มู่เฉียนซีรู้สึกว่า หากนางพูดชื่ออาจารย์ของตนเองออกมาแล้วละก็ หอโอสถว่านฉงนี้จะส่งนางไปยังชั้นบนสุดโดยไม่ต้องทดสอบเลยหรือไม่
หอโอสถว่านฉงกล่าวเร่งว่า “รีบพูดออกมาสิ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “อาจารย์นักปรุงยาของข้า เป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมมากที่สุดในใต้หล้า ชื่อของเขาก็คือ นิรันดร์!”
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดทั้งหมดของนิรันดร์อยู่แล้ว เพราะนางไม่รู้อะไรเกี่ยวกับหอโอสถว่านฉงเลยแม้แต่น้อย และนางก็ไม่รู้ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นภายในนี้จะถูกคนภายนอกรับรู้ด้วยหรือไม่?
ฉะนั้นแน่นอนว่านางจึงไม่อาจพูดได้ว่าอาจารย์นักปรุงยาของนางคือหม้อวิญญาณนิรันดร์แห่งหม้อเทพนิรันดร์
“นิรันดร์เป็นนักปรุงยาที่เก่งที่สุดหรือ? ดูเหมือนว่าอาจารย์ของเจ้าจะขี้อวดเกินไปสักหน่อยนะ! หอโอสถว่านฉงอย่างข้าเคยเห็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมมาทั่วทั้งดินแดนแดนซวนเทียนแล้ว แต่กลับไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับคนผู้นี้มาก่อนเลย ทางที่ดีที่สุดเจ้าพูดความจริงมาดีกว่า มิเช่นนั้น…”
“ที่ข้าพูด มันก็คือความจริง!”
คนบนโลกนี้มักจะคุ้นเคยกับชื่อหม้อเทพนิรันดร์มากกว่า แต่สำหรับชื่อว่านิรันดร์ชื่อนี้นั้น มีเพียงคนที่คุ้นเคยกับเขาในระดับสูงเท่านั้นถึงจะรู้จัก
และก็เห็นได้ชัดว่า หอโอสถว่านฉงไม่ได้อยู่ในระดับนั้น
“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย!”
“เขาเพิ่งจะรับข้าเป็นลูกศิษย์คนแรก ฉะนั้นการที่เจ้าจะไม่เคยได้ยินนั้น ก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว”
“เช่นนั้นเจ้าก็เล่าเรื่องราวของเขามาเถิด ข้าจะได้ลองตัดสินใจ” หอโอสถว่านฉงกล่าว
ในเมื่อจะได้ทำการรวบรวมข้อมูลของนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมคนใหม่ ฉะนั้นมันรู้สึกว่า สิ่งนี้จะต้องทำให้มันมีความสุขมากเป็นแน่
“เขาเป็นนักปรุงยาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้า ข้ากล้ารับประกันเลยว่า ไม่ว่าจะเป็นนักปรุงยาคนใดก็มิอาจเทียบเคียงเขาได้อย่างแน่นอน เขารู้จักสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดบนโลกใบนี้ อีกทั้งยังมียาลูกกลอนทั้งหมด…”
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีไม่ได้โอ้อวดนิรันดร์แต่อย่างใด และนางก็กำลังพูดเรื่องจริงอีกด้วย
ถึงแม้ว่าชีวิตส่วนตัวของเขาจะดูเป็นคนเสเพลเล็กน้อย แต่ทว่าเขาก็เป็นนักปรุงยาจากโบราณกาลที่เรืองอำนาจสูงที่สุดแน่นอน
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม หอโอสถว่านฉงกลับโกรธเกรี้ยวขึ้นมาอยู่ดี “แม่นางน้อย นี่เจ้ากำลังล้อข้าเล่นอย่างนั้นหรือ? มันจะไปมีคนเช่นนี้ได้อย่างไร เจ้าคงจะไม่ได้ถูกนักต้มตุ๋นหลอกเข้าแล้วหรอกนะ!”
“นั่นก็ไม่ถูก! หากอาจารย์ของเจ้าเป็นนักต้มตุ๋น แล้วเหตุใดรากฐานของเจ้าถึงได้ไร้ที่ติเช่นนี้ หรือเป็นเพราะว่าพรสวรรค์ของเจ้ามันเหนือธรรมชาติกันล่ะ”
หอโอสถว่านฉงนี่โชคดีจริง ๆ ที่นิรันดร์เข้าสู่การจำศีลไปไม่นานก่อนหน้านี้ หากมาได้ยินเจ้าของเล่นนี้กล้าบอกว่าเขาคือนักต้มตุ๋นละก็ คาดว่าเขาคงจะทุบทำลายหอคอยแห่งนี้ทิ้งเป็นแน่
“เจ้าไม่เชื่อหรือ!”
“มีแต่คนโง่เท่านั้นถึงจะเชื่อคำพูดของเจ้า! อีกทั้งหอโอสถว่านฉงอย่างข้าดำรงอยู่บนโลกนี้มาหลายปีถึงเพียงนี้แล้ว ฉะนั้นข้าไม่โง่หรอกนะ!”
“เช่นนั้นเจ้าตั้งใจที่จะทำเช่นไร?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ไม่มีการข้ามขั้น และเจ้าก็จำเป็นที่จะต้องพิชิตขึ้นไปที่ละชั้น”
“เจ้าแน่ใจนะว่าจะไม่เชื่อข้า”
“ไม่เชื่อ! ข้าไม่เชื่ออย่างแน่นอน!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เช่นนั้นก็ดี! ไว้ข้าค่อยเอาไปฟ้องทีหลังก็ได้! เมื่อถึงตอนที่อาจารย์ของข้ามาหาเรื่องเจ้า ข้ากลัวว่าเจ้าอยากที่จะให้วันนี้ตนเองเป็นคนโง่จนทนไม่ไหวเลยล่ะ”
“เจ้ากำลังล้อเล่นอะไรอยู่ อาจารย์ของเจ้ายังมีอายุไม่ถึงร้อยปีมิใช่หรือ? แต่ถึงจะเต็มแล้ว เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะมาหาเรื่องข้าได้อยู่ดี”
“นั่นมันก็ไม่แน่หรอก! เพราะหากเขาคิดที่จะมาหาเรื่องเจ้า มันก็จะต้องมีปัญหาแน่นอนอยู่แล้ว!”
หอโอสถว่านฉงตอบกลับมาว่า “เช่นนั้นก็ดี! เจ้าก็ให้เขามาเลย ข้าก็อยากจะรู้จักนักปรุงยาที่เจ้าโอ้อวดหนักหนาว่ายอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้าสักหน่อยพอดี”
“จำสิ่งที่เจ้าพูดตอนนี้เอาไว้ให้ดี เมื่อถึงเวลานั้นก็อย่างมาเสียใจภายหลังก็แล้วกัน!”
“ไสหัวไปเถอะ! ในเมื่อไม่ได้ข้ามขั้นก็ไต่ขึ้นไปช้า ๆ ก็แล้วกัน เจ้าจะได้ไม่เหนื่อยตายเสียก่อน!”
หอโอสถว่านฉงไม่อยากที่จะคุยกับมู่เฉียนซีอีกแล้ว จึงส่งมู่เฉียนซีไปยังชั้นที่หนึ่งร้อยหนึ่งในทันที!
“อะไรน่ะ? ไม่มีการข้ามขั้นอย่างนั้นหรือ?”
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดมู่เฉินซีถึงได้ไปชั้นที่หนึ่งร้อยหนึ่งได้ล่ะ!”
“……”
ผู้คนมากมายล้วนไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ
ว่านซือเยี่ยนกล่าวถามว่า “ท่านผู้อาวุโสใหญ่ นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ผู้อาวุธโสใหญ่ลูบเคราพลางกล่าวว่า “ในกรณีแรก คือแม่สาวน้อยผู้นี้ไม่ได้แจ้งชื่ออาจารย์ของตนเอง! เพียงแต่มันไม่น่าที่จะเป็นไปได้ หากไม่สามารถข้ามขั้นได้ และค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปแล้วละก็ คาดว่าเพียงร้อยกว่าชั้นนางก็คงจะใช้พลังวิญญาณจนหมดสิ้น และต้องออกจากหอโอสถว่านฉงเป็นแน่ ถึงจะมีพรสวรรค์ที่สูงเพียงใดแต่ก็เทียบกับคนที่ได้ข้ามขั้นไม่ได้อยู่ดี ดังนั้นคนทั่วไปจึงไม่กระทำการตัดสินใจที่โง่เง่าเช่นนี้อยู่แล้ว!”
“ส่วนกรณีที่สอง ก็คือแม่สาวน้อยผู้นั้นไม่มีอาจารย์!”
ว่านซือเยี่ยนกล่าวขึ้นมาทันทีว่า “แน่นอนว่านางต้องมีอาจารย์อยู่แล้ว นางพูดกับข้าด้วยตนเอง ข้ากล้ายืนยัน!”
หากนางไม่มีอาจารย์แล้วละก็ ร่างกายของโม่ซวนไม่มีทางที่จะฟื้นฟูขึ้นมาได้รวดเร็วถึงเพียงนี้เป็นแน่
“จะว่าไปมันก็ใช่ รากฐานของแม่สาวน้อยผู้นี้มั่นคงถึงเพียงนั้น ไม่มีทางที่จะไม่มีอาจารย์คอยชี้แนะได้หรอก” ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขากล่าวต่อว่า “เช่นนั้นก็กรณีที่สาม ในกรณีที่สามก็คืออาจารย์ของแม่สาวน้อยผู้นี้ไม่ได้เก่งกาจมากนัก ซึ่งไม่ถึงมาตรฐานในการข้ามขั้น ฉะนั้นนางจึงทำได้เพียงไปที่ละขั้นเท่านั้น”
“นี่มันจะน่าเสียดายเกินไปแล้ว หากเป็นลูกศิษย์ของผู้อาวุโสใหญ่ ก็คงจะสามารถข้ามไปได้หลายขั้นเลยทีเดียว! เหตุใดแม่สาวน้อยผู้นี้ถึงได้ไปนับถือนักปรุงยาที่ไว้ใจไม่ได้กันนะ!”
ว่านซือเยี่ยนรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เป็นไปไม่ได้ที่นักปรุงยาขั้นเทวะคนหนึ่งจะมีความสามารถเพียงแค่นี้เท่านั้น
ในกรณีแรกนั้นเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน มู่เฉินซีกล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจว่าจะต้องคว้าที่หนึ่งมาให้ได้ ฉะนั้นจึงไม่มีทางที่จะไม่บอกชื่ออาจารย์ของตนเองจนพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปแน่
ส่วนกรณีที่สองและสามก็เป็นไปไม่ได้อีกเช่นกัน!
ว่านซือเยี่ยนกล่าวว่า “เช่นนั้นมีความเป็นไปได้หรือไม่ว่าหอโอสถว่านฉงอาจจะไม่รู้จักอาจารย์ของนาง”
“หอโอสถว่านฉงนั้นมีอยู่มานานมากแล้ว ฉะนั้นชื่อของนักปรุงยาที่มีชื่อเสียงในโลกนี้ต่างก็ถูกบันทึกเอาไว้หมดแล้ว ไม่มีทางที่จะตกหล่นไปได้หรอก!” ผู้อาวุโสกล่าวตอบ
“ใช่แล้ว! ก่อนหน้านี้ไม่เคยเกิดเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อนเลย ช่างเป็นต้นกล้างามที่น่าเสียดายจริง ๆ!” ผู้อาวุโสคนอื่นต่างกล่าวอย่างรู้สึกเสียดายออกมา
ว่านซือเยี่ยนจ้องมองไปที่ชื่อของมู่เฉินซีทั้งสามตัวนั้นด้วยแววตาที่เรียบเฉย ดูท่าว่า เจ้าจะพ่ายแพ้เสียแล้วล่ะ!
แต่พวกเขาก็ได้ค้นพบว่า ถึงแม้มู่เฉินซีจะไม่สามารถข้ามขั้นได้ แต่ทว่าความเร็วของนางในชั้นต่อ ๆ ไปนั้นกลับไม่ได้ช้าลงเลยแม้แต่น้อย
และเมื่อนางไปถึงชั้นที่สองร้อย ก็เพิ่งจะมีคนมาถึงชั้นที่หนึ่งร้อย ซึ่งคนที่มาถึงนี้จะต้องมีเบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่มากแน่นอน เพราะคนผู้นี้ได้ข้ามขั้นตรงไปยังชั้นที่สามร้อยทันที!
ซึ่งนี่ก็ได้ทิ้งห่างจากมู่เฉินซีไปถึงหนึ่งร้อยชั้นเลยทีเดียว!
คนที่มาหลังจากนี้แต่ละคนต่างก็ตามหลังมู่เฉียนซีอยู่มากนัก แต่ตอนนี้กลับแซงหน้ามู่เฉียนซีไปไกลแล้ว
ถึงแม้ว่าบางทีพวกเขาจะนับถืออาจารย์ที่ยอดเยี่ยม แต่ไม่ว่าพวกเขาจะข้ามขั้นไปมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะข้ามไปเกินขั้นที่ห้าร้อยอยู่ดี
ผู้อาวุโสใหญ่ถอนหายใจพลางกล่าวว่า “เหนือชั้นที่ห้าร้อยขึ้นไป เป็นความยากลำบากอย่างแท้จริง นานนับพันปีแล้วที่ไม่มีผู้ใดไปเกินชั้นที่ห้าร้อยได้เลย ซึ่งมันก็รวมถึงข้าในตอนแรกด้วย”
ผู้อาวุโสใหญ่กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พูดถึงการกลั่นยา การมีอาจารย์ที่มีชื่อเสียงคอยแนะนำนั้นสำคัญมาก ซึ่งหอโอสถว่านฉงก็คงจะคิดเช่นนี้เหมือนกัน! รอหลังจากที่สาวน้อยมู่เฉินซีออกมาแล้ว ไม่รู้ว่านางจะรังเกียจที่จะมีอาจารย์อีกคนหรือไม่?”
คนอื่นต่างกล่าวอย่างคล้อยตามว่า “หากท่านผู้อาวุโสใหญ่เป็นอาจารย์ของนาง คาดว่าการพิชิตหอโอสถว่านฉงของนางในคราหน้าจะต้องได้รับคะแนนที่ดีกว่านี้อย่างแน่นอน”
“แม่สาวน้อยมู่เฉินซีผู้นั้น ช่างโชคดีเหลือเกิน!”
ในเวลานี้ คนส่วนใหญ่ต่างก็ทยอยตกรอบกันออกมาแล้ว
คนที่มีอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมก็สามารถข้ามขั้นนำหน้าไปได้ไกล ส่วนบางคนที่มีพื้นฐานที่ดี ถึงอาจารย์จะไม่ค่อยมีชื่อเสียงนัก แต่ก็สามารถค่อย ๆ ไต่ขึ้นไปเหนือชั้นที่หนึ่งร้อยได้
ทว่าพวกเขาส่วนใหญ่ยังไม่ทันที่จะไปถึงชั้นที่สองร้อยต่างก็ต้องตกรอบออกมาเสียแล้ว
และตอนนี้ก็เหลือเพียงมู่เฉินซีรวมไปถึงคนที่ข้ามขั้นไปได้ไกลเหล่านั้นเท่านั้น
มู่เฉียนซีนั้นยังคงพุ่งทะยานขึ้นไปด้วยความรวดเร็วเป็นอย่างยิ่ง และในเวลานี้ก็มีคนกล่าวขึ้นอย่างประหลาดใจว่า “ตีเสมอแล้ว!”
“ไล่ตามทันแล้ว! คิดไม่ถึงเลยว่าจะไล่ตามทัน!”