การแสดงออกในนามของเผ่าคำสาปของมู่เฉียนซียังคงไม่เปลี่ยนแปลง และก็เป็นไปตามคาด พญามดแห่งความตายโกรธขึ้นมาแล้วจริง ๆ!
“เผ่าคำสาปนี้ช่างกล้าหาญเสียจริง รอให้ข้าออกไปได้ก่อนเถิด ข้าจะกินคนของเผ่าคำสาปให้สิ้นซากอย่างแน่นอน! พวกมันคิดว่าตนเองเป็นผู้ใดกัน หากไม่มีคัมภีร์หมื่นคำสาป พวกมันก็เป็นได้แค่มดปลวกเท่านั้น! มดปลวก! เป็นมดปลวกที่แท้จริง”
“พรูดดด! ตัวเจ้าเองก็เป็นเพียงแค่มดแท้ ๆ ยังจะบอกว่าคนอื่นเป็นมดปลวกอีก มันช่างน่าขันเกินไปแล้ว”
“ข้าจะฉีกเจ้าเป็นชิ้น ๆ!” พญามดแห่งความตายตัวนี้โมโหขึ้นมาแล้วจริง ๆ
มันต้องการที่จะจู่โจมเข้ามาฆ่ามู่เฉียนซี แต่ทว่าค่ายกลนั้นกลับตรึงมันเอาไว้อย่างแน่นหนา
“บัดซบเอ้ย! ค่ายกลนี่ คิดไม่ถึงเลยว่าจะยังไม่ปนเปื้อนพลังแห่งความตาย แต่ก็ใกล้แล้วล่ะ ใกล้แล้ว…” หน้าตาของมันดูน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างยิ่ง
สวบสาบ! สวบสาบ!
โดยรอบของมู่เฉียนซีในเวลานี้ เต็มไปด้วยกองทัพมดแห่งความตายทั่วทุกหนทุกแห่ง
พวกมันกองกันอยู่เต็มไปหมด ทั้งบนพื้น เหนือศรีษะและบนผนัง
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็ตกอยู่ในวงล้อมทันที ถึงกองทัพมดแห่งความตายเหล่านี้จะคิดง่าย ๆ ว่าพลังแห่งความตายที่อยู่บนร่างของนางนั้นจะเหมาะให้นางเป็นราชามด แต่ทว่าคำสั่งของพญามดนั้นก็มีผลมากกว่าอยู่ดี
อู๋ตี้ เสี่ยวหง และเสี่ยวโม่โม่พุ่งทะยานออกมา และขวางหน้าของมู่เฉียนซีเอาไว้
พญามดแห่งความตายกล่าวว่า “อาศัยเพียงแค่ของเล่นเหล่านี้ คิดว่าจะสู้ลูก ๆ ของข้าได้อย่างนั้นหรือ! แต่เจ้าวางใจเถิด ข้าไม่ปล่อยให้พวกมันฆ่าเจ้าหรอก นั่นเป็นเพราะเจ้าจะกลายเป็นอาหารอันเลิศรสมื้อแรกหลังจากที่ข้าคลายผนึกของค่ายกลนี้ได้ ข้าชอบกินอาหารที่สดใหม่น่ะ ฉะนั้นข้าไม่ให้เจ้าตายไปก่อนหรอก”
เมื่อพูดจบ กองทัพมดแห่งความตายเหล่านั้นก็ปฏิบัติตามคำสั่งของมัน และพุ่งเข้าโจมตีมู่เฉียนซีในทันที
ถึงมันบอกว่าจะไม่ฆ่านาง แต่แน่นอนว่าพญามดแห่งความตายอย่างมันไม่มีทางปล่อยให้คนที่ล่วงเกินมันอย่างมู่เฉียนซีมีชีวิตที่สงบสุขได้หรอก
ตูมมม!
เสี่ยวหง อู๋ตี้ และเสี่ยวโม่โม่คอยปกป้องเอาไว้ทั้งสามทิศทาง แต่เป็นเพราะกองทัพมดแห่งความตายเหล่านี้ได้รับคำสั่งมาจากพญามดของพวกมัน จึงทำให้พวกมันบ้าคลั่งเป็นพิเศษ
มู่เฉียนซีเก็บพัดวิหคเฟิงหลิงกลับไป จากนั้นเปลวเพลิงสีแดงก่ำก็ปะทุออกมาจากกระบี่อันคมกริบ มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นมาอย่างเรียบเฉยว่า “เพลิงนภาพิฆาต!”
เปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัวพัดโหมกระหน่ำเข้าใส่กองทัพมดแห่งความตายฝูงหนึ่ง และนี่ก็ไม่ใช่เปลวเพลิงปกติ แต่มันเป็นถึงเปลวเพลิงของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เลยทีเดียว
เปาะแปะ!
หลังจากที่กองทัพมดแห่งความตายเหล่านี้ตกสู่ทะเลเพลิง ก็มีเสียงราวกับเสียงของการเผาไหม้ฟืนแห้งดังขึ้น
มู่เฉียนซีถือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เอาไว้ในมือ และด้วยพลังวิญญาณธาตุอัคคีที่ระเบิดอยู่ภายในรังของมดเหล่านี้ จึงทำให้กองทัพมดแห่งความตายเหล่านั้นไม่กล้าเข้าใกล้นางอีก
ดวงตาของพญามดแห่งความตายคู่นั้นหรี่ลงอย่างอันตราย มันกล่าวอย่างประหลาดใจเล็กน้อยว่า “มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพพลังธาตุอัคคีหรือ ไม่ใช่สิ มันเหนือกว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพเสียอีก ดูเหมือนว่าข้าจะดูถูกเจ้าเกินไปหน่อยแล้ว”
มันที่ถูกผนึกเอาไว้ ดีดนิ้วขึ้นมาครั้งหนึ่ง และมดธรรมดาเหล่านั้นก็ล่าถอยออกไป จากนั้นราชามดแห่งความตายที่ตัวใหญ่ยิ่งกว่าก็เดินหน้าเข้ามา
ความสามารถของพญามดของพวกมันนั้นทั้งแข็งแกร่งและน่าสะพรึงกลัวเป็นอย่างมาก “จงเล่นเป็นเพื่อนพวกมันซะ!”
“ขอรับ! ท่านพญามดของข้า!”
ทันทีที่ราชามดตัวนี้ตอบรับ มันก็จู่โจมมู่เฉียนซีอย่างกะทันหัน
แน่นอนว่ากระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณในมือของมู่เฉียนซี เป็นสิ่งที่พวกมันน่าจะหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งอยู่แล้ว แต่พวกของเสี่ยวหงก็เลือกที่จะเข้าร่วมการต่อสู้อยู่ดี
“ไอ้เจ้าพวกน่ารังเกียจ ไสหัวไปซะ!”
“พอนายท่านอู๋ตี้อย่างข้าไม่แสดงอำนาจ เจ้าเลยคิดว่าข้าเป็นแมวป่วยอย่างนั้นหรือ!”
“……”
มู่เฉียนซีคิดที่จะจัดการกับพญามดผู้นั้น นางจึงงัดเอาวิธีการต่าง ๆ นานาออกมาใช้จนหมด รวมไปถึงการโยนยาพิษทั้งหมดออกไปด้วย
เพล้ง!
ยาน้ำระเบิดออกมาอีกขวด และทั่วทั้งรังมดก็ถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน
ร่างเงาสีม่วงพุ่งทะยานออกมาจากกลางหมอกควันนั้น และหลังจากนั้นก็โยนอาวุธลับที่มีทั้งหมดออกไป
บางทีอาจจะเป็นเพราะไม่มีคนเข้ามาที่นี่เนิ่นนานมากแล้ว เมื่อเหล่ากองทัพมดแห่งความตายได้เห็นมู่เฉียนซีปะทะฝีมือกับพญามดแห่งความตายอย่างเอาเป็นเอาตาย พวกมันก็รู้สึกว่านี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจมากเรื่องหนึ่ง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เจ้าไม่ใช่นักเล่นคาถาอาคมอย่างนั้นหรือ? สิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้มามันซับซ้อนเกินไปหรืออย่างไร! หรือว่าเผ่าคำสาปของพวกเจ้าไม่อนุญาตให้เรียนเรื่องที่ไร้ระเบียบเหล่านั้นอย่างนั้นหรือ?” พญามดแห่งความตายกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ในเมื่อเจ้าต้องการให้ข้าใช้วิชาคำสาป เช่นนั้นข้าก็จะทำตามที่เจ้าต้องการก็แล้วกัน!”
ราชามดแห่งความตายเหล่านี้รับมือยากเกินไป ซึ่งวิธีการธรรมดาทั่วไปไม่สามารฆ่าพวกมันได้เลย ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงจำเป็นที่จะต้องใช้วิชาคำสาปแล้วจริง ๆ
พลังคำสาประเบิดออกมา นางร่ายวิชาคำสาปไปทีละอันได้ดังใจปรารถนา และมันก็ทำให้พญามดแห่งความตายหรี่ตาลงอย่างอันตราย
“เฮอะๆ ๆ! น่าเสียดายจริง ๆ คิดไม่ถึงเลยว่าเผ่าคำสาปจะมีนักเล่นคาถาอาคมที่เก่งกาจอยู่ด้วย แต่ดันถูกกำหนดให้กลายมาเป็นเสบียงอาหารหลังจากที่ข้าปลดผนึกได้ไปเสียแล้วน่ะสิ”
“จับนางเอาไว้!”
ก่อนหน้านี้พญามดแห่งความตายเพียงแค่ต้องการที่จะแกล้งมู่เฉียนซีเล่นเท่านั้น ซึ่งมันก็เป็นเหมือนกับแมวที่เล่นไล่จับหนูอย่างไรอย่างนั้น แต่ทว่าตอนนี้มันต้องการให้ราชามดแห่งความตายเหล่านั้นลงมืออย่างจริงจังขึ้นมาแล้ว
สีหน้าของมู่เฉียนซีฉายแววเคร่งขรึมออกมา ส่วนพวกของเสี่ยวหงกับอู๋ตี้นั้นก็มีแรงสนับสนุนที่จำกัดเช่นกัน
“นายท่าน จำเป็นต้องหาทางออกไปได้แล้ว!” เสี่ยงหงกล่าวอย่างจริงจัง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ออกไปอย่างนั้นหรือ ในเมื่อมาถึงรังของข้าแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังคิดที่จะออกไปได้อีก”
ทางออกทั้งหมดล้วนถูกกองทัพมดแห่งความตายปิดกั้นเอาไว้หมดแล้ว ฉะนั้นการคิดที่จะหนีออกไปจึงเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
ปังง!
สถานการณ์ในตอนนี้ มู่เฉียนซีและพวกของเสี่ยวหงกับราชามดแห่งความตายต่างก็ได้รับบาดเจ็บกันทั้งสองฝ่าย แต่ด้วยจำนวนที่มีมากกว่า มันจึงทำให้มู่เฉียนซีเสียเปรียบกว่าแน่นอนอยู่แล้ว
ทันทีที่กระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณฟันลงไป แหล่งกำเนิดของเปลวเพลิงก็วาดโค้งไปในอากาศและพุ่งเข้าโจมตีราชามดแห่งความตายทันที
แต่ราชามดอีกสามตัวก็ได้พุ่งเข้ามาเพื่อจะจับมู่เฉียนซีเอาไว้ มันได้ทิ้งรอยข่วนจนเป็นแผลลึกเอาไว้บนหลังของมู่เฉียนซีหลายรอยเลยทีเดียว นอกจากนี้พลังแห่งความตายยังแพร่กระจายไปทั่วปากแผลของนางอีกด้วย
“บัดซบเอ้ย!” อู๋ตี้โพล่งออกมา!
“นายท่าน ท่านบาดเจ็บแล้ว”
พลังแห่งความตายแผ่กระจายไปทั่วปากแผล ซึ่งดูร้ายแรงมาก และแม้ว่าจะเป็นนาง แต่ก็จำเป็นที่จะต้องรีบรักษาอย่างรวดเร็วอยู่ดี
ฉัวะ!
มู่เฉียนซีถือกระบี่มังกรเพลิงพิฆาตวิญญาณ และแทงทะลุหน้าอกของราชามดแห่งความตายตัวหนึ่ง จากนั้นก็กล่าวกับพวกของอู๋ตี้ว่า “พวกเจ้ากลับไปที่มิติก่อน”
“นายท่าน ระวังตัวด้วย!”
พญามดแห่งความตายกล่าวพร้อมเสียงหัวเราะว่า “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ดูเหมือนว่าเจ้าจะเลิกดิ้นรนแล้วสินะ”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าคิดว่าในรังนี้ของเจ้า มีเพียงพญามดอย่างเจ้าแต่กลับไม่มีนางพญามด หรือจะบอกก็คือ เจ้าสามารถทำหน้าที่ของนางพญามดได้อย่างนั้นสินะ!”
นัยน์ตาของพญามดแห่งความตายหดลงทันที “แม่นางน้อยของเผ่าคำสาป ที่เจ้าพูดมันหมายความว่าอย่างไรกันแน่?”
มู่เฉียนซีหยิบยาน้ำอีกขวดหนึ่งออกมา หลังจากที่บดมันแล้วนางก็กล่าวว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง!”
ทันใดนั้นก็มีแสงสว่างสีฟ้าอ่อนปรากฏขึ้น จากนั้นมันก็ได้ก่อตัวเป็นกำแพงอยู่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี
ไม่นานทั่วทั้งรังก็มีกลิ่นอายที่รุนแรงเป็นอย่างมาก และกลิ่นอายนี้ก็ได้ทำให้มดที่อยู่บริเวณโดยรอบเสียการควบคุม และกลายเป็นมดที่โตเต็มวัยทันที
เวลานี้การควบคุมของพญามดแห่งความตายไม่สามารถใช้ได้อีกแล้ว ฉะนั้นจึงทำให้พวกมันบ้าคลั่งขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ ส่วนราชามดแห่งความตายที่เคยโจมตีมู่เฉียนซีก่อนหน้านี้ แน่นอนว่าต้องหันไปจู่โจมพญามดของพวกมันอยู่แล้ว
“ไสหัวไป!”
ก่อนหน้านี้พวกมันยอมปฏิบัติตามอย่างภักดี แต่ทว่าตอนนี้มดเหล่านี้กลับปฏิบัติตามสัญชาตญาณของตนเองเท่านั้น
พญามดแห่งความตายคำรามร้องออกมา “ให้ตายเถอะ! บัดซบเอ้ย! เจ้ากล้าดีอย่างไร? กล้าดีอย่างไรกัน?”
“เป็นเพราะเจ้าต้องการจะฆ่าข้า มิเช่นนั้นข้าไม่มีทางใช้วิธีที่โหดร้ายเช่นนี้หรอก!”
ในเมื่อมีสุ่ยจิงอิ๋งคอยคุ้มครอง จึงทำให้มดเหล่านั้นไม่มีทางเข้าใกล้นางได้ และไม่สนใจนางอีกเลย ฉะนั้นมู่เฉียนซีจึงฉวยโอกาสนี้รีบพุ่งออกไปจากรังมดอย่างรวดเร็ว
บนเทือกเขาแห่งความตายในเวลานี้ ไม่มีกองทัพมดแห่งความตายเหลืออยู่อีกแล้ว
เนื่องจากว่าสิ่งมีชีวิตที่อยู่ที่นี่ถูกพวกมันกินไปหมด ดังนั้นกองทัพมดแห่งความตายจึงถูกกลิ่นอายพญามดของพวกมันดึงดูกกลับไปจนหมดแล้วนั่นเอง