ตอนที่ 358 เกวียนวัว
คนผู้นั้นพูดจบก็มองสองพี่น้องด้วยนัยน์ตาขวางดุดันและยื่นมือออกมาทำท่าทาง “จงจำไว้! อย่าเมินเฉยต่อคำพูดของข้า!”
จากนั้นถึงได้ผละจากไป
จางชุนเถามองจางซิ่วเอ๋อด้วยสีหน้าผวาดผวา
“พี่หญิง ทำไมคนผู้นี้ถึงประหลาดนักเจ้าคะ” จางชุนเถาพูดอย่างหวาดกลัวไม่หาย
จางซิ่วเอ๋อถอนหายใจอย่างโล่งอก พูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลขึ้น “ชุนเถา เจ้าไม่เสียขวัญใช่หรือไม่?”
จางชุนเถาพยักหน้า ก่อนจะส่ายหน้า “ตอนแรกก็กลัวนิดหน่อย แต่มีพี่อยู่ข้าจึงไม่กลัวแล้ว”
จางซิ่วเอ๋อไตร่ตรอง ก่อนจะวิเคราะห์ให้ฟัง “เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มาหาเรื่อง เราไม่มีคู่ปรับอะไรที่นี่ ที่เขามาหาเรื่อง…..คงเพราะเขา หรือคนที่เกี่ยวข้องกับเขาขายของเหมือนกับเรา”
จางซิ่วเอ๋อคิดว่าเรื่องนี้มีความเป็นไปได้สูงมาก
เมืองชิงสือใหญ่ขนาดนี้ คนที่ซื้อเนื้อกินไหวมีไม่เท่าใดนัก
ถ้าทุกคนปรุงเนื้อแบบเดียวกัน ทุกคนก็สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องคิดอะไร ร้านไหนก็ขายเนื้อออก
แต่ตอนนี้เนื้อของนางมีรสโอชากว่าของผู้อื่น
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จะมีคนจำนวนหนึ่งตั้งใจมาซื้อเนื้อจากร้านของนาง ส่วนร้านที่เคยขายเนื้อปรุงสุกก่อนหน้านี้ย่อมขายไม่ดีเป็นธรรมดา
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าที่คนผู้นี้มาหาเรื่องตนก็น่าจะด้วยสาเหตุนี้
แต่ต่อให้จางซิ่วเอ๋อรู้แล้ว นางก็ไม่รู้สึกเห็นใจ
นางแข่งขันด้วยความยุติธรรม ไม่ได้ใช้ลูกไม้สกปรกอะไร การที่เนื้อปรุงสุกของคนอื่นอร่อยสู้หมูพะโล้ของนางไม่ได้ พวกเขาก็ควรจะหาสาเหตุจากตนเอง แล้วพยายามปรับปรุงรสชาติ
ต่อให้ปรับปรุงไม่ได้ ก็ไม่ควรมาหาเรื่องนาง
ส่งชายร่างกำยำมาขู่แม่นางน้อยทั้งสองอย่างพวกนางแบบนี้มันหมายความว่าอย่างไร?
“ถ้าอย่างนั้นพี่ว่า หากหลังจากนี้เขาเห็นเราขายหมูพะโล้อีก จะมาหาเรื่องเราอีกไหมเจ้าคะ” จางชุนเถาพูดอย่างเป็นกังวล
จางซิ่วเอ๋อได้ฟังจึงพยักหน้า “น่าจะมานะ”
“พี่ เราจะทำอย่างไรกันดี?” สีหน้าจางชุนเถาเปลี่ยนไปเล็กน้อย เริ่มแตกตื่นขึ้นมา
นางยังเด็ก ต้องเผชิญกับชายร่างกำยำที่ดุร้ายโหดเหี้ยมเช่นนี้ก็ต้องมีหวาดกลัวกันบ้าง
จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาอย่างสงสาร “ชุนเถา เจ้าไม่ต้องกลัวนะ พี่อยู่นี่ ไม่มีอะไรหรอก”
ที่จริงจางซิ่วเอ๋อก็หวั่นใจเหมือนกัน ถึงแม้นางเตรียมใจไว้ตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้วว่าหากขายดี คงต้องมีพวกขี้หมูขี้หมามาหาเรื่องบ้าง แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจอเรื่องแบบนี้ จางซิ่วเอ๋อไม่มั่นใจเลยจริงๆ
“ชุนเถา เจ้าวางใจเถอะ กลางวันแสก ๆ แบบนี้อย่างมากเขาก็ทำได้แค่ขู่ ไม่กล้าทำอะไรเราจริงๆ หรอก ถ้าเขาลงมือจริงๆ อย่างมากเราก็แค่แจ้งทางการ คนอื่นกลัวต้องยุ่งกับพวกทางการ ข้าไม่กลัวหรอกนะ” จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงเข้ม
ที่จริงนางก็ไม่แน่ใจว่าชายร่างกำยำคนนี้จะล้มร้านของพวกนางจริงหรือไม่
แต่นางจะเลิกค้าขายเพราะประโยคเดียวของชายร่างใหญ่ผู้นี้ไม่ได้
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะขายหมูพะโล้ต่อไป นางก็จะตกประหม่าไม่ได้ หากนางขวัญเสียแล้ว จางชุนเถาจะยิ่งร้อนรนไปใหญ่
นางคือที่พึ่งทางใจของจางชุนเถา เพราะฉะนั้นเวลาแบบนี้นางต้องใจเย็น
จางชุนเถาเห็นจางซิ่วเอ๋อมีสีหน้าสงบนิ่ง จึงสบายใจขึ้นนิดหน่อย
“ชุนเถา เจ้าเช็ดน้ำพะโล้บนหน้าสักหน่อย” จางซิ่วเอ๋อยื่นผ้าเช็ดหน้าให้จางชุนเถา
หลังจากจางชุนเถารับมาและเช็ดจนสะอาดแล้ว สองพี่น้องก็เริ่มขายหมูพะโล้
ตกกลางคืนพอกลับถึงบ้าน จางชุนเถาก็เทเงินที่ได้จากการขายหมูพะโล้ออกมาจนหมดและเริ่มนับ
เห็นจางชุนเถาเป็นแบบนี้ จางซิ่วเอ๋อก็เผยรอยยิ้มออกมา
“พี่ เราหาเงินได้จริง ๆ และหาได้ไม่น้อยด้วย” จางชุนเถานับเงินแล้วพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า แค่เนื้อที่ขายให้อิ๋งเค่อจวีก็ได้เงินไม่น้อยแล้ว
“พี่ ถ้าเป็นแบบนี้อีกหน่อยเราก็มีเงินเก็บกันแล้ว” จางชุนเถาเก็บเหรียญพวกนั้นไปพลางและจินตนาการถึงชีวิตอันสวยงามในอนาคตไปพลาง
สองวันต่อมา เกิดฝนตกห่าใหญ่
เมื่อใดที่ฝนตก ต่อให้เป็นพ่อค้าเนื้อซุนก็ไม่ไปเชือดหมู
ด้วยสภาพอากาศเช่นนี้ คนจึงเข้าเมืองน้อย ถึงมีหมูก็ขายไม่ออก
เพราะฉะนั้นจางซิ่วเอ๋อที่ควรจะทำหมูพะโล้ขายจึงว่างงาน
เมื่อถึงเวลาบ่าย ฝนถึงเริ่มหยุด
เมื่อจางซิ่วเอ๋อเห็นว่าฝนหยุดแล้ว จึงหยิบของและเดินทางไปที่บ้านตระกูลจาง
นางจะไปเยี่ยมแม่โจว
ตั้งแต่ที่นางเริ่มส่งข้าวให้แม่โจว นางก็สามารถเข้าออกบ้านตระกูลจางได้ทุกเมื่อ
จางซิ่วเอ๋อไม่อยากมีเรื่องขุ่นข้องหมองใจกับคนตระกูลจาง นางไม่อยากมาบ้านตระกูลจางเลยสักนิด แต่ช่วยไม่ได้ที่ตอนนี้แม่โจวและจางซานหยายังอยู่ที่บ้านตระกูลจาง นางจึงไม่มาไม่ได้
ส่วนคนตระกูลจางนั้น เวลานี้ก็ไม่มีใครไล่จางซิ่วเอ๋อไป
ถ้าอีกหน่อยจางซิ่วเอ๋อไม่มา แม่โจวก็ต้องกินข้าวของตระกูลจาง ซึ่งแม่เฒ่าจางคิดว่าแบบนั้นไม่คุ้ม
แม่เฒ่าจางคิดคำนวณในใจ ว่าอยากให้จางซิ่วเอ๋อเลี้ยงแม่โจวและจางต้าหู
แต่เสบียงและเงินที่แม่โจวและจางต้าหูทำงานหามาได้จะเป็นของที่บ้านทั้งหมด
นี่มันเรื่องจับเสือมือเปล่าชัดๆ คุ้มค่าอย่างยิ่ง
คนสุดโต่งอย่างแม่เฒ่าจางที่คิดมากแม้กระทั่งเสบียงที่ลูกชายและลูกสะใภ้ตัวเองกินนั้นช่างหายากจริง ๆ
จางซิ่วเอ๋อก็รู้ว่าการที่ตนเอาของกินมาให้แม่โจวบ่อย ๆ เป็นการปล่อยให้แม่เฒ่าจางเอาเปรียบ
แต่นางจะปล่อยให้แม่โจวผอมลงเรื่อย ๆ ต่อหน้าต่อตาไม่ได้ ไม่เช่นนั้นนางอาจจะมีโอกาสสูญเสียบุตรด้วย
ตอนที่จางซิ่วเอ๋อมาถึงบ้านตระกูลจาง นางก็เห็นว่าในลานบ้านตระกูลจางมีเกวียนวัวคันหนึ่งคล้องไว้อยู่
จางซิ่วเอ๋อมองเกวียนวัวนั้นอย่างแปลกใจ
ดูอย่างไรก็ไม่ใช่ของบ้านตระกูลจาง
หรือว่าแม่เฒ่าจางจะซื้อเกวียนวัว
อืม ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ คนตระกูลจางอิจฉาที่นางมีเกวียนลาขนาดนั้น หากจะซื้อเกวียนวัวเพราะอยากเอาชนะก็สมเหตุสมผลอยู่
เพียงแต่…..
จางซิ่วเอ๋อคิดต่อ นางคิดว่าคนขี้งกอย่างแม่เฒ่าจางน่าจะไม่ยอมเสียเงินซื้อวัวหรอก
ในใจของแม่เฒ่าจาง จางต้าหูมีประโยชน์กว่าปศุสัตว์พวกนี้เสียอีก
มีจางต้าหูแล้วยังจะซื้อปศุสัตว์อีกนับว่าเป็นการผลาญเงินชัด ๆ
ถ้าตระกูลจางไม่ได้ซื้อ แล้วเกวียนวัวนี่มาจากไหนล่ะ
ขณะนั้นจางอวี่หมินก็เดินออกมาจากห้อง นางมองจางซิ่วเอ๋อพลางเชิดหน้าก่อนจะหันไปมองวัวตัวนั้นพร้อมกล่าวยิ้ม ๆ “วัวตัวนี้สิค่อยเข้าตาหน่อย ไม่เหมือนคนบางคน ซื้อลาป่วยที่ทำงานไม่ได้ มิหนำซ้ำยังจะเห็นเป็นสมบัติล้ำค่าอีก”
จางซิ่วเอ๋อชำเลืองจางอวี่หมิน สายตาปราศจากความรู้สึกอื่นนอกจากความเย็นชา
ไม่มีความอิจฉาอยากได้อยากมีอย่างที่จางอวี่หมินหวังว่าจะเห็น
ต่อให้ตระกูลจางซื้อวัวจริง ๆ จางซิ่วเอ๋อก็ไม่อิจฉาหรืออยากมีเหมือนกันหรอก
แทนที่จะไปอิจฉาเขา สู้พยายามด้วยตัวเองแล้วหลังจากนี้อยากซื้ออะไรก็ซื้อดีกว่า
อีกอย่างนางก็ไม่ต้องการวัว และไม่จำเป็นต้องไปซื้อของที่ไม่ต้องใช้เพื่อหน้าตาของตน
…………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
บ้านจางเอาเกวียนวัวมาจากที่ไหนกันนะ แม่เฒ่าจางต้องไปทาบทามใครมาแต่งกับคนในบ้านหรือเปล่า
ไหหม่า(海馬)