นครแห่งบาป City of Sin 63 การเดินทาง 2

ตอนที่ 63 การเดินทาง ตอนที่ 2

จุดหมายปลายทางของริชาร์ดในตอนนี้คือ ‘เฟาสต์’ เมืองในตำนาน

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับมีเวทมนตร์กำลังขับเคลื่อนพวกมัน หลังจากที่ริชาร์ดออกมาจากปราสาทแบล็คโรสเมื่อ 5 ปีก่อน กาตอนก็ได้ใช้ความบ้าคลั่งของเขาเพื่อนำตระกูลอาเครอนก้าวเข้าสู่เฟาสต์เป็นที่เรียบร้อย และดูเหมือนว่าในตอนนี้อาเครอนก็ได้กลายเป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการในเมืองนี้ไปแล้วด้วย

 

สหพันธ์ศักดิ์สิทธิ์อันเลื่องชื่อมักจะพูดถึงประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นที่ตระกูลมากมายพยายามเข้ามายังเฟาสต์เสมอ ซึ่งตระกูลที่มีความทะเยอทะยานเหล่านั้นต่างก็ต้องเตรียมการเป็นเวลากว่าร้อยปีจึงจะก้าวเข้ามาภายในเฟาสต์ได้ และการที่จะสามารถก้าวเข้ามาภายในนี้ได้นั้น สิ่งที่จำเป็นที่สุดสำหรับพวกเขาคือพวกเขาจะต้องมีวีรบุรุษที่มีชื่อเสียงที่คอยนำพาพวกเขาผ่านเส้นทางการต่อสู้ที่เต็มไปด้วยเลือดและเปลวเพลิง เพราะบุคคลผู้นี้จะเป็นผู้ที่นำทางให้พวกเขาได้ย่างกรายเข้ามาลงหลักปักฐานภายในเฟาสต์ได้

 

ทว่ากาตอนกลับฉีกทุกกฎที่เคยมีก่อนหน้านี้ไปอย่างสิ้นเชิง เขาใช้เวลาเพียงแค่ 3 ปีเท่านั้นในการเตรียมการ และในที่สุดเขาก็เข้ามาเปลี่ยนแปลงทุกอย่างและเข้ามาในเฟาสต์ได้ บัดนี้ ความงดงามที่เคยมีก่อนหน้าจึงถูกแปรเปลี่ยนกลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความกระตือรือร้นไปตั้งแต่ที่เขาย่างกรายเข้ามาเลยทีเดียว

 

ในตอนนี้ริชาร์ดอายุ 15 ปีแล้ว และเขาก็ถือว่าเป็นรูนมาสเตอร์คนหนึ่ง แม้จะดูเหมือนว่ากาตอนไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เท่าไหร่นัก ทว่าเขาก็ส่งมอร์เดร็ดให้มารับตัวริชาร์ดโดยตรงเพื่อให้เดินทางมายังเฟาสต์

 

กาตอนนั้นได้วางแผนอนาคตลูกชายของเขาไว้แล้ว และการที่เขาส่งมอร์เดร็ดไปยังดีพบลูก็แสดงให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าเขาเองก็ตระหนักถึงพัฒนาการของริชาร์ดอยู่ตลอด  ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำให้ริชาร์ดได้รู้จักบิดาของเขามากขึ้นจนทำให้เขาเองก็เริ่มรู้สึกสับสนภายในใจอยู่ไม่น้อยเกี่ยวกับเรื่องที่เคยเกิดขึ้นในอดีต การที่กาตอนเตรียมสถานที่เพื่อพบปะภายในเฟาสต์นั้นไม่ได้เป็นเรื่องง่ายอย่างที่คิด การเข้ามาอยู่ในเมืองในตำนานย่อมเป็นเพียงจุดเริ่มต้นและเป็นเพียงการรับตั๋วเข้าสนามประลองพลังและอำนาจเท่านั้น เส้นทางที่ยาวไกลยังรอพวกเขาอยู่หากพวกเขาคาดหวังที่จะให้เสียงของพวกเขาดังไปถึงระดับสูงสุดของนัวแลนด์

 

สำหรับตระกูลใหม่ ๆ ที่เข้ามาภายในเฟาสต์ ชีวิตของพวกเขาหลังจากนี้ไปอีกเป็นสิบ ๆ ปีจะต้องเจอกับการเลือกปฏิบัติและการถูกลอบกัด แม้แต่ตระกูลที่ถูกจัดตั้งขึ้นจนสมบูรณ์แล้วก็ยังต้องเจอกับการโจมตีเช่นเดียวกัน นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมหลาย ๆ ตระกูลที่เข้ามาอยู่ในเฟาสต์จึงจำเป็นต้องมีพันธมิตรที่มีอิทธิพลมากมายไว้คอยสนับสนุนพวกเขา เพราะสิ่งเหล่านี้สามารถช่วยเหลือได้ในช่วงเวลาที่ต้องเจอกับปัญหาในภายภาคหน้า

 

เมื่อ 400 ปีก่อน มีตระกูลที่เดินทางมายังเฟาสต์ทั้งหมด 53 ตระกูล ทว่ามีเพียง 21 ตระกูลเท่านั้นที่สามารถเข้ามาได้สำเร็จ และมีเพียง — 14 ตระกูลเท่านั้นที่สามารถเข้ามาลงหลักปักฐานได้สำเร็จจริง ๆ — จนถึงตอนนี้ริชาร์ดเองก็แทบจะไม่รู้เลยว่าบิดาของเขามีพันธมิตรหรือไม่ แต่สำหรับศัตรูแล้วคงมีนับไม่ถ้วนอย่างแน่นอน สถานการณ์ที่อาเครอนต้องเผชิญหน้าในคราวที่พวกเขาเข้ามาในเฟาสต์ครั้งแรกนั้นเต็มไปด้วยศัตรูและความไม่เป็นมิตร ในช่วงเวลา 2 ปีที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ตามหลักทฤษฎีแล้วอาคารอนคงจะต้องผ่านเรื่องราวเหล่านี้ไปด้วยความยากลำบาก ทว่ากาตอนกลับจัดการทุกอย่างให้ราบรื่นได้อย่างน่าทึ่ง และในเวลานี้เขายังสามารถที่จะส่งไนท์ที่เก่งที่สุดของเขาออกมารับตัวริชาร์ดได้อย่างไม่เกรงกลัวอันตรายที่จะเกิดขึ้นอีกด้วย นี่เป็นการพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าในตอนนี้กาตอนมีความมั่นคงทางสถานะภายในเฟาสต์มากเพียงใด

 

ทว่าสำหรับริชาร์ดนั้น สิ่งเหล่านี้มีทั้งข้อดีและข้อเสีย 

 

วันแรกหลังจากที่เขาเดินทางออกจากดีพบลู พวกเขาเริ่มออกเดินทางตั้งแต่รุ่งเช้าและเลือกที่จะหยุดเดินทางเมื่อท้องฟ้ามืดลง มื้ออาหารที่พวกเขามีอยู่จะต้องแบ่งปันกันเนื่องจากมันไม่ได้มีมากเท่าไหร่นัก พวกเขาเดินทางไกลกว่า 300 กิโลเมตรมาตลอด 10 ชั่วโมง และพวกเขาก็เลือกที่จะหยุดพักในจุดพักผ่อนที่มอร์เดร็ดได้จัดเตรียมไว้

 

เวลาผ่านไปและในที่สุดพวกเขาก็มาถึงจุดพักผ่อนจุดแรก สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่เล็ก ๆ โดยเป็นเมืองที่ไร้ชื่อแต่มีความเจริญอยู่พอสมควรเพราะเป็นเมืองที่อยู่ติดกับเส้นทางที่สามารถเดินทางไปยังจักรวรรดิข้างเคียงได้ ภายในเมืองนี้มีครอบครัวอยู่รวมกันน้อยกว่า 100 ครอบครัว และมีที่พัก 6 แห่งซึ่งเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นแหล่งที่สร้างรายได้หลักให้กับเมือง

 

หลังจากที่ขี่ม้าติดต่อกันมาเป็นเวลายาวนาน เมื่อม้าก้าวเข้ามาภายในเมือง ความขรุขระของพื้นดินก็เริ่มดีขึ้นจนทำให้ริชาร์ดรู้สึกผ่อนคลายลง ในเวลานี้ร่างกายของเขาได้ส่งสัญญาณเตือนเขาแล้วว่าพลังในร่างกายของเขากำลังจะหมดลงในไม่ช้า ทว่าม้าศึกของเขายังคงดูมีชีวิตชีวาอยู่แม้มันเพิ่งจะผ่านการเดินทางตามเส้นทางที่ยากลำบากและเป็นระยะทางที่ยาวนานมาก็ตาม

 

อย่างไรก็ตาม มอร์เดร็ดและรูนไนท์อีก 2 คนยังคงมีท่าทางเช่นเดียวกับตอนเช้า พวกเขาไม่ได้แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้าออกมาเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้สิ่งที่เปลี่ยนไปคงจะเป็นฝุ่นที่ลอยมาติดตัวพวกเขาจนพวกเขาดูสกปรกไปทั่วร่าง จากภายนอกแสดงให้เห็นว่าพวกเขาได้รับการฝึกมาอย่างดีเพื่อให้สามารถรับใช้คำสั่งจากเบื้องบนได้อย่างคล่องแคล่วและว่องไวไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ใดก็ตาม สำหรับการเดินทางในครั้งนี้นั้นก็คงจะเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับพวกเขาไปเลยทีเดียว รูนไนท์ทั้ง 2 คนจ้องมองริชาร์ดด้วยสายตาที่ชื่นชมก่อนที่มอร์เดร็ดจะกล่าวยกย่องเขา “ม้าตัวนี้เก่งมาก ริชาร์ด เจ้าเองก็เช่นกัน !”

 

พวกเขารู้ดีว่าในตอนนี้ริชาร์ดเป็นเพียงเมจระดับ 8 เท่านั้นและสกิลของเขาก็ยังไม่ถือว่าสูงมากนัก เมจไม่ได้มีร่างกายที่อ่อนแอแต่พวกเขามีร่างกายที่แข็งแรงกว่ามนุษย์ธรรมดา ทว่าถึงอย่านั้น ความแข็งแรงของพวกเขาก็ไม่สามารถเทียบได้กับเหล่าวอริเออร์อยู่ดี แม้ว่าความแข็งแกร่งของเมจจะขึ้นอยู่กับระดับที่พวกเขาเหล่านั้นมี แต่ในเวลานี้ริชาร์ดที่อยู่เพียงระดับ 8 และมีข้อจำกัดด้านมานาของเขากลับสามารถรักษาความแข็งแกร่งและความว่องไวของเขาไว้ได้จนถึงตอนนี้

 

การเดินทางของพวกเขาที่ต้องผ่านทั้งภูเขาและแม่น้ำลำธารมากมาย พื้นผิวที่เดินทางแต่ละที่ก็เต็มไปด้วยอุปสรรคและความยากลำบาก หากมองตามธรรมชาติและความเป็นจริง ริชาร์ดควรจะหมดแรงจากการเดินทางในครั้งนี้ไปนานแล้วด้วยซ้ำ ทว่าริชาร์ดกลับยังมีพละกำลังหลงเหลืออยู่ซึ่งดูเหมือนจะสูงกว่าระดับที่เขามีอยู่ไม่น้อย

 

สิ่งหนึ่งที่มอร์เดร็ดสังเกตเห็นได้จากริชาร์ดในการเดินทางครั้งนี้คือร่างกายที่แข็งแกร่งรวมถึงความมุ่งมั่นที่ริชาร์ดมี การประเมินระยะทางสำหรับ 300 กิโลเมตรต่อวันของเขาจึงดูเหมือนจะเป็นการประเมินริชาร์ดไว้ต่ำเกินไป สำหรับพวกเขาแล้วมันไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะเห็นริชาร์ดแข็งแกร่งเช่นนี้เพราะทุกคนที่ได้รับการดูแลและเลี้ยงดูโดยเลเจนดารี่เมจชารอนภายในดีพบลูต่างก็มีพลังที่แข็งแกร่งขึ้นเกือบทั้งหมด ทว่าที่น่าสงสัยคือม้าที่ริชาร์ดกำลังควบคุมอยู่ตัวนี้ มันมีความอดทนมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไรกัน ?

 

มอร์เดร็ดมองไปที่ม้าตัวนั้นก่อนที่เขาจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างจึงเอ่ยถามขึ้น “ริชาร์ด เจ้าเพิ่มรูนให้กับม้าตัวนี้ด้วยรึ ?”

 

“ใช่แล้ว มันเป็นรูนขั้นพื้นฐานที่สามารถลดการใช้พลังงานและเพิ่มการฟื้นฟูได้ในเวลาเดียวกัน ข้าเรียกมันว่า[ไวทัลลิตี้]”

 

“[ไวทัลลิตี้] ? ดูเหมือนว่าข้าจะไม่เคยได้ยินชื่อนี้มาก่อน” มอร์เดร็ดถามด้วยความสงสัย รูนไนท์ระดับสูงเช่นเขา แม้ว่าจะไม่มีความรู้ในด้านการสร้างรูน แต่ความรู้เกี่ยวกับรูนของพวกเขาก็สามารถเทียบได้กับรูนมาสเตอร์ทั่ว ๆ ไป

 

“มันไม่ใช่รูนมาตรฐานหรอก สิ่งนี้เป็นสิ่งที่ข้าออกแบบเองหลังจากที่ได้อ่านตำราเวทมนตร์และคาถาศักดิ์สิทธิ์” ริชาร์ดดึงแขนเสื้อด้านขวาของเขาขึ้นเพื่อเผยลวดลายที่ซับซ้อนแต่สง่างามบนแขนของเขาให้มอร์เดร็ดดู “ดูสิ ข้านำมันมาใส่ในตัวข้าด้วย สิ่งนี้ทำให้ข้าฟื้นฟูได้เร็วมากยิ่งขึ้น”

 

“ทำไมเจ้าถึงไม่เลือกสร้างอะไรที่ช่วยเพิ่มความแข็งแรงในการต่อสู้ให้กับตัวเอง ? อย่างเช่นการเพิ่มการโจมตีด้วยเวทมนตร์อะไรเทือกนั้น ?” มอร์เดร็ดขมวดคิ้ว

 

“นั่นเป็นเรื่องของอนาคต” ริชาร์ดตอบขรึม ๆ “[ไวทัลลิตี้]ทำหน้าที่มอบเวลาและพละกำลังให้ข้ามากขึ้นเพื่อที่ข้าจะได้มีเวลาเพิ่มในการเรียนรู้และฝึกฝนเวทมนตร์ สิ่งเหล่านี้จะสามารถช่วยให้ข้าพัฒนาพลังของข้าให้สร้างรูนในระยะยาวได้มากขึ้น ข้าจะพิจารณารูนที่ช่วยเพิ่มความสามารถในการต่อสู้ให้กับข้าเมื่อตอนที่ร่างกายของข้าสามารถรองรับรูนได้มากขึ้นในอนาคต”

มอร์เดร็ดลูบเคราของตัวเองก่อนที่จะหัวเราะออกมาและกล่าวต่อไป “หึ ๆ ริชาร์ด เจ้าดูไม่เหมือนคนอายุ 15 ซักเท่าไหร่นะว่าไหม ?”

Options

not work with dark mode
Reset