ในที่สุดมู่เฉียนซีก็หาสถานที่ที่ปลอดภัยแห่งหนึ่งเพื่อพักผ่อนได้ หลังจากนั้นโม่ตี๋ก็จ้องมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างเหนือความคาดหมาย พลางคิดว่านางเลือกได้ถูกต้องเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าก็เป็นนักปรุงยาคนหนึ่งเช่นกัน นอกจากนี้ข้ายังค้นพบด้วยว่ากองทัพมดแห่งความตายเหล่านั้นน่าจะอาศัยพลังชีวิตในการไล่ล่าเหยื่อ ดังนั้นข้าจึงกลั่นยาน้ำเหล่านั้นออกมาเพื่อใช้ปกปิดพลังชีวิตเสีย! แน่นอนว่าด้วยความรีบร้อนเกินไป จึงไม่สามารถปกปิดได้อย่างสมบูรณ์”
โม่ตี๋ชื่นชมมู่เฉียนซีเป็นอย่างมาก ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ ยังสามารถกลั่นยาน้ำที่มีประโยชน์ถึงเพียงนี้ได้อีก ช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ตอนนี้กองทัพมดแห่งความตายคงจะยังไม่เข้ามาใกล้อีกสักระยะหนึ่ง ฉะนั้นข้าจะกลั่นยาน้ำที่สามารถปกปิดพลังวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์ให้เร็วที่สุด”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ คอยคุ้มครองด้วย!”
“ข้าก็จะคอยคุ้มครองเจ้าด้วยเช่นกัน!”
บริเวณโดยรอบกำลังจะถูกกองทัพมดแห่งความตายปิดล้อมเอาไว้แล้ว พวกของเสี่ยวโม่โม่กำลังพยายามขัดขวางอย่างเต็มที่ ส่วนโม่ตี๋ก็ร้อนใจมากเช่นกัน
หากแม่นางมู่ทำสำเร็จ บางทีพวกนางอาจจะรอดชีวิตออกไปก็ได้ แต่หากล้มเหลว พวกนางก็คงไม่เหลือแม้แต่ซากเป็นแน่
มันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนแม้แต่พวกของเสี่ยวโม่โม่ก็ไม่อาจที่จะสกัดกั้นให้ปลอดภัยได้อีกต่อไปแล้ว
ปังง!
โม่ตี๋ได้ถูกมดทหารแห่งความตายตัวหนึ่งเหวี่ยงออกไป และในตอนนั้นนางก็ได้เห็นรูที่เต็มไปด้วยเลือดอยู่บนร่างกายของนางมากมาย
ร่างเงาสีม่วงร่างหนึ่งปรากฏตัวขึ้น และเตะเจ้ามดทหารแห่งความตายตัวนั้นจนลอยละลิ่วออกไป
“กินซะ!” มู่เฉียนซีได้หยิบเอายาลูกกลอนเม็ดสีดำเม็ดหนึ่งออกมา
“แล้วก็มียาน้ำนี้ด้วย เอาไปพ้นให้เรียบร้อย!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง เสี่ยวโม่โม่ กลับเข้าไปในมิติเสีย!”
หลังจากที่รอให้พวกของอู๋ตี้หายไปแล้ว กองทัพมดแห่งความตายเหล่านี้ก็ทำราวกับว่าไม่สังเกตเห็นพวกนางอย่างไรอย่างนั้น หรืออาจจะเมินเฉยเพราะคิดว่าพวกนางเป็นพวกเดียวกับมันไปแล้วก็เป็นได้ พวกมันวนกันอยู่ในนี้แค่รอบหนึ่งแล้วก็พากันเดินจากไป
โม่ตี๋รู้สึกว่าเรื่องราวทั้งหมดนี้มันน่าเหลือเชื่อมากเหลือเกิน แต่ทว่ามู่เฉียนซีก็สามารถทำได้แล้ว
เมื่อรอดพ้นจากเคราะห์กรรม นางก็อยากจะกรีดร้อง และอยากจะระบายอารมณ์ออกมา แต่หลังจากนั้นนางก็ได้ค้นพบเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออีกเรื่องหนึ่ง
“ขะ…ข้าอยากจะบรรลุแล้ว ข้ารู้สึกได้ ว่าข้ากำลังจะบรรลุแล้ว!”
แต่อย่างไรก็ตาม สถานที่แห่งนี้ไม่ใช่สถานที่ที่ดีในการบรรลุเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นภูตศักดิ์สิทธิ์อย่างแน่นอน
เพราะหากบรรลุ พลังจิตวิญญาณที่มากมายก็อาจจะดึงดูดเหล่ากองทัพมดแห่งความตายมาอีกได้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ฤทธิ์ของยานี้สามารถทำให้เจ้าทนจนถึงทางออกได้ และหลังจากที่เจ้าออกไปจากเทือกเขาแห่งความตายแล้วค่อยบรรลุ ตอนนี้ผนึกมันเอาไว้ก่อนเถิด”
“ได้!” โม่ตี๋กล่าวพลางพยักหน้า
เดิมทีแล้วโม่ตี๋คิดว่ามู่เฉียนซีจะออกไปด้วยกันกับนาง แต่กลับคิดไม่ถึงว่ามู่เฉียนซีจะกล่าวว่า “ข้าจะอยู่ที่นี่ก่อน ตอนที่เจ้าออกไปก็ระวังตัวด้วย”
โม่ตี๋ผงะไปครู่หนึ่ง “เทือกเขาแห่งความตายตอนนี้มันแปลกประหลาดเกินไป แม่นางมู่หากเจ้ายังอยู่ต่อมันจะอันตรายมากเลยนะ!”
“วางใจเถอะ ข้าจะไม่เสี่ยงเกินไป!”
โม่ตี๋รู้ดีว่ามู่เฉียนซีได้ตัดสินใจไปแล้ว และนางก็รู้ดีว่า ถึงคนอย่างมู่เฉินซีจะมีความสามารถเป็นเพียงผู้บำเพ็ญภูตพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต แต่ความสามารถของนางก็เทียบไม่ติดอยู่ดี
“ถึงข้าจะอยู่ต่อก็ช่วยอะไรไม่ได้! และเพื่อที่ข้าจะไม่เป็นภาระของแม่นางมู่ ข้าจะพยายามสุดความสามารถที่จะพาตนเองออกไปอย่างปลอดภัย เพื่อที่จะได้ไม่ทำให้ความหวังดีของแม่นางมู่ต้องผิดหวัง” โม่ตี๋กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ดีแล้ว!”
“เจ้าไปก่อนเถอะ!”
“แม่นางมู่ ข้าจะรอเจ้าออกมาอย่างปลอดภัย” โม่ตี๋กล่าวกับมู่เฉียนซีก่อนที่จะออกเดินทางไป
นางเชื่อมั่นว่าแม่นางมู่นั้นมีหนทางมากมาย และถึงแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะฝังปรมาจารย์เอาไว้มากมาย แต่นางจะต้องสามารถออกมาอย่างปลอดภัยได้อย่างแน่นอน
โม่ตี๋พุ่งทะยานออกไป และเป็นไปตามคาดว่ากองทัพมดแห่งความตายเหล่านั้นเพิกเฉยต่อนางไปอย่างสมบูรณ์จริง ๆ
นางยังคงระมัดระวัง เพราะเกรงว่าตนเองจะถูกเผยตัว แต่ทว่ากลับไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นเลยตลอดทั้งเส้นทาง!
และหลังจากที่โม่ตี๋ออกไปแล้ว มู่เฉียนซีก็หยิบไพ่ตายอีกใบหนึ่งของนางออกมา
เพราะหากต้องการให้ร่างกายของตนเองเต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย สิ่งที่ใช้ได้ดีที่สุดไม่ใช่ยาน้ำของนาง แต่เป็นพลังคำสาป…
มู่เฉียนซีหมุนเวียนพลังคำสาป จากนั้นก็ร่ายวิชาคำสาปออกมาสองสามอัน ทันใดนั้นกลิ่นอายแห่งความตายที่ปะทุออกมาก็ไม่ได้อ่อนแอไปกว่ากองทัพมดแห่งความตายเลย
สวบสาบ! สวบสาบ!
และกองทัพมดแห่งความตายที่จากไปก่อนหน้านี้เหล่านั้น ก็กลับมาอีกครั้ง
ที่พวกมันมาที่นี่นั้นไม่ได้มาเพื่อที่จะโจมตีมู่เฉียนซีแต่อย่างใด
แต่พวกมันในตอนนี้เหมือนกับพลทหารที่รอคำสั่งจากแม่ทัพ และตั้งขบวนแถวกองทหารเป็นรูปสี่เหลี่ยมมากกว่า
มู่เฉียนซีไม่รู้สึกถึงเจตนาฆ่าและการจู่โจมจากตัวของพวกมันเลย จะมีก็แต่เพียงใจที่ยอมจำนนเท่านั้น
แม้ว่าเจ้าพวกนี้จะแข็งแกร่ง ยากที่จะจัดการ แต่จิตใจของพวกมันนั้นเรียบง่ายมาก
มันรู้จักเพียงแค่การยอมจำนนต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตที่มีกลิ่นอายแห่งความตายที่แข็งแกร่ง ตราบใดที่แข็งแกร่งมาก ก็จะกลายเป็นราชามดของพวกมัน
มู่เฉียนซีก้าวเท้าออกไป เรื่องแปลกประหลาดที่ปะทุออกมาจากเทือกเขาแห่งความตายคราวนี้มันผิดปกติมากจริง ๆ
ข้อมูลที่เหล่าตาเฒ่าผู้ไร้ยางอายเหล่านั้นได้รับมาอาจจะไม่ใช่ของปลอมก็เป็นได้ ดังนั้นนางจึงคิดที่จะอยู่ที่นี่เพื่อตรวจสอบดูก่อน
พลังคำสาปนี้ใช้งานได้ดีอย่างที่คาดไว้จริง ๆ เพราะมันทำให้การเคลื่อนไหวของมู่เฉียนซีหลังจากนี้สะดวกขึ้นมากเลยทีเดียว
นางต้องการที่จะตรวจสอบตำแหน่งที่ตั้งอันเป็นที่เคารพสูงสุดของกองทัพมดแห่งความตายเหล่านี้
และกองทัพมดแห่งความตายเหล่านั้นก็ช่างสังเกตยิ่งนัก เพราะดูเหมือนมันจะรับรู้ได้ถึงความคิดของมู่เฉียนซี
กลับรัง!
รัง!
ด้วยเหตุนี้มู่เฉียนซีก็ค้นพบว่าพวกมันได้เริ่มนำทางให้กับนาง และกองทัพมดแห่งความตายที่ไล่ล่านางก่อนหน้านี้ ได้กลายเป็นข้ารับใช้ที่เชื่อฟังไปแล้ว
รังของพวกมันนั้นอยู่ใต้พื้นดิน
เมื่อมองไปยังทางเข้าที่มืดมิดนั้น มู่เฉียนซีก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่อันตรายมากข้างล่างนั่น
และที่มาของกองทัพมดแห่งความตายเหล่านี้ เกรงว่าน่าจะอยู่ข้างล่างนี้ด้วยเช่นกัน
“ไปเถอะ!”
มู่เฉียนซีเดินไปบนเส้นทางที่ยาวมาก และหลังจากนั้นก็ค้นพบว่าใต้ดินนี้มีพื้นที่ที่กว้างขวางเป็นอย่างมาก
รังของกองทัพมดแห่งความตายเหล่านี้ เหมือนกับทางวงกตใต้ดินอย่างไรอย่างนั้น
หากไม่มีกองทัพมดแห่งความตายคอยนำทางให้ คาดว่านางน่าจะต้องหลงทางอยู่ใต้ดินนี้เป็นแน่
เมื่อเดินไปข้างหน้า มู่เฉียนซีก็มองเห็นแผนภาพบางอย่างอยู่ใต้ดินแห่งนี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “นี่มันค่ายกลนี่!”
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะมีโอกาสสัมผัสค่ายกลค่อนข้างน้อย แต่ก็เห็นได้ชัดว่าค่ายกลนี้ไม่ใช่สิ่งที่กองทัพมดแห่งความตายเหล่านี้สร้างออกมาแน่นอน
มีการร่างค่ายกลที่ซับซ้อนชั้นแล้วชั้นเล่า แม้จะไม่รู้ว่ามันถูกวาดออกมากี่ปีแล้วก็ตาม แต่นางก็ยังคงสามารถสัมผัสได้ถึงพลังที่แข็งแกร่งมากอยู่ดี
และค่ายกลนี้ก็ไม่ได้โจมตีนางอีกด้วย!
ในตอนที่มู่เฉียนซีเดินลึกเข้าไปภายในสถานที่แห่งนี้ ก็มีเสียงที่มืดมนเสียงหนึ่งดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน “โอ้! มีคนอื่นมาที่นี่ด้วยสินะ!”
“ที่แท้ก็คนของเผ่าคำสาปนี่เอง ทำไม หรือว่าอยากจะมาช่วยเหลือข้าอย่างนั้นหรือ? แต่ข้าไม่ต้องการให้เจ้ามาช่วยข้าหรอก เพราะข้าสามารถออกไปได้แล้วล่ะ”
มีคนหรือ! สีหน้าของมู่เฉียนซีเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก
เมื่อนางพุ่งเข้าไป ก็เห็นว่ามีคนคนหนึ่งถูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่หลายสิบชั้น แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือ คนผู้นี้ไม่ใช่มนุษย์
บนใบหน้าของคนผู้นี้ ถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเปลือกแข็งคล้ายกับเปลือกมดก็มิปาน ทั้งมือและเท้าก็เหมือนกับมดอย่างไรอย่างนั้น เพียงแต่ว่ามีขนาดที่ใหญ่กว่ามาก
ดวงตาที่เต็มไปด้วยพลังที่ชั่วร้ายนั้นจ้องมองไปทางมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “คิดไม่ถึงเลยว่า เผ่าคำสาปจะมีคนที่งดงามเช่นนี้อยู่ด้วย! นี่เป็นงานเลี้ยงฉลองให้กับข้าที่กำลังจะได้รับอิสระกลับคืนมาใช่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “เจ้าเป็นใครกัน?”
“ข้าคือพญามดแห่งความตาย และเป็นข้ารับใช้ที่ภักดีที่สุดของท่านเทพมรณะ คิดไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยของเผ่าคำสาปเช่นเจ้าจะไม่รู้จักคนอย่างข้า! บรรพบุรุษของพวกเจ้าทำงานได้แย่มากจริง ๆ”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ ดูเหมือนว่ามันจะน่ากลัวมากเลยทีเดียว
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “บางทีบรรพบุรุษของเผ่าคำสาปก่อนหน้านี้อาจจะรู้สึกว่า มดน้อยที่แยกเขี้ยวยิงฟันตัวหนึ่งนี้ เดิมทีก็ไม่จำเป็นที่จะต้องอยู่ในสายตาอยู่แล้ว!”
“และแม้เจ้าจะเก่งกาจเพียงใด แต่ในสายตาของพวกเขาก็เป็นเพียงแค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น!”
.