บทที่ 100 คฤหาสน์หลังนี้ฉันซื้อเอง
“อะไรนะ จะเป็นไปได้ยังไงกันคุณอาลี่ หลี่เจิ้นกั๋วเป็นถึงมหาเศรษฐีในเมืองจินหลิง เขามีกำลังพอที่จะซื้อนะ”
หวังซ่วยพูดอย่างตกอกตกใจ
“เหอะ เหอะ นายผิดแล้วล่ะ เมื่อก่อนประธานหลี่เจิ้นกั๋วมีอำนาจก็จริง แต่ตอนนี้ ลุงได้ยินข่าวมาว่า คุณหลี่เจิ้นกั๋วถูกย้ายออกจากถนนการค้าจินหลิงแล้ว บริษัทการค้าจินหลิง กรุ๊ปรวมไปถึงถนนการค้า ได้มีคนดูแลคนอื่นแล้ว
“นอกจากคุณหลี่จะถูกโยกย้ายออกไปแล้ว ก็มีคุณชายเฉินรับเลี้ยงไว้ ดังนั้นในตอนนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะมีกำลังในการซื้อ แต่เขาก็ไม่ซื้อแน่นอน”
“หา ที่แท้ประธานหลี่ก็โดนโยกย้ายแล้วงั้นเหรอ”
“ก็ใช่น่ะสิ คุณชายเฉินเป็นคนดูแลเขา เขาก็ต้องไว้หน้าหน่อย”
หวังซ่วยพยักหน้าอย่างเข้าใจดี
“พี่หวังซ่วยกับพ่อ คุยเรื่องอะไรกันน่ะ ใครคือคุณชายเฉิน ฉันไม่เคยได้ยินพ่อพูดถึงคนนี้มาก่อนเลย”
ลี่หมิงเฟยถามด้วยความอยากรู้
แค่ได้ฟัง ก็รู้สึกว่าคุณชายเฉินคนนี้เก่งกาจมาก
ราวกับว่าทั้งบริษัทการค้าจินหลิง กรุ๊ปเป็นของเขาทั้งหมด
ฟางฉิงและสวี่น่าสองสาวก็ฟังแล้วก็อึ้งเหมือนกัน พวกเธอไม่เคยได้ยินเรื่องราวแบบนี้มาก่อน เลยรู้สึกสนใจขึ้นมาทันที
“พ่อไม่เคยพูดให้ลูกฟัง เพราะจริง ๆ แล้ว พ่อก็เพิ่งจะรู้เรื่องเมื่อวานนี้เอง ได้ยินเพื่อนเล่าเรื่องราวของคุณชายเฉินให้ฟัง หลี่เจิ้นกั๋วถึงแม้จะเป็นคนเก่งแค่ไหนก็ตาม แต่เขาก็แค่ทำงานให้คุณชายเฉินเท่านั้น เพราะว่าถนนการค้าทั้งแถวนั้นเป็นของคุณชายเฉิน!”
“เฮ้ย! เฮ้ย!”
“โอ้โห!”
ลี่หมิงเฟยสวี่น่าฟางฉิงทุกคนต่างตกตะลึงตาค้าง
“แล้วก็ คุณชายหวงคนนั้น พวกเธอคงเคยได้ยินชื่อเสียงใช่ไหม”
ลี่หว้างเฟิงแสยะยิ้มออกมา
“คุณชายหวง หนูรู้จักค่ะ ลูกมหาเศรษฐีอันดับต้น ๆ เลย เฉพาะรถสปอร์ตก็มีเป็นโกดังแล้ว ก่อนหน้านี้ยังจัดงานเลี้ยงสำหรับพวกลูกหลานเศรษฐีด้วย”
ลี่หมิงเฟยพูดออกมา
ทำไมเธอถึงรู้ดีขนาดนี้น่ะเหรอ
เพราะเธอเองก็เป็นหนึ่งในบรรดาคนที่ได้รับการเชิญเหมือนกัน
แต่เสียดายที่วันนั้นประจำเดือนเธอมา เธอปวดท้องหนักมาก เลยไม่ได้ไปร่วมงาน
เธอรู้สึกเสียดายมาก เพราะบรรดาคุณหนูคุณชายทั้งหลายต่างพากันเทิดทูนหวงหยงหาว
“เฮอ เฮอ คุณชายหวงหยงหาว ที่จริงเป็นน้องบุญธรรมของคุณชายเฉิน ตระกูลหวงของพวกเขายอมตายถวายหัวให้ตระกูลตระกูลเฉิน และเพิ่งจะได้ยกระดับเป็นมหาเศรษฐีของเมืองซูโจวเมื่อไม่กี่ปีก่อนนี้เอง”
หวังซ่วยอ้าปากค้าง คิดไม่ถึงว่าจะมีเรื่องราวซับซ้อนมากมาย
ในเวลานี้ แขกเหรื่อต่างมากันครบหมดแล้ว
พิธีกรจึงเอ่ยแนะนำถังหราน ให้ถังหรานกล่าวแนะนำคฤหาสน์หยุนติ่งเมาท์เทนทั้งหมด
เฉินเกออดกลั้นอารมณ์โกรธของเขาไว้ ไม่ได้แสดงออกมา
เมื่อเห็นถังหรานเริ่มแนะนำวิลล่า เขาก็เงยหน้าเพ่งมองไปยังหน้าจอที่แสดงภาพอยู่ที่ฉากหลัง
มองเพียงครู่เดียว
เฉินเกอก็เหมือนต้องมนต์สะกด คฤหาสน์หยุนติ่งเมาท์เทนนี้ สร้างพิงไปกับภูเขา รายล้อมไปด้วยเมฆหมอก ออกแบบได้เหมือนอยู่บนสวรรค์ยังไงยังงั้นเลย
ให้ความรู้สึกหรูหราน่าอยู่
เฉินเกอเห็นแล้วรู้สึกชอบมาก
แปดร้อยล้าน เป็นราคาที่สูงเสียดฟ้าจริง ๆ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ถึงแม้ว่าจะมีทรัพย์สมบัติมากมาย ถึงแม้เฉินเกอจะถูกใจแค่ไหน เขาก็ไม่มีวันจ่ายเงินแปดร้อยล้านเพื่อซื้อบ้านหลังหนึ่งหรอก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกัน
พี่สาวเขาให้จ่ายหนึ่งพันล้าน ภายในเจ็ดวันเขาต้องใช้เงินให้หมดเกลี้ยง
ตัวเขาเองก็คิดไม่ออกว่าจะซื้ออะไรดี
โอกาสมาถึงแล้ว ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ยิ่งดู เฉินเกอก็ยิ่งตื่นเต้น
แนะนำได้ประมาณสองชั่วโมง
ทุกคนต่างจ้องมองกัน
แต่ไม่มีใครกล้าซื้อ
ถังหรานชอบใจในท่าทีของผู้ชมงานเป็นอย่างมาก เธอยิ้มออกมาแล้วพูดว่า :
“คฤหาสน์หยุนติ่งหลังนี้ ขายเพียงแปดร้อยล้าน แขกผู้มีเกียรติที่นั่งอยู่ มีท่านไหนอยากครอบครองไว้บ้างคะ”
ถังหรานยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ฉัน… ฉันไม่ซื้อ!”
ทันใดนั้นก็มีประธานบริษัทท่านหนึ่งได้ตะโกนออกมาแล้วรีบนั่งลงทันที
ทำให้ผู้คนในงานต่างพากันหัวเราะ
หลี่เจิ้นกั๋วก็หัวเราะออกมาเช่นกัน
ท่านประธานบางคนก็มักจะชอบหยอกล้อกันอย่างนี้
ถังหรานพูดต่อ : “ทุกท่านคะ วิลล่าหลังนี้ไม่ใช่การเปิดประมูลนะคะ ใครดีใครได้ ใครจ่ายแปดร้อยล้านก่อนคนนั้นได้สิทธิ์ครอบครองไปนะคะ ทุกท่านล้วนมีสิทธิ์เป็นเจ้าของคฤหาสน์หลังนี้กันได้นะคะ”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า ไม่มีใครซื้อ”
หวังซ่วยหัวเราะออกมา
ลี่หว้างเฟิงแสยะยิ้ม : “ลุงบอกแล้ว ถ้าเป็นนักธุรกิจที่ฉลาดจริง ๆ ไม่มีใครยอมเสียเงินแปดร้อยล้านไปกับบ้านหนึ่งหลังหรอก นอกเสียจาก…”
“ผมซื้อ!”
ลี่หว้างเฟิงยังไม่ทันพูดจบประโยค ก็ได้ยินเสียงพูดที่ไม่ค่อยดังเท่าไหร่ แต่กลับทำให้คนทั้งห้องโถงได้ยินเสียงนี้อย่างชัดเจน
“อะไรนะ”
ทุกคนต่างพากันสงสัยงงงวย
พากันจับจ้องมายังทางนี้
ลี่หว้างเฟิงและหวังซ่วยพวกเขาก็พากันสับสน แล้วหันกลับไปมอง
เพราะเสียงที่เอ่ยประโยคเมื่อสักครู่ออกมานั้น ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่กลับเป็นเฉินเกอ ไอบ้านนอกที่ หวังซ่วยพาเข้ามาในงาน
“ไอสวะเอ้ย เฉินเกอ นายบ้าไปแล้วเหรอ พูดมั่ว ๆ แบบนี้ได้ยังไง นายไม่รู้เหรอ ถ้าพูดว่าจะซื้อแล้วไม่มีปัญญาจ่ายเงิน จะต้องรับผิดชอบยังไง”
“โอ้ยแย่แล้ว แย่แล้ว เขาไม่ได้มาเปิดหูเปิดตาหรอก แต่มาหาเรื่องตายมากกว่า”
สวี่น่าฟางฉิงพูดออกไปด้วยท่าทีตกใจ อยากตีเฉินเกอให้ตายจริง ๆ
“เหอะ โง่ไม่รู้เรื่องรู้ราวจริง ๆ เลย”
ลี่หว้างเฟิงมองอย่างสงสัย สถานที่แบบนี้ คิดจะเรียกร้องความสนใจแบบนี้ได้เหรอ ไม่ได้ตายดีแน่!
เฉินเกอไม่สนใจว่าพวกเขาจะด่าว่าอะไรตัวเอง
เขาลุกขึ้นยืน แล้วเดินไปยังบนเวที
“บ้าไปแล้ว บ้าไปแล้ว ไอบ้านั่นประสาทแน่ ๆ”
ถังหรานก็มองไปที่เฉินเกออย่างตกอกตกใจ
นอกจากคนพวกนี้แล้ว คนส่วนใหญ่ในงานก็พากันมึนงง
“เฉินเกอ นายทำบ้าอะไรน่ะ รีบไสหัวออกไปเดี๋ยวนี้นะ”
ถังหรานพูดออกมาอย่างโมโห
อีกทั้งยังผลักให้เฉินเกอลงไป
“ผมจะซื้อวิลล่าหลังนี้ ทำไมผมต้องออกไปด้วย”
เฉินเกอแสยะยิ้มออกมา
“เหลวไหล วิลล่าหลังนี้นายไม่มีปัญญาซื้อหรอก!”
ถังหรานหมดความอดทน
“พี่บอกว่าผมไม่มีปัญญาซื้อ ผมก็ต้องไม่มีปัญญาซื้ออย่างที่พี่พูดเหรอ” เฉินเกอยิ้มอย่างเย็นชา แล้วมองไปยังพนักงานธนาคารที่ยืนอยู่ด้านข้าง “พวกคุณมานี่หน่อย ผมจะรูดบัตร!”
พนักงานธนาคารเหล่านั้นดูมึนงง เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าพวกเขา มองยังไงก็เหมือนคนที่มีเงินติดตัวไม่กี่หมื่นเท่านั้น ยังมีหน้ามาพูดว่าจะรูดบัตร
แต่ว่าในเมื่อลูกค้าเอ่ยปากออกมาแล้ว พวกเขาก็จำเป็นต้องทำตามหน้าที่
พวกเขาเดินมาพร้อมเครื่องรูดบัตร
เฉินเกอรูดบัตรอย่างคล่องมือ แล้วกดรหัสผ่าน แสกนใบหน้า
“ติ๊ง! ทำรายการสำเร็จ ยอดเงินที่ใช้ แปดร้อยล้านหยวน…”
เสียงจากระบบอัตโนมัติดังขึ้น
หลังจากนั้นทั้งห้องโถงก็เงียบกริบ
แปดร้อยล้าน นายคนนี้มีเงินถึงแปดร้อยล้านเลยเหรอ
พระเจ้า!
ถังหรานได้ยินชัดเจนที่สุด เธอเอามือปิดปากตัวเอง ไมโครโฟนหลุดออกจากมือร่วงหล่นลงบนพื้น
วินาทีนั้น สมองเธอรู้สึกว่างเปล่า
“โครม!”
หวังซ่วยที่อยู่ด้านล่างเวทีก็อึ้งจนกลืนน้ำลายแทบไม่ลง
สวี่น่าและฟางฉิงต่างก็แสดงสีหน้าช็อกอย่างบอกไม่ถูก
ตายแล้ว ตั้งแต่เจอหน้ากัน ทั้งสวี่น่า ฟางฉิงและหวังซ่วยต่างพูดจาดูถูกเหยียดหยามเฉินเกอไม่หยุดปาก แสดงท่าทีรังเกียจเหมือนเขาไม่ใช่คน
เขาเหมือนพวกบ้านนอกคอกนาที่มาจากชนบท
อยู่ข้างพวกเธอ ยิ่งดูไร้ค่าไร้ราคา
แต่ตอนนี้ รู้สึกเหมือนคำพูดทั้งหลายที่พูดไปได้กลับมาตบหน้าตัวเองอย่างจัง
ยังกล้าไปดูถูกเขา เงินที่เขามี ชีวิตนี้ทั้งชีวิตก็ไม่มีปัญญาหาได้หรอก
เขาเป็นถึงมหาเศรษฐี
“พี่หวังซ่วย เขา… เขาเป็นใครกันแน่”
ลี่หมิงเฟยหน้าถอดสี
“พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน รู้แค่ว่าเขาชื่อเฉินเกอ เอ๊ะ พวกเธอดูนั่นสิ คุณหลี่เจิ้นกั๋วกับลูกชายตระกูลหวง ไหนจะพวกนักธุรกิจร่ำรวยพวกนั้น ทำไมต่างพากันเดินขึ้นไปบนเวทีล่ะ”
หวังซ่วยในตอนนี้พูดจาติด ๆ ขัด ๆ