「นี่คือ……ที่นี่มัน…เอาจริงดิ?」
ผมยืนมองอย่างตกตะลึงอยู่ด้านหน้าของอาคารขนาดใหญ่ที่ทอดยาวออกไปตลอดสายตาของผม แม้ว่าตอนที่ผมยังอยู่ที่ญี่ปุ่นผมก็ยังไม่เคยเห็นอาคารที่มีขนาดใหญ่แบบนี้มาก่อนเลย
「ใช่แล้ว มันขึ้นอยู่กับนายแล้วนะ ถ้านายต้องการจะอยู่ที่นี่……」
นาตาลียิ้มก่อนจะเปิดประตู และเข้าไปในคฤหาสน์
เราเดินผ่านลานหน้าบ้านที่ได้รับการดูแลอย่างสวยงามจนมาถึงประตูหน้า
จากนั้นนาตาลีจึงหยิบกุญแจออกมา เพื่อที่จะปลดล็อคประตู
“ตามชั้นมา”
เธอกวักมือให้ผม เพื่อให้ผมไปยืนอยู่ข้าง ๆ เธอ ในขณะที่เรากำลังเข้าไปในคฤหาสน์
ภายในคฤหาสน์ไม่มีวี่แววว่ามีผู้อยู่อาศัยอยู่ในนั้น แต่คฤหาสน์นั้นกลับสะอาดสะอ้านอย่างไม่น่าเชื่อ แถมบรรยากาศรอบ ๆ ยังสัมผัสได้ถึงพลังงานศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
「คือว่า ……เธอแน่ใจนะว่าไม่มีใครอาศัยอยู่ที่นี่……?」
******
นาตาลีตอบกล้บด้วยรอยยิ้มอย่างมีเลศนัย
「เฟอร์ริส เธออยู่รึเปล่า?」
ผมมองไปที่เธอด้วยความสงสัย ในขณะที่เธอกำลังพูดกับห้องโถงที่ว่างเปล่า
……บางทีอาจมีบางคนอาศัยอยู่ที่นี่ก็เป็นได้
ทันใดนั้น หมอกควันสีขาวก็ปรากฏขึ้น จากนั้นก่อตัวเป็นรูปร่างคล้ายมนุษย์
หลังจากหมอกหายไป ก็มีเด็กสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น
เธออายุประมาณ 12 ปี สวมชุดกระโปรงจีบ และผมสีเงินของเธอยาวไปจนถึงเอว
ด้วยดวงตาที่ไร้อารมณ์ และดูไร้วิญญาณ เธอเกือบจะเหมือนตุ๊กตา
「ม-มัน ผ – โผล่ ม-มาจากไหนก็ไม่รู้…… ผ- ผี……?」
「อะไรคือ ผี? เฟอร์ริสเป็นวิญญาณประจำบ้านต่างหาก เธอเป็นหนึ่งในวิญญาณที่สิงสถิตในอาคารเก่า ๆ และจะไม่มีใครสามารถอาศัยอยู่ในอาคารดังกล่าวไห้โดยไม่ได้รับอนุมัติจากพวกเขานะ รู้ไหม? นี่มันเป็นเรื่องพื้นฐานเลยนะ……หลุมบ้านนอกแถวไหนที่นายพึ่งคลานออกมากันล่ะ? (ไอ้ประโยคที่ว่า ไปมุดรูอยู่แถวไหนเลยไม่รู้เรื่องรู้ราว นี้ดูกระจอกไปเลยแฮะ)
ก็พึ่งจะได้ยินครั้งแรกหลังจากมาที่โลกกนี้แหละ……
นาตาลีไม่ได้กดดันความไม่รู้ของผมอีกต่อไป เธอก็หันไปคุยกับเฟอร์ริส
「ไง เฟอร์ริส ชั้นจะให้ผู้ชายคนนี้เช่าคฤหาสน์หลังนี้นะ เธอคิดว่าไงบ้าง?
เฟอร์ริสมองมาที่ผมอย่างละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า จากนั้นเราก็สบตากัน
ผ่านไปไม่กี่นาทีที่เฟอร์ริสยังคงจ้องมองผมอย่างเงียบๆ จากนั้นเธอก็ถอนสายตาออกแล้วจึงพยักหน้าอย่างสงบนิ่งให้กับนาตาลี
ด้วยปฏิกิริยานี้มันทำให้นาตาลีหัวเราะออกมา
「ฟุฟุฟุฟุ…… อย่างนั้นเหรอ!? เธอโคเคกับผู้ชายคนนะ? เอาล่ะ โทยะ ชั้นให้นายเช่าบ้านได้”
「…… นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นเนี้ยยย? มันเป็นแบบนี้ไปยังไงละเฮ้ย?」
「ไปกันเถอะ ซาเมียร์กำลังรอเราอยู่ เฟอร์ริส เดี๋ยวพวกเราจะกลับมาทีหลังนะ」
***************
เฟริสพยักหน้าแล้วหายตัวไปจากตรงนั้น
ผมเดินตามนาตาลีออกไปจากบ้านด้วยความสับสน จากนั้นเราก็พบว่าซาเมียร์กำลังรอพวกเราอยู่ข้างนอกด้วยความกังวลเล็กน้อย
「ได้รับอณุญาตแล้วล่ะ」
นั่นเป็นคำพูดเดียวที่มาจากนาตาลี
「ไม่มีทางน่า…..โทยะซัง คุณสุดยอดมากเลยนะคะ! คิดไม่ถึงจริง ๆ ที่คุณได้รับการยอมรับจากวิญญาณประจำบ้าน! คฤหาสน์หลังนี้ว่างเปล่ามานานกว่า 10 ปีแล้วนะคะ….」
ตอนนี้ผมยังไม่ค่อยเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นเลย สิ่งเดียวที่รู้ก็คือผมสามารถเช่าคฤหาสน์หลังนี้ได้ ส่วนนอกนั้นมีแต่คำถามที่วิ่งเข้ามาในหัวของผมเต็มไปหมด
หลังจากแยกทางกับนาตาลีแล้ว ผมกับซาเมียร์ก็กลับไปที่กิลด์การค้า กลับมาที่โต๊ะตัวเดิมก่อนที่จะออกไป
「ตอนนี้คุณสามารถเซ็นสัญญาได้แล้วค่า กรุณาลงชื่อตรงนี้ ส่วนค่าเช่าจะอยู่ที่ 150,000 กิลต่อเดือน โทยะซัง คุณมีกิลด์การ์ดอยู่กับตัวไหมคะ คุณจะถอนเงินจากมันรึเปล่าคะ?”
“เดี๋ยวก่อนนน. ผมสามารถฝากเงินเข้ากิลด์การ์ดได้ด้วยเหรอครับ? ผมพึ่งรู้เลยเนี่ย…… ”
「ดูเหมือนว่าพวกเขาไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ให้คุณฟังที่กิลด์นักผจญภัยนะคะ เนื่องจากมีกิลด์การค้าอยู่ประจำ ในทุก ๆ เมือง เราจึงมีบริการทางธนาคารให้ด้วยนะคะ คุณสามารถฝากเงินได้ที่นี่ได้ ดิฉันจะลงทะเบียนให้คุณตอนนี้ดีไหมคะ?」
ผมหยิบกิลด์การ์ดนักผจญภัยออกจากกระเป๋าแล้วยื่นให้ซาเมียร์ จากนั้นนำเหรียญทองมูลค่าสองล้านเหรียญจากเงินที่ผมมีอยู่มาวางไว้บนโต๊ะ
「ขอความกรุณาด้วยครับ . แล้วก็ฝากเงินพวกนี้ด้วยครับ」
*************
ซาเมีย์ดูประหลาดใจเมื่อเห็นเงินจำนวนมากที่ผมเอาออกมา
「โทยะซัง คุณไม่คิดว่าการเดินไปรอบๆ พร้อมกับเงินจำนวนมากขนาดนี้มันอันตรายเหรอคะ? โดยปกตินักผจญภัยคนอื่นๆ จะใช้การ์ดเมื่อทำการซื้อสินค้าจำนวนมาก ๆ ดันนั้นได้โปรดระมัดระวังด้วยนะคะ」
ซาเมียร์หยิบเหรียญทองและกิลด์การ์ด ไปที่เคาน์เตอร์และเริ่มขั้นตอนการลงทะเบียน
การลงทะเบียนใช้เวลาไม่นาน เธอก็กลับมาที่โต๊ะ โดยรวมขั้นตอนทั้งหมดใช้เวลาเพียงไม่ถึงห้านาทีเท่านั้น
「ที่นี่ การลงทะเบียนก็เสร็จสมบูรณ์แล้วค่ะ ค่าเช่าเดือนนี้จะถูกหักเร็วๆ นี้ โปรดทราบว่าจะมีการเรียกเก็บค่าเช่าทุกเดือนตั้งแต่ต้นเดือน นอกจากนี้เนื่องจากคฤหาสน์ถูกรักษาความสะอาดโดยจิตวิญญาณของบ้านอยู่เสมอ คุณจึงสามารถย้ายเข้าได้ในวันนี้เลยค่ะ」
หลังจากที่ผมได้รับกุญแจมาแล้ว ผมก็ออกจากิลด์การค้า แล้วตรงไปยังที่คฤหาสน์ที่ผมพี่งจะเช่า พร้อมกับโคคุโย
ผมยืนอยู่นอกประตูสักพักขณะจ้องมองไปที่คฤหาสน์อันสวยงาม
「เฮ้ โคคุโย ถ้าชั่นอยู่คนเดียวในคฤหาสน์นี้…..แกคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติรึเปล่า?」
ผมถอนหายใจออกมาเฮื้อใหญ่ เพียงแค่ต้องการคอกม้าให้โคคุโย ผมถึงกับต้องอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้คนเดียวเลยนะ
โคคุโยเหวี่ยงหางไปมาด้วยความพึงพอใจ แล้วมันก็ตบลงหัวของผมราวกับมันพูดว่า “เราเข้า รีบเข้าไปกันเถอะ” จากนั้นมันก็เดินนำผมเข้าไปในประตู
หลังจากที่ผมเปิดประตูคอกม้า โคคุโยะก็รีบเข้าไปสำรวจข้าง จากนั้นมันก็เริ่มพักผ่อนในคอกม้าซึ่งเป็นอนาเขตของมันนั้นเอง
「ฮ่าฮ่า….. ด้วยเงินที่เรามีตอนนี้ ค่าเช่าไม่น่าจะเป็นปัญหาเท่าไหร่ แต่ต้องอยู่คนเดียวในคฤหาสน์แห่งนี้นี่สิ…… เดี๋ยวก่อนนะ จะว่าไปเราไม่อยู่คนเดียวนี่นา ยังมีวิญญาณประจำบ้าน เฟริสอยู่ด้วยนี่ เฮ้ออ……. รู้ไหมว่าจะมีอะไรไม่ยุ่งยากเลยถ้าชั้นสามารถเก็บแกเอาไว้ในคลังมิติได้นะ…….」
***********
ผมพูดวกไปวนมาเรื่อยเปื่อย ขณะเดียวกันผมก็กำลังลูบไปที่คอของโคคุโยะ พอพูดจบโคคุโยะ ก็หายไปทันที
「―― เอ๊ะ~!?」
ผมรีบตรวจสอบในคลังมิติด้วยความตกใจ
ผมก็เจอไอคอนรูปม้าปรากฏขึ้นข้างในคลังมิติอีกครั้ง
ผมที่ผมเข้าใจคือสิ่งมีชีวิตนั้นไม่สามารถเก็บไว้ในคลังมิติได้ แต่ดูเหมือนว่าโคคุโยจะมีสถานะเป็นเหมือนกับสิ่งของ
「ถ้าอย่างนั้น คฤหาสน์หลังใหญ่นี้ ― ไม่จำเป็นต้องเช่าตั้งแต่แรกรึเปล่า……?」
จากความว่างเปล่าของคอกม้า ผมได้แหงนมองขึ้นไปบนฟ้า แล้วคิดว่านี่มันไม่จำเป็นจริง ๆ เลย ให้ตายสิ (จ่ายตังไปแล้วไงก็ต้องอยู่ล่ะนะ ฮ่า ๆ ๆ ๆ)