นักปราชญ์ผู้ถูกอัญเชิญไปต่างโลกพร้อมกับไอเทมที่ไม่ได้ใช้ 31 การหลบหนี

ตอนที่ 31 การหลบหนี

 

       「ใกล้จะพ้นป่าแล้ว! ชาร์! อดทนไว้นะ 」

 

       เด็กสาวสองคนในวัยเพิ่งกำลังเข้าสู่วัยผู้ใหญ่ กำลังวิ่งหนีบางอย่างอยู่ในป่าอันมืดมิด

       เด็กสาวคนหนึ่งสวมเกราะเบาสีเงินขาวที่เต็มไปด้วยคราบโคลน มือข้างหนึ่งถือดาบ ส่วนอีกมือหนึ่งกำลังดึงมือของเด็กสาวอีกคนหนึ่งเอาไว้

       แน่นอนว่าชุดที่เธอสวมนั้นคือชุดของอัศวิน ใบหน้าของเธอเปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยโคลน แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่สนใจเรื่องนั้นเลย

       ทั้งสองเหนื่อยจนแทบหมดแรง หน้าอกของพวกเธอสูดอากาศเข้าออกอย่างรวดเร็วพอ ๆ กับจังหวะการวิ่ง และป่าที่ทอดยาวในสายตาของพวกเธอก็ดูเหมือนไม่มีจุดสิ้นสุด

 

       「อัล…… ขอพักหน่อย…… ฉันไม่ไหวแล้ว…… 」

 

       เด็กสาวอีกคนที่ชื่อ ชาร์  สวมชุดกระโปรงขาดวิ่นซึ่งชายกระโปรงด้านล่างถูกฉีกออกเพื่อให้วิ่งได้สะดวกขึ้น

       เสียงหอบหายใจอย่างหนักเป็นเครื่องยืนยันถึงความเร่งด่วนของสถานการณ์ เด็กสาวที่ชื่ออัลเป็นผู้นำทาง ทำได้แค่เพียงจับมือของเธอแน่นขณะพาเธอวิ่งฝ่าป่าออกไป

 

       「โอเค…… 」

 

       ทั้งสองนั่งลงพิงต้นไม้ต้นหนึ่ง อัลที่ใส่ชุดเกราะของอัศวิน ยังคงจ้องมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง พร้อมกับจับดาบแน่นในมือ

 

       (ถ้าพวกเราสามารถไปถึงตัวเมืองได้…… ถ้าพบกับท่านนาตาลีได้ล่ะก็……)

 

       อัลพยายามควบคุมลมหายใจขณะที่ความคิดนั้นผุดขึ้นมาในหัวของเธอ

 

       พวกเธอเคยผ่านการต่อสู้ที่สูญเสียสัมภาระทั้งหมดไป เหลือเพียง ถุงเวทมนตร์ของอัลเท่านั้น

       เธอหยิบถุงน้ำออกมาจาก ถุงเวทมนตร์ และส่งให้ชาร์ ชาร์ดื่มน้ำดับกระหายก่อนจะส่งคืนให้ อัลดื่มน้ำบ้างแล้วเก็บถุงน้ำกลับลงไปใน ถุงเวทมนตร์ อีกครั้ง

 

       (ฉันไม่คิดเลยว่าท่านพ่อ…… จะพ่ายแพ้……)

 

       อัลมองดูสิ้นหวัง ขณะที่ความหงุดหงิดในใจเธอค่อย ๆ เพิ่มขึ้น

 

       หนึ่งเดือนก่อนหน้านั้น

       การบุกโจมตีจาก อาณาจักรเจเนอเรต เกิดขึ้นโดยไม่มีสัญญาณเตือนล่วงหน้าใด ๆ

       อาณาจักรเจเนอเรตเปิดฉากสงครามกับ จักรวรรดิลูเน็ตต์อีกครั้ง

       ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทั้งสองประเทศมีการปะทะกันเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่ไม่เคยเกิดสงครามเต็มรูปแบบเช่นครั้งนี้มาก่อน

 

       ความแตกต่างระหว่างสองประเทศทำให้พวกเขาไม่อาจเจรจาสันติภาพได้

       อาณาจักรเจเนอเรตเป็นประเทศที่เชื่อในความเป็นเลิศของมนุษย์และกดขี่เผ่าพันธุ์อื่นทั้งหมดให้เป็นทาส

       ในขณะที่จักรวรรดิลูเน็ตต์เป็นประเทศที่ก่อตั้งขึ้นจากความร่วมมือของมนุษย์ เผ่าสัตว์  เอลฟ์ป่า และคนแคระ  ทุกเผ่าพันธุ์อยู่ร่วมกันเพื่อความรุ่งเรืองของประเทศ และทุกคนที่มีความสามารถจะได้รับการยอมรับโดยไม่คำนึงถึงเชื้อชาติ

       เอลฟ์ป่าผู้มีความเชี่ยวชาญด้านเวทมนตร์ได้รับการยอมรับเป็นจอมเวทหลวง เผ่าสัตว์เป็นอัศวิน คนแคระเป็นช่างฝีมือ และผู้ที่มีความสามารถทั่วไปก็เป็นข้าราชการ

       แต่ละเผ่าพันธุ์ใช้จุดเด่นของตนเพื่อช่วยให้ประเทศเจริญรุ่งเรือง

 

       เมื่อได้รับคำเตือนถึงการรุกรานที่ใกล้เข้ามา เหล่าทหาร รวมถึงอัศวินและจอมเวท ถูกเรียกตัวทันทีเพื่อปกป้องประเทศ

       อย่างไรก็ตาม หลังจากไม่กี่วัน ทหารก็ถูกตีจนพ่ายแพ้อย่างยับเยิน เมืองที่พวกเขาปกป้องถูกกองทัพของอาณาจักรเจเนอเรตยึดครอง

       เมืองหลวงของจักรวรรดิลูเน็ตต์อยู่ห่างจากพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศเพียงประมาณยี่สิบวัน

 

       ด้วยข่าวความพ่ายแพ้ที่ส่งมาอย่างต่อเนื่องในแต่ละวัน ในที่สุดจักรพรรดิก็ตัดสินใจ

 

       「—การ์เร็ต…… ข้าอยากให้……. 」

       「ฝ่าบาท ข้าจะออกไปจัดการเพื่อท่านเอง 」

 

       ผู้ที่ตอบคำสั่งของจักรพรรดิในชุดเกราะสีเงินขาวอันหรูหราคืออัศวินที่ยืนอยู่เคียงข้าง

       การ์เร็ต วอน เมียร์ดาล  หัวหน้ากองอัศวินราชองครักษ์ผู้มีหน้าที่ปกป้องจักรพรรดิ

       การ์เร็ตเป็นที่รู้จักในฐานะอัศวินผู้แข็งแกร่งที่สุดในจักรวรรดิลูเน็ตต์และได้รับความไว้วางใจจากประชาชน

 

       เหล่าอัศวินและกำลังรบชั้นแนวหน้าถูกส่งออกไปทำสงคราม นำโดยการ์เร็ต

       ถนนในเมืองหลวงเต็มไปด้วยประชาชนที่มาร่วมส่งเหล่าวีรบุรุษของพวกเขาออกไปรบ

       พวกเขาเชื่อมั่นว่าเมื่อการ์เร็ต อัศวินผู้ไม่เคยแพ้ ออกไปทำศึก ชัยชนะย่อมเป็นของจักรวรรดิลูเน็ตต์

 

       —อย่างไรก็ตาม ไม่กี่วันต่อมา มีการประกาศว่าการ์เร็ตพ่ายแพ้ให้กับบุคคลที่ถูกเรียกว่า “ผู้กล้า”

       จักรพรรดิได้รับข่าวนี้อย่างลับ ๆ และตัดสินใจส่ง เจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ และ อัลเทรีย บุตรสาวของการ์เร็ตได้ไปลี้ภัยที่อาณาจักรซาลันเดียร์  โดยมีอัศวินบางส่วนคุ้มกัน

       ในเวลาเดียวกัน พระองค์อนุมัติจดหมายร้องขอความช่วยเหลือไปยังอาณาจักรซาลันเดียร์ และให้ทูตออกเดินทางไปพร้อมกัน

 

       「ข้าจะสู้เคียงข้างท่านพ่อ เพื่อปกป้องประเทศนี้! 」

 

       ชาร์ล็อตต์พูดขึ้นด้วยความเด็ดเดี่ยว แต่การ์เร็ตกลับถอนหายใจเสียงดัง เขาหันไปให้คำสั่งกับอัศวินผู้ติดตาม

 

       「อัลเทรีย ข้าขอมอบหมายเจ้าดูแลชาร์ล็อตต์อย่างเต็มที่ และพาเธอไปหาท่านนาตาลีให้ได้ 」

       「ข้าจะพาเธอไปตามที่ท่านสั่ง 」

       「ข้าไม่คาดคิดว่ามันจะกลายเป็นเช่นนี้ ข้าขอโทษจริง ๆ …… 」

 

       อัลเทรียมองจักรพรรดิผู้ก้มศีรษะขอโทษเธอด้วยความร้อนรน แล้วบอกให้เขาเงยหน้าขึ้น

 

       「ฝ่าบาท บิดาของข้าก็เพียงแต่ทำหน้าที่ของเขา…… แต่มันช่างน่าหงุดหงิดเหลือเกิน…… 」

 

       แม้อัลเทรียจะมีใบหน้าที่เศร้าหมองจนเกือบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ เธอก็ยอบกายคำนับก่อนจะรีบเดินตามอัศวินสองคนที่จับตัวชาร์ล็อตต์ ซึ่งตกตะลึงและยังไม่ทันตั้งตัว

 

       「—ได้โปรดดูแลชาร์ล็อตต์ด้วย…….. 」

 

       รถม้าที่นำชาร์ล็อตต์และอัลมุ่งหน้าไปยังอาณาจักรซาลันเดียร์  ถูกกองทหารของอาณาจักรเจเนอเรตตามไล่หลังมาติด ๆ

       เหล่าอัศวินที่คุ้มกันรถม้ารับหน้าที่เป็นโล่เพื่อถ่วงเวลาการไล่ล่าของศัตรู เปิดทางให้เจ้าหญิงสามารถหลบหนีได้สำเร็จ

       เมื่อพวกเธอจำเป็นต้องทิ้งรถม้าและหลบหนีเข้าไปในป่า มีเพียงอัลเทรียที่เป็นอัศวินคุ้มกันคนเดียวที่ยังเหลือรอด

 

       「ข้าวิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว อัล…… 」

       「ฝ่าบาท! ไม่สิ, ชาร์! ห้ามพูดแบบนั้น 」

       「แต่เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าท่านนาตาลีอยู่ที่ไหนในซาลันเดียร์…… 」

       「เธอห้ามยอมแพ้นะ นึกถึงเหล่าทหารที่สู้เพื่อประเทศนี้ อัศวินที่ยอมเป็นโล่เพื่อช่วยเธอหลบหนี…… เพื่อทุกคน ชาร์ พวกเราจะต้องรอดและไปพบท่านนาตาลีให้ได้ 」

       「—เธอพูดถูก เพื่อทุกคน อัล เราต้องไปหาท่านาตาลีให้ได้…… 」

       「ใช่! ฉันจะพาเธอไปพบท่านนาตาลีให้ได้ 」

 

       ทั้งสองยิ้มให้กันแล้วพยักหน้า ก่อนจะก้าวเข้าสู่ป่าที่เต็มไปด้วยความหนาทึบอีกครั้ง

 

————————————————————

ปีใหม่  นี้ว่างมากครับ นายน้ำพริกเลยลองอ่าน แล้วก็แปลล่วงหน้าไปจนจบเล่ม  2 ไปแล้ว 555  พอแปลจบเลยตกกะใจ เพราะว่า เนื่อเรื่องเริ่มไม่เหมือนในมังงะ เลย ออกจะดิบเถื่อนว่า แต่ก็ยังพอเข้าเค้าในมังหงะอยู่บ้าง แต่พอขึ้นเล่มสามเท่านั้นแหละ เหมือนอ่านคนละเรื่องเลย ตอนนี้นายน้ำพริกก็เลยพยาม แปลเล่ม 3 ต่อไป จู่ ๆ ก็เลยเวลาไป ตี 3 พรุ่งนี้ไปทำงานแล้ว ก็เลยยังค้างคา เดี๋ยวว่าจะไปลากต่อให้จบ ส่วนสำหลับนักอ่านทุนท่าน รอไปเถอะวันละ 2 ตอนอะดีแล้ว 555555  เพราะนายน้ำพริกต้องเติมพลังงานด้วยลาเต้ฉะนั้นถ้าเลเต้ไม่ถึงก็เอาไปวันละ 2 ตอนนั้นแหละ 55555

นักปราชญ์ผู้ถูกอัญเชิญไปต่างโลกพร้อมกับไอเทมที่ไม่ได้ใช้

นักปราชญ์ผู้ถูกอัญเชิญไปต่างโลกพร้อมกับไอเทมที่ไม่ได้ใช้

Score 10
Status: Completed
คิซารางิ โทยะ (อายุ 35 ปี) กำลังเล่นเกม MMO ตามปกติหลังเลิกงาน แต่จู่ ๆ เขาก็ถูกอัญเชิญไปยังต่างโลกในร่างตัวละครจากเกมของเขา ทว่าตัวละครที่โทยะถูกอัญเชิญไปกลับเป็นตัวละครสายอาชีพนักบวช ที่เขาสร้างไว้เพื่อใช้เก็บไอเทมเท่านั้น เจ้าหญิงผู้ทำพิธีอัญเชิญถึงกับผิดหวัง และเริ่มพิธีอัญเชิญครั้งใหม่ คราวนี้เธอได้ชายหนุ่มผู้กล้าพร้อมฉายาผู้กล้า มาแทน โทยะที่ไม่เป็นที่ต้องการจึงถูก เตรียมตัวส่งกลับไปยังโลกเดิมของเขา แต่กลับกลายเป็นว่าเขาไปโผล่ยังสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยแทน "อย่าบอกนะว่าคาถาส่งกลับบ้านไม่พาฉันกลับไปโลกเดิมจริง ๆ ..." อย่างไรก็ตาม โทยะค้นพบว่าเขายังคงเข้าถึงไอเทมทั้งหมดในคลังเก็บของได้ และใช้พวกมันในการดำรงชีวิตในโลกใบใหม่นี้ ด้วยความสามารถแบบโกงจากไอเทมเหล่านั้น โทยะพยายามเปลี่ยนอาชีพของเขาให้กลายเป็นตัวละครหลักของเขาในเกม นั่นคือ เบอร์เซิร์กเกอร์ แต่ในตอนนี้เขายังคงติดอยู่กับอาชีพ นักปราชญ์ ไปก่อน ถูกอัญเชิญมาในฐานะอาชีพสายเวทมนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุด โทยะ ผู้ใฝ่ฝันอยากเป็นเบอร์เซิร์กเกอร์ เริ่มต้นการผจญภัยในต่างโลก!

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset