บทที่ 118 เข้าใจผิดไปใหญ่แล้ว
“นายพูดสิ!”
สวีเสียเพราะว่าเห็นแก่หยางฮุย จึงมองว่าเฉินเกอเป็นเหมือนคนในครอบครัว เลยค่อนข้างสนิทกันมาก
เธอถามขึ้นด้วยความแปลกใจไม่น้อย
“อ้ออ้อ ฉันเอาของมาให้คนน่ะ!”
เฉินเกอพูดๆหยุดๆออกมาหนึ่งประโยค
พอเงยหน้าขึ้นมา ก็สบตาเข้ากับจ้าวยีฟานที่ดูจะสวยสง่าที่สุดท่ามกลางพวกเธอเข้าพอดี
นิ้วมือทั้งสองสานเข้าหากัน พันกันไปมาไม่หยุด
ตะกี้พวกเธอออกเดินมาด้วยกันจากหอมาถึงในคณะ
เห็นเฉินเกอ จริงๆแล้วไม่เพียงแต่จ้าวยีฟาน แม้แต่พวกของหลินเจียวก็แปลกใจไม่น้อย
เพราะว่าในความคิดของพวกเธอ
ไม่ว่าจะเป็นเฉินเกอที่รวย หรือว่าเฉินเกอที่จน ก็เป็นคนประเภทที่ซื่อๆตรงไปตรงมา
คิดไม่ถึงว่า วันนี้เฉินเกอจะมาถึงที่คณะของพวกเธอ
ยิ่งไม่ต้องพูดถึง เฉินเกอในตอนนี้ไม่เหมือนกับเฉินเกอเมื่อก่อนแล้ว
ตั้งแต่ครั้งที่แล้ว แฟนเก่าของหลินเจียว สวี่ตง เพราะว่าออกตัวแทนหลินเจียว ผลก็คือเขาไปพร้อมกับสวี่ชาว ลูกพี่ลูกน้องของตนเอง เพื่อไปรุมตีมหาเศรษฐีท่านหนึ่งของจินหลิง
ก็เลยถูกตามแก้แค้นอย่างโหดเหี้ยมทารุณ
จ้าวยีฟานก็พลอยได้รับไปด้วย
ตอนที่อยู่โรงแรม เฉินเกอให้ผู้อำนวยการหวางช่วยออกหน้าให้ เรื่องถึงได้สงบลง
ตั้งแต่ตอนนั้น จ้าวยีฟานกับหลินเจียวก็เดาว่า เฉินเกอต้องไม่ใช่คนปกติทั่วไปอย่างที่คิดไว้แน่ๆ
หรือเป็นถึงคุณชายเฉินแห่งจินหลิง?
เห้อ คุณชายเฉินแห่งจินหลิงเป็นไปไม่ได้หรอก เพราะว่าเฉินเกอแทบไม่มีกลิ่นอายแบบนั้นเลย
แต่ว่า เขาจะต้องไม่ธรรมดาแน่นอน
พูดง่ายๆก็คือรวยมากแน่ๆ
หลินเจียวก็เลยรู้สึกเสียดาย
จ้าวยีฟานก็ยิ่งรู้สึกเสียดายขึ้นไปอีก
ก็เลยพยายามหาโอกาสที่จะทำการสงบศึกกับเฉินเกอมาโดยตลอด แล้วเริ่มต้นด้วยกันใหม่สองคน
ผลที่ได้คือ แม้แต่คนของเฉินเกอยังเอื้อมแตะไม่ได้เลย
พอวันนี้ตื่นเช้าขึ้นมา แล้วดันมาเจอกันที่คณะพอดี จะไม่ให้จ้าวยีฟานไม่ตกใจได้ยังไงล่ะ
“เฉินเกอ คุณเอาของมาให้ใครหรอ?”
จ้าวยีฟานจัดๆทรงผม ก่อนจะก้มหน้าพูดขึ้นอย่างเบาๆ
เหมือนกับลูกแกะตัวน้อยน่ารักที่ว่านอนสอนง่าย
หรือว่า……เฉินเกอเปลี่ยนใจแล้วหรอ?
เพราะว่าก่อนหน้านี้หม่าเสี่ยวหนานอยากที่จะจับคู่ให้กับเฉินเกอ สวีเสียและหยางฮุยก็อยากจับให้เฉินเกอคู่กับจ้าวยีฟานอยู่แล้วดังนั้นไม่ว่าจะพูดยังไง ทั้งสองก็มีความสัมพันธ์ที่ดูอบอุ่นแบบนี้อยู่บ้าง
ยิ่งไปกว่านั้นจ้าวยีฟานก็มั่นใจแล้วว่า ในตอนแรก เฉินเกอจะต้องชอบตนอย่างแน่นอน
ในคณะการสื่อสารมวลชน ยังไม่เคยได้ยินเลยว่ามีคนเคยกุ๊กกิ๊กกับเฉินเกอมาก่อน
ดังนั้นจ้าวยีฟานก็เลยใจเต้นตึกตัก
“ฮ่าๆ จะเป็นใครอีกล่ะ ยีฟาน เธอจะให้เฉินเกอตอบคำถามคำถามนี้ของเธอยังไง?”
สวีเสียก็ตบมือมาด้วยความดีใจ
แถมยังมองเฉินเกอด้วยสีหน้าชื่นชมยินดี“เฉินเกอ ฉันมองไม่ออกจริงๆ หลังจากที่นายรวยแล้ว อีคิวก็ดูสูงขึ้นมาขนาดนี้เชียว นายนี่ช่างรู้จักทำให้คนประหลาดใจจริงๆ แถมเป็นความประหลาดใจมากๆซะด้วยสิ ฮ่าๆ!”
ใช่ วันนี้ประหลาดใจมากๆ คำถามนี้มันก็ทำให้เฉินเกอยากที่จะตอบ
ให้ตายเถอะ เฉินเกอก็แค่ซื้อช่อกุหลาบธรรมดาๆ เพื่อเอาไปให้ซูมู่หานเท่านั้น พอให้เสร็จแล้ว ทั้งสองก็ออกไปเดินเล่นกัน
ก็ปกติทั่วไป
ใครจะไปคิด ผู้หญิงในคณะของเธอจะเป็นแบบนี้กันทุกคน พอเห็นคณะอื่นมา ก็เข้ามาล้อมทันที
ส่วนตอนนี้ ดันมาเจอเข้ากับจ้าวยีฟานอีก!แถมยังถูกสวีเสียกับจ้าวยีฟานเข้าใจผิดด้วย
เฉินเกอเริ่มรู้สึกปวดหัว
ในตอนนี้หนุ่มสาวมากมายต่างพากันล้อมตรงบันไดเอาไว้ ให้เฉินเกอกับจ้าวยีฟานอยู่ตรงกลาง
แถมยังหยิบมือถือขึ้นมาอัดวีดิโออีก
“อุ้ยตายๆๆ!ข่าวใหญ่แล้ว ดูสิ นายเฉิ่มบ้านจนแห่งคณะศิลปศาสตร์ มาสารภาพรักกับสาวป๊อบของคณะการสื่อสารมวลชน จ้าวยีฟาน !”
มีเสียงของผู้หญิงพูดขึ้นด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
พระเจ้า ใครจะมองคนปะเภทนี้กัน เขานี่ช่างกล้า เหลือเกิน!
“ให้ตายสิ เขามาสารภาพรักกับสาวป๊อบอย่างจ้าวยีฟาน ใจเด็ดสุดเลยว่ะ!”
ผู้ชายสองคนที่พูดเยาะเย้ยเฉินเกอก็แทบไม่อยากจะเชื่อเช่นเดียวกัน
ขณะนี้ ในอีกด้านหนึ่ง
“มู่หาน พวกเธอออกมาดูนี่สิ มีคนสารภาพกันอีกแล้วล่ะ!”
ซูมู่หานนั่งเท้าคางอ่านหนังสืออยู่ที่โต๊ะ ใครจะไปรู้เธอเปิดหนังสือไปแค่หน้าเดียว ก็หยุดอ่านไปอยู่นานสองนาน
ในขณะนี้ มีนักศึกษาตะโกนเรียกเธอด้วยความตื่นเต้น
“มู่หานมานี่ มาดูนี่สิ!”
“ไม่ดู ไม่มีอารมณ์!”ซูมู่หานขมวดคิ้วพูดขึ้น
“ฮ่าๆ บรรยากาศคึกคักขนาดนี้ไม่ยอมมาดู ได้ยินว่าเป็นไอ้เฉิ่มเฉิ่มจากคณะศิลปศาสตร์ มาสารภาพรักกับผู้หญิงที่เขาชอบล่ะ!”
“อะไรนะ?”
ซูมู่หานทำตาโตขึ้นทันที
ทั้งตัวเริ่มสั่นเล็กน้อย
คณะศิลปศาสตร์ นั่นมันคณะของเฉินเกอนี่นา
ส่วนไอ้เฉิ่ม……
เหอะๆ ดันเป็นแบบนี้ซะได้ ตนเองชอบที่สุดเวลาที่เขาทำตัวเฉิ่มๆโง่ๆต่อหน้าเธอ
จะให้ลืมก็ลืมไม่ลง
ดังนั้นพอได้ยินแบบนี้ ซูมู่หานจึงนึกถึงเฉินเกอขึ้นมา
หรือว่าผู้ชายแบบนี้จะเริ่มเปิดใจกว้างขึ้นมาบ้างแล้ว? เขามาหาตนเองอย่างนั้นหรอ?
ดังนั้นซูมู่หานจึงลุกขึ้นมาทันที จนเก้าอี้หล่นลงไปบนพื้น จากนั้นก็วิ่งออกไป
หลังจากออกมาแล้ว มุ่งตรงไปที่บันได อย่างที่คิดไว้ เฉินเกอในมือถือช่อดอกไม้สดยืนอยู่ท่ามกลุ่มคนที่กำลังรุมล้อมเขาอยู่!
เป็นเขาจริงๆด้วย!
ซูมู่หานสีหน้าประหลาดใจ จงใจเก็บอาการเอาไว้ แต่ใจกลับเต้นไม่หยุด
“เห้อ ทุกคนดูสิไอ้เฉิ่มเล่นมาจีบจ้าวยีฟานของคณะพวกเราเลยนะ ผู้หญิงที่มีความสูงส่งมีสง่าราศีแบบจ้าวยีฟาน จะยอมรับไหมนะ?”
“ไม่มีทางหรอก อย่ามองว่าจ้าวยีฟานเป็นคนนิ่งเฉยเย็นชานะ จริงๆแล้วก็แรดไม่เบา เกลียดคนจนชอบคนรวยสุดๆเลยแหละ!”
“พวกเธอว่าอะไรนะ? จีบจ้าวยีฟาน?”
พอได้ฟังคำซุบซิบนินทากันของเพื่อนในห้อง รอยยิ้มบนใบหน้าของซูมู่หานก็ชะงักลง
รู้สึกว่าใจของตัวเอง มันเจ็บปวดรวดร้าวขึ้นมา แถมรู้สึกอัดอั้นตรงจมูกด้วย
“นี่ มู่หานเธอก็ออกมาแล้วหรอ ใช่ ไอ้เฉิ่มคนนี้มาตามจีบจ้าวยีฟาน เธอรีบมาดูสิ นั่น จ้าวยีฟานก็อยู่ข้างๆเขาไม่ใช่หรอไง!”
ซูมู่หานที่ก่อนหน้านี้มองหาแต่เฉินเกอ
พอตอนนี้มองออกไปดู เป็นอย่างที่คิดไว้ จ้าวยีฟานยืนอยู่ข้างๆเฉินเกอตั้งแต่แรกแล้ว
ซูมู่หานกลืนน้ำลายไปหนึ่งอึก
สีหน้าเริ่มซีด
เหอะๆ ตอนแรกนึกว่าเฉินเกอจะจีบตนเองเสียอีก?
คนเขามาจีบจ้าวยีฟานต่างหากล่ะ
ใช่สิ ทำไมตัวเองถึงได้โง่ขนาดนี้กันนะ?
เธอเอาแต่รู้สึกว่าเฉินเกอดูโง่ๆซื่อๆ ถึงยังไงเขาก็ไม่มีวันจากเธอไปแน่นอน เขาประคบประหงมตนเอง แถมดีกับตนเองแค่คนเดียว
หลายวันก่อนเฉินเกอพูดชมผู้หญิงคนอื่น ซูมู่หานก็รู้สึกหึงขึ้นมา แต่พอเห็นท่าทางจริงจังของเฉินเกอแล้ว ซูมู่หานก็รู้เลยว่า เฉินเกอชอบตัวเองจริงๆ
ก็แค่โง่ๆซื่อๆเกินกว่าที่จะมาสารภาพกับตนเองตรงๆ เลยบอกเป็นนัยๆให้เธอรู้อยู่หลายครั้ง
พูดง่ายๆก็คือ ช่วงวันสองวันมานี้ซูมู่หานคิดมากเกินไป
ถึงขนาดที่ว่าอยากที่จะไปหาเฉินเกอเอง
แต่ว่า ซูมู่หาน เธอคิดกับเฉินเกอตื้นๆเกินไปไหม?
เขาเป็นใคร? เขาเป็นลูกชายของมหาเศรษฐีมั่งคั่งร่ำรวยระดับโลก ทายาทระดับสูง
ผู้ชายมีเงินก็จะนิสัยเลวขึ้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคุณชายที่ไม่รู้ว่าตัวเองมีเงินมากมายขนาดไหนแบบเฉินเกอ!
เธอคิดว่าเขาชอบเธอ จริงๆแล้วเขาแค่เล่นกับเธอมาตลอด!
เหอะๆ หรือว่าไม่จริง? ตอนนี้เฉินเกอ เล่นมาสารภาพรักกับผู้หญิงอีกคนอย่างโจ่งแจ้งที่คณะของตนขนาดนี้? หรือว่าไม่ใช่กัน?
ซูมู่หานขอบตาก็เริ่มแดงขึ้น ทุกสิ่งทุกอย่างก่อนหน้านี้ มันปลอมทั้งเพ!
ส่วนด้านของเฉินเกอ
บรรยากาศในตอนนี้ บอกได้เลยว่ามันพุ่งขึ้นถึงจุดพีคแบบสุดๆแล้ว
ผู้หญิงที่ล้อมรอบอยู่พากันหันสายตามาจับจ้องที่จ้าวยีฟานและเฉินเกอ แม้แต่พวกของสวีเสียก็เดินถอยไปอยู่ข้างๆ
ถึงยังไงเฉินเกอก็ยังคงยืนเอ๋ออยู่แบบนั้น
มือเท้าไม่ขยับ
ส่วนจ้าวยีฟาน คิดในใจว่าตอนนี้เฉินเกอมีทั้งเงินแถมมีหน้ามีตาในสังคมอีก
ตนเองจึงเริ่มปันใจให้กับเขาขึ้นมาบ้างแล้ว
ในเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว ถ้าตัวเองจะเป็นแฟนกับเขา แล้วมีอะไรที่เป็นไปไม่ได้อีกหรอ?
ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเฉินเกอจะดูน่ารังเกียจ ไม่อยู่สายตาของจ้าวยีฟานเลย พูดตรงๆ แม้กระทั่งตอนนี้ ในใจของจ้าวยีฟานก็ยังดูหมิ่นดูแคลนเฉินเกออยู่ คิดว่าเฉินเกอก็เป็นแค่คนที่โชคดีคนหนึ่งก็เท่านั้น
แต่พอเห็นว่าเขารวย แถมยังช่วยตนเองถึงขั้นนี้แล้ว ให้โอกาสเขาสักหน่อยจะเป็นไรไปล่ะ?
จ้าวยีฟานก็เลยเปิดปากพูดขึ้น…