันจะพูดหวานๆ ให้เธอฟังทุกวันเลยนะ”
“อย่างเช่นอะไรเหรอคะ” หล่อนถามกลับเสียงสดใส น้ำตาแห่งความสุขไหลรินออกมาอีกครั้ง
“ฉันรักเธอ…ฉันรักเธอ…ฉันรักเธอ…”
“แพงก็รักคุณค่ะ รักมากเหลือเกิน”
หล่อนสวมกอดสามีเอาไว้แน่น
“เราจะอยู่ด้วยกัน ช่วยกันดูแลลูกๆ ของเราไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่นะคะ”
“แน่นอน ฉันสัญญา…”
สองร่างเคลื่อนไหวตามท่วงทำนองแห่งเสน่หา หัวใจสองดวงกอดเกี่ยวรัดแน่น ท่ามกลางอากาศเหน็บหนาวของยามค่ำคืนบนขุนเขา แต่หัวใจทั้งสองดวงกลับอุ่นซ่านและเปี่ยมล้นไปด้วยความสุข
ชั่วนิรันดร์…
อวสาน
“นี่ไงคับพ่อ แม่ยังอยู่…” วินเซนต์หันมาส่งยิ้มสดใสให้กับเขา ในขณะที่เขามึนงงราวกับถูกค้อนตีหัวแรงๆ
“นายน้อยไปบอกลูกว่าแพงไม่อยู่ได้ยังไงกันคะ ใจร้ายจัง” น้ำเสียงหวานสดใสของพะแพงดังออกมา เขามองหล่อนนิ่ง มองด้วยความรู้สึกมากมาย แต่หนึ่งในความรู้สึกมากมายนั้นก็คือความกรุ่นโกรธ เขากัดฟันแน่น ขบกรามกระด้างจนเนื้อข้างแก้มที่อยู่ใต้เครางามกระตุกเป็นริ้วรอย
“หมูวินออกไปหาพี่โอลิเวียก่อนนะครับ พ่อมีธุระสำคัญมากจะคุยกับแม่ของหมูวิน” เดมอนเน้นคำว่าธุระสำคัญมากหนักๆ ดวงตาคมกริบจ้องหน้าพะแพงราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ จนหญิงสาวเย็นสันหลังวาบ
“คับพ่อ” เด็กน้อยรับคำอย่างว่าง่าย “แม่คับ ผมไปหาพี่โอลิเวียก่อนนะคับ”
“จ้ะ เดี๋ยวแม่ออกไปหานะครับ”
วินเซนต์ระบายยิ้มให้กับพ่อและแม่ของตัวเองอีกครั้ง ก่อนจะวิ่งหายออกไปจากห้อง ทิ้งให้ผู้ใหญ่ทั้งสองคนอยู่กันเพียงลำพัง เดมอนกระชากประตูปิดลง แต่ไม่ได้ล็อกกลอน พะแพงจึงต้องก้าวลงจากเตียงแล้วเดินไปกดล็อกด้วยตัวเอง
“นายน้อย…หายไปไหนมาทั้งคืนคะ” หล่อนระบายยิ้มกว้างให้คนที่หน้าตาบูดบึ้ง
“สนุกมากใช่ไหมแพตตี้” เสียงกระด้างที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลดังเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากกว้างหยักสวยของเดมอนแผ่วเบา แต่มันกลับกังวานชัดในหูของหล่อนเหลือเกิน
“นายน้อย…หมายความว่าอะไรเหรอคะ”
“ก็ไอ้จดหมายระยำที่เธอเขียนทิ้งเอาไว้ให้ฉันยังไงล่ะ เธอบอกว่าตัวเองจะไป แล้วกลับมาทำไมอีก”
เขาดีใจมากที่เห็นหล่อนอีกครั้ง แต่ก็โกรธมากเช่นกันที่หล่อนเอาความรู้สึกของเขามาล้อเล่น
“แพง…ขอโทษค่ะ แพงคิดจะไปจริงๆ”
เขาตวัดสายตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดมามองหล่อน “จะไป แล้วกลับมาทำไม ยังทำร้ายฉันไม่พอหรือไง!”
คนถูกต่อว่าน้ำตาร่วง กลีบปากสั่นระริก “ก็ตอนนั้นแพงคิดว่านายน้อยไม่ได้รักแพงนี่คะ แพงก็เลย…ตัดสินใจยอมเดินจากไป เพื่อให้นายน้อยกับคุณวิคกี้มีความสุข”
“ประสาท! ฉันกับวิคกี้จะมามีความสุขได้ยังไง ในเมื่อเราสองคนไม่ได้รักกัน” เดมอนตะโกนใส่หน้าหล่อนเสียงดังลั่น
“แพงก็เพิ่งมารู้เมื่อไม่นานนี้แหละค่ะ” หล่อนตอบออกไปทั้งๆ ที่น้ำตาไหลริน
“เธอหมายความว่ายังไง เธอรู้อะไรมา”
พะแพงเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของเดมอน ช้อนตามองเขา ก่อนจะตัดสินใจพูดออกมา
“แพงเจอคุณวิคกี้กับสามีของเธอที่สนามบินค่ะ”
เดมอนขบกรามแน่น ก่อนจะเมินหน้าหนี “มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนี่”
“ใช่ค่ะ การเจอคุณวิคกี้กับสามีของเธอไม่ใช่เรื่องแปลก แต่เรื่องที่คุณวิคกี้บอกให้แพงรับรู้ มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์มากค่ะ”
โหนกแก้มของเดมอนมีสีระเรื่อขึ้นทันที เพราะเขาพอจะเดาออกว่าวิคตอเรียพูดอะไรกับพะแพง คงไม่มีเรื่องอื่นใดนอกจากเรื่องความรู้สึกของเขา
“ฉันเพลีย ฉันจะพักผ่อน” เขาตัดบท แต่พะแพงคว้าท่อนแขนกำยำเอาไว้
“คุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิคะ”
“ก็ฉันบอกว่าเพลียไง ฉันจะไปนอน”
“นายน้อยไม่เคยหนีปัญหามาก่อนนะคะ ไม่ว่าจะเล็กหรือใหญ่นายน้อยก็เดินหน้าพุ่งชนเสมอ แล้วทำไมแค่แพงรู้ว่านายน้อยแอบรักแพงแค่นี้ จะต้องหนีด้วยล่ะคะ”
คำพูดที่กระเด็นออกมาจากปากของพะแพงทำให้เดมอนเต็มไปด้วยความประหม่าเป็นครั้งแรกในชีวิต
“ใคร? ใครรักเธอ อย่ามาโมเมเชียว” เขาสะบัดแขนแรงๆ จนหลุด แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ
พะแพงมองตามไปด้วยความโมโหและน้อยใจ “งั้นก็แสดงว่าที่คุณวิคกี้บอกแพงมามันคือเรื่องโกหกทั้งเพ ก็ดีค่ะ แพงจะได้หนีไปอีก และคราวนี้รู้เอาไว้เลยนะคะว่าแพงจะไม่มีวันกลับมาให้นายน้อยเห็นหน้าอีกแล้ว!”
คนตัวโตชะงักเท้ากึก ความประหม่ากับความขัดเขินตีกันยุ่ง แต่ความหวาดกลัวที่จะต้องสูญเสียพะแพงไปอีกครั้งมันทรงอำนาจมากที่สุด เขาหมุนตัวกลับมาในทันที ก่อนจะตะเบ็งเสียงออกมาอย่างโมโห
“ก็การพูดถึงความรู้สึกของตัวเองมันน่าสะอิดสะเอียนนี่!”
“แม้กระทั่งบอกว่ารักแพงอย่างนั้นเหรอคะ”
กรามแกร่งของเดมอนขบกันแน่น ก่อนที่เขาจะก้าวเข้ามาหา หยุดห่างจากร่างของหล่อนเพียงสองเท้าเท่านั้น ดวงตาสีฟ้าเข้มที่จ้องมองมานั้นมากไปด้วยความรู้สึก
“ฉันบอกรักไม่เก่ง ไม่ใช่ผู้ชายโรแมนติกด้วย แต่ฉันก็…จะพยายาม…”
แล้วเดมอนก็ทำในสิ่งที่หล่อนไม่คาดคิดว่าผู้ชายหยิ่งทระนงอย่างเขาจะกระทำ
ร่างสูงใหญ่องอาจสง่างามที่ไม่เคยยอมก้มหัวให้ใครมาก่อน ตอนนี้เข่าข้างหนึ่งของเขาแตะลงบนพื้น กล่องกำมะหยี่สีแดงสดยื่นมาตรงหน้าของหล่อน
“นายน้อย…”
เขาคุกเข่าตรงหน้าของหล่อน พร้อมกับยื่นแหวนเพชรเม็ดงามมาให้ตรงหน้า แสงเพชรสะท้อนกับแสงตะวันที่สาดส่องเข้ามาภายในห้องทอประกายสวยงามนัก น้ำตาของหล่อนไหลริน กลีบปากอิ่มสั่นระริก ดวงใจสาวพองฟูแน่นอก
“นี่แพง…ไม่ได้ฝันไปใช่ไหมคะ นายน้อย…”
“อย่าหนีฉันไปไหนอีกเลยนะ อยู่กับฉัน…เป็นเมียและเป็นแม่ของลูกชายเรานะ แพตตี้…”
เขาดึงมือข้างซ้ายของหล่อนไปกุมเอาไว้ ก่อนจะบรรจงสวมแหวนเพชรแสนสวยลงบนนิ้วนางของหล่อน น้ำตาของหล่อนรินไหลเป็นสาย มันคือน้ำตาแห่งความตื้นตันที่ล้นปรี่ไปด้วยความสุข
“นายน้อย…แพง…แพง…” หล่อนพูดไม่ออก ความสุขแทบจะสำลักออกมาจากลำคอ
เดมอนจรดริมฝีปากที่มักจะเอ่ยวาจาร้ายกาจใส่หล่อนลงกับหลังมือของหล่อนอย่างอ่อนโยน
“ฉันรักเธอนะ แพตตี้”
“นายน้อย…นายน้อยลุกขึ้นนะคะ” หล่อนรั้งให้เขาลุกขึ้นและโผเข้ากอดเขาแนบแน่น “แพงก็รักนายน้อยค่ะ รักนายน้อยมาก…แพงขอโทษที่โง่ ที่มองไม่ออกว่าทุกสิ่งที่นายน้อยทำลงไปก็เพราะรักแพง แพงขอโทษ…”
เดมอนระบายยิ้มอย่างผ่อนคลาย หลังจากที่ไม่ต้องเก็บซ่อนความรู้สึกใดๆ จากพะแพงอีกแล้ว
“สัญญานะ…อย่าหนีฉันกับลูกไปอีก”
“แพง…แพงสัญญาค่ะ แพงสัญญา…”
หล่อนเงยหน้าขึ้นจากแผงอกที่เปียกชุ่มไปด้วยคราบน้ำตาของหล่อนเอง สบประสานสายตากับเดมอน ผู้ชายที่เป็นเหมือนปีศาจร้ายในชีวิต แต่เป็นปีศาจที่หล่อนไม่เคยต้องการแยกจากไปไหน
“นายน้อย…รักแพงจริงๆ เหรอคะ” ในที่สุดก็ต้องถามออกมาอีกครั้งเพราะยังรู้สึกเหลือเชื่อ
เดมอนระบายยิ้มออกมา แววตาของเขาเต็มเปี่ยมไปด้วยความรักความห่วงใย และความหิวกระหาย
“อยากให้พิสูจน์ไหมล่ะ”
“พิสูจน์…ยังไงเหรอคะ อุ๊ยยยย…”
ร่างสาวถูกช้อนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขนทรงพลัง ก่อนจะถูกนำไปวางบนเตียงกว้างอย่างทะนุถนอม คนตัวโตเอนกายลงนอนเคียงข้าง ประคองกอดร่างอวบอัดของภรรยาเอาไว้แนบอก
“ก็แบบเนื้อแนบเนื้อยังไงล่ะ ทูนหัว”
“แน่ะ บอกแพงมาก่อนไม่ได้เหรอคะว่ารักแพงตั้งแต่เมื่อไหร่”
คนตัวโตที่ตอนนี้เปลื้องผ้ารอคอยแล้วส่ายหน้าน้อยๆ ดวงตาที่จ้องมองมาเต็มไปด้วยไฟปรารถนา
“เรื่องนั้นรอได้ แต่เรื่องเข้าไปในตัวของเธอ ฉันรอไม่ไหว อยากสอดใส่จะแย่อยู่แล้ว”
พะแพงระบายยิ้มหวาน ดวงตากลมโตเป็นประกาย ก่อนจะพลิกตัวลุกขึ้นนั่ง สลัดเสื้อผ้าออกจากตัวด้วยความรีบร้อนไม่ต่างกัน จากนั้นก็ทะยานขึ้นไปนั่งทับความเป็นชายที่กำลังชูชัน
“จะทำอะไรคนสวย…โอ้ว…อืมมมม…”
คนที่กำลังสูดปากด้วยความเสียวกระสันเพราะตัวเองกลืนกินความเป็นชายขนาดมหึมาเข้าไปจนมิดแล้วครางแผ่วเบา และขยับสะโพกบดคลึง
“ก็ควบม้าหนุ่มอย่างนายน้อยไงคะ”
“โอ้ว…ทูนหัว…เธอจะทำฉันคลั่งรู้ไหม…”
ยิ่งเขาดิ้นพล่าน พะแพงก็ยิ่งฮึกเหิมลำพองใจในเสน่ห์ของตัวเอง หล่อนบดคลึงบั้นท้ายกับท่อนชายด้วยจังหวะที่รวดเร็วขึ้น นิ้วเรียวแทรกเข้าไปในกลุ่มเส้นขน และขยี้หัวนมเม็ดเล็กทั้งสองข้างแรงๆ จนเขาต้องหยัดตัวขึ้นสูงและครางเสียงกังวาน
“ชอบไหมคะ…”
“ชอบที่สุด โอว…แพตตี้…เธอขย่มเก่งที่สุด โอ้ว…โอ้ว…”
ความเย็นเฉียบของเครื่องปรับอากาศไม่อาจหยุดยั้งเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายขึ้นมาบนร่างของสองหนุ่มสาวได้เลย บั้นท้ายอวบงอนราวกับมีชีวิตเป็นของตัวเอง เพราะมันโยกขยี้บดคลึงลงสมสู่กับท่อนชายยักษ์อย่างไร้ความเหน็ดเหนื่อย เสียงครวญครางด้วยความหฤหรรษ์ดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง และในไม่ช้าจ๊อกกี้สาวก็ควบตะบึงพาม้าหนุ่มเข้าสู่เส้นชัยแห่งความสุขสมนับครั้งไม่ถ้วน
ในขณะที่ภายในห้องกว้างกำลังก่อสงครามสวาทกันอย่างดุเดือด ที่ประตูหน้าห้องก็มีร่างของวินเซนต์กับโอลิเวียยืนอยู่
“ผมจะเข้าไปหาพ่อกับแม่คับพี่โอลิเวีย”
“ไม่ได้นะคะคุณชายน้อย” ใบหน้าของโอลิเวียแดงก่ำ
“ทำไมล่ะคับ”
“ก็…” โอลิเวียพยายามหาคำอธิบายที่เข้าใจง่ายที่สุดเพื่อตอบเด็กชายวินเซนต์ที่ยืนมองรอคำตอบตาแป๋วอยู่ตรงหน้า “ก็เพราะว่าคุณพ่อกับคุณแม่ของคุณชายน้อยกำลัง…นอนหลับกันอยู่น่ะครับ”
เด็กน้อยทำหน้างงงวย ก่อนจะส่ายหน้าไม่เห็นด้วย “นั่นไงเสียงแม่ มีเสียงพ่อด้วย พวกเขาไม่ได้หลับนะคับ”
นั่นมันเสียงครางต่างหาก โอลิเวียคิดในใจแต่พูดไม่ได้
“คุณพ่อกับคุณแม่น่าจะนอนละเมอน่ะครับ เอ่อ ไปดูผีเสื้อกับพี่โอลิเวียดีกว่านะครับคุณชายน้อย”
“แต่ผมอยากให้พ่อกับแม่ไปดูด้วยนี่คับ” เด็กน้อยยังคงงอแง
“งั้นพี่โอลิเวียจะไปเรียกน้าเบนมาเล่นขี่ม้าส่งเมืองเหมือนเมื่อสองวันก่อน ดีไหมครับ”
“เย้…ดีคับพี่โอลิเวีย”
“ชู่ว์…อย่าเสียงดังไปครับ เดี๋ยวคุณพ่อกับคุณแม่ตื่น”
โอลิเวียยกมือขึ้นแตะปากส่งสัญญาณให้เด็กน้อย ก่อนจะจูงมือวินเซนต์ลงบันไดไป ระหว่างทางเจอป้ามิเชลล์
“นายน้อยกับคุณแพตตี้เป็นยังไงกันบ้าง เธอรู้ไหมแม่โอลิเวีย”
โอลิเวียเหลือบตามองขึ้นไปชั้นบนของตัวบ้านเล็กน้อย ก่อนจะเอียงหน้าไปกระซิบกระซาบกับป้ามิเชลล์
“ครางกันลั่นเลยค่ะคุณแม่บ้านใหญ่”
ป้ามิเชลล์ได้ยินก็หน้าแดงระเรื่อเช่นกัน เพราะเข้าใจความหมายของโอลิเวียดี
“ทีหลังห้ามไปยุ่งเรื่องของเจ้านายนะรู้ไหม”
“แหม หนูก็ไม่ได้อยากจะไปยุ่งหรือไปแอบฟังหรอกนะคะคุณแม่บ้านใหญ่ แต่คุณชายน้อยพาไปน่ะสิคะ”
“นั่นแหละ คราวหน้าคราวหลังห้ามทำอีก ไม่อย่างนั้นฉันจะตัดเงินเดือนเธอแน่”
“ค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่” โอลิเวียรับคำหน้าเจื่อน ก่อนจะหันไปพูดกับวินเซนต์ “เราไปหาน้าเบนกันเถอะค่ะคุณชายน้อย”
ป้ามิเชลล์รอจนโอลิเวียพาวินเซนต์ออกไปนอกบ้านแล้ว ตัวเองก็ย่องขึ้นไปยืนเงี่ยหูฟังที่หน้าห้องนอนของเดมอนบ้าง
“ครางกันดังอย่างที่แม่โอลิเวียว่าจริงๆ ด้วย” ป้ามิเชลล์พึมพำหน้าแดงก่ำ แล้วก็รีบหันรีหันขวาง พอเห็นว่าไม่มีใครเดินผ่านมาก็เงี่ยหูฟังอีกรอบ “แบบนี้เราก็หมดห่วงได้แล้วล่ะ” หญิงสูงวัยอมยิ้มหน้าแดงระเรื่อ ก่อนจะเดินจากไปในที่สุด
ป้ามิเชลล์และเชลดอนแทบไม่ได้นอนตลอดทั้งค่ำคืน เพราะทุกคนต่างพากันรอคอยการกลับมาของเดมอน และเกือบตีสามของวันใหม่ รถสปอร์ตคู่ใจของเดมอนก็แล่นกลับเข้ามาภายในคฤหาสน์ จอดสนิทที่โรงจอดรถ ก่อนที่คนขับจะก้าวลงมาด้วยสภาพเหมือนคนไม่มีวิญญาณ ใบหน้าหล่อจัดตอนนี้เศร้าหมอง แววตาของเดมอนเต็มไปด้วยความเจ็บปวดทรมาน
“นายน้อย…”
เดมอนมองบรรดาคนใช้ของตัวเอง ก่อนจะฝืนยิ้มออกมา “ทำไมตื่นกันแต่เช้าเลยล่ะ”
“พวกเรารอนายน้อยค่ะ” ป้ามิเชลล์รีบเข้ามาจะประคอง แต่เดมอนขยับตัวออกห่างและห้ามเอาไว้
“ผมไหว ผมไม่ได้เป็นอะไร”
“โธ่ นายน้อย…” ป้ามิเชลล์เห็นสภาพของเดมอนก็น้ำตาไหลออกมา “นายน้อยไปพักผ่อนบนห้องนะคะ”
“ผมอยากดื่มเหล้าน่ะ เอาไปให้ผมในสวนด้วย”
“ไปนอนก่อนไม่ดีกว่าเหรอคะนายน้อย เหล้าเอาไว้กินพรุ่งนี้ก็ได้ค่ะ”
เดมอนไม่สนใจกับความเป็นห่วงของใครอีก เพราะตอนนี้หัวใจของเขาเจ็บระบมเหลือเกิน เขาไม่ได้ตอบคำถามของป้ามิเชลล์ แต่กลับเดินออกจากตัวตึกใหญ่ และมุ่งหน้าไปนั่งกลางสวนมืดสลัวตามลำพัง
“ทำไมไม่บอกไปเลยล่ะว่าคุณแพตตี้กลับมาแล้ว” เชลดอนเอ่ยถามป้ามิเชลล์อย่างสงสัยทันทีเมื่อคล้อยหลังของเดมอน
“ก็คุณแพตตี้ไม่ให้บอกน่ะสิ แถมกำชับว่าถ้าใครหลุดปากออกไปเธอจะหนีไปอีก แล้วแบบนี้ใครจะกล้าพูดล่ะ”
“แต่สภาพของนายน้อยตอนนี้น่าสงสารมาก เห็นแล้วก็อดปวดใจแทนไม่ได้” เชลดอนรำพึงออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยเจ้านายของตัวเอง
“ทุกคนก็เป็นห่วงนายน้อยกันหมดนั่นแหละ แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อมันเป็นความต้องการของคุณแพตตี้ พวกเราก็คงทำได้แค่ภาวนาให้นายน้อยขึ้นไปที่ห้องนอนให้เร็วที่สุดเท่านั้น” ป้ามิเชลล์พึมพำออกมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะหันไปหาโอลิเวีย “รีบเอาเหล้าไปให้นายน้อยเถอะแม่โอลิเวีย พอนายน้อยเมาแล้วจะได้ขึ้นห้องพัก”
“ค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่”
โอลิเวียรีบวิ่งหายเข้าไปในครัวเพื่อทำตามคำสั่งของป้ามิเชลล์ ในขณะที่ทุกคนก็พากันลุ้นให้ความสงบสุขกลับคืนมาสู่คฤหาสน์ลินการ์ดโดยเร็วที่สุด
คืนนี้อากาศรอบกายไม่ได้หนาวไปกว่าทุกค่ำคืนที่ผ่านมา แต่หัวใจของเขากลับหนาวเหน็บราวกับกำลังแช่อยู่ใต้ธารหิมะใหญ่ น้ำตาลูกผู้ชายไหลรินออกมาอาบแก้มอีกครั้ง น้ำตาที่เขาไม่เคยยอมให้ใครได้เห็นมันอีกตั้งแต่เติบใหญ่
“เธอใจร้ายเหลือเกินแพตตี้…ทิ้งทั้งฉันทิ้งทั้งลูกชายของเรา”
น้ำสีอำพันในแก้วใสเทหายเข้าไปในลำคอจนเกลี้ยงทุกหยด ความเจ็บปวดหลั่งไหลอาบไล้อยู่ภายในก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจมากมายมหาศาลยิ่งนัก
เขาเจ็บปวด เขาทรมาน และพยายามคิดว่ามันคือความฝัน ความฝันที่ตื่นขึ้นมาแล้วจะไม่เป็นความจริง พะแพงไม่ได้ทิ้งเขาไป หล่อนยังอยู่ ยังอยู่ในอ้อมแขนของเขา…แต่มันคือความจริง ในเมื่อตอนนี้เขาไม่ได้ฝันไป และพะแพงก็จากไปแล้วอย่างใจดำ
เขาคงทำให้หล่อนอึดอัด เขาคงทำให้หล่อนรู้สึกไม่ปลอดภัย และเขาคงใจร้ายกับหล่อนมากมายเกินไป พะแพงถึงได้หาทางดิ้นรนหนีออกไปแบบนี้
“ทำไมไม่อยู่รอฟังคำว่ารักจากฉันก่อนแพตตี้…ทำไมใจร้ายกับฉันนัก…”
เหล้าในแก้วเทหายลงไปในลำคอแกร่งครั้งแล้วครั้งเล่าจนหมดขวด เขาลุกขึ้นยืนและเดินเซโซกลับเข้ามาในบ้าน สองขาก้าวเดินขึ้นบันไดท่ามกลางความลุ้นระทึกของบรรดาคนใช้ที่แอบซุ่มมองอยู่ แต่เดมอนกลับเดินผ่านหน้าห้องนอนของตัวเอง และเดินหายเข้าไปในห้องนอนของวินเซนต์แทน
“โธ่ นายน้อย…ทำไมมารักลูกมากเอาคืนนี้เนี่ย” เชลดอนบ่นพึมพำอย่างผิดหวัง ซึ่งทุกคนก็เช่นกัน
“อีกเดี๋ยวก็คงออกมาน่ะ นายน้อยคงแค่เข้าไปกอดคุณชายน้อยเท่านั้นแหละ” ป้ามิเชลล์เอ่ยขึ้นอย่างมีความหวัง แต่จนแล้วจนรอดเดมอนก็ไม่ยอมออกมาจากห้องของวินเซนต์ จวบจนดวงตะวันขึ้นเลยทีเดียว
เดมอนเข้ามานอนกอดลูกชายและผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว มารู้สึกตัวตื่นก็ตอนที่วินเซนต์ขยับตัวไปมานั่นแหละ
“พ่อมานอนกับผมตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอคับ”
เดมอนพยายามที่จะยิ้มให้เป็นปกติที่สุด เพราะเขาไม่อยากให้วินเซนต์ล่วงรู้ความทุกข์ที่เกิดขึ้นกับตนเอง
“เมื่อคืนนี้ครับ แต่ตอนพ่อเข้ามา หมูวินหลับไปแล้ว”
เด็กชายตัวน้อยขยับลุกขึ้นนั่ง เดมอนจึงขยับตัวพิงกับหัวเตียง แล้วยื่นหน้ามาจูบแก้มของลูกชายเบาๆ ก่อนจะมองด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสาร
ลูกของเขา…กำพร้าแม่เสียแล้ว…
“พ่อฝุ่นเข้าตาเหรอคับ”
เดมอนกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำตา ก่อนจะปั้นยิ้มเอ่ยถามลูกชาย
“ทำไมหมูวินถึงคิดว่าฝุ่นเข้าตาพ่อล่ะครับ”
“ก็ตอนผมเห็นแม่มีน้ำตาทีไร แม่จะบอกว่าฝุ่นเข้าตาทุกทีน่ะคับ”
คำพูดไร้เดียงสาของลูกชายทำให้เดมอนยิ่งเจ็บปวดแน่นอก เขาดึงร่างตุ้ยนุ้ยของวินเซนต์เข้ามากอดแนบอก ยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กด้วยความรักหมดใจ
“ต่อไปนี้…พ่อจะดูแลหมูวินเองนะครับ”
“แม่ก็จะดูแลผมด้วยคับ”
เดมอนดวงตาแดงก่ำ พยายามต่อสู้กับความทรมานที่กำลังระเบิดภายในอกอย่างสุดกำลัง
“คุณแม่มีความจำเป็นที่ต้องไปจากหมูวินชั่วคราว แต่หมูวินไม่ต้องเสียใจนะลูก พ่อจะดูแลหมูวินให้ดีที่สุด ให้เหมือนกับที่แม่เคยดูแลหมูวินนะครับ”
เด็กน้อยดิ้นขลุกขลักจนคนเป็นพ่อต้องยอมปล่อยออกจากอ้อมแขน จากนั้นก็เอียงคอมองหน้าบิดาด้วยความสงสัย
“แม่ไม่ได้ไปไหนนี่คับ”
เดมอนคิดว่าลูกชายยังไม่รู้เรื่องของพะแพงก็น้ำตาซึม ก่อนจะฝืนยิ้ม
“พ่อสัญญานะครับ ว่าจะพยายามพาแม่ของหมูวินกลับมาที่นี่อีกครั้งให้ได้”
เด็กน้อยยิ่งทำหน้ามึนงงมากขึ้น “แต่แม่ก็ยังอยู่ที่นี่นะครับ แม่ไม่ได้ไปไหน”
“หมูวิน…หนูต้องยอมรับความจริงนะลูก แม่เขาจากพวกเราไปแล้ว”
“พ่อคับ เมื่อคืนแม่ยังกล่อมผมนอนอยู่เลย”
กรามแกร่งของเดมอนขบกันแน่นแทบระเบิด ยิ่งลูกชายพูดแบบนี้เขาก็ยิ่งทรมาน
“หมูวินไปอาบน้ำนะครับ เดี๋ยวพ่ออาบให้”
“แต่ผมอยากไปหาแม่ก่อนคับ” เด็กน้อยกระโดดลงจากเตียงแล้ววิ่งหน้าตั้งไปยังห้องนอนของเขา เดมอนเดินตามร่างของลูกชายไปด้วยความเจ็บปวด ในหัวจินตนาการถึงความว่างเปล่าที่วินเซนต์กำลังจะเผชิญได้เป็นอย่างดี
ประตูห้องเปิดออก และร่างของวินเซนต์ก็หายเข้าไปภายใน เขาต้องยืนทำใจอยู่นานกว่าจะสามารถแข็งใจและเดินตามลูกชายเข้าไปภายในห้องที่เต็มไปด้วยความทรงจำนั้นได้
“หมูวินครับ…พ่อจะพาไปอาบ…”
เขาไม่สามารถพูดจบประโยคได้ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับร่างของพะแพงที่กำลังนั่งกอดลูกชายอยู่บนเตียง เขาถึงกับเผยอปากค้างเติ่ง มือใหญ่ยกขึ้นขยี้ตาหลายครั้งเพราะคิดว่าตัวเองอาจจะกำลังฝันไป แต่หล่อนก็ยังอยู่ที่เดิม พะแพงยังคงกอดร่างของวินเซนต์เอาไว้เหมือนเดิม แต่ที่เพิ่มเติมก็คือรอยยิ้มหวานที่ส่งมาให้เขา
นี่มันอะไรกัน?
พะแพงนั่งกำตั๋วเครื่องบินจนยับยู่ยี่ในอุ้งมือ หลายต่อหลายครั้งที่หล่อนลุกขึ้นยืนและตัดสินใจจะกลับไปหาวินเซนต์ พร้อมกับก้มหน้ายอมรับสภาพส่วนเกินไปชั่วชีวิต แต่ทุกครั้งภาพของเดมอน วิคตอเรีย และวินเซนต์ที่หัวเราะให้กันอย่างมีความสุขก็หยุดการเคลื่อนไหวทั้งหมดของร่างกาย
หล่อนยอมแพ้…และในเมื่อเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ควรจะไป ใช่…ไปจากที่นี่ เพื่อเปิดทางให้เดมอนกลับมาคืนดีกับวิคตอเรีย และเพื่อให้ลูกชายของตัวเองมีพ่ออย่างที่ใฝ่ฝัน หล่อนมั่นใจว่าต่อให้วิคตอเรียมีลูกใหม่อีกสักกี่คน หญิงสาวก็จะยังรักวินเซนต์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินดังอีกเป็นครั้งที่สอง หล่อนจำต้องลุกขึ้นยืนทั้งน้ำตา มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาด้วยความเจ็บปวดทรมาน
“หมูวิน…แม่รักลูกนะ รักมากที่สุด” หล่อนพึมพำถึงลูกชายผู้เป็นแก้วตาดวงใจของตัวเองด้วยความอาลัย และก็อดจะนึกถึงผู้ชายอีกคนไม่ได้ ไม่ว่าเขาจะใจร้ายเหี้ยมโหดกับหล่อนยังไง แต่หัวใจก็ยังคงรักและภักดีกับเขาไม่เปลี่ยนแปลง “ลาก่อนค่ะ…นายน้อย…”
การจากชั่วชีวิตมันมีอานุภาพทำลายล้างสูงเหลือเกิน มันทำร้ายหัวใจของหล่อนจนแทบไม่เหลือชิ้นดี สองเท้าก้าวเดินตรงไปยังจุดตรวจตั๋วเครื่องบิน แต่แล้วก็ต้องชะงักกึกเสียก่อน เมื่อมีเสียงทักทายดังมาจากด้านหลัง
“คุณแพตตี้…จะไปเมืองไทยเหรอคะ”
หล่อนหยุดเดิน ก่อนจะหันกลับไปมอง ก็เห็นว่าเจ้าของเสียงคือวิคตอเรีย เจ้าหล่อนยืนฉีกยิ้มกว้างทักทาย โดยที่ข้างกายมีหนุ่มฝรั่งหน้าตาดีมากคนหนึ่งอยู่ด้วย
“เอ่อ…สวัสดีค่ะคุณวิคกี้” หล่อนกล่าวทักทายเสียงขึ้นจมูกและยกมือขึ้นป้ายน้ำตาจนแห้ง “คุณวิคกี้จะไปเที่ยวเมืองไทยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ แดนนี่จองทริปเที่ยวเกาะเสม็ดเอาไว้ ว่าแต่เดมอนไปไหนล่ะคะ หรือว่าไปเข้าห้องน้ำ”
คำถามของวิคตอเรียทำให้พะแพงส่ายหน้าน้อยๆ “คือแพง…เดินทางคนเดียวค่ะ”
“อ้าว แล้วเดมอนรู้ไหมคะเนี่ย” เมื่อหล่อนส่ายหน้าไปมา วิคตอเรียก็อุทานตกใจ หน้าตาตื่นตระหนกทันที “อย่าบอกนะคะว่าหนีเดมอนมา”
“แพงขอตัวไปขึ้นเครื่องก่อนนะคะ ใกล้เวลาเดินทางแล้วค่ะ”
หล่อนไม่คิดจะตอบคำถามของวิคตอเรียจึงเอ่ยขอตัว แต่แขนถูกคู่สนทนาคว้าเอาไว้
“อย่าเพิ่งไปค่ะ วิคกี้ว่าเรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน”
พะแพงส่ายหน้าไปมา น้ำตาไหลซึมออกมาอีก “แพงไม่สะดวกน่ะค่ะ ขอตัวนะคะคุณวิคกี้”
“ไม่ได้ค่ะ ยังไงเราก็ต้องเคลียร์กันก่อน วิคกี้ขอเวลาไม่เกินสองนาทีค่ะ”
และไม่ว่าพะแพงจะปฏิเสธยังไง วิคตอเรียก็ลากแขนของหล่อนตามออกมาจนได้
“คุณวิคกี้…มีอะไรจะพูดกับแพงก็รีบพูดมาเถอะค่ะ แพงต้องรีบไปขึ้นเครื่องแล้วจริงๆ ค่ะ”
วิคตอเรียจ้องหน้าพะแพง ก่อนจะหันไปสวมกอดผู้ชายที่อยู่ข้างกาย และรีบแนะนำให้คู่สนทนารู้จัก
“นี่แดนนี่ สามีของวิคกี้”
“สามี?” พะแพงเบิกตากว้างตกใจ มองหน้าของวิคตอเรียสลับกับหน้าของแดนนี่ซ้ำหลายครั้ง “แล้ว…นายน้อย…ล่ะคะ”
“ตอนนี้เดมอนกับวิคกี้เราเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นแหละค่ะ วิคกี้หวังว่าคุณแพตตี้คงไม่ได้คิดว่าวิคกี้กับเดมอนกลับไปคืนดีกันหรอกนะคะ”
“เอ่อ…” พะแพงรู้สึกว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้าสั่นไหวรุนแรง สมองของหล่อนยังทำงานได้ช้ากว่าที่ควรจะเป็น “แต่แพงเห็น…คุณวิคกี้กับนายน้อย…เอ่อ…เหมือนจะกลับมาคืนดีกันแล้ว”
วิคตอเรียส่ายหน้าดิก และร้องโนๆ ลั่น “จะบ้าหรือไง วิคกี้รักแดนนี่จะตาย พูดแบบนี้แดนนี่ก็เข้าใจวิคกี้ผิดพอดีน่ะสิคะ แดนนี่ ไม่จริงนะคะ วิคกี้รักคุณคนเดียว”
“ผมรู้ครับ”
พะแพงยืนเซ่อคล้ายกับถูกของแข็งตีที่ศีรษะแรงๆ “แพงขอโทษค่ะที่พูดแบบนั้น คือแพง…”
“คุณหึงเดมอนกับวิคกี้ใช่ไหมล่ะ”
“แพง…” สิ่งที่วิคตอเรียพูดมันคือความจริงที่หล่อนไม่อาจจะแก้ตัวได้ “แพง…ขอโทษที่เข้าใจคุณวิคกี้ผิดค่ะ”
“ขอโทษวิคกี้แล้วก็ต้องไปขอโทษเดมอนด้วยนะคะ เพราะเดมอนไม่ได้คิดจะกลับมาคบหากับวิคกี้ในฐานะคนรักอีกแล้ว เราหย่ากันด้วยความสมัครใจทั้งสองฝ่าย และสาเหตุที่เราแยกกันก็เพราะเดมอนรักคุณ”
“รักแพง…? นายน้อยนี่นะคะรักแพง…”
หล่อนรู้สึกราวกับถูกพายุบ้าหมูพัดลงไปตกอยู่กลางทะเลลึก ดวงตาของหล่อนเบิกกว้าง ศีรษะทุยสวยส่ายไปมาอย่างเหลือเชื่อกับสิ่งที่ได้ยิน
“มะ…ไม่มีทางเป็นไปได้หรอกค่ะ นายน้อย…ไม่ได้รักแพงหรอกค่ะคุณวิคกี้”
“คุณแพตตี้เอาอะไรมองล่ะคะ”
“แพง…”
“ถ้าใช้ตามองอาจจะไม่เห็น เพราะเดมอนไม่ใช่ผู้ชายที่จะมาป่าวประกาศความรู้สึกของตัวเองให้คนทั้งโลกรู้ แต่ถ้าใช้ใจมอง คุณก็จะเห็นว่าเดมอนปฏิบัติกับคุณแตกต่างจากผู้หญิงทุกคนของเขา” น้ำเสียงของวิคตอเรียหนักแน่นจนคนฟังอย่างหล่อนสะท้านไปทั้งหัวใจ
“เดมอนเดินเข้ามาขอโทษวิคกี้ เรื่องที่เขาไม่ยอมมีอะไรกับวิคกี้เลยตั้งแต่ที่พวกเราแต่งงานกันมา วิคกี้เค้นถามเขาจนรู้ว่า ที่เขาไม่ยอมนอนกับวิคกี้ก็เพราะหัวใจของเขาเป็นของคุณแพตตี้ไปแล้ว เขาก็เลยไม่สามารถร่วมรักกับวิคกี้หรือกับผู้หญิงคนอื่นๆ ได้อีก”
พะแพงยืนนิ่งตัวชาดิก มือของหล่อนเย็นเฉียบ แต่หัวใจทั้งดวงกลับเย็นยะเยือกยิ่งกว่า ยิ่งวิคตอเรียพูด หล่อนก็ยิ่งมองเห็นแสงที่ปลายอุโมงค์ที่ตัวเองมองข้ามไปหลายครั้งชัดเจนขึ้น น้ำตาของหล่อนไหลรินออกมาเป็นสายอาบแก้ม
“และที่คุณแพตตี้เห็นวิคกี้กับเดมอนอยู่ด้วยกันวันก่อน นั่นเป็นเพราะเดมอนขอร้องให้วิคกี้ไปช่วยเลือกแหวนให้ เพราะเขาไม่เคยซื้อของให้ผู้หญิงมาก่อนก็เลยต้องพึ่งวิคกี้”
แสดงว่าหล่อนเข้าใจผิดไปเองอย่างนั้นสินะ…พะแพงเต็มไปด้วยความเสียใจและละอายใจเป็นที่สุด
“เดมอนต้องการซื้อแหวนให้คุณนะคะ คุณแพตตี้”
จบสิ้นคำพูดของวิคตอเรีย ร่างของพะแพงก็ทรุดฮวบลงกองกับพื้นโดยที่วิคตอเรียดึงเอาไว้ไม่ทัน หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้โฮด้วยความทุกข์ทรมาน ไม่สนใจสายตาของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาแม้แต่นิดเดียว
“นายน้อย…แพงขอโทษ…แพงขอโทษ…” หล่อนร้องไห้ไม่หยุด จนวิคตอเรียต้องก้มลงไปประคองร่างของหล่อนให้ลุกขึ้นยืน และเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“ไหวไหมคะคุณแพตตี้”
หล่อนมองหน้าวิคตอเรียและระบายยิ้มให้กับหญิงสาวอย่างซาบซึ้งใจ
“ขอบคุณคุณวิคกี้มากนะคะที่บอกเรื่องนี้ให้แพงรู้ ไม่อย่างนั้นแพงก็คง…จะทำผิดพลาดที่สุดในชีวิต”
วิคตอเรียระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะเอ่ยแซว “แล้วทีนี้คุณแพตตี้ยังจะไปเมืองไทยอีกไหมคะ”
พะแพงรีบหน้าส่ายไปมาจนเส้นผมกระจาย “ไม่ค่ะ แพงจะไม่ไปไหนอีกแล้ว แพงจะกลับไปหานายน้อย จะกลับไปหาหมูวิน…”
“คุณโชคดีมากรู้ไหมคะที่เดมอนรักคุณ ดังนั้นห้ามหนีเขาไปไหนอีกนะคะ วิคกี้ไม่อยากเห็นเดมอนเจ็บปวดอีกแล้ว”
“แพง…จะไม่ไปไหนอีกแล้วค่ะ แพงสาบานว่าจะอยู่เป็นทาสรับใช้นายน้อยไปชั่วชีวิต”
“รักษาสัญญานะคะว่าจะดูแลเพื่อนของวิคกี้ให้ดีที่สุด”
“ค่ะ คุณวิคกี้ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ” หล่อนกล่าวออกมาอย่างซาบซึ้งใจ น้ำตายังคงไหลรินอาบแก้ม แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่น้ำตาแห่งความเจ็บปวดทรมานอีกแล้ว แต่มันเป็นน้ำตาแห่งความสุข
เสียงประกาศเรียกผู้โดยสารขึ้นเครื่องบินเป็นครั้งสุดท้ายดังขึ้น แต่หล่อนไม่สนใจมันอีกแล้ว ตั๋วเครื่องบินในมือถูกปาทิ้งลงในถังขยะที่อยู่ใกล้ตัว
“ขอให้คุณวิคกี้กับสามีมีความสุขกับทริปที่เมืองไทยนะคะ แพงขอตัวก่อนค่ะ”
“โชคดีนะคะ คุณแพตตี้”
วิคตอเรียกับแดนนี่โบกมือลาพะแพง ก่อนที่ทั้งสองจะสบประสานสายตากัน
“คุณเป็นคนดีจังวิคกี้” แดนนี่ก้มลงจูบแก้มของวิคตอเรียด้วยความชื่นชม
หญิงสาวระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะเขย่งปลายเท้าขึ้นจูบแก้มสามีตอบบ้าง
“ก็แน่สิคะ ไม่อย่างนั้นวิคกี้จะได้ผู้ชายดีๆ อย่างคุณมาเป็นสามีเหรอคะ”
“ผมรักคุณ”
“วิคกี้ก็รักคุณค่ะ แดนนี่”
สองสามีภรรยาเดินประคองกอดกันไปยังจุดตรวจตั๋วเครื่องบินอย่างมีความสุข
“นายน้อยคะ คุณชายน้อยรอไม่ไหวก็เลยหลับไปแล้วค่ะ”
เมื่อเขาก้าวเข้ามาภายในบ้าน โอลิเวียสาวใช้ที่รับหน้าที่ดูแลวินเซนต์ก็รีบเข้ามารายงาน
“ไม่เป็นไร เพราะนี่ก็ดึกมากแล้ว”
ชายหนุ่มตอบอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะเดินผิวปากขึ้นชั้นบนไปอย่างรวดเร็ว
ป้ามิเชลล์กับโอลิเวียต่างหันมามองหน้ากันอย่างแปลกใจ และก็เป็นโอลิเวียที่ปากเปราะกว่าพูดขึ้น
“วันนี้นายน้อยอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ว่าไหมคะคุณแม่บ้านใหญ่”
“ฉันก็เห็นนายน้อยอารมณ์ดีแบบนี้มาตั้งแต่ที่ได้เมียและแถมด้วยลูกชายน่ารักน่าหยิกอย่างคุณชายน้อยกลับมาแล้วล่ะ”
“ใช่ค่ะ แต่วันนี้พิเศษกว่าทุกวัน คุณแม่บ้านใหญ่คิดเหมือนหนูไหมคะ”
“อืม”
ป้ามิเชลล์ตอบรับอย่างไม่อยากจะโต้แย้ง เพราะสิ่งที่คู่สนทนาพูดมันคือความจริงที่ไม่อาจจะปฏิเสธได้
“ไม่น่าเชื่อนะคะว่านายน้อยที่ไม่เคยจริงจังกับผู้หญิงคนไหนมาก่อน แม้กระทั่งคู่หมั้นคนสวยอย่างคุณวิคกี้ จะมาตกม้าตายตกหลุมรักผู้หญิงขัดดอกของตัวเอง”
“ชู่ว์…เรื่องเจ้านายอย่าเอามานินทา”
“หนูไม่ได้นินทานะคะคุณแม่บ้านใหญ่ แค่พูดความจริง หรือว่าคุณแม่บ้านใหญ่ไม่คิดแบบหนูคะ”
ป้ามิเชลล์ถอนหายใจออกมา ก่อนจะพยักหน้ารับ โอลิเวียเห็นก็ฉีกยิ้มกว้าง
“คุณแพตตี้นี่โชคดีที่สุดในโลกเลยนะคะที่นายน้อยทั้งรักทั้งหลง”
“ให้มันน้อยๆ หน่อยแม่โอลิเวีย”
“แหม ก็หนูอิจฉานี่คะ อยากเป็นนางซินบ้าง”
ป้ามิเชลล์ส่ายหน้าน้อยๆ อย่างหมั่นไส้ “ไปๆ ไปนอนได้แล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้มาทำงานสาย ฉันจะตัดเบี้ยเลี้ยงให้เกลี้ยงเลย”
โอลิเวียหน้าตาตื่น “แหม ใจร้ายจังเลยนะคะ”
“ไม่ต้องมาโอดครวญไปเลย ฉันก็จะไปนอนเหมือนกัน”
“ค่ะ ไปเดี๋ยวนี้แหละค่ะ”
โอลิเวียกับป้ามิเชลล์กำลังจะแยกย้ายกันไปนอน แต่เสียงห้าวที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจของเดมอนดังขึ้นเสียก่อน
“มีอะไรเหรอคะนายน้อย”
ป้ามิเชลล์หันมามองก็เห็นว่าเดมอนแทบจะกระโจนลงมาจากบันไดบ้านเลยทีเดียว สีหน้าของชายหนุ่มซีดเผือดราวกับกระดาษถ่ายเอกสาร ซีดไร้สีเลือด ดวงตาสีฟ้าเข้มก็เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและหวาดกลัว
“แพตตี้…” น้ำเสียงของเดมอนสั่นเทา กระดาษแผ่นเล็กในมือร่วงปลิวลงไปอยู่กับพื้นห้อง “หนีผมไปแล้ว…”
“ว่าอะไรนะคะ”
ป้ามิเชลล์กับโอลิเวียอุทานออกมาพร้อมกับด้วยความตกใจ ก่อนที่ป้ามิเชลล์จะก้มลงหยิบกระดาษที่เดมอนปล่อยหลุดจากมือ
‘เมื่อนายน้อยได้อ่านจดหมายฉบับนี้แล้ว แพงก็คงจะบินกลับเมืองไทยไปแล้ว แพงขอโทษที่ไม่ได้ลานายน้อยด้วยตัวเอง แต่แพงอ่อนแอเกินกว่าจะพูดลาต่อหน้านายน้อยได้ และแพงก็มีอีกเรื่องหนึ่งที่อยากจะขอนายน้อย ได้โปรด…รักและเมตตาวินเซนต์แบบที่ทำอยู่ไปตลอดด้วยนะคะ แพงฝากลูกด้วย…สุดท้ายนี้แพงขออวยพรให้นายน้อยกับคุณวิคกี้กลับมาอยู่ด้วยกันเร็วๆ และเรื่องจดทะเบียนหย่า นายน้อยไม่ต้องกังวลไปนะคะ เมื่อแพงกลับถึงเมืองไทยเมื่อไหร่ แพงจะให้ทนายติดต่อมาจัดการเรื่องหย่าให้เร็วที่สุดค่ะ ลาก่อนค่ะนายน้อย…พะแพง’
ป้ามิเชลล์อ่านจนจบก่อนจะหน้าซีดเผือดไม่แพ้เดมอน หล่อนมองเจ้านายด้วยความสงสาร
“ป้าไม่รู้ว่าคุณแพตตี้ออกไปจากที่นี่ได้ยังไง”
ร่างสูงใหญ่ของเดมอนทรุดลงกับพื้น แม้ว่าเจ้านายหนุ่มจะไม่ได้คร่ำครวญอะไรออกมาเป็นคำพูด แต่สายตาคมกริบคู่นั้นบอกให้รู้อย่างชัดเจนว่าเดมอนกำลังทรมานแค่ไหน
“เธอหนี…ผมไปอีกแล้ว…ทิ้งทั้งลูก ทิ้งทั้งผม…”
“นายน้อย…ป้าจะไปเรียกไอ้เบนมา มันจะต้องรับผิดชอบที่ปล่อยให้คุณแพตตี้หนีออกไปได้”
เบนจามินทร์ได้รับคำสั่งให้เฝ้าติดตามดูแลพะแพงให้อยู่แต่ภายในคฤหาสน์ แต่วันนี้เขาป่วยท้องเสียกะทันหัน ทำให้นอนซมอยู่แต่ในห้องนอน ไม่สามารถทำงานตามที่ได้รับมอบหมายได้
“เบนโทรลางานกับผมตั้งแต่ตอนบ่าย เขาท้องเสียกะทันหันน่ะ” น้ำเสียงของเดมอนเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ผมประมาทเองที่คิดว่าแพตตี้จะไม่มีวันจากไปไหนอีก เพราะผมมีวินเซนต์เป็นตัวประกัน แต่สุดท้ายผมก็พลาด ผมทำพลาดอีกแล้ว”
“นายน้อยคะ…นายน้อยทำใจดีๆ ไว้นะคะ บางทีคุณแพตตี้อาจจะแค่น้อยใจก็ได้ อีกเดี๋ยวเธอก็คงจะกลับมา…”
“ป้ามิเชลล์ไม่ต้องมาปลอบใจผมหรอก ผมรู้ดีว่าทุกอย่างมันจบลงแล้ว แพตตี้จากผมไป ก่อนที่ผมจะทันได้บอกรักเธอ…ในที่สุดสิ่งที่ผมกลัวที่สุดในชีวิตก็เกิดขึ้นจนได้”
ป้ามิเชลล์ส่งสัญญาณไล่โอลิเวียให้ออกไป เมื่อเห็นเดมอนหลั่งน้ำตาลูกผู้ชายออกมา หล่อนจำได้ว่าพอเดมอนอายุครบเก้าขวบก็ไม่มีใครได้เห็นน้ำตาของชายหนุ่มอีกเลย แต่ครั้งนี้…เดมอนปล่อยน้ำตาออกมาอีกครั้ง มันย้ำชัดเจนให้รู้ว่าเดมอนรักพะแพงมากมายแค่ไหน หล่อนสงสารเจ้านาย แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
“นั่น…นายน้อยจะไปไหนคะ” ป้ามิเชลล์รีบร้องถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นเดมอนลุกขึ้นยืนและเดินโซเซมุ่งหน้าออกไปยังประตูบ้าน
“ผมจะไปตามหาแพตตี้”
“นายน้อยคะ เอาไว้พรุ่งนี้ค่อยให้นักสืบตามหาก็ได้ค่ะ เชื่อป้านะคะ อย่าออกไปตอนนี้เลย”
“ไม่ ผมรอไม่ไหว ผมไม่อยากสูญเสียเมียของผมไป ผมรักเธอ ป้าได้ยินไหม ผมรักแพตตี้”
“ป้ารู้ค่ะ ป้ารู้ดี แต่นายน้อยก็ต้องเป็นห่วงตัวเองบ้างนะคะ หรือถ้าไม่เป็นห่วงตัวเอง ก็คิดถึงคุณชายน้อยบ้าง ถ้านายน้อยเป็นอะไรไป คุณชายน้อยจะทำยังไงคะ”
เดมอนชะงักเท้า ดวงตาคมกริบแดงก่ำ หัวใจของเขากำลังเต้นเร่าด้วยความทรมาน
“ผมจะไม่เป็นไร ผมจะต้องกลับมาพร้อมกับแพตตี้”
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถห้ามปรามเดมอนไม่ให้ออกไปข้างนอกได้ ป้ามิเชลล์จึงเสนอ
“งั้นป้าจะไปตามเชลดอนนะคะ ให้เชลดอนขับรถให้นายน้อย”
“เชลดอนไปดูอาการของเบน ผมไม่อยากรบกวน”
“งั้นก็คนขับรถคนอื่นก็ได้นี่คะ ที่นี่มีคนขับรถตั้งเป็นสิบคน”
ป้ามิเชลล์วิ่งตามร่างของเดมอนออกมานอกบ้าน
“ผมจะขับรถไปตามหาแพตตี้เอง”
“แต่ป้าเป็นห่วงนายน้อย”
เดมอนหันมองป้ามิเชลล์ มองด้วยสายตาขอบคุณ “ผมจะปลอดภัย และผมจะกลับมาพร้อมกับแพตตี้”
“นายน้อย…”
เดมอนก้าวขึ้นรถและขับออกไปด้วยความเร็วสูง ป้ามิเชลล์ยกมือขึ้นทาบอก และภาวนาให้พระเจ้าคุ้มครองเจ้านายของตัวเอง
เมื่อคืนเดมอนนอนหันหลังให้กับหล่อนทั้งคืน เขาประกาศให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า ความสัมพันธ์ทั้งหลายทั้งมวลระหว่างหล่อนกับเขาสมควรจบลงได้แล้ว
พะแพงกล้ำกลืนความเจ็บปวดทรมานลงไปในอก ขณะนั่งมองลูกชายวิ่งเล่นอยู่ภายในสวน เฝ้ามองวินเซนต์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่จะไม่มีวันได้เห็นอีกแล้ว เพราะหล่อนตัดสินใจแล้วว่าจะต้องออกไปจากที่นี่ ก่อนที่จะถูกเดมอนจับโยนออกไป
“หมูวิน…แม่รักลูกนะ รักมาก…” หล่อนสะอึกสะอื้นปิ่มจะขาดใจ “แต่ที่แม่ไม่ได้พาลูกไปด้วยก็เพราะพ่อเขาจะดูแลลูกได้ดีกว่าแม่ ลูกอยู่กับพ่อจะมีความสุข มีทุกอย่าง ในขณะที่แม่คนนี้ มีแต่ความรักเท่านั้นที่สามารถมอบให้หนูได้…”
“แม่คับบบบ…”
พะแพงรีบยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งทันที เมื่อลูกชายตัวน้อยวิ่งเข้ามาหา
“มีอะไรเหรอครับหมูวิน”
“ผมเจอหอยตัวใหญ่มากเลยคับ แม่ไปดูกับผมนะคับ”
“ได้สิครับคนเก่ง” หล่อนพยักหน้ารับ ก่อนจะรีบลุกขึ้นและปล่อยให้ลูกชายจูงมือเข้าไปในสวนทั้งน้ำตา
หลังจากวิ่งเล่นจนเหนื่อย วินเซนต์ก็ให้หล่อนพาขึ้นมาอาบน้ำและกล่อมนอน มือเล็กของพะแพงลูบไล้ศีรษะของลูกชายด้วยความอาลัยอาวรณ์ หยาดน้ำตาไหลรินเป็นสายราวกับสายธารา ก้อนสะอื้นในลำคอที่พยายามกล้ำกลืนเอาไว้ตอนนี้เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นเทาอย่างต่อเนื่อง
“หมูวินครับ…แม่จะเฝ้าดูลูก…เฝ้าดูลูกอยู่ห่างๆ นะครับ” หล่อนสะอื้นไห้ไม่หยุดเมื่อการจากลากำลังจะเดินทางมาถึง “จะคอยเป็นกำลังใจให้ลูกชายของแม่เสมอ…”
พะแพงก้มหน้าลงจูบแก้มของวินเซนต์หลายครั้ง หัวใจปวดร้าวทรมานเหลือเกินกับการพลัดพรากจากลูกอันเป็นที่รัก แต่หล่อนก็จำต้องไป จำต้องทิ้งวินเซนต์เอาไว้ที่นี่กับเดมอน ผู้เป็นบิดาที่จะสามารถเนรมิตทุกอย่างให้กับลูกชาย
“แม่รักลูกเสมอนะ หมูวิน…”
หยาดน้ำตาอุ่นๆ หยดลงบนแก้มยุ้ยของลูกชาย และก็ทำให้เด็กน้อยรู้สึกตัวลืมตาขึ้นมอง หล่อนต้องรีบป้ายน้ำตาทิ้ง พร้อมกับฉีกยิ้มให้กว้างที่สุด
“แม่ร้องไห้ทำไมคับ” เด็กน้อยถามอย่างงัวเงีย หล่อนรีบส่ายหน้าไปมา
“ฝุ่นปลิวเข้าตาแม่น่ะครับหมูวิน”
วินเซนต์ระบายยิ้มให้กับมารดา “แม่นอนกอดผมจนกว่าผมจะตื่นนะคับ”
คนฟังแทบหัวใจสลาย จำต้องพยักหน้าตอบรับ “ครับ แม่จะกอดหมูวินเอาไว้ด้วยความรักของแม่นะครับ”
เด็กน้อยไม่เข้าใจคำพูดของมารดานัก แต่ก็อมยิ้ม และหลับตาลงไปในที่สุด
เมื่อลูกชายหลับไปแล้ว พะแพงก็ยกมือขึ้นปิดหน้าร้องไห้โฮด้วยความทรมาน หล่อนไม่อยากจากไปเลย แต่การอยู่ที่นี่ก็รังแต่จะทำให้ทุกอย่างแย่ลง
“แม่ขอโทษ…แม่ขอโทษนะหมูวิน ที่แม่อ่อนแอเกินไป…” หล่อนมั่นใจว่าเดมอนจะต้องทำให้วินเซนต์มีความสุขได้อย่างแน่นอน รวมถึงวิคตอเรียด้วย ผู้หญิงคนนั้นเอ็นดูลูกชายของหล่อนอย่างจริงใจ วินเซนต์จะต้องมีความสุข
พะแพงก้มลงจูบแก้มของลูกชายเบาๆ อีกครั้ง ก่อนจะตัดใจเดินจากมาทั้งน้ำตา หล่อนมุ่งหน้าตรงไปยังห้องนอน หยุดยืนอยู่กลางห้อง มองไปรอบๆ ตัวราวกับต้องการจะจดจำทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้ในความทรงจำให้ได้มากที่สุด
หยาดน้ำตาแห่งความอาลัยไหลรินไม่ขาดสาย หัวใจของหล่อนปวดร้าวทรมานจนแทบจะแตกสลายอยู่แล้ว กลีบปากสั่นระริก ขณะเดินไปที่หัวเตียง เปิดลิ้นชัก หยิบกระดาษแผ่นเล็กพร้อมกับปากกาติดมือออกมาด้วย
หล่อนเดินไปทรุดตัวลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง จรดปลายปากกาลงกับกระดาษสีขาวสะอาด และบรรจงเขียนความรู้สึกของตัวเองทั้งหมดลงไปบนกระดาษแผ่นนั้น
“ลาก่อนค่ะนายน้อย…” หล่อนวางปากกาทับกับกระดาษที่ตัวเองเขียนตัวหนังสือลงไปเอาไว้ น้ำตาแห่งความเสียใจหยดแหมะลงบนกระดาษแผ่นนั้นมากมาย กลีบปากอิ่มสั่นระริก ขณะร่างบอบบางไร้เรี่ยวแรงลุกขึ้นยืน และเดินตรงไปทรุดนั่งลงบนเตียงกว้าง เตียงที่เต็มไปด้วยความเร่าร้อนระหว่างหล่อนกับเดมอน
มือเล็กลูบไล้ไปบนผ้าปูเตียงเรียบตึง น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย สมองเต็มไปด้วยความอาลัยรักจนหัวใจปวดร้าวทรมาน หล่อนคงไม่มีโอกาสได้นอนร่วมเตียงกับเขาอีกแล้ว
พะแพงล้มตัวลงนอนบนเตียงกว้างราวกับต้องการสั่งลา หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าเวทนาเป็นที่สุด
วันนี้เดมอนอยู่เคลียร์งานที่คาสิโนจนดึก เพราะอีกเจ็ดวันต่อจากนี้เขาได้เขียนใบลาพักร้อนรอเอาไว้แล้ว รอยยิ้มพึงพอใจระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลา เมื่อนึกถึงแผนการของตัวเองที่มีวิคตอเรียและวินเซนต์เป็นผู้ร่วมขบวนการ
เดมอนก้าวขึ้นมานั่งบนรถ เขาปิดประตูรถ ติดเครื่องยนต์ แต่ยังไม่เคลื่อนรถออกจากลานจอดรถ มือใหญ่ล้วงลงไปในกระเป๋ากางเกงขายาวเนื้อดีที่สวมใส่อยู่ หยิบกล่องกำมะหยี่สีแดงสดออกมา
ใบหน้าหล่อเหลาเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม เมื่อแสงเพชรสะท้อนกับไฟในรถเข้ามาในดวงตา ชายหนุ่มเอียงคอมองแหวนเพชรเม็ดงามสีฟ้าเข้ม ซึ่งเป็นสีเดียวกับดวงตาของเขาด้วยความไม่มั่นใจนัก
“เธอจะชอบมันหรือเปล่านะ แพตตี้”
แต่ไม่นานไหล่กว้างก็ไหวน้อยๆ และความเผด็จการที่มีอยู่อย่างล้นพ้นก็ทำให้เขาพึมพำออกมา
“ชอบหรือไม่ชอบเธอก็ต้องรับเอาไว้และใส่มัน เพราะฉันเป็นคนซื้อให้เธอ”
เขาอมยิ้มอย่างมีความสุข ใช้นิ้วกดปิดกล่องกำมะหยี่ ก่อนจะยัดมันกลับลงไปในกระเป๋ากางเกงอีกครั้ง และเคลื่อนรถสปอร์ตคันงามออกจากคาสิโนไปด้วยหัวใจที่เบิกบาน
“แต่ก่อนที่ฉันจะให้แหวนเธอในวันพรุ่งนี้ คืนนี้เธอก็ต้องให้รางวัลฉันทั้งคืนเสียก่อน แพตตี้…” แค่คิดว่าจะได้ร่วมรักอย่างดุเด็ดเผ็ดมันกับภรรยาคนสวย ความเป็นชายที่เป้ากางเกงก็ตุงโด่งชูชันน่าอึดอัดทรมาน
เขาไม่เคยต้องมาทำอะไรลับลมคมในแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต แต่กับพะแพง เขาจำเป็นต้องทำ เพราะไม่มีความกล้าหาญพอที่จะสารภาพความรู้สึกออกไปตรงๆ
ชายหนุ่มกดโทรศัพท์มือถือผ่านหน้าปัดรถยนต์ ก่อนจะกรอกเสียงออกไปเมื่อคนปลายสายตอบรับ
“เรื่องโรงแรมที่เวนิสคุณจัดการให้ผมเรียบร้อยแล้วใช่ไหม ไบโอนี”
“เรียบร้อยแล้วค่ะท่านประธาน”
“อืม ขอบใจ”
“เอ่อ ท่านประธานจะไปฮันนีมูนกับ…คุณแพตตี้เหรอคะ”
“ใช่ แล้วเจ็ดวันที่ผมไม่อยู่ ถ้ามีเรื่องอะไรที่ด่วนมากๆ ก็ให้โทรหาได้ แต่ถ้าไม่ด่วนอย่าได้เสนอหน้าโทรมารบกวนเวลาของผมกับเมียเด็ดขาด เข้าใจใช่ไหมไบโอนี”
“เข้าใจค่ะท่านประธาน”
“โอเค งั้นแค่นี้แหละ”
เดมอนกดตัดสายจากเลขาฯ ของตัวเอง และก็เผลออมยิ้มออกมา เมื่อสมองจินตนาการถึงความสุขของการดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ของตัวเองกับพะแพง
ทำไมเขาต้องรู้สึกว่าหัวใจมันพองโตขึ้นแบบนี้ด้วยนะ…
พะแพงจูงวินเซนต์เดินเข้าไปหาเบนจามินทร์ และเอ่ยขึ้นด้วยความอึดอัด
“ผู้ชายพวกนั้น…” หล่อนหันไปมองผู้ชายใส่สูทสีดำหลายต่อหลายคนที่ยืนอยู่ทุกจุดในบริเวณที่หล่อนกับลูกชายอยู่ ก่อนจะหันกลับมาจ้องหน้าคู่สนทนา “คนของนายน้อยใช่ไหมคะ”
หล่อนคิดว่าเบนจามินทร์จะปฏิเสธบ้าง แต่ชายหนุ่มกลับพยักหน้ารับอย่างไม่สะทกสะท้าน “ใช่ครับ นายน้อยสั่งให้ตามมาอารักขาคุณแพตตี้กับคุณชายน้อยครับ”
“แล้วในโรงหนังที่ไม่มีคนเลย นั่นก็เป็นเพราะคุณอีกหรือเปล่าเบนจามินทร์”
โรงหนังทั้งโรงที่หล่อนกับลูกชายเข้าไปดู ไม่มีผู้คนร่วมดูด้วยเลยจนน่าแปลกใจ
“ใช่ครับ นายน้อยบอกให้ผมเหมาโรงหนังให้คุณแพตตี้กับคุณชายน้อยครับ”
พะแพงถอนหายใจออกมาอย่างอึดอัดระคนเหลือเชื่อ ไม่คิดว่าเดมอนจะทำถึงขนาดนี้ หล่อนรู้หรอกน่าว่าเขารวย แต่ก็ไม่จำเป็นต้องแสดงอภินิหารขนาดนี้ไม่ใช่เหรอ
“ฉันจะพาหมูวินไปกินไอศกรีม”
“ครับ”
“พวกคุณไม่ต้องตามไปหรอกนะ ฉันดูแลลูกชายของตัวเองได้”
“คงไม่ได้หรอกครับ เพราะเป็นคำสั่งของนายน้อย”
หล่อนเต็มไปด้วยความอ่อนอกอ่อนใจ และก็ขยับเท้าจูงมือวินเซนต์เดินไปข้างหน้า
“ทางไปร้านไอศกรีมทางนี้ครับ”
“ฉันจะพาหมูวินไปห้องน้ำค่ะ จะตามไปด้วยไหมคะ” หล่อนประชดประชันเพราะรู้สึกอึดอัด
“พวกผมจะไปรออยู่หน้าห้องน้ำครับ”
พะแพงเป่าลมออกจากปากแรงๆ ยกมือขึ้นกุมศีรษะ ก่อนจะพาวินเซนต์เดินไปห้องน้ำ
“ไปพวกเรา ตามคุณนายกับคุณชายน้อยไป”
แล้วผู้ชายใส่สูทสวมแว่นตาจำนวนสิบกว่าคนก็เดินตามพะแพงกับวินเซนต์ตรงไปยังห้องน้ำทันที
หลังจากลูกชายจัดการไอศกรีมไปถึงสองถ้วย หล่อนก็พาวินเซนต์ที่ตอนนี้ตัวจะกลมเป็นลูกหมูอยู่แล้วออกมาจากร้านไอศกรีม
“หมูวินอยากไปไหนต่อไหมครับ” หล่อนย่อตัวลงเอ่ยถามลูกชาย เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองมารดาและฉีกยิ้มกว้าง
“ผมอยากไปสวนสนุกต่อคับแม่”
“สวนสนุกเหรอ”
“ใช่คับ ที่พ่อพาไปเมื่อวันก่อน” สีหน้าและแววตาของลูกชายเต็มไปด้วยความสุข จนหล่อนไม่กล้าที่จะขัดข้อง
“ได้สิจ๊ะ แต่แม่ขอโทรไปถามคุณพ่อก่อนนะครับ”
เด็กน้อยกำลังจะตอบ ก็ฉีกยิ้มกว้างและชี้นิ้วไปข้างหลังของหล่อนเสียก่อน
“นั่นไงคับพ่อ…”
หล่อนเลิกคิ้วสูงด้วยความประหลาดใจ เมื่อลูกชายกระโดดตื่นเต้นดีใจและเรียกหาเดมอน หล่อนจึงต้องเอี้ยวตัวกลับไปมอง ก่อนจะเผยอปากค้าง
“นาย…น้อย…”
เดมอนจริงๆ ด้วย แต่เขาไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับวิคตอเรียผู้หญิงที่สวยราวกับนางฟ้า
น้ำตาของหล่อนไหลออกมาคลอเบ้า หัวใจเจ็บปวดราวกับถูกปักด้วยมีดแหลม ลำคอของหล่อนตีบตัน กระบอกตาร้อนผ่าวจนปวดร้าวทรมาน
“พ่อคับ”
วินเซนต์รีบวิ่งเข้าไปกอดเดมอนด้วยความดีใจ หล่อนจำต้องกล้ำกลืนความเจ็บปวดเดินตามเข้าไปหยุดใกล้ๆ
“สวัสดีค่ะคุณแพตตี้ ไม่คิดว่าเราจะใจตรงกันแบบนี้นะ” วิคตอเรียก็ยังคงยิ้มสดใสและทักทายหล่อนอย่างเป็นมิตรเหมือนเช่นทุกครั้ง
“สวัสดีค่ะคุณวิคกี้” หล่อนพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นเครือ แต่มันก็ยังคงสั่นเทาที่ท้ายประโยคอยู่ดี
“นี่วิคกี้กับเดมอนมาซื้อแหวนให้…”
เดมอนแย้งขึ้นก่อนด้วยน้ำเสียงกระด้างก่อนที่วิคตอเรียจะทันได้พูดจบอย่างที่ตั้งใจเอาไว้
“วิคกี้ ไหนคุณบอกว่าหิวยังไงล่ะ”
“เอ่อ นั่นสิคะ” วิคตอเรียลืมเรื่องที่จะพูดออกไปทันที “คุณแพตตี้กินข้าวหรือยังคะ ไปกินด้วยกันไหม”
“อย่าเลย ผมอยากได้ความเป็นส่วนตัว” เดมอนแย้งขึ้นโดยที่หล่อนยังไม่ทันได้ตอบเลยแม้แต่น้อย หล่อนน้ำตาซึม เม้มปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะกัดฟันพูดขึ้น
“เชิญคุณวิคกี้กับนายน้อยตามสบายเถอะค่ะ เดี๋ยวแพงกับหมูวินจะกลับบ้านแล้วค่ะ”
“ผมอยากไปสวนสนุกคับแม่ ผมยังไม่อยากกลับ” วินเซนต์แย้งขึ้นอย่างขัดใจตามประสาเด็ก
“วันนี้เรากลับกันก่อนนะครับ เอาไว้พรุ่งนี้…” หล่อนยังพูดไม่ทันจบ เดมอนก็แทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา ถือตัว
“เธอกลับไปเถอะ เดี๋ยวฉันพาจะพาหมูวินไปสวนสนุกเอง”
“วิคกี้ไปด้วยนะคะ”
วิคตอเรียรีบพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น
“ได้สิวิคกี้”
เดมอนตอบรับอย่างยินดี แต่ไม่ใช่แค่เดมอนคนเดียว เพราะวินเซนต์ก็แสดงความตื่นเต้นดีใจที่วิคตอเรียร่วมทริปไปด้วยไม่ต่างกัน
“ป้าวิคกี้ไปด้วยจริงๆ เหรอคับ”
วิคตอเรียโน้มตัวลงเล็กน้อย และหยิกแก้มยุ้ยของวินเซนต์เบาๆ อย่างหมั่นไส้
“จริงสิครับหมูวิน เราจะไปเล่นเครื่องเล่นสนุกๆ กันนะครับ”
“เย้ ดีใจจังเลยคับ”
ภาพของเดมอน วิคตอเรียและวินเซนต์ หากคนเดินผ่านไปผ่านมาคงคิดว่าทั้งสามคนเป็นพ่อแม่ลูกกันอย่างแน่นอน ในขณะที่หล่อนเป็นเพียงแค่คนรับใช้
หยาดน้ำตารินไหลออกมา จนต้องรีบยกมือขึ้นป้ายทิ้ง ความน้อยใจที่ตัวเองเสมือนส่วนเกินทำให้ต้องค่อยๆ หมุนตัวเดินจากมาเงียบๆ
“เบน ขับรถไปส่งเมียฉันให้ถึงบ้าน แล้วดูให้ดีอย่าให้เธอออกมาจากบ้าน จนกว่าฉันจะกลับ”
“ครับ นายน้อย”
เดมอนมองตามร่างบอบบางของพะแพงที่เดินจากไปด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใย ซึ่งแน่นอนว่าวิคตอเรียมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“ไม่ตามเธอไปเหรอคะ บางทีเธออาจจะกำลังน้อยใจก็ได้ที่คุณไม่ยอมให้เธอไปด้วย”
“ผมมีเรื่องต้องตกลงกับหมูวินตามประสาพ่อลูกน่ะครับ ก็เลยให้แพตตี้ไปด้วยไม่ได้จริงๆ”
“เรื่องแหวนใช่ไหมคะ”
เดมอนยิ้มน้อยๆ ให้วิคตอเรีย ก่อนจะย่อตัวลงอุ้มวินเซนต์ขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
“เราไปกันเถอะครับวิคกี้”
“โอเคค่ะ”
พะแพงนั่งร้องไห้มาตลอดทางอย่างกลั้นความเสียใจเอาไว้ไม่อยู่ จนเบนจามินทร์ต้องเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง
“คุณแพตตี้เป็นอะไรไปครับ ร้องไห้ทำไม ให้ผมโทรบอกนายน้อยไหมครับ”
“ไม่…ฉันไม่เป็นไรหรอก แค่ฝุ่นเข้าตาน่ะ”
คำตอบของหล่อนมันปัญญาอ่อนมากหล่อนรู้ดี และก็มั่นใจว่าเบนจามินทร์ไม่มีทางเชื่อ แต่ที่ชายหนุ่มไม่ถามต่อก็คงเป็นเพราะเวทนาหล่อนนั่นเอง
หล่อนนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นมาจนถึงบ้านก็ก้าวลงจากรถ และพุ่งตัวขึ้นไปหลบร้องไห้อยู่ในห้องของวินเซนต์ ก่อนจะผล็อยหลับไปโดยไม่รู้ตัว ตื่นขึ้นมาอีกทีก็ได้ยินเสียงประตูห้องเปิด หล่อนผงกศีรษะขึ้นมองก็เห็นว่าเดมอนกำลังซุบซิบอะไรบางอย่างกับวินเซนต์
หล่อนอดทนรอจนเดมอนเดินจากไป จึงขยับตัวลุกขึ้นนั่ง และก็เอ่ยเรียกลูกชาย
“หมูวินครับ”
เด็กชายสะดุ้งน้อยๆ เมื่อหันมาเห็นหล่อน ก่อนจะเอ่ยถาม “แม่ไม่ได้ยินที่ผมพูดกับพ่อใช่ไหมคับ”
หล่อนเต็มไปด้วยความแคลงใจกับความลับของสองพ่อลูก “ใช่จ้ะ แม่ไม่ได้ยินหรอก แต่หมูวินไม่คิดจะบอกแม่เหรอครับ”
เด็กน้อยเดินเข้ามากอดหล่อนอย่างประจบประแจง “ผมก็อยากบอกนะคับ แต่พ่อไม่ให้บอก”
น้ำตาของหล่อนแทบไหลในทันที แต่ก็พยายามที่จะไม่ร้องไห้ให้วินเซนต์เห็น
“คงเป็นเรื่องสำคัญใช่ไหมครับ”
“คับ พ่อบอกแบบนั้น”
“เกี่ยวกับแม่ด้วยใช่ไหมครับ”
เด็กน้อยพยักหน้ารับอีกครั้ง และนั่นก็ทำให้หล่อนกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่ เดมอนคงพยายามที่จะเขี่ยหล่อนให้พ้นจากชีวิตของเขาและวินเซนต์ในไม่ช้านี้สินะ
“แม่ร้องไห้ทำไมคับ” นิ้วป้อมๆ ของวินเซนต์ยกขึ้นซับน้ำตาให้กับมารดา
พะแพงดึงร่างลูกชายมากอดรัดแน่น กอดด้วยความรักหมดใจที่ตัวเองมี
“แม่รักหมูวินนะครับ”
“ผมก็รักแม่คับ”
“แล้วถ้าวันหนึ่งแม่ไม่อยู่ หมูวินจะอยู่ได้ไหมครับ”
พะแพงดันร่างของลูกชายออกห่างเล็กน้อย และพยายามยิ้มให้ทั้งๆ ที่น้ำตาร่วงไม่หยุด
“ผมเป็นลูกผู้ชาย ผมต้องอยู่ให้ได้คับ”
หล่อนเป็นคนสอนให้ลูกชายเข้มแข็งและยืนให้ได้ด้วยตัวเองแม้ว่าจะไม่มีหล่อน ซึ่งตอนนี้วินเซนต์ก็ทำได้แล้ว แต่ทำไม ทำไมหล่อนถึงเจ็บปวดแบบนี้นะ เจ็บเหมือนจะขาดใจตาย
“วันนี้หมูวินสนุกไหมครับ” หล่อนรีบเปลี่ยนเรื่องคุยก่อนที่หัวใจของตัวเองจะร้าวระบมมากไปกว่านี้
“สนุกมากเลยคับ ป้าวิคกี้ใจดี พาผมเล่นเครื่องเล่นเยอะแยะเลยคับ”
หล่อนควรดีใจสิที่วิคตอเรียรักวินเซนต์ “แล้วหมูวินชอบป้าวิคกี้ไหมครับ”
“ชอบมากคับแม่ ผมอยากไปเที่ยวกับป้าวิคกี้อีก”
“แม่จะบอกกับพ่อให้นะครับคนเก่ง”
หล่อนดึงลูกชายเข้ามากอดแนบอกอีกครั้ง และการตัดสินใจสุดท้ายก็เกิดขึ้น น้ำตาแห่งความอาดูรไหลรินไม่ขาดสาย และมันก็คงจะหลั่งรินแบบนี้ไปจนกว่าหล่อนจะหมดลมหายใจ
ช่วงบ่ายวินเซนต์วิ่งเข้ามาหาหล่อน และบอกว่าอยากไปดูหนังนอกบ้าน หล่อนจึงต้องโทรไปขออนุญาตจากเดมอน แต่โทรหลายครั้งเขาก็ไม่รับสาย จนกระทั่งครั้งสุดท้ายโทรศัพท์ของเดมอนก็ถูกกดรับแต่เสียงที่ตอบกลับมาไม่ใช่เสียงของเขา แต่เป็นเสียงของ…
“คุณวิคกี้…” หล่อนครางออกมาด้วยเสียงเบาหวิว หัวใจมีรูกลวงขนาดใหญ่ ความโหวงเหวงขนาดใหญ่แล่นเข้ากระแทกอย่างรุนแรงจนแทบล้มครืน
“นั่น ใช่คุณแพตตี้หรือเปล่าคะ”
วิคตอเรียถามกลับมาเสียงสดใสและเป็นมิตร จนหล่อนอดรู้สึกละอายใจที่คิดอิจฉาหญิงสาวไม่ได้
“เอ่อ…ค่ะ แพงเองค่ะ”
“เดมอนเข้าห้องน้ำอยู่ค่ะ เดี๋ยวออกมาแล้ววิคกี้จะรีบบอกให้โทรหาคุณแพตตี้ทันทีเลยนะคะ”
เข้าห้องน้ำ…
หล่อนทวนคำของวิคตอเรียทั้งน้ำตา
“เอ่อ ไม่ต้องหรอกค่ะคุณวิคกี้ แค่รบกวนคุณวิคกี้เรียนนายน้อยว่าแพงขออนุญาตพาหมูวินออกไปดูหนังแค่นั้นก็พอค่ะ”
“แค่ไปดูหนังต้องโทรมาขออนุญาตกันเลยเหรอคะ ไม่ยักกะรู้นะคะว่าเดมอนเผด็จการขนาดนี้ เกเรแบบนี้น่าตีจังเลยเนอะ” เสียงหัวเราะสดใสของวิคตอเรียยิ่งทำให้หล่อนทรมาน
“เอ่อ…แพงไม่มีอะไรแล้วค่ะ ขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะคุณวิคกี้”
“สวัสดีค่ะ เดี๋ยวว่างเมื่อไหร่วิคกี้จะแวะเข้าไปหาหมูวินนะคะ”
พะแพงตอบรับน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะตัดสินใจวางสายไปทั้งน้ำตา
“แม่คับ พ่ออนุญาตไหมคับ”
เสียงของวินเซนต์ทำให้หล่อนต้องปั้นยิ้มอย่างเร่งด่วน และซ่อนน้ำตาเอาไว้สุดกำลัง
“อนุญาตสิครับ เราจะไปดูหนังกันสองคนแม่ลูกนะครับ”
วินเซนต์ทำหน้ายู่เล็กน้อยอย่างเสียดาย “ผมอยากให้พ่อไปด้วยจัง”
“พ่อทำงานครับ”
“ผมรู้คับก็เลยไม่งอแง” เด็กชายยิ้มกว้าง “งั้นเราไปกันเถอะคับแม่ ผมอยากดูหนังแล้ว”
“โอเคครับ แม่จะพาไปดูหนังและกินไอศกรีมนะครับ”
“เย้…แม่ใจดีที่สุดเลยคับ”
วินเซนต์กระโดดจนตัวลอย ก่อนจะยื่นมือมาจับมือของมารดาเอาไว้
“ไปคับแม่”
พะแพงยิ้มและจูงมือลูกชายเดินออกไปนอกบ้าน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเบนจามินทร์วิ่งตามมา
“นายน้อยอนุญาตแล้วเหรอครับ”
“ค่ะ”
“งั้นเชิญขึ้นรถครับ ผมจะเป็นคนขับรถไปส่งครับ”
หล่อนรู้ดีว่าไม่มีทางปฏิเสธได้ “ค่ะ”
เบนจามินทร์เปิดประตูรถจนกว้าง หล่อนรอจนลูกชายก้าวขึ้นไปนั่งบนรถลีมูซีน ตัวเองจึงก้าวตามขึ้นไป เบนจามินทร์ปิดประตูรถให้อย่างสุภาพ ก่อนที่รถคันงามจะแล่นออกจากอาณาจักรของเจ้าพ่อคาสิโนอย่างเดมอน มุ่งหน้าตรงไปยังห้างสรรพสินค้าที่มีโรงภาพยนตร์ตามความต้องการของวินเซนต์
“เดมอนคะ เมื่อกี้คุณแพตตี้โทรมาค่ะ”
เมื่อเห็นเดมอนเดินออกมาจากห้องน้ำ วิคตอเรียก็รีบบอกเรื่องที่พะแพงฝากเอาไว้ทันที
“ขอบคุณครับวิคกี้” เดมอนคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมาจะโทรกลับหาหญิงสาว แต่วิคตอเรียยับยั้งเอาไว้เสียก่อน
“เธอฝากวิคกี้บอกว่าจะพาหมูวินออกไปดูหนังน่ะค่ะ ไม่ได้มีอะไรสำคัญหรอกค่ะ”
“ไปดูหนังหรือ” คิ้วเข้มขมวดมุ่น จนคนมองอย่างวิคตอเรียเต็มไปด้วยความขบขัน
“วิคกี้รู้ว่าคุณเป็นคนเผด็จการกับลูกน้อง แต่ไม่ยักกะรู้ว่ากับผู้หญิงที่รักก็เป็นด้วยนะคะ”
โหนกแก้มสูงของเดมอนมีสีระเรื่อขึ้น ก่อนที่เขาจะรีบพูดกลบเกลื่อนความขัดเขินของตัวเอง
“ก็แพตตี้ดื้อมากนี่ครับ ผมบอกให้ไปซ้ายก็จะพยายามไปขวาให้ได้ แบบนี้ถ้าไม่เผด็จการก็คงเหลิงเข้าสักวันน่ะครับ”
“แหม รักมากก็หวงมาก ถูกต้องไหมคะ”
วิคตอเรียหัวเราะชอบใจ มองผู้ชายที่เคยเป็นอดีตสามีด้วยความขบขัน
“วิคกี้ คุณพูดอะไรแบบนี้ ผมไม่อยากพูดด้วยแล้ว”
“แหมๆ แค่นี้ก็ต้องทำเป็นเขินด้วย”
หญิงสาวหัวเราะร่วน ก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงกระเซ้า “แล้วที่นัดให้วิคกี้มาหาเนี่ยมีธุระอะไรเหรอคะ ถ้าไม่สำคัญวิคกี้จะเรียกค่าเสียเวลาให้หนักๆ เลยนะคะ โทษฐานทำให้วิคกี้ต้องอยู่ห่างจากแดนนี่นาน”
เดมอนระบายยิ้มน้อยๆ เดินกลับไปทรุดนั่งหลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่ของตัวเอง ก่อนจะพูดขึ้นมา
“ผมอยากได้แหวนน่ะ คุณช่วยเลือกให้ผมหน่อยได้ไหมวิคกี้”
วิคตอเรียเบิกตากว้าง ก่อนจะหัวเราะลั่น “จะซื้อแหวนให้คุณแพตตี้เหรอคะ”
“ก็…ประมาณนั้นแหละครับ แต่ผมเลือกไม่เป็น ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยซื้อของพวกนี้ให้ผู้หญิงมาก่อนเลย” น้ำเสียงของเดมอนเต็มไปด้วยความประหม่าอย่างเห็นได้ชัด
“วิคกี้รู้ค่ะ ขนาดเราแต่งงานกัน คุณยังไม่เคยซื้อให้วิคกี้เลย ให้แต่เงินไปซื้อเอาเองอย่างเดียว” หญิงสาวหัวเราะขบขันไม่หยุด “ว่าแต่ทำไมไม่ให้เงินคุณแพตตี้ไปซื้อเองล่ะคะ คุณถนัดเรื่องแจกเงินจะตายไป จริงไหม เดมอน” วิคตอเรียไม่ได้ประชดประชัน แต่หญิงสาวถามออกไปด้วยความสงสัยจริงๆ เพราะสิ่งที่หล่อนพูดออกมามันคือนิสัยแท้จริงของเดมอน
“แพตตี้ไม่ยอมรับเงินจากผมหรอกครับ อย่างดีเธอก็คงเอาไปใส่ลิ้นชักหัวเตียง ไม่งั้นก็ฉีกทิ้งเหมือนเคย”
“น่าอิจฉาคุณแพตตี้นะคะ ที่คุณรักเธอมากขนาดนี้”
นัยน์ตาสีฟ้าเข้มของเดมอนมองมาที่อดีตภรรยาด้วยความละอายใจ
“ถ้าคุณโกรธเคืองผม ก็ควรจะด่าว่าผมบ้างนะวิคกี้ ตลอดเวลาเกือบสี่ปีที่เราหย่าขาดกัน คุณไม่เคยตำหนิผมเลย ทั้งๆ ที่ผม…ทำให้คุณเสียใจ”
วิคตอเรียหัวเราะออกมา เรื่องในอดีตมันก็แค่ความหลังที่เดินย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้แล้วเท่านั้น หล่อนไม่เคยเอามันมาคิดให้รกสมองอีกตั้งแต่หย่าขาดจากเดมอน
“มันก็แค่ระยะแรกเท่านั้นแหละค่ะ แต่หลังจากนั้นวิคกี้ก็มองเห็นความจริงทั้งหมด ถึงเราจะฝืนอยู่ด้วยกันต่อไปก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ เพราะคุณไม่ได้รักวิคกี้ ไม่สิ…คุณไม่เคยรักวิคกี้มาก่อนเลยต่างหาก จริงไหมคะเดมอน”
“ครับ”
“ที่คุณยอมหมั้นหมายกับวิคกี้ก็เพราะเราเป็นเพื่อนกัน เราเข้าใจกันทุกเรื่อง และเราก็ไม่เคยผูกมัดซึ่งกันและกัน ดังนั้นคุณก็เลยสบายใจที่จะคบกับวิคกี้ ถูกต้องไหมคะ”
เดมอนทำได้แค่ระบายยิ้มเครียดๆ ออกมา เพราะทุกคำที่วิคตอเรียพูดมันคือเรื่องจริง ตอนแรกเขาคิดว่าการมีคู่ชีวิตก็แค่หาคนที่เข้าใจและเหมาะสมเท่านั้น เพราะเขาไม่รู้จักความรัก แต่พอได้สบตากับพะแพงเท่านั้น เขาก็รู้ทันทีเลยว่าความรักมันหน้าตาเป็นยังไง แม้จะพยายามวิ่งหนี พยายามหักห้ามใจยังไง สุดท้ายเขาก็หนีความจริงไม่พ้น เขารักพะแพง รักหล่อนจริงๆ
“คุณพูดถูกทุกอย่างวิคกี้”
วิคตอเรียยังคงระบายยิ้มให้กับเดมอน “ตอนนี้เรากลับมาเป็นเพื่อนกันแล้ว วิคกี้รู้สึกมีความสุขมากกว่าตอนที่เราเป็นสามีภรรยากันอีกค่ะ คุณก็เหมือนกันใช่ไหมคะเดมอน”
“ครับ”
วิคตอเรียเดินไปหยุดที่หน้าโต๊ะทำงานของอดีตสามี “ขอบคุณนะคะที่ทำให้วิคกี้ได้เจอกับรักแท้จริง เพราะถ้าวันนั้นเราสองคนไม่ตัดสินใจเลิกรากัน วิคกี้ก็คงไม่ได้พบกับแดนนี่ ผู้ชายที่รักวิคกี้ยิ่งกว่าลมหายใจของเขาเสียอีก”
“ผมยินดีด้วยนะวิคกี้ ขอให้คุณกับแดนนี่มีความสุข แต่งงานเมื่อไหร่ ผมจะเป็นเจ้าภาพให้เอง”
“แน่ใจนะคะที่พูด ห้ามกลับคำนะคะ”
“แน่ใจสิครับ ผมเคยผิดสัญญาหรือไง”
เดมอนกับวิคตอเรียหัวเราะกันครื้นเครง ก่อนที่วิคตอเรียจะหยุดหัวเราะและพูดขึ้น
“งั้นวิคกี้จะตอบแทนคุณด้วยการพาไปเลือกแหวนสวยๆ ที่รับรองว่าคนรับจะต้องดีใจจนน้ำตาไหลเลยล่ะค่ะ ดีไหมคะ”
“นั่นแหละที่ผมต้องการ”
เดมอนผุดลุกขึ้นยืนจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินนำหน้าวิคตอเรียออกไปจากห้องทำงาน
“ไบโอนี ผมจะไม่เข้ามาทำงานแล้วนะวันนี้ มีอะไรด่วนก็โทรหาผมแล้วกัน”
“ค่ะท่านประธาน”
“ไปกันเถอะครับวิคกี้”
เดมอนหันไปบอกผู้หญิงข้างตัว ก่อนจะเดินนำตรงไปยังลิฟต์ตัวใหญ่ วิคตอเรียโบกมือให้กับไบโอนีอย่างคุ้นเคย ก่อนจะรีบเดินตามเดมอนไปติดๆ
“เหมาะสมกันขนาดนี้ ทำไมถึงหย่ากันนะ” เลขาฯ สาวบ่นพึมพำอย่างไม่เข้าใจ
“นายน้อย ลุกไหวด้วยเหรอคะ”
ป้ามิเชลล์อุทานตกใจเมื่อตอนเช้าเห็นเดมอนเดินเข้ามาในห้องอาหาร โดยมีพะแพงเดินตามหลังมาติดๆ
“ทำไมผมจะต้องลุกไม่ไหวด้วยล่ะครับ”
เดมอนเอ่ยถามกลับ สีหน้าเฉยชา ตรงกันข้ามกับพะแพงที่หน้าแดงก่ำ หลบสายตาป้ามิเชลล์พัลวัน
“ก็นายน้อยไข้ขึ้นเมื่อคืนนี่คะ” ป้ามิเชลล์ยังคงเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“ก็ผมหายแล้วนี่ครับ”
“ไม่น่าเป็นไปได้นะคะ นายน้อยป่วยทีไรเป็นอาทิตย์ทุกที”
เดมอนทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ หยิบผ้าเช็ดปากมาปูบนตัก ก่อนจะเลื่อนสายตามองหน้าพะแพงที่นั่งข้างๆ จากนั้นก็ยิ้มนิดๆ ที่มุมปาก
“สงสัยได้คนเช็ดตัวดีมั้งครับ จริงไหมแพตตี้”
หน้าของพะแพงแทบไหม้เลยทีเดียว หล่อนเสหลบสายตาของทุกคนลงมองมือเล็กที่ประสานเอาไว้บนตัก หัวใจเต้นโครมครามตลอดเวลา เพราะภาพที่ตัวเองสวมบทเป็นจ๊อกกี้สาวควบขี่เดมอนทั้งค่ำคืนยังติดตรึงอยู่ในสมอง หล่อนควบเขาไม่หยุด ไม่อยากเชื่อเลยว่าหล่อนจะสามารถขี่ผู้ชายได้นานขนาดนี้
“เอ่อ…”
“แม่คับ…พ่อคับ…”
เสียงของวินเซนต์ดังขึ้น พร้อมกับร่างตุ้ยนุ้ยที่วิ่งเข้ามากอดเดมอนอย่างคิดถึง
“ตื่นแล้วหรือครับคนเก่ง”
“คับ”
สองพ่อลูกหัวเราะกันอย่างมีความสุข ในขณะที่อ้อมแขนที่อ้ากว้างของหล่อนต้องตกลงข้างตัว เมื่อลูกชายทำแค่ยิ้มให้กับหล่อนเท่านั้น แต่ไม่ยอมผละออกห่างเดมอนเลย
หล่อนพยายามคิดว่าลูกชายคงกำลังตื่นเต้นอยู่กับการได้พบบิดาที่ไม่ได้เจอมาตั้งแต่แรกเกิด พยายามคิดแบบนี้ เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกความน้อยใจทำร้าย
“วันนี้หมูวินจะกินอะไรดีครับ” เดมอนจูบแก้มยุ้ยของลูกชายฟอดใหญ่ก่อนจะเอ่ยถาม
“เบคอน ไข่ดาวคับผม”
“ได้เลยครับ” เดมอนยิ้มกว้าง หันไปบอกคนใช้ “ลูกฉันจะกินเบคอน ไข่ดาว รีบเอามาเร็วเข้า”
“ค่ะ” สาวใช้รีบตอบรับคำสั่ง และจัดการให้อย่างเร่งด่วน
สาวใช้นำจานอาหารเช้าของวินเซนต์มาวางตรงหน้าในเวลาเพียงแค่ไม่ถึงนาที
เดมอนจับผ้าเช็ดปากปูลงบนตักให้กับวินเซนต์ ก่อนที่สองพ่อลูกจะผูกการสนทนากันเพียงลำพัง หล่อนมองทั้งน้ำตา และก็ทำได้แค่เพียงก้มหน้ากินอาหารเช้าที่รสชาติแย่ที่สุดในชีวิต เงียบๆ เท่านั้น
หลังจากจบมื้อเช้าที่แสนทรมาน เดมอนก็จูงมือวินเซนต์ออกมาที่รถสปอร์ตคันงามของตนเอง
“พ่อไปทำงานก่อนนะครับ”
หล่อนเดินตามออกมาด้วย แต่เหมือนไร้ตัวตน
“ผมจะรอพ่อนะคับ”
เดมอนยกมือขึ้นลูบหัวศีรษะของลูกชาย ก่อนจะจูบแก้มฟอดใหญ่ จากนั้นก็ปรายตามองหล่อนที่ยืนหน้าเศร้าเล็กน้อย
“อย่าดื้อกับแม่นะครับคนเก่ง”
“ผมไม่ดื้อไม่ซนคับ”
“เก่งมาก งั้นไปเล่นกับน้าเบนก่อนนะครับ พ่อมีอะไรจะคุยกับแม่นิดหน่อย”
“คับผม”
วินเซนต์ยิ้มให้เดมอน และเลยมายิ้มสดใสให้กับแม่ผู้ถูกลืมอย่างหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะวิ่งไปหาเบนจามินทร์ที่ยืนรออยู่ แล้วทั้งสองคนก็พากันเดินหายไป
หล่อนกลืนน้ำลายลงคอเฮือกใหญ่ ก่อนจะเงยหน้ามองผู้ชายที่ทำราวกับไม่ใช่คนคนเดียวกับม้าหนุ่มตัวเมื่อคืน
“วันนี้ฉันจะให้เลขาฯ ติดต่อโรงเรียนให้หมูวิน เธออยากรู้รายละเอียดก่อนหรือเปล่า”
“นายน้อยตัดสินใจเถอะค่ะ”
เขาแค่นยิ้มเล็กน้อย “ฉันก็คิดว่าจะตัดสินใจเองอยู่แล้วล่ะ แค่ถามเธอพอเป็นพิธีเท่านั้น”
ชายหนุ่มพูดจบก็ก้าวเข้ามาหยุดใกล้ๆ หล่อนถอยหนีตามสัญชาตญาณ แต่ไม่พ้น มือหนาตวัดรวบเอวคอดและกระชากเข้าไปกอดรัดแนบอก
“ปละ ปล่อยแพงค่ะ”
เขาอมยิ้มน้อยๆ ก้มหน้าลงมากระซิบแผ่วเบาที่ข้างใบหูเล็ก “เมื่อคืนเธอควบเก่งมากนะ เดี๋ยวฉันจะตบรางวัลให้”
หล่อนควรดีใจกับคำชมนี้ไหมเนี่ย พะแพงคิดอย่างอัปยศอดสู น้ำตาซึม แต่ยังไม่ทันได้ดิ้นหนี ปากสั่นเทาก็ถูกริมฝีปากกว้างร้อนจัดของเดมอนทาบประกบลงมาหาเสียก่อน เขาบดขยี้ปากอิ่มจนบวมเจ่อ ก่อนจะเป็นฝ่ายขยับออกห่างเสียเอง
“ฉันมั่นใจว่าภาพที่เธอขย่มฉันเมื่อคืนจะต้องตามหลอกหลอนฉันทั้งวันแน่ แม้กระทั่งตอนที่ฉันกำลังประชุม”
หล่อนเห็นเดมอนขบกรามแกร่งแน่นจนผิวเนื้อข้างแก้มของเขากระตุกเป็นริ้วรอย เขามองหล่อนด้วยสายตาร้อนแรงอยู่อึดใจ ก็หมุนตัวเดินจากไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว
หล่อนยืนมองตามท้ายรถคันงามไป ก่อนจะยกมือขึ้นปิดปากอิ่มของตัวเองเอาไว้ ความร้อนจัดและความรุนแรงของเดมอนยังคงติดแน่นอยู่ ก็คงเหมือนกับความรู้สึกแข็งชันของเขาที่ค้างคาติดอยู่ภายในซอกขาอวบตลอดเวลานั่นเอง
บ้า…นี่หล่อนจมปลักลงไปในเหวที่มีแต่เซ็กซ์ได้ยังไงกันนะ
พะแพงส่ายหน้าแรงๆ กำลังจะหมุนตัวเดินไปหาลูกชาย แต่ก็เจอป้ามิเชลล์เสียก่อน
“เอ่อ คุณแม่บ้านใหญ่…”
สายตาของป้ามิเชลล์ที่มองมาที่หล่อนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
“คุณแพตตี้เช็ดตัวยังไงเหรอคะ ทำไมนายน้อยลุกเดินปร๋อเลย”
“เอ่อ…” นี่จะให้หล่อนบอกจริงๆ เหรอ
“ปกตินะคะ นายน้อยจะนอนซมเป็นอาทิตย์เลย ขนาดทั้งเช็ดตัวทั้งกินยาตั้งหลายขนาน” ป้ามิเชลล์ยังคงประหลาดใจไม่รู้จักจบสิ้น
“เอ่อ…แพงก็แค่…เช็ดตัวปกติน่ะค่ะ” หล่อนเสหลบตา แก้มแดงก่ำราวกับลูกตำลึงสุกไม่มีผิด “เอ่อ ถ้าคุณแม่บ้านใหญ่ไม่มีอะไรแล้ว แพงขอตัวก่อนนะคะ” และหล่อนก็ไม่คิดจะรอให้ป้ามิเชลล์ถามอะไรออกมาอีก หล่อนรีบสาวเท้าเดินจากมาอย่างรวดเร็ว พอออกมาพ้นแล้วก็เป่าปากออกมาอย่างโล่งอก ก่อนจะสอดส่ายสายตามองหาลูกชาย และก็เห็นวิ่งเล่นอยู่ไม่ไกล หล่อนระบายยิ้มและเดินเข้าไปหาลูกชาย
เบนจามินทร์เห็นหล่อนเดินเข้ามาหาวินเซนต์ก็ปลีกตัวออกไปอยู่ห่างๆ แต่ก็ลอบมองมาตลอดเวลา ซึ่งหล่อนไม่โกรธเคืองชายหนุ่มหรอก เพราะรู้ดีว่าเป็นคำสั่งของคนเผด็จการ
“ทำอะไรอยู่ครับ หมูวิน”
เด็กน้อยหยุดวิ่งเล่น แล้ววิ่งเข้ามากอดมารดา “ผมวิ่งไล่จับผีเสื้ออยู่คับ แต่จับไม่ได้สักที”
หล่อนย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า และยกมือขึ้นซับเม็ดเหงื่อเล็กๆ บนหน้าผากให้กับลูกชายอย่างเอ็นดู
“ผีเสื้อคงตกใจน่ะครับที่ถูกหมูวินวิ่งไล่จับ”
“แต่ผมอยากได้ผีเสื้อนี่คับ”
“ผีเสื้อตัวเล็กนิดเดียว ปีกก็บอบบางมาก หมูวินแน่ใจเหรอครับว่าถ้าจับได้แล้วจะไม่ทำปีกของผีเสื้อขาด”
“ผมจะพยายามคับ”
หล่อนยิ้มบางๆ ก่อนจะพร่ำสอนลูกน้อย “ถึงผีเสื้อจะไม่ใช่คนแบบหมูวิน แต่ผีเสื้อก็มีชีวิตมีจิตใจนะครับ ดังนั้นแค่มองเขาเฉยๆ ก็พอ อย่าไปแตะต้องทำให้เขาบอบช้ำเลย” มือเล็กของพะแพงยกขึ้นลูบศีรษะของลูกชาย “เชื่อแม่นะครับคนเก่ง”
แม้สีหน้าของวินเซนต์จะมีร่องรอยผิดหวัง แต่ก็ตอบรับคำสั่งสอนของมารดาอย่างว่านอนสอนง่าย
“คับแม่ ผมจะดูเฉยๆ คับ”
พะแพงระบายยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ ก่อนจะชี้ชวนให้ลูกชายมองผีเสื้อที่บินมาเกาะดอกไม้ใกล้ๆ
“ตัวนี้สวยจังเลยคับแม่ มาเกาะใกล้ๆ ผมด้วย ไม่หนีผมแล้ว”
“ถ้าเราไม่วิ่งไล่จับเขา เขาก็จะบินวนเวียนอยู่รอบตัวเรานี่แหละครับ”
“คับแม่”
หล่อนไม่รู้หรอกว่าวินเซนต์จะเข้าใจคำสอนของหล่อนมากน้อยแค่ไหน แต่ลูกชายกำลังขยับตัวเข้าไปใกล้ดอกไม้ที่มีผีเสื้อปีกสวยกำลังดูดน้ำหวานอยู่ด้วยความสนอกสนใจ
พะแพงระบายยิ้มทั้งน้ำตา มองลูกชายที่โตขึ้นทุกวันด้วยความรัก ตอนนี้วินเซนต์มีพร้อมทุกอย่างแล้ว ทั้งพ่อที่เขาโหยหามาตลอดตั้งแต่รู้ความ อำนาจวาสนา รวมถึงทรัพย์ศฤงคารมากมายที่วินเซนต์ใช้ไม่มีวันหมด ซึ่งถึงไม่มีหล่อน วินเซนต์ก็สามารถอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างสบายเพราะมีบิดาอย่างเดมอน
หล่อนรีบยกมือขึ้นป้ายน้ำตาจากแก้มนวลและปั้นยิ้ม เมื่อลูกชายหันมาหาและชี้ชวนให้ดูผีเสื้อหลายตัวที่บินอยู่ล้อมรอบด้วยความตื่นเต้นดีใจตามประสาเด็ก
“ฉันถามว่าเธอรู้ได้ยังไง” แม้จะป่วยไข้แต่เดมอนก็ยังขี้หงุดหงิดและเจ้าอารมณ์เหมือนเดิมไม่มีผิด
“คุณแม่บ้านใหญ่บอกค่ะ”
“แล้วป้ามิเชลล์บอกอะไรเธออีกไหมล่ะ”
“ก็…บอกว่านายน้อยเป็นห่วงแพงก็เลยออกไปตามหา”
พะแพงไม่ทันสังเกตสีหน้าที่เปลี่ยนไปเป็นประหม่าของเดมอนแม้แต่น้อย
“ฉันก็แค่ไม่อยากให้วินเซนต์เสียใจเพราะกำพร้าแม่ก็เท่านั้นเอง”
เขาไม่เห็นต้องย้ำเลย หล่อนรู้อยู่แล้วล่ะ
“เอาล่ะ เลิกพล่ามได้แล้ว ฉันรำคาญ ฉันจะนอน”
เดมอนตัดบทเสียงหงุดหงิด และพยายามจะหลับตาลง แต่พะแพงไม่ยอมง่ายๆ ยังไงซะเขาก็ต้องเช็ดตัวก่อน ไม่อย่างนั้นเขาอาจจะชักเกร็งเพราะไข้สูงได้
“นายน้อยจะได้นอนก็ต่อเมื่อเช็ดตัวแล้วเท่านั้นค่ะ”
“แพตตี้!”
“นอนเฉยๆ นะคะ เดี๋ยวแพงจะเช็ดตัวให้”
หล่อนเห็นเขากัดฟันแน่น มองหล่อนอย่างไม่พอใจ แต่ครั้งนี้หล่อนไม่คิดจะยอมแพ้
“อย่าดื้อนะคะ ไม่อย่างนั้นแพงจะโทรตามหมอ”
เป็นจริงอย่างที่ป้ามิเชลล์บอกเอาไว้ เพราะหน้าของเดมอนซีดเผือดชนิดที่หล่อนไม่เคยเห็นมาก่อนเลยทีเดียว หล่อนแทบกลั้นยิ้มเอาไว้ไม่อยู่
“ฉันหวังว่าป้ามิเชลล์คงไม่ได้เอารูปถ่ายแรกเกิดของฉันให้เธอดูด้วยหรอกนะ”
หล่อนรู้ว่าคนพูดกำลังประชดประชัน “คุณแม่บ้านใหญ่ก็แค่เป็นห่วงนายน้อยน่ะค่ะ อย่าไปตำหนิแกเลยนะคะ ถ้านายน้อยอยากลงโทษใครสักคน แพงยินดีรับผิดชอบเองทุกอย่างค่ะ”
เขาหรี่ตาแคบมองหล่อนอย่างมันเขี้ยว “ก็เธอรู้อยู่เต็มอกนี่ ว่าโทษของเธอก็มีแค่เซ็กซ์ร้อนฉ่าจากฉันเท่านั้น เธอก็เลยไม่เกรงกลัวน่ะสิ”
พะแพงแก้มแดงเป็นลูกตำลึงสุก หล่อนเสหลบสายตาคมกริบอ่อนล้าของเดมอน ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียง
“แพงจะไปเอาผ้ามาเช็ดตัวให้นะคะ”
หล่อนไม่คิดจะรอให้เขาพูดอะไรออกมาอีก รีบเดินหายเข้าไปในห้องน้ำ ยืนทำใจอยู่พักใหญ่ก็ก้าวออกมาพร้อมกับกะละมังใส่น้ำ และผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาว
หล่อนมาหยุดยืนที่ขอบเตียงด้วยท่าทางเก้ๆ กังๆ จนคนที่นอนรออยู่บนเตียงหงุดหงิด
“จะทำอะไรก็รีบทำสักทีสิ ฉันจะได้พักผ่อน พรุ่งนี้ฉันมีประชุมแต่เช้าด้วย”
“ค่ะ”
หล่อนรีบวางกะละมังกับผ้าขนหนูสีขาวบนหัวเตียง ก่อนจะก้าวขึ้นมานั่งบนเตียง มือเล็กสั่นเทายื่นไปแตะที่หน้าอกกว้างที่หล่อนเคยลูบไล้มาด้วยนิ้วมือหลายครั้ง รู้ดีว่ามันแน่นหนั่นด้วยกล้ามเนื้อขนาดไหน หัวใจของหล่อนสั่นเทา
“เธอจะทำอะไร”
“เอ่อ…ต้องถอดเสื้อผ้าน่ะค่ะ”
หล่อนได้ยินเขาถอนหายใจออกมา และหลับตาลง “เอาให้เต็มที่ จะทำอะไรฉันก็เชิญ”
“งั้นแพง…ขออนุญาตนะคะ”
“อืม”
กระดุมเสื้อนอนถูกปลดทีละเม็ดด้วยนิ้วมือเรียวแสนเงอะงะของพะแพงจนหมดทุกเม็ด ก่อนที่สาบเสื้อจะแยกกว้างออกจากกัน แผงอกที่มีไรขนสีเข้มขึ้นอยู่มากมายสะท้อนเข้ามาในดวงตา ริมฝีปากของหล่อนแห้งเป็นขุย ลำคอแห้งผาก น้ำลายเหนียวเป็นยาง มือเล็กสั่นเทายิ่งขึ้น เมื่อสายตามองตามไรเส้นขนที่มุดหายเข้าไปในขอบกางเกงนอนสีเดียวกับตัวเสื้อ
หล่อนจะทำใจมองมันโดยที่ไม่รู้สึกร้อนฉ่าได้ไหมนะ
“จะแก้ผ้าฉันก็รีบๆ สิ ฉันเพลียอยากจะนอนเต็มที่แล้ว”
“เอ่อ…ค่ะ”
หล่อนไม่มีทางเลือก ในที่สุดนิ้วเรียวก็ต้องแตะไปที่ขอบกางเกง แต่ก็แตะอยู่อย่างนั้นเพราะไม่กล้าพอที่จะรูดมันเลื่อนลงไปเสียที จนเดมอนต้องจัดการกระชากกางเกงนอนผ่านสะโพกลงไปแทนด้วยความรำคาญ
“ก็แค่นี้แหละ”
หน้าของหล่อนร้อนฉ่าราวกับมีใครเอาก้อนถ่านไฟมาถู ช่องท้องกรีดร้องด้วยความทรมาน หยาดความเสน่หาไหลคลอออกมาชุ่มฉ่ำที่กลีบนางจนน่าอับอาย
ท่อนชายของเขามันไม่ได้หลับใหลหรือแสดงท่าทางอ่อนเพลียเหมือนกับเจ้าของมันเลย แต่กลับแสดงความอหังการ หื่นกระหาย ด้วยการผงกหัวชูชันมองหล่อน
หล่อน…ร้อน…
สายตาที่เปิดเผยทุกความรู้สึกของพะแพงที่จ้องมองเจ้าท่อนเนื้ออวบใหญ่ของเขา ทำให้เดมอนร้อนฉ่าขึ้นมาทั้งๆ ที่กำลังจับไข้สูง กรามแกร่งขบกันแน่น พยายามควบคุมตัวเอง
“อยากกินฉันเหรอ”
“เอ่อ…เปล่าค่ะ”
หล่อนรีบรูดกางเกงนอนลงไปตามช่วงขาทรงพลัง และดึงมันออกจากกายของเดมอนมือไม้สั่น จากนั้นก็รีบกระวีกระวาดคว้าผ้าขนหนูชุบน้ำมาซับที่เนื้อตัวของเขา
“เช็ดให้ทั่วนะ เน้นที่ไอ้จ้อนฉันด้วย”
“คะ?”
“เพราะมันร้อนที่สุด”
สายตาของหล่อนสบประสานกับเขาโดยบังเอิญ และกองไฟมากมายก็ระเบิดขึ้นในร่าง หล่อนเผลอหลุดเสียงครางออกมา เขาคว้ามือเล็กที่กุมผ้าขนหนูเปียกน้ำเอาไว้ บีบแรงๆ ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกระเส่าแหบพร่า
“ดับความร้อนให้ฉันด้วยปากของเธอสิ แพตตี้”
“นาย…นายน้อยไม่สบายอยู่นะคะ” หล่อนเสหลบสายตาด้วยความขัดเขินเอียงอาย
“ใช่ ดังนั้นคืนนี้เธอจะต้องเป็นฝ่ายขย่มฉันเอง”
“เอ่อ…”
“หรือว่าไม่ต้องการล่ะ”
น้ำเสียงของเดมอนกระเส่าจนหล่อนร้อนฉ่ายากจะควบคุมได้อีก กลีบปากอิ่มเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ดวงตาของหล่อนลดลงมองความเป็นชายของเขาที่ขยายใหญ่โตขึ้นเรื่อยๆ
“แต่ถ้านายน้อยอาการทรุดล่ะคะ”
หล่อนยังเป็นกังวล แต่ก็ไม่ปฏิเสธความต้องการระหว่างตัวเองกับเขาแม้แต่น้อย
“ฉันจะหายเป็นปลิดทิ้งต่างหาก”
สายตาคมกริบเต็มไปด้วยความเว้าวอนจนหล่อนระทดระทวยทั้งหัวใจและร่างกาย
“กินฉันสิ ฉันอยากชุ่มฉ่ำในปากของเธอ”
เขาปล่อยมือของหล่อนให้เป็นอิสระ ผ้าขนหนูเปียกน้ำหลุดร่วงอยู่บนเตียงโดยที่พะแพงไม่สนใจมันอีก หล่อนค่อยๆ ก้มหน้าต่ำลงไปที่กึ่งกลางลำตัวของเขา โอบประคองความแข็งชันขนาดมหึมาที่มีเม็ดมุกเล็กๆ ฝังเอาไว้อย่างทะนุถนอม รูดขึ้นลงตามความยาวของมัน เน้นหนักที่บริเวณด้านบน แค่นั้นคนตัวโตก็ครวญครางราวกับคนบ้าแล้ว
“โอ้ว…แพตตี้…”
ยิ่งเขาครางกระเส่าด้วยความเสียวกระสันมากเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งเต็มไปด้วยความฮึกเหิมน่าละอาย ริมฝีปากหวานก้มลงจูบด้านบนของสิ่งที่กอบกุมเอาไว้ด้วยสองมือแผ่วเบา
“กลืนมัน…กลืนมันเข้าไปในปาก แพตตี้…โอ้ว…”
เขากดศีรษะของหล่อนแรงๆ ตามอารมณ์สวาทที่ระเบิดขึ้น หล่อนอ้าปากจนกว้างสุด แต่ก็ยังดูไม่เพียงพอที่จะงาบงับความเป็นชายของเขาเข้าไปได้ทั้งหมด ทำได้แค่ดูดเลียเพียงครึ่งเท่านั้น
“โอ้ว…แพตตี้…ดูดแรงๆ โอ้ว…โอ้ว…”
คนที่บอกว่าอ่อนเพลียอยากจะนอนหลับตอนนี้ดิ้นพล่าน มือใหญ่กดหัวหล่อนแรงๆ เพื่อให้กลืนกินท่อนชายเข้าไปให้ได้มากที่สุด ส่วนสะโพกเพรียวก็ทั้งเด้งทั้งร่อนขึ้นหาใบหน้าของหล่อน
“โอ้ว…วิเศษ…”
หล่อนไม่รู้ว่าทำไมแค่การดูดอมเงอะงะของหล่อนถึงทำให้เดมอนครางราวกับจะขาดใจตายแบบนี้ได้ แต่ในเมื่อเขาชื่นชอบ หล่อนก็ยินดีที่จะดูดจะเลียให้เขาทั้งคืน
“ไม่ไหวแล้ว…แพตตี้…เธอ…โอ้ว…อ๊ากกกกก…”
เขาแตกระเบิดในปากของหล่อน หยาดน้ำสวาทของเขารสชาติเหมือนเดิม แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คือมันร้อนจัดกว่าทุกครั้งที่เคยดื่มกิน คงเป็นเพราะเขากำลังจับไข้อยู่นั่นเอง
“รู้สึกดีขึ้นไหมคะนายน้อย”
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองเขา เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หยาดน้ำสีขาวยังเปื้อนเปรอะที่ขอบปาก เดมอนกระชากร่างอรชรขึ้นไปทาบทับตัวเอง และประกบปากจูบอย่างร้อนแรง จูบจนหญิงสาวเกือบขาดอากาศหายใจจึงยอมถอนปากออก
“ฉันรักการได้อยู่ในปากของเธอ”
หล่อนหน้าแดงก่ำ มองคนตัวโตที่ตอนนี้มีเหงื่อผุดขึ้นตามใบหน้าและไรผมด้วยความเอียงอาย
“แต่ก็ไม่มีทางรักเท่ากับการได้ฝังอยู่ในตัวของเธอหรอก” เขาระบายยิ้มหื่นกระหายให้หล่อน “ควบฉันสิ ทำให้ฉันแตกระเบิดในตัวของเธอ”
“แต่นายน้อย…ควรจะพักก่อนนะคะ นายน้อยไม่สบาย”
เขาคว้ามือของหล่อนไปวางไว้บนหน้าผากกว้างของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยถาม
“ตัวฉันเย็นขึ้นแล้ว จริงไหม”
หล่อนแทบไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้สัมผัส ไอร้อนจากเนื้อตัวของเดมอนจางหายไปไหนหมดนะเนี่ย
“ตัวไม่ร้อนแล้วค่ะ”
เขาระบายยิ้มหิวกระหาย “แล้วฉันก็จะหายป่วยเป็นปลิดทิ้ง ถ้าได้ปล่อยในตัวของเธออีกครั้ง”
“แต่ว่า…”
เขาส่ายหน้ายืนยันความต้องการของตัวเอง “ห้ามขัดใจ ฉันกำลังป่วยเห็นไหม”
แล้วเขาก็ช่วยหล่อนกำจัดชุดนอนออกไปในพริบตา ร่างอวบเปลือยเปล่ายวนตาเหลือเกิน เดมอนอดไม่ได้ที่จะยื่นมือมาขยำเต้านมอวบใหญ่ ขยี้ปลายถันหนักหน่วง จนหญิงสาวเงยหน้าสูงและครางระทวยด้วยความกระสันซ่าน
“ควบฉัน…ขย่มให้ฉันคลั่ง”
หล่อนไม่คิดจะรั้งรอให้เขาต้องออกคำสั่งซ้ำอีกครั้ง รีบก้าวขึ้นไปนั่งคร่อม กดความเป็นหญิงกลืนกินท่อนชายแข็งชันเข้าไปในความเร้นลับทีละนิดจนหมด มุกเม็ดเล็กครูดกับกลีบสาวจนหล่อนเสียวสยิวไปถึงโพรงมดลูก
“อ๊า…”
“อืมมมม…ขย่ม…แรงๆ แพตตี้…อืมมมม แบบนั้น อีกนิด…แรงอีก…โอ้ว…วิเศษ”
ม้าหนุ่มถูกหล่อนควบขี่ยาวนาน จนเขาและหล่อนทะยานเข้าสู่เส้นชัยนับครั้งไม่ถ้วน จากนั้นก็นอนกอด เกยก่ายกัน และพากันจมดิ่งลงสู่ห้วงแห่งนิทราอย่างมีความสุข
“ตายแล้ว นายน้อย…ทำไมเปียกแบบนี้ล่ะคะ”
ป้ามิเชลล์อุทานอย่างตกใจเมื่อเห็นสภาพของเดมอน และก็ต้องตกใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นพะแพงก็เปียกชุ่มไม่ต่างกัน
“ฝนตกน่ะครับ ก็เลยเปียก” ชายหนุ่มตอบห้วนๆ ก่อนจะหันไปสั่งพะแพง
“เธอรีบขึ้นไปอาบน้ำอาบท่าซะ แล้วอย่าลืมสระผมด้วยล่ะ ไม่สบายขึ้นมาแล้วจะลำบากฉันอีก”
“ค่ะ” พะแพงก้มหน้ารับคำสั่ง ก่อนจะเดินตัวสั่นเทาหายขึ้นบันไดไป
ป้ามิเชลล์มองตามไปจนลับตา ก่อนจะหันมาถามเจ้านายของตัวเองที่ตัวเปียกปอนไม่ต่างจากพะแพง
“นายน้อยก็ต้องรีบไปอาบน้ำสระผมนะคะ”
“ผมแข็งแรง ไม่เป็นอะไรหรอกครับ”
“แต่ตอนเด็กๆ นายน้อยถูกฝนทีไรก็ป่วยทุกที เชื่อป้าเถอะนะคะ ขึ้นไปอาบน้ำก่อนเถอะค่ะ” ความเป็นห่วงเป็นใยของป้ามิเชลล์ทำให้เดมอนเกรงใจ
“ครับ”
เดมอนเดินขึ้นชั้นบนไปแล้ว ป้ามิเชลล์ก็อดที่จะบ่นกระปอดกระแปดออกมาไม่ได้
“ก็รู้ว่าตัวเองโดนฝนแล้วป่วยทุกที ก็ยังยอมให้ตัวเองเปียกฝนอีก มันน่าตีนักนะนายน้อย”
คืนนี้ต่างไปจากเดิม เมื่อเดมอนไม่คุกคามร่างกายของหล่อนอย่างที่เคยทำก่อนนอน แต่กลับกล่าวราตรีสวัสดิ์ห้วนๆ และล้มตัวลงนอนทันที
หล่อนควรจะดีใจที่ไม่ถูกรบกวนด้วยร่างกายขนาดมหึมาของเขา แต่กลับรู้สึกน้อยใจขึ้นมาเสียอย่างนั้น กลีบปากอิ่มเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง ก่อนจะล้มตัวลงนอนบ้าง หันหลังให้กับเขา แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่อาจข่มตาหลับลงได้
หรือว่าหล่อนเสพติดสัมผัสของเดมอนไปแล้วนะ?
สิ่งที่คิดมันคือเรื่องน่าหวาดกลัวเหลือเกิน เพราะรู้ดีว่าตัวเองกับเดมอนไม่มีทางอยู่ด้วยกันยืดยาวไปชั่วชีวิต ถึงแม้เขาจะจดทะเบียนสมรสกับหล่อนแล้ว แต่นั่นก็เพราะเขามีแผนการที่จะฉกชิงวินเซนต์เอาไว้แต่เพียงผู้เดียว อีกไม่นานพอหล่อนหมดประโยชน์ เขาก็จะเขี่ยหล่อนทิ้งเหมือนกับที่เคยทำมาในอดีต
หยาดน้ำตาไหลคลอออกมา และมันก็ทำให้หล่อนนอนไม่หลับ ขยับตัวไปมายุกยิกบนเตียง จนท่อนแขนบังเอิญไปชนเข้ากับต้นแขนของคนที่นอนหลับนิ่งอยู่ และนั่นก็ทำให้หล่อนต้องรีบชักแขนออกห่างแทบไม่ทัน เมื่อสิ่งที่หล่อนสัมผัสร้อนจัดไม่ต่างจากไฟ
หล่อนตั้งสติ ยื่นมือไปสัมผัสตัวของเดมอนอีกครั้ง และคราวนี้ก็รู้ว่าสิ่งร้อนๆ ราวกับไฟเมื่อครู่นี้ก็คือผิวเนื้อของชายหนุ่มนั่นเอง ทำไมเขาถึงตัวร้อนแบบนี้นะ
พะแพงผุดลุกขึ้นนั่ง กระตุกเชือกที่โคมไฟหัวเตียงจนมันสว่างสลัวขึ้น จากนั้นก็เลื่อนสายตาไปจับจ้องใบหน้าหล่อเหลาของคนที่นอนหลับตานิ่งด้วยความแปลกใจระคนเป็นห่วง
มือเล็กยื่นไปอังที่หน้าผากกว้างอีกครั้ง และความร้อนฉ่าที่หลังมือได้รับก็ทำให้หล่อนมั่นใจแล้วว่าเดมอนไม่สบาย
“นายน้อย…”
ความห่วงใยทำให้สมองของหล่อนวิ่งวนเพื่อหาทางช่วยให้คนตัวโตทุเลาจากอาการไข้สูงที่กำลังได้รับอยู่ เท้าบอบบางก้าวลงจากเตียง แล้วรีบออกไปจากห้องเพื่อไปหยิบยามาให้เขา
“คุณแพตตี้ทำอะไรคะ”
เสียงเรียกจากป้ามิเชลล์ทำให้พะแพงที่กำลังก้มๆ เงยๆ ค้นหายาอยู่ต้องหันไปมอง ก่อนจะถามขึ้นด้วยความแปลกใจ
“แพงมาหายาน่ะค่ะ ว่าแต่คุณแม่บ้านใหญ่ยังไม่นอนอีกเหรอคะ”
“ยังหรอกค่ะ เป็นห่วงนายน้อย นอนไม่หลับ”
ป้ามิเชลล์เดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ และก็มองเห็นยาในมือของหญิงสาว จึงพูดขึ้นด้วยความเป็นห่วง
“นึกอยู่แล้วเชียวว่าจะต้องเป็นแบบนี้”
คิ้วโก่งสวยตามธรรมชาติของพะแพงเลิกสูง “คุณแม่บ้านใหญ่พูดเหมือนรู้เลยนะคะว่านายน้อยกำลังป่วย”
“ก็ต้องรู้สิคะ ในเมื่อนายน้อยไม่ถูกกับฝนมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว โดนทีไรก็จับไข้ทุกที ป้าก็เตือนตลอด แต่เมื่อตอนเย็นก็เปียกกลับมาจนได้”
สีหน้าของพะแพงเต็มไปด้วยความละอายใจ “เพราะแพงที่ทำให้นายน้อยโกรธ นายน้อยก็เลยตากฝนลงไปต่อว่าแพง…” คนพูดน้ำตาคลอเบ้า
ป้ามิเชลล์ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา “นายน้อยอาจจะโกรธอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เท่ากับความเป็นห่วงที่มีต่อคุณแพตตี้หรอกค่ะ” ป้ามิเชลล์เปลี่ยนสรรพนามเรียกหล่อนมาหลายครั้งแล้ว และถึงแม้หล่อนจะอยากให้เรียกเหมือนเดิมแต่ก็รู้ดีว่าเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้
“นายน้อย…เป็นห่วงแพงเหรอคะ”
“นี่คุณแพตตี้ไม่รู้จริงๆ เหรอคะ”
หล่อนส่ายหน้าไปมา ก่อนจะระบายยิ้มเศร้าหมอง “แพงว่าคุณแม่บ้านใหญ่เข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ นายน้อยก็แค่โมโหที่แพงกลับบ้านช้า ก็เลยออกไปตามหา แล้วบังเอิญฝนตกลงมาพอดี มันก็แค่นี้เองค่ะ”
คนที่ถอนหายใจไปแล้วคราวนี้ถอนหายใจแรงหนักยิ่งขึ้น “ถ้าคุณแพตตี้ได้เห็นสีหน้าและท่าทางของนายน้อยตอนที่กลับมาบ้านแล้วรู้ว่าคุณยังไม่กลับมา คงจะไม่คิดแบบนี้หรอกค่ะ”
หล่อนรับฟังเงียบๆ แต่ก็ไม่ได้คล้อยตามแม้แต่น้อย เพราะมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองมองเห็นมากกว่า
“งั้นแพงขอตัวเอายาขึ้นไปให้นายน้อยกินก่อนนะคะ”
“ค่ะ แล้วอย่าลืมเช็ดตัวให้นายน้อยด้วยนะคะ นายน้อยเคยมีประวัติชักเพราะไข้สูงตอนห้าขวบน่ะค่ะ”
คำเตือนที่เต็มไปด้วยความห่วงใยของป้ามิเชลล์ทำให้พะแพงสีหน้าซีดเผือด
“ถึงกับชักเลยเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“งั้นเราควรจะตามหมอดีไหมคะ”
ป้ามิเชลล์ส่ายหน้าน้อยๆ “นายน้อยกลัวเข็มมากค่ะ และไม่เคยยอมให้หมอเข้าใกล้เลย แต่นี่เป็นความลับนะคะ อย่าไปบอกนายน้อยล่ะว่าป้าพูด”
พะแพงพยักหน้าตอบรับ สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวลใจ “งั้นแพงขอตัวก่อนนะคะ”
“ฝากดูแลนายน้อยด้วยนะคะ”
“ค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่”
หล่อนแทบจะวิ่งขึ้นบันไดมุ่งหน้าตรงไปยังห้องนอนเลยด้วยซ้ำ เพราะเป็นห่วงเดมอนมาก
มือเล็กข้างที่ว่างอยู่ดันประตูให้เปิดกว้างออก ก่อนจะแทรกตัวเข้าไปภายใน ดวงตากลมโตมองไปยังเตียงกว้าง ก็ยังเห็นว่าเดมอนนอนนิ่งในท่าเดิมไม่ขยับเขยื้อน แต่ใบหน้าของเขาเริ่มมีสีแดงก่ำขึ้น พอๆ กับริมฝีปากกว้างหยักลึกที่แดงปลั่งราวกับเพิ่งดื่มเลือดมนุษย์มา
หล่อนรีบวางถ้วยใส่ยากับแก้วน้ำลงข้างเตียง และยื่นมือไปแตะหน้าผากของชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะรีบชักมือกลับอย่างรวดเร็ว เพราะผิวของเดมอนยังร้อนราวกับไฟเช่นเดิม
ไม่ได้การแล้ว เขาจะต้องรีบกินยา และก็ต้องรีบเช็ดตัว ไม่อย่างนั้นเดมอนอาจจะชักได้
ถ้าเขาตายไป หล่อนจะทำยังไง…?
“นายน้อยคะ กินยานิดนึงนะคะ”
หล่อนเขย่าแขนกำยำของเขาแผ่วเบา คนตัวโตครางอื้ออ้าในลำคอ ก่อนจะพลิกตัวหันตะแคงข้างให้ ไม่ยอมแม้แต่จะลืมตามามองหล่อน
“นายน้อยคะ นายน้อยไม่สบายต้องกินยานะคะ” หล่อนเรียกเขาอีกครั้ง และคราวนี้เขย่าแรงกว่าเดิม แต่เดมอนก็ยังไม่ยอมแม้แต่ลืมตาเช่นเดิม
นี่หล่อนจะทำยังไงดี?
“นายน้อยคะ ลุกขึ้นมากินยาก่อนค่ะ”
ไม่ว่าหล่อนจะเรียกดังขึ้นแค่ไหน เขย่าตัวเขาแรงเท่าไหร่ คนตัวโตก็แค่พลิกกลับไปกลับมา จากนั้นก็หลับต่อไป หล่อนทั้งเป็นห่วงและมันเขี้ยวในเวลาเดียวกัน
ผู้ชายอันตรายนี่เวลาป่วยช่างน่าตีดีแท้
หล่อนเข่นเขี้ยวคนที่นอนหลับอยู่ตรงหน้าในใจ สมองพยายามคิดหาทางที่จะทำให้เขากินยาให้ได้
“หวังว่าวิธีนี้จะได้ผลนะ”
ยาแก้ปวดเม็ดสีขาวถูกหย่อนลงในอุ้งปากของหล่อน ก่อนที่พะแพงจะขยับตัวและก้มหน้าลงไปทาบปากประกบจูบ บังคับให้คนตัวโตที่กำลังหลับกลืนยาลงไปในลำคอ
“อื้อ…”
เขาขัดขืน แต่หล่อนไม่ยอมแพ้ ขยับปากและใช้ลิ้นดุนดันเม็ดยาเข้าไปในปากของเขาได้สำเร็จ ก่อนจะรอจนกว่าเขาจะกลืน จึงขยับปากออกห่าง
หล่อนหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อย ก่อนจะหน้าแดงก่ำเมื่อคนที่หลับตาอยู่เมื่อครู่นี้ลืมตาขึ้นมามอง
“เธอทำอะไร”
“นายน้อย…”
หล่อนผละออกห่าง และระบายยิ้มแก้มแดงก่ำ “นายน้อยตัวร้อน แพงก็เลย…ให้กินยาน่ะค่ะ”
“ด้วยวิธีจูบปากฉันน่ะเหรอ”
หล่อนไม่ได้ตั้งใจจะใช้วิธีนี้สักหน่อย แต่วิธีอื่นเขาไม่ให้ความร่วมมือนี่นา
“ก็นายน้อย…ไม่ยอมตื่นมากินยานี่คะ” หล่อนตอบกลับเสียงอ่อย แล้วรีบหันไปคว้าแก้วน้ำมายื่นให้กับเขา
“ดื่มน้ำก่อนค่ะ”
เดมอนขยับตัวลุกขึ้นนั่งพิงกับหัวเตียง โดยมีหมอนใบใหญ่ซ้อนรองเอาไว้ด้านหลัง
“ขอบใจ” เขาดื่มน้ำไปจนหมดแก้ว แล้วจึงยื่นคืนให้กับพะแพง “เธอนอนได้แล้ว ฉันก็จะนอนเหมือนกัน เพลียมาก”
“นายน้อยยังนอนไม่ได้นะคะ”
ดวงตาสีฟ้าเข้มที่ตอนนี้มีร่องรอยอ่อนเพลียอย่างเห็นได้ชัดตวัดมองมาที่หล่อน
“มีอะไรอีกล่ะ”
“คือว่า…”
“ถ้าต้องการเรื่องอย่างว่า คืนนี้ฉันไม่ไหว เพลียมาก”
หล่อนแก้มแดงก่ำมากยิ่งขึ้น หน้าร้อนฉ่าแทบไหม้ นี่เขามองหล่อนเป็นผู้หญิงหิวเซ็กซ์หรือไง ถึงได้พูดแบบนี้น่ะ คนบ้า มันน่าปล่อยให้ไข้ขึ้นตายนัก
“นายน้อยต้องเช็ดตัวก่อนค่ะ ยังนอนไม่ได้”
“ไม่ ฉันง่วง จะนอน”
เขาล้มตัวลงนอนอย่างเอาแต่ใจ และจะตะแคงหันหลังให้ แต่หญิงสาวรีบกระชากผ้าห่มออกจากกายใหญ่ และพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงจริงจังระคนเป็นห่วง
“นายน้อยไม่สบาย ตัวร้อนมาก นายน้อยต้องเช็ดตัวก่อนนอนนะคะ”
“ฉันไม่ยอมตายง่ายๆ หรอกน่ะ” เขามองหล่อนอย่างรำคาญ “นอนได้แล้ว หรือว่าจะออกไปนอนข้างนอกก็ได้ อย่ากวนฉันอีกล่ะ”
“ไม่ได้นะคะ ยังไงนายน้อยก็ต้องเช็ดตัวก่อน นายน้อยมีประวัติชักเพราะไข้สูงตอนห้าขวบนะคะ”
คนที่กำลังจะหลับตาลงชะงักกึก และจ้องหน้าคนพูดเขม็ง “เธอรู้ได้ยังไง”
“เอ่อ…”
เช้าวันต่อมา เดมอนก็ทำอย่างที่ลั่นวาจาเอาไว้เมื่อคืนจริงๆ เขาพาหล่อนไปจดทะเบียนสมรส ก่อนจะจดทะเบียนรับรองวินเซนต์เป็นบุตรชายที่ถูกต้องตามกฎหมายของตนเอง ทุกอย่างจบสิ้นลงตามความต้องการของคนเผด็จการ
“หมูวินอยากไปเที่ยวไหนครับ เดี๋ยวพ่อพาไป” เดมอนที่เดินจูงมือวินเซนต์ออกมา หยุดเดินและก้มตัวลงถามลูกชายวัยกำลังซนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ผมอยากไปสวนสนุกคับพ่อ”
รอยยิ้มกว้างระบายบนใบหน้าของเดมอน “ตกลงครับ พ่อจะพาหมูวินไปเดี๋ยวนี้”
“เย้…ดีใจที่สุดเลยคับ” วินเซนต์ตื่นเต้นดีใจ แต่กระนั้นก็ยังไม่ลืมที่จะหันมาถามหล่อน
“แม่ไปกับผมนะคับ”
หล่อนกำลังจะอ้าปากตอบตกลง แต่เดมอนแย่งชิงพื้นที่ในการตอบของหล่อนเสียก่อน
“แม่ไม่ค่อยสบายน่ะครับ เมื่อคืนไม่ค่อยได้นอน ให้แม่กลับไปพักผ่อนเนอะ เดี๋ยวเราไปกันสองคน”
หล่อนรู้ทันทีว่าตัวเองกำลังถูกแยกออกจากลูกชาย จนตอนนี้ทุกลมหายใจเข้าออกของวินเซนต์ที่เคยมีแต่หล่อน มันถูกแบ่งออกไปจนแทบไม่เหลืออยู่แล้ว
น้ำตาแห่งความเสียใจน้อยใจซึมสองขอบตา กลีบปากอิ่มสั่นระริก
“ไว้เรา…เจอกันที่บ้านนะครับคนเก่ง”
“คับ” เด็กน้อยตอบรับอย่างว่าง่าย
“หมูวินไปขึ้นรถกับน้าเบนก่อนนะครับ เดี๋ยวพ่อคุยธุระกับแม่แป๊บนึง เสร็จแล้วจะตามไปครับ”
“คับ”
“เบนพาหมูวินไปรอฉันที่รถ” เดมอนหันไปสั่งคนของตัวเอง ซึ่งเบนจามินทร์ก็รีบตอบรับทันที
“ครับนายน้อย”
เบนจามินทร์พาวินเซนต์ไปขึ้นรถแล้ว เดมอนก็เดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ หล่อน
“ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้อยากจดทะเบียนสมรสกับฉัน แต่อย่างน้อยๆ ก็ควรจะยิ้มแย้มเพื่อลูกบ้าง ไม่ใช่หน้าเศร้าราวกับคนแบกโลกเอาไว้ทั้งใบแบบนี้”
“แพง…”
“ฉันหวังว่าเธอคงจะขึ้นรถกลับบ้านเองถูกนะ”
เดมอนไม่กลัวว่าหล่อนจะหนีหายไป เพราะเขามั่นใจว่าหล่อนไม่มีทางทิ้งลูกชายได้แน่ๆ
“นี่ค่ารถ”
แล้วเขาก็หยิบเศษเงินมาปาใส่หน้าหล่อน กระดาษพวกนั้นร่วงลงกับพื้น พร้อมๆ กับหยาดน้ำตาของหล่อน กลีบปากอิ่มสั่นระริก ก้อนสะอื้นหลุดออกมาจากลำคอ เมื่อคนใจร้ายก้าวผ่านหน้าไปอย่างไม่ไยดี
และไม่นานรถคันงามก็แล่นผ่านหน้าไป ในขณะที่หล่อนยืนร้องไห้แข้งขาไร้เรี่ยวแรงอยู่ที่เดิม
“พ่อคับ แม่กลับบ้านยังไงเหรอคับ” วินเซนต์หันมองไปยังท้ายรถเพื่อมองมารดาของตัวเอง
เดมอนที่นั่งขบกรามแน่นจนแทบแตกระเบิดจำต้องสะกดกลั้นโทสะเอาไว้ และฝืนยิ้มให้กับลูกชาย
“แม่นั่งรถแท็กซี่กลับครับ”
ลูกชายพยักหน้าตอบรับ และไม่ได้สนใจอีก เพราะหันไปเล่นหุ่นยนต์ที่ถือติดมือมาจากบ้านแทน ตรงกันข้ามกับเขาที่ยังคงนั่งเดือดดาลเช่นเดิม
เขาเกลียดสีหน้าซีดขาวเศร้าสร้อยของพะแพงที่สุด ทั้งๆ ที่เขาตื่นเต้นจนแทบนอนไม่หลับ เพราะจะได้จดทะเบียนสมรสกับหล่อน แต่แม่คุณกลับทำหน้าราวกับกินยาเบื่อเข้าไปทั้งขวด
หล่อนควรจะกระโดดกรีดร้องด้วยความดีใจสิที่ได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของผู้ชายเพอร์เฟกต์เช่นเขา ไม่ใช่มาทำหน้าราวกับอยากจะตายแบบนี้
“ผู้หญิงบ้า”
เขาสบถในลำคออย่างโมโห พยายามบอกตัวเองให้ใจเย็นๆ แต่ก็ทำได้ยากเย็นเหลือเกิน
หลังจากพาวินเซนต์กลับมาจากสวนสนุก เขาก็เฝ้ารอการกลับมาของพะแพงอย่างร้อนรน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของหล่อน
“หายหัวไปไหนของเธอ แพตตี้”
เขาเดินกลับไปกลับมาราวกับหนูติดจั่น ในใจเต็มไปด้วยไฟร้อนๆ และก็อดก่นด่าตัวเองไม่ได้ ที่ปล่อยให้พะแพงกลับบ้านคนเดียว
“ป้ามิเชลล์ แพตตี้กลับมาหรือยังครับ”
“ยังเลยค่ะนายน้อย”
“บ้าจริง ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเนี่ย!”
เขาสบถอย่างหัวเสีย ในใจอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมาย โกรธ โมโห และก็เป็นห่วง ใช่…ถ้าพะแพงเป็นอะไรไป เขาจะทำยังไง เขาจะอยู่ยังไง
“แล้ว…ทำไมเธอไม่กลับมาพร้อมกับนายน้อยล่ะคะ” ในที่สุดป้ามิเชลล์ก็ถามสิ่งที่ค้างคาใจออกมา
เดมอนขบกรามแน่น ก่อนจะหันไปเผชิญหน้ากับเจ้าของคำถาม “ผมโมโหเธอ ก็เลยไล่ให้เธอกลับบ้านเอง”
“โธ่ นายน้อย…”
“ผมรู้ว่าผมเอาแต่ใจเกินไป ดังนั้นป้ามิเชลล์อย่ามาตอกย้ำผมเลยนะครับ” ในจังหวะที่เดมอนกำลังพูดอยู่กับป้ามิเชลล์นั้น เชลดอนก็วิ่งเข้ามาหา
“นายน้อยครับ หาไม่เจอครับ”
“บ้าเอ๊ย แล้วแม่นั่นไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเนี่ย”
“เธออาจจะหลงทางก็ได้นะครับ” เชลดอนออกความคิดเห็น ก่อนที่ป้ามิเชลล์จะแทรกขึ้นบ้างอย่างหมั่นไส้เจ้านายตัวเอง
“หรือไม่ก็ถูกแท็กซี่พาไปปู้ยี่ปู้ยำแล้วล่ะค่ะ”
“ป้ามิเชลล์!” เดมอนตวาดลั่น ป้ามิเชลล์จึงก้มหน้าและเดินล่าถอยออกไป
เชลดอนเห็นใบหน้าขาวซีดของเจ้านายก็อดที่จะสงสารไม่ได้ นี่เป็นครั้งแรกที่เดมอนแสดงความหวาดกลัวออกมาทางสีหน้าและแววตา ซึ่งยืนยันได้อย่างชัดเจนว่าเดมอนรักพะแพงจริงๆ
“คุณแพตตี้คงไม่เป็นอะไรหรอกครับ เธออาจไปนั่งเล่นที่ไหนสักแห่งก็ได้ครับ เดี๋ยวก็คงกลับ”
“แต่นี่มันเย็นแล้วนะเชลดอน จะหกโมงแล้ว แถมฝนก็กำลังจะตกด้วย”
ความรู้สึกห่วงใยที่เดมอนไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าจะมีระเบิดแน่นอก
“ฉันจะออกไปตามหาแพตตี้”
“ให้ผมขับรถไปให้นะครับ”
“ไม่ต้อง ฉันไปเอง นายอยู่ที่นี่ดูแลหมูวินเถอะ”
“แต่ฝนกำลังจะตกนะครับ นายน้อยขับรถเองอันตราย…”
เชลดอนเต็มไปด้วยความเป็นห่วง แต่เดมอนเป็นห่วงพะแพงมากกว่าสิ่งใดแล้วตอนนี้
“ฉันอยู่ในรถไม่เปียกหรอก แต่แพตตี้อาจจะเปียกฝนก็ได้ ฉันไปล่ะ”
เชลดอนมองตามร่างที่วิ่งหายออกไปจากบ้านของเดมอนด้วยความวิตกกังวล
“ผู้ชายที่ไม่เคยคิดจะรักใคร พอมีความรักขึ้นมาช่างรุนแรงเหลือเกิน”
รถสปอร์ตคันงามของเดมอนแล่นออกจากรั้วบ้าน ขับมุ่งหน้าไปตามท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย สายฝนเทกระหน่ำลงมาจนที่ปัดน้ำฝนทำงานถี่ระรัว หัวใจของเขาคล้ายกับถูกทิ่มแทงด้วยคมมีด เมื่อคิดภาพของพะแพงยามอยู่ท่ามกลางสายฝน
“ฉันขอโทษ…ฉันใจร้ายเกินไป…”
เขาพึมพำด้วยความละอายใจ หัวใจไม่เคยหวาดกลัวเช่นนี้มาก่อน ดวงตาสีฟ้าเข้มชะเง้อมองฝ่าละอองฝนไปตามข้างทาง ก่อนจะรีบเบรกกะทันหัน เมื่อเห็นร่างอรชรคุ้นตานั่งกอดอกตัวลีบอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่
เดมอนรีบเปิดประตูและพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว ความเปียกปอนที่เกิดจากสายฝนไม่ได้ทำให้เขาสะท้านเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำให้เร็วที่สุดก็คือ การดึงร่างสั่นเทาของพะแพงเข้ามาในอ้อมแขน และกอดหล่อนให้แน่นที่สุด
“แพตตี้…”
คนที่นั่งร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวและเหน็บหนาวเงยหน้ามองฝ่าสายฝนไปก็เห็นเดมอน ผู้ชายที่หล่อนไม่เคยคาดคิดว่าจะมายืนตากฝนอยู่ตรงหน้า
“นายน้อย…”
“เธอมาทำบ้าอะไรอยู่ตรงนี้ ฮึ!”
เขาเปิดฉากด่าว่าหล่อน ก่อนจะกระชากร่างของหล่อนเข้าไปกอดแนบอก
หล่อนร้องไห้ออกมา “แพง…กำลังจะกลับบ้านค่ะ แต่ว่า…ฝนตกเสียก่อน”
“เธอใช้เวลาสี่ห้าชั่วโมงในการเดินทางเนี่ยนะ”
เขาดันหล่อนออกห่างเล็กน้อย และมองหล่อนผ่านสายฝนที่ตกกระหน่ำไม่หยุด
“แพง…”
“ฉันจะทำโทษเธอให้หนักเชียว”
แล้วเขาก็กระชากแขนของหล่อนให้เดินตรงไปที่รถ และยัดหล่อนเข้าไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นเขาก็วิ่งอ้อมตัวรถขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัย
หล่อนหันไปมองหน้าเขา มองใบหน้าที่เปียกโชกไปด้วยหยาดฝน รวมถึงเนื้อตัวของเขาด้วย
“นายน้อย…มาทำอะไรแถวนี้คะ” หล่อนถามเขาเสียงแผ่วเบา ปากอิ่มสั่นระริก
เดมอนหันมามองพะแพงด้วยสายตาโล่งใจระคนโมโห ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะพูดให้หล่อนเจ็บช้ำแทนการบอกความจริง
“ฉันจะไปหาเมียน้อย แล้วบังเอิญหันมาเห็นเธอพอดี ก็เลยจำใจต้องจอดรถลงไปหายังไงล่ะ”
คนฟังเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ถึงเขาไม่บอก หล่อนก็พอจะเดาออกอยู่แล้วล่ะว่าผู้ชายอย่างเดมอนไม่มีทางออกมาตามหาผู้หญิงไร้ค่าเช่นหล่อนหรอก
“แพงเลยทำให้นายน้อย…เปียกหมดเลย…” หล่อนพูดทั้งน้ำตาและก็รีบหันหน้าหนี มือใหญ่ยื่นมากระชากคางมน และเมื่อหล่อนหันกลับมา ปากร้อนอบอุ่นของเขาก็ทาบลงมาบนกลีบปากเย็นจืดของหล่อนอย่างแม่นยำ
“อื้อ…”
เสียงอุทานตกใจของหล่อนถูกกลืนหายลงไปในลำคอแกร่งจนหมด รอยจุมพิตร้อนแรงปลุกเร้าให้ร่างกายของหล่อนร้อนฉ่าทั้งๆ ที่เสื้อผ้าเปียกชุ่ม
เขาถอนปากออกและจ้องหน้าหล่อนเขม็ง แวบหนึ่งหล่อนเห็นความห่วงใยในดวงตาสีฟ้าเข้ม แต่ไม่นานมันก็จางหายไปราวกับไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
“ฉันจะไม่ปล่อยให้ผู้หญิงโง่แบบเธอกลับบ้านเองอีกแล้ว สาบาน!”
เขากระแทกกระทั้นคำพูดออกมา ก่อนจะขับรถออกไปจากตรงนั้น และมุ่งหน้ากลับคฤหาสน์หลังงาม
“แม่คับ…”
เช้าวันต่อมา เดมอนออกไปทำงานที่คาสิโน โดยทิ้งวินเซนต์เอาไว้กับหล่อน แต่เขาไม่ได้ใจดีให้หล่อนอยู่อย่างอิสระหรอก เมื่อทั้งเชลดอนและเบนจามินทร์ต่างจับจ้องมองหล่อนกับลูกชายทุกฝีก้าว นี่ยังไม่รวมผู้ชายชุดดำอีกสิบกว่าคนที่จับจ้องมองมา
เขาคงกลัวว่าหล่อนจะพาลูกหนี…
หล่อนถอนหายใจออกมาอย่างสะท้อนในอก วินเซนต์ก็เป็นลูกของหล่อนเหมือนกัน ทำไมหล่อนถึงได้ถูกจำกัดสิทธิ์แบบนี้
“ครับ หมูวิน…”
“คุณลุงลูกโป่ง เป็นพ่อของผมจริงเหรอคับ”
หน้าตาของหล่อนซีดเผือด แต่ก็พยายามที่จะควบคุมตัวเอง “คุณลุงบอกแบบนั้นเหรอครับ”
เด็กน้อยพยักหน้ารับ “ใช่คับ คุณลุงบอกผมเมื่อตอนเช้า ก่อนที่คุณลุงจะไปทำงาน”
“แล้วหมูวิน ดีใจหรือว่าเสียใจครับ”
“ดีใจคับ ผมอยากได้พ่อแบบคุณลุงลูกโป่ง”
น้ำตาของพะแพงไหลซึมออกมา “แม่ดีใจนะครับที่หมูวินชอบพ่อ”
“แต่ทำไมพ่อให้ผมเรียกคุณลุงลูกโป่งมาตั้งหลายวันล่ะคับ” วินเซนต์อดสงสัยตามประสาเด็กไม่ได้
“พ่อคงแค่อยากจะหาโอกาสเหมาะๆ เพื่อบอกหมูวินน่ะครับ”
ความสงสัยบนใบหน้าของเด็กน้อยค่อยๆ จางหายไป และก็มีความดีใจแทรกแทนที่ขึ้นมาจนล้นปรี่
“ตอนนี้ผมก็มีพ่อเหมือนเพื่อนแล้วคับแม่ เย้ๆ ๆ ๆ”
หล่อนจำต้องฝืนยิ้มออกมา ความสุขของวินเซนต์คือสิ่งเดียวที่หล่อนต้องนึกถึงให้มากที่สุด
“ใช่ครับ พ่อของหมูวินเป็นคนใจดี หมูวินจะมีความสุขนะครับ”
“แล้วแม่จะดีกับพ่อไหมคับ”
คำถามของลูกชายทำให้พะแพงแปลกใจ “ทำไมหมูวินถามแม่แบบนี้ล่ะครับ”
“พ่อบอกว่าแม่โกรธพ่อ ก็เลยไม่ยอมรักพ่อแล้ว”
หล่อนเม้มปากแน่น อดโกรธเดมอนไม่ได้ที่เอาเรื่องแบบนี้มาพูดให้วินเซนต์ฟัง
“เราสองคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันครับ”
“เพื่อนเหรอคับ”
“ใช่ลูก พ่อกับแม่เป็นเพื่อนกัน”
วินเซนต์ยังไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่เด็กน้อยก็ยิ้มกว้างเพราะยังคงดีใจที่รู้ว่าเดมอนเป็นบิดาบังเกิดเกล้าของตัวเอง
“คุณชายน้อยคะ ไปเล่นกับพี่โอลิเวียนะครับ”
“คับ” วินเซนต์ตอบรับ ก่อนจะหันมาหามารดา “แม่คับ ผมไปเล่นก่อนนะคับ”
“จ้ะคนเก่ง อย่าดื้อกับพี่โอลิเวียนะครับ”
“คับ”
“ฝากหมูวินด้วยนะโอลิเวีย”
“จะดูแลอย่างดีเลยค่ะคุณแพตตี้ ไม่ต้องห่วงนะคะ”
หล่อนกล่าวขอบคุณโอลิเวีย และยืนมองวินเซนต์ที่วิ่งหายไปด้วยทั้งน้ำตา
หล่อนยินดีที่ลูกชายมีความสุข แต่ก็อดที่จะร้องไห้ให้กับความอัปยศของชีวิตตนเองไม่ได้
หลังจากจบมื้อค่ำอันแสนอึดอัดแล้ว หล่อนก็รีบปลีกตัวขึ้นห้องนอน กะว่าอีกสักพักจะไปหาลูกชายที่ห้องเพื่อกล่าวราตรีสวัสดิ์ และขณะที่หล่อนกำลังนั่งหวีผมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งนั้น ประตูห้องนอนก็ถูกกระแทกแรงๆ จนเปิดกว้างออก พร้อมกับเดมอนที่ดึงประตูปิด และย่างสามขุมเข้ามาหา แขนเรียวของหล่อนถูกเขากระชากแรงๆ ให้ลุกขึ้นเผชิญหน้า
“เจ็บค่ะนายน้อย” หล่อนบอกเขาอย่างขอความเห็นใจ แต่เขาไม่มีให้เช่นเคย
ใบหน้าหล่อจัดแต่เต็มไปด้วยโทสะก้มต่ำลงมาหา “เราสองคนเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันอย่างนั้นหรือ”
“เอ่อ…”
เขาแสยะยิ้มหยันร้ายกาจ ตวัดตามองหน้าหล่อนอย่างเดือดดาล
“นี่ถ้าลูกไม่มาถามเพราะไม่เข้าใจ ฉันก็คงยังไม่รู้ว่าในหัวสมองเน่าๆ ของเธอคิดอะไรอยู่”
ทำไมเขาจะต้องเกรี้ยวกราดขนาดนี้ด้วย หล่อนก็แค่บอกว่าเขากับหล่อนเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกันเท่านั้นเอง
“แพง…พูดผิดตรงไหนเหรอคะ”
“หึ…ผิดทั้งหมด”
“แต่เราสองคนไม่ได้เป็นอะไรกันมากกว่า…พ่อกับแม่ของวินเซนต์นะคะ”
“แล้วที่เราเอากันจนฟ้าเหลืองล่ะ เรียกว่าอะไร เพื่อนที่ดีต่อกันอย่างนั้นหรือ!” เดมอนคำรามเสียงเดือดดาล
“ก็…ว้ายยยย!”
ร่างของพะแพงถูกจับเหวี่ยงขึ้นไปบนเตียง ก่อนที่เดมอนจะกระโจนไปหยุดที่ขอบเตียง และสลัดเสื้อผ้าออกอย่างรวดเร็ว
“นายน้อย…จะทำอะไรคะ” หล่อนยันตัวลุกขึ้นนั่งและพยายามถดถอยหนี
“ก็จะแสดงความเป็นเพื่อนที่ดีกับเธอไงล่ะ”
“นายน้อย…ว้ายยย…ปล่อยค่ะ…อื้อ…”
เขาคว้าร่างที่พยายามจะหลบหนีกดลงกับเตียงนอน ทาบทับลงมาหาด้วยเรือนกายใหญ่โต จนหล่อนจมหายลงไปกับเตียง ริมฝีปากซุกไซ้ซอกซอนดุดัน ฝ่ามือใหญ่ล้วงลึกไปที่ซอกขา บดขยี้จุดกระสันของหล่อนอย่างหวังผล และมันก็ทำให้สติของหล่อนหลุดลอยไปแสนไกล
“อ๊า…อา…นายน้อย…อา…”
เซ็กซ์ของเดมอนเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างร้อนแรงดิบเถื่อน เขาไม่เคยทะนุถนอมหล่อนแม้แต่ครั้งเดียว ทุกครั้งที่ร่วมรักกัน เขาเสพสมกับร่างสาวอย่างดุดันหื่นกระหาย สร้างรอยแดงช้ำบนผิวสาวมากมาย แต่ในความเจ็บระบมนั้นก็มีอีกความรู้สึกหนึ่งที่แสนวิเศษแทรกลึกฝังอยู่ มันทำให้หล่อนเหยียดเกร็งไปทั้งตัวเมื่อถึงจุดจุดหนึ่งที่แสนหวาน หยาดสวาทหลั่งรินออกมา ก่อนที่จะถูกละอองแห่งความสุขครอบงำ และครั้งนี้ก็ไม่ต่างกันเลย
พะแพงนอนหอบกระเส่าอยู่บนเตียง โดยมีร่างใหญ่โตของเดมอนคร่อมทับเอาไว้ สิ่งนั้นของเขายังคงค้างคาฝังลึกไม่ยอมถอนถอย ไออุ่นจากเรือนกายทรงพลังทำให้น้ำตาแห่งความสุขไหลรินออกมา
หล่อนอยากหยุดเวลาเอาไว้แค่ตรงนี้ หยุดเอาไว้กับความสุขสมที่มีเดมอนเป็นคนหยิบยื่นให้ กลิ่นลมหายใจของเขาช่างหอมกรุ่นยิ่งนัก หล่อนลุ่มหลงมันจนยากจะถอนใจ
“อย่าพูดกับลูกว่าเราเป็นแค่เพื่อนกันอีก เข้าใจไหมแพตตี้”
เมื่อหล่อนยังคงนิ่งเงียบ เขาก็แกล้งขยับบั้นท้ายทิ่มแทง หล่อนอุทานตกใจ หน้าตาแดงก่ำ ร่างสาวเริ่มร้อนระอุขึ้นมาอีกครั้งอย่างน่าอับอาย
“อ๊ะ…อ๊า…”
“เข้าใจไหม ที่ฉันสั่งน่ะ”
“อ๊า…อา…เข้า…เข้าใจค่ะ นายน้อย…อย่า…ขยับสิคะ”
เขาคำรามในลำคอ หยุดเคลื่อนไหวและชะโงกตัวขึ้นจ้องมองใบหน้าของหล่อน
“พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปจดทะเบียนสมรส แล้วก็จดทะเบียนรับรองวินเซนต์ด้วย”
“คะ?”
“ไม่ต้องมาทำหน้าตื่น และถ้าปฏิเสธ คืนนี้เธอจะไม่ได้นอนเลยทั้งคืน”
เขาข่มขู่เสียงดุดัน และสายตาคมกริบก็บอกให้รู้ว่าเขาไม่ได้พูดเล่น แต่ทำจริงแน่นอน
“ความจริง…นายน้อยแค่จดทะเบียนรับรองวินเซนต์เป็นลูกชายอย่างเดียวก็พอค่ะ”
“ทำไม ไม่อยากจดทะเบียนสมรสกับฉันหรือ”
“แพง…” หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง น้ำตาซึม ทำไมหล่อนจะไม่อยากเคียงคู่เขาล่ะ แต่เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่ได้รัก หล่อนไม่อยากเอาเปรียบเดมอน
“เราไม่ได้รักกัน…นายน้อยไม่ควรต้องมาสูญเสียอิสรภาพเพียงเพราะแค่ต้องการครอบครองวินเซนต์หรอกค่ะ”
“อย่ามาทำเป็นรู้ดี”
“เรื่องนี้…เป็นเรื่องเดียวที่แพงมั่นใจที่สุดค่ะ” หล่อนมองเขาผ่านม่านน้ำตา
“จะคิดยังไงก็เรื่องของเธอ แต่อะไรที่ฉันตัดสินใจแล้ว ใครก็ค้านไม่ได้”
“แต่แพง…ไม่ยอม…อื้อ…อ๊ะ…นายน้อย…อย่า…ขยับ…อื้อ…อ๊า…”
“บอกแล้วไงว่าอย่าขัดใจ อืมมมม โอ้ว…บีบแน่นอีกแล้ว โอ้ว…โอ้ว…”
บั้นท้ายทรงพลังส่ายระริกกระแทกลงกับความเป็นหญิงของพะแพงอย่างดุดัน และแน่นอนว่ามันจะยาวนานไปตลอดทั้งค่ำคืนเลยทีเดียว
เกือบสามสิบชั่วโมงต่อมา หล่อนก็ได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกครั้ง ลาสเวกัส ดินแดนที่ทำให้หล่อนได้พบเจอกับเดมอน ผู้ชายเหี้ยมโหดใจดำและไม่เคยมอบความปรานีใดๆ ให้กับผู้หญิงไร้ค่าเช่นหล่อนเลย
หยาดน้ำตาไหลรินออกมาจนต้องรีบยกมือขึ้นป้ายทิ้ง หล่อนฝืนยิ้มเมื่อวินเซนต์วิ่งมากุมมือของหล่อนเอาไว้
“แม่คับ ผมจะได้เจอพ่อแล้วใช่ไหมคับ”
หล่อนอดไม่ได้ที่จะปรายตามองคนตัวโตที่เดินตามหลังมา และก็ได้เห็นว่าสีหน้าของเดมอนเต็มไปด้วยความเย็นชา และคาดเดาไม่ออกว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
“ครับ”
“ผมตื่นเต้นคับ”
พะแพงย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า ดึงร่างตุ้ยนุ้ยของลูกชายเข้ามากอดแนบอก
“ไม่ว่าพ่อของหมูวินจะเป็นใคร หมูวินก็ต้องรักและเชื่อฟังพ่อให้มากๆ นะครับ”
“คับ”
เด็กน้อยตอบรับอย่างว่าง่าย ใบหน้าของลูกชายเต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ จนหล่อนรู้สึกละอายใจไม่น้อย หล่อนผิดใช่ไหมที่ไม่ยอมให้วินเซนต์ได้เจอกับเดมอนเร็วกว่านี้
“ไปกันเถอะครับหมูวิน รถมารอเราแล้ว” เดมอนระบายยิ้มและพูดกับวินเซนต์ด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่กับหล่อน เขามีแต่ความเหี้ยมโหดไร้หัวใจเท่านั้นที่มอบให้
“ส่วนเธอ จะตามมาด้วยกัน หรือว่าจะนั่งแท็กซี่ไปเองก็ตามใจ”
แล้วเดมอนก็จูงมือวินเซนต์เดินจากไป หล่อนน้ำตาไหลพราก เบนจามินทร์รีบเดินเข้ามาหา
“เชิญครับคุณแพตตี้”
หล่อนพูดไม่ออก ทำได้แค่เพียงเดินก้มหน้าคอตกตามพวกเขาไปเท่านั้น
เพียงไม่นานรถลีมูซีนคันงามที่มีเชลดอนเป็นพลขับก็แล่นเข้ามาจอดที่อาณาจักรของเดมอน
ชายหนุ่มก้าวลงไปจากรถ และก็อุ้มวินเซนต์เอาไว้ในอ้อมแขน ก่อนจะเดินนำเข้าไปในตัวตึกใหญ่ โดยไม่แม้แต่จะหันมาสนใจไยดีหล่อนแม้แต่น้อย
หล่อนจำต้องก้าวเดินลงมาจากรถด้วยความเศร้าหมอง เชลดอนทักทายหล่อนเล็กน้อย ก่อนจะเชื้อเชิญให้ตามเดมอนเข้าไปในบ้าน
หล่อนก้าวเดินเข้ามา ก็พบว่าภายในห้องรับแขกมีวิคตอเรียนั่งรออยู่ เดมอนพาวินเซนต์เข้าไปหาวิคตอเรีย พวกเขาพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ในขณะที่หล่อนยืนตัวลีบอยู่ที่หน้าประตูโดยไม่มีใครสนใจ หล่อนมันก็แค่ส่วนเกินเท่านั้น
พะแพงยกมือขึ้นป้ายน้ำตา ก่อนจะตัดสินใจเดินจากไป มุ่งหน้าไปหลบร้องไห้ที่สวนหลังบ้านเงียบๆ
ทำไมหล่อนรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าแบบนี้นะ แม้กระทั่งวินเซนต์เองก็ให้ความสนใจกับเดมอนและคนอื่นมากกว่าหล่อน
มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้น เวลาผ่านไปนานเท่านานแต่หล่อนก็ยังคงปล่อยตัวปล่อยใจให้จมปลักอยู่กับอเวจีที่เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำจนถอนตัวไม่ขึ้น กระทั่งเสียงเรียกของป้ามิเชลล์ดังขึ้นนั่นแหละ หล่อนถึงได้สติ
หล่อนรีบป้ายน้ำตาทิ้ง ลุกขึ้น และหันไปฝืนยิ้มทักทายมิเชลล์ แต่น้ำเสียงสั่นเครือจนน่าเวทนา
“สะ…สวัสดีค่ะคุณแม่บ้านใหญ่”
ป้ามิเชลล์เดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ จ้องมองใบหน้าที่ยังคงมีคราบน้ำตาให้พอมองเห็นด้วยความสงสาร
“ร้องไห้ทำไม เธอควรดีใจสิที่ได้กลับมาที่นี่อีกครั้ง”
“แพง…ไม่ได้อยากกลับมาที่นี่หรอกค่ะ”
หล่อนตอบไปตามความจริง น้ำตาไหลรินออกมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่
“ทำไมล่ะ ยังโกรธนายน้อยอยู่เหรอ”
“แพงไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธใครหรอกค่ะ” หล่อนพูดออกไปอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ “แพงแค่ตามลูกมา…”
“ฉันตกใจเหมือนกันนะที่รู้ว่าเธอมีลูกกับนายน้อยน่ะ ตอนแรกที่นายน้อยให้คนตามหาเธอ นายน้อยยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอซ่อนลูกเอาไว้ ดีแค่ไหนแล้วที่นายน้อยไว้ชีวิตเธอน่ะ”
หล่อนควรดีใจใช่ไหมที่ยังมีลมหายใจอยู่ “ถึงแพงจะยังมีชีวิตอยู่ แต่แพงก็ไม่ต่างจากคนตายทั้งเป็นหรอกค่ะ แพงกำลังจะถูกพรากลูกชายไป”
“เธอเข้าใจผิดแล้วล่ะแพตตี้ นายน้อยไปรับเธอมาที่นี่ก็เพราะต้องการให้เธอมาเป็นภรรยาออกหน้าออกตา ส่วนลูกของเธอ นั่นเป็นสิ่งที่นายน้อยไม่คาดคิดมาก่อน”
รับมาเป็นภรรยาออกหน้าออกตาอย่างนั้นเหรอ แล้ววิคตอเรียล่ะ จะเอาเธอไปไว้ที่ไหน เมื่อกี้หล่อนยังเห็นสองคนคุยกันกะหนุงกะหนิงอยู่เลย เรื่องที่เดมอนบอกว่าหย่าขาดจากวิคตอเรียแล้วคงเป็นเรื่องโกหกทั้งเพ
“แพงไม่อาจเอื้อมหรอกค่ะ”
“แต่นายน้อยต้องการให้เธอเป็นเมีย เธอก็ต้องเป็น”
“แพงยินดีเป็นแค่แม่ของวินเซนต์ แต่จะไม่ขอเกี่ยวข้องกับนายน้อยของคุณแม่บ้านใหญ่ค่ะ” หล่อนโต้แย้งปากสั่นระริก ความน้อยใจยังคงอัดแน่นเต็มอก
“ก็ดี งั้นเธอก็เป็นแค่พี่เลี้ยงของลูกชายฉันก็แล้วกัน”
“นายน้อย…” ป้ามิเชลล์หันไปเห็นเจ้าของคำพูดก็รีบก้มหน้าและเดินจากไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้หล่อนเผชิญหน้ากับมัจจุราชตัวร้ายเพียงลำพัง
“ค่ะ”
หล่อนตอบห้วนๆ ภาพที่เขากับวิคตอเรียหัวเราะต่อกระซิกกันเมื่อครู่นี้ยังคงบาดตาบาดใจ
“ขอตัวค่ะ”
“จะไปไหน” เขาก้าวเพียงครั้งเดียวก็คว้าแขนเรียวเอาไว้ได้ ก่อนจะออกแรงกระชากเพียงเล็กน้อยร่างอรชรก็ลอยละลิ่วเข้าปะทะแผงอกกำยำอย่างง่ายดาย
“ปล่อยแพงนะคะ ปล่อยค่ะ”
เขากอดรัดร่างของหล่อนเอาไว้แน่น ริมฝีปากกว้างหยักลึกคลี่เป็นรอยยิ้มหยัน ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มประจำใบหน้าของเขายามที่สนทนากับหล่อน
“ฉันยังพูดไม่จบ”
“อะไรคะ”
“นอกจากตำแหน่งพี่เลี้ยงวินเซนต์แล้ว เธอก็ยังต้องทำหน้าที่อื่นด้วย ไม่งั้นฉันก็ไม่ให้เธออยู่ที่นี่” น้ำเสียงของเขาเหี้ยมเกรียมจนสันหลังของหล่อนเย็นวาบ
“นายน้อยจะให้แพง…ทำอะไรคะ”
เขาแค่นยิ้มเล็กน้อย มือใหญ่ที่วางอยู่บนเนินสะโพกผายกดแรงขึ้นจนสองร่างแนบชิดกันไร้ช่องว่าง และนั่นก็ทำให้หล่อนรู้สึกได้ถึงความตื่นตัวของเขาชัดเจน
หล่อนเบิกตาโต เผยอปากกว้าง แก้มนวลเป็นสีระเรื่อ ยังไม่ทันจะพูดอะไรออกไป เขาก็โน้มหน้าลงมากระซิบเสียงกระเส่าข้างใบหูเล็กเสียก่อน
“อีตัวบนเตียงของฉันไง”
“ไม่นะคะ…”
“ทำไมล่ะ หรือว่าอยากให้ฉันจ่ายเงินให้ด้วย”
หน้าของหล่อนร้อนฉ่าราวกับถูกเผาด้วยไฟ “นายน้อยใจร้าย…แพง…เกลียดนายน้อย…นี่ปล่อยนะ”
“หึ เธอขัดใจฉันไม่ได้หรอก ยังไงซะ ถ้าเธออยากอยู่ที่นี่กับวินเซนต์ เธอก็ต้องตามใจฉัน”
น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไหลรินออกมาเป็นทาง หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างเสียใจ
“แต่แพง…ไม่มีทางยอมเป็นเมียน้อยใคร”
“แล้วไง”
“ก็…นายน้อยมีเมียอยู่แล้ว อย่าให้แพงต้องทำบาปทำกรรมกับคุณวิคกี้เลยค่ะ แพงยอมทำงานหนัก ยอมขัดส้วม ยอมล้างห้องน้ำ แต่อย่าให้แพง…ต้องทำเรื่องผิดศีลธรรมแบบนั้นเลย แพง…”
ก่อนที่หล่อนจะพูดจบ ปากร้อนจัดก็ทาบประกบลงมาหา เขาบดขยี้หนักหน่วงเอาแต่ใจ
“ฉันบอกเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าฉันกับวิคกี้หย่าขาดจากกันแล้ว”
“แต่เมื่อกี้นี้แพงเห็น…”
“ตอนนี้ฉันกับวิคกี้เป็นแค่เพื่อนกัน เธอรู้ข่าวว่าฉันจะพาลูกกลับมาที่นี่ ก็เลยแวะมาหาเท่านั้นเอง” นัยน์ตาสีฟ้าเข้มที่จ้องมองมา นอกจากจะดุดันแล้วก็มีแววล้อเลียนเพิ่มเติมขึ้นมาจนเห็นได้ชัด
“อย่าหึงไม่เข้าเรื่องน่า”
“แพงไม่ได้…”
“อย่าโกหกด้วย ฉันไม่ชอบ” เขาแทรกขึ้นทั้งๆ ที่หล่อนยังแก้ตัวไม่ทันจบ
หล่อนทำได้แค่นิ่งเงียบ เม้มปากเป็นเส้นตรง ความเงียบสงัดเข้ามาปกคลุมอยู่นานเกือบนาที เดมอนจึงพูดขึ้นมาอีกครั้ง
“เธอจะพักอยู่ห้องเดียวกับฉัน ส่วนวินเซนต์จะอยู่อีกห้องใกล้ๆ กับเรา”
“แพง…ขอพักห้องเดียวกับลูกนะคะ”
ศีรษะทุยสวยของเดมอนส่ายไปมา ก่อนจะยืนยันความเผด็จการของตนเองออกมาเป็นคำพูด
“หมูวินโตแล้ว เขาจะต้องเริ่มหัดนอนคนเดียว”
“งั้นแพงขอกลับไปนอนห้องเดิมที่เคยอยู่นะคะ”
เขายิ้มเยาะ หรี่ตาแคบมองหล่อน “ต่อให้เธอไปนอนในห้องน้ำ ถ้าฉันอยากเอาเธอ ฉันก็จะลงไปลากขึ้นมา ดังนั้นทำใจเถอะ เพราะไม่ว่าจะอยู่ที่นี่ ใกล้หรือไกล เธอก็หนีฉันไม่พ้น”
หล่อนมองเขาผ่านม่านน้ำตา มองด้วยความเสียใจและไม่เข้าใจ “ทำไมนายน้อยถึงทำอย่างนี้คะ แพง…ไม่เหลืออะไรให้นายน้อยอีกแล้วค่ะ อย่ายุ่งเกี่ยวกับแพงอีกเลย”
“ฉันยังไม่เบื่อเธอ นี่คือเหตุผล”
เหตุผลของเขาช่างสร้างรอยแผลในหัวใจใหญ่เหลือเกิน หล่อนปล่อยน้ำตาให้ไหลรินออกมา
“ทั้งๆ ที่ไม่ได้รักแพง…แต่นายน้อยก็ยัง…” หล่อนสะอื้นไห้ด้วยความเสียใจ “ก็ยังจะรังแกแพงไม่หยุด…นายน้อยใจร้าย…ใจร้ายที่สุดเลย”
“ผู้หญิงโง่ๆ อย่างเธอจะไปรู้อะไร เลิกร้องไห้คร่ำครวญได้แล้ว ขึ้นห้องกับฉัน”
“ไม่…”
“ไม่งั้นเหรอ” เขาเค้นเสียงเล็ดลอดไรฟันออกมาอย่างโมโห ก่อนจะย่อตัวลง และจับร่างของพะแพงพาดบ่าทันที
“อุ๊ย…นายน้อยปล่อยแพงลงนะคะ ปล่อยสิคะ”
เพียะ
“อย่าดิ้น ไม่งั้นจะฟาดก้นอวบๆ ให้ระบมเชียว”
คนถูกหวดก้นหนักๆ หลายทีติดน้ำตาซึม อยากจะดิ้นรนแต่ก็รู้ดีว่าไม่มีทางหนีคนหื่นกามอย่างเดมอนพ้น
“ทำตัวดีๆ แล้วฉันจะให้เธอได้พักบ้าง”
ประตูห้องนอนถูกเปิดและปิดลงในเวลาไล่เลี่ยกัน ร่างของหล่อนถูกจับโยนลงไปบนเตียง เดมอนสลัดเสื้อผ้าออกจากตัว จากนั้นก็กระโจนขึ้นมาหา ฉีกทึ้งเสื้อผ้าของหล่อนออกอย่างใจร้อน ก่อนจะจัดการกัดกินร่างสาวอย่างตะกละตะกลามไม่ต่างจากเซ็กซ์ทุกครั้งที่ผ่านมา
“อ๊ะ…เจ็บ…นายน้อย…อ๊า…อ๊า…”
ในความเจ็บระบมเพราะรอยกัดจากฟันคมของเดมอน มันแทรกลึกไปด้วยความเสียวซ่านรุนแรง ในหัวบอกให้ผลักไส แต่ความเป็นจริงหล่อนกลับกอดรัดเขาเอาไว้แน่นด้วยสองแขนและสองขา เริงร่ารับการจ้วงแทงจากความอหังการของเขาด้วยความเต็มอกเต็มใจ
“อืมมม โอ้ว…แบบนั้น ร่อนแบบนั้น แพตตี้…”
มันเป็นแบบนี้เสมอ การโต้เถียงขัดแย้งที่จบลงด้วยเซ็กซ์ร้อนฉ่าราวกับเพลิงจากขุมนรก มันร้อนแรงและเต็มไปด้วยความหวานฉ่ำ จนไม่อาจจะต่อต้านได้เลยจริงๆ
“หลังจากที่เธอทำฉันตื่นขึ้นมากลางดึก คิดจะกลับไปนอนเฉยๆ โดยที่ไม่ถูกทำโทษอย่างงั้นเหรอ”
หล่อนหันมามองเขา หน้าตาซีดเผือด “นายน้อย…หมายความว่ายังไงเหรอคะ”
เขายิ้มหยันอีกครั้ง ขณะเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าของหล่อน มือใหญ่ผลักให้ร่างเล็กนั่งลงบนเตียง และเขาก็แทรกตัวเข้ามาในระหว่างสองขาอวบ
“ทำให้ฉันสนุก…ด้วยปากของเธอ”
“คะ?”
ใบหน้าหล่อจัดยังคงเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มเหยียดหยัน ในขณะที่มือใหญ่เลื่อนไปจับที่ขอบกางเกงนอน ก่อนที่เขาจะรูดมันลงไปจากสะโพก เผยโฉมความเป็นชายที่กำลังชูชันขยายใหญ่ห่างจากใบหน้าของหล่อนเพียงแค่ไม่ถึงคืบเท่านั้น
พะแพงอุทานตกใจเบิกตากว้าง หล่อนพยายามผงะศีรษะหนี แต่มือใหญ่ยื่นมาขยุ้มเส้นผมนุ่มเอาไว้แน่น พลางรั้งให้ใบหน้าของหล่อนเข้าใกล้กับท่อนชายมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
ส่วนหัวของมันถูไถกับใบหน้าของหล่อนด้วยความจงใจของเจ้าของ แม้จะพยายามดิ้นรนแค่ไหน แต่ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด ผู้หญิงอย่างหล่อนก็ต้องยอมศิโรราบให้กับยักษ์ร้ายในที่สุด
“อ้าปาก แล้วกลืนฉันเข้าไป”
“ไม่…แพงไม่…”
“หึ มันคือการลงโทษ ที่เธอบังอาจจะหนีฉัน” เขาก้มลงคำรามรดใบหน้างาม “ฉันบอกให้อ้าปากไง อ้าปากสิ แล้วใช้ปากกับลิ้นของเธอทำให้ฉันมีความสุข”
หล่อนน้ำตาไหล พยายามส่ายหน้าปฏิเสธ พยายามวิงวอนขอความเมตตา แต่เดมอนไม่มีให้เลย
“ถ้าไม่อม ก็ออกไปจากที่นี่ซะ”
หัวใจของหล่อนราวกับถูกกรีดด้วยคมกรีด หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างตัดพ้อ และก็ไม่มีทางเลือก จำต้องอ้าปากจนกว้างสุดถึงจะสามารถกลืนกินความชูชันตรงหน้าเข้าไปได้
“อืมมม แบบนั้น…โอ้ว…” เดมอนครวญคราง ตัวเกร็งเพราะความเสียวกระสัน “ใช้ลิ้นสิ ตวัดเลีย แบบที่ฉันทำกับเธอ อืมมม…แบบนั้น โอ้ว…”
ความอบอุ่นของอุ้งปากของพะแพงทำให้เดมอนรู้สึกราวกับตัวเองกำลังเดินอยู่ในทะเลทรายไม่มีผิด มันร้อนระอุขึ้นเรื่อยๆ ตามการขยับปากแสนเงอะงะของเจ้าหล่อน ลิ้นอ่อนนุ่มที่ตวัดไล้เลียไปมาอย่างไร้จุดหมาย แต่มันกลับสร้างความเสียวขนาดใหญ่ขึ้นในกายหนุ่มได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขาตัวเกร็งไปหมด และในที่สุดก็อดทนไม่ไหว เขากระชากท่อนชายออกมาจากอุ้งปากหวาน ก่อนจะผลักร่างอรชรให้ล้มนอนหงายลงบนเตียงนอน สองขาเรียวถูกเขาจับแยกออกกว้าง จากนั้นเขาก็บุกทะลวงเข้าสู่ความเป็นหญิงที่เปียกชุ่มรอคอยอย่างดุดัน
“อ๊ะ…อา…อ๊า…นายน้อย…อา…”
“อืมมม โอ้ว…โอ้ว…”
คนที่ทิ่มแทงเข้าใส่หน้าตาแดงก่ำ ปากกว้างหยักสวยบิดเบี้ยวด้วยความเสียวทรมาน เขาโยกคลึง กระแทกบดอัดเข้าใส่อย่างดุดัน เคลื่อนไหวด้วยความดิบเถื่อน บั้นท้ายทรงพลังเคลื่อนไหวระรัวเร็วอย่างสุดควบคุม ครั้งแล้วครั้งเล่าที่เขากระแทกกระทั้นเข้าไปภายในร่องแคบ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่กลีบสาวบีบรัดรุนแรง เขากำลังจะทนไม่ไหว กำลังจะแตกระเบิดในไม่ช้า
“โอ้ว…ฟิตเหลือเกิน โอ้ว…”
เขาสูดปากตลอดเวลาราวกับกำลังกินพริกเป็นกำมือ หน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความทรมานเป็นที่สุด แรงกระชั้นดุดันมากขึ้นจนเกินกว่าคำว่าบ้าคลั่ง และไม่ช้าสายพันธุ์สวาทก็แตกกระฉูดออกมาอย่างรุนแรง มันฉีดพ่นเข้าใส่ซอกสวาทอย่างล้ำลึก
“อืมมมม…วิเศษที่สุด…”
แล้วเขาก็ชักถอนความเป็นชายออกไป จับร่างอวบอัดอ่อนแรงให้ขึ้นไปนอนกลางเตียง ก่อนที่ตัวเองจะตามติดขึ้นไปนอนประคองกอดเอาไว้แนบอก
“ปล่อยค่ะนายน้อย…”
“อย่าดิ้น ฉันจะเอาเธอต่อ”
คนที่พยายามผลักไสหยุดนิ่งราวกับถูกสาปในทันที เสียงหัวเราะพึงพอใจของเดมอนดังขึ้น ก่อนที่เขาจะโน้มหน้าลงมาจูบที่หน้าผากชุ่มเหงื่อแผ่วเบา
“นอนได้แล้ว เช้าเราค่อยเอากันต่อ”
พะแพงทำได้แค่กัดปากและต่อว่าความตะกละตะกลามในเซ็กซ์ของเดมอนแค่เพียงในใจเท่านั้น และก็จำต้องยอมให้เขากอดกระชับร่างสาวแนบแน่นต่อไปตลอดทั้งค่ำคืน
เช้าวันต่อมา ก่อนที่จะขึ้นเครื่องบินส่วนตัวของเดมอนเพื่อบินกลับไปลาสเวกัส หล่อนก็ขอร้องให้เขาพาหล่อนกับวินเซนต์มาที่โรงเรียนอนุบาลเพื่อทำเรื่องแจ้งขอลาออกเสียก่อน ครูประจำชั้นตกใจกับการลาออกปุ๊บปั๊บของวินเซนต์มาก แต่พอวินเซนต์ที่ยิ้มหน้าบานแล้วบอกว่าจะบินไปหาบิดา คุณครูก็เข้าใจและอวยพรให้วินเซนต์ได้เจอพ่ออย่างที่ตั้งใจเอาไว้
หลังจากจบเรื่องที่โรงเรียน เดมอนก็เข้าไปเคลียร์งานที่ไลน์ เอสเตท จากนั้นเขาก็พาหล่อนกับวินเซนต์ขึ้นเครื่องบินส่วนตัวมุ่งหน้ากลับไปยังลาสเวกัส
หล่อนใจหาย นั่งน้ำตาตกเงียบๆ ไม่พูดไม่จา ตรงกันข้ามกับวินเซนต์ที่ตื่นเต้นดีใจที่กำลังจะได้พบบิดาของตัวเอง โดยหารู้ไม่ว่าแท้จริงแล้วคุณลุงลูกโป่งของตัวเองนั่นแหละคือพ่อแท้ๆ
“แม่คับ ผมดีใจจังเลย”
หลังจากวินเซนต์นั่งเล่นกับเดมอนอยู่นานหลายชั่วโมง ก็เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ามีหล่อนเดินทางมาด้วย จึงวิ่งเข้ามาหาและสวมกอด หล่อนระบายยิ้มให้กับลูกชาย
“แม่ดีใจที่หมูวินมีความสุขนะครับ”
“แล้วแม่ดีใจไหมคับ”
“เอ่อ…ดีใจสิครับ” พะแพงฝืนยิ้ม แม้น้ำตาจะคลอเบ้าก็ตาม
วินเซนต์เป็นเด็กเฉลียวฉลาดเกินวัย ทำให้อดที่จะถามมารดาต่อไม่ได้
“แต่ผมเห็นแม่ไม่ยิ้มเลยนี่คับ แถมคุณลุงลูกโป่งยังบอกด้วยว่า แม่ไม่อยากมากับผม แม่ไม่อยากให้ผมเจอพ่อ”
หล่อนยกมือขึ้นป้ายน้ำตา ฝืนยิ้มให้กว้างมากยิ่งขึ้น “ทำไมแม่จะไม่ดีใจล่ะครับ อะไรที่ทำให้หมูวินมีความสุข แม่ก็ดีใจทั้งนั้นแหละครับ”
“เย้…งั้นผมขอตัวไปบอกคุณลุงลูกโป่งก่อนนะคับ”
แล้วลูกชายของหล่อนก็วิ่งหน้าตั้งกลับไปหาเดมอน หล่อนมองตามไปน้ำตาซึม
นี่ขนาดวินเซนต์ยังไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วเดมอนคือพ่อยังติดแจขนาดนี้ ถ้าวินเซนต์รู้ความจริงขึ้นมาเมื่อไหร่ หล่อนก็คงจะหมดความหมายไปในทันที
หัวใจของคนเป็นแม่ปวดร้าวจนต้องก้มหน้าและร้องไห้เงียบๆ โดยไม่รู้ว่ามีสายตาของเดมอนแอบจ้องมองมาตลอดเวลา
เบนจามินทร์รับหน้าที่ดูแลวินเซนต์หลังจากที่เขาพาลูกชายขึ้นมาจากสระว่ายน้ำ เขาแยกตัวกลับมาที่ห้องพัก ก่อนจะพบว่าพะแพงนอนหลับฟุบอยู่กับโซฟาภายในห้องรับแขก
อารมณ์กรุ่นโกรธที่เกิดจากการที่เจ้าหล่อนไปทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่นค่อยๆ จางลงไป เมื่อเดินเข้ามาก้มมองดวงหน้างามและเห็นคราบน้ำตาเปื้อนที่แก้มนวลทั้งสองข้าง หัวใจของเขาอ่อนยวบลงทันที ริมฝีปากกว้างเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ความลี้ลับลึกๆ ภายในหัวใจบงการให้เขาย่อตัวลงนั่งข้างๆ และใช้ริมฝีปากอบอุ่นจูบซับน้ำตาบนแก้มใสของพะแพงด้วยความอ่อนโยน
ใช่…มันอ่อนโยนที่สุดเท่าที่เขาเคยกระทำมาก่อน
“คิดว่าน้ำตาของเธอจะทำให้ฉันโมโหน้อยลงงั้นเหรอ แพตตี้” ชายหนุ่มกระซิบแผ่วเบาชิดปากอิ่มหลังจากจูบซับน้ำตาบนแก้มนวลจนแห้งเหือด
“ฉันให้อภัยเธอง่ายๆ ไม่ได้หรอก”
เขาพึมพำ ก่อนจะก้มลงจูบปากอิ่มที่ลิ้มลองมาหลายครั้งหลายคราวแล้วว่ามันหวานล้ำแค่ไหนแผ่วเบา ค่อยๆ บดคลึงด้วยความทะนุถนอม ก่อนจะเพิ่มความหนักหน่วงขึ้นทีละนิดเมื่อแรงอารมณ์ทวีความร้อนแรงขึ้น
“อืมมมม”
เขาครางในลำคอ มือที่วางบนต้นแขนกลมกลึงกดหนักขึ้น ปากหยักสวยขยับเคลื่อนไหวด้วยจังหวะที่เร่าร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งได้ยินเสียงอื้ออ้าในลำคอของคนที่กำลังหลับใหลนั่นแหละ เขาจึงได้สติและตัดใจผละออกห่าง
บ้าจริง นี่เขาถึงขนาดอดรนทนไม่ไหวจะลักหลับพะแพงเลยอย่างนั้นหรือ
เดมอนกระแทกลมหายใจออกมาอย่างสมเพชตัวเอง ตัณหาราคะที่มีต่อผู้หญิงคนนี้มันมากมายจนยากจะรับมือ เขาจะทำยังไงดี ที่จะไม่ให้ตัวเองถลำลึกมากไปกว่านี้
ชายหนุ่มเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ก่อนจะตัดสินใจช้อนร่างอรชรของพะแพงขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน และอุ้มเจ้าหล่อนไปวางบนเตียงนอนอย่างอ่อนโยน
“ไว้ตื่นขึ้นมา ฉันค่อยคิดต้นคิดดอกกับเธอก็แล้วกัน”
เดมอนพึมพำคาดโทษไม่จริงจังนัก ดวงตาคมกริบยังคงจับจ้องมองดวงหน้างามแสนหวานของพะแพงไม่วางตา ใจหนึ่งก็อยากจะกระโจนขึ้นไปจัดการกับหล่อนบนเตียงให้คลายหิว แต่อีกใจก็สงสารอยากให้หล่อนมีเวลาพักผ่อนบ้าง
“บ้าเอ๊ย”
ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเดินกระแทกเท้าหายเข้าไปในห้องน้ำอย่างไม่มีทางเลือก
นาฬิกาบอกเวลาเท่าไหร่หล่อนไม่อาจรู้ได้ เพราะตอนนี้รอบตัวมืดมิดมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น ไอความเย็นจากเครื่องปรับอากาศไม่สามารถทำให้คนขี้หนาวอย่างหล่อนเย็นยะเยือกได้ในค่ำคืนนี้ เพราะรอบกายของหล่อนมีผ้าห่มกับ…อ้อมแขนอบอุ่นของใครบางคน อ้อมกอดแสนคุ้นเคยที่หล่อนอยากอยู่ในนี้ไปชั่วชีวิต
ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้นในความมืดสลัว รอยยิ้มเกลื่อนใบหน้าเมื่อความอบอุ่นจากอ้อมแขนทรงพลังของเดมอนทำให้หล่อนรู้สึกปลอดภัยเหลือเกิน แต่…
ความจริงกระแทกเข้าใส่หน้า เมื่อสมองร้องบอกว่าเขาคือจอมมารร้าย เขากำลังจะพรากลูกไปจากหล่อน
รอยยิ้มที่เกลื่อนใบหน้าจางหายไปในพริบตา สมองพยายามคิดหาหนทางที่จะหนีให้พ้นจากสถานการณ์ตอนนี้
ใช่…หล่อนต้องหนี หล่อนต้องพาวินเซนต์หนีออกไปจากที่นี่
เมื่อความคิดนี้ระเบิดขึ้นในหัว ก็ทำให้พะแพงต้องค่อยๆ ขยับตัวออกจากอ้อมแขนกำยำของเดมอนที่นอนประคองกอดหล่อนเอาไว้อย่างระมัดระวังและแผ่วเบาที่สุด และในที่สุดก็สามารถลงมายืนอยู่ข้างเตียงได้ โดยที่คนตัวโตยังไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา
พะแพงลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก ก้มลงมองสภาพของตัวเอง แม้จะอยู่ในความมืดแต่หล่อนก็รู้ดีว่าตอนนี้ตัวเองกำลังอยู่ในชุดนอน แต่ถึงกระนั้นก็ไม่อาจจะถอยหลังกลับได้อีกแล้ว เท้าบอบบางก้าวเดินไปข้างหน้าอย่างระแวดระวัง ภาวนาให้เดมอนไม่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมา ประตูห้องค่อยๆ เปิดกว้างออก หล่อนกำลังจะก้าวเท้าข้ามธรณีประตูออกไปได้อยู่แล้วเชียว ถ้าไฟในห้องไม่สว่างพึ่บขึ้นมาเสียก่อน
ภายในตัวราวกับมีก้อนน้ำแข็งอัดแน่นจนสั่นเทา ดวงหน้างามซีดเผือดเมื่อหมุนตัวกลับไปมองด้านหลัง และเห็นว่าเดมอนยืนกอดอกมองอยู่
ใบหน้าของเขายังคงงัวเงียเพราะคงเพิ่งรู้สึกตัวตื่น เส้นผมสีเข้มยุ่งเหยิงเล็กน้อย แต่กระนั้นเดมอนก็ยังหล่อฉกาจฉกรรจ์อยู่ดี หล่อนมองเขาอย่างลุ่มหลง ก่อนจะสลัดศีรษะแรงๆ เพื่อเรียกสติ
“จะไปไหน”
“แพง…”
“เพราะฉันรู้ว่าเธอต้องทำแบบนี้ ฉันถึงไม่ให้วินเซนต์นอนที่นี่”
คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความรู้สึก สายตาสีฟ้าเข้มที่ตวัดมองมาเต็มไปด้วยความเดือดดาล
ร่างทรงพลังในชุดนอนสีน้ำเงินเข้มเดินตรงเข้ามาหา
“ถ้าอยากจะไปจากฉันก็ไปคนเดียว ส่วนลูก จะต้องอยู่กับฉัน”
เขาผลักหล่อนแรงๆ จนหล่อนแทบล้มหงายหลัง
พะแพงเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง น้ำตาคลอสองหน่วยตา “นายน้อยก็รู้ว่าแพง…จะไม่มีวันห่างจากหมูวิน”
เขาเหยียดยิ้มหยันอย่างไม่แยแส “นั่นไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องใส่ใจ สิ่งเดียวที่ฉันต้องการก็คือลูก ส่วนเธอ…ฉันใจดีขนาดให้ติดตามมาด้วยก็บุญแค่ไหนแล้วแพตตี้”
คำพูดที่คมยิ่งกว่าใบมีดของเดมอนวิ่งเข้าตัดขั้วหัวใจของหล่อนอย่างเหี้ยมโหด
“จะไปก็รีบไป ฉันไม่รั้งเธอไว้หรอก ดีเสียอีก ฉันจะได้อยู่กับลูกตามลำพัง ไม่ต้องมารกหูรกตากับเธอ”
หล่อนเจ็บจนพูดไม่ออก ได้แต่ก้มหน้ามองพื้นด้วยหัวใจที่แตกสลาย สุดท้ายหล่อนก็พ่ายแพ้ยับเยินอีกแล้ว
“ไปสิ ไสหัวไปให้พ้น!”
“แพง…ไม่ไป แพงจะอยู่กับลูก” หล่อนร้องไห้คร่ำครวญและเดินเข้ามาหาเขา “แพงจะไม่คิดแบบนี้อีกแล้วค่ะ แพง…ยอมแพ้นายน้อยแล้ว”
แทนที่เขาจะสงสารกลับหัวเราะเยาะเหี้ยมเกรียม “ถึงเธอคิดจะพาลูกชายฉันหนีอีก เธอก็ไม่มีวันทำสำเร็จหรอก เพราะฉันไม่ใช่คนโง่ ครั้งเดียวที่ฉันโง่ยอมให้เธอซ่อนวินเซนต์เอาไว้นานถึงสี่ปีมันก็มากเกินพอแล้ว มันจะไม่มีครั้งที่สอง”
สุดท้ายแล้วหล่อนก็คือคนผิด ทั้งที่เขาเป็นคนขับไล่ไสส่งหล่อนให้จากมาเองแท้ๆ
“กลับขึ้นไปบนเตียง หรือว่าจะไปจากที่นี่ก็เลือกเอา”
หล่อนไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ “แพง…จะอยู่ที่นี่ค่ะ แพงจะอยู่กับหมูวิน”
เขายิ้มหยัน “งั้นก็กลับขึ้นไปบนเตียง”
หล่อนทำตามที่เขาสั่งทั้งน้ำตา เดินตรงไปยังเตียงนอนอย่างเจ็บช้ำน้ำใจ
เสียงปิดประตูดังขึ้นตามหลัง และเขาก็เดินตามมาติดๆ หล่อนกำลังจะก้าวขึ้นไปนั่งบนตียง แต่เดมอนหยุดการเคลื่อนไหวของหล่อนด้วยคำพูดเลือดเย็นเสียก่อน
เบนจามินทร์พาหล่อนลงมายังสระน้ำที่เดมอนและวินเซนต์พากันลงมาแหวกว่าย ภาพที่เห็นทำให้หล่อนน้ำตาไหลออกมาอีกครั้ง สองพ่อลูกกำลังหัวเราะกันอย่างสนุกสนานอยู่ในสระน้ำสีฟ้าคราม
“นายน้อยกับคุณชายน้อยเข้ากันได้เร็วนะครับ นี่ขนาดคุณชายน้อยยังไม่รู้ว่านายน้อยคือพ่อแท้ๆ ของตัวเองเลย”
หล่อนพูดไม่ออก ทำได้แค่ยืนนิ่งและยกมือขึ้นป้ายน้ำตา ก่อนจะต้องรีบปั้นยิ้ม เมื่อวินเซนต์หันมาเห็นหล่อนและโบกมือทักทาย
“แม่คับ…”
หล่อนโบกมือตอบ รอยยิ้มยังคงอยู่บนใบหน้า ดูก็รู้ว่าลูกชายกำลังมีความสุขมากแค่ไหน นี่ถ้าวินเซนต์รู้ว่าคุณลุงลูกโป่งของตัวเองแท้จริงแล้วคือบิดาบังเกิดเกล้า ก็คงจะดีใจมากกว่านี้อีกหลายเท่า
หล่อนควรยินดีใช่ไหมที่เห็นลูกมีความสุข ใช่ ต้องยิ้ม ต้องดีใจกับลูกชายให้มากๆ
พะแพงกล้ำกลืนก้อนสะอื้นลงไปในอกอย่างยากลำบาก ก่อนจะแยกตัวไปทรุดนั่งบนเก้าอี้หวายตัวยาวที่ตั้งเรียงรายเอาไว้ตามขอบสระว่ายน้ำ
หล่อนนั่งเหม่อลอย ก่อนจะต้องสะดุ้งเมื่อมีผู้ชายคนหนึ่งซึ่งหน้าตาดีไม่น้อยเดินมาหยุดตรงหน้า พร้อมกับยื่นผ้าเช็ดหน้าสะอาดสะอ้านมาให้
“ผมให้ยืมครับ”
“เอ่อ…”
หล่อนตกใจ รีบช้อนตาขึ้นมอง ก่อนจะพบว่าหนุ่มนิรนามที่อายุอานามไม่น่าจะถึงสามสิบปียืนฉีกยิ้มกว้างให้
“ผ้าเช็ดหน้าของผมยังไม่ได้ใช้เลยครับ รับรองว่าสะอาดครับผม”
“คือว่า…ขอบคุณค่ะ แต่ฉันคงรับไว้ไม่ได้ค่ะ”
หล่อนปฏิเสธและฝืนยิ้มให้ ก่อนจะยกหลังมือขึ้นป้ายหยาดน้ำตาออกจากแก้มนวลหลายครั้งติด
“ทำไมล่ะครับ”
“คือว่า…ดิฉันเกรงใจน่ะค่ะ”
หล่อนตอบและลุกขึ้นยืน จะเดินกลับไปหาเบนจามินทร์ แต่แขนเรียวถูกคว้าเอาไว้ และผ้าเช็ดหน้าในมือใหญ่ของคู่สนทนาก็แตะลงบนแก้มนวลอย่างอ่อนโยน
“ไม่ต้องเกรงใจครับ ผมยินดี”
พะแพงตกใจยืนนิ่ง เพราะไม่คิดว่าคนที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนจะกล้าทำแบบนี้กับตัวเอง ท่ามกลางสายตาไม่พอใจของคนที่อยู่ในสระน้ำที่หันมาเห็นพอดี
เดมอนกัดฟันแน่น ขบกรามกระด้างจนขึ้นสันนูนเป่ง ดวงตาคมกริบตวัดมองราวกับจะเผาให้ไหม้เป็นจุณ
“หมูวินรอลุงอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับ เดี๋ยวลุงมา”
“คับ”
วินเซนต์ที่เพิ่งได้เพื่อนเล่นวัยเดียวกันมาใหม่ตอบรับคำ และหันไปเล่นกับเพื่อนของตัวเองต่อ
เดมอนก้าวขึ้นมาจากสระน้ำ เดินไปสั่งเบนจามินทร์ให้มองลูกชายของตัวเองเอาไว้ไม่ให้คลาดสายตา ก่อนที่ตัวเองจะเดินเร็วๆ มุ่งหน้าไปหยุดข้างกายของพะแพง
“ลูกร้องหาน่ะแพตตี้”
เขาคว้าแขนเรียวและกระชากให้มาอยู่ข้างกายตัวเอง จากนั้นก็ส่งสายตาอำมหิตล้างผลาญให้กับผู้ชายที่กล้าใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาให้กับพะแพงอย่างโกรธจัด
“เอ่อ…” พะแพงเงยหน้าขึ้นไปแล้วเห็นสายตาดุดันของเดมอนก็หน้าซีดเผือด รีบหันไปบอกลาผู้ชายแปลกหน้าที่มีน้ำใจกับตัวเอง “ขอบคุณสำหรับผ้าเช็ดหน้านะคะ เดี๋ยวแพงเอาไปซักแล้วจะส่งคืนให้ค่ะ”
“ไม่จำเป็นหรอกแพตตี้” เดมอนกระชากผ้าเช็ดหน้าที่พะแพงเพิ่งรับมาจากมือของคู่สนทนาแปลกหน้ามาถือเอาไว้ ก่อนจะปล่อยทิ้งลงกับพื้นกระเบื้องอย่างไม่ไยดี จากนั้นก็ขยับเท้าขึ้นเหยียบ “เท่าไหร่ ค่าผ้าเช็ดหน้าผืนนี้เท่าไหร่ ผมจะจ่ายให้”
“เอ่อ คือ ไม่เป็นไรครับ มันไม่แพงหรอกครับ”
“บอกมาว่าเท่าไหร่” เดมอนปล่อยมือจากแขนของพะแพง และก้าวเดินเข้าไปหาผู้ชายที่บังอาจมายุ่งกับภรรยาของตนเองด้วยท่าทางเอาเรื่อง
“นายน้อยคะ…”
“เธอไปดูลูก ไปสิแพตตี้”
“เอ่อ”
“ฉันบอกให้ไปไง” น้ำเสียงและสายตาดุกระด้างน่ากลัวของเดมอนทำให้พะแพงต้องรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว และก็ภาวนาให้เดมอนไม่ทำอะไรรุนแรง
เมื่อพะแพงเดินจากไปแล้ว เดมอนก็หันหน้ามาจ้องคู่สนทนาด้วยสายตาของมัจจุราชที่เพิ่งขึ้นมาจากขุมนรก
“มึงแน่นักใช่ไหม ถึงกล้ามายุ่งกับเมียกู”
“ผม…ผมแค่เห็นเธอร้องไห้ครับ ผมไม่ได้…”
แม้ว่าคู่สนทนาจะถอยหลังหนี แต่เดมอนก็ก้าวเท้าเดินตามไปติดๆ ด้วยท่าทางคุกคาม
“จำเอาไว้ นั่นเมียกู แล้วลูกของเราก็กำลังเล่นน้ำอยู่” เดมอนคว้าคอเสื้อของผู้ชายตรงหน้าที่ตัวเล็กกว่าเกือบหนึ่งฟุตเอาไว้แน่น “อย่ามายุ่งกับเมียกูอีก เข้าใจไหม!”
“เข้า…เข้าใจครับ ผม…ผมเข้าใจแล้วครับ”
“ไสหัวไปให้พ้น ไป!”
เดมอนผลักผู้ชายตรงหน้าออกห่างแรงๆ จนร่างสมส่วนนั้นล้มหงายหลังลงไปนั่งจ้ำเบ้าอยู่กับพื้น
“ครับ ผมไปแล้วครับ”
เดมอนกัดฟันแน่น สบถตามหลังร่างของไอ้ผู้ชายที่มายุ่งกับพะแพงด้วยความเดือดดาล ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับไปหาผู้หญิงตัวต้นเรื่อง
“อย่าให้ฉันเห็นอีกนะว่าอ่อยผู้ชาย” เขาคว้าแขนของพะแพงและกระชากจนร่างอรชรปลิวมาปะทะอก “ไม่อย่างนั้น ฉันจะจับเธอโยนออกไปนอกโลกแน่” ทุกพยางค์ล้วนเค้นออกมาจากริมฝีปากกว้างหยักสวยอย่างเดือดดาล
“แพง…ไม่ได้ทำอะไรเลยค่ะ”
“ไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เธอก็ยอมให้มันเช็ดน้ำตาให้ แพศยาที่สุด”
คนถูกกล่าวหาน้ำตาร่วงด้วยความเสียใจ “แพงไม่ได้เป็นผู้หญิงแบบนั้นนะคะนายน้อย”
“เธอเป็นยิ่งกว่านั้นต่างหาก”
สายตาที่เขาใช้มองมาช่างทำให้หล่อนเจ็บปวดเหลือเกิน ดอกหญ้าที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินอยู่แล้วอย่างหล่อน แทบจะจมหายลงไปในผืนดินเสียให้ได้ ทำไมเดมอนใจร้ายแบบนี้นะ
“ไสหัวกลับขึ้นไปบนห้องได้แล้ว”
“แต่แพง…อยากดูหมูวินเล่นน้ำ” หล่อนแย้งเสียงเจือสะอื้น
“ฉันดูแลลูกชายของตัวเองได้ ดังนั้นเธอไม่จำเป็นสำหรับวินเซนต์อีก ไปซะ”
เดมอนตวัดตามองไปที่เบนจามินทร์ “พาแพตตี้ขึ้นไปห้องพัก แล้วนายค่อยกลับลงมาหาฉันที่นี่”
“ครับนายน้อย” เบนจามินทร์ตอบรับคำสั่ง ก่อนจะหันมาพูดกับหล่อน
“เชิญครับคุณแพตตี้”
พะแพงร้องไห้ออกมา มองคนใจร้ายอย่างเจ็บปวด แต่หล่อนไม่มีสิทธิ์ไม่มีเสียงอะไรเลย นอกจากก้มหน้าทำตามคำสั่งของผู้ชายใจร้ายอย่างเดมอนเท่านั้น
เดมอนมองตามร่างบอบบางของพะแพงไปด้วยสายตากรุ่นโกรธ ริมฝีปากกว้างหยักลึกเม้มแน่นเป็นเส้นตรง “กล้าให้ผู้ชายคนอื่นมาแตะเนื้อต้องตัวเหรอแพตตี้”
ชายหนุ่มเต็มไปด้วยความเดือดดาล “คืนนี้เธอไม่ได้นอนแน่ หึ!”
“ผมเพิ่งเคยเห็นนายน้อยหึงผู้หญิงก็วันนี้แหละครับ”
จู่ๆ ผู้ชายที่เดินนำหน้าก็พูดขึ้น แต่มันไม่ได้ทำให้หล่อนคล้อยตามเลยแม้แต่นิดเดียว
“คุณคงเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ นายน้อยไม่มีทางหึงฉันหรอก”
“ถ้าไม่หึงจะอาละวาดฟาดงวงฟาดงาแบบนั้นเหรอครับ” เบนจามินทร์แย้งออกมา
“ตอนแรกผมไม่เชื่อคำพูดของพี่เชลดอนนะครับที่บอกว่านายน้อยรักคุณ แต่ตอนนี้เชื่อแล้วล่ะครับ”
รัก? ตลกสิ้นดี!
น้ำตาของพะแพงไหลรินออกมา สิ่งที่ออกมาจากปากของเบนจามินทร์มันไม่มีทางเป็นไปได้สักนิด
“ฉันว่าคุณคงเข้าใจผิดไปยกใหญ่แล้วล่ะค่ะ”
น้ำเสียงของหล่อนสั่นเครือ
“ฉันขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
พะแพงตัดบท เมื่อเบนจามินทร์พาหล่อนเดินมาถึงหน้าประตูห้องพักแล้ว
“เชิญครับ”
หล่อนเดินเข้ามาภายในห้องกว้างแล้ว ประตูจึงค่อยๆ ปิดสนิทลง ร่างอรชรอ่อนแรงทรุดลงกับพื้น น้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาดสาย ความเสียใจยังคงเต้นระริกอยู่ภายในอกมหาศาล
รักเหรอ…ไม่มีทางเป็นอย่างนั้นหรอก เดมอนก็แค่…อยากเอาชนะผู้หญิงไร้ค่าอย่างหล่อนเท่านั้น และการแย่งชิงวินเซนต์ไปจากอกของหล่อนได้ มันก็คือชัยชนะอันหอมหวานของผู้ชายคนนี้
“คนใจร้าย…”
ไม่ว่าหล่อนจะร้องไห้คร่ำครวญแค่ไหน แต่ความจริงที่แสนโหดร้ายก็ยังไม่ยอมจางหายไป หญิงสาวสะอื้นไห้ด้วยความทุกข์ทรมาน ภาวนาให้ทุกอย่างจบลงเสียที เพราะหล่อนจะขาดใจอยู่แล้ว…
“อ๊ะ…อา…อา…นายน้อย…อ๊า…”
หล่อนกำลังจะตาย กำลังจะขาดใจตายเพราะการโลมเลียที่แสนช่ำชองของเดมอน
“อ๊า…นายน้อยขา…อา…”
เขายังคงตวัดลิ้นโลมเลียทุกซอกมุมของกลีบนาง นิ้วยาวเพิ่มจำนวนจากหนึ่งเป็นสองเคลื่อนไหวดุดัน
“อ๊า…”
หล่อนทรมานเหลือเกิน ร่างกายร้อนฉ่าราวกับกำลังนอนดิ้นอยู่ในกองไฟ ยิ่งลิ้นของเขาตวัดเลียลึกล้ำเท่าไหร่ หล่อนก็ยิ่งเคลื่อนเข้าใกล้ความตายมากเท่านั้น
“อ๊ายยยยย…อา…อา…”
ในที่สุดปลายทางสวรรค์ก็ระเบิดตูมขึ้น ละอองแห่งความสุขกระจัดกระจายเต็มความรู้สึก ร่างสาวอ่อนแรงสั่นไหว สองแขนที่จิกทึ้งศีรษะทระนงของเดมอนเอาไว้ ตอนนี้ทิ้งลงข้างลำตัวอย่างสิ้นเรี่ยวแรง หน้าอกอวบหอบกระชั้นถี่ระรัว
“อืมมม หวานมาก…”
เดมอนตวัดลิ้นปาดเลียหยาดเสน่หาแสนหวานของพะแพงจนแห้งเหือด แล้วก็รีบลนลานผุดลุกขึ้ ถอดเข็มขัด รูดซิปกางเกงลงจนสุดทาง จากนั้นความเป็นชายที่พร้อมใช้งานก็ถูกมือใหญ่ควักออกมา
ใบหน้าหล่อจัดแดงก่ำ เขาจับสองขาเรียวของแม่สาวที่พร้อมพรักต่อการร่วมรักให้ยกเหยียดพิงกับลำตัวกำยำ จากนั้นก็ย่อตัวเล็กน้อย แล้วพุ่งความเป็นชายเข้าไปสุดแรง
“อ๊ะ…อา…นายน้อย…อา…”
เจ้าหล่อนครางด้วยความเสียวกระสัน ในขณะที่เขากัดฟันแน่นเพื่อข่มเสียงครางที่เต็มไปด้วยความหิวกระหายเอาไว้สุดพลัง บั้นท้ายแน่นหนั่นขยับโยกคลึง ตั้งใจจะเดินหน้าไปช้าๆ เชื่องช้าแต่หนักหน่วง แต่เขาก็ทำได้แค่เพียงไม่กี่นาทีเท่านั้น เมื่อกลีบสาวที่โอบกระชับอยู่ในทุกทิศทางบีบรัดรุนแรงขึ้น
“โอ้ว…โอ้ว…”
แรงกระชั้นจึงเปลี่ยนแปลงไปเป็นดุดัน เสียงกระแทกกระทั้นของสองร่างดังสนั่นหวั่นไหว เดมอนเงยหน้าครวญครางเสียงกระเส่า สูดปากครางระรัวราวกับกำลังกินของเผ็ดร้อน
มันเป็นแบบนี้อีกแล้ว ไม่ว่าจะครั้งไหน ถ้าได้โจนจ้วงอยู่ในร่างกายของพะแพง สติของเขาก็จะไม่มีทางเหลือติดสมอง ร่างกายของเขานำทาง มันเคลื่อนไหวราวกับคนบ้า เขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าบั้นเอวของตัวเองจะโยกคลึงได้เร็วระรัวแบบนี้
“โอ้ว…แพตตี้…อืมมมม เธอฟิต…ฟิตมาก โอ้ว…”
และเพียงไม่นานหยาดสวาทของเขาก็พุ่งกระฉูดออกมา มันพุ่งตรงเข้าใส่ร่างเล็กอวบอัดอย่างล้ำลึก เขาซวนซบลงไปหา กอดรัดร่างอวบอิ่มเอาไว้ในอ้อมแขน
“แพง…เจอลูกได้แล้ว…ใช่ไหมคะ”
คนที่เด้งรับการเคลื่อนไหวของเขาอยู่เมื่อครู่นี้อย่างเผ็ดร้อน ร้องถามออกมาด้วยสุ้มเสียงสั่นสะท้าน
เขาหยัดตัวขึ้น มองเจ้าหล่อนที่ยังกลืนกินความเป็นชายของตัวเองเอาไว้ทั้งตัวตนด้วยสายตาไม่พอใจ
“เธอก็รู้นี่ว่าฉันไม่ใช่ผู้ชายที่มีเซ็กซ์ครั้งเดียวแล้วจะพอ”
“แต่…แพง…”
“หยุดพูด แล้วมาสนุกกันต่อดีกว่า”
เขาถอนกายออกไปจากตัว และทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟา ในขณะที่หล่อนพยายามขยับหนี แต่เขาคว้าแขนเอาไว้
“อย่าทำเหมือนไม่ชอบหน่อยเลย”
“แพง…ไม่ต้องการ…” หล่อนพยายามบิดแขนแต่ไม่หลุด และเขาก็พูดให้ได้อายอย่างไม่ปรานี
“ไม่ต้องการ แต่ร่อนให้ฉันเลียแบบเมื่อกี้นี้น่ะหรือ”
หน้าสาวร้อนฉ่า และยกมือขึ้นทุบหน้าอกกว้างของเขาอย่างโมโหเป็นที่สุด
“ผู้ชายร้ายกาจ นี่แน่ะ”
“ก็เหมาะกับผู้หญิงใจร้ายแบบเธอแล้วไม่ใช่เหรอ แพตตี้”
หล่อนมองเขาน้ำตาไหล “แพงไม่ได้ใจร้าย นายน้อยนั่นแหละที่ใจร้าย อ๊ะ…อื้อ…ปล่อยแพงลงไปนะ” มือใหญ่จับยกร่างอรชรขึ้นมาคร่อมทับตักแกร่ง และบังคับให้กลีบสาวกลืนกินความเป็นชายชูชันเข้าไปจนหมดความยาว
“อื้อ…ปล่อยค่ะ”
เขาแสยะยิ้มร้าย สายตาที่มองมานั้นมีทั้งหื่นกระหายและโมโห “ควบฉัน…ขย่มให้ฉันเสร็จ…โอ้ว…”
“ไม่…อื้อ…”
ปากหล่อนตอบว่าไม่ แต่ร่างกายกลับเคลื่อนไหวส่ายระริกอยู่บนหน้าตักของเขาอย่างแพศยา บั้นท้ายอวบงอนยกหยัดขึ้นเป็นจังหวะ กลืนกินความใหญ่ยาวของเดมอนเข้าไปภายในร่างกายซ้ำๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
“อ๊า…อา…อ๊า…”
ใบหน้างดงามแหงนเงยไปด้านหลัง กลีบปากอิ่มบวมเจ่อเผยอครวญครางด้วยความกระสันซ่าน
เดมอนเอนตัวกึ่งนอนกึ่งนั่งบนโซฟา เฝ้ามองแม่สาวคนสวยที่ปากบอกว่าไม่ แต่สะโพกร่อนเอา ร่อนเอา ด้วยสายตาพึงพอใจ เพลิงใดที่ว่าร้อน ยังไม่เทียบเท่ากับเพลิงสวาทของพะแพงเลย
“โอ้ว…อืมมมม…โอ้ว…”
สองร่างเริงสวาทดุดัน เสียงครวญครางดังกระหึ่มก้องห้องกว้าง หยาดเหงื่อรินไหลอาบสองกาย และยาวนานเหลือเกินกว่าการเคลื่อนไหวสอดประสานจะยุติลง
เดมอนยอมให้หล่อนเจอกับวินเซนต์จริงๆ หลังจากที่ร่วมรักกับหล่อนแทบทุกบริเวณของห้องหรูจนพอใจ ร่างกายอ่อนล้าจากการเคลื่อนไหวท่ามกลางกระแสสวาทที่เชี่ยวกรากนานติดต่อกันเกือบสองชั่วโมงโผเข้ากอดร่างของลูกชายทั้งน้ำตา
“หมูวิน…”
หล่อนกอดรัดร่างของวินเซนต์เอาไว้แน่นและร้องไห้คร่ำครวญ ปากก็พร่ำถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“หมูวินเป็นยังไงบ้างลูก เจ็บตรงไหนหรือเปล่า บอกแม่มานะ บอกแม่มา แม่จะเป่าให้ลูก…”
วินเซนต์ฉีกยิ้มกว้าง ส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหันไปมองเดมอนที่ยืนกอดอกอยู่ใกล้ๆ
“ผมไม่เจ็บคับแม่ เพื่อนของคุณลุงลูกโป่งพาผมไปกินไอศกรีมมาคับ”
น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจของลูกชาย ยิ่งทำให้พะแพงปวดร้าวในอก
“เรา…จะกลับบ้านไปด้วยกันนะหมูวิน”
“แต่คุณลุงลูกโป่งบอกว่าจะให้ผมอยู่ด้วยคับ”
พะแพงตวัดตามองเดมอน ก่อนจะหันมาพูดกับลูกชาย “เราจะกลับไปอยู่ด้วยกันสองคน อย่าไปรบกวนคุณลุงลูกโป่งเลยครับ หมูวินต้องเชื่อแม่นะครับ”
“แต่ผม…” เด็กน้อยช้อนตามองเดมอน “ผมอยากอยู่กับคุณลุงลูกโป่งคับแม่”
“หมูวิน…” พะแพงครางชื่อลูกชายอย่างเสียใจ “อย่าไปรบกวนคุณลุงเลยครับ เขาไม่ได้เป็นอะไรกับหมูวิน เรากลับบ้านกันนะครับคนเก่ง”
“แต่ว่า…” วินเซนต์ยังไม่ทันได้บอกอะไรออกมา แขนของเด็กน้อยก็ถูกเดมอนกุมเอาไว้ และเขาก็ย่อตัวดึงลูกชายของหล่อนเข้าไปกอดแนบอก พลางพูดชี้นำอย่างเผด็จการ
“หมูวินบอกแม่ไปสิครับ ว่าอยากจะอยู่กับลุง”
“นี่คุณไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้นะคะ”
“แน่ใจหรือว่าฉันไม่มีสิทธิ์” เดมอนจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเดือดดาล “เธอก็รู้อยู่เต็มอกนี่ว่าฉันมีสิทธิ์ในตัวของวินเซนต์แค่ไหน”
พะแพงร้องไห้สะอึกสะอื้น “นายน้อย…ปล่อยแพงกับลูกไปเถอะค่ะ อย่าทำร้ายพวกเราเลย”
“เธออยากไปก็ไสหัวไปคนเดียว แต่วินเซนต์จะต้องอยู่ที่นี่กับฉัน” เขาคำรามใส่หล่อนเสียงดุดัน ก่อนจะหันมาระบายยิ้มใจดีให้กับวินเซนต์ “ลุงจะพาหมูวินไปลาสเวกัส ที่นั่นคือที่อยู่ของพ่อหมูวินไงครับ”
“พ่ออยู่ลาสเวกัสเหรอคับแม่”
วินเซนต์หันมาถามหล่อนอย่างอยากรู้ เพราะทุกครั้งที่ถูกถามหล่อนก็แค่บอกว่าพ่ออยู่ต่างประเทศซึ่งไกลมาก ไม่เคยบอกเจาะจงเลยสักครั้งว่าที่ไหน
“อย่าโกหกวินเซนต์อีก แพตตี้” เดมอนสั่งหล่อนเสียงดุดัน ซึ่งหล่อนก็ทำได้แค่ร้องไห้ออกมา และพยักหน้ารับเท่านั้น
“ครับ หมูวิน”
“เย้…งั้นคุณลุงก็จะพาผมไปหาพ่อใช่ไหมคับ”
“แน่นอน เราจะไปลาสเวกัสด้วยกัน พรุ่งนี้”
วินเซนต์เต็มไปด้วยความตื่นเต้นดีใจ ตรงกันข้ามกับพะแพงที่ตกใจจนหน้าถอดสี
“ไม่…ไม่ได้นะคะ นายน้อยจะพาลูกของแพงไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น แพงไม่ยอม”
“เธอไม่มีสิทธิ์ออกความคิดเห็นอะไรทั้งนั้นแพตตี้” เขาเค้นเสียงเลือดเย็นใส่หน้าหล่อน ก่อนจะลุกขึ้นยืน พร้อมกับอุ้มร่างของวินเซนต์ขึ้นไว้ในอ้อมแขน
“เราออกไปหาอะไรสนุกๆ ทำกันดีกว่าครับหมูวิน”
“แล้วแม่ของผมล่ะคับ” วินเซนต์หันมามองแม่อย่างเป็นห่วง แต่เดมอนระบายยิ้มน้อยๆ
“แม่ของหมูวินจะรออยู่ที่นี่ครับ”
“แต่แม่ร้องไห้…”
“แม่ของหมูวินแค่กำลังดีใจ ที่พรุ่งนี้จะได้พาหมูวินกลับไปหาคุณพ่อที่ลาสเวกัสครับ”
เด็กน้อยได้ยินก็ฉีกยิ้มกว้าง “แม่คับ งั้นเดี๋ยวผมมานะคับ”
หล่อนทำอะไรไม่ได้นอกจากพยักหน้ารับน้อยๆ และมองลูกชายที่อยู่ในอ้อมแขนของบิดาแท้ๆ ของตัวเองไปทั้งน้ำตา
“คุณลุงจะพาผมไปเล่นอะไรเหรอคับ”
“ว่ายน้ำไหม เดี๋ยวลุงพาไป”
“เย้…ผมชอบว่ายน้ำคับ”
เสียงสนทนาของสองพ่อลูกยังคงดังมาเข้าหู ก่อนที่พวกเขาจะเดินหายเข้าไปในลิฟต์
หล่อนสะอื้นไห้ด้วยความทุกข์ทรมาน ยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งครั้งแล้วครั้งเล่า แต่มันก็ไม่ยอมเหือดแห้งเสียที
“ผมไม่คิดเลยนะครับว่าผู้หญิงที่นายน้อยตามหาจะเป็นคุณ”
คำพูดของผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ยังคงยืนอยู่ ทำให้หล่อนต้องช้อนตาขึ้นมอง ก่อนจะสะอื้นต่อไป
“ฉัน…”
“นายน้อยตามหาคุณมาตลอด ในที่สุดก็พบเสียที โลกมันกลมจังนะครับ”
โลกไม่ได้กลมอย่างเดียว แต่โลกนี้ช่างโหดร้ายกับผู้หญิงไร้ค่าอย่างหล่อนเหลือเกิน
เพียงแค่ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง รถสปอร์ตราคาแพงระยับก็แล่นมาจอดที่หน้าโรงแรมนั้น โรงแรมที่หล่อนเคยพาวินเซนต์มากินไอศกรีม และมันก็คือที่เดียวกันกับที่วินเซนต์ได้เจอกับคุณลุงลูกโป่ง ซึ่งตอนนี้หล่อนก็ได้รู้แล้วว่าคุณลุงลูกโป่งคนนั้นก็คือเดมอนนั่นเอง
ทำไมนรกถึงยังไม่คิดจะปล่อยมือจากหล่อนบ้างนะ จะปล่อยให้หล่อนมีความสุขบ้างไม่ได้เลยหรือไง
“ลงมาได้แล้ว”
เสียงกระด้างดุดันของเดมอนดังขึ้นทันทีเมื่อรถจอดสนิท เขาก้าวลงไปจากรถ และยืนรอหล่อน
มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะเปิดประตูรถและก้าวตามเขาลงไป ดวงตากลมโตแดงช้ำ มองเขาอย่างตัดพ้อ
“นายน้อย…ปล่อยพวกเราไปไม่ได้เหรอคะ”
“ฉันปล่อยเธอได้ มันง่ายนิดเดียว แต่กับวินเซนต์ เขาเป็นลูกของฉัน และฉันจะไม่มีวันยอมให้ผู้หญิงแพศยาอย่างเธอพรากเขาไปจากฉันได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว”
“นายน้อย…”
“เลิกพล่ามได้แล้ว น่ารำคาญ”
เขาคว้าแขนของหล่อนและฉุดกระชากให้เดินตามเข้าไปภายในโรงแรมหรู มุ่งหน้าตรงไปยังลิฟต์ตัวใหญ่ พนักงานกดลิฟต์ครั้งเดียวประตูก็เปิดออก และเขาก็ผลักหล่อนเข้าไปข้างในอย่างไม่ปรานี
หล่อนขยับตัวไปจนชิดผนังของลิฟต์ด้านในสุดเมื่อเขาก้าวเข้ามาและประตูลิฟต์ปิดสนิทลง ท่ามกลางความเงียบสงัด สายตาคมกริบแทบจะเผาหล่อนให้ไหม้เป็นจุณ
“กลัวอะไร”
“ปละ…เปล่าค่ะ”
หล่อนพยายามบังคับเสียงของตัวเองให้เป็นปกติ แต่มันก็ยังคงสั่นเครืออย่างน่าเวทนาอยู่ดี
“อุ๊ย…ปละ ปล่อยค่ะ”
เขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า และกระชากหล่อนเพียงครั้งเดียว ร่างอรชรอ่อนแรงก็เซเข้าไปปะทะแผ่นอกกว้างอย่างง่ายดาย อ้อมแขนทรงพลังตวัดรัดรึงแน่นหนา
“ปล่อย…อุ๊บบบบ…อื้อ…”
หล่อนพูดได้เพียงแค่นั้น ปากอิ่มก็ถูกปิดสนิทอย่างแน่นหนา ริมฝีปากกระด้างขยับเคลื่อนไหว บดขยี้ปากสาวอย่างดุดัน ไร้ความปรานี ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยการลงทัณฑ์ หล่อนเจ็บระบมไปทั้งปาก แต่ในความเจ็บร้าวนั้นก็มีความรู้สึกเสียวกระสันแทรกซึมเข้ามาในเนื้อหัวใจไม่น้อย ยิ่งยามที่ลิ้นสากตวัดคุกคามอยู่ภายในโพรงปากสาวด้วยแล้ว สติของหล่อนก็ยิ่งถูกเหวี่ยงออกไปจากตัว
“อื้อ…อ๊า…”
หล่อนเริ่มขยับปากจูบตอบเขา กอดรัดร่างทรงพลังเอาไว้ในอ้อมแขน ขยับกายสาวเข้าไปบดเบียดถูไถตามแรงอารมณ์สวาทที่ถูกปลุกเร้าขึ้น แต่แล้วเขาก็ผละออกห่างและมองหล่อนอย่างรังเกียจ
“เธอยังเป็นผู้หญิงประเภทที่ร้อนฉ่าได้ง่ายดายเหมือนเดิมนะ แพตตี้”
คำพูดดูแคลนของเขาจบลงพร้อมๆ กับประตูลิฟต์ที่เปิดกว้างออก ดวงหน้าของหล่อนแดงก่ำด้วยความอับอาย ยังไม่ทันได้ปริปากพูดอะไรออกมา ร่างก็ถูกกระชากให้ก้าวเดินออกไปจากลิฟต์ตัวใหญ่เสียก่อน
เขาปล่อยมือหล่อนทันทีที่ก้าวพ้นออกมาจากลิฟต์ และเดินนำหน้าไปตามทางเดินที่ตกแต่งอย่างสวยงาม หล่อนกวาดตามองไปรอบๆ ตัวก็เห็นสระว่ายน้ำส่วนตัวอยู่ห่างออกไปเล็กน้อย และถัดไปก็เป็นห้องออกกำลังกาย ไม่น่าเชื่อว่าบนชั้นสูงสุดของโรงแรมนี้จะมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันอยู่ด้วย
เดมอนเดินตัวตรงสง่างามนำหน้าตรงไปยังประตูบานหนึ่ง หล่อนเห็นเขาวางนิ้วลงกับเครื่องสแกนที่ติดอยู่ข้างประตู ก่อนที่ประตูนั้นจะเปิดกว้างออก และเขาก็ก้าวเข้าไปภายใน
“เข้ามาสิ หรือว่าจะเปลี่ยนใจกลับลงไปก็ได้นะ”
เขาหันมามองหล่อนด้วยสายตาไม่ไยดี เมื่อเห็นหล่อนยืนนิ่งไม่ยอมเดินตามเข้ามา
หล่อนเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง ก่อนจะตัดสินใจเดินตามเดมอนเข้าไปภายในห้องกว้างขวางนั้นอย่างไร้ทางเลือก
ยามยืนอยู่ภายในห้องนี้ก็มองว่ากว้างขวางอยู่แล้ว แต่พอก้าวเข้ามาหยุดด้านในเท่านั้นแหละ หล่อนรู้สึกไม่ต่างจากกำลังยืนอยู่กลางคฤหาสน์ของเดมอนที่ลาสเวกัสเลย
ในขณะที่หล่อนกำลังจมดิ่งลงจู่เรื่องราวในอดีตอย่างถอนตัวไม่ขึ้นอยู่นั้น เสียงกระด้างของเดมอนที่ดังขึ้น ช่วยฉุดให้หล่อนมีสติขึ้นมาได้ชั่วขณะ
“คะ…นายน้อยว่าอะไรนะคะ”
“ฉันบอกให้เธอตามเข้าไปในห้องนอน”
หล่อนเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ ก่อนจะส่ายหน้าไปมาเป็นเชิงปฏิเสธ
“ไม่…แพงไม่เข้าไปค่ะ แพงจะไปหาลูก”
เขาแค่นยิ้มหยัน สาวเท้าเดินเข้ามาหา หล่อนอยากจะถอยหลังหนี แต่กลับไม่สามารถทำได้ ไม่ช้าเขาก็มาหยุดตรงหน้า กลิ่นกายที่อัดแน่นไปด้วยความเซ็กซี่และอันตรายจากเรือนกายทรงพลังโชยฟุ้งเข้ามาในจมูกอย่างรุนแรง
“เธอจะยังไม่ได้พบวินเซนต์ตอนนี้”
“ทะ…ทำไมล่ะคะ”
ดวงตากระด้างของเขายามนี้เต็มไปด้วยความหื่นกระหายที่แสนน่ากลัว
“เพราะเธอต้องนอนกับฉันก่อน”
หล่อนเผยอปากค้างเติ่ง ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตกใจ
นี่เดมอน…พูดบ้าอะไรของเขาเนี่ย
“นายน้อย…พูดเล่น…ใช่ไหมคะ”
“คนอย่างฉันไม่เสียเวลาพูดเล่นให้เปลืองน้ำลายหรอก” เขายิ้มหยัน หรี่ตาแคบมองหล่อนเขม็ง “ตามฉันเข้ามาในห้องนอน ฉันต้องการเซ็กซ์จากเธอ”
“ไม่…ไม่นะคะ”
“ทำไมจะไม่ได้ ในเมื่อฉันต้องการ” เขาคว้าแขนของหล่อนเอาไว้และลากเข้ามาหา “ลืมไปแล้วหรือไงว่าเธอต้องทำหน้าที่อะไรบ้าง เพื่อแลกกับการได้อยู่กับวินเซนต์น่ะ”
น้ำตาของหล่อนทะลักออกมา มองเขาอย่างตัดพ้อ “แต่แพง…มีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวของลูกนะคะ แล้วที่สำคัญ…นายน้อยก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะมาข่มเหงน้ำใจแพงแบบนี้” หล่อนต่อว่าเขาเสียงสะอึกสะอื้น “เพราะแพงไม่เต็มใจ…ปล่อยแพงนะคะ”
แทนที่เขาจะปล่อยหล่อน แต่เขากลับหัวเราะเลือดเย็นเสียงดังยิ่งขึ้น
“เธอคงไม่ชอบบนเตียงสินะ”
“แพงไม่ชอบให้นายน้อยมาแตะต้องเนื้อตัวของแพงต่างหากล่ะคะ ปล่อยแพงเดี๋ยวนี้นะ อ๊ะ…”
ร่างของหล่อนถูกกระชากเข้าไปกอดรัด และเขาก็ทาบมือใหญ่อบอุ่นลงกับโหนกนูนที่กึ่งกลางลำตัวของหล่อนอย่างหยาบคาย หล่อนเบิกตากว้างตกใจ พยายามขยับตัวหนี แต่ไม่พ้น เขายิ่งขยำหนักหน่วงยิ่งขึ้น
“อ๊ะ…ปล่อยนะ…อื้อ…นายน้อย…ปล่อยแพง…อื้อ…”
แม้จะมีกระโปรงบานตัวยาวกับกางเกงชั้นในขวางกั้นเอาไว้ถึงสองชั้น แต่ไอร้อนจากฝ่ามือกระด้างก็ทำให้หล่อนร้อนฉ่าขึ้นมาอย่างง่ายดาย
“อย่าค่ะนายน้อย…ปล่อย…อ๊ะ…”
ร่างของหล่อนถูกผลักจนล้มหงายลงไปบนโซฟาตัวยาวที่อยู่ห่างออกไปเล็กน้อยอย่างแม่นยำ และเขาก็ตามติดลงมาหา จับสองขาเรียวแยกกว้างออกจากกันและแทรกตัวเข้ามา กระโปรงบานถูกตลบขึ้นไปกองอยู่ที่เอวคอด กางเกงในลูกไม้สีขาวที่สวมใส่อยู่ไม่ได้ช่วยให้หล่อนรอดพ้นจากสายตาคมกริบของเดมอนเลย
“อืมมมม…”
เขาครางในลำคออย่างพึงพอใจ ก่อนจะฉีกกางเกงชั้นในของหล่อนจนขาดวิ่นติดมือ เสียงหวีดร้องที่เต็มไปด้วยความตื่นตกใจของหล่อนยิ่งทำให้เขาฮึกเหิม นิ้วยาวแยกกลีบสาวออกจากกัน ก่อนที่เขาจะบี้คลึงเม็ดสวาทด้านในด้วยลีลาที่ทำให้หล่อนต้องหยัดสะโพกขึ้นหาเลยทีเดียว
“อ๊ะ…อย่า…อื้อ…อ๊า…อ๊า…”
สติของหล่อนถูกกลืนหายลงไปในขุมนรกในทุกๆ จังหวะกดคลึงของนิ้วแกร่ง
“อ๊า…”
แล้วในที่สุดก็หลุดหลงเข้าไปในมิติที่มีแต่ความเสียวกระสันแสนหวานจนหมดทั้งจิตวิญญาณ
สะโพกอวบไหวร่อนตามติดนิ้วยาว ดวงหน้านวลแดงก่ำด้วยแรงสวาทที่ถูกนิ้วยาวปลุกเร้าจนร้อนฉ่า กลีบสาวถูกปลุกปั่นจนหยาดเสน่หาหลั่งรินล้นปรี่ นิ้วยาวไสลึกหยอกล้อกับความชุ่มฉ่ำ สร้างความทรมานให้กับหล่อนมากมายนัก
“อา…นายน้อย…อ๊า…ได้โปรด…อ๊า…”
ภายในร่างกายอึดอัดและร้อนฉ่า สิ่งที่วิงวอนร้องขอออกไปคือสิ่งเดียวที่จะทำให้หล่อนผ่อนคลายและเต็มปรี่ไปด้วยความสุขสม หล่อนรู้ดีว่าเพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ถูกจับโยนลงสู่ขุมนรกแสนหวานแบบนี้
“ได้โปรด…นายน้อยขา…อ๊า…”
เขาหัวเราะในลำคออย่างพึงพอใจ และแทนที่จะมอบในสิ่งที่หล่อนต้องการให้ เขากลับแทนที่นิ้วยาวด้วยปลายลิ้นกระด้าง ทำเอาหล่อนกรีดร้องโหยหวนด้วยความเสียวกระสันรุนแรง
“อ๊า…อ๊า…นายน้อย…”
สะโพกอวบไหวร่อน ตามติดใบหน้าหล่อจัดที่ซบซุกลงมาคุกคาม ลิ้นสากเคลื่อนไหวด้วยลีลาปรมาจารย์ นิ้วยาวกดลึกเข้าไปภายในร่องแคบ
หล่อน…หล่อนจะอยู่โดยไม่มีวินเซนต์ไม่ได้ หล่อนคงจะต้องตายเพราะความคิดถึงลูกแน่ๆ
“แพง…ไม่เลือกค่ะ แพงจะพาวินเซนต์ไปจากที่นี่ และจะไม่ให้นายน้อยได้เจอพวกเราอีก”
แทนที่เขาจะหวาดกลัว กลับหัวเราะร่วน “เธอคิดจะสู้กับฉันหรือแพตตี้” รอยยิ้มของเขากระด้างยิ่งนัก “แล้วเธอคิดว่าตัวเองจะเอาชนะฉันได้อย่างงั้นเหรอ”
“แพงเป็นแม่…ยังไงแพงก็มีสิทธิ์เต็มร้อยค่ะ ถ้านายน้อยต้องการสิทธิ์ความเป็นพ่อ ก็ไปฟ้องศาลเอาเถอะค่ะ” หล่อนเชิดหน้าสูงแสร้งทำเป็นอวดดี ทั้งๆ ที่ภายในอกเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“หวังว่าเราจะไม่ได้เจอกันอีกแล้วนะคะ”
“งั้นก็แสดงว่าเธอเลือกทางที่สอง…” น้ำเสียงของเขาเลือดเย็นยิ่งนัก “คือการที่จะไม่มายุ่งกับฉันและวินเซนต์อีกตลอดชีวิต”
หล่อนตวัดตาจ้องมองเขา กลืนน้ำลายลงคอ ก่อนจะโต้ตอบออกไปเสียงเจ็บปวด
“แพงจะไม่มายุ่งเกี่ยวหรือพบเจอนายน้อยคนเดียวค่ะ ส่วนวินเซนต์จะไปกับแพง”
เดมอนแค่นยิ้มหยัน รอยยิ้มของเขาบ่งบอกความเป็นผู้ชนะได้อย่างน่าตกใจ
“เธอไม่มีทางเอาชนะฉันได้หรอก แพตตี้” คำพูดโอหังของเขายังไม่ทันจบดี รถลีมูซีนคันหนึ่งก็แล่นมาจอดข้างๆ รถสปอร์ตของเขา พร้อมๆ กับเสียงของวินเซนต์ที่ดังออกมาจากกระจกรถที่ลดลงมาครึ่งบาน
“แม่คับ…ผมอยู่นี่คับ”
หัวใจของหล่อนแทบหยุดเต้น เพ่งมองเข้าไปในตัวรถคันยาว เมื่อเห็นลูกชายก็แทบช็อก
“หมูวิน…ลูกไปอยู่ในนั้นได้ยังไง ลงมาลูก…”
หล่อนถลาจะเข้าไปหาลูก แต่รถคันนั้นก็แล่นจากไปเสียก่อน พร้อมๆ กับเสียงสดใสของลูกชายที่ดังมาเข้าหูเป็นประโยคสุดท้าย
“ผมไปรอแม่ที่บ้านคุณลุงลูกโป่งนะคับ”
ร่างของหล่อนทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างสิ้นแรง น้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้ม
เดมอนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า หล่อนมองรองเท้าของเขาผ่านม่านน้ำตา ก่อนจะช้อนตาขึ้นมองคนใจร้าย
“นายน้อย…ทำแบบนี้ได้ยังไงกันคะ ลักพาตัวลูกของแพงไปทำไม”
เขาย่อตัวลงมาหา นั่งบนส้นเท้า และจ้องมองหล่อนด้วยสายตาเลือดเย็น
“เกมนี้ฉันเดิมพันด้วยลูกชายของตัวเอง ดังนั้นฉันไม่เกี่ยงวิธีที่จะเอาชนะเธอ”
“คนใจร้าย…คุณทำแบบนี้ทำไม…” หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น ยกมือขึ้นทุบตีเขาอย่างเจ็บปวด เขายอมให้หล่อนทุบตีจนเหนื่อยอ่อนไปเอง ก่อนจะลุกขึ้นยืน
“ลาก่อน หวังว่าเธอจะไม่โผล่มาให้ฉันรำคาญสายตาอีก”
เขาเดินไปที่รถ ก้าวขึ้นรถ และขับออกไปอย่างไม่ไยดี หล่อนรีบลุกขึ้นและวิ่งตามไป ร้องเรียกให้เขาหยุดราวกับคนบ้า ก่อนจะสะดุดขาตัวเองหกล้ม และแน่นอนว่าไม่มีแรงพอแม้แต่จะคลานตามเดมอนไป
“หมูวิน…หมูวินลูกแม่…”
หล่อนฟุบหน้าลงกับพื้นถนนคร่ำครวญปิ่มจะขาดใจ หล่อนรู้ดีว่าเดมอนร้ายกาจแค่ไหน หากเขาคิดจะทำอะไรแล้วเขาจะต้องเอาชนะให้ได้ เหมือนกับการพรากลูกไปจากหล่อนนี่ไงล่ะ เขาต้องการเอาชนะหล่อน และแน่นอนว่าเขาจะต้องพาวินเซนต์ไปลาสเวกัส และหล่อนก็จะไม่มีทางได้พบเจอหน้าลูกชายอีกชั่วชีวิต
“ฉันให้เธอตัดสินใจอีกครั้งหนึ่ง”
พะแพงเงยหน้าขึ้นจากพื้นถนน และก็เห็นปลายเท้าของเดมอนมาหยุดอยู่ตรงหน้า หล่อนเลื่อนสายตาขึ้นไปมองเขา กลีบปากอิ่มเต็มสั่นระริก
“จะไปอยู่กับฉัน หรือว่าจะไปจากฉัน”
“แพง…”
“จะไม่มีโอกาสหน้าอีกแล้ว สำหรับเธอ”
เขาขู่อย่างเลือดเย็น ในขณะที่หล่อนไม่สามารถต่อกรกับผู้ชายคนนี้ได้เลย
“แพง…จะไปอยู่กับนายน้อยค่ะ”
แม้ม่านน้ำตาจะทำให้การมองเห็นของหล่อนไม่ชัดนัก แต่หล่อนก็สามารถเห็นรอยยิ้มพึงพอใจของเดมอนได้อย่างชัดเจน เขาค่อยๆ ย่อตัวลงมา และรั้งหล่อนให้ลุกขึ้นยืน
“เธอตัดสินใจได้ฉลาดไม่น้อย”
ร่างของหล่อนถูกเขาโอบประคองเอาไว้ เพราะไร้เรี่ยวแรงแม้แต่จะยืนทรงตัว น้ำตายังคงไหลรินไม่หยุด
“แต่แพง…จะอยู่กับนายน้อยแค่ในฐานะแม่ของวินเซนต์เท่านั้นนะคะ เราจะไม่…”
หล่อนยังพูดไม่ทันจบเลย เขาก็ก้มหน้าลงมาหา และขยี้ปากอิ่มสั่นระริกของหล่อนอย่างหนักหน่วง บดคลึงดุดันอย่างต้องการลงทัณฑ์ ลิ้นสากบุกรุกคุกคาม กัดขบดูดเม้มแสดงอำนาจที่เหนือกว่า พอหล่อนครวญครางหลุดหลง เขาก็ถอนจุมพิต และจ้องหน้าหล่อนด้วยสายตาเหยียดหยัน
“ฉันไม่มีทางทนเก็บไม้เก็บมือจากเธอได้หรอก แพตตี้”
แก้มนวลที่ซีดขาวไร้สีเลือดตอนนี้ค่อยๆ แดงเปล่งปลั่ง
“เราจะต้องนอนด้วยกัน เธอจะต้องทำหน้าที่ทั้งเมียและแม่ที่ดี หวังว่าเธอจะเข้าใจนะ”
“นายน้อย…”
เขาแสยะยิ้ม พร้อมกับย่อตัวลงเล็กน้อย เพื่อช้อนร่างของหล่อนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
“อุ๊ย…” หล่อนตกใจที่จู่ๆ ก็ถูกอุ้มจนตัวลอย ต้องรีบกระวีกระวาดกอดคอของเดมอนเอาไว้แน่น
ชายหนุ่มไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาอุ้มร่างของหล่อนไปวางบนเบาะรถ ปรับเอนให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินอ้อมตัวรถขึ้นมานั่งหลังพวงมาลัยรถ แล้วเคลื่อนรถคันงามกลับขึ้นมาบนถนนอีกครั้ง
ท่ามกลางความเงียบงัน หัวใจของพะแพงก็หวั่นไหวและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน หลายครั้งที่หล่อนแอบมองเสี้ยวหน้าคมสันของเดมอนเพื่อหวังจะเจอความเมตตาจากเขา แต่สิ่งที่เห็นก็มีแต่ความกระด้างดุดันและเลือดเย็นเพียงเท่านั้น
หล่อนกำลังจะตกลงไปในขุมนรกที่มีเดมอนเป็นเจ้าของอีกครั้งแล้วสินะ…!
หลังจากส่งลูกชายที่โรงเรียนเรียบร้อยแล้ว พะแพงก็มานั่งรอคุณลุงลูกโป่งของวินเซนต์ที่ร้านกาแฟใกล้ๆ กับโรงเรียนอนุบาล หล่อนจิบกาแฟรอเขาก่อนเวลา ในสมองก็มโนไปต่างๆ นานาถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้น
หล่อนภาวนาให้คุณลุงลูกโป่งของวินเซนต์เป็นผู้ชายใจดีมีเมตตาเหมือนคำบอกเล่าของลูกชายด้วยเถอะ
มือเล็กยกถ้วยกาแฟขึ้นจิบอีกครั้ง ดวงตากลมโตที่เต็มไปด้วยความกระวนกระวายทอดมองออกไปนอกประตูกระจกของร้านกาแฟที่นั่งอยู่ ก่อนที่จะเผยอปากกว้าง อุทานด้วยความตกใจ เมื่อสายตาปะทะเข้ากับรถสปอร์ตหรูคันหนึ่งที่ขับมาจอดที่หน้าร้านกาแฟ ความคุ้นตาทำให้หล่อนรู้ดีว่าเป็นรถของใคร
“นายน้อย…” ลมหายใจของหล่อนสะดุดกึกอยู่แค่ลำคอ ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ
ทำไมโลกกลมแบบนี้นะ
ร้านกาแฟคับแคบไปถนัดตาเมื่อเดมอนที่มีเรือนกายสูงสง่าก้าวเข้ามาภายใน หล่อนหน้าซีดเผือด รีบหันหน้าไปด้านข้างของโต๊ะและจับเส้นผมยาวดำขลับมาปิดหน้าปิดตาเอาไว้ ภาวนาให้เขาเดินผ่านไปและจดจำหล่อนไม่ได้
มือเล็กเย็นเฉียบ เม็ดเหงื่อผุดขึ้นมาในอุ้งมือจนเปียกชุ่ม และนรกที่ว่าน่ากลัวแล้วก็ยังไม่เท่ากับการที่เดมอนเดินมาหยุดที่ข้างโต๊ะพร้อมกับน้ำเสียงกระด้างของเขาเลย
“ขอนั่งด้วยคนนะแพตตี้”
“ฉัน…ไม่ใช่…คนที่คุณรู้จักหรอกค่ะ”
หล่อนยังเอาเส้นผมปิดหน้า และพยายามดัดเสียงเล็กเพื่อให้เขาจดจำไม่ได้ แต่เดมอนก็ยังไม่ยอมขยับไปไหน แถมยังทรุดตัวลงนั่งโดยพลการอีกต่างหาก
“ต่อให้เธอเอาปี๊บคลุมหัว ฉันก็จำเธอได้ แพตตี้”
ดวงหน้างามของคนที่พยายามหลบซ่อนซีดยิ่งกว่ากระดาษถ่ายเอกสาร ความหวาดกลัวแล่นพล่านเต็มอก หล่อนจะทำยังไงดี ทำยังไงถึงจะหนีพ้นจากอุ้งมือของผู้ชายคนนี้
ในที่สุดก็กัดฟันหันมาเผชิญหน้ากับเขา และปั้นยิ้มบางๆ แม้ว่าสายตาจะเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม
“สวัสดีค่ะ บังเอิญจังนะคะ”
เขาเหยียดยิ้มหยัน สายตาสีฟ้าเข้มที่จ้องมองมานั้นเต็มไปด้วยความดุกระด้างมากกว่าทุกครั้งที่หล่อนเคยเห็น
“ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่มันคือความตั้งใจของฉัน”
หล่อนไม่เข้าใจว่าเขาจงใจจะหมายถึงอะไร แต่หล่อนจะไม่อยู่คุยกับเขาต่ออีก หล่อนต้องไปจากที่นี่ แล้วค่อยโทรนัดให้คุณลุงลูกโป่งของวินเซนต์ไปเจอที่อื่นแทน
“ขอตัวนะคะ”
ร่างอรชรผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็วและจะก้าวหนีออกไปจากร้านกาแฟ แต่แขนเรียวถูกกระชากเอาไว้เสียก่อน
“นี่ปล่อยนะคะ”
หล่อนพยายามสลัดแรงๆ แต่ไม่หลุด แถมเขายังลุกขึ้นยืน และรั้งหล่อนให้ถอยหลังกลับมาเผชิญหน้ากับความดุร้ายของเขาอย่างเผด็จการ
“ปล่อยค่ะ ดิฉันจะไปแล้ว”
“จะไปไหนล่ะ เธอมีนัดที่นี่ไม่ใช่เหรอ”
หน้าตาของหล่อนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ “นาย…นายน้อยรู้ได้ยังไงคะ”
เขาเหยียดยิ้มหยันอีกแล้ว ก่อนจะหรี่ตาแคบมองหล่อน “แล้วทำไมฉันจะไม่รู้ล่ะ”
“ก็…” หล่อนอึกอัก ก่อนจะสะบัดแขนแรงๆ และคราวนี้ได้รับอิสระอย่างง่ายดาย
“ดิฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าคุณพูดเรื่องอะไร แต่ดิฉันจะไม่อยู่คุยกับคุณอีกแล้ว ขอตัวค่ะ”
ใบหน้าหล่อจัดแต่แข็งกระด้างของเดมอนเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มเลือดเย็น ก่อนที่เขาจะหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และกดโทรออก เขาโทรหาใครหล่อนไม่อาจรู้ได้ แต่ที่น่าตกใจก็คือ ทำไมเสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือของหล่อนดังขึ้นพอดี
หล่อนรีบคว้าโทรศัพท์มือถือขึ้นมามองเบอร์ที่หน้าจอ แต่ก็ยังไม่ทันกดรับสาย เดมอนก็พูดขึ้นเสียก่อน
“ทำไมไม่รับล่ะ เบอร์ของคนที่เธอกำลังรอไม่ใช่หรือ”
พะแพงเต็มไปด้วยความหวาดระแวงในคำพูดของเดมอน ก่อนจะตัดสินใจกดรับสายเรียกเข้าจากคนที่หล่อนเดินทางมานั่งรอ หลังจากลังเลมาเป็นนาที
“สวัสดีค่ะ ดิฉันอยากเปลี่ยนที่นัดหมายของเราน่ะค่ะ”
หล่อนกรอกเสียงไปตามสาย ก่อนจะต้องช็อกค้าง เมื่อเสียงกระด้างที่ตอบกลับมามันแตกต่างไปจากเมื่อคืนอย่างสิ้นเชิง หล่อนหันไปมองหน้าเดมอนอย่างตกใจสุดขีด และก็ได้เห็นว่าเขากำลังยิ้มเลือดเย็นเต็มใบหน้า
“คิดหรือว่าจะหนีฉันพ้น แพตตี้”
โทรศัพท์มือถือในอุ้งมือร่วงลงกระแทกกับพื้นโดยที่เจ้าของไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะยึดมันเอาไว้ ดวงหน้านวลซีดเผือดยิ่งกว่ากระดาษเอสี่ ขณะที่กลีบปากอิ่มสั่นระริกเปล่งคำพูดสั่นเทาออกไป
“ทำ…ทำไมเป็น…คุณคะ…”
เขาแสยะยิ้ม และมันก็เป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเห็นมาก่อนในชีวิต
“ก็เพราะนรกต้องการลงโทษผู้หญิงแพศยาอย่างเธอไง”
“อุ๊ย…ปล่อยค่ะ”
ข้อมือเล็กถูกอุ้งมือใหญ่คว้าเอาไว้อีกครั้ง และคราวนี้เขาบีบแรงมากจนกระดูกของหล่อนแทบแหลกคามือใหญ่ น้ำตาของหล่อนไหลรินออกมาและพยายามดิ้นรน แต่เขาไม่ยอมปล่อย แถมยังกระชากร่างเล็กของหล่อนเข้าไปปะทะแรงๆ จากนั้นก็คำรามรดใบหน้าของหล่อนด้วยถ้อยคำเลือดเย็น
“เธอกล้ามากนะ ที่บังอาจซ่อนวินเซนต์จากฉันมาถึงสี่ปีเต็ม”
“ไม่…วินเซนต์ไม่ใช่…”
หล่อนส่ายหน้าพยายามปฏิเสธ แต่คนตัวโตเค้นเสียงคำรามราดรดใบหน้าของหล่อนอย่างมั่นใจเป็นที่สุด
“อย่าบังอาจมาพูดว่าวินเซนต์ไม่ใช่ลูกของฉันเด็ดขาด”
หล่อนน้ำตาไหล พยายามดิ้นรน แต่เขาไม่ยอมปล่อย “วินเซนต์ไม่ใช่ลูกของคุณ ไม่มีทางใช่! นี่ปล่อยฉันนะ!”
“ดีเอ็นเอความเป็นพ่อของฉันอยู่บนหน้าของวินเซนต์ขนาดนั้น เธอยังจะกล้าปฏิเสธอีกหรือแพตตี้”
“ไม่…ไม่ใช่…วินเซนต์เป็นลูกของฉัน…เขาเป็นลูกของฉันคนเดียว คุณอย่ามายุ่ง ปล่อยเราสองแม่ลูกไปเถอะ”
หล่อนร้องไห้วิงวอนอย่างน่าเวทนา แต่ไม่มีความเมตตาใดๆ จากเดมอนส่งมาให้หล่อนเลย
“ฉันปล่อยเธอไปแน่ แต่วินเซนต์จะต้องอยู่กับฉัน”
“ไม่! ฉันไม่ยอม…”
รอยยิ้มเลือดเย็นบนใบหน้าของเดมอนช่างน่าสะพรึงกลัวเหลือเกิน มันบอกให้รู้ว่าเขาจะทำทุกอย่างเพื่อให้ได้วินเซนต์ไปอยู่ข้างกาย
หล่อน…หล่อนพลาดตรงไหนกัน ทำไมเดมอนถึงได้รู้เรื่องนี้ และทำไมคุณลุงลูกโป่งของวินเซนต์ถึงเป็นเขา…เป็นเดมอนผู้ชายใจเหี้ยมคนนี้
“แพงขอร้องล่ะค่ะ ปล่อยเราสองแม่ลูกไปเถอะ แพงสัญญา…ว่าจะไม่มาให้นายน้อยเห็นหน้าพวกเราอีก โอ๊ย…” แรงกดจากฝ่ามือใหญ่เพิ่มมากขึ้นกะทันหันจนหล่อนเจ็บระบม
“เธอไม่มีสิทธิ์ซ่อนลูกชายจากฉันอีก หลังจากที่เธอทำมาสี่ปีเต็ม แพตตี้!”
“แต่เขาเป็นลูกชายของแพง…ได้โปรดเถอะค่ะ อย่ามายุ่งกับพวกเราอีกเลย”
“หึ…ถ้าอยากไปก็ไปคนเดียว ส่วนวินเซนต์จะต้องอยู่กับฉัน เขาจะต้องได้รับการชดเชยทุกอย่างจากฉัน หลังจากที่แม่ของเขาพรากเขาไปจากฉันหลายปี”
“ไม่…ไม่นะ…อย่าทำแบบนี้นะคะ”
หล่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น และเขาก็ปล่อยมือจากแขนของหล่อน แขนที่แดงช้ำจนน่าตกใจ
“ฉันจะไม่เหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้ อยากไปไหนก็ไปได้เลย แต่ห้ามมาวุ่นวายกับเราสองพ่อลูกอีก”
“นายน้อย…ทำอย่างนี้ไม่ได้นะคะ วินเซนต์เป็นลูกชายของแพง และตามกฎหมายไทย แพงมีสิทธิ์ทุกอย่างในตัวของวินเซนต์แต่เพียงผู้เดียว”
แทนที่เขาจะสะทกสะท้านเมื่อหล่อนหยิบยกกฎหมายขึ้นมาข่มขู่ แต่เขากลับหัวเราะร่วน สายตาสีฟ้าเข้มยังคงมีแต่ความเลือดเย็นดุกระด้างเช่นเดิม
“อย่าลืมสิว่าอำนาจของฉันอยู่ที่เงิน หรือว่าเธออยากจะสู้กับฉันล่ะ”
หล่อนส่ายหน้าไปมา มองเขาอย่างสิ้นหวัง และทางออกเดียวที่จะช่วยให้หล่อนกับลูกได้อยู่ด้วยกันก็คือการยอมศิโรราบกับเดมอน หวังให้เขาเห็นใจ
ร่างอรชรค่อยๆ ทรุดลงกับพื้น เข่าของหล่อนแตะที่พื้นภายในร้านกาแฟ ท่ามกลางสายตาหลายคู่ที่จ้องมองมาด้วยความเคลือบแคลงสงสัย แต่หล่อนไม่สนใจอะไรอีกแล้ว ตอนนี้สิ่งเดียวที่หล่อนต้องทำก็คือวิงวอนให้เดมอนยอมปล่อยหล่อนกับวินเซนต์ไปเท่านั้น
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองคนตัวโตที่ยืนตระหง่านไม่ไหวติงทั้งน้ำตา สองมือยกขึ้นประกบกัน และวิงวอนอย่างน่าสงสาร
“ได้โปรด…อย่าพรากลูกไปจากแพงเลยนะคะ”
เดมอนเมินหน้าหนีอย่างไร้หัวใจ
“นายน้อยสามารถมีลูกใหม่อีกกี่คนก็ได้ อย่ามาสนใจกับลูกที่เกิดจากท้องของผู้หญิงที่นายน้อยเกลียดชังเลยค่ะ ปล่อยพวกเราสองคนไปตามทางเถอะนะคะ อ๊ะ…”
ร่างของหล่อนถูกเขาตะปบที่หัวไหล่และกระชากให้ลุกขึ้นยืน “อย่ามาใช้วิธีน่าสงสารกับฉัน เพราะถึงยังไงซะ ฉันก็จะไม่มีทางให้อภัยผู้หญิงใจดำแบบเธอ”
“แพงไม่ได้ใจดำ แพง…”
“เธอใจดำยิ่งกว่าอีกา เธอกล้าพรากลูกชายไปจากฉัน ซ่อนเขาไม่ให้ฉันรู้มานานตั้งสี่ปี แล้วแบบนี้ เธอยังจะมีหน้ามาพูดอีกหรือว่าเธอไม่ได้ใจดำ แพตตี้!”
“ที่แพงทำแบบนี้ ก็เพราะรู้ดีว่านายน้อยไม่ต้องการให้เขาเกิดมา”
“ฉันไปบอกเธอตอนไหน ฮึ!”
หล่อนน้ำตาทะลัก เม้มปากอิ่มจนแน่นเป็นเส้นตรง “นายน้อยจะต้องการวินเซนต์ได้ยังไงคะ ในเมื่อนายน้อย…แต่งงานกับคุณวิคกี้แล้ว”
“ก็ถ้าฉันรู้ว่าเธอตั้งท้อง ฉันก็จะไม่แต่งงานกับวิคกี้” เดมอนเค้นเสียงดุกระด้างออกมา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวด “แค่เธอบอกฉัน ไม่ใช่ซ่อนเขาจากฉันแบบนี้”
หล่อนเมินหน้าหนี น้ำตาไหลรินไม่หยุด “ปล่อยพวกเราไปเถอะค่ะ แพงขอร้อง”
เดมอนแค่นยิ้มหยัน ถอยหลังออกห่าง ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปนอกร้านกาแฟ พะแพงรีบวิ่งตามไป เพราะหล่อนกลัวใจของเดมอน เขาอาจจะทำอะไรบ้าๆ ลงไปก็ได้ และเรื่องบ้าๆ ที่เขาอาจจะทำก็ต้องเกี่ยวกับวินเซนต์แน่นอน
“นายน้อยคะ นายน้อยจะไปไหนคะ”
เขาหยุดเดินที่ข้างรถสปอร์ต พร้อมกับตวัดสายตากระด้างมองมาที่หล่อน
“ฉันมีทางเลือกให้เธอสองทาง”
ผู้ชายตรงหน้าหยุดพูดเล็กน้อย ราวกับให้เวลาหล่อนเตรียมตัวที่จะรับฟังข้อเสนอร้ายกาจที่กำลังจะดังออกมาจากริมฝีปากกว้างหยักสวยของตัวเอง
“หนึ่ง กลับไปอยู่กับฉันในฐานะแม่ของลูกชายฉัน และสอง…” สายตาสีฟ้าเข้มดุกระด้างไร้การผ่อนปรน “ไปให้พ้นหน้าฉันและลูกชายของฉัน ห้ามกลับมาให้เจออีก”
ร่างของหล่อนแทบร่วงลงกองกับพื้น เมื่อได้ยินข้อเสนอเหี้ยมโหดของผู้ชายตรงหน้า
“ไม่…” หล่อนส่ายหน้าไปมาทั้งน้ำตา หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“แน่ใจแล้วเหรอแพงว่าจะลาออกน่ะ”
กิ่งแก้วถามกลับมาตามสายโทรศัพท์ด้วยความไม่สบายใจ เมื่อพะแพงโทรมาขอร้องให้หล่อนเขียนใบลาออกจากบริษัทให้ในวันพรุ่งนี้ และหล่อนก็พยายามถามหาสาเหตุ แต่พะแพงไม่ยอมปริปากบอก
“แพงแน่ใจค่ะ แพงฝากขอโทษพี่หญิงด้วยนะคะ ที่ไม่ได้ไปเขียนใบลาออกด้วยตัวเอง”
กิ่งแก้วถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนใจ “แล้วทำไมจู่ๆ ถึงลาออกล่ะ หรือว่าไม่พอใจอะไรท่านประธาน”
เมื่อกิ่งแก้วพูดถึงเดมอน น้ำตาของหล่อนก็เอ่อล้นขึ้นมาคลอสองหน่วยตา แต่ก็ต้องปากแข็งต่อไป
“ไม่เกี่ยวกับท่านประธานหรอกค่ะ แต่แพงแค่คิดว่าตัวเองไม่เหมาะจะทำงานที่นั่นอีก”
“พี่ว่าแพงต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ แต่ไม่ยอมบอกพี่”
“แพงไม่มีปัญหาอะไรจริงๆ ค่ะพี่กิ่ง” พะแพงยังคงยืนยัน แต่กิ่งแก้วแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าไม่เชื่อ
“เมื่อวันก่อน แพงยังบอกกับพี่อยู่เลยว่าจะทำงานที่นี่ให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ จะทำจนกว่าเจ้าของจะไล่แพงออก แล้วทำไมวันนี้แพงถึงเปลี่ยนใจล่ะ มันเกิดอะไรร้ายแรงขึ้นหรือเปล่า หรือว่าท่านประธานคนใหม่ไม่ชอบแพง”
เดมอนไม่ใช่แค่ไม่ชอบขี้หน้าหล่อน แต่เขาเกลียดชังหล่อนเลยต่างหาก
“ไม่มีอะไรจริงๆ ค่ะพี่กิ่ง แพงแค่อยากเปลี่ยนงานจริงๆ ค่ะ”
“แพง…คิดดูให้ดีๆ นะ งานสมัยนี้มันหายาก แล้วถ้าลาออกไปโดยที่ยังไม่มีงานรองรับ ลูกของแพงจะเอาอะไรกิน หมูวินยังเล็กนะ ยังต้องใช้เงินอีกเยอะ”
คำพูดของกิ่งแก้วทำให้พะแพงต้องหันมามองลูกชายที่กำลังนั่งทำการบ้านอยู่กลางห้อง หยาดน้ำตาไหลรินออกมาอาบแก้ม ความปวดร้าวบีบคั้นหัวใจจนแทบแหลกสลาย
ถ้าหล่อนไม่ลาออก สักวันเดมอนก็จะต้องรู้ว่าวินเซนต์เป็นลูกของเขา และหากวันนั้นมาถึง หล่อนก็คงจะต้องตกลงไปในขุมนรกอีกครั้ง และแน่นอนว่าครั้งนี้หล่อนจะไม่มีทางปีนป่ายมันขึ้นมาได้อีกแล้ว
“แพง…พอมีคนรู้จักอยู่ค่ะ คงหางานได้ไม่ยาก ขอบคุณพี่กิ่งมากนะคะที่เป็นห่วง แล้วแพงจะติดต่อไปค่ะ” หล่อนตัดบทเพราะก้อนสะอื้นกำลังจะทะลักขึ้นมาจากอก “ลาก่อนค่ะพี่กิ่ง”
“แพง เดี๋ยวสิ…แล้วจะให้พี่บอกท่านประธานว่ายังไงล่ะ เหตุผลที่แพงลาออกน่ะ”
พะแพงเม้มปากเป็นเส้นตรง รีบยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งเมื่อลูกชายหันมาส่งยิ้มให้ หล่อนยิ้มตอบให้กับลูก ก่อนจะยกมือขึ้นป้องปาก และตอบกิ่งแก้วออกมา
“บอกว่าแพงได้งานใหม่ก็แล้วกันค่ะ”
“แน่ใจนะแพง”
“ค่ะ แพงแน่ใจ” หล่อนกลืนก้อนสะอื้นลงไปในอกอย่างยากลำบาก “พี่กิ่งรับปากแพงเรื่องหนึ่งได้ไหมคะ”
“อะไรเหรอแพง”
“ถ้าใครถามว่าแพงพักอยู่ที่ไหน พี่กิ่งห้ามบอกเด็ดขาด แพงขอร้องล่ะค่ะ” ที่บริษัทมีเพียงกิ่งแก้วคนเดียวที่เคยมาหาหล่อนที่บ้านเช่าหลังนี้
“ทำไมล่ะ”
“คือแพง…ไม่อยากตอบคำถามน่ะค่ะว่าลาออกทำไม พี่กิ่งสัญญากับแพงนะคะว่าจะไม่บอกใคร แม้แต่…ท่านประธานคนใหม่”
“ได้พี่รับปาก ยังไงว่างๆ แล้วพี่จะแวะไปเยี่ยมแพงกับหมูวินนะ”
“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง งั้นแพงขอตัวก่อนนะคะ”
“จ้า โชคดี”
พะแพงกล่าวขอบคุณกิ่งแก้วอีกครั้งก่อนจะตัดสายสนทนา และนั่งร้องไห้เงียบๆ ซึ่งวินเซนต์หันมาเห็นพอดีก็เดินถือสมุดเล่มหนึ่งเข้ามาหามารดา
“แม่จะไม่ไปทำงานแล้วเหรอคับ”
พะแพงรีบเช็ดน้ำตาและปั้นยิ้มให้กับลูกชายที่แสนรู้เกินวัย “หมูวินรู้ได้ยังไงลูก”
“ผมได้ยินแม่คุยโทรศัพท์กับป้ากิ่งเมื่อกี้นี้คับ”
หล่อนสะเพร่าเองนั่นแหละที่เผลอคุยเรื่องสำคัญแบบนี้ใกล้ๆ วินเซนต์
“พอดีแม่กำลังมองหางานใหม่น่ะครับ”
เด็กตัวน้อยยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นสมุดที่เปิดกางเอาไว้ให้กับมารดา และพูดด้วยความดีใจตามประสาเด็ก
“ผมมีงานให้แม่ทำคับ”
คิ้วโก่งสวยตามธรรมชาติของพะแพงเลิกสูง ก่อนจะจ้องมองตัวเลขที่บรรจงเขียนเอาไว้บนสมุดของลูกชาย
“เบอร์ใครหรือครับหมูวิน”
“คุณลุงลูกโป่งคับ”
“หือ?”
“ความจริงคุณลุงชื่อโดราเอมอน แต่ผมเรียกลุงลูกโป่ง เพราะคุณลุงเป็นเจ้าของลูกโป่งคับ”
พะแพงพยายามคิดตามคำพูดฉะฉานของลูกชาย ก่อนจะร้องอ๋อออกมา
“คนที่หมูวินวิ่งตามไปขอลูกโป่งใช่ไหมครับ”
“คับ”
เมื่อลูกชายตอบรับ หล่อนก็อดที่จะเอียงคอถามกลับด้วยความแคลงใจไม่ได้
“แล้ว…หมูวินไปเอาเบอร์โทรของคุณลุงคนนั้นมาได้ยังไงคับ วันนั้นที่เจอกัน หมูวินก็ไม่ได้เอากระเป๋านักเรียนลงไปจากรถนี่นา หรือว่าเอาลงไปแล้วแม่จำไม่ได้”
เด็กชายเห็นมารดากำลังมึนงงก็เอ่ยขึ้น “ผมเจอคุณลุงเมื่อตอนเย็นคับ”
“ตอนเย็นนี้เหรอ”
“คับ”
“เจอที่ไหนหมูวิน” พะแพงเริ่มไม่สบายใจ
“เจอที่โรงเรียนคับ ก่อนที่แม่จะมาแป๊บนึง”
พะแพงเอียงคอพยายามครุ่นคิด “งั้นก็แสดงว่า คุณลุงลูกโป่งมีลูกเรียนอยู่โรงเรียนเดียวกันกับหมูวินน่ะสิ”
วินเซนต์ส่ายหน้าไปมา “ไม่ใช่คับ คุณลุงบอกว่ายังไม่มีลูกคับ”
“ถ้าไม่มีลูก แล้วทำไมคุณลุงลูกโป่งไปที่โรงเรียนอนุบาลล่ะครับ” พะแพงอดสงสัยไม่ได้ แต่ลูกชายก็ได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบ
“ผมไม่รู้คับแม่”
“ช่างเถอะ” หล่อนยิ้มตอบลูกชาย ก่อนจะยื่นสมุดกลับคืนให้ แต่วินเซนต์ทักท้วง
“แม่ไม่โทรหาคุณลุงเหรอคับ คุณลุงบอกว่ามีงานให้แม่ทำ แถมให้เลิกก่อนเวลาเพื่อมารับผมด้วยนะคับ”
หล่อนดึงลูกชายเข้ามากอด จูบเบาๆ ที่แก้มยุ้ย “คุณลุงลูกโป่งน่าจะพูดเล่นน่ะครับ”
“คุณลุงพูดจริงคับ แม่โทรไปหาคุณลุงนะคับ นะคับแม่”
พะแพงรู้ดีว่าไม่มีใครใจดีมอบสิ่งดีๆ ให้โดยไม่หวังผลตอบแทนหรอก และคุณลุงลูกโป่งของวินเซนต์เป็นคนยังไงหล่อนก็ยังไม่รู้เลย ไว้ใจได้หรือเปล่าก็ไม่รู้
“เอาไว้แม่โทรพรุ่งนี้นะครับ” หล่อนผัดผ่อน และไม่คิดจะโทรหาอย่างที่บอกลูกชาย
“โทรเลยนะคับแม่…ผมอยากคุยกับคุณลุงด้วย”
“หมูวินครับ นี่ดึกแล้ว แม่คิดว่าคุณลุงลูกโป่งน่าจะพักผ่อนแล้วล่ะครับ เชื่อแม่นะครับ เอาไว้พรุ่งนี้”
เด็กน้อยยังคงหน้ายู่ และก็ทำให้หล่อนไม่มีทางเลือก จำต้องหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาต่อสายหาคุณลุงลูกโป่งคนนั้น
“ผมขอคุยกับคุณลุงก่อนได้ไหมคับ”
“ได้จ้ะ”
หล่อนยื่นโทรศัพท์มือถือให้ลูกชาย วินเซนต์ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ รีบยกเจ้าอุปกรณ์สื่อสารขึ้นแนบหูทันที
“คุณลุงคับ ผมวินเซนต์คับ จำผมได้ไหมคับ”
เดมอนที่กำลังยืนเช็ดเส้นผมที่เปียกอยู่หน้ากระจกหัวเราะออกมาตามสาย เพราะไม่คิดว่าเด็กน้อยจะโทรมาหาจริงๆ
“จำได้สิ เสียงสดใสแบบนี้จะเป็นหมูไหนไปได้ นอกจากหมูวิน”
วินเซนต์หัวเราะคิกคัก “คุณลุงคุยกับแม่ผมนะคับ แม่ผมอยากได้งานทำ” เด็กน้อยยื่นโทรศัพท์ให้กับมารดาของตัวเอง พะแพงกระอักกระอ่วนใจ แต่ก็จำต้องรับมาถือเอาไว้ และยกขึ้นแนบหู
“เอ่อ สวัสดีค่ะ ดิฉันเป็นแม่ของหมูวิน…” หญิงสาวกรอกเสียงไปตามสายอย่างเกรงอกเกรงใจ “ถ้าหมูวินรบกวนอะไรคุณ ดิฉันต้องขอประทานโทษด้วยนะคะ คราวหน้าคราวหลังจะไม่ให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้วค่ะ”
พะแพงไม่รู้เลยว่าขณะที่ตัวเองกำลังพูดพร่ำขอโทษขอโพยด้วยความเกรงใจอยู่นั้น คนปลายสายกำลังรู้สึกยังไง
เดมอนกำโทรศัพท์มือถือแน่น ดวงตาคมกริบเบิกกว้าง เขาช็อกไม่น้อยที่ได้ยินเสียงหล่อนมาตามสาย
‘แพตตี้’
ชายหนุ่มคำรามลั่นอก กรามแกร่งขบกันเป็นสันนูนเป่ง ไม่น่าเชื่อว่าโลกจะกลมได้ขนาดนี้ เจ้าเด็กน้อยที่เขาเอ็นดู ที่แท้ก็เป็นลูกชายของพะแพงนั่นเอง
“ไม่เป็นไรครับ” เดมอนจำต้องดัดเสียงตอบกลับไป เมื่อคนปลายสายถามกลับมาหลายครั้ง “เห็นว่าคุณกำลังมองหางานใหม่ อย่างนั้นหรือครับ”
“เอ่อ…ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ”
“คุณกำลังจะลาออกจากงานเดิมอย่างนั้นหรือครับ” เดมอนยังคงปั้นเสียงถามกลับไปเช่นเดิม ในขณะที่ภายในอกกำลังเดือดปุดๆ ด้วยโทสะ
“ค่ะ ดิฉันลาออกจากที่เดิมแล้ว และกำลังจะหาสมัครงานที่ใหม่”
ลาออก? หล่อนลาออกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน นี่คงคิดจะหนีหน้าเขาชัดๆ คิดหรือว่าจะหนีพ้น
เดมอนคิดในใจอย่างเดือดดาล กำมือแน่น ก่อนจะเค้นเสียงพูดออกไป
“งั้นมาทำงานกับผมสิ ผมมีงานดีๆ ให้ทำ”
“เอ่อ ไม่รบกวนดีกว่าค่ะ แค่หมูวินคนเดียวก็ทำให้คุณลำบากแย่แล้ว”
“ไม่เลยครับ ผมยินดี”
ทำไมพะแพงถึงรู้สึกได้ว่ากระแสเสียงแปร่งนั้นเปลี่ยนไปเป็นกระด้างดุดันแสนคุ้นเคย ไม่หรอก หล่อนคงคิดมากไปเอง
“ขอบคุณมากค่ะ แต่ดิฉันไม่อยากรบกวนคุณจริงๆ ค่ะ”
“อย่าปฏิเสธเลยครับ ผมเต็มใจช่วย เพราะผมเอ็นดู…วินเซนต์”
ทำไมผู้ชายคนนี้จะต้องพูดเน้นเสียงที่ชื่อลูกชายของหล่อนด้วยนะ แปลกจริง หรือว่าหล่อนหูฝาดไป
“แต่ว่า…”
“เอาอย่างนี้นะครับ พรุ่งนี้คุณรอผมอยู่ที่โรงเรียนของวินเซนต์ ผมจะไปรับคุณที่นั่น และจะพาไปทดลองทำงาน”
“คือว่า…ฉัน…” พะแพงไม่สะดวกใจ เพราะหล่อนยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาคุณลุงลูกโป่งของลูกชายมาก่อนเลย แต่ก็ถูกเขาต้อนเสียจนมุมไม่มีทางเลี่ยง
“ผมไม่ใช่ผู้ร้าย ไม่เชื่อถามลูกชายคุณดูสิครับ”
“งั้น…เรานัดกันที่ร้านกาแฟใกล้ๆ โรงเรียนดีไหมคะ”
เดมอนแค่นยิ้มกับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง “ถ้าคุณสะดวกใจแบบนั้น ผมก็ยินดีครับ”
“ขอบคุณมากนะคะ ไว้พรุ่งนี้เจอกันค่ะ”
“ด้วยความยินดีครับ คุณ…พะแพง”
“นี่คุณรู้ชื่อฉันได้ยังไงคะ” หล่อนละล่ำละลักถามออกไปด้วยน้ำเสียงแปลกใจ และก็ได้ยินเสียงหัวเราะหึๆ จากผู้ชายปลายสาย ก่อนที่เขาจะตอบออกมา
“ลูกชายคุณบอกผมน่ะครับ เอาเป็นว่าเจอกันพรุ่งนี้เก้าโมงตรงนะครับ”
“ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งค่ะ”
ผู้ชายปลายสายวางสายไปแล้ว ในขณะที่หล่อนยังคงเต็มไปด้วยความแคลงใจมากมาย
ทำไมหล่อนต้องรู้สึกเหมือนคุ้นเคยกับผู้ชายคนนี้ด้วย ทั้งๆ ที่มั่นใจว่าไม่เคยรู้จักมาก่อน สงสัยหล่อนจะคิดมากไปนั่นเอง พะแพงถอนหายใจออกมา ก่อนจะหันไปยิ้มกับลูกชาย
“พรุ่งนี้แม่จะไปเจอคุณลุงลูกโป่งของหมูวินนะครับ”
“เย้…ดีใจจังคับ”
“ทำไมจะต้องกระโดดดีใจตัวลอยด้วยล่ะครับคนเก่ง”
เด็กน้อยยิ้มกว้างจนตาหยี “ก็ผมดีใจที่แม่จะได้เจอกับคุณลุงลูกโป่งของผมนี่ครับ”
“จ้า ตอนนี้ก็กลับไปทำการบ้านต่อได้แล้วใช่ไหมครับ เด็กชายวินเซนต์”
“คับผม”
วินเซนต์ตอบรับด้วยรอยยิ้มน่ารัก ก่อนจะรีบวิ่งกลับไปก้มหน้าก้มตาทำการบ้านของตัวเองต่อทันที
พะแพงถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะนั่งกุมโทรศัพท์มือถือ และเหม่อลอยคิดถึงเดมอนเงียบๆ
ในขณะที่พะแพงกำลังนั่งเหม่อลอยอยู่นั้น เดมอนคนที่หล่อนคิดถึงก็กำลังโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ และพยายามคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น รวมถึงเรื่องของวินเซนต์ด้วย
“ไม่คิดว่าโลกจะกลมแบบนี้นะ แพตตี้”
เขาขบกรามแน่นจนขึ้นสันนูนเป่ง พร้อมๆ กับคำพูดของแม่ม่ายลูกติดที่โรงเรียนคนนั้นดังระเบิดขึ้นในหัวจนเนื้อสมองของเขาแทบกระจุย
‘ก็หน้าตาของเด็กคนนั้นถอดแบบมาจากคุณราวกับแกะเลยนี่คะ’
เพราะอย่างนี้นี่เอง เขาถึงรู้สึกว่าเด็กชายช่างคุ้นตาคุ้นใจ ที่แท้…เรื่องมันก็เป็นแบบนี้นี่เอง
“แพตตี้…เธอจะต้องได้รับโทษทัณฑ์อย่างสาสมกับสิ่งที่เธอทำลงไป!”
ร่างสูงใหญ่ของเดมอนนั่งไขว่ห้างจิบวิสกี้อยู่ในเงามืดของระเบียงที่ยื่นออกไปจากห้องพัก ในสมองยังคงวิ่งวุ่นหมุนเป็นลูกข่างเพราะแม่พะแพงคนงามไม่ยอมหยุด
พะแพงเป็นผู้หญิงคนแรกที่หยุดความสนใจของเขาเอาไว้แค่เพียงที่หล่อนคนเดียวเท่านั้น สมองที่เคยหมกมุ่นอยู่แต่กับเรื่องงาน มันล้นปรี่ไปด้วยเรื่องราวของหล่อนมาตลอดสี่ปีเต็ม ไม่เคยมีวันไหนเลยที่เขาไม่นึกถึงหล่อน
กรามแกร่งบดกันแน่นจนแทบแหลกละเอียด เขาสบถในลำคออย่างเกลียดชังตัวเอง ก่อนจะกระดกแก้วใบสวยเทวิสกี้เข้าปากจนหมดทุกหยด
“ทำไมเธอดื้อแบบนี้นะ แพตตี้”
เขาพึมพำอย่างหงุดหงิด เพราะไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าแม่สาวใช้หน้าหวานที่เคยบำเรอปรนเปรอเขาอย่างว่านอนสอนง่ายที่ลาสเวกัส เวลาสี่ปีจะเปลี่ยนแปลงให้หล่อนเข้มแข็งได้มากขนาดนี้ หล่อนไม่ได้อ่อนต่อโลกเหมือนเมื่อก่อนอีกแล้ว หล่อนพร้อมที่จะต่อต้านเขาอย่างสุดพละกำลังที่มี และถึงแม้ว่าเขาจะเอาชนะหล่อนได้ทุกครั้ง แต่นั่นก็เพราะเขาใช้ความเชี่ยวชาญที่มีมากกว่าบีบคั้นหล่อน
มันไม่ได้น่าภูมิใจเลยสักนิด!
เดมอนเอนตัวพิงกับพนักเก้าอี้สีขาว วางแก้ววิสกี้ในมือลงกับโต๊ะตรงหน้า ดวงตาคมกล้าสีฟ้าเข้มเหลือบขึ้นมองท้องฟ้าในยามค่ำคืนด้วยความสะท้อนใจ
เขาพ่ายแพ้แล้ว…
มันคือความจริง เมื่อเขาไม่อาจจะต้านทานเสน่ห์นางของพะแพงได้ ไม่ว่าจะตอนนี้ หรือเมื่อสี่ปีก่อน เนื้อตัวของเขาก็ร้อนรุ่ม และเต็มไปด้วยตัณหาราคะเพื่อหล่อนเสมอ
เขาไม่เคยต้องการผู้หญิงคนไหนรุนแรงเท่ากับพะแพงมาก่อน ต้องการหล่อนจนเนื้อตัวร้อนผ่าวทรมาน ทั้งๆ ที่พยายามบอกตัวเองว่าหล่อนเป็นเพียงแค่สาวใช้ เป็นเพียงแค่ทาสบำเรอเท่านั้น แต่หัวใจก็ยังโหยหา กายหนุ่มยังคงกรีดร้องหาหล่อนตลอดเวลา แม้กระทั่งยามที่มีวิคตอเรียนอนอยู่ข้างกายก็ตาม
เขาทรมานมาก ทรมานจนคล้ายกับจะตายดับ…
เดมอนถอนหายใจออกมาแรงๆ กำลังจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ แต่เบนจามินทร์ซึ่งเป็นน้องชายแท้ๆ ของเชลดอนเดินมาหยุดข้างกายเสียก่อน พร้อมกับพูดขึ้น
“นายน้อยจะรับวิสกี้เพิ่มไหมครับ”
คนถูกถามยิ้มเครียดๆ ก่อนจะกระแทกลมหายใจออกมา “ไม่ล่ะ ฉันเริ่มเมาแล้ว”
“ครับ”
เบนจามินทร์ตอบรับ และขยับตัวหลีกทางให้เดมอนเดินผ่านเพื่อกลับเข้าไปภายในห้องพัก ก่อนที่ตัวเองจะเดินตามเข้าไป
เดมอนเข้ามาภายในห้องก็สลัดเสื้อผ้าออกจากตัวจนร่างกายเปลือยเปล่า เบนจามินทร์รีบไปหยิบเสื้อคลุมมาส่งให้กับเจ้านายของตัวเอง ขณะลอบมองเรือนร่างสมบูรณ์แบบของเดมอนด้วยความชื่นชมยิ่งนัก
องอาจผึ่งผายสมชายชาตรีเป็นแบบนี้นี่เอง ไม่สิ…เดมอนสมบูรณ์แบบเกินกว่าคำนั้นเสียอีก เขาไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนรูปร่างดีแบบเจ้านายมาก่อน ทุกสัดส่วนล้วนแต่ไร้ที่ติ ขนาดเขาเป็นผู้ชายด้วยกันแท้ๆ ยังอดที่จะมองด้วยความชื่นชมไม่ได้เลย
“ฉันจะอาบน้ำ นายมีอะไรก็ไปทำเถอะ”
มือใหญ่สีแทนดึงเชือกที่ขอบเอวมาผูกเอาไว้หลวมๆ กำลังจะเดินตรงไปที่ห้องน้ำ แต่เบนจามินทร์เอ่ยถามเสียก่อน
“วันนี้นายน้อย…เจอเธอไหมครับ”
วันนี้เบนจามินทร์ไม่ได้ขับรถไปให้อย่างเช่นทุกครั้ง เพราะเดมอนต้องการความเป็นส่วนตัว
“เจอ”
“เอ่อ…แล้วเธอยอมกลับลาสเวกัสกับนายน้อยไหมครับ”
เนื้อตัวของเดมอนแข็งเกร็ง ใบหน้าหล่อจัดกระด้างขึ้นมาเล็กน้อย
“ต่อให้ต้องลักพาตัว ฉันก็จะทำ”
สายตาจริงจังของเดมอนที่ตวัดมองมา ทำให้เบนจามินทร์รู้ดีว่าเจ้านายไม่ได้มาเล่นๆ
“ผม…จะทำตามคำสั่งของนายน้อยทุกอย่างครับ ขอแค่นายน้อยออกคำสั่งเท่านั้น”
“ตอนนี้ยังไม่มีอะไรให้นายทำหรอก นายไปพักผ่อนเถอะ”
“ครับนายน้อย ฝันดีนะครับ”
“อืม”
เบนจามินทร์มองตามเรือนร่างสูงใหญ่แสนสง่างามของเดมอนจนหายเข้าไปในห้องน้ำ จึงระบายลมหายใจออกมาทางปากแผ่วเบา และพึมพำ
“พี่เชลดอนเคยบอกว่านายน้อยรักผู้หญิงคนนี้มาก ชักอยากเห็นหน้าแล้วสิว่าจะสวยขนาดไหน จะสวยเท่ากับคุณวิคกี้หรือเปล่า” ลูกน้องหนุ่มยังพูดไม่ทันจบ เสียงโทรศัพท์มือถือของตัวเองก็ดังกังวานขึ้นเสียก่อน
“พี่เชลดอน แหมตายยากจริงๆ”
เบนจามินทร์อมยิ้มเมื่อเห็นเบอร์ที่เรียกเข้ามาที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือ ชายหนุ่มรีบกดรับ ก่อนเดินหายออกไปจากห้องพักของเดมอนอย่างรวดเร็ว
“มีอะไรหรือครับพี่เชลดอน”
“นายน้อยเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงห่วงใยจนวิตกกังวลของผู้เป็นพี่ชายทำให้เบนจามินทร์อดหัวเราะไม่ได้
“ใครจะทำอะไรนายน้อยได้ล่ะครับพี่เชลดอน มีแต่นายน้อยนั่นแหละจะไปทำอะไรคนอื่น”
“ก็นั่นแหละที่ฉันเป็นห่วงล่ะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของพี่ชาย ก็ทำเอาเบนจามินทร์กลั้นหัวเราะขบขันเอาไว้ไม่อยู่
“ถ้านายน้อยมาได้ยินพี่พูดแบบนี้ สงสัยงดโบนัสปีนี้ของพี่แน่”
“อย่ามาทำเป็นหัวเราะ แกดูแลนายน้อยให้ดีก็แล้วกัน อย่าให้ทำอะไรวู่ว่ามเด็ดขาด ที่นั่นไม่ใช่ลาสเวกัส”
“นายน้อยก็ไม่เห็นทำอะไรเลยนะครับพี่เชลดอน ก็ปกติดีทุกอย่าง”
“นายน้อยใจร้อน และใครขัดใจไม่ได้ ถ้าขืนไม่ได้อะไรดั่งใจ นายน้อยอาจจะเผลอทำอะไรรุนแรงลงไป แกจะต้องคอยเตือนนายน้อย เข้าใจไหม”
“แหม ผมว่าพี่เชลดอนบินมาเลยดีกว่าไหมครับ”
“แกก็ทำเป็นพูดเล่นไปเรื่อย ถ้าฉันไม่ป่วยจนต้องเข้าโรงพยาบาล แกก็ไม่มีทางได้ดูแลนายน้อยแทนฉันหรอกน่า จำเอาไว้เสียด้วย” เชลดอนพูดอย่างโมโห
“คร้าบบบ ผมทราบแล้วครับพี่ชาย”
“อย่าทำให้ฉันผิดหวังล่ะ และแกก็ต้องช่วยให้นายน้อยได้ผู้หญิงคนนั้นกลับมาลาสเวกัสด้วย เข้าใจไหม”
“ครับผม” เบนจามินทร์ตอบรับคำของพี่ชายหนักแน่น ก่อนจะแกล้งยกมือขึ้นปิดปากหาว “ที่นี่ดึกแล้ว ผมขอตัวไปนอนก่อนนะครับ เอาไว้คุยกันใหม่ หายเร็วๆ นะครับพี่เชลดอน”
“อืม แล้วอย่าลืมที่สั่งล่ะ” เชลดอนยังคงกำชับ
“คร้าบ ไม่ลืมแน่นอนครับ”
เบนจามินทร์ส่ายหน้าน้อยๆ กับโทรศัพท์มือถือของตัวเอง ก่อนจะบ่นพึมพำ
“คนที่น่าเป็นห่วงคือผู้หญิงคนนั้นต่างหากล่ะพี่เชลดอน ไม่ใช่นายน้อยสักหน่อย”
เดมอนรับมาถือเอาไว้และเขียนเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองลงในสมุดของวินเซนต์ ก่อนจะยื่นคืนเด็กน้อย
“ฝากให้แม่ของเราด้วยนะ”
วินเซนต์เอียงคอมองตัวเลขในสมุดของตัวเอง ก่อนจะเอ่ยถามตามประสาเด็ก
“แล้วผมจะบอกแม่ว่าคุณลุงชื่ออะไรล่ะคับ”
“อ้าว นี่ลุงยังไม่ได้บอกชื่อเราอีกหรือ” เดมอนหัวเราะขบขัน ก่อนจะดึงสมุดกลับคืนมา และเขียนชื่อของตัวเองลงไป จากนั้นก็ยื่นคืนให้วินเซนต์
วินเซนต์ยังอ่านหนังสือไม่ออกจึงไม่รู้ว่าเดมอนเขียนคำว่าอะไรต่อท้ายเบอร์โทรศัพท์
“ลุงชื่ออะไรเหรอคับ”
“โดราเอมอน”
วินเซนต์ได้ยินก็ส่ายหน้าพรืด “โดราเอมอนเป็นแมวนะคับ ไม่ได้เป็นคน”
เดมอนยิ้มให้กับความน่ารักของวินเซนต์ “บอกแม่ของเราแบบนี้ก็พอแล้ว”
“คับ”
“หมูวิน หนีคุณครูมาอยู่นี่เอง ไปครับ ไปรอคุณแม่ทางนู้นกัน”
เสียงของคุณครูประจำชั้นดังขึ้น วินเซนต์รีบบอกลาเดมอน ก่อนจะรีบวิ่งไปหาคนเรียก
เดมอนโบกมือให้กับเด็กชายตัวน้อยที่ตัวเองถูกชะตายิ่งนัก ก่อนจะลุกขึ้นเพื่อจะไปตามหาพะแพงที่วิ่งหายไป แต่ก็ชนเข้ากับร่างของผู้หญิงคนหนึ่งที่เดินจูงลูกสาวมาเสียก่อน
“อุ๊ย ขอโทษค่ะ”
“ขอโทษครับ ไม่เป็นอะไรนะครับ”
เดมอนขอโทษตามมารยาท และยิ้มตอบเมื่อผู้หญิงคนนั้นระบายยิ้มกว้างมาให้
“ไม่คิดว่าคุณจะพูดไทยด้วยนะคะ”
“พี่เลี้ยงของผมเป็นคนไทยน่ะครับ”
เขาตอบไปตามความจริง และพยายามจะปลีกตัว แต่หญิงแปลกหน้าไม่ยอมเปิดโอกาสให้
“ว่าแต่เด็กคนเมื่อกี้นี้ลูกของคุณเหรอคะ”
“เด็ก? คนไหนครับ” เดมอนเลิกคิ้วสูงตั้งคำถาม
“ก็เด็กลูกครึ่งที่คุณคุยด้วยตั้งนานน่ะค่ะ”
เดมอนมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างรู้ทันทันที แสดงว่าเจ้าหล่อนจับจ้องเขามานานแล้วนั่นเอง
“ทำไมคุณถึงคิดแบบนั้นล่ะครับ”
“ก็หน้าตาของเด็กคนนั้นถอดแบบมาจากคุณราวกับแกะเลยนี่คะ”
เดมอนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ และเอ่ยถามออกไปอย่างทีเล่นทีจริง
“จริงหรือครับ”
“จริงค่ะ ว่าแต่คุณเป็นม่ายมานานหรือยังคะ”
“ม่าย?” เดมอนทวนคำของผู้หญิงตรงหน้า
“ใช่ค่ะ มองก็รู้ว่าคุณน่าจะถูกเมียทิ้ง ก็เหมือนกับอรนี่แหละค่ะที่เป็นม่ายเหมือนกัน”
ชายหนุ่มระบายยิ้มหยันออกมา “ถึงผมจะเป็นม่าย เมียหนี หรือเมียตาย แต่ผมก็ไม่คิดจะหาเมียใหม่ในโรงเรียนอนุบาลหรอกครับ ขอตัวนะครับ”
เดมอนเดินจากมาหลังจากตอกหน้าผู้หญิงคนนั้นไปอย่างไร้ความปรานี
“ผู้หญิงน่ารำคาญ”
เขาก้าวเดินไปตามทางที่มีแยกมากมายจนมึนงง แต่ไม่ว่าจะเดินไปตรงไหนก็ไร้เงาของพะแพงทุกที จนเขาต้องหยุดเดิน เท้าสะเอว และสบถออกมาอย่างหัวเสีย
“อย่าให้เจอเชียว จะจับมัดมือมัดเท้าเสียให้เข็ด”
เดมอนถอนหายใจแรงๆ อย่างโมโห ก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกไปจากโรงเรียนอนุบาล
“เฮ้ออออ…”
พะแพงที่แอบอยู่ภายในห้องน้ำหญิงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เมื่อร่างสูงใหญ่ของเดมอนเดินออกไปนอกโรงเรียนแล้ว หล่อนภาวนาให้ไม่ต้องพบเจอกันอีก เพราะทุกครั้งที่เจอเขา หล่อนก็ผูกขาดความพ่ายแพ้เอาไว้เสียทุกประตู
“หมูวิน…”
หญิงสาวรีบออกมาจากห้องน้ำ และจ้ำอ้าวตรงไปยังจุดประจำที่ตัวเองไปรับลูกชาย
“แม่คับ” วินเซนต์รีบโบกมือและตะโกนเรียกมารดาทันทีเมื่อมองเห็น
พะแพงย่อตัวลงและกอดบุตรชายที่วิ่งโผเข้ามาหาอย่างรักสุดหัวใจ ก่อนจะหันหน้าไปขอโทษขอโพยคุณครูประจำชั้นที่หล่อนมารับช้าแทบทุกวันอย่างละอายใจ
“ขอโทษอีกครั้งนะคะครูนิด วันนี้แพงมารับช้าอีกแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่า ยังมีเด็กในห้องอีกตั้งสี่คนที่ผู้ปกครองยังไม่ได้มารับ คุณแม่ไม่ต้องกังวลนะคะ”
พะแพงยืนตัวตรงและยกมือไหว้คู่สนทนา “แต่ยังไงก็ต้องขอบคุณครูนิดนะคะ ที่คอยดูแลหมูวินให้เป็นอย่างดี ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ”
“ไม่เป็นไรจริงๆ ค่ะ หมูวินเป็นเด็กดี เป็นเด็กฉลาด ครูอยู่ด้วยแล้วก็มีความสุขค่ะ นี่มีเรื่องมาคุยกับครูทุกวันเลยนะคะ”
พะแพงยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะหันไปถามลูกชาย “วันนี้โม้อะไรให้ครูนิดฟังอีกครับ เจ้าหมูน้อยของแม่”
วินเซนต์ฉีกยิ้มกว้าง จนแก้มยุ้ยสีแดงระเรื่อราวกับผิวของมะเขือเทศสุกแทบปริ
“เรื่องพ่อคับ”
สีหน้าของพะแพงซีดสลดลงทันตา แต่ไม่มีใครทันสังเกต แม้กระทั่งครูประจำชั้นของวินเซนต์
“หมูวินบอกว่าแกกำลังพยายามเก็บเงินกลับไปหยอดหมูอ้วนที่บ้านน่ะค่ะ แกบอกว่าจะช่วยคุณแม่เก็บเงินเพื่อซื้อตั๋วเครื่องบินไปหาคุณพ่อค่ะ”
พะแพงทำหน้าไม่ถูก ได้แต่ฝืนยิ้มเจื่อนๆ ออกมา
“เห็นหมูวินบอกว่าพ่อของแกอยู่อเมริกาเหรอคะคุณแม่”
“เอ่อ…” พะแพงอึกอักและรู้สึกทรมานเหลือเกิน “ชะ ใช่ค่ะ อยู่ที่อเมริกา”
ครูประจำชั้นระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะหันไปพูดกับวินเซนต์ “ครูเอาใจช่วยให้หมูวินได้เจอคุณพ่อไวๆ นะครับ”
“ขอบคุณคับ”
พะแพงน้ำตาไหล ต้องก้มหน้าและรีบป้ายทิ้ง ก่อนจะเงยหน้าบอกขอตัวกลับ
“เอ่อ…รบกวนครูนิดมานานแล้ว งั้นแพงกับหมูวินขอตัวกลับก่อนนะคะ”
“ค่า แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะครับหมูวิน”
“คับครู”
วินเซนต์โบกมือลาคุณครูใจดีของตัวเอง และเดินไปพร้อมๆ กับมารดาออกไปนอกโรงเรียน
เด็กน้อยแปลกใจจึงอดถามไม่ได้ “ทำไมวันนี้แม่จอดรถไกลจังคับ”
พะแพงหยุดเดิน ก่อนจะย่อตัวลงมาคุยกับลูกชาย “รถแม่จอดอยู่ไกลมาก เราต้องนั่งลุงวินไปครับ”
“ทำไมแม่ไม่ขับมาจอดที่เดิมล่ะคับ”
“เอ่อ พอดีเมื่อเช้ารถติดมาก แม่กลัวเข้างานไม่ทัน ก็เลยจอดรถทิ้งเอาไว้น่ะครับ”
“คับ”
“เรานั่งลุงวินไปเอารถกันเนอะ”
เด็กน้อยตอบรับอย่างไร้เดียงสา “คับ”
พะแพงระบายยิ้มให้กับลูกชาย น้ำตาเจียนจะหยดเมื่อนึกสะท้อนใจกับเหตุการณ์มากมายที่เกิดขึ้นในวันนี้
พ่อของวินเซนต์อยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ลูกชายจะไม่มีทางได้ล่วงรู้เด็ดขาด เพราะหล่อนรู้ดีว่าเดมอนจะต้องแย่งชิงลูกไปจากหล่อนแน่ หากเขารู้ว่าหล่อนซุกวินเซนต์เอาไว้จากเขานานถึงสี่ปีเต็ม
หล่อนจะไม่มีวันยอมเสียวินเซนต์ไป แม้จะต้องแลกด้วยชีวิตหรือลมหายใจของหล่อนก็ตาม
พะแพงกระชับกระเป๋าสะพายในที่คล้องไหล่เอาไว้แน่น ขณะจ้ำอ้าวเดินออกไปนอกบริษัท มุ่งหน้าตรงไปยังวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วยความเร็วสูง
“ไปไหนครับลูกค้า”
หล่อนรีบบอกจุดหมายของตัวเองกับคนขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และกำลังจะก้าวขึ้นไปนั่งซ้อนท้าย แต่เสียงล้อรถครูดกับพื้นถนนก็ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นใกล้ๆ เสียก่อน หล่อนหันไปมอง ก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตื่นตกใจ
“นายน้อย…”
เดมอนก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า และคว้าแขนเรียวของพะแพงเอาไว้แน่น
“กล้าขัดคำสั่งฉันหรือ แพตตี้”
แม้จะตกใจ แต่ก็รีบรวบรวมสติอย่างรวดเร็ว “นี่ปล่อยฉันนะ คุณไม่มีสิทธิ์มาทำอย่างนี้กับฉัน”
กรามแกร่งกระด้างขบกันแน่น โทสะเดือดพล่านอยู่ภายในกายหนุ่มมหาศาล เมื่อนึกถึงตอนที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยโทรขึ้นไปรายงานว่าเจ้าหล่อนเดินหายออกไปนอกบริษัท
หล่อนดื้อมาก ดื้อจนเขาอยากจะปราบพยศบนเตียงทั้งวันทั้งคืนให้เชื่อง
“ไปขึ้นรถเดี๋ยวนี้”
“ฉันไม่ไป ช่วยด้วยค่ะ อุ๊บบบบ”
หล่อนพยายามจะร้องให้คนช่วย แต่ปากก็ถูกคนใจร้ายประกบทาบลงมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย หล่อนพยายามต่อต้าน ผลักไส แต่พอปากร้อนอบอุ่นขยับสองสามครั้ง จิตวิญญาณของหล่อนก็ถูกครอบงำเหมือนเคย ตอบสนองเขาอย่างน่าอับอาย
“อ๊า…”
เดมอนตัดใจถอนปากออก และกระซิบชิดกลีบปากอิ่มแสนหวานที่ตัวเองลุ่มหลงจนโง่หัวไม่ขึ้น
“ฉันจอดรถในที่ห้ามจอดก็เพราะเธอ ดังนั้นเธอควรจะให้ความร่วมมือกับฉัน ก่อนที่ตำรวจจะมาล็อกล้อ เข้าใจไหม”
“แต่…”
“หรือว่าต้องให้ฉันร่วมรักกับเธอโชว์คนพวกนี้ก่อน เธอถึงจะยอมเชื่อฟังฉัน”
หล่อนเบิกตากว้างตกใจ และก็ยอมให้เขาหิ้วปีกตัวเองไปโยนใส่รถสปอร์ตหรูในที่สุด ท่ามกลางสายตาสนอกสนใจของคนที่อยู่ในละแวกนั้น
รถคันงามแล่นออกจากจุดห้ามจอด ทะยานกลับขึ้นไปบนท้องถนน พร้อมๆ กับสติของหล่อนที่ค่อยๆ บินกลับมาเช่นกัน หญิงสาวหน้าตาตื่น และพยายามวิงวอนให้เขาจอดรถ
“ฉัน…ต้องกลับไปเอารถค่ะ ฉันไปกับคุณไม่ได้”
“ทิ้งมันไปเถอะ เพราะต่อไปเธอไม่จำเป็นต้องขับรถเองอีกแล้ว แพตตี้”
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง มองคนจอมเผด็จการอย่างโมโห “คุณไม่มีสิทธิ์มาบงการชีวิตของฉันนะคะ ฉันไม่ใช่เมียของคุณ” เมื่อพูดถึงภรรยาของเขา หล่อนก็อดที่จะประชดประชันถึงวิคตอเรียไม่ได้
“ภรรยาของคุณ…ไปไหนซะล่ะคะ”
“คนไหนล่ะ”
คำถามยียวนที่คมกริบราวกับใบมีดโกนพุ่งออกมาจากปากกว้างหยักสวยของเดมอน พร้อมๆ กับไฟร้อนๆ ในดวงตาสีฟ้าเข้มที่ตวัดมองมา แม้จะชั่วพริบตาแต่ร่างของหล่อนก็เหมือนถูกแผดเผาจนไหม้เกรียมอย่างง่ายดาย
“คุณวิคกี้ไงค่ะ”
“เราหย่ากันแล้ว”
น้ำเสียงของเขาราบเรียบยามตอบออกมา ไม่มีความรู้สึกใดๆ เลยบนเสี้ยวหน้าหล่อเหลาของเขา
พะแพงอึ้งไปเล็กน้อย เพราะไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “คุณรักเธอมาก ทำไมถึงยอมหย่าล่ะคะ”
สายตาคมกริบของเดมอนตวัดมองมา “มันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องรู้ สิ่งเดียวที่เธอควรจะรู้ในตอนนี้ก็คือ กลับมาอยู่กับฉัน และฉันจะดูแลเธอกับลูกเป็นอย่างดี”
หล่อนควรดีใจสิที่จะได้กลับไปอยู่ข้างกายของผู้ชายที่ตัวเองรักอีกครั้ง แต่…มันไม่มีทางยั่งยืนหรอก
“ขอบคุณนะคะสำหรับความหวังดี แต่ฉันไม่ต้องการค่ะ” หล่อนกลั้นใจตอบเสียงแข็งออกไป “รบกวนจอดรถด้วยนะคะ ฉันจะลงค่ะ”
เขาไม่พูด ไม่ตอบ และไม่ทำอะไรเลยนอกจากเหยียบคันเร่งรถคันงามจนมิด
รถสปอร์ตสุดหรูพุ่งทะยานไปข้างหน้าราวกับติดปีก หล่อนหวาดกลัวจนต้องหลับตาปี๋ และภาวนาให้ตัวเองมีชีวิตรอดได้ไปเจอวินเซนต์ในเย็นวันนี้ด้วยเถอะ
“หยุดเดี๋ยวนี้นะแพตตี้”
ทันทีที่รถจอดสนิทคนตัวเล็กก็แทบจะกระโดดลงจากรถไปเลยทีเดียว เขาตะโกนเรียกด้วยความโมโห แต่เจ้าหล่อนไม่แม้แต่จะหันกลับมามองเลยแม้แต่น้อย
“ผู้หญิงบ้า!”
เดมอนสบถออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะย่ำเท้าเดินตามหลังของพะแพงเข้าไปภายในโรงเรียนอนุบาลตรงหน้า
ภายในโรงเรียนเต็มไปด้วยเด็กน้อยวัยใกล้เคียงกันทั้งหญิงและชายจำนวนหลายสิบคน บางคนวิ่งเล่นไล่จับ บางคนนั่งชิงช้า และบางคนก็ยืนเกาะแขนคุณครูของตัวเองไม่ยอมปล่อย เขาเผลอระบายยิ้มกว้างออกมาโดยไม่รู้ตัว หัวใจกระด้างที่เคยคิดว่าไม่มีความอ่อนโยนซ่อนอยู่ในนั้นกำลังหวั่นไหว
หากวันหนึ่งเขามีลูก…จะน่ารักเหมือนเด็กเหล่านี้ไหมนะ
ระหว่างที่เดมอนกำลังยืนกอดอกมองเด็กที่วิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานเพลินๆ อยู่นั้น แขนของเขาก็ถูกสะกิด พร้อมกับเสียงสดใสของเด็กชายคนหนึ่ง
“คุณลุงนั่นเอง”
เขาหันมามอง และเมื่อเห็นว่าเป็นไอ้เด็กหมูอ้วนที่เดินตามเขาเพราะลูกโป่งก็ระบายยิ้มออกมา ชายหนุ่มย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า พร้อมกับกล่าวทักทายเด็กชายตัวน้อย
“สวัสดีหมูอ้วน ไม่คิดว่าจะเจอเราที่นี่นะ”
วินเซนต์ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะยกมือขึ้นกอดอก “ก็ผมเรียนที่นี่นี่คับ”
“เราเรียนที่นี่หรือ”
“ใช่คับ” เด็กน้อยที่ฉลาดเกินวัยพยักหน้ารับ “แล้วคุณลุงมารับลูกเหรอคับ”
เดมอนระบายยิ้ม ยกมือขึ้นยีเส้นผมของวินเซนต์อย่างเอ็นดู “ลุงยังไม่มีลูกหรอก ว่าแต่เราเถอะ ออกมายืนตรงนี้ทำไม แล้วแม่ของเราล่ะไปไหน หรือว่ายังไม่มารับ”
“ผมรอแม่อยู่คับ”
เดมอนยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นมอง “นี่ก็สี่โมงกว่าแล้ว ทำไมแม่เราถึงได้ช้าแบบนี้”
“แม่ผมทำงานหนักคับ ผมรอได้”
คำพูดจาไร้เดียงสาของเด็กน้อยทำให้เดมอนยิ่งเอ็นดู “เดี๋ยวลุงจะชวนแม่เราไปทำงานกับลุงดีไหม แล้วลุงสัญญาว่าจะอนุญาตให้แม่ของเรามารับตั้งแต่ก่อนโรงเรียนเลิกเลย”
“ขอบคุณมากคับ” วินเซนต์ฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นหน้าไปจุ๊บแก้มสากที่มีเคราพองามของเดมอนเบาๆ สองที “คุณลุงใจดีจังเลย”
เดมอนรู้สึกเหมือนกับถูกกระแสไฟฟ้าวิ่งเข้าผ่านร่าง เขาจ้องมองใบหน้าแป้นแล้นของเด็กน้อยตรงหน้าด้วยความประหลาดใจ ทำไมเขาถึงรู้สึกเอ็นดูเด็กคนนี้มากเป็นพิเศษนะ เพราะอะไรกัน
“แต่วันนี้ลุงคงอยู่รอเจอแม่ของเราไม่ได้ เพราะลุงพาภรรยาของลุงมารับลูกของเธอน่ะ ยังไงเดี๋ยวลุงฝากเบอร์โทรศัพท์เอาไว้ให้แม่ของเรานะ”
“ได้คับ”
“เรามีกระดาษกับดินสอหรือเปล่า”
“มีคับ”
วินเซนต์รีบเปิดกระเป๋านักเรียนลายโดราเอมอน และหยิบสมุดกับดินสอยื่นให้กับคุณลุงใจดีตรงหน้า
เกือบบ่ายสองโมง กิ่งแก้วถึงกลับเข้ามาภายในบริษัทอีกครั้ง แต่ไม่ได้มาพร้อมกับเดมอน
“แพงของฝากจ้ะ”
กล้วยทอดของโปรดวางลงบนโต๊ะของพะแพง
“ขอบคุณมากค่ะพี่กิ่ง แต่แพงยังไม่หิวเลยค่ะ”
“ไม่หิวก็ต้องกินนะ นี่ท่านประธานสั่งพี่ให้ซื้อมาให้แพงเลยนะเนี่ย”
สิ่งที่ได้ยินทำให้คนฟังยิ่งน้อยใจ หล่อนผลักถุงกล้วยทอดออกไปห่างๆ
“พี่กิ่งเก็บเอาไว้กินเถอะค่ะ แพงไม่หิวจริงๆ”
“พี่ก็กินไม่ไหวเหมือนกัน ท่านประธานเลี้ยงข้าวเสียจนอิ่มแปล้เลยเนี่ย” กิ่งแก้วยกมือขึ้นลูบพุงของตัวเองที่ดันตัวเสื้อออกมามากกว่าทุกวัน
“งั้นก็ทิ้งไปเถอะค่ะ”
“ท่านประธานรู้จะโกรธเอาน่ะสิ” กิ่งแก้วไม่เห็นด้วย แต่คนที่กำลังถูกความน้อยใจครอบงำ คว้าถุงกล้วยทอดแล้วโยนใส่ถังขยะทันที ท่ามกลางความตกใจของกิ่งแก้ว
“แพง…?!”
พะแพงฝืนยิ้มให้กับกิ่งแก้ว และรีบเปลี่ยนเรื่อง “หนังสือเชิญประชุมของฝ่ายบัญชี แพงส่งให้พี่กิ่งทางอีเมลแล้วนะคะ และถ้าพี่กิ่งอยากเพิ่มเติมหัวข้อการประชุมก็แจ้งแพงได้เลยค่ะ แพงจะรีบเพิ่มให้ค่ะ”
“แพงกับท่านประธานเคยรู้จักกันมาก่อนใช่ไหม”
คำถามที่ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินจากปากของกิ่งแก้ว ทำให้พะแพงถึงกับชะงักงัน ก่อนจะรีบปั้นหน้าปฏิเสธ
“มะ…ไม่เคยค่ะ”
“แต่พี่ว่ามันแปลกๆ นะ”
“มันไม่มีอะไรแปลกนี่คะพี่กิ่ง”
พะแพงพยายามที่จะหัวเราะกลบเกลื่อนออกมา แต่ก็ทำได้ไม่ดีนัก เพราะกิ่งแก้วยังคงสงสัยเช่นเดิม
“แปลกสิ ทั้งแพงทั้งท่านประธานเลยล่ะ”
“แพง…ไม่มีอะไรแปลกนะคะ”
“ไม่ต้องมาแก้ตัวเลย แพงน่ะตัวดี พี่เห็นตัวสั่นเทาเป็นเจ้าเข้าทรงเลยตอนที่ยืนต่อหน้าท่านประธานน่ะ”
“แพง…แค่ไม่ค่อยสบายน่ะค่ะ”
กิ่งแก้วถอนหายใจออกมาแรงๆ กับคำแก้ตัวไม่ยอมจนมุมของพะแพง “ส่วนท่านประธานก็แปลก ไปกินข้าวกับพี่แท้ๆ ดันชวนพี่คุยแต่เรื่องของแพงตลอดเลย”
“คุย…เรื่องแพงเหรอคะ” พะแพงที่เคยหลบสายตาของกิ่งแก้วพัลวัน ตอนนี้เปลี่ยนเป็นจ้องหน้าเขม็ง
“ใช่ ถามจนพี่คอแห้งเลยล่ะ”
“แล้วพี่กิ่งไม่ได้เล่าเรื่องอะไรของแพงให้กับเขา…เอ่อ ท่านประธานฟังใช่ไหมคะ”
กิ่งแก้วหัวเราะแหะๆ ก่อนจะตอบออกมาเสียงอ่อย “บอกหมดเลยจ้ะ”
“พี่กิ่ง!” พะแพงอุทานออกมาอย่างตกใจ
“พี่ขอโทษนะ ท่านประธานถามพี่เสียจนพี่งง และก็หยุดตอบไม่ได้เลย”
พะแพงยกมือขึ้นกุมขมับของตัวเอง และก็วิตกกังวลเกี่ยวกับเรื่องของวินเซนต์เป็นที่สุด
หล่อนจะต้องซ่อนวินเซนต์ให้พ้นจากสายตาของเดมอน จะให้จอมมารร้ายรู้ไม่ได้ว่าวินเซนต์เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา เพราะหล่อนรู้ดีว่าหากเดมอนรู้ว่าเขาพลาดพลั้งมีลูกกับหล่อน เขาจะต้องแย่งชิงเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองกลับไปลาสเวกัสอย่างแน่นอน และเมื่อนั้นชีวิตของหล่อนก็จะไม่เหลืออะไรอีกเลย แม้กระทั่งลมหายใจสุดท้าย…
ร่างอรชรที่แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงอยู่แล้วลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว
“แพงจะไปไหนน่ะ” กิ่งแก้วเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“แพงมีเรื่องจะคุยกับท่านประธานค่ะ”
แม้คู่สนทนาจะแสดงความมึนงงออกมามากแค่ไหน แต่หล่อนก็ไม่คิดจะอยู่อธิบายใดๆ ต่อไปอีก หล่อนแทบจะวิ่งเข้าไปในห้องทำงานของเดมอนเสียให้ได้
“อยากให้เบิลอีกรอบหรือแพตตี้”
คนตัวโตระบายยิ้มหยอกเย้า และมองร่างหอบๆ ของหล่อนที่โผล่เข้ามาในห้องทำงานกว้างอย่างล้อเลียน
“ฉันมาขอลาออกค่ะ”
เขาไม่ได้มีสีหน้าตกใจเลยแม้แต่น้อย “ถ้าเธอลาออกไป แล้วจะเอาเงินที่ไหนให้ลูกไปเรียนหนังสือล่ะ”
คำว่า ‘ลูก’ ที่หลุดออกมาจากปากของเขา เรียกน้ำตาจากหล่อนได้ดีเหลือเกิน หล่อนต้องใช้แรงใจมากมายกว่าจะสามารถสะกดกลั้นหยาดน้ำแห่งความเสียใจเอาไว้แค่เพียงที่ขอบตาเท่านั้น
“ได้ข่าวว่าผัวก็ทิ้งไปแล้วไม่ใช่หรือ” กรามแกร่งของคนพูดขบกันแน่น คล้ายกับเขากำลังโมโหไม่มีผิด
พะแพงเชิดหน้าสูง มองเขาด้วยสายตาท้าทายเป็นครั้งแรก และก็คงเป็นครั้งเดียวที่จะทำได้
“ถึงผัวจะทิ้งไป แต่ฉันก็สามารถหาใหม่ได้ไม่ยากค่ะ”
“แพตตี้!”
เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วเดินอ้อมโต๊ะออกมาเผชิญหน้ากับหล่อน หน้าตาของเขาแดงก่ำไปด้วยโทสะ ดวงตาสีฟ้าเข้มตอนนี้เรืองรองด้วยไฟอารมณ์
“อยากได้เท่าไหร่ฉันจะให้ แค่นอนให้ฉันเอาแก้เบื่อก็พอ”
คำพูดของเขาไม่ต่างจากคมมีดที่เฉือนหัวใจของหล่อนจนเป็นแผลฉกรรจ์
ในสายตาของเขา หล่อนมันมีค่าแค่อีตัวบำบัดความใคร่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลยสินะ
“ฉันยอมให้คนอื่นเอา ดีกว่าเป็นของคุณค่ะ โอ๊ย…นี่ปล่อยนะ ฉันเจ็บ!”
สองมือใหญ่ขยุ้มต้นแขนแรงๆ อย่างไม่ปรานี หล่อนเจ็บจนน้ำตาซึมไหล
เดมอนโน้มหน้าลงมาหา แสยะยิ้มร้ายกาจ “ผู้หญิงร้อนแรงแบบเธอ ผู้ชายหน้าไหนก็สนองให้ถึงใจถึงอารมณ์เท่าฉันไม่ได้หรอก จริงไหมล่ะ”
หล่อนหน้าร้อนฉ่า แต่ก็ยังกล้ำกลืนฝืนทนตอบโต้เขาออกไปด้วยวาจาเผ็ดร้อนไม่ต่างกัน
“ผู้ชายก็เหมือนๆ กันนั่นแหละค่ะ ใครก็ได้สำหรับฉัน”
“ไม่มั้ง…เมื่อกี้ตอนที่ฉันกระแทก เธอร้องลั่นไม่หยุด เสียงโหยหวนแบบนี้ มีแค่ฉันคนเดียวเท่านั้นแหละที่ทำได้”
หล่อนเม้มปากแน่น มองเขาอย่างโมโห “อย่าทะนงตัวไปนักเลยค่ะ เพราะฉันก็เป็นแบบนี้กับผู้ชายทุกครั้งนั่นแหละ นี่ปล่อยนะ อย่ามาแตะต้องฉันอีก!”
“งั้นก็มาพิสูจน์กัน ว่าเธอจะต้านทานฉันได้แค่ไหน”
“คุณ…จะทำอะไร ว้ายยยย”
ร่างอรชรถูกจับหมุนให้ไปนอนคว่ำหน้าลงกับโต๊ะทำงานไม้ และเขาก็ตามประกบเข้ามาด้านหลัง มือใหญ่ตลบชายกระโปรงบานขึ้นมากองไว้ที่บั้นเอว กางเกงชั้นในสีขาวถูกนิ้วยาวรูดผ่านสะโพกผายลงไปที่ข้อเท้า
“ยังใส่กางเกงในโบราณแบบเดิมนะแพตตี้”
เพียะ
“อื้อ…อย่านะ…ปล่อยฉัน…”
หล่อนสะดุ้งเมื่อมือหนาตีแก้มก้นงอนทั้งสองฝั่งแรงๆ อย่างมันเขี้ยว
“บอกให้ปล่อย อื้อ…อ๊ะ…อ๊า…”
เรี่ยวแรงหายวับไปอย่างรวดเร็ว เมื่อมือใหญ่เอื้อมมาด้านหน้าและบดขยี้เม็ดสวาทหนักหน่วง ก่อนที่ความแข็งราวกับท่อนเหล็กจะพุ่งเข้ามาทางด้านหลัง
“อ๊ะ…อื้อ…อื้อ…อย่า…ออกไป.. อื้อ…”
หล่อนพยายามดิ้นรน ต่อต้าน แต่พอเขาเริ่มต้นขยับเท่านั้น สติสตังก็กระเจิดกระเจิงหายไปจนหมดสิ้น บั้นท้ายที่เคยส่ายหนี ตอนนี้ไหวระริกตอบสนองแรงกระแทกของคนตัวโตด้วยความกระตือรือร้น
“อ๊า…อา…นายน้อย…อา…นายน้อยขา…”
“อยากให้ฉันหยุดไหม อืมมมม…ฟิตจริงๆ อืมมม โอ้ว…”
“ไม่…อย่าหยุดค่ะ อย่าหยุด…อา…ได้โปรด อย่าหยุด…อา…อ๊า…อา…”
ไอรักร้อนฉ่าอาบไล้ไปทั่วทั้งจิตวิญญาณ ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะลงโทษแม่สาวคนสวยที่คิดจะตีตัวออกห่าง แต่สุดท้ายก็เป็นเขาเองที่ถูกเพลิงสวาทแผดเผาจนเกรียมไหม้ สายป่านเส้นสุดท้ายขาดผึงลง เดมอนแทรกทะยานเข้าใส่ร่องฟิตคับแคบอย่างดุดัน รัวระทึกบ้าคลั่ง บั้นท้ายทรงพลังกระแทกแหวกลึกเข้าไปในโพรงสาว ตักตวงความหวานร้อนฉ่าด้วยความตะกละตะกลาม ท่ามกลางหมอกสวาทแสนมัวเมา เขาอัดกระหน่ำเข้าใส่อย่างไม่ลืมหูลืมตา กระแทกกระทั้นเข้าใส่นับครั้งไม่ถ้วน เสียงกรีดร้องเสียวรัญจวนของพะแพงดังกระเส่าขึ้นตลอดเวลา ไม่ช้าดวงตาของเขาก็พร่างพราย ความสุขสมเข้มข้นพุ่งเข้ามาครอบงำ เขาสั่นเทาไปทั้งกาย ปลดปล่อยหยาดพันธุ์สวาทเข้าสู่โพรงรักของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของบั้นท้ายดินระเบิดอย่างล้ำลึก
มันเกิดขึ้นอีกแล้ว…และด้วยความเต็มอกเต็มใจของหล่อนอีกด้วย
เมื่อสมองเริ่มกลับมาทำงานอีกครั้ง ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีจึงระเบิดเต็มหัวใจ หยาดน้ำตาแห่งความอดสูไหลรินลงมาอาบแก้ม หล่อนนอนนิ่งจนกระทั่งเขาชักถอนความแข็งชันออกไปจากกาย นั่นแหละจึงค่อยๆ พยุงตัวขึ้น มือเล็กสั่นเทาก้มลงดึงกางเกงชั้นในขึ้นมาสวมใส่ พร้อมกับดันชายกระโปรงให้ลงไปอยู่ที่เดิม ก่อนจะช้อนตามองเขาด้วยความเจ็บปวด
“พอใจแล้วใช่ไหมคะ”
“ไม่ต้องมาร้องไห้ นี่คือโทษทัณฑ์ที่เธอบังอาจไปมีลูกกับผู้ชายคนอื่น!”
เขาเลื่อนมือมากุมที่ลำคอขาวผ่องของหล่อน และเพิ่มแรงกดของนิ้วมากขึ้นทุกขณะ
หล่อนมองเขาอย่างเสียใจ แต่ไม่พูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียว ถ้าเขาคิดว่าหล่อนสามารถมีผู้ชายคนอื่นได้อีกหลังจากที่ตกเป็นผู้หญิงของเขาแล้ว ก็เชิญตามสบาย
“ฉันไม่อนุญาตให้เธอลาออก”
“คุณห้ามฉันไม่ได้หรอกค่ะ”
“หึ แน่ใจหรือว่าห้ามไม่ได้”
มือใหญ่เลื่อนจากลำคอระหงลงมาป้วนเปี้ยนแถวปทุมถันอวบอัดแทน และถึงแม้ว่าหล่อนจะสวมเสื้อเอาไว้อย่างมิดชิด แต่ไอร้อนจากฝ่ามือหนาก็ทำให้ยอดถันชูชันอย่างน่าอับอาย
“อย่ามาทำอย่างนี้กับฉันอีก ปล่อยค่ะ”
หล่อนพยายามถอยหลังหนี แต่บั้นท้ายก็มีขอบโต๊ะทำงานที่หล่อนขึ้นไปนอนแผ่หลาให้เขาสอดใส่มาแล้วขวางกั้นอยู่ แน่นอนว่าไร้ทางหนีสำหรับหล่อนเสมอ หากคู่ต่อสู้คือเดมอน
“แม่นกน้อย…เธอหนีจากกรงทองของฉันไม่รอดหรอก”
“นายน้อยยังต้องการอะไรจากฉันอีกคะ ที่ได้ไปยังไม่พออีกเหรอคะ” หล่อนถามเขาด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจ
เดมอนกัดฟันแน่น รู้สึกสะท้อนในอก น้ำตาของพะแพงเป็นสิ่งสุดท้ายในโลกที่เขาอยากจะเห็น
“เลิกร้องไห้คร่ำครวญได้แล้ว และก็ออกไปทำงานซะ แล้วเย็นนี้ฉันจะไปส่งที่บ้าน”
“ไม่ค่ะ ไม่มีทาง…” หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธ
“เธอก็รู้นี่ว่าฉันต้องได้สิ่งที่ต้องการเสมอ” เขาระบายยิ้มทระนง “ออกไปได้แล้ว ฉันจะต้องใช้สมาธิในการทำงาน”
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง ก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกไปจากห้องของคนใจร้ายทั้งน้ำตา
นิ้วยาวถูกชักถอนออกมา และแทนที่ด้วยอะไรที่แข็งกว่า ร้อนกว่า และใหญ่กว่าเป็นสิบเท่า เขาพุ่งทะยานท่อนชายเข้าใส่ความคับแน่นอย่างรุนแรง หื่นกระหาย ตะกรุมตะกรามราวกับคนอดอยาก สะโพกเพรียวไร้ไขมันเคลื่อนไหวบ้าคลั่ง สอดใส่ชักถอนด้วยจังหวะที่มีแค่เขากับหล่อนสองคนเท่านั้นที่เข้าใจ
“อ๊า…อา…นาย น้อย…อา…อื้อ…อ๊า…”
“โอ้ว…โอ้ว…ฟิต…อืมมมมม”
ใบหน้าหล่อจัดของเดมอนแดงก่ำ เขาพยายามควบคุมการเคลื่อนไหวของตัวเอง แต่การตอบสนองร้อนแรงกระตือรือร้นของแม่สาวที่ร่อนสะโพกขึ้นหาตลอดเวลา ทำลายล้างทุกสติของเขาจนหมดสิ้น ตอนนี้บั้นท้ายของเขามันมีชีวิตของมันเอง มันเคลื่อนไหวราวกับคนอดอยากมาแสนนาน บทรักร้อนแรงเข้มข้นเร้าใจเดินหน้าต่อไปไร้จุดสิ้นสุด สองขาเรียวตวัดรัดรอบร่างทรงพลัง หยาดเหงื่อไหลซึมออกมา แต่สองร่างก็ยังคงโยกคลึงเข้าใส่กันอย่างดุเดือด สอดแทรกเข้าหากันราวกับมันคือสิ่งเดียวในโลกที่ต้องทำเพื่อเอาชีวิตรอด เสียงครวญครางดังแข่งคลอกับเสียงโยกไหวของโต๊ะไม้ ก่อนที่คนอดอยากทั้งคู่จะจูงมือกันวิ่งเข้าสู่เส้นชัยสวรรค์ไปในที่สุด
มันนานเหลือเกินกับความรู้สึกอย่างนี้ มันนานเหลือเกินที่เขาขาดสิ่งนี้ไป ความเสียวแสนมหัศจรรย์ที่มีแค่พะแพงคนเดียวเท่านั้นที่มอบให้กับเขาได้
เดมอนยังคงอิ่งอ้อยอยู่ในกายแคบเล็กของพะแพง ใบหน้าหล่อเหลาเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มแห่งความพึงพอใจ
เขาไม่มีวันปล่อยหล่อนให้หลุดมือไปอีกแล้ว ต่อให้เป็นนรกก็แยกเขากับหล่อนไม่ได้อีก
เสียงหอบหายใจด้วยความเหน็ดเหนื่อยของผู้ชายที่ยังคงค้างคาบางอย่างที่แข็งชันยิ่งกว่าท่อนเหล็กเอาไว้ในกายสาวช่างไพเราะเหลือเกิน หล่อนไม่ได้ยินเสียงหอบหายใจของเขามานานแค่ไหนแล้วนะ หัวใจสาวเต็มไปด้วยความอิ่มเอม สองมือยังคงกอดรัดเขาเอาไว้ อยากจะหยุดเวลานี้เอาไว้ให้นานที่สุด อยากจะหยุดมันเอาไว้ตลอดกาล เพื่อที่หล่อนจะได้มีเขาอยู่ในอ้อมแขนตลอดไป
แต่มันก็เป็นได้แค่ความฝันเท่านั้น ใช่…เพราะความจริงมันโหดร้ายเหลือเกิน
“ออกไป…เถอะค่ะ”
เมื่อสติหวนกลับคืนมา ความผิดชอบชั่วดีก็ตามติดมาหลอกหลอนด้วยเช่นกัน มือเล็กที่กอดรัดลูบไล้ผิวตึงเรียบสีแทนสวยของเขาเมื่อครู่นี้ เปลี่ยนเป็นผลักไสแรงๆ แทน แต่ร่างใหญ่ไม่ขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย
“ครั้งเดียว อิ่มแล้วหรือ” เขาถามน้ำเสียงหยอกเย้า ดวงตาสีฟ้าเข้มยังเต็มไปด้วยความหื่นกระหายไม่ต่างไปจากเดิม “ปกติเธออิ่มยากจะตายไป”
หล่อนหน้าร้อนผ่าว แก้มแดงก่ำ ผลักไสเขาแรงขึ้น “ออกไปนะ คนบ้า…”
“เดี๋ยวนี้กล้าด่าฉันแล้วหรือ”
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง มองเขาผ่านม่านน้ำตา “กรุณาอย่ายัดเยียดตำแหน่งเมียน้อยเมียเก็บให้กับฉันอีก เพราะฉันมีศักดิ์ศรีพอ ออกไปนะ อ๊ะ…อื้อ…อา…อ๊า…”
เขาไม่ยอมออกไป แถมยังเอานิ้วยาวมาขยี้บดคลึงเกสรสวาทอ่อนไหวหนักหน่วง พร้อมๆ กับการเคลื่อนไหวท่อนชายที่ยังคงฝังลึกอยู่ในร่างของหล่อนเป็นจังหวะอีกด้วย
“อื้อ…อย่า…อย่าค่ะ…อย่าทำ…อื้อ…อีกเลย…อ๊า…”
แม้ะจะพยายามต่อต้านแค่ไหน แต่เขาเอาชนะหล่อนได้เสมอ สุดท้ายร่างที่พยายามขัดขืนก็อ่อนไหว และเปลี่ยนเป็นตอบสนองอย่างกระตือรือร้น สองขาเรียวตวัดรวบร่างกำยำและยกร่อนเนินนางขึ้นให้เขาสอดแทรกอย่างเต็มอกเต็มใจ ปากอิ่มบวมเจ่อครวญครางไร้สติ
เดมอนเฝ้ามองแม่สาวคนสวยที่เขาสาบานว่าจะไม่มีวันปล่อยหล่อนให้หลุดมือไปอีกแล้วด้วยความพึงพอใจ เขาสอดใส่เร่งเร้าจังหวะสวาท จนในที่สุดแม่คนสวยก็กรีดร้องด้วยความเสียวกระสันทรมานนับครั้งไม่ถ้วน
“อย่า…หยุด…นายน้อย…อย่าหยุด…ได้โปรด…แพง…แพงยังไม่พอ…อ๊า…อา…”
และแน่นอนว่าเดมอนจัดให้ตามคำร้องขอของพะแพงอย่างเต็มอกเต็มใจ และห้องทำงานในวันนั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นห้องหอที่เขาและหล่อนใช้ปรนเปรอให้แก่กันและกันยาวนานหลายชั่วโมง
“แพง…ทำไมหายเข้าไปในห้องท่านประธานนานจังล่ะ นี่จะเที่ยงอยู่แล้วนะเนี่ย”
กิ่งแก้วเอ่ยถามทันที เมื่อเห็นพะแพงเดินโซซัดโซเซออกมาจากห้องทำงานของเดมอน
“คือแพง…”
“อุ๊ย…แล้วนั่นปากไปโดนอะไรมา ทำไมบวมเจ่อเชียว”
พะแพงรีบยกมือขึ้นปิดปากของตัวเอง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หน้าตาซีดเผือด
“แพง…เดินชนประตูน่ะค่ะพี่กิ่ง”
“แต่พี่ว่ามันเหมือน…”
กิ่งแก้วยังพูดไม่ทันจบ ประตูห้องทำงานของประธานบริษัทก็เปิดออกเสียก่อน โดยมีร่างของเดมอนก้าวออกมา และนั่นก็ดึงความสนใจของกิ่งแก้วได้เป็นอย่างดี
“อุ๊ย…ท่านประธานมา”
กิ่งแก้วดีอกดีใจ แต่พะแพงกลับเต็มไปด้วยความอดสู หล่อนไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมองเขา
“คุณกิ่งว่างหรือเปล่าครับ ผมจะชวนไปกินมื้อเที่ยง”
“อุ๊ย ว่างสิคะท่านประธาน กิ่งว่างเสมอนั่นแหละค่ะ” กิ่งแก้วแทบจะกระโดดตัวลอยเลยทีเดียว เพราะดีใจเป็นที่สุด
“งั้นก็ดี เราไปกันเถอะ”
กิ่งแก้วกำลังจะเดินไป แต่นึกขึ้นได้ “ท่านประธานคะ พาแพงไปด้วยนะคะ”
“ผมอยากไปกับคุณแค่สองคน”
น้ำเสียงกระด้างของเดมอนทำให้คนที่ยืนก้มหน้ามองพื้นห้องอยู่น้ำตาไหลซึมออกมา
พอเขาอิ่มเอมจากร่างกายของหล่อน เขาก็พร้อมที่จะเขี่ยหล่อนทิ้งเสมอ
“เอ่อ…ค่ะ” กิ่งแก้วตอบรับตะกุกตะกัก ก่อนจะหันมาพูดกับพะแพงอย่างรู้สึกละอายใจ “พี่ขอโทษนะ เที่ยงนี้แพงคงต้องไปกินข้าวคนเดียวแล้ว…”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะพี่กิ่ง แพงยังไม่หิวเลย เชิญพี่กิ่งตามสบายเถอะค่ะ”
“ถึงไม่หิวก็ต้องไปกินข้าวนะ เดี๋ยวเป็นลมเป็นแล้งไปอีกจะยุ่ง” กิ่งแก้วพูดขึ้นอย่างเป็นห่วง
“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง”
หล่อนกัดฟันตอบออกไปเสียงแผ่วเบา และยังคงก้มหน้ามองพื้นเช่นเดิม
“เราไปกันเถอะครับคุณกิ่ง ผมหิวแล้ว”
“ค่ะท่านประธาน”
เดมอนเดินหายไปพร้อมกับกิ่งแก้วแล้วนั่นแหละ หล่อนถึงกล้าที่จะเงยหน้าที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำตาขึ้นจากพื้นห้อง น้ำตาไหลจนเปียกชุ่มแก้มนวล กลีบปากบวมเจ่อเพราะถูกเดมอนบดขยี้สั่นระริก หัวใจปวดร้าวทรมานเหลือเกิน
ทำไมหล่อนถึงยอมให้เขาทำแบบนี้กับตัวเองได้อีก ทำไมถึงยอมเขาง่ายดายแบบนี้
ร่างอรชรทรุดฮวบลงนั่งกับเก้าอี้ทำงาน ความเสียใจระเบิดแน่นเต็มหัวอก น้ำตาไหลรินออกมาไม่ขาดสาย ก่อนที่ใบหน้าเศร้าสร้อยจะซุกซบลงไปกับโต๊ะ และคร่ำครวญปิ่มจะขาดใจ
พะแพงรีบขยับเท้าก้าวถอยหลังทันทีเมื่อสามารถทำได้ ในขณะที่ผู้เป็นอันตรายต่อหัวใจและร่างกายของหล่อนก้าวเท้าไล่ต้อนเข้ามาหาเช่นกัน
“ไม่ได้เจอกันนานนะ กี่ปีจำได้หรือเปล่า”
หล่อนเม้มปากอิ่มเต็มจนเป็นเส้นตรง หยาดน้ำตาเอ่อคลอสองหน่วยตาโดยอัตโนมัติ แต่ก็รีบกะพริบตาไล่มันจนหายไป และฝืนปั้นยิ้มออกมา
“ดิฉันไม่ได้จำหรอกค่ะ เพราะมันไม่มีความสำคัญอะไร”
หล่อนอยากให้เขารู้สึกเจ็บแปลบๆ กับคำพูดของตัวเอง แต่เขากลับหัวเราะ และยิ้มไม่แยแส
“นั่นสิ ระหว่างฉันกับเธอ ไม่มีอะไรสำคัญสักหน่อย”
คนที่เจ็บเจียนตายกับสงครามเย็นในครั้งนี้กลับกลายเป็นหล่อนเสียอีก
ร่างเล็กแทบทรุดฮวบกับพื้น หล่อนอยากจะวิ่งหนีออกไปให้ไกล และไม่กลับมาที่นี่อีก แต่ก็ทำไม่ได้
“ท่านประธานมีอะไร…จะให้ดิฉันรับใช้หรือคะ”
“แน่นอนว่ามี”
“งั้นก็สั่งมาเถอะค่ะ ดิฉันจะได้รีบไปทำให้”
หล่อนพยายามควบคุมสุ้มเสียงของตัวเองให้เป็นจังหวะราบเรียบที่สุด แต่มันกลับสั่นเครือจนน่าเวทนา
ทำไมหล่อนจะต้องมาพบเขาอีก และทำไมเขาจะต้องมาอยู่ในฐานะเจ้านายของหล่อนในวันนี้ด้วย ทั้งๆ ที่เขากับหล่อนไม่น่าจะมีทางมาพบเจอกันได้อีกแล้ว
นรกใช่ไหม…? ต้องเป็นนรกแน่ๆ ที่กระชากขาของหล่อนให้มาพบเจอกับเดมอนอีกครั้ง
“ฉันต้องการให้เธออธิบายนโยบายของบริษัทให้ฟัง”
หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างรู้ทัน เพราะผู้ชายฉลาดเป็นกรดอย่างเดมอนไม่มีทางโง่เรื่องง่ายๆ แบบนี้แน่
“ดิฉันจะให้พี่กิ่งมาอธิบายแทนค่ะ”
“มันเป็นหน้าที่ของเลขาฯ ไม่ใช่หรือ”
เขาตวัดตามองหล่อน มองด้วยสายตาแบบผู้ชายที่กำลังอยากจะลากผู้หญิงขึ้นเตียงไม่มีผิด และมันก็มีผลทำให้ภาพความสัมพันธ์ลึกซึ้งที่เคยมีร่วมกันระเบิดขึ้นในหัว มันชัดเจนจนร่างกายของหล่อนขานรับด้วยอาการร้อนผะผ่าว
สมองร้องสั่งให้หล่อนถอยหลังออกห่างให้ไกลที่สุด หรือไม่ก็มุดดินหนีไปเสียเลย แต่ร่างกายกลับไม่อาจจะขยับเขยื้อนได้อีก ยิ่งเขาก้าวเข้ามาใกล้จนแทบได้กลิ่นของลมหายใจแบบนี้
“เอ่อ…ถอย…ออกไปเถอะค่ะนายน้อย เอ่อ…ท่านประธาน”
เดมอนเก่งอยู่แล้วกับเรื่องการหว่านเสน่ห์ให้ผู้หญิงหน้าโง่เช่นหล่อนลุ่มหลง
“กลัวอะไรฉัน…หือ…?”
“ปละ…เปล่า แต่มันไม่เหมาะสมค่ะ”
แก้มนวลแดงเป็นผลตำลึงสุกจนน่าปวดใจ แถมร่างกายในจุดเร้นลับก็ร้อนผะผ่าวทรมาน
“ตรงไหน”
“อุ๊ยยย…ปล่อยนะคะ นายน้อย…”
หล่อนอุทานตกใจ และเผลอตัวเรียกเขาด้วยสรรพนามในอดีต ชายหนุ่มระบายยิ้มพึงพอใจ ก้มใบหน้าหล่อจัดลงมาหา ลมหายใจของเขาทำให้หล่อนสติกระเจิง
“เรามาทบทวนความหลังกันหน่อยดีกว่า”
“ไม่…นะคะ” หล่อนส่ายหน้า มองใบหน้าที่เต็มไปด้วยอันตรายของเขาอย่างตื่นตกใจ “ได้โปรด…อย่ารื้อฟื้นเรื่องในอดีตขึ้นมาอีกเลย มันจบลงไปแล้ว”
เขาเหยียดยิ้มหยัน หรี่ตาแคบกวาดมองดวงหน้านวลที่เต็มไปด้วยความตื่นตระหนกของหล่อนเขม็ง
“เธอลืมมันได้จริงๆ หรือ แพตตี้”
หล่อนลืมไม่ได้ และไม่เคยลืม แต่กระนั้นมันก็จบลงแล้ว
“ค่ะ ดิฉันลืมมันหมดแล้ว” หล่อนฝืนใจจ้องหน้าเขา “ลืมหมดแล้วจริงๆ”
คำย้ำชัดจากปากอิ่มที่เขาเคยลิ้มลองมานับครั้งไม่ถ้วนแล้วว่ามันหวานฉ่ำแค่ไหน ก่อกวนให้โทสะของเดมอนระเบิดขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย
“ลืมแล้วก็รื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ มันไม่ใช่เรื่องยากเย็นนี่” เขาเหยียดยิ้ม “จริงไหม แพตตี้”
“ดิฉันชื่อพะแพงค่ะ ไม่ใช่แพตตี้” หล่อนเชิดหน้ามองเขา แสดงท่าทางอวดดีทั้งๆ ที่ภายในอกกำลังอ่อนแรงไร้เรี่ยวแรง
“ในสายตาของฉัน เธอก็คือเธอวันยังค่ำ”
“เมื่อก่อนดิฉันเคยเป็นนางบำเรอให้กับคุณก็จริง แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันจบลงแล้ว ดังนั้นกรุณาให้เกียรติดิฉันด้วยค่ะ”
หล่อนสะบัดตัวแรงๆ หวังจะพาตัวเองพ้นจากพันธนาการของผู้ชายร่างยักษ์ผู้เป็นเจ้าของใบหน้าหล่อเหลา แต่เขาไม่ยอมปล่อย แถมมือที่วางอยู่เหนือบั้นท้ายยังกดรั้งแนบแน่นยิ่งขึ้น แน่นสนิทจนหล่อนสัมผัสได้ถึงอะไรที่แข็งชันของเขา
ทำไมหล่อนจะไม่รู้ว่ามันคืออะไร…
“ปล่อยค่ะ”
“อย่าขัดใจฉัน”
“แต่ดิฉันไม่ใช่…อื้อ…”
เขาไม่ฟังคำทัดทานของหล่อนอีกเช่นเคย เพราะเดมอนเคยตัวกับการที่ได้ทุกอย่างตามที่ต้องการมาตลอดชีวิต หล่อนน้ำตาซึมกับการคุกคามหื่นกระหายของคนใจร้าย พยายามเม้มปากแน่น ไม่ให้เขารุกรานเข้าไปภายในช่องปากหวานได้ แต่ก็ป้องกันได้เพียงแค่เสี้ยวนาทีเท่านั้น เพราะพอมือใหญ่เลื่อนอ้อมมาด้านหน้าและกอบกุมเต้านมอวบใหญ่เอาไว้พร้อมกับบีบหนักหน่วง เท่านั้นหล่อนก็เผลอตัวอุทานส่งเสียงครางตกใจ และลิ้นสากก็พุ่งทะยานเข้าไปอย่างรวดเร็ว
“อื้อ…อื้อ…”
หล่อนต่อต้าน พยายามจะกัดลิ้นสากแสนเผด็จการของเดมอน แต่เขาฉลาดและไม่เปิดโอกาสให้หลีกหนี ไล่ต้อนเสียจนหล่อนจนมุม ใช้ลิ้นกระด้างแสนคุ้นเคยซอนไซ้เร่งเร้าปลุกปั่น จนในที่สุด สติที่พยายามรั้งเอาไว้ก็ขาดผึง ความโหยหาทำให้สติของหล่อนเตลิดไปไกล ปากที่เคยบิดหนีตอนนี้เผยออ้า และจูบตอบด้วยอารมณ์ร้อนแรงเทียมกัน
เดมอนครวญครางกระหึ่มในลำคออย่างพึงพอใจ มือใหญ่ที่กอบกุมเต้าสวยเอาไว้ขยับเคลื่อนไหวร้อนแรง ทุกครั้งที่ฟอนเฟ้นราวกับจะฉีกทึ้งจิตวิญญาณของพะแพงให้ขาดวิ่นไปพร้อมๆ กัน
ปากกระด้างยังคงประกบติดแน่น บดขยี้แสวงหาความหวานฉ่ำอย่างตะกละตะกลาม มือใหญ่ก็บีบขยำเต้าทรวงอย่างต่อเนื่อง อารมณ์สวาทปะทุขึ้นจนไม่อาจจะหยุดยั้งได้อีก
ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีของพะแพงถูกรสจุมพิตเถื่อนกลืนกินหายไปจนหมดสิ้น ตอนนี้สมองร่ำร้องหาแต่เขา ผู้ชายที่ฝังอยู่ในความทรงจำมาตลอดสี่ปีเต็ม
เดมอนสลัดเสื้อผ้าออกไปจากกายจนเกลี้ยงทุกชิ้นในพริบตา ก่อนจะหันมาหาหล่อน ค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อทำงานให้กับหล่อนเม็ดแล้วเม็ดเล่า แต่มันช้าเหลือเกินในความรู้สึกของหล่อน
พะแพงปัดมือใหญ่ที่กำลังจะปลดกระดุมเม็ดสุดท้ายของเสื้อทำงานออกไปอย่างขัดใจ และจัดการสลัดเสื้อผ้าจากตัวอย่างใจร้อนกว่า จากนั้นก็ช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างเชิญชวน ไฟสวาทที่สุมคอยอยู่ในใจมานานหลายปีลุกโชนและควบคุมทุกอย่างเอาไว้
เดมอนคำรามออกมาด้วยความพึงพอใจกับความใจร้อนของแม่สาวคนสวย เขาตวัดตามองร่างเปลือยที่ยังอวบอัดเต็มตึงไม่ต่างไปจากสี่ปีก่อนเลยแม้แต่น้อยด้วยความหื่นกระหาย เขาแลบลิ้นออกมาเลียริมฝีปากที่แห้งผาก ก่อนจะคว้าร่างอรชรเข้ามากดปากจูบอีกครั้ง จูบคราวนี้ราวกับจะกลืนกินจิตวิญญาณเลยทีเดียว จูบจนหญิงสาวแทบขาดใจแล้วจึงถอนปากออก จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาหวานฉ่ำที่ตอนนี้เต็มไปด้วยไฟสวาทเทียมกันอย่างพึงพอใจ
“ฉัน…ต้องการเธอ…”
หล่อนไม่ขัดข้องอีกแล้ว ศีรษะทุยสวยผงกขึ้นลงช้าๆ ส่งสัญญาณตอบรับอย่างยอมศิโรราบต่อฤทธิ์ปรารถนา ไม่ช้าร่างของหล่อนก็ถูกจับยกขึ้นไปวางบนโต๊ะทำงานไม้ แฟ้มเอกสารรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ บนโต๊ะไม้ถูกปัดทิ้งอย่างไม่ไยดี จากนั้นกายเปลือยเปล่าใหญ่โตที่รกไปด้วยเส้นขนและอุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้อก็แทรกเข้ามาที่ตรงกลางระหว่างขาอวบที่แยกแย้มออกจากกันอย่างรวดเร็ว
“อ๊า…”
หล่อนครวญครางด้วยความโหยหารวดร้าว ทรวงอกอวบใหญ่ที่เดมอนลุ่มหลงไม่เคยลืมกระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะถี่ระรัวตามแรงหอบกระเส่าของเจ้าของ
“อืมมมม…”
เดมอนก้มหน้าลงไปคลุกเคล้าที่ร่องอกอวบอัด ฝ่ามือใหญ่ฟอนเฟ้นหนักหน่วง ยอดทรวงถูกนิ้วยาวบี้คลึงดุนดันจนมันชูช่อแข็งเป็นไตบวมเป่ง จากนั้นก็ถูกส่งเข้ามาโรมรันในอุ้งปากร้อนจัด เขาทั้งขบ ทั้งกัด ทั้งเลีย จนสาวน้อยต้องยกมือขึ้นอุดปากเอาไว้เพื่อกลั้นเสียงครวญครางด้วยความกระสัน
“อ๊ะ…อ๊า…อื้อ…อา…อา…”
ความรู้สึกนี้ไงที่หล่อนคิดถึงมาตลอด ความรู้สึกยามถูกเขาดูดอมยอดอกเข้าไปในปาก และตวัดเลียด้วยลิ้นสาก
พะแพงหลุดหลงเข้าไปในมิติที่เต็มไปด้วยความเสียวกระสัน หล่อนดิ้นพล่านครางกระเส่า และก็ยิ่งหอบสะท้านเมื่อเม็ดสวาทที่ซอกขาถูกท่อนชายแข็งชันเสียดสีอย่างจงใจ
“อ๊า…อา…นายน้อย…ได้โปรด…”
หล่อนเกลียดตัวเองนักที่ร้องครางออกไปแบบนี้ หล่อนไม่ควรจะวิงวอนเขา ไม่ควรจะยอมให้เขามาแตะต้องเนื้อตัวเลยด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้สิ่งที่หล่อนกระทำมันตรงข้ามกับสิ่งที่คิดโดยสิ้นเชิง ร่างสาวแอ่นหยัดร่อนขึ้นหา ปากครางวิงวอนให้เขาเดินหน้าทำต่อให้สุดทาง
“ได้โปรด…นายน้อยขา…อา…ได้โปรด…”
หล่อนได้ยินเสียงหัวเราะพึงพอใจดังออกมาจากลำคอแกร่ง ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงมาจูบยอดถันทั้งสองข้างอย่างหยอกเย้า และเลื่อนหน้าขึ้นมาบดขยี้ปากอิ่มของหล่อนที่เผยอครวญครางอย่างหนักหน่วง จูบจนหล่อนแทบขาดใจ จึงถอนปากออกไป และกระซิบเสียงกระเส่าชิดปากบวมเจ่ม
“อยากได้อะไร…แพตตี้…อืมมม” มือใหญ่แสนกระด้างวางทาบลงบนเนินอูมชุ่มฉ่ำ และส่งปลายนิ้วเข้าไปสำรวจจุดซ่อนเร้นหยาดเยิ้มอย่างจงใจปลุกเร้า
“แพง…อยากได้…นายน้อย…”
“ตรงไหนของฉันหรือ…คนสวย…อืมมมม…ชุ่มฉ่ำเปียกนิ้วฉันหมดแล้ว…อืมมมม” นิ้วยาวถูกกดลึกเข้าไปในร่องสวาท สาวเจ้ากรีดร้องด้วยความปรีดาและหยัดสะโพกขึ้นหาอย่างกระตือรือร้น ดวงตากลมโตลุกโชนไปด้วยไฟสวาท
“ได้โปรด…นายน้อย…เข้ามา…”
ความจริงเดมอนต้องการจะหยอกล้อปลุกปั่นให้พะแพงอ้อนวอนร่ำร้องขอมากกว่านี้ แล้วค่อยมอบความเร่าร้อนราวกับไฟกัลป์ให้หล่อน แต่สุดท้ายเขาก็ต้องพับเก็บความคิดนั้นใส่ลิ้นชักไปโดยสิ้นเชิง เมื่อความคับแคบไม่ต่างจากสี่ปีก่อนที่โอบกระชับรอบนิ้วยาวตอดรัดร้อนระอุ
“อืมมมม…โอ้ว…”
“อย่าดื้อกับคุณครูนะครับหมูวิน” พะแพงจูบแก้มยุ้ยๆ ของลูกชายและก็อดกำชับไม่ได้
เด็กชายตัวจ้อยยิ้มแป้นจนตาหยี “ผมไม่เคยดื้อเลยคับแม่”
“ครับคนเก่ง” พะแพงยกมือขึ้นยีเส้นผมของบุตรชายอย่างมันเขี้ยว ก่อนจะลุกขึ้นยืน “แม่ไปทำงานก่อนนะครับ แล้วตอนเย็นแม่จะรีบมารับหมูวิน”
“คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ หมูวินเป็นเด็กดีค่ะ” คุณครูประจำชั้นเอ่ยชื่นชมและจูงมือวินเซนต์เอาไว้
พะแพงเอ่ยขอบคุณคุณครูประจำชั้นของลูกชาย โบกมือให้อีกครั้งก่อนจะเดินไปที่รถ
เสียงกรีดร้องแผ่วเบาของเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์มือถือดังขึ้นพอดีเมื่อหญิงสาวก้าวขึ้นมาบนรถ
“สวัสดีค่ะพี่กิ่ง มีอะไรด่วนหรือเปล่าคะ” น้ำเสียงของกิ่งแก้วเต็มไปด้วยความตื่นเต้น จนหล่อนอดสงสัยไม่ได้
“วันนี้ท่านประธานคนใหม่จะมา”
พะแพงเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจ ก่อนจะกรอกเสียงถามไปตามสายโทรศัพท์
“แต่กำหนดเข้าของท่านประธานคนใหม่เป็นวันพรุ่งนี้ไม่ใช่เหรอคะพี่กิ่ง”
“เห็นว่าเปลี่ยนแปลงกะทันหันน่ะ ยังไงแพงก็รีบเข้ามาเถอะ ถ้าท่านประธานคนใหม่มาถึงแล้วไม่เจอเลขาฯ เดี๋ยวจะยุ่ง”
หล่อนเข้าใจดีว่ากิ่งแก้วเป็นห่วง เพราะหล่อนเป็นคนเดียวของบริษัทที่ได้รับอนุญาตให้เข้าทำงานสายกว่าทุกคนได้ครึ่งชั่วโมง และเลิกงานก่อนคนอื่นหนึ่งชั่วโมง เนื่องจากมีภาระต้องไปรับส่งวินเซนต์ที่โรงเรียนทุกวัน ซึ่งท่านประธานคนเก่าเข้าใจดี และอนุญาต แต่สำหรับท่านประธานคนใหม่นี่สิ หล่อนไม่รู้เลยว่าเขาจะใจดีเหมือนกับหัวหน้าคนเก่าของหล่อนหรือเปล่า
“ขอบคุณมากค่ะพี่กิ่ง แพงจะรีบไปนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะทันหรือเปล่า เพราะว่าที่หน้าโรงเรียนหมูวินรถติดมากเลยค่ะ”
“ยังไงก็รีบๆ มาให้เร็วที่สุดนะ ส่วนทางนี้พี่จะพยายามรับหน้าแทนให้ก่อน”
“ขอบพระคุณมากค่ะพี่กิ่ง”
“ไม่เป็นไร รีบมาล่ะ”
กิ่งแก้ววางสายไปแล้ว ในขณะที่หล่อนหน้าตายังคงเต็มไปด้วยความเป็นกังวล หล่อนภาวนาให้ท่านประธานคนใหม่ซึ่งเป็นเจ้านายโดยตรงของตนเองใจกว้างด้วยเถอะ
พะแพงรีบเคลื่อนรถคันเล็กของตัวเองออกจากที่จอด และพาขึ้นไปวิ่งบนท้องถนนเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่กระนั้นการจราจรหน้าโรงเรียนในยามเช้าก็ไม่อำนวยเลยสักนิด รถของหล่อนติดแหง็กอยู่บนท้องถนนยาวนาน
พะแพงวิ่งกระหืดกระหอบมายังโต๊ะทำงาน ผมเผ้าของหล่อนยุ่งเหยิงเพราะเลือกที่จะจอดรถเอาไว้กลางทางและนั่งวินมอเตอร์ไซค์มาแทน
“แพง หัวยุ่งเชียว” กิ่งแก้วรีบเอ่ยทัก
“แพงนั่งวินมาค่ะพี่กิ่ง ว่าแต่ท่านประธานคนใหม่มาหรือยังคะ”
กิ่งแก้วรีบเดินเข้ามาหา ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น “มาแล้ว อยู่ในห้องทำงานน่ะ”
“ตายแล้ว…งั้นแพงขอตัวนะคะ” พะแพงถลาจะเข้าไปหาเจ้านายคนใหม่ เพื่อขอโทษขอโพยที่ตัวเองมาทำงานสาย แต่กิ่งแก้วคว้าแขนเอาไว้เสียก่อน
“เดี๋ยวก่อนสิแพง”
“ทำไมล่ะคะพี่กิ่ง แพงจะรีบเข้าไปหาท่านประธานคนใหม่ค่ะ”
“ไม่ต้องรีบหรอก ท่านประธานคุยอยู่กับบอสน่ะ”
พะแพงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก “เขายังไม่ได้ถามหาแพงใช่ไหมคะ”
“ถามตอนเดินเข้ามาน่ะว่าเลขาฯ ผมไปไหน แต่ก็ไม่เห็นว่าอะไรต่อนะ” กิ่งแก้วเล่า ก่อนจะพูดต่อ “แต่พี่อยากจะบอกว่า ท่านประธานหล่อมากกกกก พูดไทยชัดด้วย”
แม้ว่ากิ่งแก้วจะเต็มไปด้วยความตื่นเต้นระริกระรี้ แต่พะแพงก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี
“ไม่ต้องทำหน้าซีดแบบนั้นหรอกแพง จากที่พี่เห็นท่านประธานนะ พี่ว่าท่านใจดีไม่แพ้บอสของเราหรอก”
กิ่งแก้วพูดให้กำลังใจ พะแพงฝืนยิ้มและยืนนิ่งเงียบ จนกระทั่งท่านประธานคนเก่าเดินออกมาจากห้องทำงานพอดี
“สวัสดีค่ะบอส” พะแพงและกิ่งแก้วยกมือไหว้อดีตเจ้านายของตัวเอง
“พรุ่งนี้ผมคงไม่ได้มาที่นี่แล้ว ผมขอให้พวกคุณตั้งใจทำงานนะ แล้วถ้าวันหนึ่งผมสามารถก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมาเมื่อไหร่ ผมจะไม่ลืมติดต่อพวกคุณ”
“บอสดูแลตัวเองด้วยนะคะ” พะแพงน้ำตาไหล กิ่งแก้วก็เช่นกัน
“ใช่ค่ะ บอสดูแลตัวเองด้วย กิ่งจะไม่ลืมคิดถึงบอสค่ะ”
ชายสูงวัยแต่งตัวภูมิฐานระบายยิ้มออกมา “ผมก็จะไม่ลืมพนักงานเก่งๆ อย่างพวกคุณเช่นกัน ผมไปล่ะ โชคดีนะ”
พะแพงกับกิ่งแก้วมองตามร่างของท่านประธานคนเก่าที่เดินจากไปด้วยความรู้สึกหดหู่
“ใจหายเนอะแพง”
“แพงคงคิดถึงบอส”
พะแพงพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย กำลังจะทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ของตัวเอง แต่เสียงท่านประธานใหม่ดังผ่านอินเตอร์คอมออกมาเสียก่อน
“ผมต้องการพบเลขาฯ เดี๋ยวนี้”
เสียงกระด้างช่างคุ้นหูนัก และมันก็ทำให้พะแพงถึงกับยืนตะลึงงันกับเสียงที่ได้ยิน
“แพง…ท่านประธานเรียกแล้ว รีบเข้าไปสิ เดี๋ยวตกงานกันพอดีนะ”
เสียงตื่นๆ จากกิ่งแก้วทำให้หล่อนรู้สึกตัว “ค่ะ…จะรีบเข้าไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”
พะแพงเอ่ยตอบกลับไป ก่อนจะหันมาพูดกับกิ่งแก้ว “แพงขอตัวก่อนนะคะพี่กิ่ง”
“ไปเถอะ เดี๋ยวตอนกลางวันมาเมาท์กันนะ”
“ค่ะ”
หล่อนตอบสั้นๆ ก่อนจะรีบวิ่งตรงไปหยุดที่หน้าห้องทำงานของประธานบริษัทอย่างรวดเร็ว
“เอ่อ…ขออนุญาตค่ะ”
มือเล็กเคาะเบาๆ สองครั้งเพื่อส่งสัญญาณให้คนภายในห้องได้รับรู้ถึงการมา
“เข้ามา”
ทำไมยิ่งได้ยินเสียง หัวใจของหล่อนก็ยิ่งเต็มไปด้วยความคุ้นเคยแบบนี้นะ
เสียงนี้…เหมือนเสียงของผู้ชายใจร้ายคนนั้นไม่มีผิด หรือว่าหล่อนคิดถึงเดมอนมากไป เลยทำให้ได้ยินเสียงใครก็เป็นเสียงของเขาไปเสียหมด คงใช่…
พะแพงสรุปให้กับตัวเองเสร็จสรรพ ก่อนจะดันบานประตูไม้ให้เปิดกว้างออก และก้าวเข้าไปภายใน
เครื่องปรับอากาศเย็นฉ่ำกว่าทุกครั้งที่เคยเข้ามากระแทกเข้าใส่ร่างเต็มแรง หล่อนรู้สึกหนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูกจนต้องยกสองมือขึ้นลูบท่อนแขนของตัวเอง
ความเหน็บหนาวที่กระแทกเข้าใส่ร่างกาย ยังไม่สะท้านเท่ากับที่มันพุ่งทะยานเข้าปักกลางหัวใจของหล่อน ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อประสานสายตาเข้ากับนัยน์ตาสีฟ้าเข้มดุดัน ที่ต่อให้ตายไปแล้วสักกี่ร้อยชาติก็ไม่มีทางลืมได้
เขา…
ไม่…ไม่ใช่หรอก ไม่มีทางเป็นเดมอน ลินการ์ด ไปได้ ไม่มีทางใช่เขา หล่อนตาฝาด ตาฝาดไปแน่ๆ
มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาของตัวเองครั้งแล้วครั้งเล่า ขยี้จนชอกช้ำ แต่ภาพที่เห็นตรงหน้าก็ไม่เปลี่ยนแปลง สองขาอ่อนแรงลง เมื่อพบว่าผู้ชายตรงหน้าคือเขาจริงๆ
เดมอน ลินการ์ด!
ผู้ชายที่เป็นดั่งจิตวิญญาณของหล่อน
ดวงหน้างามซีดเผือด กลีบปากอิ่มเผยอค้างราวกับกำลังเผชิญหน้ากับภูติผีปีศาจ
เดมอนเป็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลา ไม่…หล่อจัด หล่อมากราวกับเทพบุตรชั้นฟ้า และหล่อนก็รู้ชัดเต็มหัวใจว่าเขาทั้งกระด้าง ดุดัน และเหี้ยมโหดแค่ไหน
เขาคือผู้ชายอันตราย โอหัง ยโส และไร้ซึ่งก้อนเนื้อที่เรียกว่าหัวใจ เขาคือซาตานดีๆ นี่เอง
หลายร้อยคำประณามที่หล่อนหยิบยกขึ้นมาขว้างปาใส่เขาภายในใจ แต่กระนั้นพลังอำนาจล้างผลาญที่สะท้อนออกมาจากเรือนกายของเดมอนก็ยังเอาชนะทุกสิ่งได้เช่นเดิม แม้กระทั่งกำแพงน้ำแข็งที่หล่อนสร้างขึ้นมา
หัวใจของหล่อนเต้นแรง ไม่ต่างจากครั้งแรกที่สบประสานสายตากับเขาที่ลาสเวกัส
“สบายดีไหม แพตตี้…ไม่สิ…พะแพง ก้องเกียรติไพบูลย์”
ผู้ชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานใหญ่ผุดลุกขึ้น และเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกมายืนเผชิญหน้ากับหล่อนที่กลางห้องกว้าง หล่อนกลายเป็นมดตัวเล็กไปในทันทีที่เขาก้าวมาหยุดตรงหน้า เพราะเขาสูงกว่ามากมายเหลือเกิน
สองขาอยากจะถอยหลังหนี แต่เรี่ยวแรงแม้แต่จะพยุงตัวให้ยืนอยู่โดยไม่ล้มครืนลงไปก็ยังแทบไม่มี กลีบปากของหล่อนสั่นระริก แห้งผาก และหัวใจก็เต้นโครมครามราวกับจะกระดอนหลุดออกมานอกทรวงอก
ทำไมเดมอนถึงสง่างามไม่เปลี่ยนแปลงแบบนี้ เขาหล่อเหลาสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะอยู่ในอาภรณ์ชุดใดก็ตาม แม้แต่ยามไม่มีเสื้อผ้าพวกนี้ปิดบังร่างกาย
โอ…นี่หล่อนคิดบ้าอะไร ทำไม…ทำไมต้องหวนคิดถึงเรื่องนั้น ทำไมจะต้องนึกถึงความอัปยศอดสูพวกนั้นขึ้นมาอีก ในเมื่อทุกเรื่องมันจบลงไปแล้ว
พะแพงพยายามอย่างสุดความสามารถที่จะควบคุมตัวเอง ควบคุมจังหวะการหายใจให้เป็นปกติ หล่อนจะไม่มีทางยอมให้เขามามีอิทธิพลกับตัวเองได้อีกแล้ว
“สะ…สวัสดีค่ะท่านประธาน…” หล่อนฝืนใจพูดตะกุกตะกัก แต่ก็ไม่สามารถพูดจบในประโยคเดียวได้ “คนใหม่…”
อาการระมัดระวังตัวของผู้หญิงตรงหน้า ทำให้เดมอนเต็มไปด้วยความมันเขี้ยว อยากจะกระชากหล่อนเข้ามาปล้ำจูบเสียให้ยับเยินเหมือนที่เคยทำ แต่ความอยากรู้ว่าเจ้าหล่อนจะเข้มแข็งต่อไปได้นานอีกสักแค่ไหนมีอำนาจเหนือกว่า
ดังนั้นเขาควรจะรอ…
อีกนิด!
เรือนร่างสูงใหญ่ของเดมอนยืนพิงอยู่กับระเบียงที่ยื่นยาวออกไปจากห้องพักหรู ดวงตาสีฟ้าเข้มทอดมองออกไปเบื้องหน้า แสงสีของเมืองหลวงงามจับตา แต่กลับไม่สามารถยึดเหนี่ยวความสนใจของหนุ่มรูปงามเอาไว้ได้แม้แต่เสี้ยววินาทีเดียว
สมองของเดมอนยังคงวนเวียนอยู่กับใบหน้าแป้นแล้นของเด็กผู้ชายคนนั้น อะไรบางอย่างที่สะท้อนออกมาจากตัวเด็กน้อย ทำให้เขาอดคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งไม่ได้
นางบำเรอสาวที่เขาย่ำยีจนย่อยยับ ก่อนจะขับไล่ไสส่งหล่อนออกจากชีวิต แม้กาลเวลาจะผ่านพ้นมาสี่ปีแล้วก็ตาม แต่ไม่มีชั่วขณะไหนในความคิดเลยที่เขาไม่นึกถึงหล่อน พะแพงแทรกซึมเข้ามาในเนื้อหัวใจโดยที่เขาไม่รู้ตัว กว่าจะมาสำนึกตัวได้ว่าหล่อนคือนางในดวงใจก็สายเกินไปเสียแล้ว
ลมหายใจอุ่นร้อนเป่าออกมาจากริมฝีปากกว้างหยักลึก กรามแกร่งที่มีเคราหนาครึ้มปกคลุมขบกัดกันแน่นจนขึ้นสันนูนเป่ง ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความกระหายที่จะทวงคืน
เสียงเคาะประตูแผ่วเบาดังแทรกเข้ามาในหู เดมอนหมุนตัวเดินกลับเข้ามาภายในห้อง ทรุดร่างกายกำยำใหญ่โตในชุดลำลองสีขาวสะอาดลงกับโซฟานุ่ม และเอ่ยอนุญาต
“เข้ามา”
ร่างของเบนจามินทร์คนสนิทที่ติดตามเขามาแทนเชลดอนเปิดประตู และเดินเข้ามาค้อมศีรษะอยู่ห่างจากร่างของเขาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
“นายน้อยเรียกหาผม มีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ”
เดมอนเลื่อนสายตาขึ้นมองหน้าคนสนิท ก่อนที่ริมฝีปากกว้างหยักลึกจะเปล่งคำพูดราบเรียบออกมา
“นายส่งเจ้าหมูอ้วนถึงมือแม่หรือเปล่า”
“ผมพาไปส่งให้กับแม่ของเด็กเลยครับ นายน้อยไม่ต้องเป็นกังวล”
“ดีมาก ฉันมีเรื่องจะถามแค่นี้แหละ นายออกไปได้แล้ว”
แทนที่เบนจามินทร์จะเดินออกไปตามคำสั่ง แต่กลับยืนอยู่ที่เดิมและทำใจกล้าเอ่ยถามออกมา
“นายน้อยชอบเด็กคนนั้นเหรอครับ”
“นายหมายถึงเด็กคนไหนล่ะ”
“ก็…เด็กผู้ชายที่นายน้อยให้ลูกโป่งไปน่ะครับ”
เดมอนไหวไหล่กว้างเล็กน้อย “ก็แค่เด็กหน้าตาน่าเอ็นดูคนหนึ่ง นายสงสัยอะไรหรือ”
เมื่อถูกเจ้านายถามกลับ เบนจามินทร์ก็ตอบตะกุกตะกัก
“คือผม…ไม่เคยเห็นนายน้อยสุงสิงกับเด็กมาก่อนน่ะครับ”
“มันไม่มีอะไรน่าแปลกหรอกเบน นายไปพักผ่อนได้แล้วล่ะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เราจะต้องรีบตื่นแต่เช้าไปที่ไลน์ เอสเตท”
ไลน์ เอสเตท คือบริษัทที่เดมอนใช้เงินจำนวนไม่น้อยในการซื้อหุ้นทั้งหมดมาครอบครอง ซึ่งแน่นอนว่ามันคือบริษัทเดียวกันกับที่พะแพงทำงานอยู่นั่นเอง
“ครับ นายน้อย”
เบนจามินทร์โค้งศีรษะให้เจ้านาย ก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องพักกว้างขวางทันที
ประตูปิดสนิทลงแผ่วเบา พร้อมกับร่างสูงใหญ่ของเดมอนที่ทอดถอนลมหายใจออกมา
แม้จะพยายามคิดว่าเด็กผู้ชายหน้าตาน่ารักคนนั้นเป็นแค่เด็กคนหนึ่งที่บังเอิญพบเจอ แต่ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้รู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยคนนี้นัก
“เจ้าหมูอ้วน หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะ”
รอยยิ้มบางๆ แต้มบนใบหน้าหล่อจัด ดวงตาคมกริบของชายหนุ่มค่อยๆ ปรือปิดลงช้าๆ เขาสั่งให้สมองหยุดทำงาน เพราะต้องการที่จะหลับให้ลึกที่สุด แต่ความโหยหาที่มีต่อผู้หญิงคนนั้นก็ยังคงรุนแรงเหลือเกิน
รุนแรงจนแทบจะรอคอยให้ถึงวันพรุ่งนี้ไม่ได้!
เมื่อกล่อมลูกชายจนหลับสนิทแล้ว หล่อนก็เดินออกมานั่งเหม่ออยู่หน้าบ้านเช่าหลังกะทัดรัดที่อยู่กับลูกชายตามลำพังมาหลายปี ท้องฟ้าเบื้องหน้ายามนี้ช่างมืดทะมึน ซึ่งก็ไม่ต่างจากความมืดดำที่กัดกินหัวใจของหล่อนมาเนิ่นนาน
แม้จะนานแค่ไหน ความโหยหาที่มีต่อเดมอนก็ยังคงล้นปรี่ไม่เปลี่ยนแปลง แม้เขาจะโหดร้ายกับหล่อนสักแค่ไหนก็ตาม แต่หัวใจก็ยังรัก ยังภักดี ยังเทิดทูนเขาตลอดมา
หยาดน้ำตาไหลริน เมื่อนึกถึงยามที่ตัวเองแอบอยู่หน้าคฤหาสน์ของเขา และเฝ้ามองเขากับวิคตอเรียแต่งงานกัน มันคือภาพที่แสนสวยงามสำหรับทุกคน ยกเว้นหล่อน
จำได้ว่าหล่อนวิ่งหนีออกมา ร้องไห้ปิ่มจะขาดใจ ท่ามกลางสายฝนที่กระหน่ำเทลงมาไม่ขาดสาย หัวใจของหล่อนแหลกสลายอยู่บนพื้นถนนตรงหน้าอย่างร้าวราน
หล่อนเจ็บปวด หล่อนทรมาน ต้องหอบดวงใจบอบช้ำและร่างกายที่มีเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาซ่อนอยู่กลับประเทศไทยมาอย่างทุกข์ทรมาน
วันแรกที่หล่อนกลับมาถึงเมืองไทย ครอบครัวก็อ้าแขนรับให้ความเมตตาปรานี แต่พอรู้ว่าหล่อนตั้งท้องโดยไม่มีพ่อ ทั้งพ่อทั้งแม่เลี้ยง รวมถึงญาติพี่น้องก็ตราหน้าว่าหล่อนเป็นหญิงใจง่าย ทั้งๆ ที่พวกท่านเองนั่นแหละที่ส่งหล่อนไปบำเรอเจ้าหนี้
ในที่สุดหล่อนก็ตัดสินใจมอบเงินทั้งหมดที่ได้จากเดมอนให้กับครอบครัว เพื่อแลกกับการออกมาอยู่เพียงลำพังคนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีใครฉุดรั้งหล่อนเอาไว้สักคน
และถึงแม้ช่วงแรกๆ หล่อนจะลำบากแสนเข็ญมาก แต่หล่อนกลับรู้สึกว่าสบายใจมากกว่าการอยู่ร่วมกับครอบครัวที่ไม่มีใครจริงใจกับหล่อนเลยสักคน แม้แต่บิดาแท้ๆ ของตัวเอง
มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ฝืนระบายยิ้มออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าของวินเซนต์ ผู้เป็นลูกชาย
วินเซนต์หน้าตาถอดแบบมาจากเดมอนไม่มีผิด ปากคอคิ้วคางเหมือนราวคนคนเดียวกัน มีแค่สีของดวงตากับสีของเส้นผมเท่านั้นแหละที่เหมือนหล่อน
ทุกครั้งที่มองหน้าลูกชาย หล่อนก็มักจะเห็นใบหน้าของเดมอนซ้อนทับขึ้นมาตลอดเวลา และเพราะอย่างนี้ไง หล่อนถึงลืมเขา…ผู้ชายคนแรกของชีวิตไม่ได้สักที
“ป่านนี้…นายน้อยคงมีลูกกับคุณวิคกี้แล้ว” หล่อนเงยหน้าพูดกับแผ่นฟ้า ราวกับมันคือเดมอน “แพงขอให้นายน้อย…มีความสุขมากๆ นะคะ” น้ำตาไหลออกมาอีกครั้งอย่างสุดจะกลั้น “แพงสัญญา…ว่าจะดูแลลูกของเราให้ดีที่สุด…” ก้อนสะอื้นขนาดใหญ่เล็ดลอดออกมา หล่อนเจ็บปวดจนต้องยกมือขึ้นกุมหัวใจเอาไว้ “และจะไม่มีวันบอกลูก…ว่าพ่อของเขาเป็นใคร…” หล่อนยังคงร้องไห้ด้วยความปวดร้าวทรมาน “แพงจะไม่มีวัน…สร้างความรำคาญใจ…ให้กับนายน้อยและคุณวิคกี้…ไม่มีทางทำแบบนั้น…”
แม้ว่าหล่อนจะปวดร้าวมากมายสักแค่ไหนก็ตาม…
“คุณลุงคับ…ผมอยากได้ลูกโป่ง”
เดมอนหยุดเดิน และหมุนตัวกลับไปมองเจ้าของเสียงเรียกตัวน้อยวัยกำลังซน ก่อนจะย่อตัวลงนั่งบนส้นเท้า จ้องใบหน้าขาวสะอาดของคู่สนทนาตัวจ้อยด้วยความเอ็นดู
“มาได้ยังไงน่ะเจ้าหนู”
เขาอมยิ้ม เอียงคอมองเด็กชายตรงหน้า และวูบหนึ่งก็รู้สึกคล้ายกับมีอะไรมาทิ่มแทงในอก ดวงตาของเด็กคนนี้ช่างเหมือนกับใครบางคนที่เขาลืมไม่ลง
“ผมเดินตามคุณลุงมาคับ ผมอยากได้ลูกโป่ง” เด็กน้อยมองลูกโป่งในมือของเดมอนไม่วางตา
เดมอนอมยิ้มน้อยๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงรู้สึกเอ็นดูเด็กผู้ชายคนนี้นัก
“ถ้าอยากได้ก็ตอบมาก่อนว่าคุณพ่ออยู่ที่ไหน ทำไมถึงปล่อยให้เรามาเดินคนเดียวแบบนี้”
สีหน้าสลดลงไปของคู่สนทนาวัยอนุบาลทำให้เขาอดสงสารไม่ได้
“พ่อผมทำงานยุ่งมากคับ ไม่มีเวลามาหาผมเลย”
เดมอนยกมือขึ้นขยี้ผมของเด็กชายตรงหน้าอย่างแสนจะเอ็นดู หมอนี่เป็นเด็กคนแรกที่เขายอมสนทนาด้วยเกินสองประโยค
“คุณพ่อก็ทำงานหาเงินให้เราเรียนหนังสือไงครับ”
“แต่ผมอยากเจอพ่อบ้าง เหมือนกับเพื่อนคนอื่น”
เดมอนเอียงคอมองเด็กน้อยที่พูดจาฉะฉานฉลาดเกินวัยมากตรงหน้าอย่างแปลกใจ
“เราพูดเหมือนไม่เคยเจอพ่อเลยอย่างนั้นแหละ”
เด็กน้อยยืนยันด้วยการส่ายศีรษะไปมา “ยังไม่เคยเจอเลยคับ แม่บอกว่าผมต้องหยอดหมูอ้วนให้เต็มก่อน ถึงจะมีตังค์ขึ้นเครื่องบินไปหาพ่อคับ”
ดูก็รู้ว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่ชาวเอเชียแท้ๆ แต่เป็นลูกผสมอย่างลงตัวระหว่างเอเชียและยุโรป
“ไม่ต้องเศร้านะ ลุงให้ลูกโป่งก็ได้”
วินเซนต์รีบยกมือไหว้ แล้วคว้าเชือกที่ผูกลูกโป่งสวรรค์มาไว้ในมือ พร้อมกับยิ้มอย่างตื่นเต้นดีใจ
“ขอบคุณคับ”
“แล้วแม่ของเราล่ะ” ในที่สุดเขาก็ถามออกมา
เด็กชายมีสีหน้าตกใจ ก่อนจะตอบอกมา “ผมทิ้งแม่ไว้ที่ร้านไอศกรีม ผมขอตัวไปหาแม่ก่อนนะคับ”
เดมอนส่ายหน้าไปมา ก่อนจะลุกขึ้นยืน พร้อมกับจูงมือเล็กของวินเซนต์เอาไว้
“เดี๋ยวลุงไปส่ง”
“ขอบคุณคับ คุณลุงจะได้เจอแม่ผมด้วย” เด็กชายยิ้มแก้มแทบปริ “แม่ผมสวยมากเลยคับ”
เดมอนส่ายหน้าไปมา โน้มตัวลงมาหาเด็กชาย “สวยแต่ไม่รอบคอบก็ต้องถูกตีเหมือนกันนั่นแหละ”
“อย่าตีแม่ผมเลยคับ ผมเดินหนีแม่มาเอง”
ยิ่งได้พูดคุยกับเด็กน้อยคนนี้ เดมอนก็ยิ่งรู้สึกอบอุ่นในหัวใจแปลกประหลาด
“ไม่ตีแม่ของเราก็ได้ แต่เราต้องบอกชื่อมาก่อนว่าชื่ออะไร”
วินเซนต์ยิ้มแป้น “ผมชื่อวินเซนต์คับ แต่แม่ชอบเรียกผมว่าหมูวิน”
เดมอนทวนชื่อของเด็กชายตรงหน้าแผ่วเบา และก็กำลังจะแนะนำตัวเอง
“ส่วนฉันชื่อ…”
“นายน้อยครับ ลูกค้ารออยู่ครับ”
เดมอนหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นว่าเป็นคนของตัวเองมายืนค้อมศีรษะเรียกอยู่
“โอเค ฉันกำลังจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” ชายหนุ่มตอบคนของตัวเอง ก่อนจะหันมามองวินเซนต์ “เดี๋ยวลุงให้เพื่อนลุงไปส่งเราแทนก็แล้วกันนะ พอดีลุงมีธุระน่ะ”
วินเซนต์จับมือของเดมอนและดึงเอาไว้ “แล้วผมจะได้เจอคุณลุงอีกไหมคับ”
เดมอนโน้มตัวลงมาพูดกับเด็กชายตัวจ้อยอีกครั้ง “ให้เบอร์โทรคุณแม่เอาไว้กับเพื่อนของลุงสิ แล้วลุงจะโทรไปหา”
วินเซนต์ฉีกยิ้มกว้าง “คับ”
“เบนพาเด็กคนนี้ไปหาแม่ด้วย เห็นว่าหลงกันที่ร้านไอศกรีม”
เดมอนหันไปสั่งคนของตัวเอง
“ครับ นายน้อย”
“ลุงไปล่ะ”
“บ๊ายบายคับ”
เดมอนยกมือโบกลากับเด็กชายตัวน้อยอีกครั้ง ก่อนจะก้าวเท้าเดินจากไป
วินเซนต์มองตามร่างของเดมอนไปจนลับตา ก่อนจะหันมายิ้มให้กับเบนจามินทร์
“เพื่อนคุณลุงใจดีจังคับ”
“ลุงก็เพิ่งเคยเห็นเพื่อนลุงใจดีกับเด็กวันนี้นี่แหละครับ”
เบนจามินทร์พูดออกมาอย่างงงๆ ก่อนจะจูงมือวินเซนต์ออกไปยังร้านไอศกรีม แต่ก็เจอพะแพงระหว่างทางเสียก่อน
“หมูวิน!”
พะแพงร้องไห้โฮออกมาเมื่อเห็นลูกชาย ก่อนจะวิ่งเร็วสุดชีวิตเข้ามากอดลูกชายเอาไว้แน่น
“ลูกไปไหนมา รู้ไหมว่าแม่ตกใจแค่ไหน”
“ผมขอโทษคับ ผมแค่ตามไปขอลูกโป่งจากคุณลุงใจดีมาน่ะคับ”
พะแพงมองหน้าลูกชาย สลับกับลูกโป่งในมือน้อย ก่อนจะเอ่ยตำหนิทั้งน้ำตา
“ถ้าอยากได้ลูกโป่งทำไมไม่บอกแม่ล่ะครับ ทำแบบนี้แม่ใจจะขาดนะลูก”
“ผมขอโทษคับแม่”
น้ำเสียงเศร้าสร้อยของลูกชาย ทำให้พะแพงรู้สึกผิด หล่อนยกมือขึ้นประคองใบหน้าเล็กของวินเซนต์เอาไว้
“อย่าทำแบบนี้อีกนะลูก ถ้าอยากได้อะไร ต้องบอกแม่นะครับ”
“คับแม่”
พะแพงยังคงกอดลูกเอาไว้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะหันไปขอบอกขอบใจผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างลูกชาย ก่อนจะอุทานออกมาเพราะจำได้
“คุณนั่นเอง”
ผู้ชายตรงหน้าระบายยิ้มออกมา “ไม่คิดเลยนะครับว่าเจ้าหนูจำไมจะเป็นลูกชายของคุณนั่นเอง”
“ดิฉันต้องขอโทษด้วยนะคะ ถ้าหมูวินไปรบกวนคุณ…” หล่อนอึกอัก “เรื่องลูกโป่งน่ะค่ะ”
“ผมไม่ใช่เจ้าของลูกโป่งหรอกครับ”
สีหน้าแปลกใจของหล่อนทำให้คู่สนทนาต้องรีบพูดออกมา “เจ้านายของผมเป็นเจ้าของลูกโป่งในมือของลูกชายคุณน่ะครับ”
“เจ้านายของคุณเหรอคะ”
งั้นก็คงเป็นเจ้าของน้ำเสียงห้าวกระด้างคุ้นหูเหมือนกับเคยได้ยินที่ไหนมาก่อนคนนั้นสินะ
“ใช่ครับ”
“เอ่อ…ดิฉันฝากขอโทษเจ้านายของคุณด้วยนะคะ แล้วก็…”
หล่อนรีบหยิบกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาเปิดออก ก่อนจะส่งธนบัตรสีแดงหนึ่งใบให้กับผู้ชายตรงหน้า
“ดิฉันจ่ายค่าลูกโป่งค่ะ”
“เจ้านายผมไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อยหรอกครับ คุณเก็บเงินไว้เถอะ ผมขอตัวก่อน”
ผู้ชายตรงหน้าของหล่อนไม่ยอมรับเงิน “แต่ว่าดิฉันเกรงใจน่ะค่ะ เมื่อก่อนหน้านี้ก็เกือบทำให้รถของเจ้านายคุณเกิดอุบัติเหตุ ตอนนี้ลูกชายดิฉันยังมารบกวนอีก…”
“ไม่ต้องคิดมากครับ เจ้านายผมเป็นคนใจกว้าง และดูท่าทางจะเอ็นดูเจ้าหมูอ้วนนี่มากด้วย”
“แต่ว่า…”
“ผมขอตัวก่อนครับ”
“เดี๋ยวก่อนสิคะ”
แม้ว่าหล่อนจะเรียกเอาไว้ แต่ผู้ชายคนนั้นก็เดินจากไปโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมาอีก หล่อนถอนหายใจแผ่วเบา ก่อนจะหันไปมองลูกชายของตัวเอง
“เราจะกลับบ้านกันนะครับ”
“แต่ผมยังไม่ได้กินไอติมเลยคับ” เด็กน้อยเริ่มงอแง แต่พะแพงส่ายหน้าและพูดเสียงจริงจัง
“นี่คือการลงโทษที่หมูวินเดินหนีแม่ไป รู้ไหมว่ามันอันตรายมาก ถ้าลูกเจอคนไม่ดี”
“แต่คุณลุงเจ้าของลูกโป่งใจดีมากคับ คุยสนุกด้วย ทำผมหัวเราะตั้งหลายครั้ง”
พะแพงยังคงส่ายหน้าไปมา “อย่าทำแบบนี้อีกรู้ไหมครับ เพราะแม่เสียใจมาก”
วินเซนต์หน้าเสีย เมื่อเห็นน้ำตาของมารดา “ผมขอโทษคับแม่ ผมจะไม่ทำอีกแล้วคับ”
“สัญญากับแม่นะครับ”
พะแพงยื่นนิ้วก้อยออกมาตรงหน้า เด็กชายรีบเอานิ้วก้อยของตัวเองไปเกี่ยวเอาไว้ทันที
“คับ ผมสัญญาคับ”
พะแพงยิ้มโล่งอกออกมา ดึงลูกชายเข้ามากอดแนบอกอีกครั้ง หล่อนยังคิดไม่ออกเลยว่า หากหล่อนตามหาวินเซนต์ไม่เจอ ตัวเองจะมีชีวิตรอดจากค่ำคืนนี้ไปได้ยังไง
พะแพงขับรถมุ่งหน้าตรงไปยังโรงเรียนอนุบาลที่ลูกชายเรียนอยู่ด้วยความเร็วมากกว่าทุกวัน เนื่องจากวันนี้หล่อนทำรายงานประชุมเสร็จช้า ทำให้ออกจากที่ทำงานช้ากว่าปกติ และนั่นก็เท่ากับว่าจะต้องไปรับวินเซนต์ผิดเวลา
“หมูวิน…แม่กำลังจะไปรับลูกนะ”
เพราะความรีบร้อน ทำให้หล่อนขาดความละเอียดรอบคอบจนเกือบจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น เมื่อหล่อนตีไฟเลี้ยวขวาเพื่อจะเปลี่ยนเลนแล้วมองไม่เห็นว่ารถหรูสีดำคันหนึ่งแล่นมาด้วยความเร็ว เสียงแตรรถดังลั่น พร้อมๆ กับเสียงล้อรถที่ครูดไปกับพื้นถนน
“กรี๊ดดดดด…”
หล่อนกรีดร้องและเหยียบเบรกสุดแรง ก่อนที่รถจะหยุดนิ่งอยู่ริมถนน พร้อมๆ กับคนขับรถคันงามที่เดินลงมาเคาะกระจกรถถามไถ่อาการของหล่อน
“คุณเป็นยังไงบ้างครับ”
หล่อนที่ศีรษะกระแทกกับพวงมาลัยรถเล็กน้อย รีบลดกระจกรถลงและยกมือไหว้ขอโทษขอโพย
“ขอโทษนะคะดิฉันไม่ได้ตั้งใจ”
หล่อนรีบปลดเข็มขัดนิรภัย และก้าวลงไปจากรถ ยกมือไหว้ครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างสำนึกผิด
“ขอโทษจริงๆ ค่ะ ขอโทษนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับ แต่คราวหน้าคราวหลังก็มองให้ถี่ถ้วนก่อนนะครับค่อยเปลี่ยนเลน”
“ขอบคุณค่ะ ว่าแต่รถของคุณเป็นอะไรมากไหมคะ”
ผู้ชายใส่สูทตัวใหญ่ส่ายหน้าน้อยๆ “รถไม่เป็นไรครับ ผมเบรกทัน แต่เจ้านายของผมนี่สิ ศีรษะน่าจะกระแทกกับกระจกรถนิดหน่อยครับ”
“โอ้…” หล่อนยกมือขึ้นทาบอกด้วยความเสียใจ “ดิฉันอยากจะขอโทษเจ้านายคุณค่ะ”
“ได้ครับ”
หล่อนกำลังจะเดินตามคู่สนทนาตรงไปยังรถลีมูซีนคันยาว แต่เสียงห้าวคุ้นหูแปลกประหลาดก็ดังออกมาจากกระจกรถที่ถูกลดลงเพียงแค่เล็กน้อยเสียก่อน
“ขึ้นรถได้แล้ว ฉันรีบกลับโรงแรม”
“ครับ นายน้อย”
นายน้อย…?
พะแพงตัวชาดิก หน้างามซีดเผือดและพยายามจ้องมองเข้าไปในกระจกรถลีมูซีน แต่ก็มองอะไรไม่เห็นเลย เมื่อกระจกรถรอบคันติดฟิล์มดำมืด
“เจ้านายผมรีบน่ะครับ ขอตัวนะครับ”
แล้วคู่สนทนาของหล่อนก็รีบวิ่งไปขึ้นรถและขับออกไปอย่างรวดเร็ว แต่หล่อนกลับยังคงยืนเซ่ออยู่ที่เดิม ดวงตาจ้องมองท้ายรถคันงามไปด้วยความแคลงใจ
“คงไม่ใช่…เขาหรอก”
หล่อนพึมพำออกมาเสียงสั่นเทา ก่อนจะสลัดศีรษะแรงๆ เมื่อนึกถึงลูกชาย
“หมูวิน…”
สองเท้ารีบวิ่งกลับไปที่รถ และขับออกไปด้วยความระมัดระวังอย่างที่สุด
“แม่คับ” ทันทีที่เห็นมารดา วินเซนต์ก็รีบวิ่งเข้ามาสวมกอดอย่างดีใจ
พะแพงรีบอ้าแขนรับร่างตุ้ยนุ้ยของลูกชายเข้ามากอดแนบอก และจูบศีรษะเล็กด้วยความรักหมดหัวใจ
“แม่ขอโทษที่มาช้านะครับ”
“ไม่เป็นไรคับ ผมรอได้คับ”
หญิงสาวมือขึ้นยีเส้นผมของลูกชายอย่างเอ็นดู “ก็เพราะหมูวินเป็นคนเก่งไงครับ” หล่อนพูดกับลูกชาย ก่อนจะหันไปกล่าวขอบคุณคุณครูประจำชั้นที่อยู่กับวินเซนต์รอจนหล่อนมาถึง
“ขอบคุณครูนิดมากนะคะ วันนี้แพงมาช้าไปเกือบชั่วโมงเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณแม่ มันเป็นหน้าที่ของครูค่ะ”
“ยังไงก็ต้องขอบคุณค่ะ” พะแพงมองอย่างซาบซึ้งใจ ก่อนจะหันไปบอกวินเซนต์
“หมูวินครับ สวัสดีครูนิดสิครับ เราจะกลับบ้านกันแล้ว”
เด็กน้อยทำตามคำสั่งของมารดาอย่างว่านอนสอนง่าย “สวัสดีคับคุณครู”
“สวัสดีครับหมูวิน พรุ่งนี้เจอกันครับ”
“คับคุณครู”
วินเซนต์ยิ้มกว้าง ก่อนจะยื่นมือไปกุมมือมารดาเอาไว้ “เรากลับกันเถอะคับ”
“ไปจ้ะ”
พะแพงเดินจูงมือลูกชายตรงไปยังรถยนต์คันเล็กของตัวเอง แต่ระหว่างทางก็มีพ่อคนหนึ่งอุ้มลูกชายวัยเดียวกันกับวิเซนต์เดินผ่านหน้าไป
หล่อนหันไปมองหน้าของลูกชายทันที และก็เป็นอย่างที่หวาดกลัว เมื่อวินเซนต์เอียงคอมองตามไปตาปริบๆ หัวใจของคนเป็นแม่แสนเจ็บปวด แม้ลูกจะไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่สีหน้าและแววตาของเด็กน้อยบอกให้รู้ได้เป็นอย่างดีว่าโหยหาอ้อมกอดของบิดามากมายแค่ไหน
น้ำตาของหล่อนไหลออกมา แต่ก็ต้องรีบป้ายทิ้ง และฝืนยิ้มออกมาแทน
“วันนี้เราไปกินไอศกรีมก่อนกลับบ้านกันดีไหมครับหมูวิน”
สีหน้าเศร้าๆ ของวินเซนต์เบิกบานขึ้นทันที เพราะไอศกรีมคือของโปรดปรานของตัวเอง
“เย้…”
รอยยิ้มของลูกชายทำให้พะแพงยิ้มออกมาทั้งน้ำตา “งั้นขึ้นรถครับคนเก่ง เราจะได้ไปกินไอศกรีมกันเร็วๆ”
“คับแม่”
เด็กน้อยกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถทันทีเมื่อมารดาเปิดประตูรถให้ ก่อนจะคาดเข็มขัดนิรภัยอย่างรู้หน้าที่
พะแพงระบายยิ้ม ปิดประตูเบาๆ ก่อนจะรีบเดินอ้อมรถขึ้นมานั่งประจำที่คนขับ
“ว่าแต่หมูวินอยากกินไอศกรีมที่ไหนครับ”
หล่อนหันมาถามความคิดเห็นของลูกชาย เมื่อขับรถออกมาจากหน้าโรงเรียนอนุบาล
“ที่นี่ก็ได้คับแม่”
“งั้นถ้าเราขับรถผ่านร้านไหน เราก็แวะร้านนั้นเลย โอเคไหมครับ”
“คับแม่”
เด็กน้อยเหมือนผ้าขาวและแสนไร้เดียงสามันคือเรื่องจริง เพราะแค่มีของโปรดมาล่อ วินเซนต์ก็ลืมความเศร้าเรื่องบิดาไปเสียสนิท แถมยังพูดจ้อถึงไอศกรีมที่ตัวเองอยากกินตลอดเวลา
หล่อนยิ้มอย่างมีความสุข น้ำตาไหลคลอออกมา วินเซนต์คือความสุขเดียวของหล่อนในตอนนี้
ไม่รู้ว่าเย็นนี้ทำไมร้านไอศกรีมที่เคยเปิดเต็มสองข้างถนนที่ทอดยาวไปยังที่พักถึงพร้อมใจกันหยุดขายแบบนี้ จะหันไปบอกลูกชายว่าเอาไว้กินพรุ่งนี้ก็คงไม่ได้ เพราะวินเซนต์จะต้องผิดหวังมาก ดังนั้นคนเป็นแม่อย่างหล่อนจึงต้องควานหาร้านไอศกรีมให้เจอ แม้ว่ามันจะยากลำบากและรถติดแค่ไหนก็ตาม
“อีกแป๊บเดียวนะครับหมูวิน ใกล้ถึงแล้ว”
“เราจะไปที่ไหนกันคับแม่”
“โรงแรมข้างหน้าไงครับ มีร้านไอศกรีมอร่อยมาก ป้ากิ่งเคยเล่าให้แม่ฟัง”
เด็กน้อยมองตรงไปยังโรงแรมหรูขนาดใหญ่ตรงหน้า ก่อนจะห่อปากด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ที่นี่เหมือนวังเลยคับ”
พะแพงหันมองหน้าลูกชายและอมยิ้ม ขณะถอยรถคันเล็กของตัวเองเข้าจอด
“หมูวินรู้ได้ยังไงครับลูก ว่าที่นี่เหมือนวัง”
“คุณครูเคยเปิดให้ดูในทีวีคับ เหมือนแบบนี้เลยคับ”
หญิงสาวอมยิ้มให้ลูกชาย และดับเครื่องยนต์ “งั้นเดี๋ยวแม่พาหมูวินเข้าไปชมวังนะครับ”
“เย้ ดีใจจังเลย”
ความสุขของลูกชายคือสิ่งที่ทำให้คนเป็นแม่ยิ้มได้ แม้ว่าตอนนี้จะกำลังทุกข์ทรมานแค่ไหนก็ตาม
“งั้นเราไปกันเถอะครับ”
หล่อนกำลังจะเอื้อมมือไปปลดเข็มขัดนิรภัยให้กับลูกชาย แต่วินเซนต์จัดการเองเสียก่อน
“เก่งมากครับ”
หล่อนเอ่ยชมเชยลูกชาย และมอบจุมพิตให้เป็นรางวัล ก่อนจะเปิดประตูลงไปจากรถ
วินเซนต์ก้าวลงจากรถมาจับมือของหล่อนเอาไว้แน่น เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นมองตึกระฟ้าตรงหน้าอย่างตื่นตาตื่นใจ
“ร้านไอติมอยู่ในนี้จริงเหรอคับแม่”
“จริงครับ แม่จะพาหมูวินไปกินเดี๋ยวนี้แหละ”
พะแพงจูงมือลูกชายเดินเข้าไปภายในสิ่งก่อสร้างขนาดใหญ่เบื้องหน้า ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศที่พุ่งเข้าใส่ร่างกาย ทำให้หล่อนอดเป็นห่วงวินเซนต์ไม่ได้
“หนาวไหมครับหมูวิน”
เด็กน้อยที่หน้าตาเบิกบานเพราะความตื่นเต้นส่ายหน้าไปมา และมองไปรอบๆ ตัวอย่างอยากรู้อยากเห็น
“แม่คับ นั่นทางไปไหนเหรอคับ”
นิ้วอ้วนป้อมของวินเซนต์ชี้ตรงไปยังอีกส่วนหนึ่งของโรงแรมหรูที่มีกระจกลวดลายสวยงามกั้นเอาไว้ แต่สามารถมองเห็นภายในได้เพียงแค่เพ่งสายตามองเท่านั้น
ความละม้ายคล้ายคลึงที่เห็นทำให้ความทรงจำที่พยายามจะฝังเอาไว้ให้ลึกสุดก้นบึ้งหัวใจผุดพรายขึ้นมา กลีบปากอิ่มเผยอแย้ม ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หัวใจคล้ายกับกำลังลูกเขย่า
ทำไมที่นี่ถึงเหมือนกับ…ที่ลาสเวกัสนักนะ
“แม่คับ”
เสียงเรียกของวินเซนต์ทำให้หล่อนได้สติ และรีบละสายตาจากเครื่องเล่นพวกนั้นมาจ้องหน้าลูกชายแทน
“เรารีบไปกินไอศกรีมกันดีกว่าครับ”
“คับ”
เมื่อลูกชายตอบรับ หล่อนก็แทบจะพาวินเซนต์บินออกไปจากบริเวณนั้นทันที
เพียงไม่นานนัก หล่อนกับวินเซนต์ก็เดินมาหยุดที่หน้าร้านไอศกรีม หล่อนรีบจูงมือลูกชายเข้าไปข้างใน
“สวัสดีค่ะ รับไอศกรีมอะไรดีคะ”
“หมูวินกินอะไรดีลูก”
“ช็อกโกแลตคับ”
พะแพงพยักหน้าตอบรับเพราะมันคือเมนูโปรดของวินเซนต์นั่นเอง
“งั้นขอเป็นไอศกรีม ช็อกโกแลต ลาวา สุพรีม หนึ่งที่ค่ะ แล้วก็…ไอศกรีม แมงโก้ พาราไดส์ หนึ่งที่ค่ะ”
ในขณะที่พะแพงกำลังสั่งไอศกรีมอยู่นั้นก็ไม่ทันระวัง เพราะจู่ๆ วินเซนต์ก็ปล่อยมือจากชายกระโปรงของหล่อนและเดินหายออกไปจากร้านไอศกรีม
“ได้ค่ะ เชิญนั่งรอที่โต๊ะก่อนนะคะ” พนักงานเอ่ยด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ขอบคุณค่ะ”
พะแพงกล่าวขอบคุณ ก่อนจะหันกลับมาหาลูกชายที่ข้างตัว แต่ก็ต้องชะงักค้าง เมื่อที่ข้างตัวไร้เงาของลูกชาย
“หมูวิน…?”
หล่อนหน้าซีดเผือด หันมองไปรอบๆ ตัวด้วยความตื่นตกใจ “หมูวิน ลูกแม่”
“มีอะไรเหรอคะ” ลูกค้าที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เอ่ยถาม
“เอ่อ ลูกชายของฉันค่ะ แกหายไป”
“ใช่ เด็กลูกครึ่งที่ใส่ชุดนักเรียนไหมคะ”
“ใช่…ใช่ค่ะ คุณเห็นลูกฉันที่ไหนเหรอคะ”
น้ำเสียงของหล่อนเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก น้ำตาไหลรินออกมาจากดวงตาทั้งสองข้าง หัวใจคล้ายกับถูกมีดกรีด
ทำไมหล่อนสะเพร่าแบบนี้!
“ดิฉันเห็นแกวิ่งตามลูกโป่งไปทางนู้นน่ะค่ะ”
หล่อนมองตามมือของคู่สนทนาไป ก่อนจะรีบหันไปบอกพนักงานยกเลิกออร์เดอร์ และวิ่งตามหาลูกชายไปทันที
“หมูวินลูกแม่…ลูกไปไหน”
หัวอกของคนเป็นแม่แทบแตกสลาย หล่อนมองฝ่าผู้คนมากมายไปด้วยหัวใจที่ปวดร้าว ภาวนาให้เห็นลูกชาย ภาวนาให้หล่อนได้เจอกับวินเซนต์อีกครั้ง
“หมูวิน…ลูกอยู่ไหนครับ”
หล่อนวิ่งไปตะโกนเรียกลูกชายไปราวกับคนบ้า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามาสอบถาม และเมื่อรู้ว่าหล่อนตามหาลูกชายก็รีบวิทยุบอกให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยจุดอื่นช่วยกันตามหาวินเซนต์
“มีคนบอกว่าแกวิ่งตามคนถือลูกโป่งไปค่ะ”
“ผมขอเบอร์โทรด้วยครับ เดี๋ยวถ้าได้เบาะแสแล้ว ผมจะโทรติดต่อคุณแม่ทันทีครับ”
หล่อนรีบให้เบอร์โทรศัพท์มือถือกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ก่อนจะรีบวิ่งตามหาลูกชายต่อไป หัวใจเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
“หมูวิน…ลูกไปไหน…หนีแม่ไปไหน”
แค่คิดว่าจะต้องอยู่ต่อไปโดยไม่มีวินเซนต์ หล่อนก็แทบจะขาดใจตายเสียตรงนี้แล้ว
น้ำตาไหลรินออกมาแทบเป็นสายเลือด ความเจ็บปวดในตอนนี้มันมากกว่าตอนที่หล่อนถูกเดมอนเขี่ยทิ้งเสียอีก
สี่ปีที่ผ่านพ้นไปไม่ได้ทำให้บาดแผลในหัวใจของพะแพงจางหายไปได้เลย รอยแผลเป็นที่พร้อมจะเจ็บปวดขึ้นมาใหม่ทุกครั้งเมื่อนึกถึงผู้ชายใจร้ายคนนั้นยังคงฝังแน่นอยู่ภายในหัวใจ หล่อนพยายามที่จะลบเลือนอดีตแสนโหดร้าย แต่ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหน เรื่องราวที่ลาสเวกัสกับเดมอนก็ยังคงไม่เลือนหายไปจากความทรงจำ
“แม่คับ…”
เสียงสดใสของลูกชายวัยสามขวบเศษช่วยเรียกสติของหล่อนให้กลับคืนมาได้ชั่วขณะ
“ว่าไงครับ หมูวิน”
“ผมมีเรื่องสงสัยคับ”
เด็กน้อยที่ฉลาดเกินวัยเอ่ยกับมารดาของตัวเอง สีหน้าเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
พะแพงละสายตาจากถนนมามองใบหน้าของลูกชายด้วยรอยยิ้มมีความสุข วินเซนต์คือสิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของหล่อนให้เข้มแข็งยามที่ท้อแท้ทรมาน เพราะหากไม่มีลูก หล่อนก็อาจจะคิดสั้นจบชีวิตตัวเองไปตั้งแต่เมื่อสี่ปีก่อนแล้ว
“เรื่องอะไรครับคนเก่ง”
เด็กน้อยจ้องหน้ามารดาตาแป๋ว ก่อนที่ริมฝีปากหยักสวยไม่ต่างจากบิดาผู้ให้กำเนิดจะขยับเปล่งคำพูด
“เมื่อไหร่ พ่อจะว่างมาหาผมสักทีคับแม่”
คำถามของลูกชาย ทำให้หัวใจของคนเป็นแม่แสนเจ็บปวด หล่อนเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง พยายามที่จะสะกดกลั้นหยาดน้ำตาเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้มปั้นแต่ง
“คุณพ่อของหมูวินงานยุ่งครับ เลยไม่มีเวลาบินมาหาหมูวินที่เมืองไทย”
“งั้นผมบินไปหาพ่อได้ไหมคับ”
หากวินเซนต์รู้ว่าบิดาที่หล่อนบอกว่าทำงานอยู่ไกลมาก ไม่ได้สนใจไยดีเขา ไม่ได้ตั้งใจจะให้เขาเกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ด้วยซ้ำ วินเซนต์จะเสียใจขนาดไหน
หล่อนเจ็บปวดทรมาน หัวใจราวกับถูกกระทืบจนแหลกละเอียดไม่มีชิ้นดี แต่ก็จำต้องฝืนยิ้มเอาไว้
“แม่ยังเก็บเงินไม่พอค่าเครื่องบินเลยครับคนเก่ง เอาไว้แม่มีเงินมากพอเมื่อไหร่ แม่จะพาหมูวินบินไปหาคุณพ่อนะครับ”
“ตังค์ในกระปุกหมูอ้วนของผมมีเกือบเต็มแล้วคับแม่”
หล่อนปวดใจเหลือเกิน “ยังไม่พอหรอกหมูวิน ค่าตั๋วเครื่องบินมันแพงมาก”
“งั้นผมจะเหลือตังค์มาหยอดกระปุกมากขึ้นคับ ผมจะช่วยแม่เก็บเงิน เราจะได้บินไปหาพ่อกันคับ”
คำพูดไร้เดียงสาของวินเซนต์เต็มไปด้วยความหวัง และมันก็ทำให้หล่อนสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่
“ครับ คนเก่ง…”
นี่หล่อนทำผิดใช่ไหม ที่ไม่ได้บอกความจริงกับวินเซนต์เรื่องพ่อของเขา
ไม่คิดเลยว่าคำโกหกที่ปั้นขึ้นมาเพื่อไม่ให้ลูกเสียใจ มันจะตามมาหลอกหลอนเช่นนี้
“แม่ร้องไห้ทำไมคับ” เด็กน้อยเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง และพยายามจะยื่นมือมาเช็ดน้ำตาให้มารดา แต่ไม่ถึงเพราะคาดเข็มขัดนิรภัยเอาไว้
พะแพงยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งเอง และแสร้งปั้นหัวเราะ “แม่ร้องไห้เพราะดีใจน่ะครับหมูวิน ดีใจที่เราสองคนแม่ลูกจะช่วยกันเก็บตังค์ และบินไปหา…” น้ำเสียงของหล่อนขาดหาย ก่อนจะรีบพูดต่อให้จบ “คุณพ่อของหมูวิน”
“เย้…ผมดีใจจังคับ”
“งั้นต้องสัญญากับแม่นะครับ ว่าจะไม่ดื้อไม่ซน และต้องตั้งใจเรียน”
“สัญญาคับ”
ใบหน้าของลูกน้อยยิ้มสดใสเหลือเกิน และมันก็ยิ่งทำให้แม่อย่างหล่อนสะท้อนใจ
หล่อนจะไปหาพ่อให้กับวินเซนต์ได้ที่ไหนกัน
หลังจากส่งลูกชายที่โรงเรียนอนุบาลเอกชนแห่งหนึ่งแล้ว พะแพงก็รีบบึ่งรถอีโคคาร์ของตัวเองตรงไปยังบริษัทที่ตัวเองทำงานอยู่ หล่อนจอดรถที่ลานจอด ก่อนจะรีบคว้ากระเป๋าสะพาย แล้วเดินเข้าไปในสถานที่ทำงาน
“สวัสดีค่ะพี่กิ่ง”
หล่อนเอ่ยทักทายรุ่นพี่ที่ทำงานร่วมกันมาหลายปี ก่อนจะเดินเข้าไปทรุดตัวนั่งหน้าห้องเจ้านาย แต่ยังไม่ทันได้เปิดคอมพิวเตอร์ที่โต๊ะเลย เพื่อนร่วมงานก็เดินเข้ามาหาและชวนคุย
“แพงรู้เรื่องสถานการณ์ของบริษัทเราหรือยัง”
หล่อนมองหน้าคู่สนทนา ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ “ถ้าเรื่องที่จะเปลี่ยนเจ้านายใหม่ แพงทราบแล้วค่ะ”
“น่าเสียดายเนอะ ท่านประธานออกจะใจดี ไม่น่าขายบริษัทให้กับคนต่างชาติเลย”
“ท่านประธานคงมีเหตุผลส่วนตัวน่ะค่ะ”
คู่สนทนาของหล่อนพยักพเยิดเห็นด้วย แต่ก็ยังไม่หยุดแสดงความคิดเห็น
“แต่ในความโชคร้าย ก็ยังมีความโชคดีอยู่ แพงว่าไหม”
หล่อนยังไม่ทันได้ถามว่ายังไง กิ่งแก้วคู่สนทนาก็ชิงพูดออกมาเสียก่อน
“ก็โชคดีตรงที่ว่า เจ้านายใหม่ไม่ได้คิดจะปลดพนักงานเก่าแก่อย่างพวกเราออกน่ะสิ ไม่อย่างนั้นน่ะแย่เลย”
เรื่องนี้หล่อนเห็นด้วยกับกิ่งแก้ว
“ใช่ค่ะ ท่านประธานคนใหม่ก็คงจะใจดีไม่ต่างจากเจ้านายเก่าของพวกเราหรอกค่ะ”
“สาธุ พี่ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นแหละ” กิ่งแก้วยกมือขึ้นไหว้ท่วมหัว ก่อนจะพูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้
“เมื่อวานพี่ได้ยินพวกเซลล์สาวๆ คุยกัน เรื่องเจ้านายใหม่น่ะ เห็นว่าหล่อมากกกกกกกกกก”
ก ไก่ ที่ออกจากปากของกิ่งแก้วเป็นสิบตัว ทำให้พะแพงอดที่จะหัวเราะขบขันไม่ได้
“แสดงว่าหล่อจริงใช่ไหมคะพี่กิ่ง”
“พี่ก็ยังไม่ได้เห็นตัวจริงนะ แต่แม่พวกเซลล์มันเมาท์มอยกันน่ะว่าหล่อเด็ด”
พะแพงได้แต่อมยิ้ม และยื่นมือไปเปิดสวิตช์คอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะของตัวเอง
“สงสัยที่หมอดูบอกว่าปีนี้พี่จะสละโสด คงจะเป็นเรื่องจริงแน่ๆ เลย”
สีหน้าเพ้อฝันของกิ่งแก้วทำให้พะแพงอมยิ้มขบขัน “อย่าบอกนะคะว่าเจ้าบ่าวของพี่กิ่งก็คือท่านประธานคนใหม่”
กิ่งแก้วดีดนิ้วเสียงดังอย่างถูกใจ “ใช่ ชัวร์ ไม่มั่วนิ่มจ้า ท่านประธานคนใหม่คือเนื้อคู่ตุนาหงันของพี่ อิอิ”
“ขอให้พี่กิ่งสมหวังนะคะ แพงจะใส่ซองหลายๆ ร้อยเลยค่ะ”
“ขอบใจจ้าน้องแพงคนสวย” กิ่งแก้วระบายยิ้มกว้างอย่างมีความสุข ก่อนจะเอ่ยถามเมื่อนึกขึ้นได้ “แล้วหมูวินเป็นไงบ้างล่ะ พี่ไม่ได้เจอเสียนาน ยังอ้วนเหมือนเดิมไหมเนี่ย”
ดวงตาของพะแพงเป็นประกายเมื่อนึกถึงลูกชายของตัวเอง
“ยังกินเก่ง แล้วก็อ้วนเหมือนเดิมค่ะพี่กิ่ง นี่แพงแทบจะอุ้มลูกไม่ไหวแล้ว ปวดหลัง” หล่อนหัวเราะออกมาเสียงสดใส
กิ่งแก้วหัวเราะตามและเอียงคอมองหน้าพะแพงอย่างพิจารณา “แพงไม่คิดจะแต่งงานใหม่จริงๆ เหรอ”
“เอ่อ…”
“แพงยังสาว ยังสวยอยู่เลย พี่ว่าอยู่คนเดียวเหงาๆ ไม่ดีหรอก”
พะแพงระบายยิ้มบางๆ นัยน์ตาเศร้าโศกลงอย่างเห็นได้ชัด
หล่อนจะแต่งงานใหม่ได้ยังไงกันล่ะ ในเมื่อหัวใจทั้งดวงของหล่อนยังมีแต่เดมอน ผู้ชายใจร้ายคนนั้น
“แพงยังไม่เจอคนที่ใช่น่ะค่ะ”
กิ่งแก้วเท้าแขนกับโต๊ะทำงานของพะแพงและโน้มหน้าลงไปหา พูดเสียงเป็นการเป็นงาน
“พี่มีพี่ชายอยู่คนหนึ่ง ยังโสดอยู่เลย พี่แนะนำให้ไหม”
“เอ่อ…แพง…ยังไม่คิดเรื่องนั้นหรอกค่ะพี่กิ่ง” หล่อนปฏิเสธด้วยน้ำเสียงสุภาพเพื่อรักษาน้ำใจของกิ่งแก้ว
“ก็ลองคบๆ กันไปก่อนก็ได้นี่ พี่ชายพี่หล่อนะ ถึงแม้ว่าจะแก่กว่าแพงเกือบสิบปีก็เหอะ”
“แต่แพง…”
“นี่ไม่อยากให้หมูวินมีพ่อแบบคนอื่นบ้างเหรอ”
คำพูดนี้ของกิ่งแก้วสะกิดแผลในใจของหล่อนอย่างแรง หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง หัวใจปวดร้าว
“แพงไม่อยากให้หมูวินมีพ่อหลายคนน่ะค่ะ”
กิ่งแก้วถอนหายใจออกมาอย่างเหนื่อยหน่าย “แล้วไอ้พ่อแท้ๆ ของหมูวินไปไหนเสียล่ะ ทำไมไม่กลับมาดูดำดูดีลูกเมียบ้าง พี่เห็นแพงทำงานงกๆ แล้วก็อดสงสารไม่ได้”
พะแพงก้มหน้าซ่อนน้ำตาแห่งความอดสูเอาไว้ ก่อนจะฝืนตอบออกไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามควบคุมให้เป็นปกติที่สุด
“แพง…อดทนเพื่อลูกได้ค่ะพี่กิ่ง”
“เฮ้ออออ…ก็ตามใจ แต่ถ้าเกิดอยากเริ่มต้นใหม่กับใครสักคน ก็สะกิดพี่ได้นะ พี่ชายพี่สแตนด์บายรอน้องแพงเสมอ”
“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง”
“ไม่เป็นไรหรอก ช่วยๆ กัน เดี๋ยวพอท่านประธานคนใหม่มาแล้ว แพงก็ต้องช่วยพี่จีบท่านประธานเหมือนกันนั่นแหละ”
“แพง…ไม่ถนัดเรื่องนี้เลยค่ะ” หล่อนฝืนใจตอบออกไป
“ไม่ยากหรอก แค่ส่งจดหมายรักของพี่ให้ท่านประธานก็พอ ก็แพงอยู่ใกล้ท่านประธานที่สุดนี่”
กิ่งแก้วพูดถูกต้องเพราะหล่อนคือเลขาฯ ส่วนตัวของประธานบริษัทแห่งนี้ เพราะถึงแม้ประธานบริษัทคนเก่าจะหมดอำนาจไปแล้ว แต่หน้าที่ของหล่อนก็ไม่ได้สิ้นสุดลง ต้องรับผิดชอบตำแหน่งงานเดิมกับท่านประธานคนใหม่ที่กำลังจะมาเริ่มงานในสัปดาห์หน้านี้ด้วย
“อ้อ…ได้ค่ะพี่กิ่ง”
กิ่งแก้วฉีกยิ้มกว้าง “ถ้าพี่ได้เป็นเมียท่านประธานนะ พี่จะไม่มีวันลืมแพงเลย จะปรับเงินเดือนให้ทุกเดือนเลย คอยดูสิ”
“ขอบคุณค่ะพี่กิ่ง”
คำพูดติดตลกของกิ่งแก้วทำให้หล่อนหัวเราะออกมาได้บ้างเล็กน้อย
“งั้นพี่ไปทำงานก่อนนะ เดี๋ยวกลางวันไปกินข้าวด้วยกัน”
“ค่ะพี่กิ่ง”
กิ่งแก้วเดินฮัมเพลงกลับไปยังแผนกของตัวเองแล้ว ในขณะที่หล่อนนั่งนิ่งด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความทรมาน เพราะคำพูดของกิ่งแก้วยังคงก้องอยู่ในหูไม่หยุด
‘นี่ไม่อยากให้หมูวินมีพ่อแบบคนอื่นบ้างเหรอ’
ทำไมหล่อนจะไม่อยากให้ลูกชายมีพ่อเหมือนกับเด็กคนอื่นล่ะ แต่หล่อนทำอะไรไม่ได้ ในเมื่อเดมอนไม่ได้ต้องการหล่อน ไม่ได้ต้องการลูก หยาดน้ำตาไหลรินออกมาเป็นทางอาบแก้มโดยไม่รู้ตัว สมองถูกดึงเข้าไปสู่วงจรปวดร้าวซ้ำๆ อีกครั้ง
เขาขับไล่หล่อนออกจากชีวิต พร้อมกับยกหนี้สินของบิดาให้ทั้งหมด แต่นั่นก็ต้องแลกกับการไม่เจอะเจอกันอีกชั่วชีวิต และเหตุผลของเขาก็คือ เขากำลังจะแต่งงานกับคู่หมั้นอย่างวิคตอเรีย จึงไม่สามารถมีหล่อนอยู่ข้างกายได้อีก
หล่อนเดินจากมาพร้อมกับลูกในท้องที่ไม่กล้าแม้แต่จะปริปากบอกเดมอน และจบทุกอย่างที่ลาสเวกัสเอาไว้แค่เพียงในความทรงจำเท่านั้น ความทรงจำที่ไม่เคยไม่มีเขาเลย
“พี่แพง บอสเรียกหาน่ะ”
เสียงของเพื่อนร่วมงานดังขึ้น และก็ทำให้หล่อนต้องรีบป้ายน้ำตาทิ้ง และฉีกยิ้ม
“ว่าไงนะนก”
“บอสเรียกหาน่ะจ้ะ”
“โอเค พี่ไปเดี๋ยวนี้แหละ”
หล่อนฝืนยิ้มให้กับคู่สนทนา ก่อนจะรีบก้าวเท้าเดินเข้าไปในห้องทำงานของประธานบริษัทที่กำลังจะหมดหน้าที่ในอีกสองวันข้างหน้า
“บอสเรียกหาแพงเหรอคะ”
ผู้ชายที่เส้นผมเป็นสีขาวเกือบทั้งศีรษะที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานไม้ตัวใหญ่เงยหน้าขึ้นมองหล่อน
“นั่งก่อนสิพะแพง”
“ขอบคุณค่ะบอส”
หล่อนทรุดกายลงนั่งเก้าอี้ตรงหน้าของคู่สนทนาอย่างว่าง่าย ก่อนจะมองหน้าของเขาอย่างตั้งใจ
“คุณอยู่ที่นี่มากี่ปีแล้วนะ”
“เอ่อ…เกือบสามปีแล้วค่ะบอส”
ผู้ชายตรงหน้าของหล่อนระบายยิ้มน้อยๆ “แล้วคิดว่าจะอยู่ต่อไปอีกนานไหม”
“แพงคงจะอยู่ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะถูกไล่ออกค่ะ” หล่อนตอบไปตามที่คิด
“คุณเป็นคนทำงานดี ละเอียด รอบคอบ ถ้าผมก่อตั้งบริษัทใหม่ได้เมื่อไหร่ ผมอยากจะให้คุณไปทำงานกับผมอีก”
“เอ่อ…”
“เอาไว้ถึงเวลานั้นเมื่อไหร่ ผมจะโทรมาหาก็แล้วกันนะ และก็หวังว่าเราจะมีโอกาสร่วมงานกันอีกครั้งหนึ่ง”
“เอ่อ…ค่ะบอส”
คู่สนทนาของหล่อนระบายยิ้มให้ “คุณออกไปทำงานเถอะ เดี๋ยวผมจะออกไปข้างนอกสักหน่อย”
“ค่ะบอส”
หล่อนเดินออกมาจากห้องของเจ้านายด้วยสีหน้าหนักใจไม่น้อย เพราะสิ่งที่เจ้านายต้องการ มันทำให้หล่อนลำบากใจ
เสียงอาเจียนของพะแพงดังทะลุบานประตูไปเข้าหูของโอลิเวียที่ยืนอยู่หน้าห้อง
“แพตตี้ เป็นอะไรน่ะ ฉันเข้าไปนะ”
โอลิเวียเต็มไปด้วยความเป็นห่วง เพราะเสียงอาเจียนของพะแพงดังถี่ตลอดเวลา หล่อนจึงตัดสินใจดันบานประตูเข้าไปภายใน โชคดีที่พะแพงไม่ได้ล็อกห้องเอาไว้
เมื่อเข้ามาถึงข้างในก็รีบตรงไปที่ห้องน้ำทันที แล้วก็เห็นว่าพะแพงกำลังเกาะขอบชักโครกอยู่ด้วยสภาพหมดเรี่ยวแรง
“แพตตี้…ไม่สบายเหรอ”
โอลิเวียรีบประคองร่างของพะแพงออกมาจากห้องน้ำ มานอนบนเตียงอย่างเป็นห่วง
พะแพงเงยหน้าซีดเผือดของตัวเองขึ้นมองโอลิเวีย และก็พยายามฝืนยิ้ม
“ฉันไม่เป็นไรหรอก ขอบใจนะโอลิเวีย”
“จะไม่เป็นไรได้ยังไง หน้าซีดเป็นไก่ต้มสุกแบบนี้”
“ฉันไม่เป็นอะไรจริงๆ นอนพักสักครู่ก็หาย” พะแพงพยายามยืนยันทั้งๆ ที่สภาพของตัวเองแทบดูไม่ได้เลย
“แต่เธออ้วกนะแพตตี้ ฉันว่าไปหาหมอดีกว่า”
พะแพงส่ายหน้าน้อยๆ
“ฉันไม่เป็นไรจริงๆ โอลิเวีย”
เมื่อพะแพงยืนยันหนักแน่น โอลิเวียก็ไม่สามารถขัดใจได้ “งั้นก็นอนพักนะ เดี๋ยวฉันไปบอกคุณแม่บ้านใหญ่ให้ว่าเธอไม่สบาย”
“ขอบใจนะโอลิเวีย”
“ไม่เป็นไรหรอก นอนพักซะนะ”
โอลิเวียเดินออกไปจากห้องแล้ว น้ำตาของหล่อนจึงค่อยๆ ไหลรินออกมา
หล่อนจะไม่เป็นอะไรได้ยังไง ในเมื่อตอนนี้หัวใจของหล่อนใกล้จะหยุดเต้นอยู่แล้ว มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจ
“ไหนแม่แพตตี้ล่ะ ฉันให้ไปตามไม่ใช่เหรอ” เมื่อเห็นโอลิเวียเดินเข้ามาในตัวตึกใหญ่เพียงลำพังไม่มีเงาของพะแพง ป้ามิเชลล์ก็เอ่ยถามด้วยความสงสัยทันที
“เอ่อ แพตตี้ไม่สบายน่ะค่ะคุณแม่บ้านใหญ่”
“ไม่สบายอีกแล้ว ทำไมอ่อนแอนักหนาเนี่ย” ป้ามิเชลล์บ่นไม่จริงจังนัก
“หนูก็ไม่รู้หรอกค่ะ แต่เห็นอ้วกเอา อ้วกเอา สงสัยจะเป็นโรคกระเพาะมั้งคะคุณแม่บ้านใหญ่”
ป้ามิเชลล์ยังไม่ทันได้อ้าปากถามกลับไป แต่เสียงเข้มของเดมอนก็ดังขึ้นด้านหลังเสียก่อน
“ไปตามหมอมาดูอาการแพตตี้ด้วย ฉันไม่อยากให้ใครมาตายในบ้านของฉัน”
“ค่ะ นายน้อย” ป้ามิเชลล์ตอบรับด้วยน้ำเสียงนอบน้อม ก่อนจะมองตามร่างสูงใหญ่ของเดมอนที่เดินออกไปจากคฤหาสน์หลังงามด้วยความไม่สบายใจ “ทำไมรู้สึกว่าบรรยากาศมันแปลกๆ นะ”
“นั่นสิคะคุณแม่บ้านใหญ่ นายน้อยหน้านี่หงิกเป็นมะเหงกเลยค่ะ ไม่เห็นเหมือนผู้ชายที่กำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าวเลย” โอลิเวียพูดขึ้นตามที่ตัวเองคิด แต่ก็ถูกป้ามิเชลล์หยิกต้นแขนแรงๆ
“โอ๊ย…หนูเจ็บนะคะคุณแม่บ้านใหญ่”
“หุบปากไปเลย เรื่องของเจ้านาย”
“ค่ะ ค่ะ งั้นหนูไปโทรตามหมอก่อนนะคะ”
เมื่อป้ามิเชลล์พยักหน้าอนุญาต โอลิเวียก็รีบวิ่งไปโทรศัพท์ตามหมอให้มาตรวจอาการของพะแพงโดยเร็ว
“คุณหมอ…ได้โปรดเก็บเรื่องที่ดิฉันตั้งท้องไว้เป็นความลับได้ไหมคะ” พะแพงวิงวอนนายแพทย์ที่มาตรวจอาการถึงห้องพักทั้งน้ำตา
“ได้สิครับ มันเป็นสิทธิ์ของคนไข้”
พะแพงยกมือขึ้นไหว้คุณหมอสูงวัย “ขอบพระคุณมากค่ะคุณหมอ”
“แต่ว่าอย่าลืมบอกเรื่องนี้กับพ่อของเด็กด้วยนะครับ”
คำพูดของคุณหมอใจดีทำให้พะแพงยิ่งเจ็บร้าวทรมาน หล่อนพยายามฝืนยิ้ม แต่น้ำตาก็ไหลพรากออกมาแทน
“ค่ะ คุณหมอ”
“งั้นหมอขอตัวก่อนนะครับ แล้วก็อย่าลืมกินยาบำรุงที่หมอจัดเอาไว้ให้ตามเวลานะครับ”
“ค่ะ”
หล่อนมองคุณหมอสูงวัยเดินออกไปพ้นห้องพักแล้ว จึงปล่อยหยาดน้ำตาออกมาอย่างสุดกลั้น มือเล็กยกขึ้นอุดปากปิดกลั้นเสียงสะอื้นเอาไว้สุดกำลัง แต่กระนั้นเสียงแห่งความเสียใจก็ยังคงเล็ดลอดออกมาทำร้ายอยู่ดี
ลูกเหรอ…
เดมอนไม่มีทางต้องการเด็กคนนี้ แม้ว่าจะเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาก็ตาม
มือเล็กยกขึ้นกุมหน้าท้องของตัวเองเอาไว้ ท้องของหล่อนยังคงแบนเรียบ แต่ใครจะรู้บ้างเล่าว่ามีอีกหัวใจหนึ่งกำลังก่อเกิดอยู่ภายในนี้ หัวใจที่แสนบริสุทธิ์
“แม่จะเลี้ยงหนู…ด้วยสองมือของแม่เอง”
ในขณะที่พะแพงกำลังร้องไห้คร่ำครวญอยู่ภายในห้องพัก ป้ามิเชลล์ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามคุณหมอผู้มาตรวจอาการ
“ไม่ทราบว่าแพตตี้เป็นอะไรเหรอคะคุณหมอ”
คุณหมอสูงวัยระบายยิ้มน้อยๆ
“เธอพักผ่อนไม่เพียงพอน่ะครับ นี่หมอก็จ่ายยาให้แล้ว อีกวันสองวันก็คงจะดีขึ้นครับ”
“เอ่อ แต่แพตตี้อาเจียนด้วยนะคะคุณหมอ” โอลิเวียที่ยืนอยู่ข้างกายของป้ามิเชลล์แทรกถามขึ้น แต่คุณหมอสูงวัยก็ยังระบายยิ้มอ่อนโยนเช่นเดิม
“คงจะเป็นอาการข้างเคียงของผู้ที่พักผ่อนไม่เพียงพอน่ะครับ ถ้าไม่มีอะไรแล้ว หมอขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“ดิฉันเดินไปส่งที่รถค่ะ” ป้ามิเชลล์ขันอาสาเดินไปส่งคุณหมอไปยังรถที่จอดรออยู่ ในขณะที่โอลิเวียยืนเกาหัวด้วยความมึนงง
เดมอนที่พาวิคตอเรียมารับชุดแต่งงานที่ร้านเวดดิ้งกรอกเสียงไปตามโทรศัพท์ เมื่อป้ามิเชลล์โทรมารายงานเรื่องอาการป่วยของพะแพงตามคำสั่ง
“ไม่เป็นอะไรมากก็ดีแล้ว งั้นช่วงนี้ก็อย่าไปใช้งานแม่นั่นหนัก ให้ทำงานเบาๆ ไปก่อน”
“ค่ะ นายน้อย”
“อ้อ แล้วอย่าลืมจัดการเรื่องตั๋วเครื่องบินให้แม่นั่นด้วยล่ะ”
“ป้าจัดการจองตั๋วเครื่องบินให้แพตตี้เรียบร้อยแล้วค่ะ”
เดมอนยืนนิ่งเกร็งสะท้าน ก่อนจะกัดฟันถามออกไป “เมื่อไหร่ครับ”
“ตอนเย็น วันเดียวกับงานแต่งงานของนายน้อยกับคุณวิคกี้ค่ะ”
หัวใจหนุ่มราวกับถูกจับแช่ลงใต้ธารหิมะ มันเย็นยะเยือก ทรมาน แต่ก็จำต้องอดทน
“ครับ”
เดมอนกดตัดสายจากป้ามิเชลล์ ก่อนจะหันไปมองวิคตอเรียในชุดเจ้าสาวที่มาหยุดยืนอยู่ด้านหลังตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
“เรายกเลิกงานแต่งก็ได้นะคะเดมอน ถ้าคุณ…เอ่อ…ตัดใจจากแพตตี้ไม่ได้”
กรามแกร่งของเดมอนขบกันแน่น ก่อนจะดึงร่างอรชรของวิคตอเรียเข้ามาสวมกอด
“คุณพูดอะไรวิคกี้ ผมจะทำอย่างนั้นได้ยังไง ในเมื่อคุณคือผู้หญิงที่เหมาะสมกับผมที่สุด”
“ความเหมาะสมกับความรักมันแยกขาดออกจากกันนะคะ”
“ผมรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ คุณวางใจได้วิคกี้ เมื่อเราแต่งงานกันแล้ว ผมจะมีแค่คุณคนเดียว”
วิคตอเรียดันร่างออกห่างจากเดมอนเล็กน้อย และมองลึกเข้าไปในดวงตาสีฟ้าเข้มของชายหนุ่ม
“คุณแน่ใจเหรอคะ”
“อืม ผมแน่ใจ”
ว่าที่เจ้าสาวแสนสวยฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะสวมกอดชายหนุ่มเอาไว้แน่น แนบหน้ากับแผงอกกว้างอย่างไว้วางใจ
“วิคกี้ก็จะหยุดที่คุณคนเดียวค่ะเดมอน”
“ขอบคุณ” เดมอนกล่าวสั้นๆ ดวงตาของเขาทอดมองออกไปนอกกระจกของร้านเวดดิ้ง ทำไมนะ ทำไมเขาถึงทำตัวให้มีความสุขกับงานแต่งงานที่กำลังจะเกิดขึ้นไม่ได้ ทำไม่ได้เลยจริงๆ
ในที่สุดวันจากลาก็เดินทางมาถึง พร้อมๆ กับงานแต่งใหญ่โตของเดมอนและวิคตอเรีย เสียงเพลงบรรเลงดังมาเข้าหู แขกเหรื่อจำนวนมากมายทยอยเดินทางมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง บรรดาสาวใช้และคนงานภายในคฤหาสน์ลินการ์ดต่างยุ่งกับการเตรียมอาหารและสถานที่ จนไม่มีใครสังเกตเห็นหล่อนที่กำลังหิ้วกระเป๋าเดินทาง พร้อมกับยืนหลั่งน้ำตา
“ลาก่อน…นายน้อย”
หล่อนยืนมองคฤหาสน์หลังงามที่กำลังจัดงานรื่นเริงผ่านม่านน้ำตา มือเล็กยกขึ้นลูบหน้าท้องแบนเรียบของตัวเองแผ่วเบา หัวใจสาวปวดร้าวแหลกเหลว
มันจบลงแล้ว…จบลงด้วยการเดินจากมาของหล่อน พร้อมกับเลือดเนื้อเชื้อไขของเดมอน แต่เขาจะไม่มีทางรับรู้ จะไม่มีทางล่วงรู้หรอกว่าหล่อนมีลูกของเขาอยู่ในท้อง หล่อนจะซ่อนเด็กคนนี้จากสายตาของเขา
ตลอดกาล…
สองเท้าก้าวเดินออกไปยังนอกรั้ว ท้องฟ้าที่เคยสว่างไสว ยามนี้มืดครึ้มด้วยเมฆฝน เสียงฟ้าคำรามดังลั่นขึ้นหลายครั้ง แต่ร่างเล็กก็ยังคงเดินย่ำเท้าไปบนท้องถนนเบื้องหน้า เพื่อมองหาแท็กซี่ให้ไปส่งที่สนามบิน
หยาดน้ำตารินไหลออกมาตลอดทาง หล่อนเจ็บปวดจนหัวใจชาดิกไร้ความรู้สึก และก็ราวกับว่าหล่อนยังทุกข์ทรมานไม่เพียงพอ เมื่อผู้อยู่เบื้องบนส่งฝนห่าใหญ่ให้ราดรดลงมาทั่วลาสเวกัส ร่างของหล่อนเปียกชุ่ม สองแขนยกขึ้นกอดอกเพื่อบรรเทาความเหน็บหนาว ย่ำเท้าต่อไปเรื่อยๆ อย่างไร้จุดหมาย กว่าจะสามารถเรียกรถแท็กซี่และก้าวขึ้นไปนั่งบนรถได้ หล่อนก็เปียกชุ่มไปทั้งกายและหัวใจ
ลาก่อน…
ลาสเวกัส…
“แพตตี้ รู้ข่าวเรื่องของนายน้อยหรือยัง” โอลิเวียเอ่ยถามขึ้นเมื่ออยู่กันตามลำพังภายในห้องครัว
“เรื่องอะไรเหรอจ๊ะโอลิเวีย” พะแพงที่กำลังล้างผักอยู่เงยหน้าขึ้นมาถามด้วยน้ำเสียงเศร้าหมอง
“ฉันได้ยินคุณแม่บ้านใหญ่บอกว่านายน้อยกำลังจะแต่งงานกับคุณวิคกี้น่ะ”
แตงกวาที่กำลังล้างน้ำอยู่ร่วงหลุดจากมือ ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ พะแพงหันไปมองโอลิเวียและถามซ้ำราวกับไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน
“ว่ายังไงนะโอลิเวีย”
โอลิเวียเดินเข้ามาหยุดใกล้ๆ และคราวนี้พูดเสียงดังฟังชัดเลยทีเดียว
“นายน้อยกำลังจะแต่งงานกับคุณวิคกี้วันอังคารหน้านี้แล้วจ้ะ”
“แต่งงาน…” พะแพงพึมพำน้ำตาริน แต่ก็รีบยกสองมือขึ้นป้ายทิ้งและฝืนยิ้มออกมา “ฉันยินดีกับนายน้อยด้วย”
โอลิเวียยกมือขึ้นตบไหล่ของเพื่อนร่วมงาน “ถ้าเธออยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเถอะนะ ที่นี่มีเราอยู่แค่สองคน”
พะแพงยิ้มให้โอลิเวียทั้งน้ำตา พยายามสะกดกลั้นความเสียใจเอาไว้สุดกำลัง
“ฉันจะร้องไห้ทำไมล่ะ ในเมื่อฉันก็รู้อยู่แล้วว่านายน้อยกับคุณวิคกี้จะต้องแต่งงานกันสักวันหนึ่ง”
“ก็ถ้านายน้อยแต่งงานแล้ว นายน้อยก็คงไม่มาทำเรี่ยราดกับผู้หญิงอื่นอีก”
คำพูดของโอลิเวียทำให้พะแพงยิ่งเจ็บช้ำ “ก็ดีแล้วนี่ คุณวิคกี้จะได้สบายใจ”
“เธอคิดแบบนั้นจริงๆ เหรอ แพตตี้”
พะแพงต้องใช้กำลังใจมหาศาลนักกว่าจะฉีกยิ้มออกไปได้ แม้ว่าน้ำตาจะคลอเบ้าก็ตาม
“จริงสิ เอ่อ…ฉันขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”
“อืม”
ทันทีที่หันหลังเดินจากโอลิเวียมาได้สำเร็จ น้ำตาห่าใหญ่ที่กลั้นเอาไว้ก็ทะลักออกมาราวกับเขื่อนทำนบกลั้นแตกทันที ม่านน้ำตาปิดบังการมองเห็น แต่หล่อนก็อาศัยความคุ้นเคยคลำทางไปซ่อนตัวในห้องน้ำได้สำเร็จ ประตูห้องน้ำปิดสนิทลง พร้อมๆ กับร่างของหล่อนที่ทรุดฮวบลงกับพื้น หัวใจแตกสลายยับเยิน
หล่อนรู้อยู่แล้ว รู้ตัวอยู่แล้วว่าเดมอนจะต้องแต่งงานกับวิคตอเรีย แต่หัวใจไม่รักดีมันกลับเจ็บปวดเหลือเกิน มันทะเยอทะยานอยากเป็นรักหนึ่งเดียวของผู้ชายสูงส่งคนนั้น ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะฝันถึงด้วยซ้ำ
ก้อนสะอื้นดังเล็ดลอดออกมาจากลำคอ มือเล็กต้องยกขึ้นอุดปากเอาไว้เพื่อไม่ให้เสียงคร่ำครวญราวกับคนจะขาดใจดังออกมาประจานตัวเอง
คืนนี้เป็นคืนที่สามแล้วสินะที่เขาสามารถหยุดแตะต้องพะแพงได้ แม้ว่าในความพยายามนั้นจะเต็มไปด้วยขวากหนามแห่งความทรมานก็ตาม
เดมอนยืนนิ่งอยู่บนระเบียงไม้ ดวงตาคมกริบจับจ้องมองออกไปด้านนอกตัวคฤหาสน์หลังงาม แล้วก็ได้เห็นร่างเล็กแสนคุ้นตาของพะแพงกำลังจะเดินกลับเรือนพัก ความโหยหาที่เต้นเร่าอยู่ภายในใจระเบิดขึ้นจนยากจะควบคุม สองเท้าออกเดิน ก่อนจะเปลี่ยนเป็นซอยวิ่งเพื่อให้ทันร่างอรชรของพะแพง
เพราะตัวใหญ่และช่วงก้าวที่ยาวตามรูปร่าง ทำให้เดมอนสามารถกระโจนมาขวางหน้าของพะแพงได้ทัน ก่อนที่หญิงสาวจะก้าวขึ้นเรือนพัก
ดวงตาทั้งสองคู่สบประสานกัน ความลี้ลับภายในใจบงการให้ทั้งคู่ผวาเข้ากอดรัดกันแน่น ปากประกบกันบดขยี้จนแทบฉีกขาด แต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่พอ ยังไม่เพียงพอกับความหื่นกระหายที่อัดแน่นอยู่ภายในใจของทั้งสองคน
เดมอนดันร่างของพะแพงเข้าไปในห้องพัก ปิดประตูลงกลอน และจัดการฉีกทึ้งเสื้อผ้าของหล่อนออกไปจากตัว จากนั้นก็สลัดเสื้อผ้าของตัวเองออกไปในพริบตา สองร่างเปลือยเปล่าโผเข้ากอดรัดกันอีกครั้ง ปากกระด้างประกบลงมาหาอย่างดูดดื่ม ความโหยหิวในรสกามผลักดันให้เขาไร้ความอดทนอย่างสิ้นเชิง
ร่างอรชรเปลือยเปล่าถูกดันจนไปหยุดที่เตียงนอน หญิงสาวทรุดกายลงนั่ง เท้าสองแขนเอาไว้กับเตียงแคบ สองขาเรียวถูกมือใหญ่จับแยกกว้างออก ดวงตาคมกริบจ้องมองกลีบสวาทที่ฉ่ำไปด้วยหยาดน้ำด้วยความพึงพอใจ แล้วท่อนชายที่พร้อมใช้งานก็แทรกลึกเข้ามาหาอย่างดุดัน หมดทั้งตัวตน
“อ๊ะ…อ๊า…”
“โอ้ว…อืมมมม…”
ทำไมเขาจะต้องรู้สึกดีแบบนี้ด้วย ทำไมจะต้องรู้สึกราวกับขึ้นสวรรค์เพียงแค่ได้ฝังลึกอยู่ในความอบอุ่นนุ่มลื่นของพะแพง นี่เขากำลังถูกควบคุมใช่ไหม
“โอ้ว…โอ้ว…ฟิตมาก โอ้ว…”
เอวของเขาราวกับมีสปริง มันเด้งดึ๋งกระแทกกระทั้นราวกับอดอยากมาเนิ่นนาน ทั้งๆ ที่แท้จริงแล้วเขาไม่ได้เสพสมกับพะแพงเพียงแค่สามคืนเท่านั้นเอง
มันรุนแรง…ความรู้สึกและความต้องการที่เขามีต่อผู้หญิงแสนหวานคนนี้มันรุนแรงจนน่ากลัว
“อ๊ากกกกก…”
ในที่สุดการเสพสมอย่างตะกรุมตะกรามของเขาก็สิ้นสุดลงด้วยการหลั่งรินหยาดสวาทออกมาอย่างร้อนแรง มันฉีดพ่นเข้าใส่ร่องแคบอย่างล้ำลึก เขาครางไม่หยุด เกร็งกระตุกราวกับคนจะขาดใจ ซึ่งเจ้าหล่อนก็เหมือนกัน ทั้งจิกทั้งข่วนแผ่นหลังของเขายามที่สุขสมกับความเป็นชายแข็งชัน
เดมอนพลิกกายลงมานอนข้างๆ ร่างอวบอิ่มชุ่มเหงื่อ เขานอนนิ่งอยู่นาน ก่อนจะหันไปมองคนตัวเล็กที่นอนจ้องเพดานห้องอยู่เงียบๆ ด้วยสายตาเจ็บปวด
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับเธอ”
ในที่สุดผู้ชายที่ขย้ำหล่อนราวกับคนตายอดตายอยากก็พูดออกมาเป็นคำแรก
“นายน้อย…มีเรื่องอะไรจะคุยกับดิฉันเหรอคะ”
เดมอนลุกขึ้นนั่ง และก็ไม่ลืมที่จะรั้งคนตัวเล็กที่นอนแผ่หลาหมดเรี่ยวหมดแรงให้ลุกขึ้นนั่งตามติดมาด้วย มือใหญ่เอื้อมไปคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างอวบให้อย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน เพราะการเห็นความเปลือยเปล่าของพะแพงทำให้สติของเขาหลุดหลงได้ง่ายดายนัก
“เธอรู้แล้วใช่ไหมว่าฉันกำลังจะแต่งงานกับวิคกี้”
“ดิฉันทราบค่ะ” พะแพงก้มหน้าซ่อนน้ำตาเอาไว้สุดกำลัง
“แล้วเธอรู้สึกยังไง”
หล่อนจะรู้สึกอะไรได้ล่ะ ในเมื่อความรู้สึกของหล่อนคือสิ่งสุดท้ายในโลกที่เดมอนจะมองเห็น
“ดิฉัน…ไม่รู้สึกอะไรหรอกค่ะ”
ความเงียบกัดกินไปทั่วทั้งห้องแคบ ก่อนที่เดมอนจะเค้นเสียงกระด้างพูดออกมาอีก
“งั้นถ้าฉันส่งเธอกลับเมืองไทย เธอก็คงไม่รู้สึกอะไรสินะ”
คำพูดของเขาทำให้หล่อนต้องเงยหน้า ช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างลืมตัว หยาดน้ำตาไหลรินออกมา แต่ก็ฝืนทำเป็นยิ้มแย้มเอาไว้ ทั้งๆ ที่ภายในหัวใจแตกสลายหมดแล้ว
“นายน้อย…จะส่งดิฉันกลับเมืองไทยเหรอคะ”
“อืม”
“แต่หนี้ของพ่อยังไม่หมด…”
ถูกต้อง หนี้สิ้นของครอบครัวของพะแพงยังไม่หมด แต่การขับไล่พะแพงไปให้ไกลตาไกลใจ มันคือหนทางเดียวที่จะทำให้เขาไม่ทำผิดต่อวิคตอเรีย และมันก็คือหนทางเดียวที่จะทำให้เขาหยุดความลุ่มหลงที่มีต่อพะแพงได้
ขับไล่หล่อนออกไปจากชีวิต ก่อนที่จะไม่สามารถขับไล่หล่อนออกไปได้อีกเลย
“ฉันยกให้”
หล่อนมองเขาผ่านม่านน้ำตา “แต่ดิฉันไม่อยากติดหนี้บุญคุณของใคร แม้แต่นายน้อยก็เช่นกัน”
เดมอนก้าวลงจากเตียง แล้วจัดการหยิบเสื้อผ้าที่ถูกเขาดึงทึ้งโยนเอาไว้เกลื่อนห้องขึ้นมาใส่
“ก็ถือเสียว่ามันคือค่าตัวของเธอสิ ไม่เห็นจะยากเลย”
คนฟังเจ็บลึกไปทั้งหัวใจ “แต่มัน…ก็คงไม่มากมายจนปลดหนี้ของพ่อได้หรอกค่ะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ในเมื่อเธอทำให้ฉันสนุก ทำให้ฉันเสร็จไม่รู้กี่ครั้ง ทั้งในตัวของเธอ หรือแม้แต่ในปากของเธอ”
พะแพงเต็มไปด้วยความอดสู หล่อนก้มหน้าหลบสายตาห่างเหินของเขา หัวใจปวดร้าวเหลือเกิน
“นายน้อย…จะให้ดิฉันไปจากที่นี่เมื่อไหร่คะ” หล่อนถามออกไปเสียงเบาหวิว
“หลังจากจบงานแต่งงานของฉันกับวิคกี้ ฉันหวังว่าจะไม่เห็นหน้าเธอที่นี่อีก”
สายตาของเขาช่างไร้ความเมตตาเหลือเกิน เขาทำร้ายหล่อนทั้งคำพูดและแววตา
หล่อนเจ็บปวด หล่อนทรมาน และก็แทบจะขาดใจตายกับสิ่งที่กำลังเกิดขึ้น เดมอนขับไล่ไสส่งหล่อนอย่างไร้เมตตา
“ค่ะ ดิฉัน…จะไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“เธอรู้ใช่ไหมว่าฉันจะแต่งงานวันอังคารหน้า”
“ทราบค่ะ”
“เธอมีเวลาเตรียมตัวอีกแค่ไม่กี่วันเท่านั้น เก็บข้าวเก็บของไปให้พ้น อย่าให้เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว อ้อ แล้วฉันจะมีเช็คเงินสดให้เธอด้วยนะ แต่เดี๋ยวจะฝากป้ามิเชลล์มาให้”
เขาใจดีกับหล่อนเหลือเกิน พะแพงประชดประชันปีศาจร้ายอย่างเดมอนภายในอก
“แค่ลดหนี้สินให้กับพ่อของดิฉัน ก็ถือว่าเมตตามากแล้วล่ะค่ะ ดิฉันคงรับเงินจากนายน้อยอีกไม่ได้”
เขาก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้า และใช้มือช้อนปลายคางของหล่อน บังคับให้สบประสานสายตา
“ก็ถือว่าเป็นรางวัลสำหรับผู้หญิงลีลาดีแบบเธอยังไงล่ะ รับไปเถอะ เงินแค่นี้ไม่ทำให้ฉันขนหน้าแข้งร่วงหรอก”
เขาเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหล่อนอย่างเลือดเย็น พะแพงทำได้แค่สะบัดหน้าหนีจากนิ้วมือของเขา และก็ไม่สบตากับเขาอีกเลย
“เอาล่ะ ฉันต้องกลับห้องแล้ว ส่วนเธอก็อย่าขัดคำสั่งของฉันล่ะ ไปจากที่นี่ซะ”
“ดิฉัน…รับทราบค่ะ และจะปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด”
“ดีมาก ลาก่อน”
เขาเดินออกไปจากห้องอย่างไร้ความเมตตา ไม่มีแม้แต่เยื่อใยใดๆ ให้กับหล่อนอีกเลย พะแพงน้ำตาไหลทะลักออกมาอย่างสุดกลั้น ร่างสาวสั่นเทาด้วยความเจ็บปวดทรมาน หล่อนล้มตัวลงนอนกับเตียงอีกครั้ง และปลดปล่อยให้ความเสียใจสำแดงฤทธิ์เดชออกมาอย่างเต็มที่
ในขณะที่พะแพงนอนร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ภายในห้องนอน คนที่เพิ่งก้าวออกมาก็ยืนนิ่งราวกับถูกสาป กรามแกร่งขบกันแน่นเป็นระยะจนเนื้อข้างแก้มกระตุก สองมือข้างตัวกำเป็นกำปั้น ก่อนจะซัดเข้ากับผนังอาคารหลายครั้งติด
“บ้าชิบ!”
เดมอนยืนผิวปากแต่งตัวอยู่หน้ากระจกอย่างอารมณ์ดี ในขณะที่วิคตอเรียเพิ่งรู้สึกตัวตื่นขึ้นมา หญิงสาวยันกายลุกขึ้นนั่งพิงกับหมอนใบใหญ่ที่หัวเตียง ดวงตาจับจ้องมองคู่หมั้นหนุ่มตลอดเวลา
“วันนี้คุณดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษนะคะ เดมอน”
คนที่กำลังผูกเนกไทอยู่ชะงักมือ ก่อนจะหันมาระบายยิ้มให้กับวิคตอเรีย
“คงเป็นเพราะพักผ่อนเพียงพอมั้งครับ”
“ไม่จริงหรอกค่ะ” วิคตอเรียแย้ง “คุณจะพักผ่อนเพียงพอได้ยังไงกันคะ ในเมื่อวิคกี้เห็นคุณกลับเข้ามาในห้องนอนเกือบตีหนึ่งแน่ะ”
เดมอนจ้องมองวิคตอเรียในกระจกเงาตรงหน้า “คุณรู้ด้วยหรือวิคกี้”
วิคตอเรียละที่จะพูดถึงเรื่องที่ตัวเองเห็นเมื่อคืนเอาไว้ในใจ และระบายยิ้มหวานออกมา
“วิคกี้ตื่นพอดีน่ะค่ะ”
“แต่ผมเห็นคุณนอนนิ่งมาก นึกว่าหลับเสียอีก” เดมอนผูกเนกไทต่ออย่างไม่สนใจอะไรอีก
“แค่รู้สึกตัวตื่นน่ะค่ะ ก็เลยนอนเฉยๆ ว่าแต่คุณออกไปไหนมาเหรอคะ ตั้งหลายชั่วโมง”
สีหน้าของเดมอนเคร่งเครียดขึ้น และเขาก็เลือกที่จะไม่ตอบคำถาม แต่เปลี่ยนเป็นฝ่ายตั้งคำถามเสียเอง
“วันนี้คุณจะไปคาสิโนกับผมหรือเปล่า”
“ไม่ดีกว่าค่ะ วิคกี้ว่าจะกลับไปหาพ่อเสียหน่อย” หญิงสาวส่ายหน้าน้อยๆ
“ฝากสวัสดีคุณลุงด้วยนะวิคกี้”
“ค่ะ” วิคตอเรียตอบรับ ก่อนจะตัดสินใจพูดบางสิ่งบางอย่างที่ตัวเองนอนครุ่นคิดมาตลอดทั้งคืนออกมา “เดมอนคะ วิคกี้มีเรื่องสำคัญจะคุยกับคุณน่ะค่ะ”
เดมอนที่ผูกเนกไทเสร็จพอดีหันมามองหญิงสาวที่นั่งหัวยุ่งอยู่บนเตียง และระบายยิ้ม
“มีอะไรหรือครับวิคกี้”
“เมื่อวานวิคกี้คุยกับพ่อน่ะค่ะ แล้วพ่อก็ถามถึงเรื่องงานแต่งงานของเราสองคน”
“มันยังไม่ถึงเวลา”
“แต่พ่ออยากให้เราสองคนแต่งงานกันแล้วนะคะ คือท่านอยากมีหลานไว้อุ้มน่ะค่ะ” วิคตอเรียยังคงพูดอย่างใจเย็น ขณะจ้องมองความเปลี่ยนแปลงของใบหน้าของเดมอนไปด้วย
“รอให้คาสิโนที่สิงคโปร์เสร็จก่อน แล้วเราจะแต่งงานกัน”
“แต่นั่นมันอีกตั้งสามปีเลยนะคะ”
เดมอนหรี่ตาแคบมองหน้าวิคตอเรีย “ปกติคุณไม่เคยเร่งเร้าผมเรื่องนี้มาก่อนเลยนะครับวิคกี้ มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า คุณถึงเปลี่ยนไปแบบนี้”
วิคตอเรียสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ เพื่อเรียกความกล้าให้กับตัวเอง ก่อนจะพูดออกไป
“งั้นวิคกี้พูดตรงๆ เลยนะคะ”
“อืม”
“วิคกี้รู้สึกได้ว่าคุณกำลังตกหลุมรักผู้หญิงคนหนึ่งอยู่”
ศีรษะทุยของเดมอนส่ายไปมาทันที “คุณคิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้ยังไงกันวิคกี้ ผมไม่มีทางตกหลุมรักผู้หญิงคนไหนหรอก คุณก็รู้นี่ว่าผมไม่มีหัวใจ แม้แต่กับคุณผมก็ไม่ได้รัก เราหมั้นกันเพราะความเหมาะสม และคุณก็เป็นผู้หญิงคนเดียวที่แฟร์กับผมทุกเรื่อง”
“แพตตี้ไงคะ”
ชื่อของผู้หญิงที่เขาเพิ่งจะเสพสังวาสอย่างเร่าร้อนเมื่อคืนที่ผ่านมา ทำให้สีหน้าของเดมอนเคร่งขรึมขึ้นในทันที กรามแกร่งขบกันแน่นจนเนื้อข้างแก้มกระตุกเป็นริ้ว
“คุณพูดอะไรน่ะวิคกี้”
“วิคกี้พูดความจริงค่ะ พูดตามที่เห็นด้วย คุณรู้สึกพิเศษกับแพตตี้ อย่ามาโกหกวิคกี้เลยค่ะ”
“คุณหึงผมหรือ”
“วิคกี้มีสิทธิ์หึงไม่ใช่เหรอคะ”
“ก็ใช่” เดมอนตอบสั้นๆ และเดินไปหยุดหันหลังมองออกไปนอกหน้าต่างบ้านใหญ่
วิคตอเรียจ้องมองแผ่นหลังของเดมอน มองเห็นความห่างเหินได้อย่างชัดเจน
“ถึงวิคกี้จะใจกว้างแค่ไหน แต่วิคกี้ก็มีหัวใจนะคะ”
เดมอนถอนหายใจออกมาแรงๆ ก่อนจะหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับวิคตอเรีย
“มันไม่มีอะไรจริงๆ ผมกับแม่นั่นก็แค่…นอนด้วยกันเท่านั้น”
“แต่วิคกี้รู้สึกว่าคุณชอบแพตตี้มากกว่าผู้หญิงคนอื่นของคุณ”
“ไม่จริง อย่าคิดมากน่ะวิคกี้”
วิคตอเรียฝืนระบายยิ้มออกมา “วิคกี้ไม่ได้คิดไปเองนะคะ คุณเองก็น่าจะรู้ตัวดีว่าอะไรเป็นอะไร คุณไม่เคยนอนกับผู้หญิงซ้ำหน้าสักครั้ง แต่ถ้าวิคกี้เดาไม่ผิด คุณนอนกับแพตตี้มานับครั้งไม่ถ้วน และคุณก็โหยหาเธอตลอดเวลา”
“วิคกี้ เลิกพูดเถอะ”
“ให้วิคกี้ได้พูดเถอะนะคะ” หล่อนวิงวอน “คุณกำลังจะรักแพตตี้ หรือไม่ก็รักไปแล้วโดยไม่รู้ตัว”
“วิคกี้ ผมไม่ได้รักแม่นั่น”
“คุณกำลังโกหกค่ะเดมอน”
คำยืนยันจากปากของวิคตอเรียทำให้เดมอนถึงกับสะท้านไปทั้งหัวอก
ไม่จริงหรอก เขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับพะแพงเลย หล่อนก็แค่ที่ปลดเปลื้องความใคร่ของเขาเท่านั้น ก็แค่ยังไม่เบื่อหน่าย ไม่เห็นมีค่าอะไรมากไปกว่านี้เลย
“ผมไม่ได้โกหก ผมไม่ได้รู้สึกอะไรกับแพตตี้เกินไปกว่าอีตัวบำบัดความใคร่เลย”
วิคตอเรียจ้องหน้าเดมอน “ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่ได้โกหก งั้นคุณ…กล้ายืนยันคำพูดของตัวเองด้วยการแต่งงานกับวิคกี้หรือเปล่า”
วิคตอเรียสัมผัสได้ว่าเรือนกายทรงพลังของเดมอนเกร็งกระตุกอย่างชัดเจน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความอึดอัด สับสน และแน่นอนว่ามันยืนยันสิ่งที่หล่อนหวาดกลัวได้เป็นอย่างดี
“วิคกี้จะถอนหมั้นกับคุณค่ะ”
“วิคกี้อย่าทำแบบนี้ ผมจะแต่งงานกับคุณ” ในที่สุดเดมอนก็เค้นเสียงต่ำทุ้มลอดไรฟันขาวสะอาดออกมา
“แน่ใจเหรอคะเดมอน คุณแน่ใจนะคะ”
“อืม ผมแน่ใจ เราจะแต่งงานกันภายในอาทิตย์หน้า”
วิคตอเรียระบายยิ้มกว้างออกมาอย่างพึงพอใจ หล่อนลุกขึ้นจากเตียง และเดินเข้าไปสวมกอดร่างทรงพลังของเดมอนเอาไว้แน่น แนบใบหน้ากับแผงอกกว้าง
“ขอบคุณนะคะเดมอน”
“มันเป็นสิ่งที่ผมสมควรจะทำ”
ใช่ มันเป็นสิ่งที่เขาต้องรีบกระทำ หากไม่อยากตกอยู่ในบ่วงเสน่หาของพะแพงไปชั่วชีวิต
ผู้ชายที่คุ้นเคยแต่การควบคุมคนอื่นเช่นเขา ไม่มีทางยอมตกอยู่ในอุ้งมือของผู้หญิงไร้ค่าอย่างพะแพงหรอก ไม่มีทางที่หล่อนจะควบคุมเขาได้
กรามแกร่งของชายหนุ่มขบกันแน่นจนขึ้นสันนูนเป่ง ดวงตาสีฟ้าเข้มมืดลึกอ่านความรู้สึกไม่ออก
“แต่ดิฉัน…ไม่สะดวก…”
“ฉันไม่สนใจ มานี่…” เขาถลาเข้ามาจะตะครุบตัวของหล่อน แต่หล่อนฉวยโอกาสวิ่งอ้อมตรงไปยังประตูห้องที่เขาเพิ่งปิดมันลง หล่อนเปิดมันออกและวิ่งหนีออกไปทันที
“แพตตี้…หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”
เสียงเรียกของเขาดังคำรามตามหลังมากระชั้นชิด หล่อนสาวเท้าวิ่งไปอย่างไร้จุดหมาย ภาวนาให้ตัวเองรอดพ้นจากน้ำมือของเดมอน แต่สวรรค์ก็ไม่เคยเข้าข้างหล่อนอีกเช่นเคย เพราะไม่ช้าเส้นผมของหล่อนก็ถูกมือใหญ่กระชากแรงๆ จากทางด้านหลัง
“โอ๊ย…” หล่อนเจ็บจนน้ำตาร่วง จำต้องหยุดวิ่ง และยอมให้เขากระชากเข้าไปกอดรัดแนบอก
เดมอนปล่อยมือจากเส้นผมนุ่ม และกอดกระชับร่างอรชรเอาไว้อย่างแน่นหนา เขาดันร่างของหญิงสาวไปจนชนกับต้นไม้ใหญ่ ตามติดแนบชิดจนไร้ช่องว่าง ก่อนจะคำรามลดใบหน้านวลที่ตอนนี้ซีดเผือดด้วยความเดือดดาล
“ฉันไม่ชอบวิ่งไล่จับ”
“นายน้อย…ก็อย่าตามมาสิคะ ปล่อยดิฉันเถอะค่ะ”
“ฝันไปเถอะว่าฉันจะปล่อยเธอไป”
“ว้ายยย” พะแพงกรีดร้องด้วยความตกใจ เมื่อมือใหญ่กระชากกางเกงนอนขาสั้นของตัวเองจนร่วงเลยผ่านสะโพกกลมกลึงลงไปตกที่ข้อเท้าเล็ก จากนั้นเขาก็ทาบมือหนาอบอุ่นลงกับความเป็นหญิงอวบอูมและขยำแรงๆ
“อ๊ะ…นายน้อย…อื้อ…”
กางเกงชั้นในที่สวมใส่อยู่ไม่อาจจะปกป้องกลีบสาวจากนิ้วยาวแสนอำมหิตของเดมอนได้เลย ความร้อนฉ่าจากนิ้วแกร่งที่บดลึกลงกับรอยแยกธรรมชาติทำให้น้ำหวานทะลักออกมาจนเป้ากางเกงชั้นในเปียกชุ่ม เสียงหัวเราะจากลำคอของเขาดังกระหึ่มกึกก้อง ปากร้อนจัดทาบประกบลงมาหา ดูดกลืนเสียงครางแสนหวานจนหมดเกลี้ยง ขณะฉีกกางเกงชั้นในของหล่อนจนขาด และไสนิ้วยาวเข้าไปหยอกล้อกับความนุ่มลื่นภายในอย่างเผด็จการ
“อ๊ะ…อา…อ๊า…นายน้อย…อย่า…อื้อ…”
หล่อนต่อต้าน แต่ความเสียวซ่านที่เกิดจากปลายนิ้วยาวที่กำลังบี้คลึงเม็ดสวาทช่างทรงอานุภาพร้ายกาจนัก สติของหล่อนกำลังจะมลายหายไป ความร้อนฉ่าจากริมฝีปากที่กัดแทะอยู่ที่เนินหน้าอก และนิ้วยาวที่ถูไถบดคลึงอยู่ภายในร่องสาว ทำให้หล่อนร่วงลงสู่เหวนรกที่เต็มไปด้วยความเสียดเสียวในวินาทีนั้นทันที
“อ๊า…อ๊า…นายน้อย…อา…อา…”
พะแพงหมดสิ้นทุกสตินึกคิด หล่อนชูแขนทั้งสองข้างขึ้นสูงเมื่อเดมอนดึงเสื้อออกทางศีรษะ ตะขอบราเซียร์ถูกปลดออก และเต้านมอวบใหญ่ก็เด้งดึ๋งอวดอยู่ตรงหน้าของเขา เสียงคำรามที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจของเดมอน ยิ่งทำให้หล่อนเตลิดไปในเกมโลกีย์แสนไกล
“อ๊า…อา…”
หน้าอกของหล่อนถูกเดมอนฟอนเฟ้นบีบขยำ ก่อนที่ยอดถันสีสวยจะถูกกลืนกินเข้าไปในอุ้งปากร้อนจัด เขาโรมรันเม็ดเต่งจนมันบวมปริแทบแตก ทั้งขบทั้งกัด ในขณะที่อีกมือก็ยังคงสอดลึกอยู่ในร่องสาว พะแพงเต็มไปด้วยความเสียวกระสัน หล่อนยกขาเรียวข้างหนึ่งขึ้นตวัดรอบเรือนกายทรงพลังเอาไว้ ปากอิ่มเผยอค้าง ครวญครางออกมาตลอดเวลา
เดมอนดูดอมจนยอดถันคู่แฝดทั้งสองเปียกชุ่ม ก็ลดเข่าของตัวเองแตะลงกับพื้นหญ้า มือใหญ่จับเรียวขาของพะแพงพาดบนหัวไหล่ทรงพลัง จากนั้นก็แลบลิ้นออกมาตวัดเลียกลีบสาวด้วยลีลาช่ำชอง หญิงสาวกรีดร้องราวกับคนคลุ้มคลั่ง ร่างสาวบิดเร่าๆ ด้วยความเสียวเสียดทรมาน มือเล็กจิกทึ้งเส้นผมหนาดกของปีศาจร้ายเอาไว้แน่น แอ่นหยัดสะโพกขึ้นหาลิ้นกระด้างด้วยความทรมานปิ่มจะขาดใจ
“อ๊า…อา…นายน้อย…”
เดมอนดื่มด่ำชิมรสชาติหวานละมุนลิ้นของพะแพงด้วยความหื่นกระหาย ลิ้มเลียจนเจ้าหล่อนระเบิดความสุขคาปากอย่างรุนแรง จึงขยับตัวลุกขึ้นยืน และควักท่อนชายที่แข็งราวกับแท่งศิลาออกมาจากเป้ากางเกง
“โก้งโค้ง…”
เขาจับร่างอรชรอ่อนระทวยให้หันหน้าเข้ากับต้นไม้ ดึงบั้นท้ายอวบงอนให้ยื่นออกมาทางด้านหลัง จากนั้นก็ตามติดเข้าไปประกบ มือใหญ่จับท่อนชายดุนดัน กระแทกกระทั้นอยู่ภายนอกอย่างยั่วยวนหลายครั้งจนหญิงสาวต้องวิงวอน
“ได้โปรด…นายน้อย…เข้ามา…อ๊า..”
รอยยิ้มหื่นกระหายเกิดขึ้นบนใบหน้าหล่อจัดของเดมอนมากมาย เขากดท่อนชายกับร่องสาว ก่อนจะกระแทกกระทั้นแรงๆ จนความเป็นชายไถลเข้าไปภายในจนหมดทั้งตัวตน
“อ๊ะ…อ๊า…อา…” หญิงสาวแอ่นบั้นท้ายโยกคลึงอย่างยินดี เสียงครวญครางด้วยความกระสันของหล่อน ยิ่งผลักดันให้เดมอนก้าวไปหยุดที่หน้าผาสูงชันมากขึ้นเรื่อยๆ สะโพกเพรียวทรงพลังอัดกระหน่ำเข้าใส่ด้วยความแรงและเร็ว กระแทกแต่ละครั้งก็เรียกเสียงครางหวานจากลำคอสาวได้ดังกระหึ่ม เขาอัดเข้าใส่ สาวยาวๆ และตะกุยเข้าไปหาจนสุด
“โอ้ว…โอ้ว…อืมมมม…”
กับพะแพงมันดีแบบนี้ทุกครั้ง และเขาก็ไม่อาจจะควบคุมตัวเองได้เหมือนกับทุกๆ ครั้งที่ร่วมรักกับหล่อน เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ สถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความเสียวกระสันทรมาน และก็ไม่อาจยื้อความสุขเอาไว้ได้นานเท่าที่เคยกระทำ
“โอ้ว…ไม่ไหวแล้ว…เธอฟิตเหลือเกิน…”
บั้นท้ายของเขาไม่เคยเคลื่อนไหวได้รวดเร็วขนาดนี้ และเขาก็ไม่เคยอัดกระแทกใส่ร่างของผู้หญิงคนไหนรัวระทึกเท่ากับพะแพงมาก่อน แต่เจ้าหล่อนทำให้เขาคลั่ง เขาไม่อาจจะหยุดการกระแทกกระทั้นได้เลยแม้แต่วินาทีเดียว กระแทกบดอัดเคล้าคลึงด้วยความเสียวซ่านที่ยากจะต้านทาน จนสุดท้ายเมื่อเจ้าหล่อนถึงสวรรค์ กลีบสาวที่ครูดไปกับท่อนชายฝังมุกก็บีบรัดอย่างรุนแรง บีบรัดราวกับต้องการจะทำให้เขาขาดเป็นสองท่อน
“โอ้ว…ฉัน…ฉันไม่ไหวแล้ว…โอ้ว…อ๊ากกกก”
ในที่สุดเขาก็แตกระเบิดออกมาอย่างรุนแรง แตกระเบิดออกมาอย่างบ้าคลั่งที่สุดในชีวิต รอบกายเงียบงันไปชั่วขณะ และเขาก็ยังคงค้างคาท่อนชายเอาไว้ในร่างของพะแพงเช่นเดิม จนกระทั่งเจ้าหล่อนขยับตัวหนี จึงจำต้องตัดใจถอดถอน แต่ก็ไม่คิดจะปล่อยให้หล่อนได้หลบหนีไปไหน
“ดิฉัน…ขอตัวกลับห้องพักค่ะ” พะแพงน้ำตาไหลริน เกลียดตัวเองที่สุดที่ให้ความร่วมมือกับเดมอนทุกที่ทุกเวลาแบบนี้ กลีบปากสั่นระริก
“ฉันจะไปด้วย” เขาคว้าแขนเรียวเอาไว้ แต่หญิงสาวสะบัดแรงๆ และมองเขาหน้าอย่างตัดพ้อน้อยใจ
“ปล่อยดิฉันไปเถอะค่ะ นายน้อยก็สมใจแล้วนี่คะ”
“สมใจน่ะใช่ แต่ยังไม่จุใจ ชัดเจนไหม” คำตอบของเขายียวน และทำให้หล่อนตัวร้อนฉ่าขึ้นมาอีกครั้งอย่างง่ายดาย
“นายน้อยคงไม่…”
เขากระชากร่างเปลือยของหล่อนเข้าไปกอดรัดแน่น ดวงตาคมกล้าที่หรี่แคบมองมาเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย
“เราจะร่วมรักกันอีกทั้งคืน”
“แต่…คุณวิคกี้จะสงสัยเอาได้นะคะ”
“วิคกี้ไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้ มีแค่เราสองคนเท่านั้นที่เกี่ยวข้องกัน” เขาพูดอย่างเอาแต่ใจ และย่อตัวลงช้อนร่างเปลือยๆ ของหล่อนขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน
“ปล่อยดิฉันก่อนเถอะค่ะ ดิฉันต้องใส่เสื้อผ้า”
ศีรษะทุยสวยแสนทระนงของเดมอนส่ายไปมาน้อยๆ “จะใส่ทำไม ถึงห้องก็ต้องถอดอยู่ดี” เขาพูดแค่นั้นก็ก้าวยาวๆ อุ้มร่างสาวเปลือยเปล่าเดินฝ่าความมืดกลับไปยังห้องพักของหล่อนทันที และก็โชคดีเหลือเกินที่ไม่มีใครเดินผ่านมาเห็นเข้า
เดมอนเปิดประตูห้องพักของหล่อน และพาหล่อนไปวางบนเตียง จากนั้นก็พาหล่อนลงนรกบ้าง ขึ้นสวรรค์บ้าง ตามแต่ใจของเขาจะปรารถนา
หล่อนต่อต้านเขาไม่ได้ สิ่งเดียวที่ทำได้ก็เพียงแค่ตอบสนองเขา และกรีดร้องด้วยความเสียวกระสันเท่านั้น
ในขณะที่เดมอนกำลังเริงสวาทอยู่กับพะแพงในห้องพักของคนรับใช้ วิคตอเรียก็ก้าวออกมาจากเงามืด สีหน้าของหญิงสาวเต็มไปด้วยความวิตกกังวลเป็นที่สุด
หล่อนเห็นทุกอย่าง เห็นทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ เดมอนบอกกับหล่อนว่าไม่มีอารมณ์ ทั้งๆ ที่หล่อนพยายามแก้ผ้ายั่วยวน แต่หลังจากนั้นอีกเพียงไม่ถึงชั่วโมง เขาก็ไปลากตัวพะแพงมาร่วมรักอย่างดุเดือดกลางแจ้ง และก็ยังลากกันไปเสพสุขต่อในห้องนอนของพะแพงด้วย
นี่มันอะไรกัน มันเกิดอะไรขึ้นกับเดมอนคู่หมั้นของหล่อนกันนะ หล่อนเคยวางใจว่ายังไงซะเดมอนก็ไม่มีทางเห็นผู้หญิงคนอื่นสำคัญกว่าหล่อน เพราะที่ผ่านมาเดมอนก็แค่นอนกับผู้หญิงและเขี่ยทิ้งในเช้าของวันต่อมา ซึ่งก็ไม่ต่างจากหล่อนที่สนุกกับผู้ชายแปลกหน้า แต่ก็ไม่เคยจริงจังกับใครสักคน เพราะหล่อนกับเดมอนคือคู่หมั้นหมายกัน แต่ครั้งนี้มันแตกต่างออกไป เดมอนแสดงความลุ่มหลงในตัวของพะแพงอย่างชัดเจน แม้ว่าเขาจะพยายามปกปิดเอาไว้ แต่ความรู้สึกของเดมอนที่มีต่อสาวใช้คนนั้นมันมากมายเกินกว่าจะซ่อนพ้นจากสายตาของหล่อน
“เดมอน…คุณทำให้วิคกี้หวั่นใจจังค่ะ”
วิคตอเรียยืนนิ่งด้วยความกังวลใจอยู่พักใหญ่ ก็ตัดสินใจเดินกลับขึ้นห้องพักของตัวเองเงียบๆ ในใจเต็มไปด้วยความวุ่นวายสับสนเป็นที่สุด
หล่อนคิดเสมอว่าเดมอนเป็นของตาย ยังไงซะเดมอนก็ต้องแต่งงานกับหล่อน แต่ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจเสียแล้วล่ะ
นี่ก็เข้าวันที่สองแล้วสินะที่เขาไม่เห็นแม้แต่เงาของพะแพง เจ้าหล่อนหายหัวไปไหนกัน หรือว่าต้องการหลบหน้ากันแน่ เดมอนเต็มไปด้วยความหงุดหงิด ใบหน้าหล่อเหลาจึงบูดบึ้งไร้อารมณ์ยิ่งนัก จนวิคตอเรียที่นั่งรับประทานมื้อค่ำอยู่ข้างๆ อดที่จะเอ่ยถามด้วยความแคลงใจไม่ได้
“สีหน้าคุณดูไม่ค่อยดีเลย เป็นอะไรหรือเปล่าคะเดมอน”
“เปล่า ผมสบายดี” เดมอนรู้สึกสะอิดสะเอียนความโหยหาที่กำลังแล่นพล่านอยู่ภายในอกเป็นที่สุด ทำไมเขาจะต้องยอมให้ผู้หญิงคนนั้นมามีอิทธิพลเหนือการควบคุมตัวเองด้วย
กรามแกร่งขบกันแน่นจนเนื้อข้างแก้มใต้เครางามกระตุกเป็นริ้วรอย ดวงตาสีฟ้าเข้มมืดลึก มือหนากำช้อนแน่นจนมันแทบหักงอคาฝ่ามือ
“แต่สีหน้าคุณดูไม่ดีเลยนะคะ” วิคตอเรียยังคงย้ำคำเดิมด้วยความเป็นห่วง
เดมอนวางช้อนกับส้อมลงบนจานเปลสีขาว ก่อนจะหันมาฝืนยิ้มให้กับคู่หมั้นสาว
“ผมคงเหนื่อยจากงานน่ะ วันนี้ประชุมทั้งวัน ขอตัวไปอาบน้ำก่อนนะครับวิคกี้”
แม้วิคตอเรียจะเต็มไปด้วยความแคลงใจ แต่ก็ไม่เคยคิดที่จะขัดใจเดมอน
“ตามสบายค่ะ”
เดมอนระบายยิ้มให้กับหญิงสาวข้างกาย ก่อนจะลุกขึ้นและก้าวออกไปจากห้องอาหารอย่างรวดเร็ว
ป้ามิเชลล์เห็นสีหน้าของวิคตอเรียที่มองตามเดมอนไปมีความเป็นกังวล จึงอดที่จะพูดแก้ต่างแทนไม่ได้
“ช่วงนี้งานที่คาสิโนเยอะมาก นายน้อยคงเหนื่อยจริงๆ นั่นแหละค่ะคุณวิคกี้”
วิคตอเรียระบายยิ้มบางๆ ให้ป้ามิเชลล์ ก่อนจะก้มหน้าตักอาหารใส่ปาก ในขณะที่ภายในสมองยังคงไม่หยุดสงสัยกับพฤติกรรมของคู่หมั้นหนุ่มแม้แต่น้อย
เรือนร่างทรงพลังกำยำไปทุกสัดส่วนของเดมอนยืนสงบนิ่งอยู่ภายในละอองน้ำเย็นฉ่ำของฝักบัว เส้นผมหนาดกลู่ไปกับหนังศีรษะเมื่อสายน้ำราดรดจนเปียกชุ่ม ดวงตาคมกล้าที่ปิดอยู่ค่อยๆ ลืมขึ้นเชื่องช้า ก่อนที่มือใหญ่จะยกขึ้นลูบน้ำออกจากใบหน้า ริมฝีปากกว้างหยักสวยสบถคำหยาบคายออกมาอย่างหัวเสีย
“ทำไมฉันจะต้องหงุดหงิดเพราะเธอด้วย แพตตี้”
ชายหนุ่มเหลือบตาลงมองท่อนชายที่กำลังชูชันพร้อมพรักด้วยความสะอิดสะเอียน ไอ้จ้อนของเขามันไม่เคยสงบเลย ไม่ว่าจะพยายามเสพสมกับวิคตอเรียมากครั้งสักแค่ไหน ในหัวสมองของเขาเต็มไปด้วยภาพเร่าร้อนของตัวเองกับพะแพง ผู้หญิงที่หวานฉ่ำไปทั้งเนื้อทั้งตัว และเจ้าหล่อนก็เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้เขากลายเป็นคนหื่นกามที่คิดถึงแต่การร่วมเพศตลอดเวลา
“บ้าชิบ!”
เดมอนทรมานจนต้องกัดฟันกรอด และพยายามที่จะหาทางปราบพยศเจ้าท่อนเนื้อให้หลับใหลให้จงได้ แต่ยังไม่ทันได้เริ่ม ประตูห้องน้ำก็เปิดกว้างเข้ามาเสียก่อน พร้อมกับร่างเปลือยเปล่าหมดจดของวิคตอเรีย
“วิคกี้…ผมกำลังอาบน้ำอยู่”
วิคตอเรียเดินนวยนาดเข้ามาหยุดตรงหน้าของเดมอน หล่อนระบายยิ้มพราย วางมือเล็กไปบนหัวไหล่เปียกชุ่มของคู่หมั้นหนุ่ม และไล้ลูบยั่วยวน
“วิคกี้รู้ค่ะ ถึงได้เข้ามายังไงล่ะคะ”
เดมอนเกลียดตัวเองนักที่ไม่ได้รู้สึกรู้สากับร่างกายของวิคตอเรียอีกแล้ว แม้ว่าเจ้าหล่อนจะรูปร่างอวบอึ๋มสักแค่ไหนก็ตาม ทำไมถึงเป็นแบบนี้นะ
“วิคกี้ แต่ผมอยากอาบน้ำ…”
วิคตอเรียส่ายหน้าน้อยๆ ก้าวเข้ามาหยุดแนบชิด พยายามที่จะแอ่นกายนุ่มนิ่มเข้ามาถูไถความกำยำของเดมอนอย่างจงใจยั่วยวน
“เราไม่ได้…ร่วมรักกันในห้องน้ำนานแค่ไหนแล้วคะเดมอน”
“ผมอยากอาบน้ำจริงๆ วิคกี้ ผมขอร้องล่ะ คุณออกไปก่อน”
วิคตอเรียหน้าชาไม่น้อย เมื่อการปฏิเสธของเดมอนเต็มไปด้วยความหนักแน่นจริงจัง หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา ขณะเอื้อมมือไปกอบกุมท่อนชายที่แข็งชันเอาไว้แน่น
“ถ้าคุณอยากอาบน้ำ ทำไมถึงได้แข็งแบบนี้ล่ะคะ” หล่อนขยับมือขึ้นลงไปตามความยาวของท่อนเนื้อ เดมอนถอนหายใจและปัดมือของหญิงสาวออกอย่างรวดเร็ว
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ ขอโทษนะวิคกี้ ผมน่าจะเหนื่อยเกินไป” ชายหนุ่มก้าวออกจากใต้ฝักบัว แล้วเดินไปหยิบผ้าขนหนูขึ้นมาเช็ดตัว ก่อนจะเดินออกไปจากห้องน้ำ
วิคตอเรียมองตามไปด้วยความรู้สึกขายหน้าไม่น้อย ลางสังหรณ์อะไรบางอย่างร้องเตือนว่าเดมอนไม่เหมือนเดิม
“คุณไม่เคยปฏิเสธวิคกี้มาก่อนเลยนะคะ เดมอน” หญิงสาวพึมพำด้วยความแปลกใจระคนน้อยใจ
เดมอนที่อยู่ในชุดนอนสีน้ำเงินลายทางสีขาวออกมายืนรับลมที่ริมระเบียง แม้พระพายที่พัดเข้าปะทะเรือนกายจะเย็นเฉียบมากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจบรรเทาอาการร้อนรุ่มที่เกิดขึ้นภายในร่างกายได้เลยแม้แต่นิดเดียว
เขาร้อน…ยังคงร้อนฉ่า ร้อนระอุ และความเป็นชายก็ยังคงแข็งชัน พร้อมที่จะฝากฝังลงในร่องแคบของพะแพงทั้งคืน บ้าจริง ทำไมเขาต้องคลั่งแบบนี้ ลืมไปแล้วหรือไงว่าพะแพงก็แค่ผู้หญิงขัดดอก แค่ผู้หญิงที่นอนด้วยชั่วคราวเท่านั้น วิคตอเรียต่างหากคือตัวจริง ผู้หญิงที่เขาต้องแต่งงานด้วยในไม่ช้า แล้วทำไมล่ะ ทำไมเขาถึงไร้อารมณ์กับวิคตอเรียแบบนี้ และก็ไม่ใช่แค่วิคตอเรียคนเดียวเท่านั้น แต่เขาไม่อาจจะนึกภาพของตัวเองยามร่วมรักกับผู้หญิงคนอื่นนอกเหนือไปจากพะแพงได้เลย
“โธ่เว้ย!” เดมอนสบถออกมาอย่างหัวเสีย สายตายังคงจับจ้องไปยังหลังคาเรือนพักของพะแพงตลอดเวลา เขาพยายามต้านทาน แต่สิ่งลี้ลับทรงอำนาจภายในหัวใจบงการให้เขาก้าวออกจากห้องนอน และมุ่งหน้าไปคุกคามผู้หญิงที่ทำให้กายหนุ่มร้อนฉ่าในที่สุด
สองเท้าใหญ่ก้าวไปตามทางเดินที่ปูด้วยอิฐตัวหนอนสีน้ำตาลสลับแดงเลือดนก ไม่ช้าเขาก็มาหยุดที่หน้าเรือนพักของพะแพง และแน่นอนว่าเขารีบก้าวขึ้นไปหาหยุดหน้าห้องนอนของหญิงสาวด้วยความรีบร้อนทันที
มือใหญ่กำเป็นหมัดทุบลงไปบนบานประตูไม้สองครั้ง แต่ไม่ได้เอ่ยเรียกออกไป ผู้หญิงเจ้าของห้องตะโกนตอบกลับมาว่าให้ยืนรอสักครู่ และเพียงไม่กี่อึดใจ บานประตูไม้ก็ถูกพะแพงดึงกว้างออก พร้อมๆ กับร่างอรชรที่เขาแสนคิดถึงปรากฏตรงหน้า
“นายน้อย!” เจ้าหล่อนเบิกตากว้างจนลูกกะตาแทบจะถลนออกมา เมื่อเห็นว่าใครยืนอยู่หลังบานประตู และพยายามจะดันประตูปิด แต่เขาใช้เพียงแค่มือเดียวก็สามารถยื้อเอาไว้ได้อย่างง่ายดาย
“ฉันไม่ใช่ผี ดังนั้นอย่าทำหน้าซีดตกใจแบบนี้”
“นายน้อย…มีอะไรเหรอคะ” หล่อนเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเทา และพยายามที่จะดึงบานประตูปิดตลอดเวลา แต่เขาเอาตัวขวางเอาไว้ทั้งตัว
“หายหัวไปไหนมา ทำไมไม่เข้าไปทำงานในตึกใหญ่”
“เอ่อ…”
“หรือว่าพอวิคกี้มาค้างกับฉันที่นี่ เธอก็ทำใจไม่ได้ เลยต้องหลบหน้าหลบตาสินะ”
คำพูดเย้ยหยันจากคนใจร้ายทำให้หล่อนน้ำตาคลอ แต่ก็พยายามสะกดกลั้นเอาไว้
“ดิฉันไม่ได้หลบหน้านายน้อยค่ะ”
“ไม่หลบหน้าฉัน แล้วทำไมฉันไม่เห็นเธอเลย”
หล่อนจ้องมองเขา กลีบปากอิ่มสั่นระริก “นายน้อยจะเห็นดิฉันได้ยังไงกันคะ ในเมื่อดิฉันไม่เคยมีตัวตนในสายตาของนายน้อยเลย ขอโทษนะคะ ตอนนี้หมดเวลางานแล้ว ดิฉันต้องการพักผ่อน” พะแพงใช้แรงเฮือกสุดท้ายกระชากบานประตูแรงๆ เพื่อจะให้ปิดลง เพราะไม่อยากจะพูดคุยกับเดมอนอีก พูดไปก็รังแต่จะทำให้ตัวเองยิ่งเจ็บปวด แต่เขาไม่ยอมง่ายๆ
“เธอยังพักผ่อนไม่ได้ เรามีเรื่องต้องคุยกัน” เขาเค้นเสียงดุดันออกมาจากไรฟัน “เยอะ” คำสุดท้ายของประโยคที่ได้ยินเน้นหนักและเต็มไปด้วยแรงอารมณ์
“แต่ดิฉัน…ไม่มีเรื่องอะไรจะคุยกับนายน้อยนะคะ ดิฉันต้องการพักผ่อน”
“หึ พักผ่อนหรือ เธอได้พักผ่อนมาตั้งหลายคืนแล้วนี่ ยังไม่พออีกหรือไง” ในที่สุดเขาก็ก้าวเข้ามาหาภายในห้องได้สำเร็จ ในขณะที่พะแพงหน้าซีดเผือด
“นายน้อยอย่าทำแบบนี้เลยนะคะ ถ้าคุณวิคกี้ทราบเรื่องนี้เข้า ดิฉันจะเดือดร้อน…”
“วิคกี้ไม่เคยสนใจเรื่องนางบำเรอของฉันหรอก เธอใจกว้างเสมอ”
คนเห็นแก่ตัว! พะแพงต่อว่าเขาในใจอย่างโมโห และก็พยายามหาทางรอด
“ยังไงคืนนี้ เราก็ต้องนอนด้วยกัน ฉันอดทนมานานแล้ว” น้ำเสียงของเดมอนกระเส่าและดุดัน
และก็ไม่คิดจะรอให้เขาต้องขับไล่ซ้ำอีก หล่อนรีบวิ่งออกไปจากขุมนรกนั้นด้วยความเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หยาดน้ำตาไหลพรากไม่ขาดสาย
หล่อนเจ็บ หล่อนทรมานเหลือเกิน…
เมื่อพะแพงออกจากห้องไปแล้ว เดมอนก็หันมาถามวิคตอเรียด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“คุณมีอะไรกับผมหรือวิคกี้ ถึงมาหาโดยไม่ได้โทรบอกก่อน”
วิคตอเรียหรี่ตามองหน้าของเดมอน “ผู้หญิงคนนี้เป็นใครเหรอคะ วิคกี้เคยเห็นมาก่อนหรือเปล่า”
“คนใช้ที่บ้านผมน่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
“แต่คุณไม่เคยเรียกผู้หญิงคนไหนให้มาหาถึงห้องทำงานเลยนะคะ แต่นี่…” วิคตอเรียยังพูดไม่ทันจบ เดมอนก็แทรกขึ้นเสียก่อนด้วยน้ำเสียงกระด้าง
“ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ผมนอนด้วยหรอกวิคกี้ ดังนั้นคุณไม่ต้องกังวลไป ยังไงซะ คุณก็คือตัวจริงของผมวันยังค่ำ”
วิคตอเรียระบายยิ้ม มองหน้าเดมอนอย่างไม่อยากจะเชื่อ “คุณแน่ใจเหรอคะเดมอน”
“ผมแน่ใจ ว่าแต่คุณเถอะ ยังไม่ตอบคำถามของผมเลย ว่าทำไมมาหาผมโดยไม่โทรมาหาก่อน”
“วิคกี้ก็แค่อยากจะเซอร์ไพรส์คุณน่ะค่ะ”
“ใช่ เซอร์ไพรส์มากเลย ดีนะที่ผมกับแม่นั่นเสร็จเรื่องกันแล้ว ไม่อย่างนั้นคุณอาจจะเป็นตากุ้งยิงได้”
วิคตอเรียหัวเราะอย่างอารมณ์ดี หล่อนไม่หึงหวงเดมอนเลย เพราะรู้ดีว่าชายหนุ่มไม่มีทางจริงจังกับผู้หญิงคนไหนนอกจากตัวเอง ก็เหมือนที่หล่อนไม่เคยจริงจังกับผู้ชายคนไหนเท่ากับเดมอนนั่นแหละ
“วันนี้พาวิคกี้ไปกินข้าวเย็นที่บ้านด้วยนะคะ ได้ไหม”
“ได้สิครับ” เดมอนรับคำ “พูดเหมือนไม่เคยไปค้างที่บ้านผมอย่างนั้นแหละ”
วิคตอเรียเดินเข้ามาสวมกอดเดมอน “และวิคกี้ก็จะขอค้างกับคุณด้วย โอเคไหมคะ”
เดมอนชะงักไปเล็กน้อย แต่ก็ตอบรับ “ได้สิ ไม่เห็นจะมีปัญหาอะไรเลย คุณจะค้างกับผมกี่คืนก็ได้”
“งั้นสามคืนเป็นอย่างต่ำ”
“ตกลงครับ”
ในขณะที่วิคตอเรียระบายยิ้มอย่างดีใจ เดมอนกลับรู้สึกอึดอัดไม่น้อย ทำไมเขาถึงรู้สึกแบบนี้กับผู้หญิงที่เขาคิดมาตลอดว่าเหมาะสมและคู่ควรอย่างวิคตอเรียนะ
พะแพงซมซานกลับมาคฤหาสน์ลินการ์ดด้วยความชอกช้ำใจ ความไม่ไยดีที่เดมอนแสดงออกมาทันทีเมื่อวิคตอเรียปรากฏตัวขึ้นไม่ต่างจากคมมีดที่กรีดลึกลงในเนื้อหัวใจ แม้จะพยายามพร่ำบอกว่าตัวเองก็แค่อีตัวฆ่าเวลา ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะแอบรักเดมอนด้วยซ้ำ แต่หัวใจก็ไม่รักดีเอาเสียเลย มันไม่ชอบเชื่อฟัง และร่ำร้องหาแต่ผู้ชายไม่มีหัวใจอย่างเดมอนทุกเมื่อเชื่อวัน
“หยุดคิด…หยุดคิดเถอะ แพง…”
หล่อนทิ้งตัวลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรงทันทีเมื่อก้าวเข้ามาให้ห้องพัก สภาพในตอนนี้ของหล่อนช่างไม่ต่างจากตุ๊กตาผ้าเก่าๆ ที่ถูกเขี่ยทิ้งลงถังขยะแม้แต่น้อย มือเล็กยกขึ้นปิดหน้าร่ำไห้อย่างน่าเวทนา หัวใจปวดร้าวเหลือเกิน
เมื่อไหร่นะ เมื่อไหร่หล่อนถึงจะหลุดพ้นจากวังวนแห่งความทรมานนี้เสียที และเมื่อไหร่เดมอนจะปล่อยหล่อนไป…?
ช่วงเย็นของวันเดียวกัน หล่อนก็ถูกเรียกให้ขึ้นมารับใช้ภายในห้องอาหาร ท่ามกลางภาพบาดตาบาดใจของเดมอนกับวิคตอเรียที่กำลังหัวเราะต่อกระซิกกันอยู่ตลอดเวลา น้ำตาของหล่อนตกใน กลีบปากอิ่มสั่นระริก หล่อนต้องกล้ำกลืนฝืนทนอยู่ภายในความอึดอัดแสนเหี้ยมโหดนั้นอยู่นานราวชั่วกัปชั่วกัลป์ จนกระทั่งมื้อค่ำของคู่รักที่เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยกเสร็จสิ้นลง แต่นรกก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากข้อเท้าของหล่อน
“เธอน่ะ ชื่ออะไรเหรอ”
วิคตอเรียไม่ได้เดินตามเดมอนออกไปจากห้องอาหารในทันที เพราะหยุดยืนมองพะแพง
พะแพงเม้มปากเป็นเส้นตรง พูดไม่ออก หน้าตาเศร้าหมอง “แพตตี้ คุณวิคกี้ถามไม่ได้ยินหรือไง”
คำเตือนไม่พอใจของป้ามิเชลล์ทำให้หล่อนได้สติ รีบเดินเข้าไปหา และก้มหน้ามองพื้น
“ดิฉันชื่อพะแพงค่ะ”
“พะแพงเหรอ” วิคตอเรียทวนคำ ก่อนจะถามต่อ “แต่ฉันได้ยินเดมอนเรียกเธอว่าแพตตี้”
พะแพงเผลอตัวเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับวิคตอเรียโดยบังเอิญ
“เอ่อ ทุกคนที่นี่เรียกดิฉันว่าแพตตี้ค่ะ เพราะพะแพงออกเสียงยากกว่าค่ะ”
วิคตอเรียระบายยิ้มให้ และเอียงคอมองสาวใช้ตรงหน้าอย่างพิจารณา
“หน้าเธอหวานมากนะ ตาก็สวยซึ้งดี เพราะอย่างนี้นี่เองเดมอนถึงเรียกเธอมานอนด้วย”
แก้มนวลของพะแพงร้อนผ่าว ความอับอายแล่นพล่านไปทั้งร่างกายจนตัวสั่นเทา
“เอ่อ…”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกนะ เธอจะมีอะไรกับเดมอนฉันก็ไม่ว่าอะไรหรอก เพราะฉันกับเดมอนเรายังไม่ได้แต่งงานกัน ฉันใจกว้างเสมอ และที่สำคัญ เดมอนก็บอกว่าไม่ได้จริงจังอะไรกับเธอด้วย”
คำพูดของวิคตอเรียราวกับคมมีดที่ปักฉึกลงกลางหัวใจของหล่อน พะแพงก้มหน้าหลบสายตาของวิคตอเรีย หยดน้ำตาไหลออกมาจากสองดวงตา
“ดิฉัน…ขอตัวไปเก็บโต๊ะก่อนนะคะ”
“ไปช่วยฉันจัดกระเป๋าเสื้อผ้าดีกว่า”
ความต้องการของวิคตอเรียทำให้พะแพงตกใจ “เอ่อ แต่ว่า…”
“ไม่ต้องคิดมากหรอกน่า ฉันไม่ใช่ผู้หญิงคิดหงุมหงิม ฉันไม่หึงเธอกับเดมอนหรอก ไป…ขึ้นไปช่วยฉันจัดของหน่อย”
“ไปสิแพตตี้ คุณวิคกี้สั่งแล้วน่ะ” ป้ามิเชลล์รีบออกคำสั่งเมื่อเห็นพะแพงยังคงยืนนิ่ง
“ค่ะ”
วิคตอเรียฉีกยิ้มกว้างเมื่อได้ยินคำตอบรับจากพะแพง ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับป้ามิเชลล์
“วิคกี้ขอตัวก่อนนะคะป้ามิเชลล์ ไว้พรุ่งนี้จะมาคุยด้วยใหม่ค่ะ”
“เที่ยวนี้คุณวิคกี้จะมาอยู่กี่วันเหรอคะ”
ใบหน้าของวิคตอเรียยังคงเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้ม “น่าจะสักสามสี่วันน่ะค่ะ แต่ถ้าเดมอนอยากให้วิคกี้อยู่นานกว่านี้ วิคกี้ก็โอเคค่ะ”
“นายน้อยต้องอยากให้คุณวิคกี้อยู่ที่นี่นานๆ อยู่แล้วล่ะค่ะ” ป้ามิเชลล์อมยิ้ม
“แหม ป้ามิเชลล์พูดแบบนี้วิคกี้ก็เขินแย่สิคะ”
“ป้าพูดเรื่องจริงค่ะ ว่าแต่เมื่อไหร่จะแต่งงานกันสักทีล่ะคะ ป้ารอเลี้ยงคุณชายน้อยไม่ไหวแล้วนะคะเนี่ย”
“เรื่องแต่งงานคงต้องให้ป้ามิเชลล์ไปถามเดมอนเองแล้วล่ะค่ะ วิคกี้ไม่มีความเห็น” วิคตอเรียหน้าแดงระเรื่อด้วยความขัดเขิน “ไม่เอาแล้ว วิคกี้ไปก่อนนะคะ”
“ตามสบายค่ะคุณวิคกี้” ป้ามิเชลล์ยิ้มตอบอย่างมีไมตรีให้กับวิคตอเรีย ก่อนจะหันมากำชับพะแพง “เธอดูแลคุณวิคกี้ให้ดีนะแพตตี้ อย่าให้ขาดตกบกพร่องเด็ดขาด”
“ค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่”
พะแพงตอบรับคำสั่งของป้ามิเชลล์ทั้งน้ำตา ก่อนจะย่ำเท้าตามหลังวิคตอเรียไปเงียบๆ แต่ระหว่างทางวิคตอเรียก็ชวนคุยไม่หยุด แต่หล่อนก็มักจะเป็นผู้ฟังที่ดีเสียมากกว่า จนกระทั่งเดินมาถึงห้องนอนของเดมอน วิคตอเรียก็ยกมือขึ้นเคาะประตู
“เดมอนคะ วิคกี้เข้าไปนะคะ”
“เชิญครับ”
คำพูดแสดงความคุ้นเคยของทั้งสองคนทำให้พะแพงยิ่งเจียมตัวเอง หล่อนก้าวตามร่างอรชรของวิคตอเรียเข้าไปภายในห้องนอนของเดมอน และก็ได้เห็นเขายืนเช็ดเส้นผมที่ยังคงเปียกลู่อยู่หน้ากระจก ทั้งเนื้อทั้งตัวของเขามีเพียงเสื้อคลุมผ้าขนหนูตัวเดียวเท่านั้น บอกให้รู้ว่าเขาเตรียมพร้อมสำหรับวิคตอเรียมากแค่ไหน
หล่อนเจ็บไปทั้งหัวใจ เจ็บปวดจนแทบจะขาดใจ แต่ก็จำต้องอดทนเอาไว้ กลั้นน้ำตาเอาไว้สุดกำลัง
“กระเป๋าเสื้อผ้าของฉันวางอยู่ในห้องเสื้อผ้า เธอเข้าไปจัดให้เรียบร้อยนะแพตตี้” วิคตอเรียหันมาสั่งเสียงเรียบ
“ค่ะ” หล่อนรับคำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะรีบเดินค้อมหลัง เลื่อนบานประตูสไลด์และก้าวเข้าไปในห้องแต่งตัวที่ถูกแยกออกจากห้องนอนกว้างอย่างเป็นสัดส่วนด้วยความรวดเร็ว พอเข้ามาถึงหยาดน้ำตาก็รินไหลออกมาราวกับธารน้ำ
หล่อนเจ็บปวดเหลือเกิน เจ็บทรมานราวกับหัวใจกำลังถูกทิ่มแทง ร่างเล็กทรุดลงนั่งคุกเข่าตรงหน้ากระเป๋าเดินทางสีชมพูหวานของวิคตอเรีย กำลังจะเปิดมันออกเพื่อจะนำเสื้อผ้าและข้าวของของวิคตอเรียออกมาจัดใส่ตู้เสื้อผ้า แต่เสียงครวญครางของคนสองคนที่อยู่ด้านนอกดังมาเข้าหูเสียก่อน
“อ๊า…เดมอน…แรงๆ ค่ะ อ๊า…ลึกอีก…อา…อา…”
เสียงครวญครางของวิคตอเรียดังขึ้น พร้อมๆ กับเสียงเตียงนอนที่โยกเป็นจังหวะ ทำไมหล่อนจะไม่รู้ล่ะว่าข้างนอกกำลังเกิดอะไรขึ้น หล่อนรีบยกมือขึ้นอุดปากกลั้นเสียงร้องไห้ของตัวเองเอาไว้ ซบหน้ากับหัวเข่าของตัวเอง และคร่ำครวญด้วยความทรมานที่สุดในชีวิต
เสียงครวญครางของทั้งสองคนยังดังแว่วมาเข้าหูอย่างต่อเนื่อง และหล่อนก็ไม่อาจจะนั่งอยู่ภายในห้องแต่งตัวทนฟังต่อไปได้อีก หล่อนลุกขึ้นยืน เลื่อนบานประตูไม้ให้เปิดออก และวิ่งผ่านเตียงกว้างออกไปอย่างรวดเร็ว
“ล็อกประตูให้ด้วย” เสียงกระด้างร้องสั่งตามหลังมาก่อนที่หล่อนจะทันได้ก้าวข้ามธรณีประตู หล่อนหันไปมองก็เห็นว่าเดมอนที่นอนหงายให้วิคตอเรียควบขี่อยู่จ้องมองมาที่ตัวเอง
“เข้าใจที่สั่งใช่ไหม”
หล่อนเม้มปากแน่น ยกมือขึ้นป้ายน้ำตาทิ้ง ก่อนจะรีบดันบานประตูให้ปิดสนิทลง และวิ่งกลับห้องพักของตัวเองไปด้วยหัวใจที่แตกสลายยับเยิน
“เธอรู้ตัวใช่ไหมว่านายน้อยมีตัวจริงอยู่แล้ว นั่นก็คือคุณวิคกี้”
ป้ามิเชลล์ที่นั่งรอหล่อนอยู่หน้าห้องพักลุกขึ้นยืนและเดินมาขวางหน้าเอาไว้
“ดิฉัน…ทราบดีค่ะ และระลึกอยู่เสมอ” หล่อนตอบออกไปเสียงสะอื้น
“ถ้าเธอทำได้อย่างที่พูด เธอก็จะไม่เจ็บเพราะความผิดหวัง”
หล่อนทำได้แค่พยักหน้าตอบรับป้ามิเชลล์
“ไปพักผ่อนเถอะ แล้วพรุ่งนี้ก็ไม่ต้องเข้าไปรับใช้ในตึกใหญ่ เธอจะได้ทำใจได้เร็วขึ้น”
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองป้ามิเชลล์อย่างซาบซึ้งใจ แม้หญิงสูงวัยจะดูเป็นคนระเบียบจัดแค่ไหน แต่ลึกๆ แล้วป้ามิเชลล์ก็ใจดีกับหล่อนไม่น้อยเลยทีเดียว
“ขอบคุณมากค่ะคุณแม่บ้านใหญ่”
“ไม่เป็นไร เพราะฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอดี” ป้ามิเชลล์จ้องหน้าพะแพง “ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่ได้ใกล้ชิดกับนายน้อยแล้วจะไม่ตกหลุมรัก โดยเฉพาะผู้หญิงอ่อนต่อโลกอย่างเธอ แพตตี้”
หล่อนทำได้แค่ก้มหน้าหลบสายตาของป้ามิเชลล์และร้องไห้ออกมาเงียบๆ
“ไปพักเถอะ ฉันกลับล่ะ”
ป้ามิเชลล์เดินจากไปแล้ว ในขณะที่หล่อนค่อยๆ ก้าวหายเข้าไปภายในห้องพัก สองเท้าไม่มีเรี่ยวแรงพอที่จะก้าวไปจนถึงเตียงนอน ร่างอรชรอ่อนแรงทรุดฮวบลงกับพื้นห้อง และหล่อนก็ร้องไห้คร่ำครวญอยู่ตรงนั้นยาวนาน
ตั้งแต่วันนั้นที่ร่วมรักกับเดมอนอย่างดุเดือดภายในห้องสมุด เขาก็จัดตารางให้หล่อนขึ้นมาปรนเปรอเขาสัปดาห์ละสามครั้ง จันทร์ พุธ ศุกร์ แต่พอเอาเข้าจริงๆ หล่อนก็ถูกเขาเรียกขึ้นมาให้เขาเสพสวาทเจ็ดวันเต็มเลยทีเดียว หล่อนอ่อนเพลีย เหน็ดเหนื่อย เพราะเดมอนเป็นผู้ชายที่เซ็กซ์จัดมาก เขาสามารถร่วมรักกับหล่อนได้ตลอดทั้งค่ำคืนโดยไม่หยุดพัก และพอเช้าก็กระโดดลงจากเตียงไปทำงานได้อย่างสบายๆ จนหล่อนอดกังขาไม่ได้ว่าเขาเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนนักหนา ในขณะที่ฝ่ายรับอย่างหล่อนกลับเหน็ดเหนื่อยแทบขาดใจ
แก้มนวลแดงระเรื่อเมื่อฉากรักมากมายของตัวเองกับเดมอนยังคงฝังแน่นอยู่ในความทรงจำ ทุกค่ำคืนที่ผ่านไปนั้นเต็มไปด้วยความร้อนแรงและหวานฉ่ำ แม้เดมอนจะไม่ได้อ่อนโยนกับหล่อนนัก แต่ทุกครั้งที่อยู่ใต้หรือบนร่างทรงพลัง หล่อนก็สุขสมแรงกล้าเสมอ
“ใจลอยคิดอะไรเหรอแพตตี้” คนที่กำลังเนื้อตัวร้อนฉ่าสะดุดโหยง หันไปมองเจ้าของเสียงทักทาย ก่อนจะรีบปั้นเสียงตอบ
“โอลิเวียนั่นเอง”
“แล้วคิดว่าใครล่ะ หรือคิดว่าเป็นนายน้อย”
คนถูกรู้ทันแก้มแดงก่ำ “เปล่าสักหน่อย ว่าแต่มีอะไรกับฉันหรือเปล่า”
“เปล่าหรอก แค่แวะมาคุยด้วยน่ะ” โอลิเวียขยับเท้าเข้ามาใกล้
พะแพงระบายยิ้ม “มีเรื่องอะไรเหรอ”
“ฉันก็แค่อยากจะเตือนเธอน่ะแพตตี้ เรื่องนายน้อย” น้ำเสียงของโอลิเวียจริงจังขึ้นมาก “ฉันไม่อยากให้เธอถลำใจกับนายน้อย เพราะไม่มีทางที่เธอจะเอาชนะใจนายน้อยได้หรอก ถึงแม้ว่าตอนนี้นายน้อยจะหลงเธอสักแค่ไหนก็ตาม”
“เอ่อ…” พะแพงก้มหน้าหลบสายตาของคู่สนทนา และพูดไม่ออก
“ที่เตือนนี่ก็เพราะหวังดีหรอกนะ นายน้อยน่ะมีคุณวิคกี้อยู่แล้ว เธอก็เห็นใช่ไหมว่าสองคนนี้เหมาะสมกันแค่ไหน ฉันไม่อยากให้เธอคิดไปไกลน่ะ ไม่อยากเห็นเธอผิดหวังด้วย”
พะแพงต้องใช้ความพยายามมากมายที่จะไม่ร้องไห้ออกมา แม้ว่ากระบอกตาจะร้อนผ่าวทรมานสักแค่ไหนก็ตาม หล่อนฝืนยิ้ม เมื่อเงยหน้าขึ้นสบประสานสายตากับโอลิเวีย
“ฉัน…เจียมตัวเสมอจ้ะ”
โอลิเวียถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ยกมือขึ้นแตะแขนของเพื่อนร่วมอาชีพ “ยังไงพวกเราก็เป็นได้แค่คนใช้เท่านั้นแหละ”
ทุกคำเตือนของโอลิเวียคือเรื่องจริง “ขอบใจนะโอลิเวีย ฉันระลึกเอาไว้เสมอว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร”
โอลิเวียระบายยิ้มให้กับเพื่อนร่วมงาน “ดีแล้ว เธอจะได้ไม่ต้องเจ็บปวดตอนที่เห็นนายน้อยแต่งงานกับคุณวิคกี้”
หล่อนพูดไม่ออกอีก ทำได้แค่เพียงก้มหน้ามองพื้นดินเท่านั้น หัวใจปวดร้าวทรมานเหลือเกิน
“แพตตี้ คุณแม่บ้านใหญ่เรียกหาน่ะ”
เสียงสาวใช้อีกคนหนึ่งที่เพิ่งเดินมาถึงดังขึ้น และก็ทำให้ทั้งพะแพงและโอลิเวียหันไปมอง
“เร็วๆ นะ คุณแม่บ้านใหญ่รออยู่” สาวใช้คนเดิมกำชับอีกครั้ง
“จ้ะ ฉันจะไปเดี๋ยวนี้แหละ” พะแพงตอบรับเสียงรีบร้อน ก่อนจะหันไปหาโอลิเวีย “ฉันไปหาคุณแม่บ้านใหญ่ก่อนนะโอลิเวีย เอาไว้เราคุยกันใหม่นะ”
“อืม ตามสบายเถอะ”
พะแพงรีบวิ่งหายเข้าไปในตึก โอลิเวียมองตามไปจนลับสายตา ก่อนจะหันไปพูดกับเพื่อนสาวใช้
“นายน้อยโทรมาตามแพตตี้ใช่ไหมล่ะ”
“อืม”
ทันทีที่สาวใช้อีกคนตอบรับ โอลิเวียก็ถอนหายใจออกมาด้วยความวิตกกังวล “เดี๋ยวจะต้องมีเรื่องวุ่นวายตามมาแน่นอน เชื่อสิ”
“ไม่รู้สิ ฉันไปทำงานก่อนนะ”
สาวใช้อีกคนเดินจากไปแล้ว แต่โอลิเวียก็ยังยืนอยู่ที่เดิม และก็ถอนหายใจแรงๆ เหมือนเดิมเช่นกัน
พะแพงก้าวลงจากรถ และเงยหน้ามองตึกสูงระฟ้าเบื้องหน้าด้วยความหวาดหวั่น หลังจากที่หล่อนไปพบป้ามิเชลล์ตามคำสั่ง จึงได้รู้ว่าเดมอนเรียกหาให้หล่อนมาพบที่คาสิโน และถึงแม้ว่าหล่อนจะปฏิเสธยังไง แต่ก็ไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
กลีบปากอิ่มเต็มสวยเม้มแน่นเป็นเส้นตรง ก่อนจะก้าวเดินเข้าไปในตึกสูงตรงหน้า
“คุณแพตตี้ใช่ไหมคะ” พนักงานสาวรีบถลามาต้อนรับ และเมื่อหล่อนตอบว่าใช่ คู่สนทนาก็รีบกุลีกุจอพามาส่งที่ลิฟต์ตัวใหญ่ทันที
“ท่านประธานรออยู่ค่ะ”
หล่อนไม่อาจล่วงรู้ได้ว่าคู่สนทนารู้เรื่องราวระหว่างตัวเองกับเดมอนมากแค่ไหน รู้เพียงแต่ว่าตอนนี้หล่อนรู้สึกอับอายเหลือเกิน รู้สึกไม่ต่างจากโสเภณีที่กำลังจะขึ้นไปบำเรอสวาทให้กับลูกค้าไม่มีผิด
ลิฟต์ตัวใหญ่พาหล่อนทะยานขึ้นมายังชั้นสูงสุด มันเปิดออก และหล่อนก็จำต้องก้าวออกไป ก่อนจะชะงักเมื่อเห็นเลขาฯ ของเดมอนมายืนรออยู่หน้าลิฟต์
“เชิญค่ะ”
หล่อนทำได้แค่เพียงปั้นยิ้มบางๆ เท่านั้น ดวงตาเต็มไปด้วยหยาดน้ำตาแห่งความอดสู ไบโอนีเดินมาส่งหล่อนที่หน้าประตูห้องทำงานของเดมอน
“เชิญค่ะคุณแพตตี้ ท่านประธานรออยู่”
“ขอบคุณค่ะ” หล่อนกล้ำกลืนความอับอายกล่าวขอบคุณไบโอนีที่เปิดประตูให้เสียงสั่นเทา จากนั้นก็ก้าวเข้าไปภายในห้องทำงานกว้างของเดมอน หล่อนสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อบานประตูปิดลงตามหลัง
“มานั่งนี่” ผู้ชายตัวโตนั่งอยู่บนโซฟา และกวักมือเรียกหล่อน
“เอ่อ…นายน้อยมีธุระอะไรกับดิฉันเหรอคะ” หล่อนจำต้องก้าวเข้าไปหยุดตรงหน้าของเขา
เดมอนเหยียดยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะกระชากแขนเรียวแรงๆ จนหล่อนเสียหลักล้มลงไปนั่งบนตักแกร่ง
“อุ๊ยยย…”
“ธุระกับเธอ มีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นแหละแพตตี้”
หล่อนหน้าร้อนจัดกับคำพูดตรงไปตรงมาของเดมอน “ดิฉัน…คิดว่า…”
“ไม่มีอะไรต้องคิดแล้วล่ะ ฉันคิดถึงเธอ อยากเข้าไปในตัวของเธอเดี๋ยวนี้เลย”
“ไม่นะคะ ที่นี่…ที่ทำงาน” หล่อนส่ายหน้าปฏิเสธ และพยายามจะดิ้นลงจากตักแกร่งของเขา แต่ก็ไม่สำเร็จ
“ที่ทำงานแล้วไง ฉันอยาก ฉันก็จะเอาเธอ”
หล่อนเม้มปากแน่นเป็นเส้นตรง มองเขาอย่างเจ็บช้ำ
“ทำไมต้องทำตาแดงๆ ด้วย ฉันก็เห็นเธอมีความสุขดีนี่นา ตอนที่เราเอากัน”
“นายน้อย…ปล่อยดิฉันกลับไปเถอะนะคะ” หัวใจของหล่อนเต้นโครมคราม
“ไม่มีทาง ฉันหิว” เขากระซิบชิดกลีบปากอิ่มสีระเรื่อ ก่อนจะประกบปากลงมาหาอย่างหนักหน่วง
“แต่…อื้อ…”
หล่อนทำได้แค่ร้องอู้อี้ในลำคอเพียงครั้งเดียวเท่านั้น เพราะหลังจากนี้เพลิงพิสวาสร้อนแรงที่แผดเผาร่างสาวในทุกครั้งที่อยู่ใกล้ชิดกับเดมอนก็ลุกโชนจนยากจะดับ สมองลืมสิ้นทุกสิ่งทุกอย่าง ลืมแม้กระทั่งความจริงที่ตัวเองเป็นแค่ผู้หญิงไร้ค่าเท่านั้น
ริมฝีปากของเดมอนยังทรงอานุภาพเช่นทุกครั้งที่ได้สัมผัส มันร้อนรุ่มและละลายสติของหล่อนจนเหือดแห้งหมดสิ้น นิ้วเรียวสอดแทรกเข้าไปในกลุ่มเส้นผมหนาดกของคนตัวโต ปากอิ่มเผยอกว้างเปิดทางให้ลิ้นสากแทรกลึกเข้ามาดูดดื่มความหวานจากกลีบปากสาวด้วยความเต็มอกเต็มใจ มือเล็กจิกลึกอยู่บนต้นแขนทรงพลังอย่างยอมศิโรราบ
เดมอนใช้เวลาเพียงไม่กี่วินาทีก็สามารถปลดปล่อยความเป็นชายออกมาจากเป้ากางเกงได้สำเร็จ เขาตลบกระโปรงบานขึ้นสูง สอดนิ้วเข้าไปทักทายความเป็นหญิงชุ่มฉ่ำ ขยี้เขี่ยคลึงจนเจ้าของร่างครวญครางด้วยความซ่านสยิว ก่อนจะดึงรวบขอบกางเกงชั้นในตัวบางให้ไปรวมกันอยู่ที่ด้านล่าง จากนั้นก็ทิ่มแทงความชูชันเข้าไปภายในร่องสาว
“โอ้ว…แน่นมาก…อืมมมม ฟิตจัง…”
“อ๊ะ…อ๊า…”
พะแพงกรีดร้องให้กับความอึดอัดเมื่อพลังแห่งบุรุษเพศสอดแทรกเข้ามาภายในร่างสาว มันคับแน่นมากกว่าทุกครั้ง และหล่อนลุ่มหลงจนต้องสะบัดบั้นท้ายโยกคลึงสอดประสาน
“โอ้ว…แพตตี้…” มือใหญ่กอบกุมเอวคอดเอาไว้ และจับร่างเล็กให้ยกขึ้นสูง ก่อนจะจับกดลงมาบนท่อนชายของตัวเองที่เผยอขึ้นเด้งรับรอคอย ทุกการสอดใส่เคลื่อนไหวร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ สองร่างสอดประสานกันอย่างดุเดือดเมามัน นิ้วยาวยังคงแวะมาทักทายติ่งสวาทอ่อนไหวของหล่อนเป็นครั้งคราว
“อ๊า…อา…นายน้อย…” หล่อนขยับร่างแรงระรัว ทุกส่วนประสาทตื่นตัวเพรียกหาแต่การเสียดสีร้อนแรงดุเดือด ตอบรับการเคลื่อนไหวของสะโพกเพรียวที่เด้งขึ้นหาหยอกเย้าอย่างกระตือรือร้น
“โอ้ว…ร้อนแรงเหลือเกินแพตตี้…อืมมมม โอ้ว…”
สองร่างสอดประสานกันเป็นหนึ่ง ด้วยจังหวะที่มีแค่พวกเขาเท่านั้นที่ล่วงรู้ ไม่ช้ากล้ามเนื้อหวานภายในก็บีบรัดถี่ระรัวเพราะผ่านการสุขสมแรงกล้า ทำให้คนตัวโตถึงกับต้องอ้าปากคำรามลั่น และฉับพลันจังหวะการจ้วงโจนก็กระชั้นถี่ขึ้น ร่างทรงพลังเคลื่อนไหวรีบร้อนราวกับพายุคลั่ง ไม่ช้าเดมอนก็เกร็งสะท้านไปทั้งตัว เสียงห้าวครางลึกล้ำด้วยความสุขสมดังกึกก้อง ก่อนที่สายพันธุ์สวาทจะทะลักทลายออกมามากล้น
“อืมมม โอ้ว…”
เขากอดรัดร่างอรชรอวบอัดเอาไว้แนบอก เนื้อตัวของหล่อนยังคงระทดระทวยไร้เรี่ยวแรงอยู่ในอ้อมแขนของเขา เดมอนระบายยิ้มอ่อนโยนออกมาโดยไม่รู้ตัว
ทำไมเขาถึงรู้สึกดีแบบนี้นะ ในร่างของผู้หญิงคนนี้…
เขาพยายามหาคำตอบ แต่ยังไม่ทันหาพบ ประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดกว้างออกโดยไร้การเตือนล่วงหน้า และร่างของวิคตอเรียก็ปรากฏขึ้นตรงนั้น
“โอ้…มายก๊อด” วิคตอเรียเบิกตากว้างตกใจ ยกมือขึ้นปิดปากเมื่อเห็นเดมอนกับพะแพงยังติดแหง็กอยู่เป็นร่างเดียวกัน “ขอโทษค่ะเดมอน วิคกี้จะออกไปรอข้างนอกค่ะ คุณเสร็จเรื่องแล้วก็เรียกวิคกี้นะคะ”
“ไม่ต้องหรอก ผมเสร็จเรื่องกับแม่นี่แล้ว”
อ้อมแขนที่รัดรอบกายคลายออกทันที และเขาก็ยกร่างของหล่อนลงจากตักด้วยกิริยาไร้หัวใจ พะแพงทำได้แค่ร้องไห้เงียบๆ และไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นสบตากับวิคตอเรีย
“แน่ใจเหรอคะเดมอน”
“แน่ใจสิครับ” เดมอนลุกขึ้นยืนและตอบคู่หมั้นสาวเสียงนุ่มนวล ก่อนจะหันมาหาพะแพง “ฉันเสร็จธุระกับเธอแล้ว ไสหัวออกไปซะ เร็วเข้า”
พะแพงรีบลนลานป้ายน้ำตาทิ้ง และก็จัดการลูบชายกระโปรงให้เข้าที่ ก่อนจะวิ่งตรงไปที่ประตู กำลังจะก้าวข้ามธรณีประตูออกไป แต่เสียงกระด้างของเดมอนก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ค่าตัวของเธอ เดี๋ยวฉันให้ป้ามิเชลล์ส่งไปให้ก็แล้วกันนะ”
หล่อนพูดไม่ออก มองร่างของเดมอนที่เดินหนีโดยมีวิคตอเรียอยู่เคียงคู่ผ่านม่านน้ำตา
“ไปได้แล้ว”
สองวันแล้วที่หล่อนขัดคำสั่งของเดมอน ไม่ยอมขึ้นไปพบเขาบนห้องนอน ซึ่งเขาก็ไม่ได้ให้ใครมาตามหล่อนอีก เขาคงจะลืมหล่อนไปเสียแล้วล่ะ
พะแพงควรจะดีใจ แต่ลึกๆ แล้วในอกกลับเต็มไปด้วยความโหยหาในสัมผัสกระด้างของเดมอนตลอดเวลา
หล่อนถอนหายใจออกมาแผ่วเบา ขณะก้มหน้าก้มตาเช็ดทำความสะอาดภายในห้องสมุดตามที่ป้ามิเชลล์มอบหมายให้ทำอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่ยังไม่ทันเสร็จ ประตูห้องสมุดที่หล่อนเปิดค้างเอาไว้ก็ปิดสนิทลงราวกับมีใครบางคนเดินเข้ามา
หญิงสาววางหนังสือเล่มใหญ่ในมือลง แล้วเดินออกไปจากชั้นที่เต็มไปด้วยหนังสือมากมายจากทั่วทุกมุมโลก ตั้งใจจะไปดันบานประตูให้เปิดกว้างออก แต่แล้วก็ต้องชะงักงัน เมื่อสายตาไปปะทะเข้ากับร่างสูงใหญ่ที่ยังอยู่ในชุดทำงานของเดมอนเข้าอย่างจัง
ความเงียบงันที่เกิดขึ้น ทำให้หล่อนทั้งประหม่า ทั้งวุ่นวายใจ และก็หวาดหวั่น
“นายน้อย…”
ดวงตากลมโตเบิกกว้าง กลีบปากอิ่มเต็มเผยอค้าง และจ้องมองผู้ชายตัวโตเนื้อแน่นอย่างตื่นตระหนก
เดมอนยืนกอดอก ดวงตาคมกริบหรี่แคบจ้องมองตอบแม่ผู้หญิงตัวเล็กเงียบๆ จนกระทั่งในที่สุดก็เปล่งคำพูดออกมา
“ไม่คิดว่าจะเจอเธอที่นี่นะ แพตตี้”
คนตัวเล็กแก้มแดงก่ำ ละล่ำละลักตอบออกไป “เอ่อ…ดิฉันมาทำความสะอาดค่ะ และก็จัดหนังสือด้วย แต่ถ้านายน้อยต้องการใช้ห้องสมุด ดิฉันจะออกไปรอข้างนอกค่ะ” หล่อนพูดจบก็จะเดินตัวปลิวผ่านหน้าเขาไป แต่แขนเรียวถูกมือใหญ่คว้าเอาไว้เสียก่อน พร้อมๆ กับกระชากเบาๆ เท่านั้น ร่างสาวก็พร้อมที่จะเซถลาเข้าสู่อ้อมอกกว้างอย่างง่ายดาย
“อุ๊ย…นายน้อย”
เขาเหยียดยิ้มหยัน โน้มศีรษะลงมาจ้องตาของหล่อน “ฉันไม่ได้จะเข้ามาอ่านหนังสือ”
“เอ่อ…แล้วนายน้อย…เข้ามาทำไมคะ” หล่อนละล่ำละลักถามออกไปเสียงสั่นเทา ความอึดอัดที่เกิดจากความโหยหาทางเพศรสกำลังทำให้หล่อนทรมาน กลีบปากอิ่มสั่นระริก และก็พยายามที่จะควบคุมตัวเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถ
“มาหาเธอไง”
“คะ?”
คิ้วเข้มข้างหนึ่งเลิกสูง ดวงตาคมกริบมองอย่างดูแคลน “อย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยว่าฉันต้องการอะไรจากเธอ”
“นาย…นายน้อยหมายถึง…”
“สองคืนแล้วที่ฉันไม่ได้นอนกับเธอ ดังนั้นวันนี้ฉันจะต้องได้เข้าไปในตัวของเธอ”
คนฟังแก้มแดงก่ำ ร่างกายร้อนรุ่มดั่งถูกไฟแผดเผา ในหัวผุดภาพที่เดมอนกับหล่อนเคยร่วมสวาทกันขึ้นมาอย่างชัดเจน ความใกล้ชิดทำให้หล่อนตัวสั่นเทา
“แต่…ดิฉัน…”
“ถึงเธอจะปฏิเสธ แต่ก็ขัดใจฉันไม่ได้หรอก” เขายิ้มอย่างโอหัง ขณะเลื่อนมือต่ำลงไปขยำบั้นท้ายอวบงอนของหล่อนแรงๆ แสดงความกักขฬะหยาบคายไร้การปิดบัง
“เพราะฉันต้องการเธอ เดี๋ยวนี้”
“แต่ดิฉัน…กำลังทำงานอยู่นะคะ”
“นอนกับฉันก็ถือว่าทำงานเหมือนกัน” เขาโน้มหน้าต่ำลงมาหามากขึ้นเรื่อยๆ จนตอนนี้ปลายจมูกแทบชนกันเลยทีเดียว “จริงไหม แม่สาวร้อนแรง”
หล่อนไม่ได้รู้สึกยินดีกับคำชื่นชมของเขาเลยแม้แต่นิดเดียว ตรงกันข้ามกลับรู้สึกอัปยศอดสูเป็นที่สุด
“ดิฉันไม่ได้…ร้อนแรง…”
เขาหัวเราะเหยียดหยัน จ้องหน้าหล่อนตลอดเวลา “ถ้าเธอไม่ร้อนแรง ผู้หญิงทั้งโลกก็คงจะจืดสนิท”
หล่อนเสหลบสายตาหื่นกระหายของเขา เม้มปากแน่นจนเป็นเส้นตรง พยายามที่จะหาทางรอดจากการตกเป็นจำเลยสวาทของเดมอน แต่ก็ไร้ทางหนี
“ได้โปรด ปล่อยดิฉันเถอะนะคะ”
ศีรษะทุยสวยส่ายไปมา “การปล่อยเธอคือสิ่งสุดท้ายในโลกที่ฉันจะทำ” รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความหิวกระหาย “แต่การร่วมรักกับเธอคือสิ่งเดียวในโลกที่ฉันต้องการจะทำเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงของเขากระเส่าแหบแห้ง
“ต้องการจนแทบบ้า…” แววตาของเขาเปลี่ยนจากสีฟ้าเข้มกลายเป็นสีมืดดำ ความหื่นกระหายของเขาส่งผ่านความร้อนมาสู่กายสาวอย่างรุนแรง หล่อนตัวสั่นเทาและก็เริ่มอ่อนระทวย ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้เริ่มต้นแตะต้องเลยแม้แต่นิดเดียว
“ถอดเสื้อผ้า…”
“เอ่อ…”
แควก!
คนใจร้ายไม่คิดจะรอให้หล่อนปฏิเสธหรือคัดค้านใดๆ อีก เขากระชากฉีกเสื้อผ้าของพะแพงจนขาดวิ่นติดมือ จากนั้นก็ตวัดตามองโลมเลียด้วยความชื่นชม
“ฉันชอบนมของเธอ สวย…ใหญ่…”
เขาครางและจัดการเปลื้องชุดชั้นในของหล่อนออกไปจนหมด ตอนนี้ร่างสาวเปลือยเปล่าแก่สายตาอย่างไร้การหลบเลี่ยง
พะแพงทำได้แค่ยืนหน้าแดงก่ำ และพยายามยกสองมือขึ้นปกปิดสิ่งสงวนของตัวเองเอาไว้ด้วยความอับอายเท่านั้น แต่พอเขาสลัดเสื้อผ้าออกจากตัวแล้ว ร่างของหล่อนก็ถูกกระชากเข้าไปกอดรัด ปากร้อนจัดไล้เลียขบกัดไปทั่วทั้งดวงหน้า ก่อนจะมาหยุดที่กลีบปากของหล่อน เขาขยี้บดคลึงด้วยความหื่นกระหาย ลิ้นสากจ้วงจุ่มบุกรุกเข้าไปภายในอุ้งปากสาว ไล่ต้อนกัดกินลิ้นเล็กอย่างเอร็ดอร่อย
“อืมมม” เดมอนครวญครางขณะดื่มชิมรสชาติหวานล้ำจากอุ้งปากของหล่อน ปลายนิ้วยาวเลื่อนลากลงไปกุมที่เอวคอด กดรั้งให้ร่างสาวเปลือยเปล่าแนบชิดเข้ามาจนไม่เหลือช่องว่าง เขาดื่มด่ำอยู่กับรสชาติหวานล้ำของพะแพง ชิมรสด้วยปลายลิ้นสากที่ลากเล็มไปตามผิวสาว เขาค่อยๆ ผลักร่างให้หล่อนนอนราบลงกับพื้นพรมภายในห้องสมุด และทาบทับลงไปหาทั้งตัว
“ฉันหิว…”
เขาคำรามรดใบหน้านวลที่ตอนนี้แดงก่ำราวกับผลตำลึงสุก ความโหยหากระจ่างชัดในดวงตาคมกล้า เขาแนบกายลงมาหา ปากกระด้างร้อนจัดบดขยี้กลีบปากอิ่มเต็มอีกครั้ง ก่อนจะแทะเล็มลงมาตามลำคอระหง ดูดเม้มขบกัดตีตราจองจนแดงก่ำ จากนั้นก็ลากลิ้นสากมาหยุดที่เนินอกอวบที่ฝ่ามือกระด้างกำลังฟอนเฟ้นอยู่ เขาเลียแผ่วเบารอบๆ ยอดถันจนมันชูชัน จากนั้นก็ดูดอมเจ้ายอดทรวงข้างหนึ่งเข้าไปโรมรันในอุ้งปาก ทั้งกัดทั้งดูดจนสาวน้อยกรีดร้องด้วยความเสียวกระสันรุนแรง ส่วนยอดอกอีกข้างก็ถูไถด้วยปลายนิ้วรอคอย จนมันแข็งเป็นไตไม่ต่างจากคู่แฝดของมันเลย
กลิ่นสาบสาวช่างยวนใจ ทำให้สมองของเขาหยุดทำงาน ตอนนี้มีแต่หัวใจและร่างกายเท่านั้นที่เป็นนายใหญ่ และมันก็บงการให้เขาเดินหน้าตักตวงสวาทจากร่างอวบอิ่มของพะแพงต่อไปด้วยความรุนแรงและเร่งรีบ
“อ๊า…อา…นายน้อย…” คนที่กำลังถูกดูดอมยอดอกดิ้นพล่านและวิงวอน หล่อนหยัดยกลำตัวขึ้นหาเขา เพื่อให้เขาได้ดูดอมยอดทรวงชูชันได้อย่างถนัดปาก สองขาเรียวแยกกว้าง และตวัดรัดเรือนกายทรงพลังเอาไว้แนบแน่น
กิริยาน่ารักแสนร้อนแรงของพะแพงทำให้คนตัวโตตกอยู่ในสภาวะสิ้นหวัง ความอดทนเหือดหายไปจากเรือนกาย และเขาก็ไม่สามารถยืดเวลาเล้าโลมต่อไปได้อีกแม้แต่วินาทีเดียว
เรือนกายทรงพลังหยัดสูงขึ้นและดุนดันความเป็นชายแข็งชันอยู่ที่ปากทางรักชุ่มฉ่ำ หญิงสาวแอ่นร่อนสะโพกขึ้นหาตามสัญชาตญาณร้อนรัก นิ้วมือของหล่อนจิกลึกลงบนต้นแขนเรียบตึงแรงๆ และก็เกร็งเล็กน้อยเมื่อเขาพุ่งทะยานฝังท่อนชายเข้าไปหา
“อ๊ะ…อ๊า…”
“อืมมมม โอ้ว…ฟิตมาก…อืมมมม”
สติของเดมอนแทบขาดผึง เมื่อพบเจอเข้ากับความนุ่มลื่นที่โอบกระชับอยู่รอบท่อนชายในทุกทิศทาง และมันก็บงการให้เขาไม่อาจจะยับยั้งชั่งใจอะไรได้อีก บั้นท้ายทรงพลังเคลื่อนไหวด้วยความรวดเร็ว รัวระทึก สอดแทรกกระแทกกระทั้นเข้าหาอย่างไร้ความเหน็ดเหนื่อย เสียงครวญครางด้วยความเสียวกระสันจากปากอิ่มบวมเจ่อยิ่งผลักดันให้เขาเดินหน้ารุนแรงยิ่งขึ้น เขากะซวกบดอัดเข้าใส่อย่างไม่ลืมหูไม่ลืมตา โจนจ้วงครั้งแล้วครั้งเล่าก่อนที่จะรับรู้ได้ถึงการสุขสมรุนแรงของสาวน้อยใต้ร่าง เจ้าหล่อนกรีดร้อง เกร็งกระตุก และจิกเล็บลงกับผิวเรียบตึงชุ่มเหงื่อของเขาสุดแรง
“โอ้ว…อืมมมม…บีบแรงเหลือเกินแพตตี้”
หล่อนสุขสมอย่างแรงกล้าไปแล้ว ในขณะที่เขาเร่งสปีดเอวแกร่งระรัวมากยิ่งขึ้น และกำลังจะสุขสมตามหล่อนไปติดๆ ไม่ช้าความทรมานที่เกิดจากความเสียวกระสันก็ระเบิดขึ้นในกายหนุ่ม ความหฤหรรษ์ที่ไม่เคยมีหญิงใดมอบให้มาก่อน ทำให้เขาสำลักความสุขสมจนแทบตายดับ
“อ๊ากกกกก…”
เขาไม่รู้สึกตัวอยู่เนิ่นนาน เกร็งกระตุกราวกับจะสิ้นลมหายใจ จากนั้นก็ทาบทับลงไปหาแม่สาวน้อยเจ้าของความคับแน่นอย่างแสนลุ่มหลง เขายังคงกดแช่เอาไว้แบบนั้น ปล่อยกายปล่อยใจให้หลงระเริงอยู่ในความสุขซ่านนานหลายนาที กว่าจะรู้สึกตัว และชักถอนออกห่าง
พะแพงที่นอนหลับตาพริ้มลืมตาขึ้น แก้มนวลแดงก่ำ และรีบลนลานลุกขึ้นนั่ง มือเล็กคว้าเศษเสื้อผ้ามากอดปิดเนื้อตัวเปลือยเปล่าเอาไว้ด้วยความอับอายระคนอดสู
“ดิฉัน…ไปได้แล้วใช่ไหมคะ”
“ใช่ แต่ไปห้องนอนกับฉันนะ” คนพูดลุกขึ้นยืนเต็มความสูง หยิบเสื้อผ้ามาสวมใส่ลวกๆ ก่อนจะหันมากระชากแขนเรียวให้ลุกขึ้นตาม พะแพงพยายามขืนตัวเองเอาไว้ แต่ก็ไม่สำเร็จ
“นายน้อย…ปล่อยดิฉันเถอะค่ะ”
เขาระบายยิ้มน้อยๆ ก่อนจะช้อนร่างอวบเปลือยเปล่าขึ้นมาอุ้มไว้ในอ้อมแขน สร้างความตกใจให้กับหล่อนยิ่งนัก
“นายน้อย…จะทำอะไรคะ ปล่อยดิฉันเถอะค่ะ”
“อุ้มไปห้องนอนไง”
หล่อนต้องการขัดขืน ต้องการต่อต้าน แต่ผู้หญิงตัวเล็กเช่นหล่อนไม่อาจต่อสู้กับความเผด็จการของเดมอนได้ ไม่ว่าจะพยายามสักแค่ไหนก็ตาม เพราะสุดท้ายแล้ว เขาก็พาหล่อนมาวางบนเตียงกว้าง แล้วเดินหน้าดื่มกินความหวานฉ่ำจากเรือนกายสาวอย่างตะกละตะกลามยาวนาน
“แล้วคนที่ผมเรียกล่ะ ทำไมยังไม่มา”
เดมอนโวยวาย เมื่อเห็นป้ามิเชลล์ปรากฏตัวขึ้นภายในห้องนอนของตัวเองเพียงคนเดียว
“เอ่อ…แพตตี้เป็นไข้น่ะค่ะ ก็เลยมาไม่ไหว”
คนที่กึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนเตียงดีดตัวนั่งตรงทันที ดวงตาสีฟ้าเข้มวาบวับขึ้น
“ไม่สบาย…?”
“ค่ะ”
“ป่วยได้ยังไง เมื่อตอนบ่ายยังเห็นแข็งแรงดีอยู่เลยนี่”
คำพูดของเดมอนทำให้ป้ามิเชลล์อดสวนออกไปไม่ได้ “ก็นายน้อยไม่ให้เธอพักเลยนี่คะ”
“ป้า-มิ-เชลล์”
เจ้าของชื่อก้มหน้าหลบสายตาเมื่อถูกเดมอนเรียกชื่อด้วยน้ำเสียงดุดัน
“เอ่อ ป้าขอโทษค่ะ”
เดมอนกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ รู้สึกหงุดหงิดจนแทบจะควบคุมอารมณ์เอาไว้ไม่ได้
“แล้วเป็นอะไรเยอะหรือเปล่า”
“เอ่อ ก็น่าจะเป็นหนักเหมือนกันค่ะ”
“งั้นก็ไปเรียกหมอมาตรวจ อ้อ แล้วตอนที่หมอมาถึง ป้ามาเรียกผมลงไปดูด้วยนะครับ” สายตาของเดมอนจ้องป้ามิเชลล์เขม็ง “เพราะผมอยากรู้ว่าแม่นั่นป่วยจริงหรือว่าแค่ป่วยการเมือง”
ป้ามิเชลล์หน้าซีดเผือดลง แต่ก็จำต้องตอบรับออกไป “ค่ะ นายน้อย”
“ออกไปได้แล้วครับ”
“ค่ะ นายน้อย”
ป้ามิเชลล์รีบลนลานออกไปจากห้องนอนของเจ้านายหนุ่ม ในขณะที่เจ้าของห้องกำลังนั่งหน้าบูดบึ้งอยู่
“โดนแค่นี้ป่วยได้ยังไงกัน”
เขาพึมพำด้วยความแคลงใจ แต่ภายในความแคลงใจนั้นก็อดที่จะแฝงไปด้วยความห่วงใยไม่ได้ จนในที่สุดก็ไม่อาจจะทนนั่งนิ่งอยู่บนเตียงต่อไปได้ ร่างสูงใหญ่พุ่งออกจากห้องนอนไปอย่างรวดเร็ว และจุดหมายก็คงไม่ใช่ที่ไหน นอกจากห้องพักของพะแพงนั่นเอง
ปัง ปัง ปัง
เสียงทุบประตูดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนหล่อนต้องรีบถลาลงไปจากเตียง และรีบเปิด
“ได้ข่าวว่าไม่สบาย”
ผู้ชายที่อยู่หลังบานประตูทำให้หล่อนตกใจหน้าตาซีดเผือด พยายามจะหนีเข้าห้อง แต่เขาก็แทรกตัวตามเข้ามาติดๆ และจัดการปิดประตูห้องตามหลังอีกด้วย
“นาย…นายน้อยมีธุระอะไรกับดิฉันเหรอคะ” หล่อนถอยหนีไม่หยุด
“ก็แค่อยากจะรู้ว่าเธอป่วยจริงหรือเปล่า”
“เอ่อ…ดิฉันปวดหัวค่ะ รู้สึกไม่ค่อยดี” หล่อนตอบไปตามความจริง
“ดิฉัน…ขอพักผ่อนก่อนเวลาเลิกงานนะคะ”
ชายหนุ่มสาวเท้าก้าวเข้ามาหา ก่อนจะรวบร่างอรชรเอาไว้ในอ้อมแขน ไอร้อนจากผิวสาวทำให้เขานิ่วหน้าเล็กน้อย
“ตัวร้อนจริงๆ ด้วย”
“ได้โปรด…ปล่อยดิฉันเถอะค่ะ…”
“อย่าดิ้นสิ” เขาออกคำสั่ง เมื่อสาวน้อยในอ้อมแขนดิ้นรนไม่หยุด ดิ้นรนถูไถจนเจ้าท่อนเนื้อภายใต้กางเกงขายาวแข็งชันขึ้นอีกแล้ว “เห็นไหมมันตื่น”
เขาขยับสะโพกเข้าหาเป็นจังหวะ ถูไถความเป็นชายกับหน้าท้องของหล่อนอย่างจงใจ
พะแพงหน้าตาซีดเผือด หยุดดิ้นโดยอัตโนมัติ ร่างกายร้อนจัดมากขึ้นจนแทบไหม้เกรียม
“คราวหน้าคราวหลัง ถ้าฉันกอดห้ามดิ้น เพราะถ้าเธอดิ้น ฉันจะยิ่งปล่อยเธอไปไม่ได้”
แล้วจะให้หล่อนทำยังไงล่ะ ปล่อยให้เขากอดอย่างนี้ต่อไปอย่างนั้นเหรอ
พะแพงทำได้แค่เพียงสงสัยอยู่ภายในใจเท่านั้น ไม่มีความกล้าพอที่จะถามออกไป
“กินยาหรือยัง”
“เอ่อ…ยังค่ะ”
“ทำไมไม่กิน หรือคิดว่าจะหายเองได้” น้ำเสียงตำหนิของเขาทำให้หล่อนน้ำตาซึม
“คือ…ดิฉัน…ไม่มีแรงจะออกไปหยิบยาค่ะ”
กรามแกร่งของเดมอนขบกันแน่น ก่อนจะย่อตัวลงช้อนร่างอรชรของพะแพงขึ้นจากพื้น
“อุ๊ย…นายน้อยจะทำอะไรคะ”
“อยู่เฉยๆ เถอะน่า”
เขาดุหล่อนเสียงเฉียบขาด ก่อนจะพาหล่อนไปวางลงบนเตียงแคบๆ ของหล่อนเอง
“เดี๋ยวฉันจะให้คนเอายามาให้ แล้วกินเสียด้วยล่ะ ห้ามดื้อ”
เขาสั่งหล่อนราวกับรู้ว่าหล่อนเกลียดการกินยา
“คือว่า…ไม่ต้องกินยาก็ได้มั้งคะ”
“ถ้าไม่กินยาก็ต้องฉีดยา” คนที่ยืนตระหง่านอยู่โน้มตัวลงมาหา สองแขนเท้าคร่อมร่างเล็กของหล่อนเอาไว้ สายตาของเขาเต็มไปด้วยเพลิงสวาท “และฉันจะเป็นคนฉีดยาให้เธอเอง” ชายหนุ่มแสยะยิ้มเมื่อเห็นสีหน้าของพะแพงมึนงง “ก็เหมือนเมื่อตอนกลางวันที่ห้องทำงานฉันไง ฉีดแบบนั้นน่ะ รับรองเธอจะหายไข้เป็นปลิดทิ้งแน่นอน”
ใบหน้างามที่เคยมีความมึนงง ตอนนี้แดงก่ำราวกับมะเขือเทศสุก
“นาย…นายน้อย…”
“ฉันพูดจริงทำจริงแค่ไหนเธอก็รู้นี่”
แล้วชายหนุ่มก็ยืดตัวตรง พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดแรงๆ หลายครั้ง
“รีบหายล่ะ เพราะเธอต้องทำงาน” เขาหยุดพูดเล็กน้อย นัยน์ตาสีฟ้าเข้มจ้องมองมาตลอดเวลา “บนเตียงของฉัน”
แล้วห้องพักของหล่อนก็กว้างขึ้นถนัดตา เมื่อผู้ชายตัวโตเดินหายออกไป
พะแพงนอนหน้าซีดสลับแดงอยู่บนเตียง กลีบปากอิ่มเม้มแน่นจนเป็นเส้นตรง มองเห็นเส้นทางเดินลงไปสู่ขุมนรกที่มีเดมอนเป็นมัจจุราชอย่างชัดเจน
เมื่อไหร่ผู้ชายคนนี้จะหยุดรังแกหล่อนเสียทีนะ
เดมอนรู้สึกได้ถึงความหงุดหงิดงุ่นง่านที่กำลังระเบิดซ่านอยู่ในอกได้อย่างชัดเจน มันเพิ่มทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนงานตรงหน้าไร้ความหมายไปอย่างสิ้นเชิง
เสียงลมถูกเป่าพ่นออกมาจากริมฝีปากกว้างหยักสวยแรงๆ ก่อนที่เขาจะลุกขึ้นยืนและเดินอ้อมโต๊ะทำงานออกไปเกาะขอบหน้าต่างบานใหญ่ มือหนาเลื่อนบานกระจกให้เปิดกว้างออก สายลมเย็นฉ่ำยิ่งกว่าเครื่องปรับอากาศวิ่งเข้าปะทะกายหนุ่ม ทิ่มแทงจนเขารู้สึกสะท้านไปทั้งจิตวิญญาณ
ทำไมต้องรู้สึกโหยหาพะแพงขนาดนั้นด้วย ทำไมจะต้องรู้สึกต้องการที่จะฝากฝังความเป็นชายเข้าสู่ร่างสาวคับแคบนั่นจนแทบบ้าแบบนี้
เขาเป็นอะไรไป ทำไมสมองเอาแต่คิดถึงเรื่องตัณหาราคะ ทำไมถึงปล่อยให้ความรู้สึกที่อยู่ต่ำกว่าสะดือมามีอำนาจเหนือสมองอันชาญฉลาดของตัวเองแบบนี้
“บ้าชิบ!”
เดมอนสบถอย่างโมโหตัวเอง เพราะไม่ใช่แค่ความโหยหาหิวกระหายเท่านั้นที่เขามีต่อพะแพง แต่ความห่วงใยก็มีให้มากล้นไม่แตกต่างกัน
ป่านนี้หล่อนจะเป็นยังไงบ้างนะ หายป่วยแล้วไข้จะกลับมาอีกหรือเปล่า
หัวใจของเขาขึ้นชื่อเรื่องความแข็งกระด้าง แต่กลับอ่อนไหวง่ายดายกับผู้หญิงคนนี้ นางบำเรอเนื้อหวานที่เขาไม่อาจจะต้านทานรสสวาทของเจ้าหล่อนได้
ในที่สุดก็ไม่อาจจะต้านทานความทรมานแสนคลุ้มคลั่งที่เกิดจากมโนภาพร้อนแรงของเขากับหล่อนได้ ภาพที่สองร่างเปลือยเปล่าเคลื่อนไหวเสียดสีกันไปมา ดวงตาสีดำขลับคู่นั้นเบิกกว้าง ทั้งตื่นตระหนกและทั้งวิงวอนในเวลาเดียวกันยามที่เขาสอดแทรกความเป็นชายเข้าไปหา หล่อนกรีดร้องครวญคราง ดิ้นเร่าๆ ยกหยัดร่างสาวขึ้นถูไถ และเพียงไม่นานที่เขาเคลื่อนไหวฝังลึก ละอองแห่งความสุขก็อาบไล้ไปทั่วทั้งกายสาว เขาเฝ้ามองใบหน้านวลที่แดงก่ำยามสุขสม ไม่…ไม่ใช่แค่ที่ใบหน้าที่แดงซ่าน แต่พะแพงแดงอมชมพูไปทั้งเรือนร่าง หล่อนเป็นคู่นอนคนแรกที่ทำให้เขาเฝ้ามองด้วยความหลงใหล ทุกกิริยาอ่อนหวานของหล่อน ช่างทำให้เขาเต็มตื้นในหัวใจได้อย่างน่าอัศจรรย์ เขากระแทกกระทั้นสอดใส่ล้ำลึก เคลื่อนไหวด้วยความเร็วระรัว จนในที่สุดเขาก็สุขสมอย่างแรงกล้าในร่างของหล่อน ในกายสาวแสนคับแน่น เขาแตกระเบิดซ้ำๆ หลายครั้งติด
มันน่าอัศจรรย์เหลือเกิน…
ชายหนุ่มสบถครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยความสะอิดสะเอียนตัวเอง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถที่จะทนทำงานต่อไปได้อีก เขาคว้าเสื้อสูทมาพาดที่ท่อนแขน และก้าวออกไปจากห้องทำงานด้วยความรีบร้อน
“ผมจะไม่กลับเข้ามาแล้วนะไบโอนี มีอะไรด่วนที่รอถึงวันพรุ่งนี้ไม่ได้ให้โทรหาผม”
“ท่านประธานจะกลับบ้านเหรอคะ”
“ใช่” เดมอนตอบเสียงกระด้าง ก่อนจะก้าวเดินตรงไปที่ลิฟต์ และเมื่อประตูลิฟต์เปิดกว้างออก เขาก็ก้าวหายเข้าไปทันที
ไบโอนีมองตามไปด้วยสายตาแคลงใจ “ท่านประธานหน้าบูดๆ ใครทำให้ไม่พอใจอีกนะ”
พะแพงเดินเช็ดน้ำตาออกมาที่ลานจอดรถ กำลังจะก้าวขึ้นรถ แต่แล้วก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนเดินมาขวางเอาไว้ พร้อมกับกระชากแขนแรงๆ
“ปล่อย…ฉันค่ะ…”
“มีคำสั่งให้กักตัวคุณผู้หญิงเอาไว้ครับ”
พะแพงหน้าตาซีดเผือด นี่นรกยังไม่ยอมปล่อยหล่อนอีกอย่างนั้นเหรอ
“ทะ…ทำไมคะ ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
“พวกผมไม่ทราบครับ แต่นี่เป็นคำสั่ง”
“แต่ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดนะคะ ปล่อย…เถอะค่ะ”
หล่อนดิ้นรนและพยายามร้องขอให้คนขับรถช่วย แต่ก็ไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหล่อนเลยแม้แต่คนเดียว สุดท้ายร่างของหล่อนก็ถูกลากกลับเข้าไปในคาสิโนอีกครั้ง แต่ที่น่าตกใจกว่าก็คือ หล่อนถูกพาขึ้นมายังห้องทำงานของเดมอนอีกครั้ง
นี่เขายังต้องการอะไรจากหล่อนอีก ที่ย่ำยีหล่อนราวกับไม่ใช่คนเมื่อครู่นี้ ยังไม่สาแก่ใจหรือไง
“ผมพาเธอมาแล้วครับ คุณไบโอนี” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเอ่ย
“พวกคุณไปได้แล้ว ส่วนเธอตามฉันมานี่”
เลขาฯ ของเดมอนออกคำสั่งเฉียบขาด ก่อนจะเดินนำไปหยุดที่หน้าประตู แต่พอหันมาเห็นว่าหล่อนไม่ยอมเดินตามและทำท่าจะหลบหนี แขนของหล่อนก็ถูกคว้าเอาไว้ทันที
“กล้าขัดคำสั่งท่านประธานอย่างนั้นเหรอ มานี่”
“ได้โปรดปล่อยดิฉันเถอะค่ะ ดิฉันไม่ได้ทำอะไรผิด”
“เธอต้องทำผิดสิ ไม่อย่างนั้นท่านประธานจะให้ฉันลากตัวเธอกลับขึ้นมาทำไม” ไบโอนีเค้นเสียงดุดันใส่ พร้อมกับเคาะประตูห้องทำงานของเดมอน
“ท่านประธานคะ คนที่ท่านประธานต้องการตัวมาแล้วค่ะ”
“เข้ามา”
ประตูเปิดกว้างออก พร้อมๆ กับร่างของหล่อนที่ถูกเหวี่ยงเข้าไปภายใน
ไบโอนีก้าวตามเข้ามา ก่อนจะชะงักค้าง เมื่อเห็นสภาพเละเทะของห้องทำงานของเดมอน
“ดิฉันจะรีบจัดห้องให้ใหม่ค่ะท่านประธาน”
“คุณออกไปได้แล้ว”
“คะ?”
“ผมบอกให้คุณออกไปได้แล้ว ไบโอนี!”
คราวนี้ชัดเจนเต็มสองหูของไบโอนีเลยทีเดียว “ค่ะ…ค่ะท่านประธาน”
“ส่วนเธอจะไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
เมื่อเห็นพะแพงทำท่าจะถลาตามไบโอนีออกไป เดมอนก็กระโจนมากระชากแขนเรียวเอาไว้ และด้วยแรงดึงของเขา ทำให้ร่างอรชรถลาเข้าไปสู่อ้อมอกกระด้างทันที
“ปละ…ปล่อยค่ะ…”
“เมื่อกี้ฉันยังไม่พอ”
คำพูดของเดมอนทำให้หล่อนต้องช้อนตาขึ้นมองเขาด้วยความตื่นตกใจ กลีบปากอิ่มบวมช้ำสั่นระริก
“นาย…นายน้อยหมายถึง…”
“ถ้าฉันยังไม่อิ่มเซ็กซ์ ก็จะทำงานไม่รู้เรื่อง”
คราวนี้สมองของหล่อนรู้คำตอบเป็นอย่างดี แต่ว่าทำไมต้องเป็นหล่อน
“ดิฉัน…ต้องกลับแล้วค่ะ”
เขาส่ายหน้าน้อยๆ ดวงตามองหล่อนอย่างหื่นกระหาย “เธอจะกลับได้ก็ต่อเมื่อทำให้ฉันอิ่มแล้วเท่านั้น”
“ได้โปรด…อย่าทำอะไรดิฉันอีกเลย…ดิฉัน…กลัว…”
น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูไหลรินออกมาอาบแก้ม และวิงวอนขอความเมตตาจากเขาอย่างน่าเวทนา แต่คนกระด้างอย่างเดมอนไม่ใจอ่อนแม้แต่น้อย
“ไม่มั้ง…เธอออกจะเสียว หรือว่าไม่จริง”
“ดิฉัน…”
หล่อนยังคงร้องไห้
“ไม่เอาน่า ฉันเอาเธอก็เท่ากับทำให้เธอมีความสุขด้วย แถมยังจ่ายเงินให้อีก เธอน่าจะพอใจนะ แพตตี้”
“แต่ดิฉัน…ไม่ต้องการ…นายน้อย…อย่ารังแกดิฉันอีกเลยนะคะ ได้โปรด…ปล่อยดิฉันไปเถอะค่ะ” หล่อนยกมือไหว้เขา แต่คนใจร้ายไม่เมตตาเลยสักนิด
“เสียใจด้วย…ฉันไม่ชอบขัดความต้องการของตัวเองเพื่อใคร”
รอยยิ้มของเขาทั้งเหี้ยมเกรียมทั้งหิวกระหาย และเสื้อผ้าของหล่อนก็ถูกดึงทึ้งออกจากตัวอีกครั้ง ด้วยน้ำมือของเดมอน ก่อนที่เขาจะผลักร่างเปลือยให้ล้มนอนกับพื้น
“อย่า…นายน้อย…”
พริบตาเดียวคนตัวโตก็สลัดเสื้อผ้าออกจากตัวจนหมดทุกชิ้น และทาบทับลงมาหา รสจูบของเขายังดุดันเหมือนเดิม ฝ่ามือใหญ่ก็ยังคงบีบขยำรุนแรงไม่ต่างจากครั้งก่อนหน้า เขากระทำกับร่างสาวอย่างหื่นกระหาย ป่าเถื่อน ทุกสัมผัสดุดัน เร่งเร้าให้ตอบสนอง หลายต่อหลายครั้งที่หล่อนกรีดร้องด้วยความเจ็บ ก่อนจะถูกความเสียวซ่านเข้าทิ่มแทงในเวลาไล่เลี่ยกัน
หล่อนควรเกลียดเขา เกลียดผู้ชายโหดเหี้ยมคนนี้ ผู้ชายที่กระทำกับร่างกายของหล่อนอย่างเอาแต่ใจ แต่ทำไมนะ ทำไมหล่อนจะต้องมีความสุขไปกับสิ่งที่เขาทำด้วย
ร่างอวบเปลือยเปล่านอนหงายหมดเรี่ยวแรงอยู่กับพื้นห้อง โดยที่เขายังคงเคลื่อนไหวไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยสอดประสานเร่าร้อน เสียงของหล่อนแหบแห้งเพราะครวญครางต่อเนื่องติดต่อกันยาวนาน ดวงตากลมโตปรือแทบปิดจับจ้องมองใบหน้าของคนที่กำลังกระแทกไม่ยั้งด้วยความรู้สึกมากมาย และหนึ่งในความรู้สึกมากมายนั้นก็คือ…
ลุ่มหลง…
“อ๊ากกกกก…โอ้ว…”
เขาสุขสมในกายของหล่อนอีกครั้ง เรือนร่างทรงพลังผิวหนังสีแทนที่เรียบตึงอยู่ใต้นิ้วมือของหล่อน มันช่างทำให้รู้สึกราวกับกำลังตกอยู่ในห้วงของความฝัน
หากสิ่งที่เกิดขึ้น…มันคือความรักก็คงจะดีสินะ…
พะแพงยืนมองเนื้อตัวบอบช้ำของตัวเองที่สะท้อนออกมาจากกระจกเงาตรงหน้าทั้งน้ำตา เหตุการณ์เมื่อตอนสายลากยาวจึงถึงบ่ายกว่ายังคงติดอยู่ในหัว แม้จะพยายามลบพยายามล้างสักแค่ไหน แต่มันก็ยังชัดเจน ราวกับกำลังเกิดขึ้นอยู่ดี
หยาดน้ำตาอุ่นร้อนไหลรินอาบแก้มนวลนับครั้งไม่ถ้วน เดมอนก็ยังคงใจร้ายเหมือนเดิม เพราะหลังจากที่เขาอิ่มเอมกับร่างกายของหล่อนแล้ว เขาก็จับหล่อนโยนออกจากห้องทำงานของเขาราวกับเศษขยะ หล่อนต้องกล้ำกลืนฝืนทนต่อความอัปยศกลับมายังบ้านของเขาราวกับคนไร้ค่า
ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้หล่อนต้องรีบป้ายน้ำตาทิ้ง และสวมเสื้อผ้ามือไม้สั่น
“ใครคะ”
“ฉันเอง มิเชลล์”
เมื่อเสียงตอบกลับดังขึ้น ทำให้หล่อนรู้ทันทีว่าเป็นใคร หล่อนรีบถลาไปเปิดประตูด้วยความรีบร้อน
“ขอ…โทษที่ทำให้รอค่ะคุณแม่บ้านใหญ่”
สายตาของป้ามิเชลล์ตวัดมองหล่อนตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า ก่อนจะมาจับจ้องที่ใบหน้าของหล่อน
“ไปทำอีท่าไหนล่ะ นายน้อยถึงเรียกขึ้นเตียง”
หล่อนหน้าแดงก่ำสลับซีดขาวกับคำถามไม่อ้อมค้อมของคู่สนทนา
“ดิฉัน…”
“เห็นเงียบๆ เรียบร้อยแบบนี้ เอาเรื่องเหมือนกันนะเธอน่ะ” น้ำเสียงของคู่สนทนามีร่องรอยของความแคลงใจ ก่อนจะพูดต่อ “ทั้งๆ ที่ปกตินายน้อยไม่เคยเรียกผู้หญิงที่มาขัดดอกขึ้นเตียงมาก่อนเลย”
คำพูดของป้ามิเชลล์ไม่ได้ทำให้หล่อนเชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว ผู้ชายใจร้าย หื่นจัดอย่างเดมอน ไม่มีทางปล่อยใครให้หลุดรอดจากเงื้อมมือไปได้หรอก
“เอาล่ะ ฉันไม่อยากจะต่อความยาวสาวความยืดแล้ว ที่ฉันมานี่ก็เพราะนายน้อยให้ฉันมาตามเธอให้ขึ้นไปหา”
“ไม่…ไม่นะคะ” หล่อนส่ายหน้าไปมา ดวงหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว “ดิฉัน…ไม่ไป…”
“เธอกล้าขัดคำสั่งเจ้าหนี้ของตัวเองเหรอ”
“แต่…ดิฉัน…เหนื่อยเหลือเกิน…”
ป้ามิเชลล์มองอย่างเห็นใจ เพราะสภาพของพะแพงยืนยันคำพูดได้เป็นอย่างดี
“แต่เธอก็ต้องไปหา ส่วนความเมตตาก็ต้องแล้วแต่นายน้อยคนเดียว”
หล่อนน้ำตาร่วงอาบแก้ม “คุณแม่บ้านใหญ่คะ ได้โปรด…ช่วยดิฉันด้วย ดิฉัน…ไม่อยากไป…”
“ฉันจะช่วยอะไรเธอได้กันเล่า ตัวเองก็จะเอาไม่รอดอยู่แล้ว”
“แต่…ดิฉัน…ไม่ไหวจริงๆ ค่ะ ตอนนี้รู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด ได้โปรด…ช่วยดิฉันด้วยนะคะ”
ป้ามิเชลล์มองพะแพงอย่างสงสาร สภาพของหญิงสาวไม่ต่างจากถูกทหารทั้งกองร้อยรุมโทรมมา
“ก็ได้ ฉันจะไปบอกนายน้อยให้ว่าเธอไม่สบาย”
“ขอบ…พระคุณมากค่ะ ขอบคุณมากค่ะคุณแม่บ้านใหญ่…” พะแพงยกมือไหว้ทั้งน้ำตา
“ฉันจะพยายามช่วยพูดให้ก็แล้วกัน เธอเข้าไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวไม่สบายหนักมาแล้วจะยุ่ง”
“ค่ะคุณแม่บ้านใหญ่”
ป้ามิเชลล์มองพะแพงที่หายเข้าไปในห้องพักด้วยความเวทนา “นายน้อย โหดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย”
“แต่ดิฉัน…ไม่ใช่ผู้หญิงขายตัว…”
“เธอไม่ได้ขายตัว แต่เธอก็มาที่นี่เพื่อบำเรอกามให้ฉันไม่ใช่หรือ อย่าบอกนะว่าเธอไม่ได้อ่านสัญญาณตอนที่เข้ามาที่นี่”
“ดิฉัน…” กลีบปากอิ่มสั่นระริก เพราะหล่อนรู้ดีว่าเขาพูดความจริงทุกอย่าง
“ค่ะ ดิฉันจำได้”
“งั้นก็เลิกขัดขืนได้แล้ว เพราะมันเป็นหน้าที่ของเธอ ที่ต้องทำให้ฉันผ่อนคลาย”
และเขาก็ก้มลงจูบปากอิ่มของหล่อน กลืนกินเสียงสะอื้นไห้ที่เต็มไปด้วยความเสียใจเข้าไปในลำคอจนหมดสิ้น ปากของเขาเคลื่อนไหวร้อนแรง หนักหน่วง และไร้ความปรานี ขบกัดบดขยี้จนปากอิ่มแตกยับ ลิ้นสากพุ่งทะยานเข้ามาหา รัดรึงเกี่ยวกัดลิ้นเล็กด้วยความตะกละตะกลาม ในขณะที่ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นฟอนเฟ้นไปทั่วสัดส่วนโค้งงามของกายสาว
ไม่ว่าหล่อนจะขัดขืน ดิ้นรนยังไง สุดท้ายก็ต้องอ่อนแรง และยอมศิโรราบให้กับผู้ชายป่าเถื่อนคนนี้อย่างจนหนทาง พอเขากัดกินจนปากของหล่อนแตกเลือดซึมแล้ว เขาก็เลื่อนใบหน้าซุกไซ้ลงมายังซอกคอขาวผ่อง และทั้งกัดทั้งดูดเหมือนเมื่อวาน หล่อนเจ็บ และพยายามขัดขืนขึ้นอีก แต่เขาก็ตรึงสองมือเล็กไพล่เอาไว้ด้านหลัง จากนั้นก็จัดการคุกคามหล่อนอย่างเหี้ยมโหด
“อื้อ…เจ็บ…”
เสื้อผ้าของหล่อนถูกทึ้งออกไปจากกายจนหมดสิ้น และใบหน้าหล่อจัดก้มลงซุกไซ้กับปทุมถันอวบอัดทันที เขาทั้งบีบทั้งฟอนเฟ้น ก่อนจะปลดบราเซียร์ทรงโบราณตัวเก่าเก็บของหล่อนโยนทิ้งออกไป
ความเย็นวาบจากเครื่องปรับอากาศพุ่งเข้าใส่ร่างจนสั่นสะท้าน แต่นั่นก็ยังไม่เท่ากับความเย็นยะเยือกยามที่เห็นสายตาคมกริบจ้องมองเต้านมของตัวเองแม้แต่น้อย
เขามองด้วยความตื่นตาตื่นใจ มองอย่างชื่นชอบ และแน่นอนว่าเขาต้องขยำมันแรงๆ
“อ๊ะ…อื้อ…”
“ใหญ่โตเหลือเกิน อืมมมม”
เดมอนครางอย่างถูกอกถูกใจ ดูดเลียเต้าสวยอย่างหื่นกระหาย ขณะเดียวกันก็ขยี้ยอดถันด้วยปลายนิ้วยาวจนมันแข็งเป็นไตสู้มือ จากนั้นก็จัดการรวบปลายยอดสีกุหลาบเข้ามาดูดอมในอุ้งปาก โรมรันเม็ดเต่งด้วยลิ้นและฟัน จนเจ้าหล่อนร้องกรี๊ดเมื่อความเสียวกระสันระเบิดขึ้น
“อ๊า…อา…”
จากที่เคยขัดขืน ตอนนี้แม่สาวซ่อนรูปส่ายร่างกายไปมารับปากรับลิ้นของเขาอย่างเต็มอกเต็มใจ เขาครางอย่างถูกใจไม่แพ้กัน ดูดจนยอดอกขยายใหญ่และเปียกชุ่มทั้งสองข้าง ก็ช้อนร่างอ่อนระทวยตรงไปยังโต๊ะทำงาน แฟ้มเอกสารถูกปัดลงไปกระจัดกระจายที่พื้นห้อง ก่อนจะวางร่างอวบอัดลงไป เจ้าหล่อนผงกศีรษะขึ้นเล็กน้อย และพยายามบอกให้เขาหยุด แต่วินาทีนี้ใครก็หยุดความหื่นกระหายของเขาไม่ได้อีกแล้ว แม้แต่มัจจุราชจากนรกก็ตาม
ร่างอรชรเปลือยท่อนบนขยับจะหนีลงจากโต๊ะทำงาน แต่เขาคว้าข้อเท้าเล็กเอาไว้ จากนั้นก็กระชากหล่อนเข้ามาหา บั้นท้ายอวบแตะพอดีที่ขอบโต๊ะไม้ สองขาของหล่อนถูกเขาแทรกกลางเอาไว้ กางเกงชั้นในตัวจิ๋วเปียกชุ่มจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน
เขาหัวเราะอย่างหื่นกระหาย และขยับท่อนชายที่ปูดเป่งอยู่ในเป้ากางเกงถูไถกับเนินนางอย่างจงใจยั่วยวน เจ้าหล่อนเบิกตากว้าง พยายามขยับหนี แต่ก็ไปไหนไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องร้องอุทานตกใจเมื่อกางเกงในตัวจ้อยถูกนิ้วยาวฉีกทึ้งจนขาดวิ่น
“กรี๊ดดดด อย่า…นาย…น้อย อย่า…”
โหนกอูมอวบของหญิงตรงหน้าทำให้ลมหายใจของเขาติดขัด แม้จะไม่ใช่ครั้งแรกที่ได้เห็นเนินฉ่ำของเจ้าหล่อน แต่เขายังไม่ได้สำรวจมันด้วยปลายลิ้นเลยสักครั้ง
“อูมอวบดีแท้…อืมมมม”
“อ๊ะ…อ๊ายยย…อย่า…”
ปลายนิ้วยาวแตะไล้ไปตามรอยแยกกว้างสีกุหลาบ เจ้าหล่อนสะท้านเยือก ดวงตากลมโตเต็มไปด้วยความตื่นตกใจ เขาชอบจังที่หล่อนแสดงทุกความรู้สึกออกมาทางแววตาแบบนี้
พะแพงเป็นผู้หญิงที่อ่านง่ายที่สุดเท่าที่เขาเคยพบเจอมาก่อนเลยทั้งชีวิต
เดมอนเริ่มถลำลึกโดยไม่รู้ตัว เขาโน้มตัวลงไปจูบปากอิ่ม บดขยี้รุนแรง ในขณะที่มือข้างหนึ่งขยำเต้านม อีกข้างก็ล้วงลึกเข้าไปบี้คลึงเกสรสวาท ปลุกเร้าจนพะแพงจมหายเข้าไปในเพลิงสวาท
“อ๊า…อ๊า…”
สะโพกงามไหวร่อนตามติดนิ้วยาวอย่างโหยหา ตอนนี้สมองมีแค่เขา นิ้วของเขาที่บี้คลึงอยู่ในร่องสาวเท่านั้น ทำไมหล่อนถึงใจง่ายแบบนี้ แต่…แต่หล่อนต้านทานอำนาจวิเศษของเดมอนไม่ได้จริงๆ เขาร้าย เขาเหี้ยมโหด และป่าเถื่อนกับหล่อนมาก แต่ในความดุดันนั้นก็มีความเสียวซ่านมากมายแฝงเอาไว้ และหล่อนก็ลุ่มหลงมัน จนไม่อาจจะทัดทานได้อีก
“อ๊า…อา…ได้โปรด…”
เดมอนเลื่อนใบหน้าต่ำลงมาซุกไซ้ที่อกอวบอัด ฝ่ามือบีบขยำอย่างดุดัน และก็ไม่ลืมที่จะดูดอมยอดถันแรงๆ
“อ๊า…อา…นาย…นายน้อย…อา…”
ร่างสาวเปลือยเปล่ายกหยัดยั่วยวน ทำให้เดมอนที่พยายามจะเล้าโลมให้มากกว่าเซ็กซ์ครั้งเมื่อวานต้องยอมแพ้ เขาสลัดกางเกงออกจากตัว บ๊อกเซอร์สีเข้มถูกรั้งลงไปอยู่ที่ข้อเท้า ท่อนชายที่ใหญ่โตราวกับท่อนแขนของมนุษย์ชูชัน
“โอ้ว…เธอเร่งเร้าเก่งเหลือเกิน…อืมมมม”
“อ๊า…อา…”
เขาจับท่อนชายของตัวเองถูไถกับเกสรสวาทบวมเป่ง หยอกเย้าหล่อนด้วยการเคลื่อนไหวอยู่ภายนอก จนเจ้าหล่อนต้องวิงวอนให้เข้าไปภายในด้วยน้ำเสียงกระเส่า
“ได้โปรด…นายน้อย…ช่วยแพงด้วย…ได้โปรด…”
เขาอมยิ้มหื่นกระหาย จดจ่อท่อนชายอยู่กับปากทางคับแคบชุ่มฉ่ำ แต่ไม่ยอมเข้าไปด้านใน หญิงสาวแสนหวานที่ตอนนี้ใจร้อนรุ่มเจียนคลั่งจึงต้องยื่นมือมา และหยัดสะโพกขึ้นหาเสียเอง
“เธออยากได้อะไร…แม่คนสวย…อืมมมม…”
เขากัดฟันอดทนต่อความทรมานที่อยากจะสอดใส่ อยากจะให้หล่อนครางความต้องการออกมาเสียก่อน
“ต้องการ…อา…ต้องการนายน้อย…อา…ได้โปรด…เข้ามา…อา…อ๊ะ…”
ชายหนุ่มพุ่งทะยานแหวกความคับแน่นเข้าไปหาความร้อนหวานฉ่ำภายในร่างสาวสุดแรง ใบหน้าหล่อเหลาแดงก่ำ กรามแกร่งขบกันแน่น ดวงตาสีฟ้าเข้มเรืองรองไปด้วยเพลิงสวาท
“โอ้ว…ฟิตอะไรอย่างนี้ โอ้ว…”
เขาตั้งใจจะขยับช้าๆ ไปอย่างเชื่องช้า ยืดเวลาการแตกระเบิดให้ยาวนาน เหมือนกับทุกครั้งที่เคยกระทำ แต่ทำไม…ทำไมกับผู้หญิงคนนี้ ผู้หญิงที่ฟิตแน่นอย่างพะแพง ถึงทำให้เขาควบคุมตัวเองไม่ได้ การเคลื่อนไหวเชื่องช้าคือสิ่งสุดท้ายในโลกที่เขาจะกระทำ สะโพกเพรียวทรงพลังเคลื่อนไหวราวมีชีวิต เสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นหวั่นไหว สองร่างสอดประสาน เม็ดเหงื่อไหลซึมออกมาทั้งๆ ที่อากาศภายในห้องเย็นฉ่ำ ไอสวาทปกคลุมจนมืดมิดมองไม่เห็นทาง สิ่งเดียวที่จะทำให้มีชีวิตรอดในยามนี้ก็คือการกระแทก แล้วก็กระแทกเข้าใส่ความนุ่มอ่อนหวานดุจกำมะหยี่ของแม่สาวสวยนมใหญ่คนนี้เท่านั้น
“โอ้ว…โอ้ว…ไม่ไหวแล้ว…โอ้ว…”
เขาจำไม่ได้ว่าพะแพงสุขสมนำหน้าไปกี่ครั้ง ภายใต้การเคลื่อนไหวราวกับติดจรวดของเขา รู้เพียงแต่ว่าเวลานี้ สิ่งที่พยายามอดทนอดกลั้นเอาไว้กำลังจะพังทลายออกมา เขากำลังจะระเบิด กำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เพราะความฟิตของพะแพง
“โอ้ว…โอ้ว…ทำไม…มันแบบนี้ โอ้ว…”
จังหวะสวาทเร่งเร้ารุนแรง สองร่างสอดประสานเร่าร้อนดุดัน เสียงครวญครางดังกระหึ่ม และถูกจับให้นอนคว่ำหน้ากับโต๊ะแทน บั้นท้ายอวบงอนถูกดึงให้โก้งโค้งไปด้านหลัง และท่อนชายก็พุ่งทะยานเข้ามาหาอีกครั้งสุดแรงเกิด
“อ๊ะ…อ๊า…”
“โอ้ว…อืมมมมม…ฟิต…อืมมมม…”
คนที่กระแทกเอาๆ หน้าตาบิดเบี้ยวทรมาน มือใหญ่ตบแก้มก้นแรงๆ จนแดงก่ำตามอารมณ์ดิบที่กำลังพัดกระพือ
“โอ้ว…ฉันจะไม่ไหวแล้ว…โอ้ว…ทำไมรัดแน่นแบบนี้ อืมมมม”
และเพียงกระแทกเข้าใส่บั้นท้ายอวบอัดอีกแค่สองครั้ง เสียงคำรามลั่นฟังไม่ได้ศัพท์ก็ดังกังวานขึ้น เรือนร่างทรงพลังที่เปลือยแต่ท่อนล่างเกร็งกระตุกรุนแรงนานนับนาที หยาดสวาทร้อนจัดจำนวนมากฉีดกระฉูดเข้าใส่ภายในร่างอรชรอย่างล้ำลึก ก่อนที่เขาจะก้มหน้าลงไปกัดแผ่นหลังบอบบางชุ่มเหงื่อแรงๆ
“อ๊ะ…เจ็บ…”
เขาหอบหายใจระรัวอยู่อีกเสี้ยวนาทีก็ผละออกห่าง จ้องมองเจ้าของบั้นท้ายอวบอัดที่ยังคงโก้งโค้งพาดอยู่กับโต๊ะทำงานของเขาเหมือนเดิมด้วยสายตาพึงพอใจ
บั้นท้ายดินระเบิดเป็นอย่างนี้นี่เอง…
เขาอมยิ้ม ก่อนจะก้มลงดึงบ๊อกเซอร์ขึ้นมาสวมใส่ ตามด้วยกางเกงขายาว และเริ่มต้นเหี้ยมโหดตามนิสัยทันที
“จะอ้ารออีกรอบหรือ แม่สาวร้อนแรง”
คนที่กำลังจมอยู่กับความเสียวกระสันจนไร้สติสะดุ้ง ดวงหน้างามแดงก่ำสลับซีดขาว ขณะลนลานทรุดตัวลงไปนั่งกอดเข่าเพื่อปิดซ่อนความเปลือยเปล่าของตัวเองอยู่กับพื้น น้ำตาไหลรินออกมาอย่างน่าเวทนา
เดมอนส่ายหน้าน้อยๆ เดินไปก้มลงหยิบเศษเสื้อผ้าที่เขาเป็นคนดึงออกไปจากร่างมาโยนให้
“ใส่ซะสิ ฉันไม่เอาซ้ำแล้วล่ะ เบื่อ”
หล่อนอยากรู้จังเลยว่าปากของเดมอนกับกรรไกรสิ่งไหนคมกว่ากัน
พะแพงช้อนตามองเจ้าของคำพูดด้วยความเจ็บช้ำ มือเล็กสั่นเทาหยิบบราเซียร์ขึ้นมาสวมใส่ ก่อนจะสวมเสื้อตามลงไปอีกชิ้น และกวาดตามองหากางเกงชั้นใน แต่หาไม่พบ จนกระทั่งเดมอนพูดขึ้น
“มันคงเก่าเกินไปหน่อย ก็เลยขาดคามือของฉัน แต่ไม่ใส่ก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง แค่ลมเย็นๆ เอง”
แล้วเขาก็เอากางเกงชั้นในที่ถูกฉีกจนขาดโยนทิ้งลงไปในถังขยะอย่างไม่ไยดี ในขณะที่หล่อนทำได้แค่เพียงเม้มปากแน่น และร้องไห้เงียบๆ เท่านั้น
“รีบใส่กางเกงเสียสิ จะได้กลับไปสักที”
หล่อนทำตามคำสั่งของจอมมารร้ายเงียบๆ โดยไม่พูดคำใดออกมาแม้แต่คำเดียว หัวใจของหล่อนปวดร้าว ศักดิ์ศรีถูกขยี้ด้วยฝ่าเท้าใหญ่ของเดมอนจนหมดสิ้นแล้ว
ความจริงศักดิ์ศรีของหล่อนมันถูกทำลายไปหมดแล้ว ตั้งแต่ที่หล่อนถูกส่งตัวมาที่นี่ มาเพื่อบำเรอเขา
หล่อนกัดฟันจัดการตัวเองจนเรียบร้อย แม้ว่าจะไม่มีกางเกงชั้นในให้สวมใส่ก็ตาม ร่างอรชรผุดลุกขึ้น และกำลังจะก้าวเท้าเดินผ่านเขาตรงไปยังประตูห้อง แต่แขนเรียวถูกคว้าเอาไว้แรงๆ จนหล่อนเซถลาเข้ามาปะทะแผงอกกว้างของคนใจร้าย
หล่อนไม่ได้พูดจาอะไรออกไปอีก นอกจากยืนนิ่งราวกับคนไม่มีวิญญาณ เขาอยากจะทำอะไรก็เชิญ จะเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของหล่อนยังไงอีกก็ตามใจ เพราะถ้าหล่อนทนไม่ไหว ก็แค่ตายไปเท่านั้นเอง
“อย่าเพิ่งไปสิ เธอยังไม่ได้รับเงินค่าพรหมจารีเลยนี่” เขาลากหล่อนกลับไปใกล้โต๊ะทำงาน และหยิบเช็คเงินสดออกมาเขียนพร้อมกับยื่นให้หล่อน
“ฉันเพิ่มค่าซื้อกางเกงในใหม่ให้ด้วยอีกร้อยเหรียญ หวังว่าจะเธอจะพอใจนะแพตตี้…”
หล่อนช้อนตาขึ้นมองเขา เมื่อเขาเรียกหล่อนเหมือนกับที่ทุกคนในคฤหาสน์นั้นเรียก
“ขอบคุณค่ะ แต่ดิฉันไม่ต้องการ”
“เธอต้องรับเอาไว้ เพราะฉันไม่ชอบของฟรี”
หล่อนน้ำตาไหลทะลักออกมาอีก พยายามจะเข้มแข็งต่อหน้าเขา แต่ทำได้ยากเหลือเกิน
“ถ้าอย่างนั้น…ก็ให้ดิฉันกลับเมืองไทยสิคะ”
นั่นสิ หล่อนพูดถูก มันเป็นความคิดที่ดีเลยทีเดียว แต่ทำไมนะ ทำไมการส่งพะแพงกลับเมืองไทย มันถึงเป็นสิ่งสุดท้ายในความคิดของเขายามนี้นัก
“พ่อเธอติดหนี้พนันฉันเท่าไหร่”
“ดิฉันไม่ทราบค่ะ”
“หลายแสนเหรียญ ดังนั้นค่าเยื่อบางๆ ของเธอไม่พอจ่ายหรอก แพตตี้”
หล่อนอดสูจนต้องก้มหน้าหลบสายตาดูแคลนของเขา และก็ไม่มีทางเลือกเมื่อเขายัดเช็คใส่มือของหล่อน
“เอาไปให้ป้ามิเชลล์ หนี้ของเธอพ่อจะได้ลดลง”
ร่างของหล่อนถูกเขาผลักออกห่างอย่างรังเกียจ หล่อนเซเกือบล้มลงไปกองกับพื้น
“กลับไปได้แล้ว และถ้าฉันไม่เรียก ก็อย่าเสนอหน้ามาให้เห็นอีก เข้าใจใช่ไหม”
หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง มองเขาผ่านม่านน้ำตาอย่างเจ็บปวด
“ค่ะ” พะแพงตอบรับคำเสียงสั่นเทา ก่อนจะวิ่งหนีออกไปทั้งน้ำตา
เดมอนกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ เมื่ออยู่เพียงลำพังในห้องทำงานที่ยุ่งเหยิงราวกับเพิ่งเกิดสงครามกลางเมือง สายตาคมกริบจับจ้องไปที่โต๊ะทำงาน ภาพอวบอัดของพะแพงที่ถูกเขาอัดกระหน่ำท่อนชายเข้าใส่ยังคงตามหลอกหลอนไม่หยุด และมันก็ทำให้เจ้าตัวยุ่งที่เป้ากางเกงทวีความแข็งชัน
“บ้าชิบ!”
เขาสบถ และพยายามควบคุมตัวเอง แต่ความร้อนฉ่าก็ยังคงกัดกินไปทั่วทั้งเรือนร่าง เขาสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ความหิวกระหายที่จะฝังลึกอยู่ในซอกสวาทของพะแพงยังคงเต้นระริกอยู่ในอก เลือดหนุ่มเดือดพล่านยิ่งกว่าน้ำเดือดจัด
กรามแกร่งที่ขบกันแน่นอยู่แล้วยามนี้บดหนักมากขึ้น จนกระดูกแทบแหลกละเอียด ดวงตาสีฟ้าเข้มเต็มไปด้วยเพลิงกระหายที่ลุกโชนอยากจะควบคุม และแน่นอนว่าเขาไม่อดทนอีกแล้ว ร่างสูงใหญ่ของเดมอนพุ่งพรวดออกไปนอกห้องทำงาน และออกคำสั่งกับไบโอนีเสียงกระด้างดุดัน
“โทรไปสั่ง รปภ. ห้ามให้ผู้หญิงคนเมื่อกี้ออกไปจากที่นี่เด็ดขาด”
“ผู้หญิงคนที่…เพิ่งวิ่งออกจากห้องท่านประธานใช่ไหมคะ”
“ก็ใช่น่ะสิ เร็วเข้า”
“ค่ะ ค่ะ ท่านประธาน”
ความร้อนรนของเดมอนที่ไบโอนีไม่เคยพบเห็นมาก่อนทำให้หล่อนตื่นตระหนก และรีบทำตามคำสั่งอย่างเร่งด่วน
“แล้วจับตัวขึ้นมาให้ผมบนห้องทำงานด้วย”
เดมอนสั่งเสร็จก็เดินกลับเข้าไปในห้องทำงานอีกครั้ง ท่ามกลางสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยแคลงใจของไบโอนี
สิ่งก่อสร้างเบื้องหน้าทำให้พะแพงต้องยกมือขึ้นขยี้ตาของตัวเองหลายครั้ง ตึกสูงใหญ่เรียงรายกันอย่างสวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ ที่นี่น่าจะเป็นโรงแรมมากกว่าที่จะเป็นบ่อนคาสิโนอย่างที่คนขับรถบอกเมื่อครู่นี้
“พี่คะ ที่นี่แน่ใช่ไหมคะ” หล่อนยังอดที่จะก้มหน้าลงถามคนขับรถที่จอดรถรออยู่ไม่ได้
“ที่นี่แหละครับ รีบเข้าไปเถอะ นายน้อยไม่ชอบรออะไรนานๆ เดี๋ยวจะพานโมโหเอาได้”
พอนึกถึงเขา เดมอนผู้ชายที่โหดเหี้ยมราวกับปีศาจ เนื้อตัวของหล่อนก็สั่นเทาทรมาน ความหวาดกลัววิ่งเข้าทิ่มแทงราวกับเข็มนับพันเล่ม แต่ในความหวาดกลัวนั้น ก็มีความร้อนผ่าวแทรกซึมขึ้นมาอย่างไม่อาจจะควบคุมได้
ความรู้สึกร้อนฉ่าเหมือนกับตอนที่หล่อนมีบางอย่างของเดมอนเคลื่อนไหวอยู่ในร่างกาย
แก้มสาวแดงก่ำ และก็รีบหยัดตัวตั้งตรง “งั้นพี่รอฉันแป๊บหนึ่งนะคะ เดี๋ยวฉันรีบมา”
“พี่จะไปจอดรถที่ลานจอดรถตรงนู้นนะ”
“ค่ะพี่”
หล่อนก้าวเท้าเดินเข้าไปในอาณาเขตของคาสิโนขนาดใหญ่เบื้องหน้า ดูภายในมันไม่เหมือนบ่อนการพนันเลยคล้ายกับโรงแรมหรูหรือไม่ก็รีสอร์ตมากกว่า แต่พอก้าวเท้าผ่านประตูเข้ามาภายในเท่านั้นแหละ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับการพนันล้วนแต่อยู่ตรงหน้าทั้งสิ้น
พะแพงเบิกตากว้างด้วยความตื่นตะลึงกับภาพที่เห็น นักแสวงโชคมากมายกำลังลุ้นระทึกอยู่กับการพนันเบื้องหน้า สิ่งที่มอมเมาให้มนุษย์คนหนึ่งสิ้นไร้ศักดิ์ศรี ซึ่งก็ไม่ต่างจากที่บิดาของหล่อนเคยพานพบมานั่นเอง
หยาดน้ำตาไหลรินออกมาตามร่องแก้ม หากเลือกได้ หล่อนอยากจะอยู่ให้ไกลจากสิ่งพวกนี้ให้มากที่สุด แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อหล่อนไม่มีมนตร์วิเศษใดๆ ที่จะต่อกรกับอำนาจเถื่อนของเดมอนได้ ผู้ชายที่เป็นเจ้าของบ่อนคาสิโนรายใหญ่ที่สุดในโลก
“เข้ามาตรงนี้ไม่ได้นะ”
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง พะแพงยกมือขึ้นป้ายน้ำตา ก่อนจะหันไปมอง
“เอ่อ…ขอโทษค่ะ พอดีดิฉันไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน”
“แล้วคุณมาหาใครคะ”
“เอ่อ…” พะแพงกระชับแฟ้มเอกสารในมือแน่น ก่อนจะตอบคู่สนทนาออกไปแผ่วเบา “ดิฉัน…เอาแฟ้มเอกสารมาให้นายน้อย เอ่อ…คุณเดมอนค่ะ”
เมื่อชื่อของเดมอนหลุดออกจากปากของหล่อนไป ท่าทางของคู่สนทนาก็อ่อนลงทันที
“งั้นเชิญทางนี้ค่ะ”
พะแพงยอมเดินออกมาจากจุดที่เป็นโซนคาสิโน มายังส่วนที่แบ่งเป็นห้องพัก
“ขึ้นลิฟต์ไป ท่านประธานอยู่ชั้นบนสุดค่ะ”
“เอ่อ…ดิฉันฝากคุณเอาไปให้ได้ไหมคะ” หล่อนไม่อยากเจอเขา แม้ว่ามันจะเป็นความจำเป็นก็ตาม
“คงไม่ได้หรอกค่ะ ดิฉันไม่มีสิทธิ์ขึ้นไปบนนั้น ถ้าท่านประธานไม่มีคำสั่งเรียกหา”
“แต่ว่า…”
“คุณต้องเอาขึ้นไปให้ท่านประธานเองค่ะ มันคือทางเลือกเดียว”
บทสรุปที่หล่อนไม่อยากจะได้รับถูกยัดใส่มืออย่างไม่มีทางดิ้นหนี
“ลิฟต์ตัวนี้จะถึงหน้าห้องของท่านประธานพอดี”
หล่อนถูกเดินนำไปยังลิฟต์แก้วตัวใหญ่ คู่สนทนากดเปิดประตูลิฟต์ให้อย่างมีน้ำใจ
“เชิญค่ะ”
หล่อนเม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง น้ำตาคลอสองหน่วยตา หล่อนไม่อยากเจอหน้าเดมอนเลย หล่อนกลัว…กลัวเขาจะด่าว่า กลัวสายตาที่เต็มไปด้วยความดูแคลนของเขา
หล่อนคงต้องขาดใจตายแน่ๆ หากต้องถูกเขามองราวกับเศษขยะเหมือนเมื่อวานอีกครั้ง
“เข้าไปสิคะ ท่านประธานคงจะรอคุณอยู่” คู่สนทนาเอ่ยเร่งย้ำ
“ค่ะ”
หล่อนจำต้องก้าวเข้าไปในลิฟต์แก้ว และยอมให้มันพาลอยสูงขึ้นไปหาซาตานใจโหดอย่างไม่มีทางหลีกหนีได้อีกแล้ว
แค่เพียงไม่นาน ประตูลิฟต์แก้วก็เปิดกว้างออก มันบอกให้รู้ว่าชีวิตกำลังจะถูกเหยียบขยี้อีกครั้ง
ทำไมแม่บ้านใหญ่ต้องให้หล่อนนำแฟ้มเอกสารนี้มาให้เดมอนด้วย ทำไมไม่เป็นคนอื่น…?
คำถามนี้ดังก้องอยู่ภายในใจ และคำตอบที่ได้กลับมาก็คือความเงียบสงัด
“เอาแฟ้มเอกสารมาให้ท่านประธานใช่ไหมคะ”
ผู้หญิงคนหนึ่งลุกขึ้นจากโต๊ะทำงาน และเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าร่างสั่นเทาของหล่อน
“ชะ…ใช่ค่ะ”
“งั้นเชิญค่ะ”
หล่อนรีบคว้าแขนของคู่สนทนาเอาไว้ เมื่อเห็นเจ้าหล่อนกำลังจะเดินตรงไปที่ประตูห้องหนึ่ง
“มีอะไรเหรอคะ”
ไบโอนีที่ถูกดึงแขนเอาไว้หันกลับมามองผู้หญิงเอเชียหน้าหวานด้วยความแปลกใจ
“ดิฉัน…ฝากคุณเอาเข้าไปให้ท่านประธานได้ไหมคะ คือดิฉันต้องรีบกลับน่ะค่ะ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะนั่นไม่ใช่หน้าที่ของฉัน”
มือของพะแพงหลุดจากแขนของไบโอนีอย่างสิ้นหวัง หยาดน้ำตาร่วงอาบแก้ม แต่ก็ต้องรีบเช็ดมันจนแห้ง และเดินขาสั่นตามร่างของคู่สนทนาคนสวยไปติดๆ
“ท่านประธานคะ สิ่งที่ต้องการมาแล้วค่ะ”
“ให้เข้ามา”
แค่เสียงห้าวกระด้างของเขาก็ทำให้หล่อนแทบเป็นลมพับลงไปกองกับพื้นแล้ว หากต้องสบประสานสายตากับเขาล่ะ หล่อนจะทำยังไง หรือว่าจะขาดใจตายไปเลย
“เชิญคุณเข้าไปค่ะ”
ไบโอนีดึงบานประตูเปิด และหันมาหาพะแพงที่ยืนตัวสั่นหน้าซีดเผือด
“คือ…”
“เข้าไปสิคะ”
พะแพงเม้มปากเป็นเส้นตรง และก็จำต้องก้าวขาที่สั่นเทาข้ามธรณีประตูเข้าไปภายในห้องทำงานของเดมอนอย่างไร้ทางเลือก
ปีศาจร้ายตัวโตนั่งก้มหน้าก้มตาอยู่หลังโต๊ะทำงานใหญ่ หล่อนรีบเป่าปากอย่างโล่งอก เมื่อเขาไม่ได้เงยหน้าขึ้นมามอง สองขารีบก้าวตรงไปใกล้กับโต๊ะทำงานไม้ และวางแฟ้มลงทันที
“แฟ้มเอกสารค่ะ”
“อืม ขอบใจ”
เขายังคงไม่เงยหน้าขึ้นมอง และมันก็ทำให้หล่อนรู้สึกโล่งใจเป็นที่สุด
“ดิฉันขอตัวกลับเลยนะคะ”
หล่อนพูดระรัวเร็ว และกำลังจะหมุนตัววิ่งออกไปจากห้องทำงานของเขา แต่ผู้ชายที่ก้มหน้าทำงานอยู่เมื่อครู่นี้ เงยหน้าขึ้นมาเห็นหล่อนเสียก่อน
ดวงหน้าหวานซีดเผือดไร้สีเลือด กลีบปากอิ่มสั่นระริก และสองขาก็ขยับก้าวไม่ออกราวกับถูกมนตร์สะกด
“เธอนั่นเอง…”
น้ำเสียงกระด้างเต็มไปด้วยความดูแคลน แต่นั่นก็ยังไม่น่าปวดใจเท่ากับสายตาดูหมิ่นเหยียดหยามที่เดมอนจ้องมองมา คำว่าเศษขยะยังมีค่ากว่าหล่อนในสายตาของเขาเลย
น้ำตาแห่งความหวาดกลัวผสมผสานกับความน้อยอกน้อยใจคลอสองหน่วยตา กลีบปากอิ่มยังคงสั่นระริก และก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเดมอนลุกขึ้นจากโต๊ะและเดินเข้ามาหยุดตรงหน้า
“ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่หรือว่าหากฉันไม่เรียก อย่าเสนอหน้ามาให้เห็นอีก”
“ดิฉัน…แค่…” คำพูดแก้ตัวตะกุกตะกักของหล่อนถูกคนใจร้ายแทรกขึ้นทันที
“หรือว่าติดใจเรื่องเมื่อวาน”
“ปละ…เปล่านะคะ ดิฉันแค่เอา…แฟ้มเอกสารมาให้นาย…น้อยค่ะ”
“มันก็แค่ข้ออ้าง…”
เขาเดินต้อนเข้ามาหา ในขณะที่หล่อนถอยหลังหนีด้วยความหวาดกลัว แต่โชคก็ไม่เข้าข้าง เมื่อแผ่นหลังชนเข้ากับกำแพงห้อง และเขาก็ยังไม่หยุดก้าวเท้าไล่ต้อน
“ของผู้หญิงที่ติดใจในลีลาของฉัน”
“มะ…ไม่ใช่นะคะ คือว่าดิฉัน…”
“ไม่ต้องมาเฉไฉหรอกน่า ผู้หญิงที่นอนกับฉันทุกคนก็มักจะใช้วิธีนี้เพื่อให้ได้เข้าใกล้ฉันอีก”
ทำไมเขาทระนงได้ขนาดนี้นะ ทั้งๆ ที่หล่อนไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดเลยสักนิด
“และเธอก็ไม่ใช่ข้อยกเว้นด้วย จริงไหม”
“อุ๊ย…ปล่อยค่ะ นายน้อย…”
เขาก้าวเข้ามาแนบชิดในที่สุด และก็เท้าสองแขนกั้นหล่อนเอาไว้ในกรงแขนกำยำอย่างเผด็จการ ใบหน้าหล่อจัดก้มต่ำลงมาหา เครางามของเขาอยู่ห่างจากใบหน้าของหล่อนนิดเดียวเท่านั้น และมันก็เตือนให้หล่อนระลึกถึงยามที่เคราพวกนี้ครูดไปมากับผิวสาวทุกตารางนิ้ว แม้จะทำให้ผิวนวลแสบและแดงช้ำ แต่ความรู้สึกหลังจากนั้นมันคือความซ่านสยิวที่หาจุดสิ้นสุดไม่ได้
เดมอนระบายยิ้มหยัน เมื่อเห็นสายตากลมโตจ้องมองใบหน้าของตัวเอง ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเจ้าหล่อนคิดอะไรอยู่ ดวงตาของหล่อนบอกความรู้สึกทั้งหมด
ไม่น่าเชื่อว่าผู้หญิงคนนี้จะอ่านง่ายดายเช่นนี้
หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้น จนรู้สึกได้ถึงจังหวะที่ผิดเพี้ยนไป
ทำไมเขาจะต้องรู้สึกดี รู้สึกสนุก รู้สึกขบขัน และรู้สึกต้องการ กับผู้หญิงไร้ราคาอย่างแม่นี่ด้วย
บ้าเอ๊ย!
“เธอต้องการให้ฉันทำแบบนี้ไม่ใช่หรือ ฉันก็กำลังจะจัดให้ไง จะได้ไม่ต้องเสียเวลามาฟรีๆ”
“ไม่ใช่นะคะ นายน้อย…ดิฉันไม่…อื้อ…ปล่อยค่ะ…”
หล่อนดิ้นรน ผลักไส แต่สองแขนเรียวมีเรี่ยวแรงน้อยเหลือเกิน เพราะไม่ว่าจะผลักจะดันยังไง แผ่นอกที่หนักคล้ายกับแผ่นศิลาก็ไม่ยอมขยับเขยื้อน
“เธอไม่ใช่สาวบริสุทธิ์แล้ว ดังนั้นไม่ต้องทำสะดีดสะดิ้งอีก”
หล่อนชะงักงันกับวาจาโหดเหี้ยมของผู้ชายที่กำลังจะรังแกตัวเองตรงหน้า น้ำตาไหลไม่หยุด
ก็เพราะเขานั่นแหละ หล่อนถึงไม่ใช่สาวบริสุทธิ์อีกแล้ว
สายตาที่เต็มไปด้วยความตัดพ้อ สายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจของผู้หญิงในอ้อมแขน ทำให้ผู้ชายจิตใจหยาบกระด้างอย่างเดมอนชะงักงันไปชั่วขณะ วูบหนึ่งก็อยากจะนุ่มนวลกับผู้หญิงคนนี้ แต่เขาไม่รู้ว่ามันต้องทำยังไง เพราะไม่คุ้นเคยกับความอ่อนโยนมาก่อน
“ฉันเขียนเช็คเอาไว้แล้ว เดี๋ยวจะเพิ่มให้อีกก็แล้วกัน”
“นายน้อย…หมายถึง…”
“ค่าความสาวของเธอยังไงล่ะ”
คำพูดของเขาราวกับคมมีดที่ปักฉึกลงกลางอก หล่อนส่ายหน้าไปมา น้ำตาไหลรินด้วยความปวดร้าวทรมาน
“นายน้อยมองหาใครเหรอคะ”
ป้ามิเชลล์อดที่จะเอ่ยถามเจ้านายของตัวเองไม่ได้ เมื่อเห็นชายหนุ่มนั่งกินอาหารเช้าไปชะเง้อคอไปมานานเกือบสิบนาทีแล้ว
“ผมหรือ?”
“ก็ใช่น่ะสิคะนายน้อย ป้าเห็นนั่งชะเง้อคอมองออกไปนอกประตูห้องอาหารอยู่พักใหญ่แล้วล่ะค่ะ หรือว่ารอเชลดอนคะ”
เดมอนกัดฟันแน่น เกลียดตัวเองตอนนี้เป็นที่สุด
“ไม่มีอะไรหรอก ป้ามิเชลล์” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ และก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารในจานต่อไปเงียบๆ แม้ว่าในสมองจะร้อนรนแค่ไหนก็ตาม
“อิ่มแล้วเหรอคะนายน้อย”
ป้ามิเชลล์รีบเอ่ยถาม เมื่อเห็นเดมอนวางช้อน และผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้
“ครับ วันนี้ผมมีงานแต่เช้า”
เดมอนตอบและก้าวเดินออกจากห้องอาหาร ซึ่งก็เป็นจังหวะเดียวกันที่พะแพงเดินผ่านมาพอดี หญิงสาวชะงักงัน หน้าตาซีดเผือด รีบถอยหลัง และวิ่งหนีกลับไปทางเดิมทันที
“แพตตี้…จะไปไหนน่ะ” ป้ามิเชลล์ตะโกนเรียก เพราะแปลกใจกับท่าทางตื่นกลัวของพะแพง
“สาวใช้คนนั้นไม่ได้ชื่อพะแพงหรอกหรือครับป้ามิเชลล์”
แม่บ้านใหญ่เงยหน้าขึ้นมองเจ้านายสุดหล่อของตัวเองด้วยความแปลกใจทันที
“นายน้อย…ทราบชื่อของเธอด้วยเหรอคะ”
เดมอนอึ้งไป ก่อนจะกลบเกลื่อน “ได้ยินคนอื่นเรียกน่ะ ว่าแต่สรุปหล่อนเธออะไรกันแน่ พะแพงหรือว่าแพตตี้”
“ชื่อพะแพงค่ะ แต่คนที่นี่เรียกแพตตี้เพราะเรียกง่ายกว่าน่ะค่ะ”
สายตาของป้ามิเชลล์ที่มองเดมอนยังคงเต็มไปด้วยความแคลงใจ แต่ก็ไม่กล้าถามออกไปอีก
“ผมอยากรู้ข้อมูลของผู้หญิงคนนี้ ส่งให้ผมทางอีเมลด้วยนะครับป้ามิเชลล์”
“คะ?”
“ป้ามิเชลล์หูไม่ค่อยดีหรือครับ ผมจะได้ให้หมอมาตรวจ”
น้ำเสียงของเดมอนราบเรียบเช่นเดิม แต่สายตาของเขาดุดันและเต็มไปด้วยความไม่พอใจ จนป้ามิเชลล์ต้องรีบตอบรับด้วยความยำเกรง
“เอ่อ…ค่ะ ได้ค่ะนายน้อย”
“ผมไปล่ะ”
แล้วเดมอนก็ก้าวยาวๆ เดินตรงไปที่รถ เชลดอนกล่าวทักทายเจ้านายของตัวเอง และรีบเปิดประตูรถให้
“เชิญครับนายน้อย”
เมื่อเดมอนก้าวขึ้นไปนั่งเรียบร้อยแล้ว เชลดอนก็รีบขึ้นไปนั่งประจำที่คนขับ ก่อนจะเคลื่อนรถหรูออกจากอาณาเขตคฤหาสน์หลังงามอย่างนิ่มนวล
ระหว่างทางเดมอนก็เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น “นายเคยไปประเทศไทยมาก่อนหรือเปล่าเชลดอน”
“เคยครับนายน้อย ผมถึงรู้ไงครับว่าผู้หญิงที่นั่นเป็นยังไง”
“แต่ฉันว่าไม่ใช่ทุกคนหรอก”
คำพูดของเดมอนทำให้คนขับรถถึงกับต้องลอบมองหน้าเจ้านายผ่านกระจกมองหลังอย่างลืมตัว
“ทำไมนายน้อยคิดแบบนั้นล่ะครับ”
“ก็เพราะ…” เดมอนเกือบจะหลุดปากพูดออกไปอยู่แล้ว แต่ก็ยั้งเอาไว้ได้ทัน
“ฉันก็แค่ไม่อยากให้นายเหมารวมทั้งหมดเท่านั้นเอง”
“ก็ผมเคยเจอแต่แบบนั้นนี่ครับ”
“งั้นก็เชื่อฉัน ผู้หญิงไทยที่ดีๆ ก็มีอีกเยอะ”
เชลดอนแปลกใจในสิ่งที่ได้ยินเป็นที่สุด เดมอนไม่เคยเอาเรื่องของผู้หญิงมาเป็นหัวข้อการสนทนามาก่อน ยกเว้นเสียแต่วิคตอเรียคู่หมั้นแต่นั่นก็นานๆ ครั้งกว่าจะพูดถึง แต่นี่เดมอนเอ่ยถึงผู้หญิงไทย แถมเอ่ยในแง่ดีเสียด้วย และสีหน้าเวลาพูดก็อมยิ้มอีกต่างหาก นี่เขาตาฝาดไปหรือเปล่านะ
“เอ่อ…นายน้อยไม่สบายหรือเปล่าครับ”
“ทำไมนายถามฉันแบบนั้นล่ะ สภาพของฉันดูเหมือนคนป่วยหรือไง”
“ก็…นายน้อยดูแปลกๆ ไปน่ะครับวันนี้”
เดมอนแค่นยิ้มน้อยๆ ดวงตาสีฟ้าเข้มยังคงเป็นประกายวิบวับ “ฉันสบายดี ไม่ได้เป็นอะไรเลย”
“แต่ว่า…”
“ขับรถไปเถอะ และหยุดพูดด้วย ฉันอยากนั่งคิดอะไรเพลินๆ”
“ครับ นายน้อย”
เชลดอนตอบรับอย่างไม่มีทางเลือก ขณะลอบมองสีหน้าของเจ้านายหนุ่มด้วยความแปลกใจไปตลอดทาง
โต๊ะทำงานใหญ่ยังคงเต็มไปด้วยแฟ้มเอกสารกองพะเนินเช่นเดิม เมื่อบุรุษนัยน์ตาสีฟ้าเข้มเอาแต่นั่งนิ่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
กรามแกร่งขบกันแน่น เมื่อไม่อาจบังคับตัวเองให้ขจัดสิ่งที่รบกวนจิตใจออกไปได้
“บ้าเอ๊ย”
เดมอนถอนหายใจออกมาแรงๆ มือใหญ่ยกขึ้นเสยเส้นผมที่ปรกลงมาตรงหน้าผากอย่างหงุดหงิด
ทำไมเขาจะต้องคิดถึงเซ็กซ์เมื่อวานนี้ด้วย มันก็แค่เซ็กซ์กับผู้หญิงแปลกหน้าคนหนึ่งเท่านั้น ผู้หญิงขัดดอกที่พ่อแม่พี่น้องของหล่อนนำตัวมาใช้หนี้แทนเงินตราเท่านั้น แต่เขากลับขจัดความรู้สึกยามสุขสมนั้นออกไปจากหัวไม่ได้
ใช่…ความสุขสมในร่างคับแน่นของแม่สาวใช้หน้าหวานคนนั้น ผู้หญิงที่เขาตีค่าว่าหล่อนไม่ต่างจากอีตัวตั้งแต่แรกเห็นหน้า จนสุดท้ายก็ได้รู้ว่าหล่อนคือสาวบริสุทธิ์ และเขาก็ทำลายหล่อนอย่างไร้ความเมตตาเสียจนยับเยิน
หยาดน้ำตาของหล่อน แววตาที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัวยามที่เขาฝังความเป็นชายลงไปหา มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองไม่ต่างจากฆาตกรใจโฉดนัก แม้ว่าชั่วขณะหนึ่งหล่อนจะตอบสนองร้อนแรง แต่ก็นั่นก็เป็นเพราะชั้นเชิงที่เหนือกว่าของเขา
เดมอนบอกตัวเองว่าให้หยุดคิด หรือไม่ถ้ารู้สึกผิดก็จ่ายเงินเพิ่มให้กับหล่อนไป เท่านั้นก็จบ ใช่…เงินเท่านั้นแหละที่จะสามารถช่วยขจัดความรู้สึกว้าวุ่นภายในใจของเขาให้คลายลงไปได้
มือใหญ่เอื้อมไปกดโทรหาไบโอนีผู้เป็นเลขาฯ ประจำตัวให้เข้ามาหาภายในห้อง
“ท่านประธานมีอะไรจะให้ดิฉันรับใช้เหรอคะ”
ดวงตาสีฟ้าเข้มตวัดมองร่างอรชรของเลขาฯ ส่วนตัว ก่อนที่น้ำเสียงทรงอำนาจจะดังเล็ดลอดออกจากริมฝีปากกว้างหยักลึก
“ต่อสายหาป้ามิเชลล์ แล้วโอนเข้ามาให้ผม ด่วน”
“ค่ะ ท่านประธาน”
ไบโอนีรีบตอบรับคำสั่ง และถลาออกไปนอกห้องอย่างรวดเร็ว เพียงไม่นานสิ่งที่เดมอนต้องการก็เกิดขึ้น มือใหญ่เอื้อมไปคว้าโทรศัพท์ขึ้นมาแนบหู
“สวัสดีค่ะนายน้อย”
“ให้สาวใช้ที่ชื่อพะแพงมาหาผมที่คาสิโน เดี๋ยวนี้”
“ทะ ทำไมล่ะคะนายน้อย” ป้ามิเชลล์ตกใจกับคำสั่งของเดมอนจนลืมตัวถามออกไป
“ผมจำเป็นต้องบอกเหตุผลกับป้ามิเชลล์ด้วยหรือครับ”
“เอ่อ…ไม่ต้องค่ะ” ป้ามิเชลล์ตอบเสียงแผ่วเบาเมื่อถูกตำหนิอย่างตรงไปตรงมาจากเดมอน
“งั้นก็ทำตามที่ผมสั่ง”
“ค่ะ นายน้อย”
“อ้อ แล้วไม่ต้องบอกเธอนะว่าผมสั่งให้มาพบ”
ป้ามิเชลล์ยิ่งแปลกใจกับสิ่งที่ได้ยิน แต่ก็ไม่กล้าถามออกไปเหมือนครั้งก่อน
“แล้ว…จะให้ป้าบอกว่ายังไงดีคะ”
“ผมว่าป้ามิเชลล์เป็นคนฉลาด ไม่อย่างนั้นจะได้เลื่อนขั้นเป็นแม่บ้านใหญ่ได้หรือครับ”
“เอ่อ ค่ะ นายน้อย”
แล้วผู้เป็นเจ้านายก็วางสายไป ในขณะที่ป้ามิเชลล์เต็มไปด้วยความแคลงใจจนแทบจะระเบิดออกมาจากอก
“ทำไมนายน้อยถึงต้องให้แม่แพตตี้ไปหา แล้วไปรู้จักกันตั้งแต่ตอนไหน” ในขณะที่ป้ามิเชลล์กำลังงงงวยระคนสงสัยอยู่นั้น โอลิเวียสาวใช้ก็เดินผ่านมาพอดี
“แม่โอลิเวีย ไปตามแพตตี้ให้ฉันหน่อย เร็วด้วยนะ”
“แพตตี้น่าจะทำความสะอาดอยู่ชั้นบนน่ะค่ะ”
“ฉันรู้แล้ว แต่ฉันต้องการพบแพตตี้เดี๋ยวนี้ ไปตามมาพบฉัน เร็วเข้า”
โอลิเวียมองแม่บ้านใหญ่ด้วยความแปลกใจ แต่ก็จำต้องทำตามคำสั่งอย่างไม่มีทางเลือก
“ค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่”
โอลิเวียเดินจากไปไม่นาน พะแพงก็เดินลงจากบันไดมาหาป้ามิเชลล์
“คุณแม่บ้านใหญ่เรียกหาดิฉันเหรอคะ”
มิเชลล์หรี่ตาแคบมองหน้าพะแพง “ฉันถามจริงๆ เถอะ เธอรู้จักกับนายน้อยเป็นการส่วนตัวหรือเปล่า”
ดวงหน้าของพะแพงซีดเผือดสลับแดงก่ำ และเสหลบสายตาคาดคั้นของป้ามิเชลล์
“ไม่…ไม่รู้จักหรอกค่ะ”
“ไม่รู้จัก แล้วเมื่อเช้าเธอวิ่งหนีไปทำไม”
“เอ่อ…” พะแพงพยายามหาทางแก้ตัว “คือดิฉันปวดท้องหนักน่ะค่ะ ก็เลยรีบวิ่งไปเข้าห้องน้ำ”
คำแก้ตัวของพะแพงไม่ได้ทำให้ป้ามิเชลล์เชื่อแม้แต่น้อย “แล้วนั่นคอไปโดนอะไรมา แดงเป็นจ้ำเชียว”
มือเล็กขาวสะอาดของพะแพงรีบยกขึ้นกุมลำคอของตัวเองเอาไว้ ภาพในสมองย้ำชัดว่ารอยแดงพวกนี้เกิดขึ้นเพราะอะไร เพราะถูกเดมอนทั้งดูดทั้งกัดยังไงล่ะ
“เอ่อ…ยุงน่าจะกัดน่ะค่ะ” หล่อนรีบดึงคอเสื้อขึ้นมาปกปิด นี่ถ้าป้ามิเชลล์เห็นรอยแดงที่หน้าอกของหล่อน คงจะไม่มีทางเชื่อแน่ว่าหล่อนถูกยุงกัด
“ยุงอะไรกัดซะรอยใหญ่เชียว”
“คง…จะตัวใหญ่น่ะค่ะ ว่าแต่คุณแม่บ้านใหญ่มีอะไรให้ดิฉันรับใช้เหรอคะ”
หล่อนพยายามดึงป้ามิเชลล์ออกจากหัวข้อสนทนาเดิมที่แสนกระอักกระอ่วน
“นายน้อยต้องการให้เธอ…” ป้ามิเชลล์เกือบหลุดปากบอกความจริงออกไป แต่ก็ยั้งเอาไว้ได้ทัน “ฉันหมายถึง…นายน้อยลืมเอกสารเอาไว้น่ะ ฉันต้องการให้เธอเอาไปให้นายน้อยที่คาสิโน”
ดวงหน้าหวานของพะแพงซีดเผือด ดวงตากลมโตเบิกกว้างแทบถลน หล่อนส่ายหน้าน้อยๆ น้ำตาคลอ หล่อนไม่สามารถมองหน้าเดมอนได้ หลังจากที่เมื่อคืนถูกเขาย่ำยีทั้งกายและหัวใจอย่างเหี้ยมโหด
“คือดิฉันยัง…ทำความสะอาดไม่เสร็จเลยค่ะ…”
“แล้วไง”
“คุณแม่บ้านใหญ่ให้คนอื่นไปแทนได้ไหมคะ นะคะ ดิฉันขอร้องล่ะ” หล่อนยกมือขึ้นไหว้วิงวอน และนั่นก็ทำให้มิเชลล์ยิ่งแปลกใจกับท่าทางหวาดกลัวของพะแพงที่มีต่อเดมอน แต่ก็พูดอะไรมากไม่ได้
“คงไม่ได้หรอก เพราะทุกคนยุ่งกันอยู่”
“แต่ดิฉัน…”
“เธอกล้าขัดคำสั่งฉันเหรอ แพตตี้”
เมื่อคู่สนทนาหยิบยกเอาความเป็นเจ้านายขึ้นมากล่าวอ้าง หล่อนก็ไม่มีทางเลือก
“ไม่…ดิฉันไม่กล้าหรอกค่ะ”
“งั้นก็ไปล้างไม้ล้างมือให้สะอาด และไปรอที่หน้าตึก จะมีรถไปส่งเธอที่คาสิโน”
“ค่ะ” หล่อนตอบรับคำสั่งทั้งน้ำตา
“ไปได้แล้ว นายน้อยไม่ชอบรอนาน”
หล่อนเม้มปาก ก่อนจะเดินยกมือป้ายน้ำตาออกไป
ป้ามิเชลล์มองตามร่างอรชรที่ดูบอบบางจนน่าสงสารของพะแพงไปจนลับตา
“มันต้องมีอะไรแน่ๆ”
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของใครบางคนทำให้เดมอนสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขาผุดลุกขึ้นนั่ง และมองไปยังมุมห้องที่เป็นต้นเสียง ก็เห็นว่าแม่สาวใช้คนสวยที่เขากัดกินอย่างดุเดือดเมื่อหลายชั่วโมงก่อนหน้านี้ กำลังนั่งกอดเข่าร่ำไห้ปิ่มจะขาดใจอยู่ตรงนั้น
นี่หล่อนจะเสียใจอะไรกันนักกันหนา
เดมอนเต็มไปด้วยความหงุดหงิด เขาตวัดตามองไปที่นาฬิกาที่ผนังห้องก็พบว่าตอนนี้หกโมงเย็นกว่าๆ แล้ว สองขาแข็งแรงก้าวลงไปจากเตียง และเดินตรงเข้าไปหาคนที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญราวกับญาติผู้ใหญ่เสียด้วยความไม่พอใจ
“เสียใจอะไรนักหนา หรือว่าฉันจัดให้ไม่ถึงใจ”
คนที่นั่งร้องไห้อยู่สะดุ้งตกใจ ก่อนจะรีบป้ายน้ำตาทิ้ง กลีบปากอิ่มที่สั่นระริกยังบวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด
นี่เขารุนแรงกับหล่อนถึงเพียงนี้เชียวหรือ แต่ก็ช่างเถอะ ในเมื่อเขามีสิทธิ์ทำอะไรกับหล่อนก็ได้
“ยัง…ยังไม่ตอบอีก เธอนี่ชอบทำให้ฉันหงุดหงิดนักนะ”
“คือ…ดิฉัน…”
“มีอะไรก็พูดมา”
พะแพงที่เจ็บไปทั้งกายและหัวใจ กัดฟันช้อนตาขึ้นมองคนที่ยืนค้ำตระหง่านอยู่เหนือร่างด้วยความทรมาน
“ขอ…กลับออกไปได้ไหมคะ” ในที่สุดหล่อนก็พูดสิ่งที่ต้องการออกมาได้สำเร็จ
เขายิ้มหยัน ไหวไหล่ทรงพลังเล็กน้อย “นึกว่าเรื่องอะไร จะไปก็ไปสิ ฉันห้ามไว้หรือ”
“ก็…นายน้อยสั่งเอาไว้…ว่าห้ามดิฉันออกไปก่อนที่นายน้อยจะตื่น…” น้ำเสียงของหล่อนสั่นเทาจนน่าเวทนา
“อย่างนั้นหรือ”
เขาไหวไหล่อีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปทรุดตัวนั่งบนขอบเตียง แต่สายตาก็ยังจับจ้องมองไปที่พะแพงไม่วางตา
หญิงสาวนั่งก้มหน้านิ่งอยู่กับพื้น มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาทิ้งตลอดเวลา
“ลุกมานี่ ฉันมีเรื่องจะสั่งเธอ”
หล่อนเงยหน้ามองเขา ก่อนจะค่อยๆ กัดฟันลุกขึ้นยืน ใบหน้างามนิ่วเล็กน้อย เมื่อที่กึ่งกลางลำตัวเจ็บระบมเหลือเกิน
“นายน้อย…มีอะไรจะสั่งดิฉันหรือคะ”
“เธอชื่ออะไร”
“เอ่อ…”
“ฉันถามว่าเธอชื่ออะไร หรือว่าเป็นคนไม่มีชื่อ”
หล่อนมองเขาด้วยสายตาตัดพ้อ กลีบปากอิ่มบวมเจ่อเม้มสนิทเป็นเส้นตรง
“ฉันก็แค่อยากรู้ชื่อผู้หญิงที่ฉันนอนด้วยเท่านั้นเอง”
“ดิฉันชื่อ…พะแพง…ค่ะ…”
“พะแพง” เขาทวนชื่อของหล่อน “ชื่อแปลกดีนะ ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย แถมเรียกยากด้วย”
หล่อนก้มหน้างุด สิ่งเดียวที่ต้องการในตอนนี้ก็คือการออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด แต่ดูเหมือนว่านรกยังลงทัณฑ์หล่อนไม่สาสม
“แก้ผ้า ฉันอยากดูรูปร่างของเธออีกครั้ง”
“คะ?” พะแพงส่ายหน้า ถอยหลังหนี แต่มือเล็กถูกคว้าเอาไว้ และเขาก็ขู่เสียงดุดัน
“หรือว่าจะให้ฉันฉีก”
นี่หล่อน…จะต้องถูกผู้ชายใจร้ายคนนี้ย่ำยีศักดิ์ศรีไปอีกนานเท่าไหร่กัน
“ว่าไงล่ะ พะแพง”
“ค่ะ…นายน้อย…”
หล่อนไม่มีทางเลือก จำต้องยกมือขึ้นปลดเปลื้องอาภรณ์ออกจากร่างกายของตัวเอง หยาดน้ำตาแห่งความอดสูไหลรินออกมาไม่ขาดสาย
“อืม…สวยจริงๆ”
เดมอนทาบมือใหญ่ลงบนเต้านมอวบใหญ่ และบี้คลึงอย่างอดใจไม่ไหว เจ้าหล่อนจะถอยหลังหนี แต่เขาใช้มืออีกข้างรวบเอวคอดเอาไว้ และกระชากให้เข้ามาหา
“อย่า…อย่าค่ะนายน้อย…อื้อ…”
คำทัดทานของหล่อนไม่เคยได้ผล เพราะตอนนี้เขาไม่ใช่แค่บีบขยำหน้าอกของหล่อนเท่านั้น แต่เขาเงยหน้าขึ้นมาดูดอมยอดทรวงเข้าไปในอุ้งปากร้อนจัด
“อ๊ะ…อื้อ…อย่า…อา…”
เขาดูดแรงๆ ดูดเร็วๆ ใช้ลิ้นเลีย ฟันขบกัด จนหล่อนที่พยายามดิ้นรนอ่อนแรงลงในที่สุด
เมื่อเห็นสาวน้อยสิ้นฤทธิ์ เขาก็ปล่อยเต้าสวยออกจากปาก และลุกขึ้นยืน ก้มลงประกบปากจูบอย่างหิวกระหาย ทั้งๆ ที่ตั้งใจจะหยุด ตั้งใจจะไม่แตะต้องเจ้าหล่อนอีก แต่ไฟร้อนๆ ในกายมันลุกโชนขึ้นมาไม่มีปี่มีขลุ่ย และมันก็ทำให้เขาขาดสติ
“อ๊ะ…อย่า…”
ร่างอรชรถูกจับเหวี่ยงลงไปบนเตียงอีกครั้ง และเขาก็จัดการทาบทับลงไปหา จับหล่อนกัดกินอย่างหื่นกระหาย ครอบครองความเป็นหญิงอย่างดุดัน เหี้ยมเกรียม ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความป่าเถื่อนไม่ต่างจากสัตว์ป่า และพอเขาเสพสมจนอิ่มเอมก็ผละออกห่าง และขับไล่หล่อนราวกับหมูหมาไร้ค่า
“ไม่ต้องไปโพนทะนาเรื่องนี้ให้ใครรู้ล่ะ เพราะฉันไม่ชอบ”
มือสั่นเทาที่กำลังติดกระดุมเสื้ออยู่ชะงัก ความอัปยศอดสูแล่นพล่านท่วมท้นหัวใจ
“แล้วก็ไม่ต้องเสนอหน้าขึ้นมาหาฉันเองนะ ถ้าฉันอยากจะนอนกับเธออีกเมื่อไหร่ ฉันจะให้คนไปตามมาเอง”
นี่ใช่ไหมคือสิ่งที่หล่อนต้องพบเจอ
“ที่ฉันสั่งน่ะเข้าใจหรือเปล่า”
“ค่ะ ดิฉัน…เข้าใจทุกอย่างค่ะ”
“ดี งั้นก็ออกไปได้แล้ว”
หล่อนเหมือนเศษขยะที่ถูกเดมอนจับโยนออกมาจากห้องหลังจากใช้งานเสร็จสิ้น สองขาอ่อนแรงก้าวเดินไปข้างหน้า น้ำตาไหลรินหลั่งไม่ขาดสาย ภาวนาให้ไม่มีใครเดินสวนมาตอนนี้ เพราะสภาพของหล่อนตอนนี้ไม่สามารถสู้หน้าใครได้จริงๆ
หญิงสาวสะอื้นไห้ด้วยความทรมาน หลีกหนีหน้าผู้คนไปทรุดนั่งซ่อนตัวอยู่ใต้ต้นไม้หลังคฤหาสน์หลังงาม และปลดปล่อยให้ความทุกข์ทรมานกัดกินจิตวิญญาณทั้งหมดอย่างไร้ทางดิ้นหนี
ทำไม…เดมอนถึงได้โหดเหี้ยมแบบนี้…
แม้จะพยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็ทำได้เพียงแค่ชั่วขณะเดียวเท่านั้น เพราะแท้จริงแล้วลึกๆ ภายในอกของเขากำลังร้อนรุ่มราวกับถูกสุมด้วยเพลิงนรก
เพราะแม่สาวใช้เนื้อหวานคนนั้น…!
“ระยำ!”
เขาเกลียดความรู้สึกแบบนี้ที่สุด เกลียดที่ไม่อาจควบคุมความรู้สึกของตัวเอง เกลียดที่ไม่อาจขจัดภาพของแม่สาวใช้คนนั้นออกไปจากสมองได้อย่างที่ตั้งใจ
เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ไม่เคยลุ่มหลง ไม่เคยสนใจ และไม่เคยให้ความสำคัญกับผู้หญิงคนไหนมากกว่าความใคร่ของตัวเอง แต่กับพะแพงต่างออกไป
หรือว่าเพราะหล่อนเป็นสาวบริสุทธิ์…?
ดวงคมกริบตวัดมองไปยังความยุ่งเหยิงของเตียงนอนข้างตัว มือใหญ่กระชากผ้าห่มโยนทิ้งลงไปข้างเตียง หยดเลือดสีแดงสดหลายจุดยิ่งตอกย้ำให้เขาคลื่นเหียนอาเจียน
นี่เขานอนกับสาวบริสุทธิ์อย่างนั้นหรือ…?
เขาไม่ชอบผู้หญิงจืดชืด จึงไม่เคยคิดจะนอนกับสาวพรหมจรรย์มาก่อน ผู้หญิงของเขาจะต้องร้อนแรงสู้รบตบมือกับเขาบนเตียงได้ทุกกระบวนท่า แต่เขากลับไม่ยอมหยุดทั้งๆ ที่กิริยาตอบสนองเงอะงะของพะแพงก็บอกให้รู้ได้เป็นอย่างดีว่าหล่อนยังไม่เคย
กรามแกร่งขบกันแน่นจนแทบแตกระเบิด ลมหายใจเดือดดาลกระแทกออกมาจากริมฝีปากกว้างหยักลึก ในสมองกำลังผุดภาพยามที่เขากำลังเคลื่อนไหวเข้าใส่ร่างอวบอิ่มแสนคับแน่นของพะแพงขึ้นมาอีกครั้ง เสียงร้องครวญครางของหล่อนช่างไพเราะเหลือเกิน เต้านมใหญ่ที่เขาบีบขยำแรงๆ จนแทบเละแหลกคามือก็นุ่มหยุ่นอวบอิ่ม ความคับแน่นที่บีบรัดอยู่รอบท่อนชายทำให้เขาเต็มไปด้วยความเสียวกระสัน หล่อนส่ายระริก กรีดร้อง วิงวอนให้เขาเคลื่อนไหวร้อนแรงมากขึ้น หล่อนดีดดิ้นตอบสนองร่านร้อนในแบบที่เขาต้องการ เขาจำได้ว่าตัวเองหลุดหลงเข้าไปในหลุมสวาท ตอกย้ำความเป็นชายเข้าใส่ร่างอวบไหวร่อนระรัวเร็ว เพียงไม่นานเขาก็แตกระส่ำออกมารุนแรง ความสุขสมยิ่งใหญ่อาบชโลมไปทั้งจิตวิญญาณ และเขาไม่ชอบสิ่งที่กำลังรู้สึกเลยจริงๆ
ความใหญ่โตเกินมนุษย์มนาบวกกับความคับแน่นของสาวบริสุทธิ์ทำให้ความเจ็บปวดระเบิดขึ้นอย่างรุนแรง เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดจากปากของผู้หญิงใต้ร่างที่เกิดขึ้นพร้อมๆ กับความคับแน่นที่ไม่เคยได้ลิ้มลองมาก่อนในชีวิต ทำให้เขาเต็มไปด้วยความพิศวง
เดมอนหรี่ตาแคบมองร่างของพะแพงด้วยความประหลาดใจ ในขณะหยุดการเคลื่อนไหวเอาไว้ชั่วขณะ
ใบหน้านวลที่ก่อนหน้าเคยแดงก่ำเพราะแรงสวาทตอนนี้ซีดเผือด และเต็มไปด้วยหยาดน้ำตานองหน้า วูบหนึ่งหัวใจของเขาก็อ่อนไหว และเสี้ยวเศษความสงสารก็ขึ้นเกิด แต่ไม่นานเขาก็ขจัดมันออกไปจนหมดสิ้น
“เธอคงไม่ได้แสดงละครว่ายังบริสุทธิ์ใช่ไหม”
เขารู้ดีอยู่เต็มอกว่าเจ้าหล่อนไม่ได้เสแสร้งว่าเป็นสาวพรหมจรรย์ แต่ก็อดที่จะเอ่ยถามเพื่อเอาชนะไม่ได้ เจ้าหล่อนเมินหนี หลับตาลง และร้องไห้สะอึกสะอื้น โดยไม่พูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว
เดมอนกัดฟันแน่นด้วยความหงุดหงิด เกลียดตัวเองที่ใส่ใจความรู้สึกของผู้หญิงคนนี้ ทั้งๆ ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
“ถ้าไม่ตอบ ก็แสดงว่าเธอแกล้งแสดงละคร ดังนั้นฉันจะรุนแรงต่อไปยังไงก็ได้ จริงไหม”
พะแพงรีบหันหน้ามาหา น้ำตายังคงเกลื่อนใบหน้า “ดิฉัน…เจ็บค่ะ ได้โปรด…อย่า…รุนแรงกับดิฉันเลย…”
ชายหนุ่มอยากจะใจแข็งให้มากกว่านี้ แต่พอเห็นดวงตาที่ฉ่ำไปด้วยคราบน้ำตาแล้วก็อดที่จะก้มลงไปจูบซับน้ำตาให้ไม่ได้ เกลียดตัวเองนักที่ใจอ่อนแบบนี้
“งั้นก็อย่าดื้อ…ตามใจฉัน”
หล่อนไม่มีทางเลือก นอกจากต้องพยักหน้าตอบรับทั้งน้ำตา
“ฉันจะระวัง อืมมมม…เธอฟิตมากรู้ไหม…” ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวเหยเก เมื่อถูกกลีบเนื้อนางบีบกระชับรัดรอบในทุกทิศทาง “เธอบีบฉันแรงเหลือเกิน โอ้ว…”
หล่อนยังไม่ได้ทำอะไรเลยสักนิด ทำไมเขาถึงครางตัวสั่นแบบนี้ หล่อนแค่นอนเฉยๆ และยังคงเจ็บระบมกับความป่าเถื่อนที่เขามอบให้อยู่เลย
“ฉันจะเริ่มต้นใหม่…แต่จะไม่ถอนออก”
“เอ่อ…”
แล้วเขาก็ก้มลงมาจูบปิดปากอิ่มอีกครั้ง มือใหญ่จับปทุมถันบีบหนักหน่วง ยอดถันถูกถูไถบี้คลึงจนแข็งเป็นไตอีกครั้ง และเขาก็เลื่อนใบหน้าลงมาดูดอมเข้าไปโรมรันต่อในอุ้งปาก
“อ๊า…”
ความเจ็บปวดเริ่มคลายลง เหลือไว้แต่ความอึดอัดคับแน่นที่เกิดจากความเป็นชายของเดมอนที่ยังฝังลึกอยู่ภายใน แม้เขาจะยังเข้ามาในกายสาวไม่หมดทั้งตัวตนก็ตาม
“อ๊า…อา…อา…”
หญิงสาวเริ่มครวญคราง สะโพกที่เคยพยายามจะเคลื่อนหนี ตอนนี้ตามติดยกไหวขึ้นวิงวอน ความเสียวเสียดวิ่งเข้าใส่อีกครั้ง หยาดสวาททะลักออกมาชุ่มฉ่ำจนเดมอนรู้สึกได้
“ดีขึ้นไหม”
เดมอนถามด้วยน้ำเสียงห่วงใยอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน และเมื่อเจ้าหล่อนเสหลบสายตา แต่ขยับสะโพกขึ้นหาเชิญชวนแทน ใบหน้าหล่อจัดก็เต็มไปด้วยความพึงพอใจอีกครั้งและก็ไม่คิดจะรั้งรอต่อไปอีก เขากดท่อนชายเข้าไปอีกครั้งแรงๆ และครั้งนี้ก็สามารถเข้าไปจนลึกหมดทั้งตัวตน
“โอ้ว…ว้าวววว แน่น…โอ้ว…”
ครั้งนี้กลับเป็นเขาเองที่ครวญครางออกมาราวกับคนบ้า เมื่อท่อนชายถูกบีบรัดอย่างรุนแรงชนิดที่ไม่เคยเจอะเจอมาก่อนเลยในชีวิต เขาหน้าตาแดงก่ำ ห่อปากครางเสียงกระเส่า ดวงตาคมกริบเต็มไปด้วยความหื่นกระหาย ความฟิตคับแน่นของแม่สาวใช้คนสวยทำให้เขาเสียวทรมานเหลือเกิน
“อืมมมม…เธอโอเคไหม…ฉันจะขยับแล้ว…โอ้ว…”
เมื่อแม่สาวคนสวยที่หลับตาพริ้มพยักหน้ารับ เขาก็คำรามด้วยความพึงพอใจ และขยับตัวสอดแทรกความเป็นชายเข้าใส่ถี่ระรัวในบัดดล
“อ๊า…อา…”
เนินฉ่ำถูกบดขยี้กระแทกกระทั้นอย่างไม่ปรานีปราศรัย เขาเดินหน้าสอดใส่อย่างตะกละตะกลาม ทุกจังหวะเต็มไปด้วยความป่าเถื่อน หยาบคาย เหี้ยมทมิฬ แต่กลับยิ่งทำให้หล่อนเสียวกระสันจนต้องร่อนสะโพกขึ้นหาตลอดเวลา
“อ๊า…อา…อา…นาย…น้อย…อา…”
“เธอชอบใช่ไหม โอ้ว…”
เขาสอดใส่ถี่ระรัว หนักบ้าง เบาบ้างจนหล่อนครวญครางด้วยความทรมานปิ่มจะขาดใจ สะโพกเปลือยไหวระริก ยกร่อนขึ้นตามติดเขาราวกับเสพติด สองขาเรียวตวัดรอบร่างกำยำเอาไว้และกระชากเข้ามาหาสุดแรง
“โอ้ว…พระเจ้า! ทำไมร้อนฉ่าแบบนี้ โอ้ว…”
สติที่พยายามฉุดรั้งเอาไว้แทบสะบั้นลงเสียเดี๋ยวนั้น ชายหนุ่มอัดกระหน่ำเข้าใส่ร่องคับแคบสุดแรงถี่ระรัว หยาดสวาทชุ่มลื่นของหล่อนทำให้เขายิ่งเสียวทรมานเหลือเกิน
“โอ้ว…ฟิตที่สุด อืมมมม โอ้ว…”
สะโพกเพรียวราวกับมีชีวิตของมันเอง เมื่อมันอยู่เหนือการควบคุมของสมองอย่างสิ้นเชิง มันเคลื่อนไหวเป็นวงกลม ซ้ายบ้างขวาบ้าง สาวยาวๆ และกระหน่ำอัดแทงเข้าใส่ลึกล้ำ ครั้งแล้วครั้งเล่ากับความกระสันเสียวที่เจียนจะระเบิด เขาต้องกัดฟันแน่น พยายามที่จะยื้อฉุดเวลาแห่งความสุขเอาไว้อย่างสุดกำลัง แต่ร่างอวบอิ่มที่ตอบสนองราวกับอีตัวมืออาชีพก็แน่นหนั่นเหลือเกิน กลีบสาวบีบรัดเขาแน่นทั้งๆ ที่เจ้าหล่อนยังไม่สุขสมเลยแม้แต่น้อย จนในที่สุดเขาก็ไม่อาจจะยืดเวลาออกไปได้อีก เขาเงยหน้าขึ้นสูง คำรามราวกับคนบ้าคลั่ง จ้วงแทงเข้าใส่รุนแรงระรัวไม่หยุด จนในที่สุดเขาก็แตกระเบิดออกมาอย่างรุนแรง
“อ๊ากกกก…โอ้ว…โอ้ว…”
ไม่เคยมีเซ็กซ์ครั้งไหนร้อนฉ่าและแสนวิเศษแบบนี้มาก่อนเลย ความเสียวกระสันที่เกิดขึ้นจากการบีบรัดของเจ้าหล่อน ทำให้เขาเต็มไปด้วยความหฤหรรษ์เต็มเปี่ยม
หลังจากเกร็งกระตุกราวกับถูกเขย่าอยู่เกือบนาที เขาก็หรี่ตาแคบมองคนตัวเล็กที่นอนนิ่งอยู่ใต้ร่างด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความพิศวง ในขณะที่ยังกดแช่ความเป็นชายใหญ่โตเอาไว้ในช่องสวาทไม่ยอมถอนถอยออกไปไหน
“ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะยังบริสุทธิ์อยู่”
คำพูดเย็นชาของผู้ชายเลือดเย็นแหวกม่านหมอกมืดมิดให้สว่างขึ้น และสมองก็กลับมาทำงานอีกครั้ง ดวงตากลมโตจับจ้องมองเขา หยาดน้ำตาคลอสองหน่วยตา
“ดิฉัน…กลับได้แล้วใช่ไหมคะ นายน้อย”
“ตอบฉันมาก่อน ว่าทำไมยังไม่เคย”
หล่อนเมินหน้าหนีสายตาคาดคั้นของเขาด้วยความปวดร้าวทรมาน อดสูจนไม่สามารถจะเปล่งคำพูดใดออกไปได้
“ดื้ออีกแล้วหรือ”
หล่อนยังคงไม่ตอบ และนั่นก็ทำให้เดมอนหงุดหงิด “อวดดี งั้นก็คงต้องจัดอีกรอบ”
“อุ๊ยยย…อ๊ะ…อา…อย่า…”
หล่อนสะดุ้งตกใจ เมื่อเขาก้มลงดูดยอดถัน และโลมเลียด้วยปลายลิ้นช่ำชอง
“ปล่อย…ดิฉันเถอะค่ะ”
หล่อนวิงวอน แต่ไม่มีแววปรานีในดวงตาสีฟ้าเข้มของเดมอนเลย หล่อนน้ำตาไหลซึม และก้มหน้ายอมรับความทรมานจากเขาอีกครั้งอย่างไม่มีทางเลือก
ร่างสาวถูกโลมเลียดูดกลืน ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ฟอนเฟ้นอย่างถือสิทธิ์ ทุกตารางนิ้วของเรือนกายถูกบีบขยำอย่างไร้ความปรานี เขาทั้งจูบ ทั้งเลีย ทั้งกัดจนหล่อนเจ็บร้าว ก่อนจะเริ่มต้นเคลื่อนไหวอีกครั้ง และอีกครั้ง
“อ๊า…อา…”
แต่ครั้งนี้หล่อนรู้สึกได้ถึงความเสียวกระสันที่เพิ่มมากขึ้นจากครั้งก่อน ร่างกายที่ผ่านการเรียนรู้มาแล้วหนึ่งครั้งเริ่มต้นเคลื่อนไหวตามอารมณ์สวาทที่ปะทุขึ้นภายใน
“อ๊า…อา…นายน้อย…อา…”
สะโพกอวบยกหยัดร่อนขึ้นหา สองขาเรียวตวัดรัดรึงเรือนกายทรงพลังเอาไว้แน่นหนา ความเสียวกระสันร้อนแรงทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ร่างสาวลอยละลิ่วสูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศ ไม่ช้าหล่อนก็ค้นพบว่าสวรรค์บนดินมันมีจริงๆ
ร่างสาวโก่งโค้งขึ้นสูง เกร็งกระตุกรุนแรงอยู่เสี้ยวนาที ก่อนจะสงบลงนอนแผ่หลาบนเตียงอย่างหมดเรี่ยวแรง แต่คนตัวโตก็ยังคงไม่หยุดเคลื่อนไหว
“โอ้ว…แม่คุณ…บีบแรงเหลือเกิน”
กล้ามเนื้อสาวร้อนฉ่าที่ผ่านการสุขสมบีบรัดรุนแรงอย่างที่ไม่เคยพบเจอมาก่อน ทำเอาเดมอนหน้าตาบิดเบี้ยวเหยเกด้วยความเสียวกระสัน เขาควบคุมบั้นเอวของตัวเองไม่ได้อีก แรงกระแทกจึงรุนแรงระรัวเร็ว เสียงเตียงนอนครางประท้วง เสียงเนื้อแน่นหนั่นปะทะกันดังสนั่นหวั่นไหว นานหลายนาทีกว่าการสอดใส่โหดเหี้ยมจะถูกแทนที่ด้วยเสียงห้าวลึกสุขสม
เรือนกายทรงพลังชุ่มเหงื่อเกร็งค้างอยู่เหนือร่างอวบอัด เสียงคำรามของเขาราวกับดังก้องขึ้นมาจากขุมนรก เขาเกร็งกระตุกอยู่นานเกือบนาทีจึงซวนซบลงไปกอดกกร่างแน่งน้อยแสนหวาน หอบหายใจกระชั้นอยู่เหนือศีรษะของหล่อน
ไม่เคยเลย…ไม่เคยรู้สึกวิเศษแบบนี้มาก่อนเลย…
กายสาวบิดเร่าทรมาน ใบหน้าแดงก่ำไปเพราะถูกครอบงำด้วยฤทธิ์สวาทร้อนฉ่า แค่ถูกลิ้นโลมเลียที่ยอดถันก็ทำให้หล่อนแทบคลั่งแล้ว แต่นี่เขากลับดูดอมยอดทรวงเข้าไปในอุ้งปากทั้งหมด
“อ๊า…อา…นายน้อย…อา…”
เขาดูดแรงๆ แถมยังใช้ลิ้นตวัดเลียอยู่ภายในอุ้งปากอย่างดุดัน ฟันคมกริบของเขาก็ขบกัดตลอดเวลา หล่อนรู้สึกคล้ายกับหัวใจจะหยุดเต้น ความเสียวกระสันที่เกิดจากสัมผัสของเดมอนมันคือสิ่งแปลกใหม่ที่หล่อนไม่เคยสัมผัสมาก่อน
“อา…อา…อ๊า…”
เขายังคงดูดดื่มกับเต้าทรวงแสนอวบอัด ซุกซบหน้าดูดอมโลมเลียด้วยความลุ่มหลง ฝ่ามือใหญ่บีบเคล้นอย่างเมามัน หยอกเย้ากับยอดถันจนมันแข็งชันเป็นตุ่มไต
“ฉันชอบผู้หญิงนมใหญ่อย่างนี้แหละ”
เดมอนกล่าวชมเชย และเลื่อนมือลูบไล้ไปตามสัดส่วนโค้งเว้าแสนสวยของสาวใต้อ้อมแขน ก่อนจะกระชากกระโปรงที่หล่อนสวมใส่อยู่ออกทันที
“อ๊ะ…”
นิ้วยาวไล้ไปตามขอบกางเกงชั้นใน ก่อนจะเลื่อนไปกอบกุมที่เนินสามเหลี่ยมอวบอูม
“อูมดีแท้”
ครั้งนี้เดมอนไม่ได้แค่กล่าวชื่นชม แต่เขายังขยำมือลงกับความเป็นหญิงของหญิงสาวแรงๆ แสดงความหยาบคายไม่ให้เกียรติอย่างชัดเจน
“อื้อ…อย่า…นายน้อย…ปล่อยดิฉันเถอะค่ะ อ๊ะ…”
นิ้วยาวแม้ไม่ได้แทรกลึกผ่านกางเกงชั้นในเข้ามาสัมผัสเนื้อแท้ แต่ก็ไล้รูดไปตามรอยผ่าธรรมชาติของหล่อนอย่างดุดัน จนหล่อนสะท้านไหว
“ชุ่มขนาดนี้ ยังปากแข็งอีกหรือ”
“ไม่นะคะ…”
เขาผลักหล่อนแรงๆ จนกระเด็นไปนอนหงายบนเตียง ร่างสาวที่มีเหลือเพียงกางเกงชั้นในแบบเต็มตัวเท่านั้นปกปิดอยู่รีบเด้งตัวขึ้นมา และพยายามจะหนี แต่ก็ไม่รอด
“ฉันไม่ชอบวิ่งไล่จับ”
“ไม่…ได้โปรด…อย่า…”
เดมอนคิดว่าสิ่งที่เห็นมันก็แค่การแสดง เขาที่กำลังลุ่มหลงกับเนื้อนมใหญ่ของผู้หญิงตรงหน้าจึงมีแต่ความหื่นกระหายเท่านั้นที่หยิบยื่นให้
“เลิกทำเป็นขัดขืนได้แล้ว แม่อีตัวชั้นต่ำ!”
คำผรุสวาทจากปากกว้างหยักลึกของเดมอนทำให้คนที่กำลังดิ้นรนชะงักงัน น้ำตาไหลรินออกมาด้วยความอัปยศอดสู หล่อนจ้องมองคนที่คร่อมทับอยู่บนร่างด้วยความเสียใจ
“ดิฉัน…ไม่ใช่…ผู้หญิงอย่างที่นายน้อยคิดนะคะ”
แทนที่เขาจะเห็นใจ แต่กลับยิ่งแสดงท่าทางเหยียดหยามหล่อนมากยิ่งขึ้น
อีตัว…
เขามองหล่อนเป็นแค่อีตัวเท่านั้น!
“โอเค…เธออยากจะเป็นอะไรก็ได้ตามที่ต้องการ ขออย่างเดียวแค่อ้าขากว้างๆ ให้ฉันเอาโดยที่ไม่ต้องขัดขืนก็พอ” เขาพูดอย่างสุดรำคาญ ในขณะที่หล่อนเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ดิฉัน…ไม่ใช่อีตัว…”
เดมอนขบกรามแน่น มองผู้หญิงที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ใต้ร่างด้วยความหงุดหงิด ความจริงเขาไม่ชอบตอแยกับผู้หญิงพูดมากน่ารำคาญแบบนี้เลย ใช่ เขาควรจะไล่หล่อนลงจากเตียงซะ และเรียกผู้หญิงคนอื่นขึ้นมาบำเรอแทน แต่หล่อนสวย หล่อนอวบอัด อิ่มอูมไปทั้งตัว และเขาก็ไม่อาจจะตัดใจหยุดแตะต้องหล่อนได้
“โอเค เธอคือนางฟ้า แม่ผู้หญิงที่ลงมาจากสรวงสวรรค์ พอใจไหม”
และเดมอนก็ไม่คิดจะเปิดโอกาสให้แม่ผู้หญิงจอมสร้างภาพได้เล่นละครต่อไปอีก เขาบดขยี้ปากอิ่มปิดกลั้นเสียงสะอื้นแผ่วเบาทันที เจ้าหล่อนผลักไสเล็กน้อย แต่พอถูกเขาสอดแทรกลิ้นเข้าไปในอุ้งปากและรัดรึงลิ้นเล็กแสนหวานเอาไว้ การต่อต้านก็อ่อนแรงลง เขาแสยะยิ้มพึงพอใจ เร่งจังหวะจุมพิตให้หนักหน่วงยิ่งขึ้น
“อา…”
เสียงครางแสนหวานดังแว่วออกมาจากกลีบปากบวมช้ำ เมื่อเดมอนถอนจุมพิตและเลื่อนหน้าลงไปคุกคามที่ซอกคอระหงแทน ปากกระด้างร้อนฉ่าจูบดูดเม้มผิวเนื้อนุ่มจนแดงก่ำ ติ่งหูเล็กถูกขบเม้มอย่างหยอกเย้า จนสาวน้อยครางออกมาด้วยความสยิว
เดมอนที่กำลังมึนเมากับรสสวาท ความหวานฉ่ำจากร่างอวบอิ่มนุ่มนิ่มของแม่สาวน้อยใต้ร่างทำให้เขาสุดจะควบคุมสติของตัวเอง เขาลากลิ้นลงมายังลาดบ่าบอบบาง ขบกัดราวกับจะกลืนกิน ฝ่ามือหนาบีบเคล้นเต้านมอย่างเมามัน นิ้วแกร่งคีบประกบยอดถันสีกุหลาบเอาไว้ บี้คลึงเม็ดเต่งจนมันบวมเป่งชูชัน ก่อนจะดึงมันให้ขึ้นสูง และปล่อยให้ดีดเด้งกลับลงมาที่เดิม
“อ๊า…อา…”
คนตัวเล็กดิ้นพล่าน สมองหยุดทำงาน ตอนนี้มีแค่กระแสสวาทเท่านั้นที่หล่อเลี้ยงภายในกายให้สามารถคงมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ สัมผัสของเดมอนคือสิ่งเดียวที่หล่อนโหยหา แม้จะไม่อาจรู้ได้ว่าความรู้สึกร้อนฉ่าที่วูบวาบไปทั้งร่างโดยเฉพาะที่ซอกขามันคืออะไร แต่หล่อนก็กระวนกระวายต้องการจะเดินไปให้สุดทาง
ปลายทางที่มีแต่เขา…สัมผัสของเขา…เพียงเท่านั้น…
“อา…อ๊า…อา…”
เสียงหวานครวญครางออกมาอย่างต่อเนื่อง เมื่อยอดถันที่ถูกนิ้วยาวบี้คลึงหายวับเข้าไปในอุ้งปากร้อนจัด เขาดูดแรงๆ จนเม็ดเต่งแทบจะร่วงหายเข้าไปในลำคอเลยทีเดียว หล่อนดิ้นพล่านด้วยความทรมาน มือเล็กที่เคยเอาแต่ผลักไสตอนนี้ลูบไล้ไปตามผิวกายเรียบตรึงทรงพละกำลังของคนที่กำลังคร่อมทับร่างสาว
“อา…อ๊า…อื้อ…”
ไฟราคะร้อนฉ่าลุกโหมกระพืออยู่ที่ซอกขา หยาดน้ำบางอย่างหลั่งรินออกมาจากภายในจนเปียกชุ่ม สะโพกอวบหยัดยกร่อนขึ้นสูงอย่างลืมตัวตน วิงวอนตามสัญชาตญาณให้เขามอบความหฤหรรษ์ร้อนแรงให้เสียที
“อ๊า…ได้โปรด…อา…”
แต่เขาก็ยังคงใจร้ายเหมือนเดิม เพราะไม่สนใจความร้อนรนกระวนกระวายของหล่อนเลย ความสนใจของเดมอนยังคงอยู่ที่เต้านมของหล่อน เขายังคงดูดอม โลมเลีย และขบกัด สร้างความเสียวกระสันให้จนแทบขาดใจ
หล่อนต้องการมากกว่านี้…ต้องการให้เขาแตะต้องอีกจุดหนึ่งที่กำลังรวดร้าว ภาวนาให้เขาได้ยินในสิ่งที่หัวใจของหล่อนวิงวอน
“ได้โปรด…นาย…น้อย…อ๊า…”
เขาต้องมีหูทิพย์แน่ๆ เพราะไม่ถึงเสี้ยวนาทีเขาก็เงยหน้าขึ้น ปลดปล่อยยอดปทุมจากอุ้งปากร้อนระอุ มือใหญ่เลื่อนไปที่ขอบกางเกงชั้นในทรงโบราณที่เป้ากางเกงเปียกจนแฉะ จากนั้นก็รูดมันจนพ้นสะโพกอวบทันที
“โอ้ว…”
หล่อนได้ยินเสียงเขาสบถหยาบคายหลายคำ เมื่อสายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่เนินสวาทของหล่อน
“สวยจริงๆ”
ลมหายใจของเดมอนแทบหยุดลง เมื่อความงดงามของความเป็นอิสตรีกระแทกเข้าใส่ตา เนินสามเหลี่ยมอูมอวบ แถมยังขาวผ่องชวนให้จุมพิต มือใหญ่สั่นเทายื่นไปหา ก่อนจะค่อยๆ คลี่กลีบสาวออกจากกันด้วยความนุ่มนวล
สีสันภายในของหล่อนสวยเหลือเกิน มันแดงอมชมพูไม่ต่างจากยอดอก และริมฝีปากหวานของหล่อน เดมอนรู้สึกราวกับตัวเองถูกกระชากให้ร่วงหล่นลงไปในขุมนรกแสนร้อนฉ่า เขาจ้องมองกลีบนางราวกับไม่เคยเห็นมาก่อน นิ้วยาวสั่นๆ ยื่นไปไล้ตามรอยแยกแย้มธรรมชาติ เจ้าหล่อนกรีดร้อง และพยายามเลื่อนสะโพกหนี แต่เขาตรึงเอาไว้อย่างแน่นหนา
“อื้อ…อย่า…”
เขาไม่สนใจคำต่อต้านของเจ้าหล่อนแม้แต่นิดเดียว เพราะตอนนี้สมองของเขากำลังจดจ่ออยู่กับสิ่งตรงหน้า เขาไล้ปลายนิ้วหยอกเย้า ก่อนจะเลื่อนนิ้วไปหยุดบี้คลึงเกสรสวาทแสนอ่อนไหวหนักๆ ผลที่ได้ก็คือร่างสาวร่ายระริกและหยุดทัดทานในทันที
“อ๊ะ…อ๊า…อ๊า…”
สะโพกเปลือยเปล่าส่ายระริกตามติดนิ้วยาวของเขาอย่างโหยหา เขาระบายยิ้มด้วยความพึงพอใจ ก่อนจะดันนิ้วเข้าไปในร่องแคบที่มองไม่เห็นภายในตรงหน้า
“อ๊ะ…อื้อ…”
เจ้าหล่อนสะดุ้งน้อยๆ ใบหน้าเหยเก และพยายามขยับสะโพกหนี แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยอีกเช่นเคย ใช้นิ้วหัวแม่มือคลึงเม็ดสวาท ในขณะที่นิ้วกลางยัดเข้าไปภายในเป็นจังหวะ
“อืมมม แน่นมาก”
เขาครางด้วยความพิศวง ขยับนิ้วเข้าออกเป็นจังหวะ กดลึกดึงออกมาจนสุดและอัดเข้าไปหาใหม่ ในขณะที่ใบหน้าก็เลื่อนสูงขึ้นไปดูดกัดยอดถันอย่างหื่นกระหาย
“อ๊า…อา…”
พะแพงกำลังต่อสู้กับความร้อนฉ่าที่เกิดขึ้นจากการที่ปากเขาดูดอมและนิ้วมือที่สอดใส่อยู่ในความเป็นหญิงของตัวเองอย่างสุดความสามารถ แต่หล่อนร้อนเหลือเกิน และแน่นอนว่าไม่อาจจะต่อสู้กับปรมาจารย์อย่างเดมอนได้ สุดท้ายก็ต้องร่อนเนินสวาทขึ้นตามติดนิ้วยาวด้วยความลุ่มหลง
“ร่านร้อนที่สุด…อืมมมม ฉันชอบ…”
เดมอนคลายยอดถันออกจากปาก และคว้าหมอนใบใหญ่มาสอดรองใต้บั้นท้ายอวบงามที่ส่ายร่อนรอคอยอย่างรีบร้อน ไร้ความอดทน ซึ่งมันผิดแผกไปจากวิสัยปกติของตัวเองยิ่งนัก แต่เขาไม่สนใจหรอก เพราะตอนนี้สิ่งเดียวที่ต้องการก็คือเขาสอดใส่เข้าไปในร่างของผู้หญิงคนนี้ให้แรงๆ ใช่…ต้องให้แรงที่สุด เพื่อที่จะได้ดับอารมณ์หื่นกระหายในกายให้สลายหายไปเสียที
สองขาอวบถูกจับงอ และดันขึ้นสูงจนชิดกับเต้าอวบ ท่อนชายขนาดมหึมาจดจ่อดุนดันอยู่ที่ช่องทางสวาท หญิงสาวขยับหนีตามสัญชาตญาณสาวบริสุทธิ์ แต่เดมอนมองข้ามไป เพราะเขากำลังหิวกระหายจนหน้ามืดตามัว และทิ่มแทงเข้าใส่อย่างดุดันทันที
“กรี๊ดดดดด…!”
พะแพงเห็นวิคตอเรียเดินหายออกไปจากตึกใหญ่แล้ว หล่อนจึงคว้าอุปกรณ์ทำความสะอาดติดมือ และเดินขึ้นบันได มุ่งหน้าตรงไปยังห้องนอนของนายเจ้าของบ้าน คำสั่งของป้ามิเชลล์ยังคงดังก้องอยู่ในหัวตลอดเวลา
‘อย่าไปไหนไกลล่ะ เพราะถ้าคุณวิคกี้กลับไปแล้ว เธอต้องขึ้นไปทำความสะอาดบนห้องนอนของนายน้อยทันที’
หญิงสาวเดินมาหยุดที่ประตูห้องนอนของเดมอน มือขาวสะอาดยื่นไปหมุนลูกบิดเพียงแผ่วเบา ก็สามารถดันบานประตูไม้ให้เปิดกว้างออกได้
หล่อนก้าวข้ามธรณีประตูเข้าไปหยุดภายในห้องนอนกว้างใหญ่ของเดมอน มือเล็กดึงบานประตูให้ปิดสนิทลง ก่อนจะกวาดตามองไปรอบๆ ด้วยความรู้สึกกระอักกระอ่วนใจ
หล่อนไม่ได้ไร้เดียงสาจนไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้ภายในห้องนี้เกิดอะไรขึ้นบ้าง เตียงที่ยับบ่นราวกับเพิ่งผ่านสงครามเลือดมาตอกย้ำให้รู้ว่าสิ่งที่คิดมันคือความจริง แก้มนวลแดงก่ำ เมื่อสายตามองไปหยุดที่กางเกงในบ๊อกเซอร์ของผู้ชายที่ถูกเหวี่ยงทิ้งไว้ห่างจากเตียงกว้างเพียงเล็กน้อยเท่านั้น หล่อนเม้มปากเป็นเส้นตรง ขณะเดินเข้าไปคุกเข่าลงข้างๆ เจ้าบ๊อกเซอร์สีเข้ม และหยิบมันขึ้นมาพิจารณา
“ทำไมตัวเล็กแบบนี้” หล่อนพึมพำด้วยความแปลกใจ เพราะเนื้อตัวของเดมอนเท่าที่เห็นมันใหญ่กว่ากางเกงในบ๊อกเซอร์เยอะมาก “หรือว่านายน้อยชอบใส่อะไรฟิตๆ”
แก้มนวลแดงก่ำราวกับผลตำลึงสุก เมื่อพอมองเลยกองกางเกงในบ๊อกเซอร์ไปแล้วพบกับเศษถุงยางอนามัยที่ภายในมีหยาดน้ำสีขาวขุ่นเหนียวๆ ติดอยู่ มือเล็กยกขึ้นปิดปาก และรีบเมินหน้าหนีจากเศษถุงยางใช้แล้วนั่นอย่างอับอาย
หล่อนต้องรีบทำความสะอาดให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุด จะได้ออกไปจากสถานที่แห่งนี้สักที สถานที่ที่หล่อนไม่ควรจะเฉียดเข้าใกล้แม้แต่นิดเดียว
ร่างอรชรกำลังจะลุกขึ้นยืน และเริ่มทำความสะอาด แต่เสียงประตูกระจกด้านขวาของตัวห้องนอนกว้างก็ดังขึ้นเสียก่อน พร้อมๆ กับการปรากฏกายของเดมอน
“นาย…น้อย…”
สายตาของเขาปะทะเข้ากับสายตาตื่นตกใจของหล่อนโดยบังเอิญ และกองไฟกัลป์ก็ลุกโชนขึ้นอย่างบ้าคลั่ง ปฏิกิริยาเคมีบางอย่างที่เต็มไปด้วยแรงดึงดูดทำให้ห้องทั้งห้องเงียบกริบ กระแสไฟฟ้านับหมื่นโวลต์วิ่งเข้าปะทะเนื้อตัวจนทั้งหล่อนและทั้งเขาช็อกไม่ต่างกัน
“เธอ…เข้ามาทำไม”
น้ำเสียงของเขาไม่ได้เข้มข้นเหมือนกับสองครั้งก่อนหน้า แต่กระเส่าและอันตรายยิ่งนัก
หล่อนขยับตัวก้าวถอยหลังหนีตามสัญชาตญาณ ดวงตากลมโตเสหลบดวงตาสีฟ้าเข้มที่ตอนนี้เรืองรองดุดันอย่างหวาดกลัว
“ดิฉัน…เข้ามา…”
“หาฉัน?”
เดมอนแทรกขึ้นก่อนที่หล่อนจะทันได้พูดจบ และเขาที่ทั้งเนื้อทั้งตัวมีเพียงเสื้อคลุมสีเข้มเพียงตัวเดียวเท่านั้นก็ย่างสามขุมเข้ามาหา สายตาของเขาดุดันและหิวกระหาย
“ไม่ใช่นะคะ คุณแม่บ้านใหญ่ให้ดิฉันมา…”
“ฉันรู้ ไม่ต้องพูดต่อแล้ว”
ท่าทางของเดมอนน่ากลัวเหลือเกิน แถมสายตาของเขาที่มองจ้องมาตอนนี้ก็ราวกับจะฉีกทึ้งเสื้อผ้าของหล่อนให้ออกไปจากตัว และจากนั้นก็…
โอ้…ไม่นะ เดมอนคงไม่ทำแบบนั้น…
พะแพงพยายามคิดในแง่ดี
“เอ่อ…ถ้านายน้อยต้องการพักผ่อน ดิฉัน…ออกไปก่อนก็ได้ค่ะ”
หญิงสาวรีบหมุนตัวตั้งใจจะกระโจนออกจากห้องนอนของเดมอน แต่เรียวแขนถูกอะไรบางอย่างที่แข็งกระด้างกุมเอาไว้เสียก่อน หล่อนรีบหันมามอง และก็พบว่าสิ่งที่แข็งกระด้างคืออุ้งมือของเดมอนนั่นเอง
“เอ่อ…นายน้อย…”
กลีบปากอิ่มสั่นระริก ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความตื่นตระหนกหวาดหวั่น
เดมอนบอกตัวเองให้ถอยห่างจากผู้หญิงตรงหน้าซะ เพราะหล่อนคือตัวอันตราย แต่แรงดึงดูดที่มีต่อกันนั้นช่างมีอิทธิพลรุนแรงเหลือเกิน จนเขาสุดจะห้ามปรามตัวเองได้อีก
“จะไปไหน”
“คือ…คือว่า…ดิฉัน…” ใบหน้านวลแดงก่ำ สายตาสีฟ้าเข้มที่จับจ้องมองมาเหมือนประเมินราคาค่าตัวยิ่งทำให้หล่อนร้อนผะผ่าวไปทั้งเนื้อตัว “จะ…ออกไปก่อนค่ะ”
“ไม่ต้อง อุตส่าห์มาแล้วนี่”
สายตาของเขาทวีความร้อนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ มองราวกับกำลังจะลากหล่อนขึ้นเตียงไม่มีผิด หล่อนตัวสั่นเทา รู้สึกกระอักกระอ่วนใจเป็นที่สุด อยากจะหนีไปจากตรงนี้เสียให้รู้แล้วรู้รอด แต่สองขากลับไร้เรี่ยวแรงขึ้นมากะทันหัน แถมไอร้อนจากอุ้งมือใหญ่ที่ตรึงแขนเรียวเอาไว้ปลุกปั่นให้เลือดสาวเดือดพล่านอย่างน่าตกใจ
“นาย…นายน้อยหมายถึง…อะไรเหรอคะ”
เขาระบายยิ้มหยัน โน้มใบหน้าหล่อจัดลงมาหา จนหล่อนได้กลิ่นลมหายใจของเขาเลยทีเดียว
“ฉันรู้ว่าเธอต้องการอะไร”
“เอ่อ…ดิฉันขึ้นมา…ทำความสะอาดค่ะ”
“ทำความสะอาดร่างกายของฉันสินะ”
คำตอบหยันๆ ของเขาทำให้หล่อนต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่ค่ะ ดิฉัน…มาทำความสะอาดห้องให้นาย…นายน้อยน่ะค่ะ”
หล่อนอธิบายไปหอบไป และก็ยิ่งทำให้เขายิ้มหยันมากยิ่งขึ้น
“ถ้าฉันไม่รู้มาก่อนว่าเธอมาจากที่ไหน ฉันคงเชื่อการแสดงของเธอ”
นี่เขา…กำลังพูดบ้าอะไรเนี่ย
ดวงหน้างามส่ายไปมาน้อยๆ กลีบปากอิ่มขยับเผยอเปล่งคำพูดตะกุกตะกักออกมา
“คือดิฉัน…มาทำความสะอาดตามคำสั่งของคุณแม่บ้านใหญ่จริงๆ ค่ะนายน้อย”
เดมอนอมยิ้มหยัน หรี่ตาแคบมองหน้าอกอวบอิ่มที่กำลังสะท้อนขึ้นลงในชุดฟอร์มของคนใช้อย่างพิจารณา ก่อนจะพบว่าเจ้าหล่อนมีหน้าอกหน้าใจที่ใหญ่โตจริงๆ และมันก็ทำให้ความต้องการดิบเถื่อนของเขาพุ่งกระฉูดขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขาต้องได้แม่สาวใช้คนนี้!
และเดี๋ยวนี้ด้วย!
เดมอนทั้งเกลียดทั้งหงุดหงิดในความหื่นกระหายของตัวเอง ไม่เคยเลย ไม่เคยมีช่วงเวลาไหนเลยที่ผู้ชายหยิ่งยโสเช่นเขาจะต้องการผู้หญิงสักคนเร่งด่วนแบบนี้
“แก้ผ้า แล้วขึ้นไปรอบนเตียง”
“คะ?”
หล่อนต้องฟังผิดแน่ๆ มันต้องไม่ใช่อย่างที่หูได้ยิน เดมอนไม่มีทางมองหล่อน โดยเฉพาะหลังจากที่เขาเพิ่งจะมีเซ็กซ์ร้อนฉ่ากับคู่หมั้นแสนสวยเสร็จไม่นาน
‘เธอหูฝาด พะแพง’
“นาย…นายน้อยพูดว่าอะไรนะคะ”
ใบหน้าตื่นตระหนกไม่รู้เดียงสาของผู้หญิงตรงหน้าทำให้เขาหงุดหงิดยิ่งนัก มือใหญ่ยกขึ้นเสยผมแรงๆ ก่อนจะเค้นเสียงดุดันไม่พอใจออกมา
“ฉันบอกให้เธอถอดเสื้อผ้า แล้วขึ้นไปรอฉันบนเตียง”
คราวนี้สิ่งที่ได้ยินมันชัดเจนเกินว่าที่จะคิดว่าหูแว่วหูฝาดไปได้ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง หน้าตาของพะแพงซีดเผือด ความหวาดกลัววิ่งเข้าใส่หัวใจอย่างรุนแรง
“ไม่…ไม่นะคะ…”
หล่อนส่ายหน้าไปมา น้ำตาคลอเบ้า หวังว่าเขาจะเมตตา แต่เขากลับหัวเราะเยาะ
“อย่ามาแสดงละครหน่อยเลย น่ารำคาญ”
“ดิฉัน…ไม่ได้แสดงละครนะคะ แต่ว่า…”
“เลิกพล่ามได้แล้ว ฉันรำคาญ!”
น้ำเสียงของเดมอนดุดัน และสายตาของเขาก็เต็มไปด้วยความหงุดหงิด ขณะที่แรงกดของนิ้วยาวบนท่อนแขนเรียวทวีความหนักหน่วงขึ้นจนหล่อนเจ็บร้าว
“นาย…นายน้อยคะ อย่า…”
น้ำตาเม็ดโตไหลออกมาจากดวงตากลมหวานซึ้งของผู้หญิงตรงหน้า เดมอนเห็นแล้วก็ยิ่งโมโห เพราะเข้าใจว่าแม่สาวใช้คนสวยกำลังเล่นละครเพื่อเรียกร้องความสนใจ
“ถ้าอยากแสดงละครก็ตามสบาย งั้นก็คิดซะว่าห้องนอนของฉันคือโรงละครบรอดเวย์ก็แล้วกัน”
เขาเค้นเสียงเดือดดาล กระชากร่างอรชรเข้าไปปะทะแผ่นอกกว้างอย่างไม่ปรานี หล่อนพยายามจะขืนตัวออก แต่มือใหญ่ตวัดรัดเอาไว้แน่น
“นาย…นายน้อยคะ ได้โปรด…อย่า…”
เขายิ้มเยาะ ก้มหน้าลงมาหาใกล้ยิ่งขึ้น ในขณะที่มืออีกข้างก็ยกขึ้นตรึงท้ายทอยเล็กเอาไว้
“รางวัลลูกโลกทองคำปีนี้เป็นของเธอแน่ คนสวย”
แล้วเดมอนก็ไม่คิดจะปล่อยเวลาให้ยาวนานออกไปอีก เขาประกบปากลงมาหาแรงๆ แสดงความเป็นใหญ่เหนือสาวใช้ไร้ราคาเช่นหล่อนอย่างชัดเจน
“อื้อ…”
นั่นคือเสียงต่อต้านเดียวของหล่อนที่สามารถหลุดออกมาจากริมฝีปากได้ เพราะหลังจากนั้น ปากของหล่อนก็แทบจะแหลกเละอยู่ใต้ริมฝีปากกว้างหยักลึกของเขา ความกระด้าง ดุดัน หนักหน่วง หื่นกระหายคล้ายกับอดอยากปากแห้งมาเนิ่นนาน สาดซัดเข้าใส่เรียวปากอิ่มของหล่อนอย่างไม่ปรานี ปากสาวแตกยับเมื่อถูกคุกคามอย่างไร้เมตตา เขาดันร่างของหล่อนไปจนชิดกำแพง ตามประกบแนบแน่น มือที่ตรึงท้ายทอยยังคงจับเอาไว้อย่างแน่นหนา ปากร้อนกระด้างบดขยี้บี้คลึงร้อนแรง สาวน้อยน้ำตาไหลซึม เจ็บระบมไปทั้งอุ้งปาก ความหวาดกลัวแล่นพล่านไปทั้งตัว ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าภายใต้ท่าทางเย่อหยิ่งถือเนื้อตัวของเดมอน จะมีความหื่นกระหายทางเพศรุนแรงมากมายขนาดนี้ แล้วหล่อนจะรอดพ้นจากอุ้งมือของเขาได้ยังไงกัน
พะแพงคิดอย่างสิ้นหวัง เมื่อการพยายามต่อต้านเขาของตัวเองช่างไร้ผลเสียเหลือเกิน ไม่ว่าจะดิ้นรนสักแค่ไหน แต่อ้อมแขนที่แข็งแกร่งราวกับปลอกเหล็กก็ตรึงเอาไว้ทุกทิศทาง แถมปากร้อนกระด้างก็ยังไม่ต่างจากอุปกรณ์ทรมานทางเพศแม้แต่นิดเดียว เพราะแค่เขาดันลิ้นไล้เลียกลีบปากอิ่ม หล่อนก็ถึงกับหลุดหลง เผลอครางออกมาอย่างน่าอับอาย
สมองรางเลือน การต่อต้านจางหายไปในอากาศ เมื่อผู้ชายเอาแต่ใจอย่างเดมอนเลื่อนมือต่ำลงมายังบั้นท้ายอวบและกอบกุมความเต่งตึงของแก้มก้นสาวเอาไว้เต็มมือ เขาบีบแรงๆ และดันให้ร่างของหล่อนยิ่งแนบชิดกับความกำยำของตัวเอง ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ครางอู้อี้อยู่ภายใต้รอยจูบดุดันของเดมอน เมื่อหล่อนรับรู้ได้ถึงความแข็งชันที่ดุนดันอยู่บริเวณหน้าท้อง
มันคืออะไรทำไมหล่อนจะไม่รู้ล่ะ แต่ทำไมมันแข็งนัก…
ดวงตาของพะแพงเบิกกว้างก่อนจะปิดปรือลงเมื่อความร้อนฉ่าจากปลายลิ้นสากที่พุ่งทะยานเข้ามาภายในอุ้งปากสาวเล่นงาน หล่อนครวญครางอย่างลืมตัว และสิ่งเดียวที่สมองรับรู้อยู่ในตอนนี้ก็คือรสชาติจากปากของเดมอนเท่านั้น
ปากที่ประกบแน่นและขยับเคลื่อนไหวร้อนแรง ลิ้นสากอุ่นชื้นที่ตวัดหยอกเย้าอยู่ภายในอุ้งปากสาว หล่อนกำลังเป็นอะไร ทำไมถึงรู้สึกร้อนฉ่าราวกับมีใครมาสุมไฟเอาไว้ที่ช่องท้องแบบนี้ ทำไม…ทำไมแรงต่อต้านที่ควรจะมีถึงได้จางหายไปจนหมดสิ้น ตอนนี้สิ่งเดียวที่ต้องการก็คือเขา
“อืมมม…แบบนี้สิ ถึงจะใช่ตัวตนของเธอ”
เดมอนถอนจุมพิต จ้องมองเจ้าของปากอิ่มแสนหวานเมื่อเจ้าหล่อนขยับกายบดเบียดเข้ามาหาอย่างจงใจเชิญชวน
“เธอร้อนแรง ฉันรู้ดี…”
เขาครางใกล้ๆ ใบหูของหล่อนด้วยน้ำเสียงพึงพอใจ ในขณะที่หล่อนยังคงมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น
“นาย…นายน้อยคะ คือว่า…”
“ไม่ต้องพูด แค่ทำในสิ่งที่ฉันต้องการก็พอ”
แล้วปากของหล่อนก็ถูกประกบจูบอีกครั้ง คราวนี้เขาจูบอย่างเร่าร้อนดุดันและเร่งเร้าให้หล่อนตอบสนองด้วยอารมณ์เดียวกัน หล่อนพยายามต่อต้าน แต่ก็ไม่อาจจะต่อสู้กับความเชี่ยวชาญของเดมอนได้ ไม่ช้าก็ต้องเผยอปากจูบตอบเขา ยอมให้ปากร้อนรุ่มบดขยี้อย่างเต็มอกเต็มใจ
เดมอนคำรามออกมาด้วยความพึงพอใจ เขาถอนปากจากเรียวปากอิ่มบวมช้ำ ไล่แทะเล็มลงไปตามซอกคอระหง ดูดเม้มขบกัดจนผิวสาวแดงช้ำ จากนั้นก็ลากลิ้นเลียต่ำลงไปตามผิวเนื้อที่โผล่พ้นอาภรณ์เรื่อยๆ นิ้วยาวปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่หญิงสาวสวมใส่อยู่อย่างเชี่ยวชาญ กระดุมทุกเม็ดถูกแกะออกจากรังดุมด้วยความชำนาญ ไม่ช้าสาบเสื้อก็แยกกว้างออกจากกัน เผยโฉมปทุมถันอวบสล้างที่ใหญ่จนต้องกะพริบตามองซ้ำๆ ให้เห็นเต็มสองตา
“โอ้…ใหญ่มาก…ของจริงหรือเปล่าเนี่ย”
คำถามของเขาไม่ได้ทำให้หล่อนได้สติเท่ากับสัมผัสจากมือหนาที่กอบกุมลงบนเต้าสวยไร้ราคี
“อื้อ…อย่าค่ะ…”
หล่อนปัดป้องสุดแรง แต่ข้อมือเล็กก็ถูกรวบไปไพล่ไว้ด้านหลัง ทรวงอกแอ่นหยัดโชว์หราแก่สายตาคมกริบ หล่อนแสนจะอับอาย พยายามวิงวอนให้เขาปลดปล่อย แต่เขาไม่สนใจเลย เพราะเขาก้มหน้าลงมาซุกไซ้ที่ร่องอกอวบ แม้จะมีบราเซียร์ห่อหุ้มเอาไว้ แต่ความร้อนจากริมฝีปากและลิ้นสากที่ตวัดเลียผิวนุ่มเนียนก็ทำให้หล่อนสะท้านอย่างรุนแรง
“อื้อ…อย่า…อย่าค่ะ…นายน้อย…อย่า…”
เขาไม่สนใจคำวิงวอนของหล่อนเหมือนเดิม เพราะวินาทีต่อมา นิ้วยาวสีแทนก็เอื้อมไปด้านหลัง ปลดตะขอบราเซียร์ทรงโบราณออกไปจากตัวของหล่อน
“ว้าว…ทั้งใหญ่ ทั้งสวย”
เสียงชื่นชมจากลำคอของเขาไม่ได้ทำให้หล่อนรู้สึกอายน้อยลงเลย หล่อนพยายามวิงวอน พยายามขอร้อง แต่ผลก็เหมือนเดิม เมื่อเขาไม่สนใจ และเอาแต่จ้องมองเต้าทรวงของหล่อนด้วยสายตาหิวกระหาย แต่เดมอนไม่ได้หยุดแค่มอง เพราะเขายังก้มหน้าลงมาหาทีละนิด ก่อนจะใช้ลิ้นสีสดแลบเลียไล้ยอดถันสีกุหลาบของหล่อนไปมา
“อ๊ะ…อื้อ…อย่า…”
หล่อนสะท้านไปทั้งตัว ความรู้สึกยามที่ยอดอกถูกลิ้นสากโลมเลียมันแสนวิเศษนัก ไม่อาจจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดใดได้เลย รู้เพียงแต่ว่าหล่อนเสียดเสียวไปทั้งร่าง ทุกครั้งที่เขาตวัดลิ้นเลียลงมาสัมผัสบนยอดปทุม เสียงครางแผ่วเบาก็ดังเล็ดลอดออกมาจากปากอิ่มโดยไม่รู้ตัว
“นายน้อย…อ๊า…”
“วิคกี้มาแล้วค่ะ เดมอน”
คนที่นอนรูดท่อนชายรอคอยอยู่ผงกศีรษะขึ้นมามองเล็กน้อย หน้าตาของเดมอนแดงก่ำไปด้วยแรงอารมณ์สวาท
“อมให้หน่อย วิคกี้”
คู่หมั้นสาวผู้เจนจัดระบายยิ้มพึงพอใจ หล่อนรีบสลัดเสื้อผ้าออกจากตัว และกระโจนขึ้นไปหาเดมอนบนเตียงกว้าง
“คุณดูมีอารมณ์มากกว่าทุกครั้งเลยนะคะเดมอน”
มือเล็กปัดมือใหญ่ที่กอบกุมท่อนชายอวบใหญ่เอาไว้แรงๆ จนพ้นทาง และจัดการโอบประคองมันด้วยมือนุ่มของตนเองเอาไว้อย่างแน่นหนา
“ใหญ่โตเสมอเลยนะคะ ที่รัก…”
“อืมมมม…ดูดให้ผม…” คนตัวโตครวญคราง หลับตาพริ้ม ในขณะที่วิคตอเรียหัวเราะคิกคัก และใช้นิ้วสะกิดมุกสองเม็ดที่ฝังอยู่บนท่อนเนื้ออย่างติดอกติดใจ
“รู้ไหมคะ ว่าตั้งแต่วิคกี้มีเซ็กซ์กับผู้ชายมา ยังไม่เคยมีผู้ชายคนไหนล้มสถิติใหญ่ยาวของคุณได้เลยค่ะเดมอน”
“อย่างนั้นหรือ”
“ใช่ค่ะ วิคกี้ถึงต้องกลับมาตายรังทุกรอบยังไงล่ะคะ คิดถึงมุกสองเม็ดของคุณด้วย” แล้วเจ้าหล่อนก็ก้มลงจูบส่วนบนของท่อนเนื้อแผ่วเบา
“วิคกี้…อมเร็วๆ เถอะ ผมจะคลั่งอยู่แล้ว” คนตัวโตร้องสั่งเสียงดุดัน
“ได้ค่ะ ที่รัก…จัดให้เดี๋ยวนี้แหละค่ะ…”
“อืมมมมม”
แล้ววิคตอเรียก็ยัดสิ่งที่อยู่ในสองอุ้งมือเข้าใส่ปากของตัวเอง ลิ้นเล็กตวัดโลมเลียไล้ยั่วยวน ก่อนจะดูดกลืนแรงๆ เสียงคำรามลั่นของเดมอนดังขึ้น พร้อมกับมือใหญ่ที่กดศีรษะของหล่อนลงสุดแรง เพื่อให้หล่อนได้ดูดกลืนอย่างลึกล้ำ
“อืมมมม…โอ้ว…”
ในหัวของเขาเตลิดไปไกลแสนไกล ภาพในสมองผุดพรายใบหน้าของผู้หญิงคนหนึ่งขึ้นมาอย่างไม่อาจจะควบคุมได้ ภาพแม่สาวใช้คนสวยคนนั้นกำลังเปลื้องผ้าต่อหน้าของเขา อวดความอวบอิ่มของเรือนกายสาวสะพรั่งอยู่ตรงหน้า ปทุมถันอวบสล้างใหญ่โตกว่าที่เขาจินตนาการเอาไว้เสียอีก เขาเอื้อมมือไปจับหน้าอกของหล่อน บีบขยำสุดแรงจนมันบี้แบนคามือ แต่พอปลดปล่อยมันก็ดีดเด้งกลับมาเป็นก้อนเนื้อนุ่มเช่นเดิมอีกครั้งอย่างน่าอัศจรรย์
จากนั้นเขาก็เลื่อนสายตามองต่ำลงไปยังเนินสามเหลี่ยมที่มีเพียงไรขนอ่อนสีเข้มปกคลุมเอาไว้บางเบาเพียงเท่านั้น น้ำลายในลำคอของเขาเหนียวหนึบ เขาอดรนทนไม่ได้อีกต่อไป จับหล่อนสอดใส่อย่างรุนแรง เสียงกรีดร้องด้วยความเสียวซ่านยามที่ถูกเขาอัดกระหน่ำเข้าใส่ของเจ้าหล่อนช่างไพเราะยิ่งนัก ใบหน้าของหล่อนบิดเบี้ยวเหยเก ปากอิ่มเผยอร้องครวญครางลั่น หล่อนวิงวอนเสียงกระเส่าให้เขาอัดกระหน่ำเข้าใส่แรงๆ ส่ายบั้นท้ายระริกเพื่อรับความเป็นชายที่ใหญ่ยาวของเขาอย่างกระตือรือร้น หล่อนดีดดิ้น ตอบสนองราวกับโสเภณีร้อนแรง ร้อนฉ่าราวกับไฟกัลป์ในนรก เขาจำไม่ได้ว่าตัวเองกระแทกกระทั้นอัดกระหน่ำเข้าใส่ร่องคับแน่นแสนรัดรึงนั้นนานแค่ไหน รู้เพียงแค่ว่าเสียวซ่านทรมานเหลือเกิน และกำลังจะสุขสม
“โอ้ว…โอ้ว…ไม่ไหวแล้ว โอ้ว…”
เดมอนที่หลับตาปี๋ขยุ้มเส้นผมของวิคตอเรียเอาไว้แน่น กดแรงๆ จนเจ้าหล่อนแทบจะสำลักออกมาเมื่อท่อนชายทิ่มแทงเข้าไปจุกลำคอ และเพียงเสี้ยววินาทีเดียว หยาดสวาทร้อนจัดรสชาติเยี่ยมก็พุ่งกระจายใส่ปากของหล่อน และแน่นอนว่าวิคตอเรียกลืนกินจนหมดสิ้น
“โอ้ว…โอ้ว…”
ชายหนุ่มเกร็งสะท้านด้วยความหฤหรรษ์ เขาแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตัวเองจะคิดถึงแม่สาวใช้หน้าแฉล้มคนนั้นยามที่ตัวตนของตนเองอยู่ในปากของวิคตอเรีย
นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน?
สีหน้าที่เต็มไปด้วยความหงุดหงิดของเดมอนทำให้วิคตอเรียแปลกใจจนต้องเอ่ยถาม
“วิคกี้ใช้ปากไม่ดีเหรอคะ ทำไมหน้าบูดจัง”
เดมอนถอนหายใจออกมา และรีบสลัดความน่าสะอิดสะเอียนออกไปจากสมอง
“คุณทำดีมากต่างหาก ไม่เห็นหรือว่าผมระเบิดใส่ปากของคุณแรงแค่ไหน”
วิคตอเรียระบายยิ้มกว้าง หยิบซองถุงยางมาฉีกออก และสวมให้กับเดมอนด้วยปากของตัวเอง จากนั้นก็ขยับตัวขึ้นไปนั่งคร่อมร่างทรงพลังเปลือยเปล่า
“วิคกี้ขอควบนะคะ”
“ผมตามใจคุณ อืมมมม” เดมอนครางเมื่อท่อนชายฝังมุกถูกคู่หมั้นสาวกลืนกินเข้าไปทีละนิดจนกระทั่งหมดทั้งความยาว
“คับแน่นไปหมดเลยค่ะ เดมอน วิคกี้ชอบความใหญ่ของคุณจริงๆ อ๊า…อา…”
“ควบผมแรงๆ ขยับแรงๆ วิคกี้…แบบนั้น อืมมมม…”
ชายหนุ่มสั่งเสียงกระด้าง มือใหญ่ยกขึ้นกุมเอวคอดของวิคตอเรียเอาไว้แน่น ยกร่างอวบขึ้นสูงก่อนจะจับกดลงมาบนท่อนชายของตัวเองที่เด้งขึ้นหาอย่างรู้จังหวะสอดประสานแรงระรัว
“อืมมมม…โอ้ว…”
เขารู้ดีว่าผู้หญิงที่กำลังควบขี่ร่างกายของตัวเองอยู่นั้นคือวิคตอเรีย แต่ทำไมนะ ทำไมสมองถึงหวนกลับไปคิดถึงแม่สาวใช้หน้าหวานคนนี้อีกแล้ว
“แรง…แรงอีก ได้โปรด…แรงอีก…อืมมมม โอ้ว…”
ใบหน้าหล่อจัดแดงก่ำ เขาครวญครางราวกับคนบ้า เมื่อสมองไม่หยุดคิดถึงใบหน้าของผู้หญิงคนนั้น ไม่ช้าอารมณ์สวาทที่อัดแน่นเต็มร่างก็ทำให้เขาแตกระเบิดออกมาอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
“โอ้ว…อ๊ากกกก…”
เขาเกร็งกระตุก ร่างกายสั่นสะท้าน ปลดปล่อยหยาดน้ำแห่งตัณหาออกมามากล้น
วิคตอเรียจ้องมองร่างทรงพลังของเดมอนด้วยรอยยิ้มอัศจรรย์ใจ “แปลกจังนะคะ นี่เป็นครั้งแรกที่คุณเสร็จเร็วมาก แถมยังอารมณ์ดุดันมากกว่าทุกครั้งที่เรานอนด้วยกัน”
“เพราะผม…คิดถึงคุณไง”
“แน่ใจหรือคะ”
วิคตอเรียเลื่อนตัวลงมานอนข้างๆ และมองใบหน้าหล่อเหลาของเดมอน
“อืมมม”
เดมอนตอบเพียงแค่นั้น ก็ตวัดแขนรัดรอบร่างอวบอิ่มของคู่หมั้นสาวเอาไว้ และหลับตาลงช้าๆ เกลียดตัวเองที่ปล่อยให้ผู้หญิงคนนั้นเข้ามาครอบงำรุนแรงแบบนี้
“คุณง่วงหรือคะ เดมอน”
“นิดหน่อยน่ะ คุณจะค้างกับผมด้วยหรือเปล่าวิคกี้”
“วิคกี้มีนัดกับเพื่อนต่อน่ะค่ะ คงค้างที่นี่กับคุณไม่ได้ ไม่ว่ากันนะคะ เดมอน”
ดวงตาสีฟ้าเข้มเอียงหน้ามาสบประสานสายตา “ผมให้อิสระคุณเสมอ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร แต่ถ้าเราแต่งงานกันแล้ว คุณจะต้องหยุดทุกอย่างที่ผมไม่ชอบ โอเค้”
“โอเคค่ะ” วิคตอเรียยื่นปากไปจูบแก้มสากอย่างเอาใจ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่ง
“งั้นวิคกี้กลับเลยนะคะ”
“ไม่พักหน่อยหรือ”
“ไม่หรอกค่ะ วิคกี้รีบ”
หญิงสาวก้าวลงจากเตียงและรีบสวมใส่เสื้อผ้า เดมอนมองตามร่างคู่หมั้นสาวไม่วางตา
“ขับรถดีๆ นะวิคกี้”
“ขอบคุณค่ะ แล้วจะโทรหานะคะเดมอน”
“ครับ”
วิคตอเรียเดินหายออกไปจากห้องแล้ว สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมดุดันมากยิ่งขึ้น ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะก้าวลงจากเตียง เดินไปหยิบเสื้อคลุมมาสวมใส่เอาไว้ จากนั้นก็ออกไปยืนรับลมเย็นๆ ที่ริมระเบียงที่อยู่หลังบานประตูกระจก เนื้อตัวยังคงร้อนผะผ่าว และก็ยังคงคุกรุ่นไปด้วยแรงปรารถนา
“หรือฉันต้องให้คนไปตามเธอขึ้นมาบำบัด แม่สาวสวยจากเมืองไทย” เขาพึมพำ และพยายามควบคุมตัวเอง แต่ยิ่งพยายามร่างกายก็ยิ่งร้อนรุ่ม นี่เขาจะอดทนได้นานแค่ไหนกันนะ
ร่างของมิเชลล์นั่งรออยู่บนโซฟาภายในห้องรับแขก พะแพงกล่าวขออนุญาต ก่อนจะเดินเข้าไปยืนค้อมตัวภายในห้อง
“ทำไมมาช้านัก ฉันให้คนไปเรียกตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ”
“เอ่อ…คือดิฉันเกิดอุบัติเหตุนิดหน่อยน่ะค่ะ ก็เลยทำให้มาพบคุณแม่บ้านใหญ่ช้า ดิฉันกราบขอโทษนะคะ”
มิเชลล์เห็นแผลถลอกที่ข้อศอกของพะแพงโดยบังเอิญ จึงรู้ว่าหญิงสาวไม่ได้โกหก
“คราวหน้าคราวหลังก็อย่าซุ่มซ่ามให้มันมากนัก”
“ค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่” หล่อนกล่าวเสียงแผ่วเบา และยืนรอฟังคำสั่งจากคู่สนทนา
“แม่คิตตี้ที่เคยทำงานในตึกใหญ่เพิ่งลาออกไป ฉันก็เลยต้องการให้เธอเข้ามาทำงานในตึกใหญ่แทน”
“ค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่” สิ่งที่หล่อนทำได้ก็คือการตอบรับเพียงเท่านั้น
“ฉันสังเกตมาหลายวันแล้ว เธอเป็นคนทำงานเรียบร้อย ละเอียดถี่ถ้วน ดังนั้นจึงเหมาะสมที่จะเข้ามาทำงานในนี้ แต่เธอคงรู้นะว่าห้ามพลาด เพราะนายน้อยเป็นคนรักความสะอาดมาก”
“เอ่อ ค่ะคุณแม่บ้านใหญ่ ดิฉันจะทำงานให้เรียบร้อย ไม่ให้เสียชื่อถึงคุณแม่บ้านใหญ่แน่นอนค่ะ”
มิเชลล์มองสาวไทยที่เพิ่งถูกส่งเข้ามาขัดดอกด้วยสายตาเอ็นดูกว่าคนใช้คนอื่น เพราะพะแพงเป็นเด็กสาวหัวอ่อน ใช้อะไรก็ทำ ไม่เคยขัดคำสั่งแม้แต่ครั้งเดียว แถมยังทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เรียบร้อยเสียด้วย
“หน้าที่ของเธอคือดูแลทำความสะอาดห้องนอนของนายน้อย และบริเวณระเบียงไม้ด้านหน้าห้องของนายน้อย”
นายน้อย…
ผู้ชายที่มีดวงตาสีฟ้าเข้มดั่งท้องทะเล แต่ให้ความรู้สึกร้อนฉ่าราวกับไฟกัลป์คนนั้นน่ะหรือ
แก้มสาวแดงระเรื่อขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“ค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่”
“ดีมาก ตารางทำความสะอาดห้องนายน้อยอยู่ที่ห้องสำนักงาน เธอไปหยิบได้เลย”
“ค่ะ”
“เริ่มงานวันนี้เลยนะ อ้อ แล้ววันนี้นายน้อยกลับมาบ้านก่อนเวลา เธอเอากาแฟขึ้นไปเสิร์ฟให้นายน้อยตอนบ่ายโมงครึ่งด้วย”
“ค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่”
เมื่อหญิงสาวตรงหน้ารับคำสั่ง ป้ามิเชลล์จึงระบายยิ้มออกมาด้วยความพึงพอใจ
“ไปได้แล้ว”
“ค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่”
คำพูดซ้ำๆ ของหล่อนดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่หล่อนจะค่อยๆ หมุนตัวออกมาจากห้องรับแขก มุ่งหน้าตรงไปยังห้องสำนักงานเพื่อรับตารางทำความสะอาดห้องพักของบุรุษนัยน์ตาสีฟ้าเข้ม อย่างน้อยๆ การทำงานแลกเงินก็ยังดีเสียกว่าถูกลากขึ้นไปบำเรอบนเตียงอย่างที่เคยหวาดกลัวเอาไว้
สาวใช้คนนั้น…
เนื้อตัวนุ่มนิ่มของเจ้าหล่อนยังคงติดตรึงอยู่ในความรู้สึก…
เดมอนยืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยความรู้สึกหงุดหงิดกับร่างกายของตัวเอง ที่มันมีปฏิกิริยาตอบรับเสน่ห์ทางของผู้หญิงคนนั้น
นานแค่ไหนแล้วนะที่เขาไม่ได้รู้สึกถึงเลือดหนุ่มที่วิ่งพล่านอยู่ในร่างกายแบบนี้ ดวงหน้าของหล่อนยามช้อนมองขึ้นมา ช่างไม่ต่างจากแสงตะวันยามเช้า แม้นัยน์ตากลมโตสีดำขลับคู่นั้นจะแฝงไว้ด้วยความตื่นกลัว แต่ก็ยังคงเต็มไปด้วยความน่ามอง และริมฝีปากอวบอิ่มที่ดูหนาเกินไป แต่ทำไมนะ ทำไมเขาถึงรู้สึกอยากจะบดขยี้มันด้วยปากของตัวเองนัก
บ้าชะมัด!
เดมอนสบถอย่างโมโหตัวเอง พยายามจะสลัดภาพของแม่สาวใช้คนนั้นให้ออกไปจากสมอง แต่ก็ทำไม่สำเร็จ เพราะร่างกายของเขาตื่นตัวตั้งแต่ได้สัมผัสเนื้อนุ่มของเจ้าหล่อน จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่ยอมสงบลงเลย ยังคงแข็งขืนชูชัน และพร้อมที่จะจ้วงลึกเข้าไปในร่างของแม่สาวใช้ขัดดอกคนนั้นแรงๆ
ร่างกายของเขาไม่เคยมีปฏิกิริยาแบบนี้ ไม่เคยรู้สึกต้องการผู้หญิงคนไหนรุนแรงแบบนี้มาก่อน
กรามแกร่งขบกันแน่นเป็นสันนูนเป่ง ริมฝีปากกว้างหยักลึกบิดเบ้ด้วยความคลื่นไส้กับความรู้สึกของตัวเองอย่างรังเกียจ และก็พยายามควบคุมความหื่นกระหายของความต้องการทางเพศเอาไว้สุดกำลัง
วิคตอเรียกำลังจะมา เขาจะได้ปลดปล่อยในตัวของคู่หมั้นสาว ซึ่งทุกครั้งวิคตอเรียก็ทำให้เขาสุขสมอย่างแรงกล้า เพราะหล่อนเก่งฉกาจในเรื่องเพศไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าเขาเลย
ชายหนุ่มผละจากขอบหน้าต่างบานใหญ่ของห้องนอน เดินกลับไปทรุดตัวนั่งบนขอบเตียง ภาวนาให้วิคตอเรียเดินทางมาถึงและช่วยให้เขาหลุดพ้นจากสภาพแข็งชันนี้สักที
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เดมอนตวัดตามอง และก็ระบายยิ้มผ่อนคลายออกมา เพราะคิดว่าเป็นวิคตอเรีย
“มาก่อนเวลาเสียด้วย วิคกี้”
เขาลุกขึ้นเดิน และเดินไปกระชากประตูเปิดกว้างออก กำลังจะยื่นมือไปรวบผู้หญิงที่อยู่หลังบานประตูเข้ามากอดจูบ แต่แล้วก็ต้องชะงักกึก เมื่อไม่ใช่วิคตอเรีย
“เอ่อ…ดิฉันนำกาแฟขึ้นมาให้ค่ะ”
แม่สาวใช้ที่เต้นระบำเปลื้องผ้าอยู่ในหัวของเขามาเกือบครึ่งชั่วโมงนั่นเอง
กรามแกร่งที่มีเคราหนวดขบกันแน่น ดวงตาคมกริบจ้องมองอย่างดุดัน
“เธอนั่นเอง”
พะแพงระบายยิ้มบางๆ ก่อนจะก้มหน้ามองพื้นที่ฝ่าเท้ายืนอยู่ด้วยความยำเกรง
“เอากลับไปเถอะ ฉันยังไม่ดื่ม”
“เอ่อ…ค่ะ”
หญิงสาวก้มหน้าตอบรับคำสั่งเสียงแผ่วเบา และหมุนตัวเดินจากไปในทันที
สายตาของเดมอนจับจ้องมองไปยังบั้นท้ายที่ยักย้ายส่ายไปตามการเคลื่อนไหวของหญิงสาวอย่างไม่อาจละสายตาได้ น้ำลายในลำคอเหนียวหนึบ สมองจินตนาการไปไกลโพ้น
“บ้าชิบ!”
เดมอนดึงบานประตูปิดลงแรงๆ ก่อนจะเดินไปทิ้งตัวลงบนเตียง สายตาสีฟ้าเข้มวาวโรจน์ก้มลงมองไอ้ส่วนที่ชูชันตุงเป้ากางเกงอย่างโมโหเป็นที่สุด
มือหนาเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาต่อสายหาวิคตอเรีย
“วิคกี้คุณใกล้ถึงหรือยัง ผมจะรอไม่ไหวแล้ว”
“อีกไม่เกินห้านาทีค่ะ เดมอน แก้ผ้ารอวิคกี้ได้เลยค่ะ”
“ผมกำลังทำอยู่”
ชายหนุ่มโยนโทรศัพท์มือถือลงกับเตียงอย่างไม่ไยดี และจัดการสลัดเสื้อผ้าออกจนหมดสิ้น เรือนกายแน่นหนั่นสีแทนสวยนอนหงายราบกับที่นอน ความเป็นชายชูชันชี้ตั้งทแยง มือใหญ่กอบกุมท่อนเนื้อเอาไว้ รูดขึ้นลงไปมา ดวงตาคมกริบหลับปรืออย่างรอคอย
พะแพงก้าวลงมาจากบันไดบ้าน ก็เจอมิเชลล์พอดี
“ทำไมยังไม่เอากาแฟไปให้นายน้อยอีกล่ะ”
“เอ่อ…ดิฉันเอาไปให้นายน้อยแล้วค่ะ แต่นายน้อย…บอกว่ายังไม่อยากดื่มค่ะ”
คิ้วของป้ามิเชลล์เลิกสูงด้วยความแปลกใจ แต่ก่อนที่จะพูดอะไรออกมา ร่างของวิคตอเรียก็เดินสวนเข้ามาเสียก่อน
“สวัสดีป้ามิเชลล์”
“อ้าว สวัสดีค่ะคุณวิคกี้”
ป้ามิเชลล์ฉีกยิ้มกว้าง และเอ่ยทักทายอย่างสนิทสนม
“ไม่รู้นะคะว่าคุณวิคกี้จะมาวันนี้ ไม่อย่างงั้นป้าจะสั่งแม่ครัวให้เตรียมของโปรดไว้ให้ค่ะ”
ผู้หญิงหน้าตาสะสวยราวกับเดินลงมาจากสรวงสวรรค์ระบายยิ้มอย่างอารมณ์ดี
“นึกว่าเดมอนบอกป้ามิเชลล์แล้วเสียอีก”
“นายน้อยไม่ได้บอกเลยค่ะ อ้อ เพราะอย่างนี้ใช่ไหมคะนายน้อยถึงกลับบ้านแต่วัน”
วิคตอเรียระบายยิ้มแก้มแดง “ก็เรานัดกันไว้น่ะ ไม่ได้เจอกันมาหลายอาทิตย์ คงจะอยู่ในห้องทั้งวัน ป้ามิเชลล์ก็อย่าให้ใครไปกวนพวกเรานะคะ”
“ได้ค่ะ คุณวิคกี้”
วิคตอเรียระบายยิ้มกำลังจะเดินขึ้นบันได แต่ก็ชะงักเท้า เมื่อสายตามองมาเห็นพะแพง
“นี่สาวใช้คนใหม่เหรอคะป้ามิเชลล์”
“ใช่ค่ะ เพิ่งรับมาได้ไม่กี่วันเองค่ะ” ป้ามิเชลล์ตอบ ก่อนจะหันมาสั่งพะแพง
“นี่คุณวิคกี้ คู่หมั้นของนายน้อย”
สิ่งที่ได้ยินทำให้หัวใจของหล่อนมีรูกลวงขนาดใหญ่ รู้สึกโหวงเหวงจนแทบเก็บอาการเอาไว้ไม่อยู่ หล่อนฝืนยิ้ม และกล่าวทักทายผู้หญิงสวยราวกับนางฟ้าตรงหน้า
“สวัสดีค่ะคุณวิคกี้”
วิคตอเรียระบายยิ้มให้อย่างเป็นมิตร “มาจากไหนล่ะเรา หน้าตาสะสวยไม่เบาเลยนะ”
“เอ่อ ดิฉันมาจากเมืองไทยค่ะ”
“อืม เมืองไทย…ฉันเคยตามพ่อไปเที่ยวอยู่ ที่นั่นสวยนะ”
“ขอบคุณค่ะ”
วิคตอเรียระบายยิ้มกว้าง ก่อนจะขอตัวเดินขึ้นชั้นบนไป พะแพงมองตามไปด้วยสายตาชื่นชมในบุญวาสนาของสตรีนางนี้ ทั้งสวย ทั้งรวย และก็โชคดีเหลือเกิน
“คุณวิคกี้สวยใช่ไหมล่ะ”
จู่ๆ ป้ามิเชลล์ก็พูดขึ้น หล่อนจึงละสายตาจากร่างของวิคตอเรียมามองป้ามิเชลล์
“เธอสวยมากเลยค่ะ คุณแม่บ้านใหญ่” หล่อนเอ่ยอย่างชื่นชมจากใจจริง “เธอเหมาะสมกับนายน้อยมาก”
“ใช่ ไม่มีใครคู่ควรกับนายน้อยเท่ากับคุณวิคกี้อีกแล้วล่ะ”
พะแพงระบายยิ้มออกมา แต่ก็เศร้าหมองไม่น้อย “ดิฉันขอตัวก่อนนะคะคุณแม่บ้านใหญ่”
“อย่าไปไหนไกลล่ะ เพราะถ้าคุณวิคกี้กลับไปแล้ว เธอต้องขึ้นไปทำความสะอาดบนห้องนอนของนายน้อยทันที”
“เอ่อ…ค่ะ…”
หล่อนตอบรับด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา ก่อนจะเดินค้อมหลังจากไปเงียบๆ
คฤหาสน์ลินการ์ดตั้งอยู่ย่านเมืองของมหานครลาสเวกัสซึ่งค่อนข้างเงียบสงบจากมวลมหานักพนันที่เข้ามาเสี่ยงโชคในบ่อนคาสิโน คฤหาสน์หลังนี้กว้างใหญ่ไพศาล ตกแต่งด้วยวัสดุราคาแพงระยับที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ อาณาบริเวณกว้างขวางหลายพันเอเคอร์ตกแต่งเอาไว้อย่างประณีตสวยงาม จนทุกคนต่างขนานนามคฤหาสน์หลังนี้ว่า พาราไดส์ หรือสวรรค์นั่นเอง
มือเล็กขาวสะอาดกุมด้ามไม้กวาดเอาไว้ ดวงตากลมโตกวาดมองไปรอบๆ ตัวด้วยความทึ่งจัด หล่อนถูกบิดาส่งตัวมาอยู่ที่นี่ได้เกือบห้าวันแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสสำรวจดินแดนสวรรค์แห่งนี้ได้ทั่วอย่างที่ใจต้องการเลย เนื่องจากงานที่ล้นมือ และฐานะที่ต่ำต้อยเป็นแค่เพียงคนรับใช้
พะแพง ก้องเกียรติไพบูลย์ สาวสวยจากเมืองไทยที่ถูกครอบครัวส่งมาขัดดอก หลังจากที่บิดาเดินทางมาเสี่ยงโชคที่นี่และสูญเสียเงินจำนวนมหาศาลเป็นหนี้หลายล้านดอลลาร์ และถึงแม้จะขายทรัพย์สินที่เมืองไทยจนหมดเกลี้ยง เหลือไว้แค่เพียงบ้านซุกหัวนอน แต่ก็ยังไม่อาจจะชดใช้หนี้พนันที่เกิดขึ้นได้
หล่อนจำได้ว่าตัวเองร้องไห้จะเป็นจะตายเมื่อรู้ว่าต้องจากบ้านเกิดมายังเมืองแห่งบาปแห่งนี้ เมืองที่เต็มไปด้วยการพนันขันต่อ เมืองที่มีแต่คาวโลกีย์และเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพล หล่อนแทบอยากฆ่าตัวเองตาย แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเสียสละตัวเอง และทำเพื่อความอยู่รอดของครอบครัว ทำงานใช้หนี้จนกว่าหนี้พนันของพ่อจะหมดลง
แต่การเป็นคนใช้ไม่ใช่สิ่งที่หล่อนหวาดกลัวมากเท่ากับข้อตกลงในสัญญาที่เพิ่งเซ็นชื่อลงไป
‘คนใช้ที่นี่ต้องทำทุกอย่างตามที่เจ้านายสั่ง แม้กระทั่งขึ้นเตียงกับเจ้านาย’
หล่อนต้องกล้ำกลืนฝืนทนในการจรดปลายปากกายอมรับกฎข้อนี้อย่างไม่มีทางเลือก ภาวนาให้เจ้านายของที่นี่ไม่สนใจ ไม่ไยดี และไม่ปรารถนาที่จะร่วมเตียงด้วย
‘ไม่ต้องกังวลหรอกแพตตี้ นายน้อยมีผู้หญิงมาให้เลือกเยอะแยะ ท่านไม่สนใจเธอหรอก’
คนที่นี่เรียกหล่อนว่าแพตตี้ เพราะออกเสียงคำว่าพะแพงไม่ถนัดปาก ซึ่งหล่อนก็ไม่ได้ขัดข้องอะไร
ขณะที่กำลังเหม่อลอยอยู่นั้น เสียงของเพื่อนร่วมอาชีพก็ดังขึ้นด้านหลังเสียก่อน
“แพตตี้ คุณมิเชลล์เรียกน่ะ”
พะแพงสะดุ้ง หันกลับไปมองคนเรียก ก่อนจะฝืนใจระบายยิ้มบางๆ ออกมา
“ขอบใจนะโอลิเวีย ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้แหละ”
“อืม งั้นส่งไม้กวาดมา เดี๋ยวฉันทำต่อให้เอง”
“ขอบใจนะ”
พะแพงยื่นไม้กวาดในมือให้กับโอลิเวีย ก่อนจะรีบก้าวเดินไปหามิเชลล์ตามคำสั่งด้วยความรีบร้อน และนั่นก็ทำให้เดินตัดหน้ารถลีมูซีนสีดำคันหนึ่งเข้า
เอี๊ยดดดด
เสียงล้อรถครูดไปกับถนน พร้อมๆ กับร่างของพะแพงที่ล้มลงกับกระแทกกับพื้นถนน ก้นของหล่อนเจ็บระบม ขณะมองรถคันสวยด้วยสายตาตื่นตกใจ
ผู้ชายตัวโตใส่สูทสีดำ พร้อมกับสวมแว่นตากันแดดสีเดียวกับเสื้อที่ใส่ก้าวลงมา และตรงเข้ามากระชากหล่อนให้ลุกขึ้นยืนด้วยกิริยาโหดร้าย
“อยากตายหรือไง ออกไปให้พ้น!”
“ขอ…ขอประทานโทษค่ะ”
หล่อนละล่ำละลักบอก ก่อนจะถูกผลักออกจนพ้นทางอย่างไม่ปรานีปราศรัย ร่างของหล่อนล้มลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง ซึ่งก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่ผู้ชายคนหนึ่งก้าวลงมาจากส่วนกลางของรถคันยาวเฟื้อย
“มีอะไรหรือเชลดอน”
“มีผู้หญิงบ้ามาเดินขวางทางครับนายน้อย”
นายน้อยหรือ?
หล่อนเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายเจ้าของเรือนร่างสูงใหญ่ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความหวาดหวั่น และก็ได้เห็นว่าเขาตัวสูงมาก สวมเสื้อสูทสีน้ำตาลไหม้ มีแว่นตาสีดำสวมใส่อยู่ไม่ต่างจากผู้ชายที่โยนหล่อนออกจนพ้นทาง แต่เขาดูดีกว่าล้านเท่า ใบหน้าของเขาสมบูรณ์แบบ มีหนวดเคราล้อมกรอบเอาไว้พอสมควร หล่อนไม่รู้หรอกว่าดวงตาใต้แว่นกันแดดนั้นเป็นสีอะไร รู้เพียงแต่ว่าจมูกของเขาโด่งสวย รับพอดิบพอดีกับริมฝีปากกว้างหยักลึก ที่คางของเขาเป็นสี่เหลี่ยมและมีรอยหยักบุ๋ม และลำคอตั้งตรงของเขามีสีแทนคล้ายกับสีของน้ำผึ้ง
หัวใจของหล่อนสั่นไหว เต้นโครมคราม ดวงตาของหล่อนราวกับถูกทากาวติดเอาไว้กับผู้ชายที่ยืนค้ำศีรษะอยู่เบื้องหน้า และทันทีที่มือใหญ่ดึงแว่นกันแดดออกไปจนพ้นใบหน้า นรกที่ว่าร้อนประดุจไฟกัลป์ก็ยังไม่ร้อนเท่ากับไฟในดวงตาสีฟ้าเข้มคู่นี้เลย
ต่อให้หล่อนตายดับดิ้นไปจากตรงนี้ หล่อนก็คงไม่อาจจะลืมดวงตาสีฟ้าเข้มทรงอำนาจล้างผลาญของผู้ชายตรงหน้า ดวงตาคมกริบตรึงหล่อนเอาไว้อย่างแน่นหนา สมองของหล่อนหมุนติ้วเป็นวงกลม และแทบหยุดหายใจ เมื่อเสน่ห์อันตรายจากเจ้าของดวงตาสีฟ้าเข้มกระแทกเข้าสู่หัวใจสาวเต็มแรง
“เธอเป็นใคร…”
เสียงของเขาดังขึ้น แม้จะแผ่วเบาแต่ทรงอำนาจยิ่งนัก ดวงตาของเขาหรี่แคบมองมา และมันก็ทำให้เนื้อตัวของหล่อนร้อนฉ่าจนน่าประหลาดใจ
“คือ…คือว่า…”
“คนใช้คนล่าสุดที่ป้ามิเชลล์เพิ่งรับเข้ามาครับ” เชลดอนบอดี้การ์ดประจำตัวของเดมอนชิงตอบแทน
“เธอมาจากไหน”
“เอ่อ…”
“หล่อนมาจากเมืองไทยครับ” เชลดอนตอบแทนอีกครั้ง
“เมืองไทย?” เดมอนทวนคำพูดของเชลดอน “มันคือที่ไหนกันหรือเชลดอน”
“ประเทศเล็กๆ ที่อยู่แถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้น่ะครับ ก็อยู่แถวๆ สิงคโปร์ที่นายน้อยไปลงทุนเปิดคาสิโนยังไงล่ะครับ”
“ทำไมฉันไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน”
เดมอนยังคงนึกภาพไม่ออก ดังนั้นเชลดอนจึงต้องอธิบายให้เห็นภาพมากยิ่งขึ้น
“พัทยาไงครับ ที่ฝรั่งชอบไปเที่ยวน่ะครับ”
“พัทยา?”
“ใช่ครับ”
แล้วเชลดอนก็หยิบโทรศัพท์มือถือของตัวเองขึ้นมากดสองสามครั้งและยื่นให้กับเดมอน
“นี่ไงครับ นายน้อย”
ดวงตาสีฟ้าเข้มจ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์มือถือที่ลูกน้องยื่นมาให้ ก่อนจะตอบรับด้วยการพยักหน้า
“เป็นอย่างนี้นี่เอง”
“ใช่ครับ”
สายตาของเดมอนที่มองพะแพงเปลี่ยนแปลงไปเป็นดูแคลนในทันที ริมฝีปากกว้างหยักลึกแค่นยิ้มหยัน
“ที่นี่ห้ามซื้อขายบริการทางเพศ เธอรู้ใช่ไหม”
หล่อนเผยอปากค้างยิ่งกว่าเดิม ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงพูดกับหล่อนแบบนี้
“ค่ะ…ดิฉันทราบค่ะ”
เสียงของหล่อนสั่นเทาจนน่าสงสาร แต่ไม่ใช่เพราะความหวาดกลัว แต่มันเป็นเพราะอำนาจการทำลายล้างแห่งแรงดึงดูดทางเพศจากบุรุษตรงหน้าต่างหาก
“ถ้าทำผิดกฎ เธอคงรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น”
“เอ่อ ค่ะ”
“ไปได้แล้ว”
น้ำเสียงของบุรุษผู้เป็นเจ้าของดวงตาสีฟ้าเข้มตรงหน้าช่างเย่อหยิ่งและถือตัวเป็นที่สุด และมันก็ยิ่งทำให้หล่อนรู้สึกว่าตัวเองต่ำลึกลงไปใต้ผืนดินยิ่งขึ้น
“ไปสิ นายน้อยไล่แล้ว”
บอดี้การ์ดของเขาขับไล่หล่อนเสียงกระด้างไม่ให้เกียรติ หล่อนต้องกัดฟันข่มความเจ็บระบมที่บั้นท้ายเอาไว้อย่างสุดความสามารถเพื่อลุกขึ้นยืน แต่แล้วก็เสียหลักจะล้มหงายหลัง โชคดีที่มีมือใหญ่ทรงพลังมาคว้าเอาไว้ได้ทัน
“ขะ…ขอบคุณค่ะ”
ผู้ชายที่ถูกเรียกว่านายน้อยคว้าร่างของหล่อนเอาไว้ แต่แรงกระชากนั้นทำให้ร่างของหล่อนปลิวเข้าไปปะทะแผ่นอกกว้างโดยไม่ได้ตั้งใจ หล่อนเผยอปากค้าง เบิกตากว้าง ยิ่งได้มองเขาใกล้ๆ แบบนี้ ก็ยิ่งรู้ว่าเขาอันตรายมากแค่ไหน
“เอ่อ…”
หล่อนบิดตัวเล็กน้อย และเขาก็ยอมปล่อยหล่อนออกจากอ้อมแขนแต่โดยดี หล่อนก้มหน้างุด แก้มแดงก่ำ
“เดินระวังด้วย”
เสียงกระด้างดังมาเข้าหู ก่อนที่เจ้าของกลิ่นตัวเซ็กซี่ที่บ่งบอกถึงรสนิยมทางเพศอันแสนดุดันจะเดินจากไป
“อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ ว่าเธอกำลังคิดจะทำอะไร” เชลดอนหันมาพูดเสียงไม่พอใจ “ไม่ต้องอ่อย เพราะถ้านายน้อยอยากมีเซ็กซ์กับเธอ เธอจะถูกเรียกขึ้นไปหาเอง เข้าใจมั้ย?”
หล่อนทำได้แค่เพียงยืนกัดปากแรงๆ และหลบสายตาเหยียดหยามของคู่สนทนาลงมองพื้นดินเพียงเท่านั้น ในอกก็เต็มไปด้วยความอดสูทรมาน
ศักดิ์ศรีของหล่อนถูกเหยียบขยี้จนหมดสิ้น ตั้งแต่เดินหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ น้ำตาเอ่อล้นคลอสองหน่วยตา ก่อนจะรีบกะพริบตาถี่ๆ เพื่อขับไล่มันให้กลับเข้าไปภายในอก เมื่อนึกขึ้นได้ว่าตัวเองต้องไปพบมิเชลล์แม่บ้านใหญ่
Las Vegas โลกของคาสิโน นักท่องเที่ยวทั่วโลกต่างเดินทางมาแสวงโชคกันที่มหานครอันยิ่งใหญ่แห่งนี้ มหานครที่การพนันคือสิ่งถูกกฎหมาย มหานครที่เต็มไปด้วยความสวยงามของแสงสียามค่ำคืน สถาปัตยกรรมอันวิจิตรตระการตาสร้างออกมาในรูปแบบของโรงแรมหรูหรา เชิญชวนให้มาเยือนสักครั้งในชีวิต
นิตยสารฟอร์บสได้จัดลำดับบุคคลผู้ร่ำรวยที่สุดในอเมริกา ซึ่งแน่นอนว่าแชมเปี้ยนสี่สมัยอย่าง เดมอน ลินการ์ด ก็ยังคงรักษาตำแหน่งลำดับที่หนึ่งเอาไว้ได้เป็นสมัยที่ห้าอย่างไม่เกินความคาดหมาย เพราะเขาคือทายาทคนเดียวของอภิมหาเศรษฐีชื่อก้องปฐพีอย่าง ฮันเตอร์ ลินการ์ด ที่ก้าวผงาดขึ้นมากุมบังเหียนของ เดอะลาสเวกัส แกรนด์ คาสิโน กรุ๊ป หลังจากที่บิดาและมารดาเสียชีวิตกะทันหัน ซึ่งเดมอนเพิ่งจะอายุเพียงแค่สิบเก้าปีเท่านั้น แต่เด็กหนุ่มก็สานต่อกิจการของครอบครัวได้อย่างยอดเยี่ยม และใช้เวลาเพียงแค่เจ็ดปี เดมอนก็สามารถก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งเจ้าพ่อแห่งคาสิโน (Casino) แทนที่บิดาของตัวเองได้สำเร็จ
มันสมองของเดมอนเทียบได้กับบิล เกตส์ ความทะเยอทะยานของเขาสูงส่งยิ่งกว่าพญานกอินทรี ชายหนุ่มไม่ได้หยุดคิดแค่การเป็นเจ้าพ่อบ่อนการพนันเฉพาะในลาสเวกัสเพียงเท่านั้น เพราะเขายังมองการณ์ไกลด้วยการลงทุนสร้างบ่อนคาสิโนขนาดใหญ่ในมาเก๊าและสิงคโปร์อีกด้วย
“ขออนุญาตครับนายน้อย”
ผู้ชายใส่สูทสีดำหยุดที่หน้าประตูห้องและค้อมศีรษะให้กับเจ้านายหนุ่ม
“มีอะไรหรือ”
เดมอน ลินการ์ด เงยหน้าขึ้นจากแฟ้มเอกสารที่ตัวเองกำลังอ่านทบทวน ก่อนจะจรดปลายปากกาเซ็นชื่อลงไป ดวงตาคมกริบสีฟ้าเข้มตวัดมองบอดี้การ์ดของตัวเองนิ่ง
“ลูกหนี้ของบ่อนส่งลูกสาวมาขัดดอกอีกคนแล้วครับ”
ปากกาสีทองในมือหนาสีแทนจิ้มลงกับโต๊ะทำงานไม้ ใบหน้าสมบูรณ์แบบราวกับเทพเจ้าปั้นแต่งมีร่องรอยของความเบื่อหน่าย ริมฝีปากที่มีเคราหนาล้อมกรอบบิดเบี้ยว
“อีกแล้วเหรอ”
“ครับ”
เมื่อคนสนิทตอบรับและก้มหน้าหลบสายตา เดมอนจึงกระแทกลมหายใจออกมาแรงๆ
“ไปเรียกป้ามิเชลล์มาพบฉันเดี๋ยวนี้”
“ครับ นายน้อย”
บอดี้การ์ดร่างสูงถอยหลังออกไปจากห้องทำงานและปิดประตูให้อย่างนุ่มนวล แต่กระนั้นก็ยังไม่อาจดับความหงุดหงิดที่เกิดขึ้นในอกของเดมอนลงได้
เพียงไม่ถึงสามนาที ร่างของมิเชลล์ แม่บ้านใหญ่ประจำบ่อนคาสิโนก็ก้าวเข้ามาหยุดภายในห้อง หญิงสูงวัยก้มหน้าลงและกล่าวทักทายเดมอน
“สวัสดีค่ะนายน้อย”
เดมอนตวัดตาจ้องมองแม่บ้านเก่าแก่ซึ่งเคยเป็นคนสนิทของมารดาในสมัยที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งแน่นอนว่าเขาให้ความเคารพมิเชลล์ไม่น้อย
“เชลดอนบอกผมว่าป้ารับลูกสาวของลูกหนี้มาขัดดอกอีกแล้วหรือครับ”
“ใช่ค่ะ” มิเชลล์เงยหน้าตอบรับด้วยน้ำเสียงแหบแห้งตามอายุที่ล่วงเลยไปตามกาลเวลา
เดมอนส่ายหน้าน้อยๆ ก่อนจะกระแทกลมหายใจออกมาอย่างเบื่อหน่าย
“ผมเคยบอกป้าแล้วนี่ครับว่าไม่ให้ทำแบบนี้อีก ผู้หญิงพวกนี้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย ทำไมจะต้องมารับกรรมแทนญาติพี่น้องของตัวเองล่ะครับ”
“แต่มันคือความสมัครใจของพวกเธอนี่คะ”
ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นยืน เท้าแขนกับโต๊ะไม้ใหญ่ และมองคู่สนทนาด้วยสายตาจริงจัง
“ป้ารู้ได้ยังไงครับว่าผู้หญิงพวกนี้เต็มใจ”
“ก็…”
“พวกเธอถูกบังคับมาทั้งนั้น ผมขอยื่นคำขาดว่าผู้หญิงคนนี้คือคนสุดท้ายที่ป้าจะรับเข้ามาขัดดอก เข้าใจนะครับป้ามิเชลล์”
“ถ้านายน้อยไม่ให้ป้ารับผู้หญิงพวกนี้เข้ามาทำงานในคาสิโนเพื่อขัดดอก แล้วนายน้อยจะให้ป้าทำยังไงกับลูกหนี้ของเราล่ะคะ หรือว่าปล่อยให้เป็นหนี้สูญ”
ศีรษะทุยสวยของเดมอนส่ายไปมา ก่อนที่ริมฝีปากกว้างหยักสวยจะเปล่งคำพูด
“ก็ให้พวกมันมาใช้แรงงานในคาสิโนยังไงล่ะครับ งานหนักๆ มีเยอะแยะไม่ใช่หรือครับป้ามิเชลล์”
“ก็…ใช่ค่ะ”
“งั้นก็ตามนี้ ห้ามรับคนที่ไม่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานในคาสิโนอีก แล้วไอ้คนที่เป็นหนี้เรา ก็ให้มันมาใช้แรงงานผ่อนหนี้จนกว่าจะหมด และระหว่างที่เป็นหนี้ ห้ามให้มันเล่นพนันอีกเด็ดขาด”
น้ำเสียงของเดมอนดุดันและจริงจังจนป้ามิเชลล์ไม่อาจจะคัดค้านได้อีก
“ค่ะ นายน้อย” ป้ามิเชลล์ตอบรับอย่างจำยอม “งั้นป้าขอตัวก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวก่อนครับ”
ป้ามิเชลล์มองหน้าขึ้นมองนายน้อยของตัวเอง “นายน้อยมีอะไรให้ป้ารับใช้คะ”
“เลิกส่งผู้หญิงพวกนี้ขึ้นไปบนห้องผมได้แล้ว ผมไม่ชอบ”
“แต่นายน้อยจะได้ไม่ต้องไปซื้อกินข้างนอกนะคะ แถมผู้หญิงพวกนี้ป้าก็ให้คุณหมอประจำคาสิโนตรวจภายในอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้วทุกคน รับรองปลอดภัยค่ะ”
“ไม่ใช่สเปกผม เข้าใจนะครับ”
ป้ามิเชลล์ที่อ้าปากจะแย้งจำต้องหุบปากลงทันที
“ค่ะ นายน้อย ป้าจะทำตามคำสั่งค่ะ”
“ไปได้แล้ว”
“ค่ะ”
ร่างท้วมของป้ามิเชลล์เดินหายออกไปจากห้องทำงานแล้ว แต่เดมอนก็ยังคงถอนหายใจไม่หยุด เพราะมิเชลล์ทำหน้าที่เป็นมารดาคนที่สองของเขาได้อย่างน่ารำคาญ
“ไบโอนี เข้ามาหาผมหน่อย” เดมอนกดเรียกเลขาฯ ส่วนตัวให้เข้ามาหา
เพียงไม่ถึงหนึ่งนาที ร่างของไบโอนีก็ก้าวเข้ามาหยุดตรงหน้าโต๊ะทำงานของเจ้านายหนุ่มหล่อ
“นายน้อยมีอะไรให้ดิฉันรับใช้เหรอคะ”
“ทำจดหมายแจ้งเลื่อนประชุมเซลล์ไปวันพรุ่งนี้”
“เอ่อ นายน้อยมีธุระด่วนเหรอคะ”
“ใช่ ทำตามที่ผมบอกก็พอ”
เมื่อถูกสายตาสีฟ้าเข้มตวัดมองอย่างตำหนิที่บังอาจสอบถาม ไบโอนีก็จำต้องก้มหน้า และตอบรับเสียงสั่นเทา
“ค่ะ นายน้อย”
“ออกไปได้แล้ว”
ไบโอนีเดินหายออกไปจากห้องทำงานเรียบร้อยแล้ว เดมอนจึงหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทรออก
“ผมเลื่อนประชุมตามที่คุณต้องการแล้วนะ วิคกี้”
วิคกี้ หรือ วิคตอเรีย อดัมส์ สาวเซ็กซี่ผมสีบลอนด์ นัยน์ตาสีฟ้ากระจ่าง พ่วงตำแหน่งนางแบบชุดชั้นในสุดเซ็กซี่รั้งท้ายมาด้วย หล่อนคือลูกสาวของเจ้าพ่อคาสิโน ดอนเน่ อดัมส์ ซึ่งเป็นพันธมิตรของ เดอะลาสเวกัส แกรนด์ คาสิโน กรุ๊ป นั่นเอง
เขากับวิคตอเรียคบหากันมาร่วมสิบปี ตั้งแต่เรียนไฮสคูลด้วยกัน ความสัมพันธ์ของพวกเรานับวันก็แยกไม่ออกว่ามันคือความสัมพันธ์ฉันท์ชู้สาว หรือว่าเพื่อนสนิทกันแน่ เพราะการคบหาระหว่างกันถูกเปิดกว้างไร้การหึงหวง เขาไม่เคยสนใจว่าคู่หมั้นสาวจะไปนอนกับผู้ชายคนไหนในระหว่างที่เขาทำงาน และวิคตอเรียเองก็ไม่เคยตามหึงหวงเขาเลย ไม่ว่าเขาจะมีข่าวว่าลากผู้หญิงคนไหนขึ้นเตียง ความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยอิสระนี่ไง ถึงทำให้เขากับวิคตอเรียคบหากันมาได้อย่างยาวนาน
“น่ารักที่สุดค่ะ เดมอน” วิคตอเรียส่งเสียงจูบมาตามสาย
เดมอนระบายยิ้ม เอนกายพิงกับพนักงานเก้าอี้ตัวใหญ่อย่างผ่อนคลาย
“เราไม่ได้เจอกันเกือบสองอาทิตย์แล้วนี่ครับ ผมคิดถึงตอนที่คุณดูดให้ผมใจจะขาด”
“แหม ดูพูดเข้าสิคะ”
“ก็คุณดูดเก่งนี่วิคกี้ ผมชอบ”
เสียงของวิคตอเรียหัวเราะคิกคัก ก่อนจะทำเสียงกระเส่ายั่วยวนคู่หมั้นหนุ่ม
“เดี๋ยวจะทั้งดูดทั้งเลียเลยค่ะ รับรองคุณตายคาปากวิคกี้แน่ๆ”
“โอ้ว…แค่ได้ฟัง ผมก็แข็งไปหมดแล้ววิคกี้ อืมมมม…”
เดมอนหลับตาลง และครางเบาๆ ใส่โทรศัพท์มือถือ “เซ็กซ์โฟนกันหน่อยเป็นไงวิคกี้”
“ด้วยความยินดีค่ะ ที่รัก”
นี่เป็นอีกข้อดีของวิคตอเรีย หล่อนไม่เคยปฏิเสธสิ่งที่เขาต้องการเลยแม้แต่ครั้งเดียว หากเรื่องนั้นเกี่ยวกับเรื่องเซ็กซ์
“วิคกี้กำลังรูดซิปออก…อา…ทำไมคุณใหญ่แบบนี้คะ เดมอน…อืมมมม…”
“วิคกี้ พูดอีก…ผมกำลัง…อืมมมมม” เดมอนหลับตาครางอยู่บนเก้าอี้อย่างกระสันเสียว
“วิคกี้กำลังจูบบนไอ้หนูของคุณ…อืมมม…เลีย…เลียตั้งแต่ด้านบนจนถึง…โคนนะคะ อืมมม…ทำไมคุณแข็งแบบนี้คะ เดมอน…วิคกี้อยากขย่มคุณจังค่ะ อา…อืมมมม…”
“โอ้ว วิคกี้…ผมกำลัง…มีอารมณ์…อย่าหยุด…”
“วิคกี้กำลังดูดค่ะ กำลัง…ดูดให้คุณ…ดูดและรูดด้วยมือของวิคกี้ เสียวไหมคะ เดมอน ใกล้…ถึงหรือยัง อา…แท่งของคุณอร่อยจังเลยค่ะ คับปากวิคกี้ไปหมด…อืมมมม…”
“ดูด…อย่าหยุด…อืมมมมม…”
ชายหนุ่มหลับตาสมองจินตนาการว่าวิคตอเรียกำลังดูดอมท่อนชายของตัวเอง แต่ความเป็นจริงแล้ว ความเป็นชายกำลังอยู่ในอุ้งมือหนาของเขาเองนั่นแหละ เขารูดขึ้นลงอย่างเร่าร้อน ถี่ระรัวขึ้นเรื่อยๆ เสียงคำรามกระเส่าดังออกมาจากริมฝีปากกว้างตลอดเวลา
“อืมมมม…โอ้ว…วิคกี้…ดูด…ดูดผมแรงๆ โอ้ว…” เพียงไม่กี่อึดใจ ร่างกำยำแน่นหนั่นก็เกร็งกระตุกรุนแรง หยาดน้ำสีขาวขุ่นทะลักออกมาจนเปื้อนฝ่ามือ
“โอ้ว…ผมแตกแล้ว…โอ้ว…”
“วิคกี้กำลังเลียค่ะ กำลังเลียให้คุณ…อืมมมม รสชาติของคุณยังอร่อยเหมือนเดิมนะคะ”
“รีบมานะวิคกี้ ผมอยากเอาคุณแรงๆ”
คนปลายสายหัวเราะคิกคัก “จะรีบไปนะคะ เจอกันที่บ้านของคุณบ่ายสองค่ะ”
“ตกลง ผมจะปั่นไอ้หนูรอ”
“ระดับคุณไม่ต้องปั่นแล้วมั้งคะ เห็นแข็งพร้อมเสียบทุกเวลา”
ชายหนุ่มหัวเราะร่วนกับความจริงจากปากของคู่หมั้นสาว “เลิกพูดความจริงเถอะ ผมเขินจะแย่แล้ว”
“งั้นวิคกี้ขอตัวอาบน้ำก่อนนะคะ จะขัดเนื้อขัดตัวให้หอม แล้วจะรีบไปขยำค่ะ”
“ผมจะรอนะ”
วิคตอเรียวางสายไปแล้ว ในขณะที่เดมอนยังคงนั่งยิ้มอยู่บนเก้าอี้ตัวเดิม ก่อนจะนึกได้ว่าปล่อยคราบความใคร่ออกมาแล้วจนเหนียวหนึบก็ผ่านไปเกือบหนึ่งนาทีเลยทีเดียว
ชายหนุ่มวางโทรศัพท์มือถือลงกับโต๊ะทำงาน คว้ากระดาษทิชชูมาเช็ดมือและท่อนชายที่เปื้อนคราบขาวขุ่น ก่อนจะลุกขึ้นเดินตรงไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างทำความสะอาด
นี่ถ้าวิคตอเรียอยู่ด้วยตอนที่เขาสุขสม หล่อนจะกลืนกินทุกหยาดหยดสวาทของเขาจนแห้งเหือด ไม่เหลือไว้ให้เปื้อนเปรอะแม้แต่นิดเดียว เดมอนระบายยิ้มเมื่อนึกถึงคู่หมั้นสาว