ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐีบทที่85 งานเลี้ยงบนเรือสำราญเริ่มขึ้นแล้ว

บทที่85 งานเลี้ยงบนเรือสำราญเริ่มขึ้นแล้ว

บทที่85 งานเลี้ยงบนเรือสำราญเริ่มขึ้นแล้ว

คนที่ตบแน่นอนว่าต้องเป็นเมิ่งไฉ่หรู

ไม่รู้ว่าเธอมาตอนไหน จ้องมาที่เฉินเกอดวงตาถมึงทึง

“เฉินเกอ เธอพูดมาว่าฉันจะต้องว่าเธอว่าอะไรดี ตอนนี้เธอนี่ยิ่งอยู่ยิ่งไร้ประโยชน์ขึ้นเรื่อยๆแล้ว ใช้ให้เธอทำความสะอาด เธอกลับแอบเล่นโทรศัพท์ เฮ้อ เธอรู้หรือเปล่า เธอก็แค่ถูกรางวัลลอตเตอรี่เท่านั้น ส่วนคนที่เขามีเงินมีทองกันจริงๆน่ะ ในเวลานี้เขาทำตัวเรียบง่ายแล้วก็ทำงานหนักกันทั้งนั้น ฉันจะบอกอะไรเธอนะเฉินเกอ เธอไม่มีเงินที่จะไปสู้กับพวกเขา แถมตอนนี้ความคิดและความเคยชินของเธอจะทำให้เธอไม่ไปไหนหรือตกต่ำลงไปอีก!”

โดนตบเสร็จก็ตามมาด้วยคำด่าชุดใหญ่ของเมิ่งไฉ่หรู

น้องแกสิ!

ถ้าไม่ใช่เพราะเพิ่งจะเพิ่มเมิ่งไฉ่หรูในวีแชทส่วนตัว เฉินเกอก็จะด่ามันในตอนนี้เลย

แต่ว่านะ แค่คิดว่าในชีวิตจริงเมิ่งไฉ่หรูทำแบบนี้กับตัวเอง แต่บนวีแชทกลับทำกับตัวเองแบบนั้น

เฉินเกอก็เกิดความคิดชั่วร้ายแถมมีความสนุกสนานอยู่ในใจ

ดูโรคจิตนิดๆใช่ไหมล่ะ แต่ความรู้สึกแบบนี้ก็ไม่เลวเลย

เฉินแกไม่ได้พูดอะไร รีบกวาดห้องของเมิ่งไฉ่หรูให้สะอาด

แล้วก็กลับหอ

บนทางกลับ

เมิ่งไฉ่หรูส่งข้อความทางวีแชทมาหาเฉินเกออีกครั้ง “อัยหยา ผิงผัน เธอว่าโชคชะตาจะลิขิตให้นักเรียนบางคนเป็นนักเรียนที่ไร้ศักยภาพหรือเปล่านะ เฮ้อ ในห้องของครูมีเด็กคนหนึ่งชื่อเฉินเกอ ไม่รู้ว่าเธอรู้จักไหม เขานะ เป็นประเภทคนจนต่ำต้อย เป็นคนขี้แพ้ที่แค่เห็นก็รู้สึกขยะแขยง!”

“แต่ว่านะ เหมือนกับฟ้าไม่มีตาอย่างนั้น ให้เขาถูกลอตเตอรี่่ เธอไม่รู้หรอกว่าเขาดีใจขนาดไหน แต่ว่าความประพฤติต่างๆของเขา ต่อให้เขาตั้งใจเรียนอย่างหนักเขาไม่มีทางมีอนาคตอะไรแน่ๆ! ร้อนใจจังเลย ทำไมครูจะต้องมาดูแลนักเรียนแบบนี้ด้วยนะ!”

เมิ่งไฉ่หรูส่งข้อความที่บ่งบอกถึงความไม่พอใจของตัวเองมาติดๆกันสองข้อความ

ถึงแม้จะรู้สึกสนุกเป็นบ้า แต่แค่ดูก็ทำให้เฉินเกอโมโห

เมิ่งไฉ่หรูเอ๋ยเมิ่งไฉ่หรู ยังไงฉันก็เป็นนักเรียนของคุณนะ หลายปีนี้ คุณบอกให้ฉันทำอะไรฉันก็ทำ

พอถึงตอนนี้ ฉันในใจของเธอ ก็คือนักเรียนที่ทำให้เธอขยะแขยงจนไม่สามารถขยะแขยงได้อีก?

“คุณมันคนชั้นต่ำ!”

เฉินเกอพิมพ์ข้อความตอบกลับไป

“หา? มีอะไรหรือเปล่า? ผิงผัน โถ่ ครูรู้ ครูเป็นที่ปรึกษาของเขาไม่ควรจะว่านักเรียนคนหนึ่งอย่างนี้ แต่ว่าถ้าเธอเคยเจอเขาบ้างก็จะเข้าใจเอง ก็แค่หน้าตาดูดีอยู่หน่อย จริงนะ นอกจากพวกนี้ เขาก็ไม่มีอะไรอีก!”

เมิ่งไฉ่หรูโดนด่าแล้วก็ยังไม่กล้าด่ากลับ

กลับอธิบายเพิ่มต่ออีก กลัวว่าจะทำให้ผิงผันมีความรู้สึกไม่ดีต่อเธอ

เหอๆ ถ้าเกิดว่าปล่อยให้เธอรู้ว่าคนที่เธอกำลังคุยอยู่ด้วยคือนักเรียนที่เธอขยะแขยงนักขยะแขยงหนา ไม่รู้ว่าเธอจะมีสีหน้ายัง?

เฉินเกอยิ้มอ่อน

ตอบสับเปลี่ยนไปมาหลายประโยค เสร็จแล้วก็กลับหอพัก

วันนี้เป็นศุกร์ ไม่มีคาบเรียนแล้ว

ถ้าตามปกติ พวกหยางฮุยจะต้องไปขลุกกันอยู่ที่อินเทอร์เน็ตคาเฟ่

แต่ว่า เพราะว่าวันนี้ช่วงบ่ายหานเฟยเอ๋อถ่ายทอดสด แถมยังเป็นแบบที่กินพลังงานไปมาก

ดังนั้นวันนี้ทุกๆคนก็เลยรวมตัวกันดูถ่ายทอดสดอยู่ที่หอ

“ครั้งนี้หานเฟยเอ๋อจะต้องได้อยู่ในลิสต์ดาราอย่างไม่ต้องสงสัย ว้าว เงินเดือนเดือนนี้ประมาณแสนกว่าๆเลย พี่ผิงผันโคตรเจ๋ง แค่ยกมือก็สามารถทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งดังได้แล้ว!”

“หา! ต่อไปหานเฟยเอ๋อก็จะเป็นเน็ตไอดอลจริงๆแล้วนะสิ มีเงินให้รูดใช้ แล้วดูพวกเรา ยังไม่รู้ว่าจะไปฝึกงานที่ไหนดีเลย! เฮ้อ……”

เพิ่งจะถึงหอพัก ก็ได้ยินเสียงของหยางฮุยกับหลี่ปินคุยกัน”

จะว่ายังไงดี ความอิจฉาที่มีความริษยาปนมาด้วย

ผู้ชายไม่สามารถหาเงินได้เท่าผู้หญิงคนหนึ่ง ยังไงก็ตามมันทำให้คนๆหนึ่งรู้สึกไร้พลัง

ผลลัพธ์แบบนี้ เฉินเกอพอจะเดาออก

เพราะว่าเงินสนับสนุนของตัวเขาเองหานเฟยเอ๋อโดนผู้ดูแลประกาศลงในหน้าจอสาธารณะใหญ่โต

ก็เท่ากับว่ากำลังโดนโปรโมตไปเลยโดยตรง

ตอนที่ตัวเขาออกมาจากช่องถ่ายทอดสดของหานเฟยเอ๋อ ผู้ติดตามของเธอเกือบจะทะลุเจ็ดหมื่นคนแล้ว

เป็นอย่างนี้ แค่เฉพาะเงินที่แฟนคลับให้ ไหนจะที่สามารถดึงดูดได้จากพวกคนใหญ่คนโตอีก ก็พอที่จะทำให้เธอชนะได้ตลอดแล้ว เป็นคนที่มีอิทธิพลบนแอพแอพสตูดิโอถงเฉิง

เย็นนี้ที่เธอแข่งขันแล้วได้อันดับหนึ่ง ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าสงสัยอีกต่อไปแล้ว

“ไอ้เฉิน นายกลับมาแล้วเหรอ! อ๋อใช่ วันนี้ตอนบ่ายที่พวกเราไปเอาพัสดุ มีพัสดุอันหนึ่งเป็นของแก ข้างในเหมือนเป็นแค่กระดาษแผ่นหนึ่งนายลองเอาไปดู!”

หยางฮุยพูดไปพลางก็ส่งพัสดุเล็กๆมาให้

เฉินเกอกำลังสงสัย รับมาแล้วก็ล้มตัวนอนลงไปบนเตียง

ที่แท้ก็ไม่ใช่อย่างอื่น เป็นตั๋วเข้างานเลี้ยงบนเรือสำราญหาดทรายทองหยุนก่างหนึ่งใบ

คนที่ส่งพัสดุมาคือหลินยียี

ในตอนนี้เฉินเกอเพิ่งจะนึกออกเป็นเรื่องงานเต้นรำที่หลินยียีเคยพูดถึงก่อนหน้านั้น เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ ก็คือพรุ่งนี้เป็นต้นไป จนถึงวันหยุดสุดสัปดาห์ถึงจะสิ้นสุด ทั้งหมดก็คือสองวัน

แต่สถานที่กลับเป็นเมืองหยุนก่าง!

และในเวลานี้โทรศัพท์ของเฉินเกอก็ดังขึ้นพอดี

ดูแล้วว่าเป็นหลินยียีที่โทรมา

“คุณชายเฉิน ได้รับตั๋วเข้างานหรือยัง?”

“ได้แล้ว เธอก็เหมือนกัน ถ้ามีโอกาสนายให้กับฉันเองตรงๆคงดี ทำไมจะต้องส่งมาให้ฉันด้วย!”

“ฮ่าๆ คุณชายเฉิน เป็นอย่างนี้ ฉันมาเมืองหยุนก่างตั้งแต่เมื่อวานแล้ว มาเยี่ยมคุณป้า เมื่อวานฉันเองก็เพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าคุณชายยังไม่มีตั๋วเข้างาน ดังนั้นฉันก็เลยส่งไปให้คุณชาย!”

ตั้งแต่รู้สถานะของเฉินเกอ หลินยียีก็เกรงใจต่อเฉินเกอมากๆ

บนความเป็นจริง ตอนแรกหลินยียีโดนพ่อแม่บังคับให้มาป้อยอเฉินยอ

แต่หลังจากที่ทำความรู้จักกับเฉินเกอได้หลายวัน หลินยียีก็ค้นพบว่าเฉินเกอมีเสน่ห์ที่แปลกประหลาดอยู่ในตัว

เขาเป็นลูกคนรวย แต่กลับไม่มีนิสัยจุกจิกจู้จี้แบบที่พวกลูกคนรวยเป็น แถมยังทำตัวธรรมดาเรียบง่าย

ทำให้หลินยียีอยากจะเข้าไปดูข้างในใจของเฉินเกอ ดังนั้น การเชิญเฉินเกอ ที่จริงแล้วคือมาจากใจเธอ!

“ที่เมืองหยุนก่างนอกจากหาดทรายทอง ไม่มีที่ไหนสนุกๆแล้วเหรอ?”

“ยังมีอีกเยอะค่ะ ดังนั้น คุณชายเฉินแค่มาก็พอแล้ว พอไปถึงที่ก็แค่แสดงตั๋วเข้างาน คนของทางโน้นก็จะจัดการเรื่องโรงแรม พอคุณชายจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วฉันจะไปหา!”

“อย่างนั้นก็โอเค!”

พอคุยกันเสร็จแล้ว เฉินเกอก็วางสาย

พูดจริงๆนะ ตั้งแต่เด็กจนโต เฉินเกออยู่แต่ในหมู่บ้านเล็กๆในชนบท ก็แค่ต่อมาสอบเข้ามหาวิทยาลัยจินหลิงได้ ถึงได้มาเปิดหูเปิดตาในเมืองใหญ่ๆแบบเมืองจินหลิง

แต่ว่าเฉินเกอนั้นจนมาก นอกจากนั้น เมืองอื่นๆเฉินเกิเองก็ไม่เคยไป

“ครั้งนี้จะชวนซูมู่หานไปไหม?”

เฉินเกอพูดในใจ

ตอนนี้ทั้งสองคน มีความสัมพันธ์ที่คลุมเครือกันอยู่

แต่ว่าพอลองคิดๆดู ก็ช่างมันน่าจะดีกว่า ครั้งนี้ไม่ว่าจะยังไงซูมู่หานก็โดนหนิงฝานทำให้ตกใจกลัวมากๆ วันนี้ก็ไม่มาโรงเรียนยังพักผ่อนอยู่ที่บ้าน อย่างนั้นก็ปล่อยให้เธอพักผ่อนดีกว่า!

ตอนค่ำ เฉินเกอเข้านอนตั้งแต่หัววัน

วันถัดไป เฉินเกอตื่นเช้ามาก

พวกไป๋เสี่ยวเฟยล่ะ กลับถึงเมื่อหนึ่งวันก่อนหน้านั้นแล้ว

บวกกับเฉินเกอยังไม่ชินทาง ดังนั้นเขาก็เลยตัดสินใจไม่ขับรถแต่กลับนั่งรถไฟไปแทน

ตอนแปดโมงเช้า ก็ถึงประตูทางเข้าหาดทรายทองแล้ว

“สวัสดีค่ะคุณผู้ชาย ช่วยแสดงบัตรเข้างานด้วยค่ะ!”

เพิ่งจะถึงประตู เฉินเกอก็โดนพนักงานต้อนรับที่สวยมากๆรั้งตัวเอาไว้

เธอยกมือขึ้นมาขอตั๋วจากเขา

แถมสายตาที่คนสวยมองมา กลับกำลังมองเฉินเกอตั้งแต่หัวจรดเท้า

เพราะว่าเฉินเกอตอนนี้เพิ่งอาบน้ำใหม่และใส่ชุดแต่ก่อนของเขา ดังนั้นไม่ว่าจะมองยังไงก็คงจะทำให้คนสวยมองเห็นเป็นพวกบ้านนอกที่เพิ่งจะเข้ากรุง?

ตอนนี้ถึงแม้ว่าน้ำเสียงจะไพเราะใจดี แต่ว่าสายตากลับดูเหมือนกำลังไล่คน

ราวกับว่า ถ้ามีก็รีบเข้าไป ถ้าไม่มีก็รีบไสหัวออกไป!

ทำไมเฉินเกอจะมองสายตาดูถูกของพนักงานต้อนรับหญิงไม่ออก ไม่เข้าใจจริงว่าใช้มารยาทแบบไหนมาต้อนรับ ทำไมถึงได้มีมารยาทเหมือนๆกันไปหมด?

เหอะๆ

ครั้งนี้เฉินเกอไม่กลัว มือหนึ่งหยิบตั๋วออกมา อีกมือหนึ่งหยิบโทรศัพท์ เตรียมจะโทรหาไป๋เสี่ยวเฟยที่กำลังเล่นอยู่ด้านใน!”

เสร็จแล้วก็เดินเข้าไปด้านใน

“คุณ……”

พนักงานต้อนรับคนสวยโมโหเป็นอย่างมากที่โดนเฉินเกอเมิน แต่ว่าดูตั๋วเข้างานกลับไม่มีปัญหาอะไร ถึงแม้เธอจะสงสัยว่าจะเป็นของปลอมหรือเปล่า แต่ก็ไม่มีหลักฐาน

แต่ในเวลานี้ พนักงานต้อนรับคนสวยก็กลับมายืนขึ้นอีกครั้ง

เพราะว่าในเวลานี้ มีรถหรูมากมายกำลังทยอยจอดกันตรงหน้าประตู จากนั้นก็มีคู่วัยรุ่นชายหญิงคู่หนึ่งลงมาจากรถ

“ฮ่าๆ สองวันนี้มีคุณชายมากันไม่น้อยเลย จะได้หาเพื่อนเพิ่ม ส่วนคุณหนูก็มากันเยอะเหมือนกัน!”

“สันดานนี่น้า รู้จักแต่ที่จะหาสาวขาวรวยสวยอย่างเดียวเลยนะ บ้านนายมีแค่ทรัพย์สินไม่กี่พันล้านไม่ใช่เหรอ? ยังจะมาหวังสาวๆที่ขาวสวยรวยอีก เหอะๆ!”

คนจำนวนหนึ่งเดินมาหยอกล้อ แล้วก็หยิบตั๋วเข้างานของตัวเองออกมา

ทันใดนั้น ผู้ชายคนที่เอาแต่พูดว่าจะหาผู้หญิงที่สวยรวยขาวก็ร้องขึ้นมาด้วยความตกใจ

“ไอ้สาด พวกนายมีใครเห็นตั๋วเข้างานของฉันบ้าง? หายไปได้ยังไง?”

ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี

ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี

Score 10
Status: Completed
ณวันนั้น พี่สาวกับพ่อแม่ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศบอกกับตัวเองอย่างกะทันหันว่า ตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครองสมบัติหลายล้าน เฉินเกอคิดในใจว่า ฉันเป็นทายาทเศรษฐีจริงๆหรอ

Options

not work with dark mode
Reset