「—นี่มันรถม้า 」
ผมหันไปมองพวกเธอเพื่ออธิบายให้อย่างชัดเจน
ไม่ใช่ว่าผมมองไม่ออกหรอกนะ ก็เห็นอยู่ว่ารถม้าคันนี้ไม่ใช่รถม้าธรรมดา
มีทั้งโช้คอัพ ล้อยาง อีกทั้งการออกแบบที่ดูประณีตทั้งภายนอกและภายในสไตน์ญี่ปุ่น ก็บอกได้ชัดเจนว่ามันไม่ปรกติ
แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่รู้อะไร
「……ท่านโทยะต้องเป็นขุนนางจากอาณาจักรใดอาณาจักรหนึ่งสักแห่งแน่ๆ ถึงได้ครอบครองรถม้าที่งดงามเช่นนี้…… 」
ผมส่ายหน้าให้ชาร์และปฏิเสธคำกล่าวนั้น
「……ผมก็แค่นักผจญภัยคนหนึ่ง จำที่ผมขอให้ปิดเป็นความลับเมื่อวานได้ไหม? 」
「อา ใช่…… ใช่ค่ะ ฉันจะไม่ซักถามอะไรอีก 」
「ขอบคุณนะ เอาล่ะ มาเตรียมอาหารเช้ากันเถอะ ต้องขอโทษด้วย แต่ยังคงเป็นซุปกับขนมปังอีกแล้ว 」
「พวกเราซาบซึ้งมากค่ะที่มีอาหารอุ่นๆ ให้ทาน 」
เราหยุดพูดคุยกัน แล้วผมก็เริ่มเสิร์ฟอาหารบนโต๊ะ
ผมสังเกตได้ว่าชาร์ดูผ่อนคลาย แต่ฝั่งอัลดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่างเต็มที
「มีอะไรหรือเปล่า ……? 」
เมื่อผมกระตุ้นให้อัลพูด เธอก็เอ่ยขึ้นด้วยแววตาเปล่งประกาย
「อะ…… นั่นมันม้าศึกออบซิเดียนใช่ไหมคะ……? 」
「ใช่เลย…… นั่นคู่หูของผมเอง…… 」
「ว่าแล้ว! มันเป็นความฝันของอัศวินที่จะได้ขี่ม้าศึกออบซิเดียน— อ๊ะ หมายถึง เป็นความฝันของอัศวินทุกคนในอาณาจักรของเราค่ะ…… 」
เธอพยายามปิดบังตัวเอง แต่สายไปแล้ว เธอถอดเกราะออกและแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าธรรมดา อย่างไรก็ตาม ท่าทางของเธอยังคงเป็นอัศวิน แถมเมื่อวานเธอเรียกตัวเองว่า “ราชองครักษ์”
ผมหัวเราะเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าและฟังเธอพูดต่อ
จากนั้นพวกเราก็นั่งลงก่อนจะเริ่มทานกัน ระหว่างทานก็มีคำถามจากทั้งสองคนออกมาไม่หยุด
「ท่านโทยะดูอายุพอๆ กับพวกเราเลย แต่กลับดูสุขุมมาก 」
「ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน แต่พอเห็นเขาต่อสู้กับพวกออร์ค…… 」
แก้มของอัลแดงขึ้นอีกครั้งเมื่อพูดถึงการต่อสู้เมื่อวานนี้
การบอกความจริงว่าผมอายุเลย 30 ไปนานแล้วคงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อยู่แล้วถึงบอกไปพวกเธอก็คงไม่เชื่อด้วย
「บางทีอาจเป็นเพราะผมผจญภัยคนเดียวมานานแล้ว ผมผ่านอะไรมาเยอะมาก…… 」
ราวกับคำพูดของผมเผยอะไรบางอย่าง อัลเปลี่ยนเรื่องเพื่อไม่ให้ผมลำบากใจ
「ถึงอย่างนั้น ท่านโทยะต้องมีเลเวลสูงมากแน่ๆ การจัดการพวกออร์คและทหารจำนวนมากขนาดนั้นได้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา ฉันมั่นใจว่าท่านต้องเป็นนักรบที่ยิ่งใหญ่ 」
「อัล ท่านโทยะเป็นนักเวทนะ ตอนที่เขาช่วยเธอเมื่อวาน ท่านโทยะใช้เวทมนตร์สายลมนี่ 」
อัลกับชาร์มองหน้ากันอย่างไม่เห็นด้วย
「ไม่ใช่ ผมเป็นนักบวชน่ะ 」
「อะไรนะ? 」(NANNI!!)
พวกเธอมองมาที่ผมอย่างไม่เชื่อ ผมจึงหยิบบัตรกิลด์ออกจากกระเป๋าก่อนจะวางลงบนโต๊ะ
พวกเธอหยิบมันขึ้นมาดู แล้วก็ยิ่งตกใจเข้าไปอีก
「เขาเป็นนักบวชจริงๆ ด้วย …… แล้วก็เลเวล 17 เอง!? 」
อา ดูเหมือนเลเวลของผมจะเพิ่มขึ้นจากการต่อสู้เมื่อวานนี้
「ไม่น่าเชื่อ …… เลเวลของท่านยังต่ำกว่าฉันอีก แต่การต่อสู้เมื่อวาน…… นี่มันไม่มีเหตุผลเลย……. 」
「ฉันไม่รู้จะขอบคุณยังไงดีค่ะ ท่านโทยะ ที่สู้กับพวกออร์คและทหารมากมายขนาดนั้นเพื่อปกป้องพวกเรา ทั้งๆ ที่มีเลเวลแค่นี้…… 」
พวกเธอแสดงความประหลาดใจที่เลเวลของผมต่ำกว่าที่คาดไว้ อัลดูงุนงง ส่วนชาร์ก็ดูตกตะลึง
ผมส่ายหน้าพลางเก็บบัตรกลับเข้ากระเป๋า
「ไม่เป็นไร ผมสู้คนเดียวมาตลอด ……ถึงอย่างนั้น เมื่อวานก็เป็นครั้งแรกที่ฆ่าคน…… 」
ผมเคยคิดว่าการฆ่าคนครั้งแรกจะรู้สึกหนักอึ้งกว่านี้ แต่หลังจากพักผ่อนตลอดคืน มันกลับมารู้สึกเป็นปรกติอีกครั้ง
บางทีในฐานะนักผจญภัย ผมอาจจะต้องเจอสถานการณ์แบบนี้ในวันหนึ่ง
การยอมรับมันตั้งแต่ตอนนี้คงเป็นเรื่องจำเป็น
หลังจากเราทานอาหารและจัดเก็บของเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็เตรียมตัวออกเดินทาง
ผมแนะนำให้ อัล แต่งตัวตามสบายเหมือนเดิม หากเธอใส่ชุดเกราะสีเงินที่มีตราประจำจักรวรรดิอยู่ อาจก่อให้เกิดปัญหาเมื่อเข้าเมืองได้
ดังนั้น ผมจึงเก็บชุดเกราะของอัลเข้าคลังมิติ ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรจากนั้นก็ให้พวกเธอขึ้นไปบนรถม้า
「คิดว่าคงต้องใช้เวลาครึ่งวันกว่าจะถึงตัวเมือง ระหว่างนี้ต้องอดทนอยู่ข้างในไปก่อนนะ」
พวกเธอดูประทับใจกับการนั่งรถม้าหรูนี้ทันทีที่เข้าไป
「รถม้านี่มัน อาจจะดีกว่ารถม้าของขุนนาง หรือแม้แต่ราชวงศ์อีกนะ……」
「จริงด้วย……」
ผมรู้สึกดีที่พวกเธอชอบ จึงพ่วงรถม้าเข้ากับโคคุโย
「โคคุโย พาเราไปเมืองหน่อย」
ผมลูบคอของมัน มันตอบรับด้วยการฮี้เบา ๆ ผมขึ้นไปนั่งบนที่นั่งคนบังคับรถ แล้วส่งสัญญาณให้โคคุโยเริ่มเคลื่อนที่ รถม้าก็ค่อย ๆ เคลื่อนไปข้างหน้า
อาจเป็นเพราะมันกำลังลากรถม้าหรือบรรทุกผู้โดยสาร ความเร็วของรถม้าจึงพอ ๆ กับรถม้าทั่วไป
ขณะที่นั่งอยู่บนที่นั่งคนบังคับรถ ผมเปิดดูสถานะของตัวเอง
◇――――――――――――――――――――◇
[ชื่อ] คิซารางิ โทยะ
[เผ่าพันธุ์] มนุษย์
[เพศ] ชาย
[อายุ] 16 ปี
[อาชีพ] นักปราชญ์ (Sage)(นักบวช, นักเวทย์)
[ตำแหน่ง] ผู้ถูกอัญเชิญ
[เลเวล] 17
[ความสามารถพิเศษ] ดวงตาศักดิ์สิทธิ , ใช้เวทย์ได้ทุกธาตุ, เรียนรู้ทักษะทุกอย่างได้
[ทักษะ] เวทย์ธาตุ, เวทย์พิเศษ, ดาบ, ศิลปะการต่อสู้
◇――――――――――――――――――――◇
เมื่อมองสถานะตัวเอง ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ
เมื่อเลเวลของอาชีพนักเวทย์ถึง 100 หน้าจอเปลี่ยนอาชีพก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง
ตอนนั้นผมคิดว่าน่าจะสามารถเปลี่ยนอาชีพเป็น “นักรบ ” ได้ แต่สิ่งที่ปรากฏกลับเป็นอาชีพระดับสาม ซึ่งเป็นอาชีพขั้นสูงสุดของสายเวทย์ เช่นเดียวกับ Berserker
เมื่อไม่มีทางเลือกอื่น ผมจึงจำใจเลือกอาชีพ “นักปราชญ์ (Sage)” แต่หลังจากเปลี่ยนเป็นนักปราชญ์ ไอเท็มเพิ่มค่าประสบการณ์ 100 เท่าในคลังมิติของผมก็ไม่สามารถใช้งานได้อีก และกลายเป็นของเก่าไป
ผมหยิบกิลด์การ์ดออกมา มันแสดงเลเวลและพลังเวทย์ของผม แต่ยังคงระบุอาชีพเหมือนตอนที่ลงทะเบียนครั้งแรก
ซึ่งหมายความว่า ไม่มีใครรู้เรื่องการเปลี่ยนอาชีพของผม
ผมไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่ามีใครนอกจากผมที่สามารถเพิ่มเลเวลถึง 100 ได้หรือไม่
และนี่ก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมต้องปิดบังสถานะของตัวเอง
……ผมสงสัยว่าตัวเองจะสามารถเป็นนักรบได้จริง ๆ หรือเปล่า
รถม้ายังคงเคลื่อนตัวไปตามถนนดิน พร้อมกับความคิดมากมายในหัวของผม
หลังจากเดินทางประมาณสามชั่วโมง ในที่สุดเมืองเฟนดิ ก็ปรากฏให้เห็นตรงหน้า