เล่ม 2 ตอนที่ 147 ภาษี
“ผู้คุ้มกันส่วนใหญ่ของพวกเราถูกฆ่าตายแล้ว” นายกเทศมนตรีพูดด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด “ส่วนคนที่ยังมีชีวิตอยู่ ข้าเห็นว่าพวกเขาก็เข้าร่วมกับกองกําลังของท่านแล้ว ดังนั้นข้าคิดว่าคงไม่มีใครที่นี่กล้าล่วงเกินท่านอีก”
“ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” ริชาร์ดตอบ เขาหยุดไปชั่วขณะก่อนพูดต่อไป “เราอาจจะเดินทางมาจากเพลนอื่น แต่เราไม่ใช่ปีศาจที่ต้องการจะทําลายหรือสังหารใคร อย่าโง่เขลาจมอยู่กับเทพเนเอียนของพวกเจ้า พวกข้าเองก็มีเทพเจ้าที่คอยสนับสนุนซึ่งแข็งแกร่งและยิ่งใหญ่เหนือกว่าเทพของพวกเจ้า ! โฟลว์
แซนด์ ”
โฟลว์แซนด์ก้าวออกมาด้านหน้าทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกชื่อของนางก่อนที่นางจะพลิกหน้าหนังสือแห่งกาลเวลาในท่าทางที่ดูราวกับว่ากําลังจะร่ายคาถาใส่นายกเทศมนตรี นายกเทศมนตรีอาวุโสตื่นตระหนกขึ้นทันทีที่เห็นแสงที่อยู่บนตัวของเขา ทว่าแสงนั้นกลับมอบความอบอุ่นให้กับตัวเขาอย่างน่ามหัศจรรย์ แม้คาถานั้นจะมีความผันผวนของเวลาแต่ก็เปี่ยมไปด้วย “ออร่าแห่งชีวิตและความตาย” ที่ทรงพลัง ซึ่งปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนี้แสดงให้เขาเห็นว่าพลังของเทพเจ้าของเหล่าผู้มาเยือนที่แท้จริงนั้น ไม่ใช่เพียงความมืดมิดและความชั่วร้ายอย่างที่เขาเข้าใจ
“คําอวยพร” ถือเป็นคาถาศักดิ์สิทธิ์ขั้นต้น ทว่าจุดหลักของพรที่โฟลว์แซนด์ร่ายออกมานี้ไม่เหมือนกับพรอื่น เพราะทันทีที่แสงสว่างปรากฏขึ้น พวกเขาก็รับรู้ได้ถึงความมีชีวิตชีวาและเปี่ยมไปด้วยพลังซึ่งส่งผลกระทบต่อจิตใจของพวกเขาอย่างมาก และเมื่อได้เห็นกับตาตัวเองยิ่งทําให้ชาวเมืองนี้เกิดอาการแตกตื่นเข้าไปใหญ่
ริชาร์ดใช้ประโยชน์จากสถานการณ์นี้เพื่อประกาศออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “พวกข้ามาที่นี่ตามเส้นทางที่เทพเจ้าชี้นําเพื่อแผ่บารมีของพระองค์ ! ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปโจเว่นจะอยู่ภายใต้การปกครองของข้า และข้า ริชาร์ด อาเครอน จะเป็นผู้นําของพวกเจ้าทุกคน ทุกสิ่งที่เคยเป็นของเซอร์โคโจหรือบารอนฟอร์ซ่าจะตกเป็นของข้าโดยสมบูรณ์”
การประกาศของริชาร์ดทําให้ชาวบ้านรู้สึกโล่งใจอย่างมาก พวกเขาต่างก็รู้ดีว่าสงครามระหว่างเหล่าชนชั้นสูงเป็นเรื่องปกติ คนส่วนใหญ่ที่อาศัยอยู่ในเมืองโจเว่นนั้นอาศัยอยู่ที่นี่มาหลายชั่วอายุคนแล้ว ในขณะที่ผู้อพยพที่เข้ามาในนี้เป็นเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ดังนั้นไม่ว่าใครจะขึ้นเป็นผู้ปกครองเมืองแห่งนี้ ชีวิตของพวกเขาก็จะยังคงต้องดําเนินต่อไปโดยจะมีสิ่งเดียวเท่านั้นที่เปลี่ยนแปลงนั่นก็คือภาษีที่พวกเขาจะต้องจ่าย
การปะทะกันสองสามครั้งก่อนหน้านี้ทําให้เหล่าทหารในกองกําลังของเมืองบาดเจ็บและล้มตายไปเป็นจํานวนมาก แน่นอนว่าการตายของคนเหล่านั้นย่อมสร้างความเกลียดชังให้กับครอบครัวที่ต้องสูญเสียและดูเหมือนว่าความเกลียดชังดังกล่าวจะไม่สามารถทําให้หายไปได้ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่ริชาร์ดเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจหรือสนใจที่จะคลี่คลายความโกรธของพวกเขาให้น้อยลงเพราะเขาเลือกแล้วว่าจะปกครองคนเหล่านั้นด้วยความกลัว
นายกเทศมนตรีถามขึ้น “ลอร์ดริชาร์ด ท่านจะยึดครองอาณาเขตแห่งนี้ตลอดไปหรือไม่ ?”
ริชาร์ดมองไปที่นายกเทศมนตรีก่อนตอบกลับ “แน่นอนแต่ข้ายังมีเป้าหมายที่รออยู่ข้างหน้าและข้าจะเดินทางออกจากที่นี่ในอีกไม่นาน เจ้าสามารถตัดสินใจด้วยตัวของเจ้าเองได้และข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทําให้ข้าผิดหวังหลังจากที่ข้าเดินทางกลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่ในตอนนี้จ่ายภาษีทั้งหมดที่เจ้าต้องจ่ายให้โคโจมาให้ข้าซะ”
นายกเทศมนตรีขมวดคิ้วเพราะเขาคิดว่ามันยังไม่ถึงเวลาที่ควรจะเรียกเก็บภาษี และทันใดนั้นเอง เสียงประท้วงก็ดังขึ้นจากชาวเมืองที่อยู่ด้านหลังของเขา
“เจ้าพวกปีศาจจากเพลนอื่นออกไปจากโลกของพวกข้าเดี๋ยวนี้นะ!” เด็กหนุ่มคนหนึ่งตะโกนออกมา เขากํากริชที่อยู่ในมือแน่นขณะจ้องมองริชาร์ดด้วยท่าทีระมัดระวัง
“ลูก กลับมานี้ !” วอริเออร์วัยกลางคนผู้หนึ่งรีบวิ่งเข้าไปหาเด็กหนุ่มคนนั้น ชายผู้นั้นมีผิวสีแทนและร่างกายของเขาเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อซึ่งเห็นได้ชัดว่าเขาเป็นวอริเออร์ที่แข็งแกร่งและมีพละกําลัง ทว่าแม้จะมีความแข็งแกร่งในระดับนั้นแต่เขาก็ยังช้าเกินกว่าที่จะห้ามเด็กหนุ่มคนนั้นไว้ได้ทัน
“เพื่อเทพแห่งความกล้าหาญ !” ชายหนุ่มผู้นั้นตะโกนเสียงดังก่อนที่จะพุ่งตัวเข้าหารชาร์ด
ทว่าทันใดนั้นเอง ดูเหมือนว่าเขาจะสูญเสียการควบคุมร่างกายไปในชั่วพริบตาก่อนที่จะล้มลงกับพื้น เด็กหนุ่มผู้นั้นกระตุกอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะแน่นิ่งไปในที่สุด บาดแผลขนาดเล็กปรากฏให้เห็นบนแผ่นหลังของเขาตรงตําแหน่งของหัวใจและมีเลือดมากมายพรั่งพรูออกมาจนเปรอะเปื้อนไปทั่วเสื้อผ้าที่เขาสวมอยู่
วอเตอร์ฟลาวเวอร์ยืนนิ่งราวกับว่าก่อนหน้านี้นางไม่ได้เคลื่อนไหวใด ๆ เลย ไม่มีใครรู้ว่า เชฟเฟิร์ดออฟอีเทอร์นอลเรสท์ของนางถูกดึงออกจากฝักเมื่อใด ทว่าในเวลานี้เลือดสด ๆ กําลังไหลจากปลายมีดที่คมกริบของนางลงสู่พื้นดิน ทว่าในเวลาเดียวกันใบมีดนั้นกลับยังดูเหมือนใหม่ราวกับว่าเมื่อครูไม่ได้มีการโจมตีใด ๆ เกิดขึ้น
“ลูกพ่อ ! ข้าจะล้างแค้นให้กับเจ้า !” วอริเออร์ผู้เป็นพ่อพุ่งตัวมาด้านหน้า เขาจ้องมองริชาร์ดด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาต ทว่าแอสซาซินสาวก็ขยับตัวเพียงเล็กน้อยก่อนที่เลือดสดใหม่จะไหลลงจากปลายดาบอีกครั้ง
ชายผู้นั้นก้าวเท้าไปด้านหน้าอีก 2 ก้าวก่อนจะล้มตัวลงตรงเท้าของนายกเทศมนตรีจนทําให้รองเท้าของเขาเปื้อนไปด้วยเลือด
เหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อครู่ค่อนข้างน่าตกใจทว่าริชาร์ดแทบจะไม่ได้ให้ความสนใจกับร่างของชายทั้งสองตรงหน้าเลยด้วยซ้ำ เขาพูดกับนายกเทศมนตรีด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นเช่นเคย “เห็นแล้วใช่หรือไม่ ? ข้าไม่ได้ต้องการคุกคามแต่ความอดทนของข้าก็มีอยู่อย่างจํากัดเช่นกัน และข้าก็เพียงแค่ทําตามธรรมเนียมของชนชั้นสูงเท่านั้น
หากเจ้าคิดที่จะต่อต้านกฏที่มีอยู่ก็หมายความว่าเจ้าเลือกที่จะเป็นศัตรูกับข้า ซึ่งนั่นจะบังคับให้ข้าต้องกลายเป็น “ปีศาจ” ซึ่งแน่นอนว่าปีศาจไม่จําเป็นต้องมีผู้ติดตาม”
“ท่านลอร์ด ข้าเข้าใจแล้ว ให้เวลาข้าหน่อยเถิด ข้าจะจัดการกับภาษีของประชากรในส่วนที่ต้องจ่ายในฤดูกาลถัดไปและรีบจ่ายมันให้กับท่าน” นายกเทศมนตรีพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เจ็บปวดยิ่งกว่าเดิมแล้วถอยกลับเข้าไปในอาคารที่พักอาศัยอันต่ำต้อยของเขา
ภาษีที่ริชาร์ดได้รับจากเมืองโจเว่นมีจํานวนรวมร้อยกว่าเหรียญ พร้อมด้วยหนังสัตว์เต็ม 2 กล่อง และกล่องหนังสืออีก 2 กล่อง ซึ่งหนังสือทั้งหมดนี้เป็นวรรณกรรมทั้งหมดที่มีอยู่ในเมือง พวกมันมีราคาอยู่ที่ 300 เหรียญเท่านั้นแต่นายกเทศมนตรีเชื่อว่ามูลค่าของหนังสือเหล่านี้เหมาะสมแล้วสําหรับภาษีที่ริชาร์ดควรได้รับ อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าริชาร์ดจะเห็นใจจึงยอมประณีประนอมให้โดยไม่เกิดปัญหาอื่นใดอีก
ริชาร์ดเดินออกมาจากลานกว้างโดยมีทหารติดตามมาจํานวน 30 คน ซึ่งตลอดระยะเวลาที่พวกเขาอยู่ที่ลานแห่งนี้ ทหารเหล่านี้ดูเหมือนว่าจะตกเป็นเป้าสายตาของชาวเมืองมากกว่าริชาร์ดเสียอีก นั่นเป็นเพราะว่าทหารเหล่านี้ต่างเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็น “คนของโจเว่น” ทว่าหลังจากที่เกิดการโจมตีจนทําให้เมืองต้องเปลี่ยนผู้ปกครองคนใหม่ สิ่งที่เคยมีอยู่ก็ดูเหมือนว่าจะถูกเปลี่ยนแปลงไปด้วยจนน่าใจหาย
มือของเชลยศึกเหล่านั้นเต็มไปด้วยเลือด ในเวลานี้พวกเขาไม่มีทางเลือกอื่นจึงทําได้เพียงต่อสู้เคียงข้างกองกําลังของริชาร์ด ถึงแม้จะมีผู้ที่คิดอยากจะต่อต้านเขา แต่คนเหล่านั้นก็ไม่ได้ต้องการที่จะสู้กับเมจที่มีความสามารถมากกว่าตน อีกทั้งการปรากฏตัวของโอเกอร์ทั้งสองกับเหล่าแร็พเตอร์ก็ยิ่งตอกยํ้าให้พวกเขารู้ว่าคงจะไม่มีประโยชน์อะไรที่จะต่อต้าน
….
ในช่วงเที่ยงของวันต่อมา กองกําลังเสริมของบารอนฟอร์ซ่าก็มาถึง กองกําลังนั้นมีทหารราว ๆ ร้อยกว่าคนซึ่งเป็นจํานวนที่มากกว่ากองกําลังของเมนต้า ทว่าพวกเขามีเพียงโนวิทไนท์ 3 คนและทหารชํานาญการระดับ 5 อีก 1 คนเท่านั้น แต่แม้ว่าพวกเขาจะมีจํานวนคนมากกว่าก็ดูเหมือนว่ากองกําลังของเมนต้าจะมีความสามารถและแข็งแกร่งมากกว่ากองกําลังของบารอน และเพราะเหตุผลนั้นเองจึงทําให้พวกเขาต้องใช้เวลาเดินทางถึง 1 วันเต็ม ๆ สําหรับระยะทาง 20 กิโลเมตรที่เดินทางกันมา
ในตอนนี้เท่ากับว่าบารอนได้ส่งกองกําลังมากถึงครึ่งหนึ่งของเขามาที่นี่ โดยให้ในท์ที่มียศผู้หนึ่งทําหน้าที่นําทัพในครั้งนี้ ทว่าการหายตัวไปของโคโจและการตายของเมนต้ากับฮิวเบิร์ตก็ได้บันทอนความกล้าหาญของพวกเขาลงไปมาก ในเวลานี้ฟอร์ซ่าอายุ 50 ปีแล้วขณะที่ตัวเขายังอยู่เพียงแค่ระดับ 8 เท่านั้น และตัวเขาเองก็ไม่มีความสามารถในการเป็นผู้นําทัพเอาเสียเลยแม้จะเป็นกองกําลังของตัวเขาเองก็ตาม ดังนั้นโนวิทไนท์ทั้ง 3 คนที่ถูกส่งมาจึงถูกผลักดันให้กลายเป็นผู้นําทัพแทนเขา
เมื่อกองกําลังเสริมมาถึง หน่วยลาดตระเวนก็รีบแจ้งกับพวกเขาว่ากลุ่มผู้บุกรุกเดินทางออกจากที่แห่งนี้ไปแล้ว แต่สิ่งที่ทําให้เหล่าไนท์รู้สึกโกรธแค้นเป็นอย่างมากก็คือการที่ริชาร์ดเข้ามายึดครองที่นี่ อีกทั้งพวกเขายังรู้สึกราวกับว่านายกเทศมนตรีและเหล่าชาวเมืองสมรู้ร่วมคิดกับผู้บุกรุกเหล่านั้นด้วย ดังนั้นเหล่าไนท์จึงพากันใช้วิธีการทรมานเหล่าชาวเมืองด้วยการจับกุมและข่มขู่ว่าจะใช้ความรุนแรงหากไม่จ่ายให้พวกเขาเป็นเงิน 2 เท่าจากราคาที่พวกเขาจ่ายให้กับริชาร์ด และพวกไนท์ต่างก็ให้เหตุผลว่านั่นเป็นการยืนยันความจงรักภักดีต่อบารอน
อย่างไรก็ตาม วิธีของพวกไนท์แตกต่างจากริชาร์ดอย่างสิ้นเชิง เพราะถึงแม้ว่าริชาร์ดจะถูกตราหน้าว่าเป็นผู้บุกรุกทว่าเขาก็ยังมีความประณีประนอมยอมรับหนังสือจากพวกเขาเป็นสิ่งทดแทนหากไม่มีเงินจ่ายภาษีในขณะที่ไนท์เหล่านี้ไม่ยอมประณีประนอมอะไรเลย
ในเวลาเดียวกัน เหล่านักเดินทางที่อาศัยอยู่ภายในโจเว่นในเวลานั้นต่างก็ถูกจับกุมตัวไปพร้อมกันด้วย และมีจํานวนสิบกว่าคนในกลุ่มของคนพวกนั้นที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกับริชาร์ดและพวกเขาก็ถูกระแวงว่าอาจจะ “ได้รับผลประโยชน์” จากความสําเร็จในครั้งนี้ ในท้ายที่สุดแล้วภายใต้การต่อสู้ครั้งใหญ่นี้ มีผู้คนที่ต้องล้มตายไปจํานวนมากและคนส่วนใหญ่ก็ถูกจับกุมไว้โดยมีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่สามารถหลบหนีออกไปได้
นักเดินทางเหล่านั้นไม่ได้เป็นทั้งทหารและพวกเขาก็ไม่ได้เป็นประชากรภายในเมืองโจเว่น ดังนั้นถึงแม้ว่าพวกเขาจะต้องจบชีวิตลงก็ไม่ได้ถือว่าเกี่ยวข้องกับเมืองโจเว่นแต่อย่างใด ทว่าถึงอย่างไร คนเหล่านั้นยังมีความเหมาะสมที่จะเป็นกองกําลังเสริมของโจเว่นได้ ในขณะเดียวกันพวกเขาก็อาจจะเป็นผู้นําทางที่ดีสําหรับผู้บุกรุกได้ด้วยเช่นกัน
สําหรับเมืองโจเว่นนั้น ไม่ได้มีเพียงแคโคโจซึ่งเป็น “ผู้ปกครอง” เมืองที่ได้หายตัวไปเท่านั้น แต่คนในตระกูลของเขาทั้งหมดก็ถูกนําตัวไปด้วย ในเวลานี้การหาทายาทที่เหมาะสมจากสายเลือดของผู้ปกครองดูเหมือนว่าจะเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลายาวนานและยากลําบาก และนั่นสามารถใช้เป็นเหตุผลที่บารอนจะใช้อ้างในการเข้ายึดครองแผ่นดินนี้ได้ ตราบใดที่เมืองโจเว่นไร้ซึ่งผู้ปกครองก็ถือเป็นเรื่องง่ายที่จะเข้าปล้นและครอบครองโดยไม่ต้องกลัวผลกระทบจากการต่อสู้เพื่อแย่งชิง ยิ่งไปกว่านั้นส่วนแบ่งของ “ภาษี” ก้อนใหญ่เหล่านี้ก็จะตกเป็นของเหล่าไนท์และลูกน้องของเขาด้วยในขณะที่ส่วนอื่น ๆ ที่เหลือจะตกเป็นของบารอนไปโดยปริยาย
หลังจากถูกปล้นอย่างหนัก เหล่าประชากรของเมืองโจเว่นต่างก็เป็นกังวลขึ้นมาว่าพวกเขาจะสามารถผ่านพ้นช่วงเวลาที่หนาวเหน็บของช่วงฤดูหนาวครั้งนี้ไปได้อย่างไร เพราะรายได้หลักส่วนใหญ่นั้นมาจากเหล่านักเดินทาง ทหาร นักท่องเที่ยว และพ่อค้า หลังจากที่ “พายุ” ลูกนี้ซัดกระหน่ำเข้ามาแล้ว แน่นอนว่าเหล่านักเดินทางก็ต้องไม่มีใครอยากเดินทางมายังเมืองนี้อีก ยิ่งไปกว่านั้น ไนท์เหลานี้ต่างก็ไม่มีใครคิดจะสนใจประชากรที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การปกครองของพวกเขาเลย
อย่างไรก็ตาม ทุกสิ่งที่กําลังเกิดขึ้นที่นี่มันเป็นไปตามที่ริชาร์ดคาดการณ์ไว้แล้ว