บทที่ 162 นางฟ้าที่นั่งข้างๆในห้องสมุด
หญิงสาวอ่อนวัยคนหนึ่งแทรกหน้าเฉินเกอกะทันหัน
ไม่มีแม้คำทักทาย ไร้มารยาทอะไรแบบนี้
วันนี้เฉินเกออารมณ์ไม่ดีอย่างมาก : “คุณ คุณกำลังแทรกแถวรู้ตัวบ้างไหม?”
เธอไม่สนใจใดๆ
“ใช่แล้วพี่สาว อาจารย์บอกว่าห้ามแทรกแถวนะ!”
เสี่ยวหยิงเอ่ยพลางขมวดคิ้ว
“ไอ้บ้าเอ้ย ฉันแทรกแล้วยังไง? แกจะทำอะไรได้? พวกแพศยาตอแหลจริงๆ !”
หญิงสาวคนนั้นหันขวับกลับมาด่าทออย่างเย็นชา
ดูออกอย่างชัดเจน เธอแค่ราวๆ21 ผิวขาวนวล หน้าตาสะสวยเลยทีเดียว
เธอแต่งตัวเซ็กซี่อย่างมาก
แต่ท่าทางชอบดูหมิ่นคนอื่นนั่น เฉินเกอก็ยังคงโมโห
“เธอนั่นแล่ะที่แพศยา!”
เฉินเกอรับความสมเพชมามากพอแล้ว เขาด่ากราดกลับไปอย่างไร้ความอดทน
“ไอ้บ้า แกกล้าด่าฉัน ฝากไว้ก่อน ฉันจะเอาแกให้ตายเลย!”
หญิงสาวคนนั้นด่าทออย่างบ้าคลั่ง จากนั้น เธอถูกผู้คนที่รุมล้อมลากออกไป
สุดท้ายเธอเดินออกไปด้วยความโมโห
เฉินเกอไม่คิดมาก พลางเช็คอินหาหมอโดยทันที
“พี่ชาย พี่ไม่น่าว่าเธอเลย เธอดูไม่ธรรมดาเลย!”
ขณะนี้เองพยาบาลสาวเอ่ยเสียงแผ่วกับเขา
“วันนี้ช่วงบ่ายเธอมาแล้ว เธอไปเยี่ยมผู้มีอำนาจคนหนึ่ง รถน้อยใหญ่ หรูหราทั้งนั้นเลย คาดว่าสถานะเธอต้องสูงส่งแน่ พวกคุณรีบไปหาหมอเถอะ อย่าก่อเรื่องเลย!”
พยาบาลสาวแนะนำ
เป็นเธอที่ไร้มารยาทก่อนแท้ๆ
เพียงแต่พยาบาลสาวเอ่ยด้วยความหวังดี เขาจึงไม่ตอบโต้ใดๆ
ซูเฉียงเวยเอ่ยเสริม “ช่างเถอะเฉินเกอ เรารีบตรวจแล้วรีบกลับกันเถอะ!”
เฉินเกอพาเด็กไปหาหมอ ไม่เป็นอะไรมาก เพียงแค่ไข้ขึ้นเท่านั้น กินยาประเดี๋ยวก็หาย
ซูเฉียงเวยสบายใจขึ้น
หลังเสร็จสิ้น เฉินเกอพาซูเฉียงเวยออกจากโรงพยาบาล
เพิ่งเดินก้าวออกจากประตู ขณะนั้นเอง รถหรูสีดำแล่นมุ่งมายังหน้าโรงพยาบาล
ราว10กว่าคัน
จากนั้นยรรดาผู้คนกลุ่มหนึ่งแต่งตัวไม่ธรรมดา มุ่งตรงไปสู่โรงพยาบาล
เมื่อสังเกตเห็นหญิงสาวที่เดินลงมาจากรถคันกลาง ซูเฉียงเวยสั่นเทาด้วยความตระหนก
เป็นหญิงสาวที่แทรกคิวเมื่อครู่ ที่ทะเลาะกับเฉินเกอนี่
หรือว่าเธอเอาพรรคพวกมาหาเรื่องเฉินเกออย่างนั้นหรือ ?
ดีที่ออกมาได้ทันท่วงที
“ฉันเพิ่งได้รับข่าว ประธานสวี่เป็นอย่างไรบ้าง? ออกจากห้องฉุกเฉินหรือยัง?”
ชายวัยกลางคนคนหนึ่งเอ่ยขึ้น
หญิงสาวคนนั้นพยักหน้า “ยังเลย กระดูกแขกขาแตกหัก ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน! แต่พ้นวิกฤตแล้ว!”
“ไอ้บ้าเอ้ย ใครมันลงมือหนักขนาดนี้ ฉันรู้แล้ว ต้องเป็นบริษัทจินหลิงแน่…..”
“เรื่องแบบนี้อย่าพูดที่นี่!”
ชายหนุ่มคนนั้นเอ่ยขึ้น แต่กลับหุบปากสนิทเมื่อถูกชายหนุ่มอีกคนเอ็ด
ส่วนเฉินเกอ อยู่ไม่ไกลกับพวกเขา แต่ยังไม่ไปไหน เพราะอะไรน่ะหรือ?
ชายหนุ่มวัยกลางคนที่ดูไม่ธรรมดานั้น เฉินเกอรู้จักดี
เขาคือคนที่ถูกหยามเมื่อครู่ที่ตี้หวางอย่างจูเจียงไม่ใช่หรือ!
และประธานสวี่อะไรนั่น เฉินเกอเข้าใจเป็นอย่างดี
บางทีอาจเป็นสวี่ต้าหยวนหัวโจกสวี่
ที่แท้ไอ้นี่ถูกนำส่งโรงพยาบาลนี่เอง
ดูท่าคนพวกนี้ กับหญิงสาวที่ไม่รู้กาลเทศะนั่น เป็นคนของบริษัทไห่ชานนี่เอง
“หึ่งหึ่งหึ่ง!”
ขณะนี้เอง เครื่องยนต์ส่งเสียงดังขึ้น รถหรูอีกหลายสิบคันแล่นเข้ามาอีกระลอก
พวกของจูเจียงเขารู้จักหมดนั่นแล่ะ
รถหรูไม่เพียงเท่านี้ ยังมีเสียงเครื่องยนต์แล่นเข้ามาจากที่ไกลๆ
เมื่อไตร่ตรองดูแล้ว บริษัทไห่ชานของตระกูลสวี่ ตั้งถิ่นฐานที่จินหลิงตั้งนานแล้ว กล่าวได้ว่าตั้งรกรากมาแต่โนมนาน
เป็นจงอางเจ้าถิ่นที่แท้จริง
นายสวี่ต้าหยวน ต้องมีเครือข่ายอย่างแน่นอน แถมเรื่องราวในวันนี้ต่อให้เขาปกปิดมิดชิดแค่ไหน ความเคลื่อนไหวยังเวอร์วังปานนี้
เรื่องราวที่สวี่ต้าหยวนถูกหักแขนขานั้น ต้องแพร่สะพัดแล้วแน่ๆ
เพียงแต่ขึ้นอยู่กับตัวสวี่ต้าหยวนจะจัดการอย่างไร
“เฉินเกอ นายรู้จักพวกเขาหรือ?”
ซูเฉียงเวยพบคนมากมายห้อมล้อมโรงพยาบาลเอาไว้ เธอจึงเอ่ยถามขึ้นด้วยความตระหนก
“ฉันรู้จักพวกเขา พวกเขาไม่รู้จักฉัน พวกเขามาเยี่ยมคนที่โรงพยาบาล! ไม่เป็นไรหลอก!”
เฉินเกอเอ่ยด้วยรอยยิ้มขมขื่น
“ตกใจหมดเลย ฉันคิดว่าผู้หญิงคนที่มีเรื่องกับนายเมื่อกี้ เรียกพรรคพวกมาซะอีก!”
ซูเฉียงเวยถอนหายใจเฮือกใหญ่
หลังเฉินเกอไล่มองพวกเขาทั้งหมด ไม่รอช้า เขาเรียกรถไปส่งซูเฉียงเวยที่บ้านทันที
สวี่ต้าหยวนมีความลับอยู่ในกำมือของหลี่เจิ้นกั๋ว ยังไงเขาก็ไม่มีทางกล้าหือรือเปิดศึกกับเขาแน่
ระหว่างทาง
เฉินเกอยังคงไตร่ตรองการงานของซูเฉียงเวยหลังจากนี้ไม่ตก
“”ใช่แล้วซูเฉียงเวย เธออยากเปลี่ยนงานหรือป่าว?”
เฉินเกอเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
หากซูเฉียงเวยยอมละก็ ธุรกิจเครือบริษัทจินหลิงเธอสามารถเลือกได้ตามใจชอบเลย อีกอย่าง จากนี้เปิดโรงเรียนอนุบาลให้เธอไม่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้
ซูเฉียงเวยเอ่ย : “ฉันกำลังจะพูดเรื่องนี้อยู่พอดี วันนี้ประธานถางบอกฉันว่า จะเตรียมลงทุนโรงเรียนอนุบาลของเรา อีกอย่าง เขาสมัครคอร์สอบรมให้กับฉัน อยู่ในมหาวิทยาลัยเจียงหนานนี่แล่ะ พรุ่งนี้ฉันเข้าเรียนวิชาจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยเจียงหนานได้เลย!”
“อืม! แบบนี้ก็ดีแล้ว” เฉินเกอพยักหน้า
เฮ้อ บางครั้งต่อให้ชายหนุ่มเอาใจใส่มากแค่ไหน ก็ไม่รอบคอบเท่าหญิงสาวอยู่ดี
มหาวิทยาลัยหลายที่ ภายในจะเปิดคอร์สเรียนให้กับคนทั่วไปมากมาย เพื่อให้คนวัยทำงาน และไม่ได้รับโอกาสในการศึกษา ได้เข้าไปนั่งฟัง เรียนรู้การศึกษา
เฉินเกอมีความคิดที่จะให้ซูเฉียงเวยเข้าไปนั่งฟังอยู่ก่อนแล้ว เพียงแต่ไม่มีเวลาว่างเลย
ตอนนี้ก็ดี มหาวิทยาลัยเจียงหนานกับมหาวิทยาลัยจินหลิงที่ตนอยู่นั้น เป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงทั้งคู่
เข้าเรียนที่ไหนก็เหมือนกันนั่นแล่ะ
เฉินเกอค่อยยังสบายใจขึ้น เขาบอกกับซูเฉียงเวยว่าหากเขามีเวลา จะไปหาเธอที่มหาวิทยาลัยเจียงหนาน
เมื่อส่งเธอกลับบ้าน เขากลับถึงหอพัก เป็นเวลา4ทุ่มกว่าเข้าไปแล้ว
บวกกับความเหนื่อยล้าในวันนี้
เขาหลับสนิททันทีที่ตัวถึงเตียง
ผ่านไปสองวัน เฉินเกอใช้ชีวิตอย่างสงบสุข สองวันมานี้ เขาอ่านหนังสือในห้องสมุดตลอด
ใกล้มิดเทอมเข้าไปทุกที ต้องเตรียมตัวสอบปลายภาคเรียน
วันนี้ตอนสิบโมงเช้า เฉินเกอนั่งทบทวนบทเรียนในห้องสมุดเหมือนเคย
ทันใดนั้นกลิ่นหอมรัญจวนลอยผ่านมาจากข้างกาย
เป็นกลิ่นหอมในตัวหญิงสาว
เฉินเกอหันขวับไปมอง โต๊ะข้างๆที่เขานั่งทบทวนบทเรียน ปรากฏร่างสูงบางหย่อนก้นนั่งข้างๆเขา
เพราะทุกคนรู้ดีในห้องสมุด โดยเฉพาะปีสามอย่างเหล่าบรรดาเฉินเกอ วิจัยบ้างล่ะ เตรียมตัวสอบบ้างล่ะ ห้อมสมุดจึงอัดแน่นทุกวัน
ที่นั่งของเฉินเกอนี้ เขาได้จองเอาไว้ตั้งแต่รุ่งเช้าตีห้า
ห้องสมุดเบียดเสียดนัก
หญิงสาวคนนี้ รูปร่างสูงบาง หุ่นดี โดยเฉพาะผิวขาวชุ่มชื้นนั่น ผมที่ยาวสลวยพลิ้ว
ให้ความรู้สึกเรียบร้อย ราวนางฟ้าเทพธิดา ชัดเจนนัก เธอเหล่มองชายหนุ่มที่นั่งอยู่ข้างๆอย่างอึดอัด แต่ไม่มีที่นั่งอื่นแล้ว
ที่สำคัญคือ ตั้งแต่เธอเดินก้าวเข้ามา เหล่าชายหนุ่มมากมายต่างจับจ้องที่เธอเป็นสายตาเดียว พลอยทำให้เธออึดอัด มีเพียงแค่เฉินเกอ ที่ก้มหน้าอยู่กับการทวทวนบทเรียน ความกดดันของเธอจึงลดน้อยลง
เธอหน้าแดงเล็กน้อย พลางส่งยิ้มพยักหน้าให้กับเฉินเกอ จากนั้นเธอจึงนั่งลงพลิกหนังสือออกทีละหน้า
มือหนึ่งวางแนบกับแก้มนวล อีกข้างพลางพลิกกระดาษในมือเบาๆ
“ให้ตาย ทำไมนางฟ้านั่งตรงนั้น โถ่โถ่โถ่!”
“บ้าเอ้ย ฉันหล่อกว่าไอ้งั่งนั่นหลายขุม อิจฉาชะมัด!”
ชายหนุ่มทั้งหลายส่งเสียงร้องด้วยความอิจฉา
“ฮัดเช่ย!”
ส่วนเฉินเกอนั้น กลิ่นหอมบนกายเธอ เขาจามออกมาหนึ่งที
หญิงสาวรู้อยู่แล้วมันเกิดจากกลิ่นหอมบนกายของเธอ ใบหน้าของเธอแดงก่ำกว่าเดิม พลางเขยิบไปอีกข้าง
ส่วนเฉินเกอนั้น อึดอัดเข้าไปใหญ่
เขาก้มหน้าลง มุ่นอยู่กับการทบทวนแบบฝึกหัด
ติ๋งติ๋งติ๋ง!
ทันใดนั้น เฉินเกอรู้สึกร้อนรุมภายในจมูก จากนั้นเลือดกำเดาไหลอย่างต่อเนื่อง หยดลงบนกระดาษหนังสือ
เขาอยากหาทิชชู่ แต่กลับไม่มี!
ขณะนั้นเอง พลันสังเกตเห็นหญิงสาว มือหนึ่งเท้าข้างแก้มเอาไว้ โดยไม่มองเฉินเกอ อีกข้าง เลื่อนถุงทิชชู่ให้กับเขาเบาๆ
ใบหน้าของเธอแดงก่ำมากกว่าเดิม
เฉินเกอนั้นอับอายจนแทบอยากมุดดินหนี
เฮ้อเฉินเกอ แกไปตายซะ โถ่โถ่โถ่