การต่อสู้
ไดไม่ใช่คนเดียวที่รู้สึกท้อแท้กับสถานการณ์ที่พวกเราต้องเผชิญ สี่คนที่เหลือก็มีสีหน้าเช่นเดียวกัน
ลูมิน่าไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่เห็นได้ชัดว่าเธอเองก็สูญเสียความมั่นใจว่าจะรอดชีวิตจากการต่อสู้ครั้งนี้ไปได้ เธอยืนนิ่งอยู่กับที่ราวกับขาขอเธอถูกตรึงเอาไว้กับพื้น
ผมคาดว่าถ้ามันเป็นแค่ออร์คไม่กี่ตัว พวกนี้คงสามารถจัดการได้ไม่ยากนัก แต่วันนี้มันคือฝูงออร์ค มากกว่า 30 ตัว
เมื่อรู้ว่ามันเป็นทางเดียวที่เขาจะช่วยให้พ่อค้าหนีไปได้ ไดจึงชักดาบออกมา
—แต่ในกลุ่มนักผจญภัยก็มีคนหนึ่งที่มองโลกในแง่ดี ใช่แล้ว ภาพนี้ไม่ได้เป็นภัยที่น่ากลัวสำหรับชายที่ชื่อว่าโทยะเลยแม้แต่น้อย
อะไรอะ……? เราจะยืนดูอยู่เฉย ๆ แบบนี้จริงดิ?ーーพวกมันก็แค่ออร์คเท่านั้นเองนะ……
ผมวิ่งออกจากกลุ่มตรงไปยังฝูงออร์ค
「เดี๋ยวก่อน! 」เสียงตะโกนดังมาจากด้านหลัง แต่ผมไม่จำเป็นต้องรออะไรสำหรับศัตรูที่อ่อนแอแบบนี้
ผมวิ่งนำหน้า ขณะที่เราต้องปะทะกันกับฝูงออร์ค ผมใช้เวท เสริมกำลัง (ใส่บัฟ A B เรียบร้อย ใครรู้แสดงว่าแก่) เพื่อเพิ่มความเร็วและพละกำลัง จากนั้นผมก็กระโดดเข้าไปในกลุ่มออร์ค ก่อนจะตวัดฟันดาบไปด้านข้าง จัดการออร์คตัวแรกลงได้ ผมฟันตัวถัดไปข้าง ๆ กันก่อนที่มันจะทันตั้งตัว
ด้วยเหตุนี้ ออร์คสองตัวก็ล้มลง
เสียงบางอย่างดังมาจากใครสักคนที่กลุ่มด้านหลัง แต่ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะสนใจเรื่องนั้น ผมพุ่งไปยังออร์คตัวถัดไป
…….แค่นี้มันยังน้อยไปเมื่อเทียบกับตอนบุกค่ายออร์คเมื่อครั้งก่อน ตอนนั่นสิ ถึงจะเป็นศึกของจริง……
ครั้งหนึ่งในระหว่างที่ผมล่าสัตว์ในป่า ผมเคยพบค่ายออร์คที่มีจำนวนออร์คมากกว่าฝูงนี้ถึงสามเท่า ผมก็เลยจัดการมันทั้งหมดด้วยตัวคนเดียว
ในหัวผมตอนนั้น ผมคิดแค่เพียงจะเก็บเลเวลอย่างเต็มที่แค่นั้น
นั้นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับ โทยะในวันนั้นーーด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่รู้ว่าสถานะการตอนนี้นั้นเข้าขั้นวิฤติแค่ไหน
「เอาล่ะ! ตัวต่อไป! 」
ผมแกว่งดาบของตัวเองที่ยาวเท่ากับความสูงของผม ฟันหัวออร์คขาดสะบั้น จากนั้นผมยิง กระสุนเพลิง ใส่ออร์คตัวที่อยู่ไกลออกไป หน้าออร์คตัวนั้นระเบิดกระจุยก่อนมันจะล้มลงไปอย่างไร้เสียงใด ๆ
ออร์คอีกตัวเข้ามาทางด้านหลังพร้อมกับเหวี่ยงกระบองของมัน แต่ผมก้มหลบแล้วฟันดาบขึ้น ฟันมันตั้งแต่ท้องจนถึงหัว
เพียงไม่กี่นาที จำนวนออร์คก็ลดลงไปกว่าครึ่ง
โคคุโยที่อยู่ข้าง ๆ ก็กำลังทำในสิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด – ใช้กีบเท้าอันเบิ้ม ๆ ของมันเหยียบบรรดาออร์คจนดับดิ้น
มันร้องเสียงดังด้วยความตื่นเต้นพร้อมกับมองมาทางผม ในขณะที่ผมกำลังฟันดาบอีกครั้งเพื่อจัดการออร์คอีกตัว
จากนั้นผมก็ฉุกคิดขึ้นมา
………แล้วคนอื่น ๆ ล่ะ – พวกเขาก็สู้ด้วยหรือเปล่านะ…….?
ผมกระโดดถอยกลับจากออร์คที่เหลือ เพื่อกลับมามองดูพวกเขาーーลูมิน่าและคนอื่น ๆ กำลังยืนอยู่ที่เดิม สีหน้าพวกเขาตะลึงงัน ปากอ้าค้าง
「ลูมิน่า-ซัง! 」
ลูมิน่าตื่นจากอาการตกตะลึง เธอสูดลมหายใจลึก ยืดอก จับดาบในมือแน่นขึ้น และสั่งการผู้คุ้มกันคนอื่น ๆ
「พวกออร์คที่เหลือไม่มากแล้ว ไปกันเถอะ! 」
ไดและสมาชิกในปาร์ตี้คนอื่น ๆ ทำตามเธอ พวกเขาวิ่งตรงไปยังออร์ค
ในที่สุดผมก็รู้สึกยินดีที่ได้เห็นพวกเขาออกมาฟาดฟันออร์คเสียที
เพียงไม่กี่นาที ออร์คที่เหลือก็กลายเป็นเพียงซากศพที่กองอยู่บนพื้น
「น่าจะหมดแล้วล่ะ…… 」
ผมพึมพำกับตัวเองขณะมองดูออร์คตัวสุดท้ายที่ร่วงลง
จากนั้นผมก็ใช้ผ้าผืนหนึ่งเช็ดคราบเลือดที่เปื้อนตัว ก่อนจะเช็ดดาบแล้วเก็บมันไว้ใน Dimensional Storage
เมื่อผมหันมองไปรอบ ๆ เพื่อเช็คความปลอดภัยของทุกคน สิ่งที่ผมเห็นคือพวกเขาทั้งหมดกำลังมองมาที่ผมด้วยสายตาเบิกกว้าง
「ทุกคนปลอดภัยดี ใครจะไปคิดว่าจะมีออร์คโผล่มาในที่แบบนี้…….? 」
ผมพูดติดตลก แต่ลูมิน่าและคนอื่น ๆ ไม่ได้หัวเราะ
「……โทยะ……… นายเป็นนักบวช…จริง ๆ …ใช่ไหม……? แล้วพลังมหาศาลเมื่อกี้มันคืออะไร…….? 」
ลูมิน่าถามด้วยน้ำเสียงอ่อนล้า
ผมรู้สึกอายจึงยกมือเกาแก้มก่อนตอบอย่างสบาย ๆ
「ก็…ตอนที่ผมผจญภัยคนเดียวมานาน…… ผมเลยต้องทำได้ทุกอย่างน่ะ 」
「เข้าใจละ…… แต่ยังไงก็อธิบายพลังของนายไม่ได้อยู่ดี…… 」
ลูมิน่าแสดงท่าทางเหมือนกลัวผมเล็กน้อย
ส่วนไดและคนอื่น ๆ ก็ไม่ต่างกัน
เมื่อผมเดินเข้าไปหาพวกเขา พวกเขาถอยหลังเล็กน้อยด้วยความตกใจจนผมอดหัวเราะไม่ได้
「ดูเหมือนทุกคนจะโอเค…… ว่าแต่ เราจะทำยังไงกับพวกนี้ดี? 」
ออร์คเป็นสัตว์กินไม่เลือก แม้แต่เนื้อของมันยังอร่อย
สำหรับหลักฐานการปราบ นักผจญภัยมักจะตัดจมูกหมูของมันไปยืนยัน แต่ตัวผมเองอยากเก็บไปทั้งตัวมากกว่า
ผมกำลังลังเลที่จะพูดความต้องการออกไป แต่แล้วลูมิน่าก็เสนอแนะ
「โทยะ…… ไหน ๆ นายมี คลังมิติ แล้ว ทำไมไม่เก็บพวกนี้ไปล่ะ? กิลด์จะจ่ายให้มากกว่าแบบเก็บชิ้นส่วนนะ 」
ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับเธอ
จากนั้นผมก็เก็บซากออร์คทั้งหมดรอบ ๆ เราเข้าไปในคลังมิติ
ในเวลาไม่กี่นาที ร่างอ้วน ๆ หน้าหมูที่เคยกองอยู่ก็หายไป เหลือไว้เพียงคราบเลือดของออร์คเป็นหลักฐานของการต่อสู้
「เรียบร้อย เก็บหมดแล้ว เดี๋ยวผมเอากลับไปส่งเอง 」
เพื่อนร่วมทีมคุ้มกันของผมต่างพากันอึ้งกับการแสดงของผมอีกครั้ง
เนื่องจากกลิ่นคาวเลือด พ่อค้าจึงย้ายไปตั้งเต็นท์ในจุดที่ไกลออกไปและพักผ่อนที่นั่น
อย่างไรก็ตาม เลือดในกายของทุกคนยังสูบฉีดจากการต่อสู้ที่เพิ่งผ่านไป ทำให้ไม่มีใครนอนหลับได้
แต่สำหรับผมแล้ว การนอนหลับไม่เคยเป็นศัตรู ผมจึงหลับตาลงทันที
เช้าวันถัดมา ลูมิน่ากับผมเดินนำกลุ่มมาตามถนนที่เงียบสงบ ราวกับการต่อสู้เมื่อคืนเป็นเพียงความฝัน
ตั้งแต่เมื่อคืน ลูมิน่าและคนอื่น ๆ ดูเหมือนจะเว้นระยะห่างจากผม
ผมชักสงสัยว่าผมทำเกินไปหรือเปล่า
「ในที่สุดก็เห็นตัวเมืองแล้ว! 」
ในที่สุดเมืองเฟนดิ ปรากฏในสายตาของเรา