นครแห่งบาป City of Sin 33 ลมหนาวที่กระพือครั้งที่สอง

ตอนที่ 33 ลมหนาวที่กระพือครั้งที่สอง

หลังจากวันแห่งโชคชะตา ชีวิตของริชาร์ดก็ยังคงดำเนินต่อไป เวลาของเขาได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว และนั่นทำให้แต่ละวันของเขาต้องเดินหน้าต่อไปอย่างไม่หยุดหย่อน ความสามารถของเขาสร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าแกรนด์เมจอย่างมาก พวกเขาต่างพากันสงสัยว่าภายในโลกใบนี้มีเด็กน้อยที่สามารถสร้างความแม่นยำราวกับเครื่องกลได้อย่างไร และเด็กน้อยที่เปี่ยมด้วยพรสวรรค์ผู้นั้นก็ทำทุกอย่างอย่างไร้ซึ่งอารมณ์ ไม่มีความผันผวน และเดินหน้าต่อไปอย่างต่อเนื่องโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย

ความขยันอย่างต่อเนื่องของริชาร์ดทำให้เขาสามารถพัฒนาตัวเองได้อย่างรวดเร็วจนทุกคนต่างพากันประหลาดใจ ในการเติบโตของเขานั้น มีสิ่งหนึ่งที่ดูเหมือนจะไม่สามารถเร่งรัดได้นั่นคือมานาที่ยังคงเพิ่มขึ้นตามอัตราปกติ

 

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วราวกับสายน้ำ ทว่ามีบางสิ่งที่เข้ามารบกวนความสงบ ริชาร์ดมุ่งมั่นที่จะซ่อนเหตุการณ์ในวันแห่งโชคชะตาไว้ภายในส่วนลึกในจิตใจของเขา ทว่าสำหรับเลเจนดารี่เมจแล้ว นางใช้เวลาน้อยกว่า 1 อาทิตย์ในการป่าวประกาศออกไปให้คนอื่นได้รู้ด้วยความภาคภูมิใจว่านางได้ลิ้มลอง ‘รสชาติที่นุ่มนวลและน่าเอร็ดอร่อย’ แล้ว

 

เรื่องนี้ถูกแพร่กระจายออกไปจนกลายเป็นที่ฮือฮากันในดีพบลู เหล่าชายหนุ่มจำนวนมากรวมถึงครึ่งหนึ่งของหญิงสาวต่างพากันจดจำชื่อของ ริชาร์ด อาเครอน ในบรรดาบุคคลเหล่านั้นต่างก็มีความรู้สึกที่แตกต่างกันออกไป บ้างก็เกิดความเกลียดชัง บ้างก็ปรารถนาจะลิ้มลองรสชาติจากเขา แต่ในขณะเดียวกัน คนเหล่านั้นก็ไม่สามารถที่จะเข้าถึงริชาร์ดได้ ทางเดียวที่จะสำเร็จต่อความปรารถนาคือการตั้งใจจินตนาการถึง ‘รสชาติที่นุ่มนวลและน่าเอร็ดอร่อย’ เอาเองโดยพยายามทำให้มีขึ้นภายในสมองของพวกเขา 2-3 ครั้งต่อวัน ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกเขาได้รับความความสุขและความพึงพอใจไม่น้อยเลยทีเดียว

 

เรื่องนี้ทำให้หลายคนคาดไม่ถึง ทว่าก็ไม่มีใครกล้าสงสัยในคำพูดของชารอน… ไม่มีเลยแม้แต่คนเดียว… เจ้านายยังไงก็คือเจ้านาย บุคคลที่สามารถมอบเงินให้กับพวกเขาได้ ไม่ว่าจะทำอะไรสิ่งนั้นก็ย่อมเป็นสิ่งที่ถูกต้องเสมอ และนี่คือความเป็นจริงในดีพบลู ในที่นี้หากใครไม่ได้รับความสุขจากชารอนก็ยากที่จะมีชีวิตอยู่รอดได้ คนส่วนใหญ่ที่ไม่ได้รับสิ่งเหล่านั้นต่างก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะเสนอความเห็นใด ๆ ทั้งสิ้น นี่เป็นเส้นที่ขีดแบ่งแยกผู้อาศัยที่อยู่ภายในดีพบลูออกจากกันได้อย่างชัดเจน

 

อย่างไรก็ตาม เหล่าคนที่รู้จักดีพบลูเป็นอย่างดีต่างก็รู้ดีว่า เส้นที่ขีดแบ่งแยกเหล่านี้ไม่ใช่ความตั้งใจของชารอน เลเจนดารี่เมจทำในสิ่งที่นางชื่นชอบโดยที่นางก็ไม่ได้เชี่ยวชาญในเรื่องของการจัดการทางด้านสังคมเท่าไหร่นัก ทว่าโครงสร้างเหล่านั้นกลับเกิดขึ้นตามธรรมชาติ และผู้คนต่างก็คุ้นชินกับการปกครองที่เป็นลำดับชั้นเช่นนี้ไปแล้ว หากปราศจากสิ่งนี้ก็คงจะเกิดความวุ่นวายและสูญเสียอยู่ไม่น้อย แม้แต่เหล่าเมจผู้ซึ่งแอบก่อตั้งโครงสร้างภายในดีพบลูอย่างเงียบ ๆ ต่างก็ชื่นชอบการใช้ชีวิตในลักษณะนี้เช่นกัน

 

ลำดับภายในดีพบลูเป็นเหมือนกับระบบชนชั้นศักดินา ผู้อยู่อาศัยภายในนี้จะต้องจ่ายภาษีในขณะที่ชนชั้นเจ้านายจะทำหน้าที่เป็นผู้รับผิดชอบและคุ้มครองพวกเขาเหล่านั้น ในแต่ละครั้งที่เกิดสงครามภายในทวีป คนเหล่านั้นจะได้รับการปกป้องอยู่ภายใต้ปีกของเลเจนดารี่เมจอย่างมีความสุขและสบายใจ

 

แกรนด์เมจ 17 คนถูกรวบรวมไว้เพื่อทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับเลเจนดารี่เมจ อย่างไรก็ตาม หลาย ๆ อย่างไม่ได้เป็นไปอย่างที่ทุกคนคิด เพราะในสายตาคนอื่นต่างก็คิดว่าคนเหล่านี้จะต้องได้รับความสุขกับการได้อยู่ข้างกายของเลเจนดารี่ ทว่าในความเป็นจริงสำหรับพวกเขาความสุขของเลเจนดารี่เมจเป็นสิ่งสำคัญที่สุด ทว่าหนึ่งในนั้นมีเพียงคนเดียวที่มีความเห็นแตกต่างออกไปนั่นก็คือ แบล็คโกลด์

 

ความคิดแรกของคนแคระเกรย์ที่มีต่อการประกาศของชารอนคือความอิ่มเอมใจ เขารู้สึกได้ว่าชารอนได้ใช้วิธีที่แสนชาญฉลาดเพื่อแลกกับความสุขของตัวเอง และดูเหมือนว่าริชาร์ดเองก็จะมีความสุขมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมาเช่นเดียวกัน จากเหตุการณ์ในครั้งนี้เลเจนดารี่เมจไม่ได้ใช้เงินจากกระเป๋าเงินส่วนตัวของนางเองเลยแม้แต่น้อย ซึ่งนั่นทำให้แบล็คโกลด์แทบจะไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

คนแคระเกรย์เชื่อว่าชารอนที่มีความสุขทั้งกายและใจคงไม่จำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายความสุขด้วยเงินของนางอีกต่อไป และดูเหมือนว่าค่าใช้จ่ายในส่วนของริชาร์ดก็น่าจะลดลงมากกว่าเมื่อก่อนอย่างมากด้วย แต่ทว่าริชาร์ดผู้ที่โชคดีนั้น…

 

การที่แบล็คโกลด์เรียกริชาร์ดว่าผู้โชคดีนั้น มาจากการที่เขามองดูรูปร่างของริชาร์ดแล้วสามารถรับรู้ได้ว่าร่างกายของริชาร์ดแข็งแกร่งมากขึ้นทุกวัน มานาที่ไหลอยู่ภายในเลือดของเขาเริ่มเปิดเผยพลังที่แท้จริงของเขาออกมาแล้ว และไม่ว่าเขาจะมองดูอย่างไรก็ไม่คิดว่าริชาร์ดจะ ‘นุ่มนวลและเอร็ดอร่อย’ อย่างที่ชารอนกล่าวไว้

 

แบล็คโกลด์เป็นคนแคระที่พิเศษ เขาทิ้งความดื้อรั้นและปากแข็งที่อยู่ในสายเลือดของเขาไว้ข้างหลัง ตั้งแต่ริชาร์ดได้รับเกียรติพิเศษเช่นนี้ก็ทำให้เขาเชื่อว่าเขาจะสามารถซื้อรูนในอนาคตของริชาร์ดได้ในราคาถูกลง และพรสวรรค์ในการสร้างรูนของริชาร์ดเองก็ได้เพิ่มขึ้นจนน่าตกใจด้วย เขาเรียนรู้ในการสร้างจากการเรียนรู้อื่น ๆ ของเขา และความรู้ของเขาสามารถที่จะได้รับการพิจารณาที่กว้างขวางมากขึ้น การเรียนรู้เกี่ยวกับรูนอย่างเป็นทางการของริชาร์ดเต็มไปด้วยความเสถียรและความแม่นยำของวงเวทย์ ซึ่งวงเวทย์ที่ซับซ้อนนั้นยากต่อการเข้าใจของคนภายนอกเป็นอย่างมาก พวกเขาสามารถที่จะพูดได้เลยว่าผลงานใด ๆ ก็ตามที่ริชาร์ดสร้างขึ้นนั้นเป็นพรสวรรค์ที่เขาได้มาจากพระเจ้า

 

เหล่าเกรทเมจหรือผู้ที่อุทิศตนต่างก็พากันคาดการณ์ล่วงหน้าถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ในขณะที่เหล่าแกรนด์เมจต่างพากันจับจ้องไปที่เป้าหมายของริชาร์ด  ทว่าแบล็คโกลด์นั้นเลือกที่จะสนใจกับจำนวนรูนมหาศาลที่ริชาร์ดจะสร้างขึ้นในอนาคตมากกว่า

 

จากเหตุการณ์ในวันแห่งโชคชะตาทำให้แบล็คโกลด์ลดราคาเป้าหมายของรูนลงไปอีก 40% กำไรของราคานี้ไม่ได้มีมากเท่าไหร่นัก แต่เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปกติภายในทวีปแล้ว ราคาที่เขาจะได้นั้นถูกกว่าถึง 70% ซึ่งสำหรับเขา นี่เป็นวิธีการปลอบใจตัวเองวิธีหนึ่ง มันทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่ใจกว้างอย่างมาก แต่ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรราคาซื้อที่เขาได้ต่างก็ต้องตกเป็นของชารอนอยู่ดีไม่ใช่หรือ ?

 

2–3 วันหลังจากนั้นเขาพบว่าตัวเองอารมณ์ดีขึ้นมาก วันแห่งโชคชะตาสามารถที่จะลดค่าใช้จ่ายไปได้อยู่ไม่น้อย และในตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะมีรายได้ในอนาคตเพิ่มมากขึ้นด้วย เรื่องที่เกิดขึ้นนี้เป็นเรื่องที่สร้างความดีใจให้กับเขาอย่างมาก อย่างไรก็ตามในวันเดียวกัน ความฝันของแบล็คโกลด์ที่วาดไว้ก็หยุดชะงักทันทีเมื่อเขารู้ว่าชารอนตัดสินใจที่จะส่งค่าใช้จ่ายในเดือนหน้าให้กับริชาร์ดเป็นจำนวนที่ไม่ได้น้อยลงเลย ! เขาถึงกับอึ้งไปชั่วขณะเมื่อได้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขาคิดไว้ในตอนแรก แต่อย่างน้อยรายรับที่เพิ่มมากขึ้นก็ยังคงช่วยปลอบใจเขาได้อยู่บ้าง

……

 

ข่าวของริชาร์ดกับชารอนนี้ถูกแพร่ออกไปภายนอกอย่างรวดเร็วราวกับหินกรวดที่ร่วงหล่นในทะเลสาบ ข่าวนี้จะได้รับเร็วหรือช้าขึ้นอยู่กับความห่างไกลของคนเหล่านั้น และคนเหล่านั้นอยู่ในสถานะใดภายในดีพบลู

 

สตีเว่นถือเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่มีความรู้สึกไว เขาได้รับข่าวนี้ไม่ได้เร็วหรือช้าไปกว่าคนอื่น ๆ นักทว่าข่าวนี้ก็ดูเหมือนว่าจะช้าไปสำหรับเขาอยู่ดี เขาไม่มีสถานะหรือบทบาทใด ๆ ที่จะรู้สึกโกรธเคืองกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะเขาเป็นเพียงหนึ่งในผู้ที่มาอาศัยอยู่ในดีพบลูเท่านั้นใช่คนรักของชารอน แต่ข่าวที่เขาได้ยินนี้ก็สร้างความตกตะลึงให้เขาเสียเหลือเกิน

 

หลังจากที่ได้ทราบข่าวนี้แล้ว สตีเว่นพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตัวเอง ความเงียบงันเกิดขึ้นภายในห้องพักของเขาราวกับไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ภายในนี้ เขายืนอยู่หน้ากระจกในสภาพเปลือยเปล่า และจ้องมองดูตัวเองอยู่เช่นนั้นเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมง ส่วนมินนี่นั้นได้แต่ยืนนิ่งไม่ไหวติงราวกับรูปปั้นไร้ชีวิตอยู่ตรงหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสที่อยู่ด้านหลังของเขา

 

หิมะยังคงตกอย่างต่อเนื่อง และดูเหมือนว่าสภาพอากาศจะไม่ได้ดีขึ้นเลยตั้งแต่ที่พวกเขากลับมาจากพื้นที่ทดสอบในครานั้น ฤดูใบไม้ผลิของอ่าวโฟลมักจะมีหิมะตกอยู่บ่อยครั้ง แต่มันก็ไม่เคยตกหนักกินระยะยาวนานอย่างเช่นในปีนี้

 

ที่พักอาศัยถูกแยกออกจากโลกภายนอกที่โหดร้าย แม้ว่าจะปิดหน้าต่างเพื่อกันความเย็นจากข้างนอกเอาไว้ได้ทว่าในตอนนี้ความหมองหม่นจากข้างนอกก็ดูเหมือนจะแทรกซึมผ่านเข้ามาทางหน้าต่างและกระจายเข้ามาสู่ห้องพักของพวกเขาอยู่ดี อากาศภายในห้องที่ถูกหมอกสีเข้มแผ่เข้ามาอย่างต่อเนื่องนั้นสร้างความอุดอู้และให้ความรู้สึกราวกับจะขาดอากาศหายใจ ความอึดอัดนี้ทำให้ร่างกายที่อ่อนแอของมินนี่ที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมแทบจะไม่สามารถรับมือกับสภาวะเช่นนี้ได้เลย

 

อ่าวโฟลมีความงามทว่ากลับไม่ได้ทำให้รู้สึกถึงความเป็นมิตรเท่าไหร่นัก และในทุก ๆ ครั้งก่อนที่พายุหิมะจะเปิดเผยความโกรธแค้นออกมา สภาพแวดล้อมรอบ ๆ จะสงบนิ่งราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนกับว่าปกติแล้วพื้นที่แห่งนี้เป็นที่ที่มีสภาพแห้งเหี่ยวไร้ชีวิตชีวา

 

ที่พักอาศัยของสตีเว่นมีขนาดใหญ่มาก พื้นที่ภายในมีการตกแต่งอย่างสวยงาม สิ่งต่าง ๆ ที่ถูกวางประดับไว้ต่างแสดงให้เห็นถึงสถานะและความยิ่งใหญ่ของเขา ในอดีตมินนี่เคยมัวเมากับความสวยงามภายในนี้ ทว่าในตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าสถานที่แห่งนี้ใหญ่เกินกว่าที่พวกเขาทั้งสองจะพักอาศัยอยู่ภายในได้อย่างสบายใจ พวกเขารู้สึกราวกับว่าความหนาวเหน็บกำลังทำให้พวกเขาหลงทาง

 

ความอึดอัดทำให้มินนี่อยากจะหลบหนีออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ทว่านางกลับทำได้เพียงแค่กัดริมฝีปากแน่นโดยที่ไม่กล้าขยับเขยื้อนหรือส่งเสียงใด ๆ สำหรับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในตอนนี้ นางรู้ดีว่าการปล่อยให้ความเงียบครอบงำมากเท่าไหร่ยิ่งทำให้พายุที่กำลังจะมาถึงน่ากลัวมากยิ่งขึ้นเท่านั้น สตีเว่นยืนอยู่ที่เดิมเป็นเวลากว่า 2 ชั่วโมงแล้ว ไม่มีใครสามารถรับรู้ได้เลยว่าเขาจะยังยืนอยู่เช่นนี้ไปอีกนานเท่าใด ภายในห้องพักขนาดใหญ่มีเพียงเขาและมินนี่ 2 คนเท่านั้น มินนี่รู้ดีว่านางจะเป็นเพียงคนเดียวที่ต้องรองรับพายุที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่อึดใจ

 

ในที่สุดสตีเว่นก็เริ่มขยับตัว เขามองดูกล้ามเนื้อแต่ละมัดบนร่างกายของเขาผ่านกระจกใสอย่างพินิจพิเคราะห์ สายเลือดเลือดมังกรและร่างกายที่ทรงพลังของเขาทำให้เขาแข็งแกร่งกว่าเมจธรรมดาคนอื่น ๆ ความอ่อนเยาว์ที่แฝงความเป็นผู้ใหญ่ของเขาปรากฏอยู่หน้ากระจก ในตอนนี้เขามีรูปร่างสูง แข็งแรง และไร้ส่วนเกิน ความสมบูรณ์ตรงหน้าทำให้เขารู้สึกภูมิใจกับรูปร่างของตนเองอย่างมาก เลือดแห่งมังกรของเขาดูเหมือนกับหมอกสีแดงเข้มที่ปรากฏอยู่ในกระจกเวทมนตร์  มันกำลังไหลเวียนไปทั่วร่างกายของเขา นี่มันสมบูรณ์จนเรียกได้ว่าสร้างเสน่ห์ให้กับตัวเขาได้มากทีเดียว

 

อย่างไรก็ตาม เขาตัดสินรูปลักษณ์ของตัวเองอย่างเป็นกลาง ก่อนหน้านี้เขาได้รับการชื่นชมเกี่ยวกับความงามของเขา เมื่อ 2 ปีก่อนในตอนที่เขากำลังเข้าสู่วัย 15 ปี เขาได้เข้าสู่โลกแห่งขุนนางอย่างแท้จริง ซึ่งนั่นสร้างความภาคภูมิใจให้กับร่างกายของเขาอย่างมาก ไม่เหมือนกับริชาร์ดที่ยังมีออร่าความเป็นเด็กหลงเหลืออยู่ให้เห็น เมื่อเปรียบเทียบกันแล้วในความเป็นจริงเขาคิดว่าตัวเขาเองมีเสน่ห์ของความเป็นชายมากกว่าริชาร์ดด้วยซ้ำ

 

สำหรับสตีเว่นแล้วเขาไม่ได้บกพร่องในเรื่องของความหล่อ ความมุ่งมั่น ความแข็งแรง หรือพละกำลังเลย แต่ในตอนนี้ดูเหมือนว่าบางอย่างที่ขาดหายไปจากตัวเขามันมีมากเหลือเกิน

 

เขาเงยหน้าขึ้นเพื่อถามมินนี่ด้วยน้ำเสียงที่น่าขนลุกว่า “‘รสชาติที่นุ่มนวลและเอร็ดอร่อย’ มันหมายความว่าอะไร ?”

 

มินนี่ตัวสั่นขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้ พายุที่นางคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ได้มาถึงแล้ว นางก้มหน้าลงโดยที่ไม่ได้เปล่งเสียงพูดอะไรออกมาเพราะนางรู้ดีว่าคำพูดของนาง เมื่อพูดออกไปในตอนนี้ก็เหมือนกับการหยดเลือดสด ๆ ลงตรงหน้าหมาป่าที่กำลังหิวกระหาย การกระทำเช่นนี้มีแต่จะปลุกความโหดร้ายของสตีเว่นให้ปะทุออกมามากยิ่งขึ้นเท่านั้น

 

*ปัง !* ผิวที่มือขวาของสตีเว่นฉีกออกหลังจากที่เขาชกเข้าที่กระจกเวทมนตร์ เลือดทะลักออกมาจากมือของเขาก่อนที่จะหยดลงสู่พื้น ทว่าอาการบาดเจ็บของเขาในตอนนี้ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้เขามากเท่าความเจ็บปวดในจิตใจ เขาหันกลับมาจ้องหน้ามินนี่ด้วยดวงตาที่แดงก่ำก่อนตะคอกใส่นางด้วยท่าทางที่ดุร้าย “ข้าถามเจ้าว่า ‘รสชาติที่นุ่มนวลและเอร็ดอร่อย’ มันหมายความว่าอะไร !?”

Recommended Series

Options

not work with dark mode
Reset