นครแห่งบาป City of Sin 96 เครื่องสังเวยที่เหนือความคาดหมาย 2

ตอนที่ 96 เครื่องสังเวยที่เหนือความคาดหมาย ตอนที่ 2

“ท่านชารอน นั่นมัน…” เฟย์ถามออกมาเบา ๆ หลังจากที่เดม่อนตัวนั้นหายไป ดูจากลักษณะและพลัง เขาก็สงสยว่ามันอาจจะเป็นเดม่อนแต่เขาก็ไม่กล้าพูดเสียงดัง

ทว่าชารอนโพล่งออกมา “เบอร์มอนด์ โกแกง เกรทเทอร์เดม่อนลอร์ดแห่งอบิส… ดูเหมือนว่าเพื่อนของข้าตนนี้จะใจแคบเกินไปหน่อย ข้าแค่ไปฆ่าเลสเซอร์ลอร์ดที่อยู่ในชั้นของมันเท่านั้น แต่มันกลับไล่ตามข้าเป็นเวลามากกว่า 1 เดือน ! หึ สุดท้ายนอกจากจะจับข้าไม่ได้แล้วข้ายังส่งมันกลับไปได้อีก ! ฮ่า ๆ ๆ”

 

เลเจนดารี่เมจพูดด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้นก่อนจะหัวเราะออกมา ทว่าสำหรับเหล่าแกรนด์เมจแล้วพวกเขาไม่สามารถซ่อนความประหลาดใจเอาไว้ได้ ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าชารอนกำลังพูดประชด แต่นางกลับพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ถ่อมตัวด้วยซ้ำ แม้แต่เฟย์เองก็ยังคิดว่าเจ้านายของเขากำลังหนีเลสเซอร์ลอร์ดอยู่ เขาไม่เคยคาดคิดเลยว่าเดม่อนที่ปรากฏตัวเมื่อครู่จะเป็นถึง — เกรทเทอร์เดม่อนลอร์ดที่ปกครองอบิสทั้งชั้น ! และที่ชารอนบอกว่านางได้ฆ่าไปคือ — เลสเซอร์ลอร์ด !*

*ภายในเพลนอบิสซึ่งเป็นที่อยู่ของเผ่าเดม่อนจะถูกแบ่งออกเป็นชั้น ๆ ในแต่ละชั้นจะมีเกรทเทอร์เดม่อนลอร์ดปกครองอยู่ ส่วนเลสเซอร์เดม่อนลอร์ดเองก็เป็นเดม่อนระดับสูงเช่นกันแต่จะมีศักดิ์ต่ำกว่าและอยู่ใต้อำนาจของเกรทเทอร์เดม่อนอีกทีหนึ่ง

 

หลังจากหัวเราะอย่างหนัก ชารอนก็หยุดนิ่งลงก่อนที่นางจะนึกถึงอะไรบางอย่างที่นางถือไว้อยู่ในมือ นางโยนก้อนเนื้อชิ้นนั้นที่ยังเคลื่อนไหวและยังมีเลือดไหลออกมาและบอกกับเฟย์ว่า “รีบเอาไปปิดผนึกแล้วส่งไปให้กาตอนเพื่อนของข้าซะ อ้อ จริงสิ ใช้วงเวทย์เทเลพอร์ตส่งไปนะ ไม่ต้องกังวลเรื่องค่าใช้จ่าย กาตอนจะเป็นคนจัดการกับค่าใช้จ่ายที่สึกหรอเหล่านี้เอง รีบจัดการเพราะมันเน่าเสียได้ง่าย !”

 

หลังจากที่ได้รับเนื้อชิ้นนั้น เฟย์ก็เซไปด้านหลังในทันที แม้ว่าก้อนเนื้อชิ้นนี้จะไม่ได้ใหญ่มากนัก ทว่ามวลของมันมีความหนักมากเป็นพิเศษ ซึ่งดูเหมือนว่าจะหนักพอ ๆ กับคริสตัลที่มีมวลเท่า ๆ กัน เนื้อในมือของเขายังคงดิ้นราวกับยังมีชีวิตอยู่ และกลิ่นสาบของมันที่คละคลุ้งสร้างความหวาดกลัวให้กับเฟย์อยู่ไม่น้อย เขาถืออยู่ครู่หนึ่งก็รู้สึกว่าไม่สามารถที่จะยืนได้อีกต่อไปจนทำให้คนอื่น ๆ ต้องรีบเข้ามาช่วยเขาไว้ คนเหล่านั้นต่างเร่งพาชิ้นเนื้อนี้วิ่งไปยังอุปกรณ์เทเลพอร์ตและส่งมันออกไป

 

ในขณะเดียวกันเลเจนดารี่เมจก็กลับไปเพื่อชำระล้างร่างกาย เปลี่ยนเสื้อผ้า และรักษาบาดแผลบนผิวหนังของนางก่อนที่จะไปนั่งกินผลไม้ ดูเหมือนว่าในตอนนี้นางจะยุ่งกว่าเหล่าแกรนด์เมจคนอื่น ๆ ที่เหลืออยู่ไม่น้อย

 

ช่วงเวลา 30 นาทีดำเนินไปขณะที่ชารอนยังคงแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำ ทันใดนั้นกระดิ่งวิเศษก็ดังขึ้นด้วยเสียงที่เพราะพริ้งก่อนที่เสียงของเฟย์จะดังตามมา “ท่านชารอน ของชิ้นนั้นได้ส่งออกไปแล้ว และมาร์ควิสกาตอนอยากจะคุยกับท่าน ท่านมีความเห็นว่ายังไง ?”

 

ชารอนหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนตอบกลับไป “ถ้าเพื่อนของข้าไม่กลัวที่จะต้องเสียค่าใช้จ่ายแล้วมันจะมีปัญหาอะไรกัน ? ตอบรับกลับไปสิ !”

 

“ได้ ข้าจะรีบจัดการเดี๋ยวนี้” เสียงของเฟย์หายไป หลังจากนั้นเพียงครู่เดียวแสงรังสีที่มาจากกระดิ่งก็จ้าขึ้นก่อนที่จะถูกร่ายขึ้นมาให้กลายเป็นภาพ 3 มิติที่อยู่ตรงหน้าของชารอน มันแสดงให้นางเห็นภาพกาตอนที่กำลังถือกล่องสีดำขณะที่สายตาที่ดูนิ่งเฉยก็จ้องไปยังชิ้นเนื้อที่กำลังขยับไปมาอย่างรุนแรง

 

ชารอนลูบผิวของนางโดยไม่ได้สนใจว่าเนินอกของนางจะโผล่ขึ้นมาเหนือผิวน้ำหรือไม่ก่อนที่จะกล่าวว่า “เจ้าเริ่มไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องเงินทองตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ? แม้แต่ตัวข้าเองยังรู้สึกเจ็บปวดที่จะต้องจ่ายค่าคาถาสำหรับติดต่อสื่อสารระยะไกลเช่นนี้ ! ไหน ๆ เจ้าก็ร่ำรวยแล้ว งั้นรีบคืนเงินที่เจ้ายังติดค้างข้ามาซะ !”

 

จอฉายภาพที่อยู่ปลายสายนั้นคือสถานที่ที่อยู่บนเกาะของอาเครอนซึ่งเป็นห้องใต้ดินที่อยู่ภายในปราสาทซึ่งสามารถเข้ามาได้โดยการใช้เวทมนตร์เท่านั้น ห้องใต้ดินนี้ถูกตกแต่งด้วยสีแดงและดำโดยมีโต๊ะเซรามิกที่ดูเหมือนกับแท่นบูชาตั้งอยู่ ด้านบนของแท่นบูชาเป็นเปลวเพลิงที่กำลังเผาไหม้ และแน่นอนว่ามีภาพเวทมนตร์ที่ฉายออกมาให้เห็นภาพและเสียงของชารอนที่ดังออกมาอยู่ในนั้นเช่นกัน

 

ภาพเวทมนตร์ที่อยู่ตรงหน้าของกาตอนนั้นไม่ได้เผยให้เห็นว่าชารอนกำลังอาบน้ำอยู่แต่อย่างใด ทว่ามันกลับเป็นภาพชารอนที่มีเบื้องหลังเป็นสีดำสนิท จอฉายภาพของคนแคระเกรย์ยังคงหมุนอย่างต่อเนื่องและคนแคระเกรย์จะต้องหยอดเหรียญทุกครั้งที่จำนวนตัวเลขที่อยู่ด้านบนขวามือเปลี่ยนไปนาทีต่อนาที ทว่ากาตอนกลับไม่ได้สนใจภาพของชารอนแม้แต่น้อย เขาจ้องมองไปที่กล่องในมือก่อนที่สีหน้าของเขาจะดูแย่ลง

 

ทันใดนั้นเขาก็กล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงโมโหว่า “ท่านชารอน ! ท่านเองก็รู้ว่าเลือดแห่งอาเครอนอาจจะดึงดูดพวกเดม่อนเข้ามาได้ แล้วท่านยังจะส่งหัวใจของมันมาให้ข้าอีก นี่เป็นครั้งที่ 2 แล้วนะที่ท่านทำเช่นนี้ ! ชารอนที่รัก… ท่านแค่เดินอ้อมไปรอบ ๆ ขุมนรกแทนที่จะเข้าไปยังอบิสไม่ได้รึยังไงกัน ? พวกเดวิล*เหล่านั้นจะต้องให้ในสิ่งที่ท่านอยากได้แหงอยู่แล้ว !”

*เดวิลนั้นเป็นเผ่าปีศาจเช่นเดียวกับเดม่อน แต่เดวิลจะอยู่ในเพลนนรก ขณะที่เดม่อนจะอยู่ในเพลนอบิส

 

เสียงหัวเราะที่สวยงามดังออกมาจากชารอนอีกครั้งก่อนที่นางจะตอบกลับไป “นี่มันคือหัวใจของเลสเซอร์เดม่อนลอร์ด ! ฮี่ ๆ กาตอน เจ้าเองก็ควรจะรู้นะว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะหาเกรทเทอร์เดม่อนลอร์ดเก่ง ๆ ที่ไล่จับข้าได้ในอบิส นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมข้าจะต้องเดินไปยังชั้นสูง ๆ  สำหรับขุมนรกน่ะ ข้าต้องกลับไปจัดการอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องห่วงหรอก แต่มันก็ขึ้นอยู่กับอารมณ์ของข้าด้วย เจ้าเองก็น่าจะรู้ไม่ใช่รึว่าข้าจะอารมณ์ดีก็ต่อเมื่อเจ้าจัดการสะสางหนี้ของเจ้าให้เรียบร้อยก่อน”

 

ทันทีที่เรื่องหนี้ถูกกล่าวขึ้นมา ความมั่นใจของกาตอนก็ลดลง เขาเปล่งเสียงคำรามพร้อมกับปิดกล่องในมือ “ข้าประเมินริชาร์ดต่ำเกินไปหน่อย แต่จะว่าไปไอเทมชิ้นนี้ไม่สามารถรักษาพลังเวทมนตร์ของมันได้นานนัก ดูเหมือนว่าข้าต้องรีบไปที่วิหารมังกรนิรันดรเพื่อจัดพิธีภายในคืนนี้เลย เอาล่ะ… ข้ามีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก ท่านมีอะไรอยากจะพูดอีกหรือไม่ ?”

 

“เจ้าไม่คิดจะบอกริชาร์ดเกี่ยวกับเอเลน่าหน่อยรึ ?”

 

“เอเลน่า…” กาตอนยิ้มอย่างขมขื่น “ข้าจะบอกเขาได้ยังไง ? ข้าต้องบอกเขาหรือว่าข้าเป็นคนที่สังหารครอบครัวของแม่เขาในตอนนั้น ? เหตุผลที่นางไม่กลับมาหาข้าก็เป็นเพราะความเกลียดชังที่ข้าไปทำลายเผ่าพันธุ์ของนาง ? ท่านคิดว่าข้าควรจะบอกเรื่องนี้กับเขางั้นหรือว่าการตายของเอเลน่าเป็นความผิดของข้า !”

 

“งั้นเจ้าก็จะเลื่อนเวลาออกไปเรื่อย ๆ งั้นสิ ?”

 

“ข้าจะทำอะไรได้อีก… บางที… บางทีทุกอย่างอาจจะถูกแก้ไขให้มันดีขึ้นในวันใดวันหนึ่ง”

 

ชารอนหยุดถามเรื่องของเอเลน่าและเปลี่ยนหัวข้อสนทนา “ตอนนี้มานาของริชาร์ดพัฒนาขึ้นจนแข็งแกร่งแล้ว เมื่อเขาผ่านระดับ 10 ไป ผนึกที่ข้าเคยร่ายไว้บนตัวเขาจะค่อย ๆ อ่อนแอลง ถึงตอนนั้นอสูรไนท์แมร์จะกลับมาหาเขาอีกครั้ง และแม้ว่ามันอาจจะมืดสลัวในตอนแรกแต่เมื่อเขาเติบโตขึ้น มันก็จะเริ่มชัดขึ้นเรื่อย ๆ ทันทีที่ผนึกที่ข้ามอบให้เขาหายไปหลังจากที่เขาอายุครบ 20 ปี ริชาร์ดจะเหมือนประภาคารในที่มืดที่จะดึงดูดอสูรไนท์แมร์ให้มายังนัวแลนด์ นัวแลนด์เป็นเพลนหลัก*เพราะฉะนั้นผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจะเห็นได้อย่างชัดเจน เจ้าต้องส่งเขาไปยังเพลนเล็ก ๆ เพื่อลดผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากการบิดเบี้ยวของมิติ บางทีวิธีการนั้นอาจเป็นการช่วยถ่วงเวลาได้มากขึ้น”

*เพลนหลักคือเพลนระดับสูงสุด โดยจะมีขนาดใหญ่ มีกฎที่ซับซ้อน และมีเทพเจ้าที่ทรงพลังคุ้มครองอยู่

 

ท่าทางของกาตอนเปลี่ยนไปก่อนที่จะเขาจะเริ่มขบคิดเกี่ยวกับเรื่องที่ชารอนเพิ่งพูดถึง

 

ชารอนถอนหายใจออกมา “บางทีเราอาจจะไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้มากนัก เมื่อใดก็ตามที่ตัวหลักของเผ่าพันธุ์อสูรไนท์แมร์เหล่านั้นถูกทำลายลง จิตวิญญาของริชาร์ดที่เป็นเหมือนกับประภาคารที่ในมืดก็จะค่อย ๆ หายไปตามธรรมชาติเช่นเดียวกัน เอาล่ะ เจ้ารีบไปจัดการเตรียมพิธีในคืนนี้เถอะ ค่าใช้จ่ายในการสื่อสารระยะไกลแบบนี้ไม่ได้น้อยเลย แบล็คโกลด์จะส่งค่าใช้จ่ายครั้งนี้ให้กับเจ้าเร็ว ๆ นี้แหละ”

 

กาตอนพยักหน้าทว่าสีหน้าของเขายังคงกังวลอยู่มาก อสูรไนท์แมร์เป็นสิ่งที่แปลกและลึกลับอย่างมากภายในเพลน ไม่มีใครรู้เลยว่าพวกมันจะมีขนาดเล็กและอ่อนแอกว่าพวกเขาหรือว่าจะมีขนาดใหญ่มหึมาและแข็งแกร่งจนทำให้พวกเขาไม่สามารถรับมือได้ และก็ไม่มีใครรู้อีกเช่นกันว่าประชากรของเผ่าพันธุ์นี้มีอยู่มากมายเพียงใด

เพลิงที่เกิดขึ้นอยู่บนแท่นบูชานั้นยังคงเผาไหม้อยู่ ทว่าพลังเวทมนตร์ที่อยู่ภายในเพลิงได้จางหายไปแล้ว ตัวหมุนที่ใช้จ่ายค่าติดต่อสื่อสารของคนแคระเกรย์ก็หายไปเช่นเดียวกันและเหลือทิ้งไว้เพียงใบหน้าของกาตอนที่กำลังแสดงสีหน้าที่คาดเดาได้ยากผ่านเปลวเพลิงที่ยังเผาไหม้อยู่เท่านั้น…

Options

not work with dark mode
Reset