บทที่ 119 หนุ่มรูปหล่อที่มาใหม่
“ก็ได้ เฉินเกอ ฉันยอมรับนาย!”
จ้าวยีฟานจัดทรงผมของตัวเอง ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาๆ
“เห้ย!สาวป๊อบจ้าวยีฟานตอบตกลงคำสารภาพรักของไอ้เฉิ่มล่ะ”
“อะไรกัน? ฉันไม่ได้ฟังผิดไปใช่ไหม พระเจ้า คุณชายมหาเศรษฐีของคณะเราไล่ตามจีบเธอไม่รู้ตั้งเท่าไร จ้าวยีฟานแม้แต่จะชายตามองยังไม่เลยแม้แต่น้อย แล้วตอนนี้ดันกลายเป็นแฟนของไอ้เฉิ่มนี่ซะอย่างนั้น?”
“หรือว่าสาวสวยจะชอบคนเฉิ่มๆกันวะ รู้อย่างนี้ฉันแกล้งแต่งเป็นพวกเฉิ่มๆตั้งแต่แรกก็ดีหรอก เห้ยๆๆ!นี่เป็นรักแรกของจ้าวยีฟานใช่ไหม?”
พวกผู้ชายต่างพากันเศร้าสร้อยเหงาหงอยไปตามๆกัน
พวกผู้หญิงก็รู้สึกเหลือเชื่อเหนือความคาดหมาย
ต่างพากันคิดว่าจ้าวยีฟานบ้าไปแล้ว ถึงเฉินเกอจะหน้าตาดูน่ารักไม่น้อย แต่คนที่ตาสูงแบบจ้าวยีฟานเนี่ยนะจะชอบผู้ชายแบบนี้?
แต่ไม่ว่าผู้คนจะเข้าใจยังไง จ้าวยีฟานก็ตอบตกลงไปแล้ว
แถมหยิบดอกไม้จากในมือของเฉินเกอมาอีกด้วย
จากนั้นก็มีท่าทางเขินอายเล็กน้อย แล้วก็ทำเป็นบ่ายเบี่ยงเฉินเกอ ก่อนจะกลับเข้าห้องของตัวเองไป
“เลี้ยงข้าวจ้า เลี้ยงข้าว คืนนี้ต้องเลี้ยงข้าวแล้วนะ!”
พวกของสวีเสียที่รู้สึกดีใจสุดๆ กระโดดโลดเต้นไปมา
มีแค่หลินเจียวที่กลั้นความรู้สึกอึดอัดเอาไว้ แถมมองเฉินเกอด้วยความโมโห ก่อนจะสะบัดหน้าเดินหนีไป
เฉินเกอนายหมายความว่ายังไง นับตั้งแต่ที่คบกับสวี่ตงในวันนั้น นายก็รู้อยู่แกใจเฉินเกอว่าฉันหลินเจียวคนนี้แอบมีใจให้นาย
ตอนนี้ จู่ๆนายมาตามจีบผู้หญิงคนอื่นต่อหน้าต่อตาเนี่ยนะ
มันทำให้หลินเจียวรู้สึกเจ็บปวดใจเป็นที่สุด
เห้อ!
มีแค่เฉินเกอเท่านั้นที่ทำอะไรไม่ถูก ยังคงเหม่อลอยยังไม่ได้สติกลับมา
เขามาทำอะไร? นัดให้ซูมู่หานออกมาเจอกันสักหน่อยไม่ใช่หรอ
ให้ตายสิ!ไหงตัวเองกลับกลายเป็นแฟนของจ้าวยีฟานไปได้ล่ะ?
จะบ้าตาย ตนเองยังไม่ได้พูดอะไรสักคำ แล้วจู่ๆกลายเป็นแฟนของจ้าวยีฟานได้ยังไง?
จริงๆตะกี้เฉินเกอกะจะพูดอธิบายให้ชัดเจน
แต่ว่า ถูกผู้คนล้อมมากมายขนาดนี้ เฉินเกอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรออกไปดี
เขาแค่ยืนสติหลุดอยู่แบบนี้ไปไม่นาน บรรยากาศก็เปลี่ยนเป็นแบบนี้ไปแล้ว
โผล่มาถึงที่นี่แล้ว ถ้าเกิดบอกว่าตัวเองไม่ได้มาตามจีบจ้าวยีฟาน มันก็เหมือนจะเป็นการตบหน้าเธอเกินไป
แถมยังมีสวีเสียคอยยุยงอยู่ด้วย
เล่นซะจนเฉินเกอจะพูดอธิบายออกมาตรงๆมันก็ไม่ใช่ ถ้าไม่อธิบายไปมันก็ไม่ได้
“ไม่ได้ เรื่องนี้มันต้องไปพูดอธิบายกับจ้าวยีฟานสิ จะมัวยืนอยู่ตรงนี้ต่อไปไมได้แล้ว!ถ้าซูมู่หานมาเห็นเข้าล่ะก็ ต่อให้พูดแก้ต่างยังไงก็ฟังไม่ขึ้นแน่นอน!”
เฉินเกอส่ายหัว หันตัวกำลังจะเดินไป
“เฉินเกอ!”
จู่ๆก็มีเสียงของผู้หญิงตะโกนเรียกชื่อของเขาดังขึ้นมาในขณะนี้พอดี
พอได้ยินเสียงเสียงนี้ มันก็ทำให้เฉินเกอสั่นไปทั้งตัว
ซูมู่หาน
มันทำให้เฉินเกอรู้ว่า ซูมู่หานมองดูตัวเองจากในกลุ่มคนมาโดยตลอด
จบแล้ว มันเข้าใจผิดไปกันใหญ่แล้ว!
“มู่หาน เธอฟังฉันก่อน!”
เฉินเกอพูดขึ้นด้วยความลนลาน
เฉินเกอก็ยอมรับว่า ตอนแรกสุด เขาก็ชอบจ้าวยีฟาน เพราะว่าเธอสวยดูดีมากจริงๆ
แต่ต่อมาพอได้รู้จักกัน เฉินเกอก็ไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธอแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้นคนที่เฉินเกออยากจะมาจีบ ก็ยังคงเป็นซูมู่หาน ไม่มีผู้หญิงคนไหนที่สามารถมาแทนที่เธอได้
แต่ตอนนี้เรื่องมันดันเกิดขึ้นไม่หยุดไม่หย่อนขนาดนี้ ต่อให้พูดยังไงก็ฟังไม่ขึ้นอยู่ดี
“เฉินเกอ นายไม่ต้องพูดแล้วล่ะ ฉันเห็นหมดแล้ว!อื้ออื้อ ดีแล้ว ขออวยพรให้นายแล้วกัน!”
ซูมู่หานจ้องมองเฉินเกอ พร้อมกับพูดคำหยุดคำ
“หึ ไอ้ผู้ชายใจเหี้ยม!จิตใจเหี้ยมโหดจริงๆ!”
รูมเมทของซูมู่หานก็รู้จักเฉินเกอ ในตอนนี้ทุกคนต่างพากันพูดด่าทอเหยียดหยามเฉินเกอ อีกนิดก็จะถุยน้ำลายใส่เขาแล้ว
“รีบไสหัวออกไปจากคณะการสื่อสารมวลชนเดี๋ยวนี้เลยนะ น่าขายหน้าสิ้นดี!”
กลุ่มนักศึกษาผู้หญิงก็รู้สึกโกรธเกลียดขึ้นมาพร้อมๆกัน
“น่าจะเป็นการเข้าใจกันผิดแล้วล่ะ! มู่หาน ฟังฉันก่อน……”
“เพี๊ยะ!”
ขณะที่เฉินเกอยังไม่ทันพูดจบ จู่ๆซูมู่หานก็หันมา ตบเข้าที่ปากของเฉินเกอเข้าอย่างจัง
เสียงดังมาก
จากนั้นก็ส่งสายตาสื่อประมาณว่านายรู้สึกยังไงมันก็ตามนั้นแหละให้เฉินเกอ ก่อนจะเดินจากไป
เฉินเกอชะงักไป
คิดไม่ถึงว่าเรื่องมันจะไปกันใหญ่ขนาดนี้
ถึงขนาดที่จะทำยังไงต่อกับคนที่กำลังมองเยาะเย้ยตนเอง แล้วตนเองจะออกจากคณะการสื่อสารมวลชนนี้ได้ยังไงก็ยังไม่รู้
ตอนนั้นทำไมตนเองถึงต้องถนอมความรู้สึกของจ้าวยีฟานด้วยนะ?
ทำไมถึงใส่ใจกับความรู้สึกของคนอื่นด้วย?
พูดออกไปตรงๆมันก็ดีกว่าไม่ใช่หรอ?
ถ้าเกิดพูดออกไปให้กระจ่างแล้ว ก็จะไม่มีปัญหามากมายขนาดนี้!
เฉินเกอส่ายหัวด้วยความลนลาน
ในตอนนี้จ้าวยีฟานส่งข้อความเข้ามาพอดี
“เฉินเกอ สวีเสียบอกว่าคืนนี้ให้ไปกินข้าวด้วยกัน นายว่ายังไง?”
เฉินเกอถอนหายใจอย่างเงียบๆ คิดที่จะอธิบายให้กับจ้าวยีฟานฟัง
ตนเองไม่ได้มาตามจีบเธอ แล้วก็ไม่ได้ชอบเธอด้วย ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด
แต่ว่าตอนนี้ พอเห็นจ้าวยีฟานเอาจริงเอาจังขนาดนี้ แถมบวกเข้ากับความกระตือรือร้นของพวกสวีเสียอีก
เฉินเกอไม่รู้จะพูดตอบกลับไปยังไง
ตราชั่งของราศีตุลย์ที่แสดงถึงความยุติธรรมคงจะทำให้ต้องรู้สึกลังเลแบบนี้สินะ!
“พวกเธอไปเถอะ ฉันมีธุระ คงไม่ไปแล้ว ส่วนค่าอาหารเดี๋ยวฉันออกให้เอง!”
เฉินเกอตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ รอให้เรื่องมันสงบไปสักพักก่อนแล้วค่อยอธิบายให้จ้าวยีฟานฟังอีกที
เชื่อว่าประโยคนี้ จะทำให้จ้าวยีฟานพอจะตระหนักขึ้นม้าบาง
“นายหมายความว่ายังไง? ที่บอกว่าให้พวกเธอไปกันเถอะ คืออะไร? เฉินเกอ หรือว่าฉันจ้าวยีฟาน คงจะตอบตกลงกับนายง่ายเกินไปใช่ไหม?”
จ้าวยีฟานส่งข้อความตอบกลับมาอีก
เฉินเกอปิดมือถือลงทันที จากนั้นก็ไปเดินเล่นบนถนนที่อยู่ในมหาวิทยาลัยไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมาย
“บึ้นๆๆ!”
จู่ๆ ในขณะนี้ ก็มีเสียงของมอเตอร์รถดังขึ้น
น้ำเสียงได้อารมณ์สุดๆ
ไม่นาน รถเฟอร์รารี่ห้าคันที่ดูสะดุดตามากขับซิ่งเข้ามาในมหาวิทยาลัย ทำให้บรรยากาศของทั้งมหาวิทยาลัยลุกเป็นไฟ
ในขณะเดียวกัน ก็มีรถหรูคันหนึ่งขับผ่านเฉินเกอ เนื่องจากเฉินเกอไม่ได้ระวังตัว
อีกนิดเดียวก็จะโดนรถหรูคันนั้นชนเข้าแล้ว
ในตอนนี้เขาเซถอยหลังไปเรื่อยๆ ไม่ทันดึงสติกลับมาก็ล้มลงก้นกระแทกพื้น
“โห!รถหรู รถหรูๆเต็มไปหมด เฟอร์รารี่ซะด้วยสิ!”
“โอ้พระเจ้า เป็นคุณชายคนไหนกันนะ? ตายแล้ว ถ้าได้เข้าไปนั่งรถหรูแบบนี้ ฉันยอมปล่อยให้ผมชี้ฟูเลยล่ะ!”
“เศรษฐี เศรษฐีแน่ๆ พวกเขามารับใครกันนะ?”
รถทั้งห้าคันนี้ขับเข้ามา ในเวลาประมาณไม่กี่นาที ก็ดึงดูดผู้หญิงไปกว่าครึ่งของมหาวิทยาลัยแล้ว พวกผู้ชายก็พากันออกมาดูไม่น้อยเช่นเดียวกัน
ถึงยังไงบนถนนในมหาวิทยาลัย ก็มีผู้คนล้อมรอบมากมาย พูดคุยซุบซิบกันจอแจไปหมด สีหน้าสรรเสริญชื่นชม
ส่วนตอนนี้ มีนักศึกษาชายลงมาจากรถเป็นคนแรก
สีหน้านิ่งเฉย
“ให้ตายสิ!แกตาบอดหรือไง เห็นรถคุณชายจ้าวแล้วไม่ยอมหลบ น่าจะชนให้ตายซะก็ดี!”
นักศึกษาคนนี้ย้อมผมสีแดง หน้าตาหล่อเหล่าเป็นพิเศษ ชี้ไปที่เฉินเกอพร้อมกับด่าอย่างเหยียดหยาม
เฉินเกอปกติแล้วจะใส่เสื้อผ้าธรรมดามากๆ
ทำให้ดูแล้วเป็นนักศึกษาประเภทที่ซื่อๆโง่ๆ
ทายาทมหาเศรษฐีคนนี้ แน่นอนว่าไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาอยู่แล้ว
“โอ้โหซูเจี๋ย นายดูหมอนี่สิ แค่ดูก็รู้แล้วว่าเป็นไอ้พวกเด็กเรียน มาเหวี่ยงใส่พวกนี้มันจะได้อะไรขึ้นมา?”
“ฮ่าๆๆ ใช่แล้วพี่ซูเจี๋ย ระวังปากระวังคำของคุณล่ะ เดี๋ยวจะทำให้ไอ้เฉิ่มนี่ มันตกใจตายเอานะ ฮ่าๆๆๆ!”
บนรถยังมีผู้หญิงแต่งตัวชั้นสูงอยู่สองคน ทั้งสองประกบกันอยู่ข้างกายซูเจี๋ย ทำให้พวกเธอรู้สึกมีเกียรติ์มากๆ
“หึ เดี๋ยวค่อยมาจัดการกับมัน ตอนนี้รีบไปดูคุณชายจ้าวก่อน!”
ซูเจี๋ยคิ้วขยับ จากนั้นก็ไปหยุดตรงหน้าของรถคันตรงกลางด้วยท่าทางเคารพ แล้วเปิดประตูรถออก
“คุณชายจ้าว?”
“ใครกัน คือคุณชายจ้าว? ให้ตายสิ ซูเจี๋ยนี่ก็หล่อพอแล้วนะ แถมยังดูบ้าอำนาจมากแล้วด้วย ยังมีคนที่ให้เขาต้องเคารพอีกหรอ?”
“ฉันรู้แล้วว่าเป็นใคร? พวกเธอยังไม่รู้หรอบริษัทการค้าจินหลิง กรุ๊ปเปลี่ยนท่านประธานใหญ่แล้ว ท่านประธานที่มาใหม่ก็นามสกุลจ้าว หรือว่า? คุณชายจ้าวคนนี้ก็คือ……พระเจ้า!!!”
ผู้หญิงบางคนก็ตื่นเต้นสุดๆ!
“ใช่แล้วๆ ฉันก็ได้ยินมา ลูกชายของท่านประธานจ้าวคนนั้น เหมือนกับว่าต้องย้ายที่เรียนด้วยล่ะ!”
มีผู้หญิงบางคนก็พูดซุบซิบเสียงดัง
ถนนการค้าจินหลิง ต่างก็รู้กันว่ามีคุณชายเฉินที่สุดยอดมากๆ แต่ว่า ก็เป็นแค่ข่าวลือเท่านั้น จะมาเทียบกับคุณชายจ้าวที่เห็นได้จับต้องได้แบบนี้ได้ยังไงกันล่ะ?
พูดง่ายๆก็คือ คุณชายเฉินเทียบไม่ติดคุณชายจ้าวคนนี้ พวกผู้หญิงพูดขึ้นอย่างไม่แน่ใจมากนัก!
รู้สึกว่าเรื่องแบบนี้ ไม่มีใครสามารถพูดได้ตรงเป๊ะหรอก!
ในตอนนี้ ซูเจี๋ยยกมือขึ้นมาปิดที่ตัวรถไว้ ส่วนคุณชายที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับ ก็ค่อยๆลงมาจากรถ
ทันใดนั้น บรรยากาศของทั้งมหาวิทยาลัย ก็หยุดชะงักลงทันที…