เหมือนรู้สึกได้ว่ามีเรื่องบางอย่างผิดปกติ พวกเขาแต่ละคนต่างก็ตื่นตกใจขึ้นมาทันที
ทว่าพวกเขาทุกคนล้วนถูกกักขังเอาไว้ และไม่มีทางเลือกใดเลย หลังจากนั้นพวกเขาก็มองไปทางว่านซือเยี่ยน
“นายน้อยว่านซื่อ ช่วยข้าด้วย!”
“นายน้อยว่านซื่อ!”
ในสถานที่แห่งนี้มีเพียงนายน้อยว่านซื่อที่แสดงให้เห็นว่าคุณค่าของตนเองนั้นสูงส่ง จึงไม่ได้ถูกหลอกอย่างรวดเร็วเช่นนั้น และผู้ที่สามารถช่วยพวกเขาได้ก็มีเพียงเขาเท่านั้น
เส้นทางนี้พวกเขาเป็นคนเลือกเอง และว่านซือเยี่ยนก็ไม่ได้มีเวลาว่างมากพอที่จะมาคอยช่วยเหลือคนอื่นด้วย
เขากล่าวว่า “พวกเราไปเถอะ! เร็วเข้า!”
“อื้ม!” มู่เฉียนซีกล่าวพล่างพยักหน้าเล็กน้อย
ต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษต้นนี้ อันตรายมากจริง ๆ!
พลังชีวิตของพวกเขานั้นไม่ได้ถูกไม้เทพแห่งชีวิตปลอมนั่นกลืนกินเข้าไป แต่ถูกต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษต้นนั้นกลืนกินเข้าไปต่างหาก
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! หนีหรือ! เพียงแค่พวกเจ้าเข้ามาที่นี่ ก็อย่าคิดว่าจะหนีได้อีกเลย! จงกลายมาเป็นของบำรุงให้กับบรรพบุรุษของพวกข้าอย่างเชื่อฟังดีกว่า!”
ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว!
รากจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาเพื่อจับพวกเขาไว้ และทันใดนั้นเส้นทางของพวกเขาก็ถูกปิดกั้นไปในทันที
มือของกุ่ยเต้าเหรินวางอยู่บนพื้น จากนั้นก็กล่าวว่า “กางค่ายกล!”
และค่ายกลนับไม่ถ้วนก็ปรากฏออกมา จากนั้นก็กักขังพวกเขาทั้งหมดเอาไว้ อีกทั้งยังทำให้ความเร็วในการดูดซับพลังชีวิตของมันรวดเร็วมากขึ้นไปอีกด้วย
รากจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งเข้ามาจับพวกเขา และในเวลานี้ร่างเงาสีขาวก็พุ่งทะยานออกไป แล้วกล่าวว่า “ทำลาย!”
“ทำลาย!”
ปลายเท้าของอากุ่ยสัมผัสลงบนพื้น จากนั้นก็ทำลายค่ายกลไปทีละชั้น และทำให้ค่ายกลที่ตาแก่ผู้นั้นสร้างไว้ กลายเป็นความว่างเปล่าไปในทันที
เมื่อกุ่ยเต้าเหรินเห็นอากุ่ย แววตาคู่นั้นของเขาก็เปล่งประกายอย่างน่ากลัว
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ข้ากำลังสงสัยอยู่เลยว่าผู้ใดกันแน่ที่สามารถทำลายค่ายกลของข้าได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ที่แท้ก็ราชาวิญญาณของข้านี่เอง! เดิมทีข้าคิดว่าหลังจากที่ทำงานให้นายท่านเสร็จแล้ว จะไปตามหาเจ้าอยู่พอดี! คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะมาหาเองถึงที่เช่นนี้”
“ราชาวิญญาณของข้า เจ้ายังคงมีข้อบกพร่องอยู่อีกมากมายนัก ดูเหมือนว่าข้าจะต้องพยายามมากขึ้นอีกสักหน่อยแล้ว”
ตอนที่กุ่ยเต้าเหรินได้เห็นอากุ่ย ตัวเขาก็ตกเข้าไปในความบ้าคลั่งทันที แต่ทว่าอากุ่ยกลับแสดงท่าทีที่นิ่งสงบเป็นอย่างมาก
อากุ่ยกล่าวว่า “พี่เหยี่ยน เจ้าเศษไม้นี่กลัวไฟ ต้องใช้ไฟเผาทำลายมัน!”
“กลัวไฟอย่างนั้นหรือ?” มู่เฉียนซีชักกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณออกมา จากนั้นก็กล่าวอย่างเย็นชาว่า “เพลิงนภาพิฆาต!”
ตูมมม โครมมม!
เปลวเพลิงสีแดงก่ำพวยพุ่งไปในอากาศ และเผารากเหล่านั้นไปบางส่วน แต่กลับไม่สามารถเจาะโพรงขนาดใหญ่เพื่อออกไปจากต้นไม้นี้ได้
และนี่ก็คือความแตกต่างอย่างใหญ่หลวงของคนที่ใช้กระบี่คือนางกับคนที่ใช้กระบี่คือพิฆาตวิญญาณ
“มันได้ผลจริง ๆ ด้วย!”
กุ่ยเต้าเหรินกล่าวอย่างโกรธเคืองว่า “จอมภูตพลังธาตุอัคคีบัดซบเอ้ย อย่าคิดว่าจะมาทำลายความดีของข้าเชียวนะ ไปตายซะเถอะ!”
ว่านซือเยี่ยนสั่งลูกน้องของตนเองว่า “ขวางตาแก่นั่นเอาไว้ซะ!”
ในตอนที่กุ่ยเต้าเหรินกำลังเผชิญหน้ากับการล้อมโจมตี เขาก็โยนสิ่งของสองสามชิ้นออกมาจากแขนเสื้อของเขา
เขาแสยะยิ้มพลางกล่าวว่า “คิดว่ามีข้าเพียงคนเดียวจริง ๆ หรือ? พวกเจ้าจะไร้เดียงสาเกินไปแล้ว”
และทั่วทั้งสถานที่แห่งนี้ก็พลันมีคนปรากฏตัวขึ้นมาไม่น้อย และกุ่ยเต้าเหรินก็เริ่มควบคุมซากศพ นอกจากนี้ยังมีจิตวิญญาณบางส่วนที่รับมือพวกเขาอยู่ด้วย
เขาเป็นผู้นำตระกูลของสำนักภูตวิญญาณทั้งหมด ฉะนั้นของที่อยู่ในมือล้วนเป็นสินค้าชั้นหนึ่งที่ยอดเยี่ยมทั้งสิ้น ซึ่งเขาก็ใช้เวลาเพียงแค่ครู่เดียวก็ทำให้คนของว่านซือเยี่ยนต้านเอาไว้ไม่ไหวแล้ว
คนอื่น ๆ กำลังพัวพันอยู่กับพวกของว่านซือเยี่ยน ส่วนกุ่ยเต้าเหรินก็พุ่งเข้าหามู่เฉียนซีเพื่อหมายจะจับตัวไว้
เปลวไฟของนางเด็กสาวผู้นี้ทำให้ต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษสัมผัสได้ถึงความอันตราย แน่นอนว่าไม่อาจปล่อยเอาไว้ได้! ต้องฆ่านางทิ้งเสีย แล้วค่อยมาดูว่าพวกเขาที่เหลือจะมีฝีมือในการจัดการต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษอีกหรือไม่?
มู่เฉียนซีหัวเราะเยาะพลางกล่าวว่า “เจ้ากลัวว่าข้าจะจุดไฟอย่างนั้นหรือ? กลัวข้าจุดไฟสินะ ถึงอย่างไรข้าก็ต้องจุดไฟอยู่ดี!”
“เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ พวกเจ้าก็ออกมาเผามันด้วยกัน มาเผามันให้แรงกว่านี้อีกหน่อยเถอะ!”
ทันทีที่เสี่ยวหงและเสี่ยวโม่โม่ออกมา เปลวเพลิงสีแดงก่ำและยังมีเพลิงหงส์อมตะแห่งความมืดก็ได้ลุกไหม้อยู่ภายในโพรงต้นไม้ขนาดใหญ่นี้ จนทำให้สว่างไสวไปทั่วทุกทิศทางภายในชั่วพริบตา!
“บัดซบเอ้ย! อ๊ากกกก! เจ้ามันจะน่ารังเกียจเกินไปแล้ว!”
กุ่ยเต้าเหรินพุ่งทะยานไปทางมู่เฉียนซี และอู๋ตี้ก็ได้ขวางอยู่ตรงหน้าของมู่เฉียนซี เขาจึงกล่าวอย่างเกรี้ยวโกรธออกมาว่า “ไสหัวไปซะ!”
คนผู้นี้เป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ระดับเก้าขั้นสูงสุดเลยทีเดียว และในตอนที่พลังของเขาเกือบที่จะทำร้ายมู่เฉียนซีได้แล้วนั้น โล่วารีก็มาขวางอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีทันที
โล่วารีนั้นดูแล้วเหมือนจะอ่อนแอมาก อีกทั้งยังเป็นชั้นบาง ๆ เพียงชั้นเดียวเท่านั้น แต่มันกลับสามารถสกัดกั้นการโจมตีของผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์ขั้นสูงสุดได้อย่างง่ายดาย
มังกรวารียืนอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “นายท่าน โปรดออกคำสั่งด้วยขอรับ!”
“จัดการตาแก่นั่นซะ!”
“น้อมรับคำสั่ง นายท่านของข้า!”
ร่างเงาสีฟ้าสว่างวาบขึ้น ซึ่งพลังนั้นก็ทำให้กุ่ยเต้าเหรินนั้นหายใจไม่ออกในทันที จากนั้นเขาก็รู้สึกได้ว่าท่าจะไม่ดีแน่แล้ว
สุดท้ายเขาจึงรีบร้อนกล่าวขอความช่วยเหลือทันที “ท่านต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษ คุ้มครองข้าด้วย!”
พวกเขากำลังอยู่ภายในต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษ และต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษก็คุ้มครองเขาด้วยการทำให้เขาหายไปจากโพรงไม้นี้ หลังจากนั้นต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษนี้ก็เริ่มโจมตีพวกของมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง
ตูมมม โครมมม!
เมื่อภัยคุกคามน้อยลงไปหนึ่ง พวกเขาก็ผ่อนคลายมากขึ้น
มู่เฉียนซีจับกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณเอาไว้แน่น และเตรียมที่จะแผดเผาเพื่อเปิดทางออก
อากุ่ยกล่าวว่า “เสี่ยวซี ทางนี้ ตามข้ามา!”
“ตัดมันลงไปตรงนี้เลย หากข้าเดาไม่ผิดละก็ ตรงนี้จะเป็นส่วนที่บอบบางที่สุดแล้ว! ข้าจะกางค่ายกลเพื่อเสริมพลังวิญญาณธาตุอัคคีของเจ้าด้วย ร่วมมือกันสู้เถอะ!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ตกลง! พวกเราร่วมมือสู้ไปด้วยกัน!”
มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังวิญญาณธาตุอัคคีทั้งหมด จากนั้นก็ระเบิดพลังวิญญาณธาตุอัคคีออกมาอย่างสมบูรณ์
“เก้ามังกรพิฆาต!”
ด้วยค่ายกลที่อากุ่ยกางออกมาเสริมนั้นทรงพลังเป็นอย่างมากจนทำให้เกิดเสียง ตูมมมม! ดังสั่นหวั่นไหวออกมา และการโจมตีครั้งนี้ของมู่เฉียนซีก็ทำให้สามารถเปิดทางได้แล้วจริง ๆ
เมื่อบนลำต้นของมันมีโพรงเพลิงเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งโพรง ลำต้นของต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษต้นนี้จึงเริ่มสั่นเทาไปด้วยความเจ็บปวด
“ว่านซือเยี่ยน พวกเราไปกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีพุ่งตัวออกไป และพวกของว่านซือเยี่ยนก็พุ่งตัวออกไปเช่นกัน ทว่าซากศพและวิญญาณเหล่านั้นก็ยังคงตามไล่ล่าออกมาด้วย
ว่านซือเยี่ยนกล่าวถามว่า “อากุ่ย อยากทำลายต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษต้นนี้อย่างนั้นหรือ?”
“ในเมื่อพี่เยี่ยนบอกว่าจะทำลายเช่นนั้นก็ทำลายเถอะ!”
“ตกลง เช่นนั้นก็ทำลายมันเสีย!” ว่านซือเยี่ยนกล่าวตอบ
“หากต้องการจะทำลายมัน เช่นนั้นก็จะต้องขอความช่วยเหลือจากพลังวิญญาณธาตุอัคคีของเสี่ยวซี! เสี่ยวซีจะยอมช่วยข้าหรือไม่?”
“แน่นอนอยู่แล้ว! เจ้าต้นไม้ต้นนี้ทำให้คนรู้สึกไม่ดีเป็นอย่างมาก ฉะนั้นทำลายมันไปเสียตั้งแต่เนิ่น ๆ จะดีกว่า!”
อากุ่ยมีความเข้าใจเกี่ยวกับต้นไม้นี้เป็นอย่างมาก ทุกสถานที่ที่ระเบิดออกมาด้วยเปลวเพลิงต่างทำให้ต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษนี้บ้าคลั่งขึ้นมาทันที
อู๋ตี้และเสี่ยวหงก็อยู่อีกด้านหนึ่งเพื่อคอยสนับสนุนพวกเขา ซึ่งมันก็ทำได้เพียงใช้กิ่งก้านของมันแทนแส้ และใช้ใบของมันลอบโจมตีเท่านั้น แต่มันกลับไม่อาจทำอะไรพวกเขาได้อยู่ดี
ตูมมม โครมมม!
เสียงระเบิดดังออกมาอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่กุ่ยเต้าเหรินหนีออกมาได้แล้วก็ค้นพบความเคลื่อนไหวของทางด้านนี้ และสีหน้าของเขาก็มืดมนลงอย่างน่ากลัว
“ดี ช่างดีเสียจริง! คิดไม่ถึงเลยว่าจะกล้าทำลายบรรพบุรุษเช่นนี้ พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้าสามารถเอาชนะได้จริง ๆ หรือ คิดว่าจะมีชีวิตรอดออกไปได้อย่างนั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!” เขากล่าวอย่างมืดมน
ทันทีที่พูดจบ เขาก็ไม่ได้สนใจสถานการณ์ทางด้านนี้อีกต่อไป และพุ่งทะยานไปยังห้องโถงใหญ่ของสำนักภูตวิญญาณทันที
ในเวลานี้ทั่วทั้งร่างของต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษนี้เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่กำลังแผดเผา จากนั้นอากุ่ยก็กล่าวว่า “ข้าจะฉวยโอกาสตอนนี้ตอนที่มันได้รับบาดเจ็บ เข้าไปขุดมันออกมาเอง!”
อากุ่ยกัดลงไปที่นิ้วของเขาโดยตรง จากนั้นเลือดสด ๆ ที่หยดลงมาจากกลางอากาศก็ตกลงสู่พื้นดินและแผ่ขยายออกเป็นวงกว้างทำรัศมีราว ๆ ครึ่งจั้ง หลังจากนั้นค่ายกลก็ถูกร่างออกมา
มังกรวารีที่อยู่ข้างหลังของมู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมาว่า “นายท่าน เจ้าหนูน้อยผู้นี้เป็นอัจฉริยะค่ายกลที่พบเจอได้ยากมากคนหนึ่งจริง ๆ”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “มังกรวารีก็เข้าใจเรื่องค่ายกลอย่างนั้นหรือ?”
มังกรวารีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าต้องเข้าใจอยู่แล้ว!”
พรวด!
ตบะของต้นไม้วิญญาณบรรพบุรุษต้นนี้ไม่ได้ต่ำเลย ฉะนั้นอากุ่ยจึงไม่สามารถถอนรากทั้งหมดของมันได้ด้วยพลังของเขาเพียงคนเดียว
“อากุ่ย!” ว่านซือเยี่ยนกล่าวอย่างเป็นกังวลมาก
“อย่าดันทุรังเลย!”