คำตัดสินความผิดภายในตระกูลอาเครอนถูกแพร่ออกไปทั่วเฟาสต์ มีคนจำนวนไม่น้อยที่ตกใจกับข่าวที่ได้ยิน แต่ก็มีอีกหลายคนที่พยายามวิเคราะห์ในสิ่งที่เกิดขึ้น
ภายในห้องสมุดส่วนตัวในปราสาทของโซเจฟที่อยู่บนเกาะลำดับที่ 6 ของชั้นที่ 6 [6-6] เรย์มอนด์กำลังนั่งคิดอะไรบางอย่างอย่างใจจดใจจ่อขณะที่นั่งฟังรายงานการตัดสินของตระกูลอาเครอนไปพลาง ๆ หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เรย์มอนด์ก็หันไปหาวาเลนและพูดขึ้น “กาตอนไม่เพียงแค่จบทุกอย่างด้วยการประหารบุตรของเขาเท่านั้น เขายังบอกเหล่าชนชั้นสูงภายในเฟาสต์ด้วยว่าทุกอย่างยังไม่จบ บุตรของเขาตายไปแล้วแต่ฟอล์กยังคงอยู่”
วาเลนเงียบไปครู่หนึ่งหลังจากที่ได้ยิน ในตอนนี้สีหน้าของเขาไม่ค่อยสู้ดีนัก การตั้งใจสังหารของพวกเขาในครั้งนี้ถือว่าล้มเหลวและดูเหมือนว่าอาเครอนจะไม่ได้รับความทุกข์ทรมานจากการสูญเสียอย่างที่ควรจะเป็นอีก ในเหตุการณ์ครั้งนั้นพวกเขาจัดการตัดแขนขาของฟอล์ก และเหล่าเด็กหนุ่มภายในตระกูลสาขาของพวกเขาก็โดนเล่นงานเช่นกัน แม้ว่าเด็กหนุ่มเหล่านั้นจะไม่ได้มาจากตระกูลทั้ง 14 ที่มีชื่อเสียง ทว่าพวกเขาก็ยังถือว่าเป็นบุตรของเหล่าตระกูลชนชั้นสูงที่อยู่ภายในเฟาสต์ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เอิร์ลโกลิอัทถูกตั้งข้อสงสัยและถูกสอบสวนเกี่ยวกับเรื่องนั้นตลอดทั้งสัปดาห์ แม้ว่ากาตอนจะเป็นสมาชิกที่อยู่ในสภาด้วย แต่คนที่อยู่ในชั้น 7 จะมีสิทธิ์เพียงแค่การโหวตเท่านั้นและไม่มีสิทธิ์วีโต้*
*สิทธิ์วีโต้ = สิทธิ์ในการยับยั้งหรือโต้แย้งมติใด ๆ
ทว่าปัญหานี้ก็ยังไม่ได้ข้อสรุป การประชุมของสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์เป็นเหมือนกับสถานที่ที่มีไว้สำหรับให้สมาชิกของพันธมิตรเข้ามาพบปะและถกเถียงปัญหาต่าง ๆ กัน โดยผลลัพธ์จากการลงคะแนนจะขึ้นอยู่กับการตรวจสอบจากสิ่งต่าง ๆ และยังขึ้นอยู่กับสมดุลของอำนาจที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนั้น ๆ ด้วย และสำหรับเอิร์ลโกลิอัทเองก็ไม่ได้ถูกตัดสินให้ทำโทษอย่างรุนแรงเพียงเพราะทำร้ายเด็ก ๆ เหล่านั้น
อีกด้านหนึ่งแม้ว่าประชาชนจะได้รับอนุญาตให้เข้ามานั่งภายในที่ประชุมได้ ทว่ามีเพียง 14 ตระกูลเท่านั้นที่จะสามารถนั่งบนเก้าอี้ชั้นสูงที่ถูกจัดไว้ สมาชิกของตระกูลรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีรวมไปถึงข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับเฟาสต์ สัปดาห์แห่งการสอบสวนและตัดสินความผิดในครั้งนี้สร้างความลำบากให้กับโกลิอัทไม่น้อย แต่ในขณะเดียวกันมันก็ได้สร้างความสบายใจให้กับตระกูลบางตระกูล เพราะพวกเขาถือว่าการลงโทษโกลิอัทสามารถกู้ชื่อเสียงของตัวเองได้หลังจากที่บุตรหลานของพวกเขาถูกทำร้าย ในการตัดสินนั้นไม่มีการถกเถียงหรือเรียกร้องเพิ่มเติมใด ๆ และดูเหมือนว่าเรื่องบางอย่างจะถูกปกปิดไว้เพราะไม่ต้องการให้เรื่องทั้งหมดรั่วไหลออกไปภายนอกมากนัก
ทว่านั่นก็ยังไม่สามารถปกปิดเรื่องราวทั้งหมดได้มิดอยู่ดีเพราะกาตอนเจอหลักฐานว่าวอร์เรนร่วมมือกับฟอล์กได้ในทันทีที่เกิดเรื่อง ซึ่งเขาก็ได้เรียกสืบสวนภายในตระกูลและหาข้อสรุปโดยการประหารชีวิตวอร์เรนต่อหน้าทุกคนในคืนนั้นอย่างรวดเร็ว ถึงแม้ว่าพวกเขาจะอยากเก็บเรื่องเหล่านี้ไว้เป็นความลับ แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากอย่างมากที่จะทำได้ และพวกเขาเองก็ไม่ได้กระตือรือร้นที่จะพยายามปิดมันต่อไปแต่อย่างใด
บทสรุปจากเรื่องที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือเนื่องจากทั้งกาตอนและดยุกโจเซฟได้สูญเสียบุตรชายไปทั้งคู่ แม้ว่าบุตรชายคนที่ว่าจะไม่ใช่ฟอล์ก แต่อย่างไรก็ตามเรื่องนี้เหมือนกับเป็นการส่งสารไปทั่วทั้งเฟาสต์ว่าริชาร์ด อาเครอนเป็นข้อยกเว้นเพียงคนเดียวภายในตระกูลอาเครอน หากมีใครริอาจแตะตัวเขาแม้แต่ปลายนิ้ว คนเหล่านั้นจะต้องเตรียมตัวรับมือกับสงครามของอาเครอนที่จะเกิดขึ้นทันที !
วาเลนลุกขึ้นก่อนที่จะตอบกลับอย่างเคร่งขรึม “นายน้อย สถานะของริชาร์ดในตระกูลอาเครอนสูงกว่าที่พวกเราคาดการณ์เอาไว้มาก ในช่วงเวลานี้กาตอนเองก็ประกาศให้ทุกคนได้รับรู้แล้วว่าริชาร์ดเป็นหนึ่งในสมาชิกแกนหลักของตระกูล แม้ว่าในตอนนี้เขาจะยังไม่ได้สร้างรูนไนท์ของตระกูลอาเครอนขึ้นมาจริง ๆ แต่มันจะต้องมีข่าววงในบางอย่างที่พวกเรายังไม่รู้แน่ ๆ ข้าคิดว่าพวกเราคงต้องเตรียมรับมือกับสงครามที่จะเกิดขึ้นแล้วล่ะ”
เรย์มอนด์ถอนหายใจด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง “เอาเถอะ ยังไงสงครามระหว่างเรากับอาเครอนก็ไม่เคยหยุด แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้เราไม่สามารถโจมตีริชาร์ดภายในเฟาสต์ได้อีกต่อไป หากเรายังยืนยันที่จะจัดการเขาเหมือนกับก่อนหน้านี้ มันจะไม่เพียงแต่เป็นการยั่วยุเหล่าอาเครอนเท่านั้น แต่มันยังรวมไปถึงยั่วยุฟิลลิปส์ผู้กระหายเลือดด้วย มาสเตอร์วาเลน ท่านต้องเตรียมการรับมือไว้หน่อยแล้ว พวกเราจำเป็นต้องย้ายไปยังเพลนก่อศิลาให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สงครามจำเป็นที่จะต้องจบอย่างรวดเร็วและเราก็จะได้เป็นอิสระจากระดับสูงของพวกเราได้ เรามีกองทัพที่ประจำการอยู่ภายในอาณาเขตตระกูลของพวกเราแล้ว แต่เรายังต้องเพิ่มความแข็งแกร่งให้มากกว่านี้ และที่สำคัญเราจำเป็นต้องรู้ข้อมูลเพลนส่วนตัวของกาตอนด้วย เราจะได้รู้จุดอ่อนของพวกเขา”
วาเลนพยักหน้า “นายน้อยไม่ต้องกังวล อาเครอนมีริชาร์ดก็จริง แต่นั่นเป็นแค่เพียงการทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายกลับมาใกล้เคียงกันเท่านั้น ท่านเองก็เป็นรูนมาสเตอร์เหมือนกันไม่ใช่หรือ ?”
เรย์มอนด์ส่ายหน้า “ข้ายังไม่สามารถสร้างหรือผสมรูนที่มีประสิทธิภาพขึ้นได้ การสร้างรูนของข้าดูเหมือนจะด้อยกว่าริชาร์ดด้วยซ้ำ”
“ข้ามั่นใจว่าริชาร์ดไม่มีความรู้อย่างที่ท่านมีแน่นอน อีกอย่าง สภาวะการเป็นผู้นำและการดูแลผู้ที่อยู่ภายใต้การปกครองของท่านก็โดดเด่นนัก ริชาร์ดนั่นไม่มีคุณสมบัติเหล่านั้นเหมือนที่ท่านมีหรอก สำหรับพวกเราแล้วท่านเป็นวีรบุรุษที่จะพาตระกูลโจเซฟไปยังชั้นที่ 5 ได้อย่างแน่นอน !”
“วีรบุรุษรึ หึ ๆ ?” เรย์มอนด์หัวเราะออกมา “คนที่รูปร่างอ่อนแอและเปราะบางแบบข้าจะไปเป็นวีรบุรุษได้ยังไง ? ข้ายังสงสัยเลยว่าตลอดชีวิตของข้า ข้าจะสามารถผ่านวอริเออร์ระดับ 5 ไปได้หรือไม่”
ความเศร้าหมองปรากฏขึ้นบนใบหน้าของวาเลนก่อนที่เขาจะกล่าวว่า “แต่ท่านก็ยังมีพรสวรรค์ด้านเวทมนตร์ที่ข้าคิดว่ามันเป็นสิ่งยอดเยี่ยมที่ทำให้ท่านได้เป็นถึงเมจระดับ 12 ทั้งที่ท่านยังอยู่ในวัยเพียงเท่านี้ อีกอย่าง ท่านเองก็เป็นที่สุดแห่งนักวิชาการแห่งโซโลมอนด้วย !”
“เจ้าพูดถูก !” เรย์มอนด์เปล่งเสียงหัวเราะออกมาราวกับว่าท้องฟ้าได้กลับมาสดใสอีกครั้งหนึ่ง แม้ว่าวาเลนจะยิ้มออกมาต่อหน้ามาสเตอร์ของเขา ทว่าภายในใจของเขาก็รู้ดีว่าสิ่งที่เรย์มอนด์ขาดมากที่สุดคือเวลา หากเขาไม่สามารถเป็นวอริเออร์ระดับสูง ๆ ได้ ช่วงอายุของเขาจะเหลืออีกเพียงไม่ถึง 20 ปีเท่านั้น ในความเป็นจริงแล้วเวลา 20 ปีนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็วเมื่ออยู่ในสงครามเพลน และด้วยข้อบกพร่องทางร่างกายของเรย์มอนด์ที่เขามีมาตั้งแต่เกิด การที่เขาจะได้เป็นวอริเออร์นั้นก็คงจะเป็นเรื่องที่ต้องพึ่งปาฏิหารย์อยู่ไม่น้อย
ภายในสงครามเพลนที่มีอย่างไม่สิ้นสุดย่อมเต็มไปด้วยความวุ่นวายและความปั่นป่วนของเวลา สิ่งสำคัญสำหรับวีรบุรุษก็คือการมีชีวิตรอดอยู่ให้ได้ภายในสงคราม
ทว่าในความเป็นจริงแล้ว ชั้นที่ 5 ก็ถือว่าเป็นระดับที่สูงพอสมควรภายในเฟาสต์ ทุกอย่างบนเกาะลอยฟ้ามันเหนือกว่าคำว่าเมืองและอาณาจักรเสียอีก ! และดูเหมือนว่าจุดสูงสุดของวงโคจรของพวกเขาก็แทบจะถึงวิหารมังกรนิรันดรด้วยซ้ำ แต่สำหรับตระกูลโจเซฟนั้นดูเหมือนว่าอาจจะต้องใช้เวลามากกว่าศตวรรษถึงจะสามารถผลักตัวเองให้ขึ้นไปยังชั้น 5 ได้ เมื่อนำประวัติศาสตร์มาเปรียบเทียบกันแล้ว เวลาแค่ 20 ปี ก็นับเป็นช่วงเวลาเพียงสั้น ๆ ที่มีไว้สำหรับให้ดอกไม้ตามริมแม่น้ำผลิบานเท่านั้น
แม้แต่บนเกาะลำดับที่ 4 ของชั้นที่ 5 [5-4] ก็ไม่ได้มีดินแดนมากมายเท่าไหร่นัก สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่จักรพรรดิผู้กล้าหาญของสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ — ฟิลลิปส์ผู้กระหายเลือดอาศัยอยู่ มันเล็กจนเป็นเรื่องยากที่จะนำราชวังที่สวยงามและใหญ่โตอย่างราชวังของสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์มาตั้งไว้ภายในนี้ได้ และถึงแม้ว่าจะใช้เวทมนตร์มิติขยายพื้นที่เพื่อช่วยให้สามารถตั้งปราสาทราชวังได้อย่างเพียงพอแล้ว ก็ยังดูเหมือนเขาต้องยอมตัดสินใจที่จะตัดสวนออกไปอยู่ดีเพราะมันเป็นอะไรที่ใช้พื้นที่เปลือง
ราชวังถูกสร้างบนภูเขาโดยมีตึกหลักอยู่ด้านบนสุดของยอดเขา มันถูกทำให้มีรูปทรงที่แบนราบเพื่อให้รองรับสิ่งก่อสร้างได้อย่างมั่นคง หน้าต่าง ระเบียง และเสาทุกต้นล้วนถูกแกะสลักอย่างสวยงามและประณีตทุกระเบียดนิ้ว ภายในนี้มีความเป็นเอกลักษณ์และดูมีคุณค่าทางด้านประวัติศาสตร์และศิลปะอย่างมาก ทว่าเมื่อนำทุกอย่างมารวมเข้าไว้ด้วยกันแล้ว ความสวยงามที่หลากหลายเหล่านี้กลับดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยกลมกลืนกันสักเท่าไหร่
เมื่อแสงสีทองอ่อน ๆ ยามรุ่งอรุณสาดส่องเข้ามาภายในห้องอาหารเช้า โต๊ะยาวในห้องก็เต็มไปด้วยเครื่องดื่มและไวน์สำหรับกระตุ้นความอยากอาหารให้กับผู้รับประทาน เหล่าเมดจำนวน 10 คนยืนเรียงกันโดยถือถาดอาหารสีเงินไว้ในมือของพวกนาง ภายในห้องมีเหล่าข้าราชสำนักหลายคนที่สวมใส่เสื้อผ้าอย่างพิถีพิถันพร้อมด้วยวิกที่ประดับอยู่บนศีรษะของพวกเขา ในตอนนี้พวกเขากำลังยืนเตรียมพร้อมที่จะรายงานเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นภายในเฟาสต์แล้ว
……
เสียงกระดิ่งที่คมชัดและไพเราะถูกตีให้ดังขึ้นภายในห้องอาหารเช้าก่อนที่นกตัวใหญ่จะดีดตัวออกมาจากขาตั้งทองแดงที่ติดอยู่บนเพดาน มันส่งเสียงร้องแหลมสูงก่อนจะพูดเป็นประโยค “กี๊ กี๊… ฝ่าบาทเสด็จแล้ว ! ฝ่าบาทเสด็จแล้ว !”
ประตูที่อยู่ตรงข้ามของฮอลล์ถูกเปิดออกก่อนที่ชายร่างสูงและแข็งแรงจะเดินเข้ามา ชายผู้นี้มีความสูงเกินกว่า 7 ฟุต บนศีรษะของเขาสวมใส่วิกสีบลอนด์ที่บ่งบอกถึงความเป็นผู้ดี ผิวพรรณของเขาส่องแสงเป็นประกายราวกับแสงอาทิตย์ภายในเฟาสต์ เงาที่เปล่งประกายมาจากแก้มของเขาเกิดการสั่นตามแรงกระแทกจากการเดินเท้าของเขา ในขณะที่หนวดเคราถูกจัดให้เข้ารูปราวกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า ผ้าซาตินทอปกปิดหน้าท้องขนาดใหญ่ของเขาไว้และมีเข็มขัดสีทองคาดทับ เข็มขัดเส้นนี้ถูกฝังด้วยอัญมณีหลากหลายประเภท และหัวเข็มขัดก็ถูกประดับด้วยเพชรแอสซาร่าสตาร์ ! อัญมณีเหล่านี้มีมูลค่าพอ ๆ กับราคาของส่วนประกอบหลักของรูนระดับ 5 หรือไอเท็มระดับเลเจนดารี่ได้อย่างสบาย ทว่าของที่มีมูลค่าเหล่านี้กลับถูกรวบรวมให้กลายเป็นเพียงของประดับที่ไร้ซึ่งพลังอยู่บนตัวของเขา
ชายผู้ซึ่งแต่งตัวหรูหราฟุ่มเฟือยจนเกือบจะดูน่าขันผู้นี้ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เขาคือองค์จักรพรรดิสูงสุดแห่งสหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์ — ฟิลลิปส์ผู้กระหายเลือด
เขาเคลื่อนตัวเข้ามาที่โต๊ะทานอาหารก่อนจะพยายามยัดร่างของตัวเองลงไปบนเก้าอี้ที่ดูเหมือนจะเล็กกว่าขนาดตัวของเขาถึง 3 เท่า และด้วยความยากลำบากนั้น เขาจึงต้องร้องอุทานออกมาว่า “เก้าอี้ตัวนี้ดูเหมือนจะเล็กลงอีกแล้ว ข้าล่ะเบื่อจริง ๆ !”