Escort Mission
พวกเรามุ่งหน้าไปตามเส้นทางฝั่งตะวันตกมุ่งสู่เมืองดัมเบลอร์ โดยแวะพักเป็นระยะ ๆ ตลอดทาง
ผมนั่งอยู่บนหลังของโคคุโย ส่วนลูมิน่านำทางอยู่ด้านหน้าขบวน เธอขี่ม้าด้วยท่าทางสง่างาม ทุกครั้งที่ม้ากระโดดหรือสะเทือน หน้าอกของเธอก็กระเพื่อมตามจังหวะอย่างน่าตื่นตาตื่นใจ…(โอ้ยหัวใจจะวาย) ใครมันจะไปสนม้ากันล่ะตอนนี้ อย่ามาว่าแต่ผมเลย ผมมันก็แค่ผู้ชายธรรมดาที่โสดสนิทคนหนึ่งเท่านั้นเอง
ดูเหมือนว่าลูมิน่าจะสังเกตว่าผมมองเธออยู่ เธอก็เลยเริ่มบทสนทนาขึ้น
「นายมีม้าสงครามออบซิเดียนที่สุดยอดไปเลยนะ ถึงแม้ว่านายจะเป็นนักบวชก็เถอะ แต่การขี่นี่มันก็ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของนายในฐานะนักผจญภัยได้ไม่น้อย ฉันเองก็อยากได้บ้างเหมือนกัน สักวันหนึ่งล่ะนะ」
「ผมโชคดีได้มันมาโดยบังเอิญนะครับ…แหะ ๆ」
ผมตอบเธอไปอย่างคลุมเครือ เรื่องจริงที่ว่าโคคุโยเป็นไอเทมจากคลังมิติ ของผมนั้นคงพูดไม่ได้เด็จขาด
ระหว่างการเดินทาง ผมเปิดใช้เวท ค้นหา คอยตรวจสอบบริเวณโดยรอบตลอดเวลา แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ เราจึงมาถึงจุดตั้งแคมป์ในวันแรกอย่างปลอดภัย
พ่อค้ากับคนรับใช้ของเขานำเต็นท์ออกจากรถม้าและกางเต็นท์ขึ้น พวกเขาเตรียมเต็นท์ขนาดเล็กไว้ให้พวกเราเหล่าคนคุ้มกัน กันสองหลัง ผมมีเต็นท์ในคลังมิติอยู่แล้ว แต่เมื่อพ่อค้าเตรียมไว้ให้ ผมก็ตอบรับน้ำใจของเขาจะดีกว่า
เนื่องจากเราอยู่ค่อนข้างใกล้กับป่า และมีโอกาสที่มอนสเตอร์จะออกมาในตอนกลางคืน เราจำเป็นต้องมีการจัดเวรยามเฝ้าในตอนกลางคืน ลูมิน่าจึงอธิบายลำดับการผลัดเวรยาม
「ตอนกลางคืนจะมีการเฝ้ายามทั้งหมดสามผลัด ผลัดแรกคือไดกับมิลก้า ผลัดต่อมาคือฉันกับโทยะ และผลัดสุดท้ายคือคิทกับอากินะ」
เธอจัดคู่แต่ผลัดล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นเกี่ยวกับหน้าที่ของแต่ละคน แผนของลูมิน่าคือ อันดับแรกเนื่องจากผมเป็นนักบวช แม้ว่าจะอยู่แรงค์ C แต่ถ้ามีมอนสเตอร์โผล่มา ผมต้องการคนที่สามารถปกป้องผมได้ (ถามจริง?)
ถึงผมจะใช้เวทโจมตีได้ค่อนข้างเก่ง แถมยังใช้ดาบสองมือได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ผมก็เข้าใจความตั้งใจของเธอ ดังนั้นจึงไม่คิดจะเถียงอะไร
ทุกคนดูพอใจกับการจัดการนี้ และพยักหน้าเห็นด้วย แม้ว่าการอยู่ผลัดที่สองจะน่าเบื่อไปบ้าง แต่การได้ทำงานร่วมกับนักผจญภัยแรงค์ B ก็ถือว่าคุ้มค่า
คนคุ้มกันส่วนใหญ่ต้องเตรียมอาหารเอง อย่างไรก็ตาม ในบางสถานการณ์ก็สามารถซื้อเสบียงจากพ่อค้าได้ ผมเตรียมอาหารสำหรับภารกิจนี้ไว้ในคลังมิติแล้ว จึงไม่ต้องกังวลอะไร ผมหยิบขนมปังที่ซื้อมาจากในเมือง จากนั้นหยิบหม้อซุปและกระทะออกมา
น้ำซุปยังร้อนฉุย ๆ เพราะคลังมิติจะหยุดเวลาไว้สำหรับสิ่งของทั้งหมดที่เก็บไว้ ผมตักซุปใส่ชาม และลองชิมน้ำซุปที่ได้จากเนื้อและผักที่ปรุงมาอย่างลงตัว
「อื้มมม ….อาโหร่ยยยยยย……」
ผมพยักหน้าให้กับรสชาติอันยอดเยี่ยม ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกจากด้านหลัง
「ดูเหมือนว่าอาหารของนายจะน่ากินมากเลยนะ……」
เมื่อผมหันไปมอง ลูมิน่าก็ยืนอยู่ตรงนั้นพร้อมกับขนมปังและเนื้อแห้งในมือ คนคุ้มกันคนอื่น ๆ อีกสี่คนก็มองมาทางผมเช่นกัน พวกเขากำลังถือเนื้อแห้งอยู่ในมือ แต่สายตาทั้งหมดจับจ้องมาที่หม้อและกะทะของผม
「—จะเอาหน่อยไหม…..?」
ลูมิน่ายิ้มกว้างเมื่อได้ยินข้อเสนอของผม เธอพยักหน้ารัว ๆ ก่อนจะนั่งลงข้าง ๆ ผม
คนอีกสี่คนในกลุ่มก็เข้ามาล้อมรอบผมด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง
ผมถอนหายใจเบา ๆ แล้วหยิบชามจากคลังมิติออกมาแจกจ่ายให้ทุกคน
ลูมิน่าหรี่ตามองเมื่อเห็นผมทำแบบนั้น
「—มีคลังมิติสินะ? ไม่แปลกใจเลยที่นายจะอยู่แรงค์ C ทั้งที่เป็นนักบวชถ้านายอยู่แรงค์ C ในอายุเท่านี้ อีกไม่นานนายก็อาจจะได้เข้าร่วมกลุ่มนักผจญภัยระดับสูงเลยก็ได้ 」
「ความจุของมันไม่ได้เยอะขนาดนั้นหรอกครับ…แต่ก็สะดวกดีที่มีไว้ 」
ผมตักซุปจากหม้อใส่ชามและยื่นให้ทุกคน แต่ละคนรับชามพร้อมรอยยิ้มและขอบคุณ ยกเว้นไดที่ดูลังเลอย่างเห็นได้ชัด อย่างกับว่าผมจะวางยาพิษเขายังไงยังงั้น พอผมยื่นให้ซ้ำ เขาก็พูดลอดฟันออกมาด้วยความไม่พอใจว่า 「เอาก็ได้!」 ก่อนจะยอมรับชามไป (เรื่องมากเดี๋ยวได้กินอย่างอื่นแทน)
「อร่อยมาก! 」
「น้ำซุปนี่ดีจริง ๆ เลย 」
พวกเขาซดซุปแล้วแสดงความคิดเห็นกันไป ผมนั่งฟังพร้อมกับกินซุปและขนมปังของตัวเองจนหมด
หลังจากกินเสร็จ ผมใช้เวทน้ำล้างชามให้สะอาดก่อนจะเก็บลงในคลังมิติ
「เราจะผลัดเวรเฝ้ายามตามลำดับที่บอกไปแล้วนะ อย่าลืมคอยเติมฟืนในกองไฟด้วยล่ะ 」
พวกเราพยักหน้าให้ลูมิน่า จากนั้นแต่ละคนก็เข้าเต็นท์แยกตามเพศเพื่อพักผ่อน ยกเว้นไดกับมิลก้าที่ต้องเฝ้าเวรยามผลัดแรก
ผมเข้าเต็นท์ หยิบผ้าปูพื้นออกมาจากคลังมิติอย่างเงียบ ๆ แล้วล้มตัวลงนอนทันที
「……เฮ้ ตื่นได้แล้ว ถึงตานายแล้ว 」
เสียงแหบ ๆ ของไดปลุกผมจากความฝัน ดูเหมือนจะถึงเวลาสลับเวรแล้ว ผมลุกขึ้นจากเต็นท์ ขยี้ตาอย่างง่วงงุนก่อนจะออกไปข้างนอก
ลูมิน่าตื่นแล้วและนั่งอยู่ข้างกองไฟ ผมจึงเดินไปสมทบกับเธอ
「ปกติแล้วมันควรจะหลับยากหน่อยนะ สำหรับภารกิจคุ้มกันครั้งแรก… 」
ผมคิดในใจว่าเธอพูดถูก เหตุผลเดียวที่ผมหลับสบายก็เพราะผ้าที่เอามาปูไว้นั่นแหละ
พวกเราคุยกันเรื่อย ๆ เพื่อไล่ความง่วง ในขณะเดียวกันผมก็เปิดใช้เวท ค้นหา ตลอดเวลา แต่ไม่มีสัญญาณของมอนสเตอร์เลย
พวกเราคอยเติมฟืนลงในกองไฟเป็นระยะ ๆ
「ถึงเวลาแล้วสินะ…」
เวลาผ่านไปไวมาก ผมมองนาฬิกาทรายตามที่ลูมิน่าบอกก่อนจะลุกขึ้นไปปลุกคนในเต็นท์ ผมปลุกคิทเพราะผมเข้าไปในเต็นท์ผู้หญิงไม่ได้ จากนั้นก็กลับเข้าเต็นท์ตัวเองเพื่อนอนต่อ
เช้าวันใหม่มาถึงโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรผิดปกติเกิดขึ้น
เรายังคงเดินทางต่อ และตั้งแคมป์อีกครั้งในคืนวันที่สอง
ช่วงบ่ายของวันที่สาม ในที่สุดเมืองดัมเบลอร์ก็ปรากฏให้เห็นไกล ๆ เมืองนี้เหมือนกับเมืองเฟนดี้ มีกำแพงหินสูงประมาณสามเมตรล้อมรอบ ลูมิน่าอธิบายว่า กำแพงของเมืองถูกออกแบบมาเพื่อป้องกันมอนสเตอร์ที่มักออกมาจากป่าใกล้เคียง
「อีกนิดเดียวก็จะถึงแล้ว! อย่าเพิ่งท้อกันล่ะ 」
พวกเราพยักหน้าเห็นด้วย
แปลกจัง…จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีวี่แววของมอนสเตอร์เลยสักตัว…
พวกเราเดินทางถึงตัวเมืองในอีกประมาณหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่เห็นเมืองอยู่ไกล ๆ
เมื่อมาถึงประตูเมือง พวกเราแสดงบัตรสมาคมนักผจญภัยตามธรรมเนียมเพื่อเข้าเมือง หลังจากส่งพ่อค้าไปยังหอการค้าและถูกปล่อยตัวเป็นอิสระจากหน้าที่ เราก็เดินทางไปยังโรงแรมที่ได้รับการระบุเอาไว้
ผมกับลูมิน่าแยกตัวออกมาเพื่อนำโคคุโย และม้าของเธอไปยังคอกสัตว์ก่อนจะเช็คอินเข้าโรงแรม
ค่าเข้าพักก็เป็นส่วนหนึ่งของรางวัลจากภารกิจคุ้มกัน ซึ่งครอบคลุมค่าห้องพักเพียงหนึ่งห้องต่อหนึ่งกลุ่ม ด้วยเหตุผลที่ชัดเจน ผมจึงเลือกที่จะเช่าห้องส่วนตัวของตัวเอง
หลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปื้อนฝุ่นออก ผมสูดหายใจลึก ๆ ด้วยความเหนื่อยเล็กน้อยก่อนจะเช็คของในคลังมิติ
「…ก็ดีใจอยู่หรอกที่พวกเขาให้เต็นท์มาด้วย แต่คงเอาสิ่งนี้ออกมาไม่ได้จริง ๆ สินะ? 」
ในคลังมิติมีไอคอนที่ระบุว่า 『บ้าน』 ติดอยู่ หากผมเอาสิ่งนี้ออกมา ผมมั่นใจว่าจะต้องมีคนสงสัยเรื่องความจุของคลังมิติแน่ ๆ หลังจากตัดสินใจที่จะเก็บมันไว้ใช้เฉพาะเมื่อจำเป็นจริง ๆ ผมก็ออกจากห้องและมุ่งหน้าไปยังห้องอาหาร