ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐีบทที่ 220 การเริ่มต้นของงานเลี้ยงรุ่น

บทที่ 220 การเริ่มต้นของงานเลี้ยงรุ่น

บทที่ 220 การเริ่มต้นของงานเลี้ยงรุ่น

สายนั้นเป็นลี่หมิงเฉว่ที่โทรเข้ามา

บอกว่าวันนี้ตอนเที่ยงมีกิจกรรมงานเลี้ยงร่วมรุ่นสมัยมัธยมของเพื่อน ๆ

ให้เฉินเกอไปเร็ว ๆ และก็อย่าลืมด้วย

จากวันนั้นที่กินข้าวที่ร้านอาหารมี่ตู จนถึงวันนี้ก็ผ่านไปแล้วสามวัน

ฉินหยาเองก็ได้กลับไปแล้วสามวัน

ส่วนงานเลี้ยงร่วมรุ่นนั้น เมื่อวานลี่หมิงเฉว่เพิ่งได้บอก หลังจากนี้เพื่อน ๆ คนไหนที่จะออกไปฝึกงานก็จะได้ฝึกงาน ส่วนคนไหนที่ทำงานก็จะได้ทำงาน

เลยถือโอกาสที่คนส่วนใหญ่ยังพอมีเวลาอยู่ เลยนัดกันมากินข้าวกันหน่อย

ตอนแรกเฉินเกอเองก็ไม่อยากจะไปหรอก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธอย่างไร เพราะเมื่อเฉินเกอได้ไปตัดริบบิ้นเปิดบริษัทใหม่ที่ได้ลงทุนไว้ เมื่อทำพิธีเปิดเสร็จ ก็เจอกับลี่หมิงเฉว่และคนอื่น ๆ ในงาน

นอกจากนั้นแล้ว ยังมีเพื่อนผู้หญิงสมัยมัธยมอีกคน ชื่อ เจียงเฉว่ฉิง

เจียงเฉว่ฉิงในตอนนั้นเธอเป็นรองหัวหน้าห้อง และเธอก็สวยมากด้วย ผลการเรียนก็ดี พอ ๆ กับหลี่ชือหานซึ่งเฉินเกอมักจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนคนที่เรียนดี ๆ ในห้อง

ตอนนี้เจียงเฉว่ฉิงวางแผนจะกลับมาทำงานที่อำเภอผิงอันแล้ว และก็ได้งานที่ดี ๆ ที่หนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เมื่อเห็นเฉินเกอเข้า ก็รู้สึกว่ายังสนิทกันเหมือนเดิม ก็เลยเชิญเฉินเกอไปร่วมงานเลี้ยงด้วย

เฉินเกอเองก็ไม่กล้าจะปฏิเสธ จึงได้ตอบตกลงไป

หลังจากที่วางสายไป

ฉินเกอก็เห็นข้อความที่ส่งมาทาง qq ในโทรศัพท์ ซึ่งก็เป็นเจียงเฉว่ฉิงส่งมาพอดี

“นี่ ๆ เฉินเกอ จะไปตอนไหนหรอ”

เฉินเกอรู้ ครอบครัวของเจียงเฉว่ฉิงนั้นอยู่ในเมืองอำเภอผิงอัน และห่างจาโรงแรมที่เขาพักอยู่ตอนนี้ไม่ไกลมากนัก

เมื่อวานที่ได้พบกันนั้น เฉินเกอได้พูดติดตลกไปว่า เดี๋ยวพรุ่งนี้เราค่อยไปพร้อมกัน

จากนั้นเจียงเฉว่ฉิงก็ยิ้มแล้วก็ตอบตกลงไป

“ฉันใกล้จะเสร็จแล้ว”

เฉินเกอตอบกลับ

“โอเค ฉันคงอีกประมาณสี่สิบกว่านาทีนะ เพราะต้องสระผมก่อน อีกสักพักเราไปเจอกันที่สถานานีรถประจำทางถนนเสี่ยวผิงนะ”

“ได้เลย”

เมื่อก่อนที่เจียงเฉว่ฉิงเป็นหัวหน้าห้องนั้น เป็นคนที่สุภาพเรียบร้อยมาก และเป็นผู้หญิงที่พูดน้อย

เธอรักในการเรียนมาก และก็ชอบเล่นกับเพื่อนคนที่เรียนได้คะแนนดี ๆ เหมือนกัน

หากเป็นลี่เชาคนที่ครอบครัวนั้นดูมีอิทธิพล หรือลี่เหวินหยางคนที่รวยที่สุดในห้องแล้ว ซึ่งพวกเขาค่อนข้างจะดื้อมาก เจียงเฉว่ฉิงก็เลยไม่ค่อยที่สนใจนัก

แต่ว่าเมื่อวานที่เจอกันนั้น ทำให้เฉินเกอคิดว่าเธอดูเปลี่ยนไปเยอะมาก

เปลี่ยนไปเป็นคนที่ร่าเริงตลอดเวลา และยังชอบหยอกล้อกับคนอื่นมากเป็นพิเศษ

เฮ้ย น่าจะเป็นเพราะว่าเธอได้เข้าไปสู่สังคมแล้วทำให้เธอเปลี่ยนไปก็ได้

นอกจากนั้นยังต้องพูดถึง ช่วงมัธยมปีที่ห้า ตอนเปิดเทอมใหม่ ๆ ในภาคเรียนที่สอง ที่เฉินเกอและเจียงเฉว่ฉิงได้มีความสัมพันธ์กันในช่วงนั้น

ไม่ใช่เพราะว่าเฉินเกอมีเสน่ห์เยอะหรอก

แต่เป็นเพราะว่าในตอนนั้นเฉินเกอเองก็ดูดีอยู่เหมือนกัน และก็เป็นเด็กที่ไม่ดื้อและยังเรียนดีอีกด้วย เขาจะชอบฟังเด็กผู้หญิงพูดคุยกัน และนานวันเข้าก็ได้เกิดบ่อแห่งความรักขึ้น

แต่ว่าช่วงที่รักใคร่กับเจียงเฉว่ฉิงนั้น มันเป็นแค่ช่วงเวลาอันสั้น ๆ หลังจากนั้นไม่นานความสัมพันธ์ก็จบลงไป

เฉินเกอเองก็เตรียมตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ครั้นแล้ว จึงหยิบกุญแจเบนซ์ แล้วขับไปยังสถานานีรถประจำทางถนนเสี่ยวผิง

และตอนนี้ไม่จำเป็นต้องถ่อมตัวแล้ว เพราะที่นี่ไม่ใช่โรงเรียนแล้ว

อีกอย่าง ที่เฉินเกอขับรถไปก็ไม่ใช่เพื่อจะอวดแต่อย่างใด แต่เป็นเพราะว่าตัวเองต้องมีเพื่อประดับฐานะบ้าง

อีกอย่าง งานเลี้ยงครั้งนี้หลี่ชือหานและเฉินหลินก็น่าจะไปด้วย ถึงแม้พวกเธอทั้งสองจะยังไม่ได้รู้จักตัวตนที่แท้จริงของตัวเอง แต่รู้เพียงว่าตัวเองนั้นรวย เฉินเกอก็เลยไม่ต้องได้คิดอะไรมาก

หลังจากที่ถึงที่หมายแล้ว แต่ว่ายังไม่ถึงเวลาที่นัดกันไว้

ครั้นแล้ว เฉินเกอเลยขับรถไปจอดที่ลานจอดรถแถว ๆ นั้น

จากนั้น ตัวเองก็ได้เดินไปที่ร้านชานม ซื้อชานมมาสองแก้วแล้วเดินตรงไปยังสถานีรถประจำทางเพื่อรอเจียงเฉว่ฉิง

“เฉินเกอ”

และในเวลานั้น ข้าง ๆ สถานีรถก็มีเสียงผู้หญิงเรียกเฉินเกอดังขึ้น

พอเฉินเกอหันกลับไปดู

ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง เดินมาและกำลังควงแขนกับผู้ชายคนหนึ่ง ทั้งสองคนนั้นต่างก็ใส่แว่นกันแดด ดูทันสมัยมาก

แต่ว่าผู้หญิงคนนั้น รูปร่างดีหุ่นสวยหน้าตาเพอร์เฟค ส่วนผู้ชายดูเตี้ยไปหน่อยและค่อนข้างจะอ้วน ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยแผลเป็น

แต่ทั้งสองก็ดูเหมือนรักกันมาก

“เฉินเกอ ไม่ได้เจอกันสามสี่ปีเอง จำกันไม่ได้หรอ”

จากนั้น ผู้หญิงก็ได้ถอดแว่นออก

“เธอคือหวังรุ่ยนี่”เฉินเกอก็จำเธอได้ทันที

และในขณะเดียวกัน แฟนของเธอก็ได้ถอดแว่นออกเช่นกัน และเฉินเกอเองก็จำเขาได้

เขาชื่อ ซินเฮง มีฉายาว่า ต้าเหิง เพราะว่าหน้าตาคล้ายกับถูต้าเหิง เมื่อตอนที่เรียนอยู่นั้นรวยมาก และเขาในตอนนั้นตามจีบผู้หญิงสิบคน และก็โดนปฏิเสธไปสิบห้าครั้งจากผู้หญิงเหล่านั้น

เพราะว่าอะไรหรอ เพราะผู้หญิงในนั้นบางคนต้องปฏิเสธถึงสองรอบ

เพราะว่าหน้าของเขามีหลุมสิวเยอะเกินไป

และเมื่อตอนที่เขายังเด็ก ๆ อยู่นั้น เคยได้รับอุบัติเหตุจากเหตุไฟไหม้ด้วย ปฏิกิริยาของเขาเลยจะช้ากว่าคนอื่นอยู่บ้าง

ในสมัยที่เรียนนั้น เพื่อนในห้องหากที่แกล้งเฉินเกอก็จะแกล้งเขา และเขาทั้งสองคนจึงมีชะตากรรมเดียวกัน

ส่วนหวังรุ่ย

เธอเป็นผู้หญิงรูปร่างหน้าตาดี

เธอเป็นนักเรียนในวงดนตรีและนาฏศิลป์ และเธอยังเคยเต้นระบำละตินกับเฉินหลินด้วย

และระดับความน่าสนใจ หวังรุ่ยนั้นเหนือกว่าเฉินหลินเป็นไหน ๆ

จำได้ว่าเมื่อก่อนหวังรุ่ยนั้นเป็นผู้หญิงขี่เล่น และก็มีผู้ชายจำนวนมากที่ตามจีบเธอ และก็เคยคบกับใครหลาย ๆ มาก่อน

ถ้าไม่ใช่คนที่ครอบครัวที่รวย ๆ ก็จะเป็นเด็กที่มีผลการเรียนดี ๆ

ถ้าไม่ใช่นักกีฬาโรงเรียน ก็จะเป็นคนหล่อที่มีออร่าราวกับดารา

หรือไม่ก็เป็นเด็กนอกโรงเรียนที่เป็นขาใหญ่ในสังคม

เมื่อถึงสุดสัปดาห์ ก็มักจะมีรถมอเตอร์ไซค์แต่งสวย ๆ มารอรับเธอออกไป

สุดยอดจริง ๆ

แต่ที่ทำให้เฉินเกอรู้สึกตกใจก็คือ หลังจากที่จบมัธยมปลาย เธอได้คบกับต้าเหิง

ทำเอาเฉินเกอตกใจจนตาแทบจะทะลักออกจากเบ้า

“นี่ จะมองอะไร คิดไม่ถึงเลยว่า งานเลี้ยงรุ่นครั้งนี้นายจะไปด้วย จะพูดไปก็หลายปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน”

หวังรุ่ยมือกอดอกแล้วมองไปที่เฉินเกอด้วยหางตา

“ใช่แล้ว หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน เธอทั้งสองคบหากันอยู่หรอ” เฉินเกอถาม

“ฮืม เราสองคนคบกันแล้วเป็นอะไรหรือเปล่า ต้าเหิงเขารักฉันจะตาย และต้าเหิงตอนนี้เขามีธุรกิจทางการค้ามากมายในเมืองแห่งนี้”

ไม่รู้ว่านี่มันเป็นการอวดไหมนะ หวังรุ่ยพูดออกมาเสียเยอะเลย

เห็นเฉินเกอไม่พูดไม่จา

หวังรุ่ยยิ่งรู้สึกพอใจ

เธอมองออกว่า เฉินเกอดูตกใจที่ตัวเองกับต้าเหิงคบกัน

และในใจเฉินเกอก็แอบรู้สึกอิจฉาอยู่นิด ๆ

นี่มันไม่ใช่ว่าชอบหรือว่าไม่ชอบ แต่มันคือเรื่องของผู้ชายธรรมดาๆจนๆสองคนที่แต่ก่อนก็มีสภาพเหมือนกัน แต่ตอนนี้คนหนึ่งก็มีฐานะรวยและมีแฟนสวยไปแล้ว ส่วนอีกคนหนึ่งกลับยังอยู่สภาพเดิมไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

เป็นใครใครก็คงไม่สบายใจหรอก

แต่หวังรุ่ยกลับชอบดูเฉินเกอที่มีความรู้สึกไม่สบายใจ

“สักพักเดี๋ยวเจียงเฉว่ฉิงก็คงมา พวกเราไปพร้อมกันดิ”

เฉินเกอยิ้มและส่ายหัว แล้วพูดขึ้น

“ฮืม พวกเราไม่นั่งรถประจำทางหรอก พวกเรารอเพื่อนอยู่ สักพักหยางเจี้ยนและคนอื่น ๆ ก็คงจะมารับพวกเรา เพราะว่าต้าเหิงยังไม่ได้ใบขับขี่ ไม่อย่างนั้นพวกเราซื้อรถไปนานแล้ว”

หวังรุ่ยพูด

“งั้นก็ได้”

เฉินเกอเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้ว จึงได้คุย ๆ กับต้าเหิงและหวังรุ่ยไปเรื่อย ๆ

เวลาก็ได้ผ่านไป

“เฉินเกอ”

ในเวลานั้น ก็ได้มีเสียงผู้หญิงเรียกชื่อเฉินเกอดังขึ้นอีกครั้ง

เฉินเกอเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นผู้หญิงคนหนึ่ง ย้อมผมสีแดง พร้อมม้วนลอนเกลียว รูปร่างสูง ยืนถือกางร่มอยู่ จากนั้นเธอก็เดินตรงเข้ามา

เมื่อเธอปรากฏตัวขึ้น ผู้ชายที่รอรถประจำทางอยู่ตรงนั้นต่างก็ได้เงยหน้ามองตามหลังเธอเป็นแถว ๆ

รูปโฉม เรือนร่าง ออร่าขนาดนี้ พอที่จะทำให้ชายทั้งแท่งสนใจเธอเข้าอย่างแน่นอน

สายตาของผู้ชายเหล่านั้นต่างก็จ้องมองไปที่เธอ ตั้งแต่หัวจรดเท้า

และผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น ซึ่งก็คือ เจียงเฉว่ฉิง นั่นเอง……

ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี

ทายาทเศรษฐีฉบับหนุ่มจน / ที่แท้….ฉันเป็นลูกเศรษฐี

Score 10
Status: Completed
ณวันนั้น พี่สาวกับพ่อแม่ที่ทำงานอยู่ต่างประเทศบอกกับตัวเองอย่างกะทันหันว่า ตัวเองเป็นทายาทเศรษฐี ครอบครองสมบัติหลายล้าน เฉินเกอคิดในใจว่า ฉันเป็นทายาทเศรษฐีจริงๆหรอ

Options

not work with dark mode
Reset