ตอนที่ 357 หาเรื่อง
จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาอย่างอ่อนโยนและพูดด้วยท่าทางสอนสั่ง “บางคนไม่ได้มีความแค้นใหญ่หลวงอะไรกับเรา ไม่จำเป็นต้องมีเรื่องมีราวจนมองหน้ากันไม่ติด หากซื้อใจด้วยบุญคุณเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้ย่อมเป็นเรื่องดี”
“อย่างแม่เฒ่าหลิว หลังจากนี้นอกจากจะไม่เป็นปฏิปักษ์กับเราแล้ว ยังจะช่วยเราต่อกรกับย่าเราด้วย” จางซิ่วเอ๋อพูดเสร็จก็มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้า
นางยอมซื้อใจแม่เฒ่าหลิวด้วยสิ่งของก็เพราะคิดว่าแม่เฒ่าหลิวนั้นซื้อได้
ส่วนแม่เฒ่าจาง?
จางซิ่วเอ๋อไม่คิดว่าตัวเองให้อะไรแม่เฒ่าจางดี ๆ แล้วนางจะพอใจหรอกนะ
อย่างไรเสียในสายตาของแม่เฒ่าจาง ของตัวเองสมควรจะเป็นของนาง
นางเป็นแค่คนละโมบที่ไม่เคยรู้จักรักใคร่หลานสาวของตัวเอง
ไม่ต้องพูดถึงหนี้แค้นระหว่างนางและแม่เฒ่าจาง เอาแค่เจ้าของร่างจางซิ่วเอ๋อ…..
แม้ว่านางจะฆ่าตัวตาย แต่ที่นางฆ่าตัวตาย พูดตรง ๆ ก็เพราะโดนแม่เฒ่าจางบีบคั้นไม่ใช่หรือ?
พอคิดว่าตัวเองมีชีวิตกลับมาคงต้องโดนตี และคงจะไม่มีชีวิตดี ๆ
มันต้องสิ้นหวังขนาดไหนกัน ถึงส่งผลให้เจ้าของร่างจางซิ่วเอ๋อละทิ้งชีวิตตั้งแต่ยังเยาว์วัยขนาดนี้
แค่เรื่องนี้จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกว่าระหว่างตัวเองและแม่เฒ่าจางไม่มีทางสงบศึกได้
ถ้าแม่เฒ่าจางไม่มายุ่งกับนาง นางก็ยินดีจะต่างคนต่างอยู่กับแม่เฒ่าจาง ต่างคนต่างใช้ชีวิตของตัวเอง แต่ถ้าแม่เฒ่าจางมายุ่งกับนาง นางก็ไม่มีเหตุผลต้องเป็นฝ่ายถูกกระทำอย่างเดียว
จางชุนเถาพูดเหมือนเข้าใจ “พี่อยากให้แม่เฒ่าหลิวช่วยเราต่อกรกับท่านย่าหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อกล่าว “เจ้าว่าเนื้อชิ้นเดียวจะอุดปากท่านย่าเราได้หรือไม่? ให้นางเลิกพูดสิ่งที่ไม่น่าฟังอีก”
จางชุนเถาฟังแล้วหลุดขำออกมา “จะเป็นไปได้อย่างไร! ท่านย่าเราต้องหาว่าน้อยไปแน่ ๆ”
“แต่เนื้อชิ้นเล็กแค่นี้ กลับช่วยให้คนเก่งกาจเลื่องชื่อในหมู่บ้านนี้ยืนอยู่ข้างเดียวกับเรา ถ้าท่านย่าเราพูดจาว่าร้ายอะไรเรา นางต้องเถียงกลับให้อยู่แล้ว…..เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็จะสามารถอุดปากของท่านย่าเราได้” จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ
“เราสองคนใช้ชีวิตของเราไป ไม่จำเป็นต้องใส่ใจว่าคนอื่นพูดอะไรก็จริง แต่ในเมื่อเราอาศัยอยู่ในหมู่บ้านนี้ ก็ไม่สามารถเป็นศัตรูกับทุกคนได้ ถ้าทุกคนไม่ชอบพวกเราหมด ข้าว่าที่แห่งนี้คงไม่มีที่ให้เราอยู่อีกต่อไป” จางซิ่วเอ๋อวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างทะลุปรุโปร่ง
จางชุนเถาพยักหน้า “พี่ใหญ่ พี่นี่รู้มากกว่าข้าจริง ๆ หลังจากนี้ข้าจะเชื่อพี่ทุกอย่าง”
จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาอย่างชื่นใจ จางชุนเถาอายุน้อย บำรุงร่างกายได้ง่ายกว่าตัวเอง ตอนนี้หน้านางเริ่มเปล่งประกายชุ่มชื้นแล้ว จนคิดว่าในภายภาคหน้าน้องสาวของนางต้องสวยสง่าแน่นอน
ดังนั้นนางจะวางแผนอนาคตที่ดีให้กับจางชุนเถา
ต่อให้ไม่ต้องร่ำรวยมั่งคั่งมาก ก็ต้องให้จางชุนเถามีกินมีใช้
นางไม่ได้ต้องการให้จางชุนเถาแต่งเข้าตระกูลเศรษฐี แค่หวังว่าตัวเองจะสร้างชีวิตแบบนี้ให้จางชุนเถาได้
ในใจของนางเห็นจางชุนเถาเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของตัวเองตั้งนานแล้ว ย่อมต้องดูแลเป็นอย่างดี
เมื่อมาถึงตัวเมือง จางซิ่วเอ๋อก็ไปส่งเนื้อให้อิ๋งเค่อจวีก่อน แล้วจึงรับเอาเตาหม้อกลับมา
ก่อนจะเริ่มตั้งร้านขายหมูพะโล้
ครั้งนี้ขายดีกว่าครั้งก่อนเห็น ๆ
สามวันก่อน มีคนจำนวนหนึ่งมาซื้อหมูพะโล้ในตอนที่จางซิ่วเอ๋อเก็บร้านแล้ว จึงซื้อไม่ทัน ครั้งนี้เห็นจางซิ่วเอ๋อตั้งร้านจึงไม่รอซื้อตอนบ่าย ต่างจ่ายเงินและรับหมูไปทันที
โดยไม่ต้องรอถึงตอนค่ำเลย
จางซิ่วเอ๋อทำมาค้าขายได้ไม่เลว
แต่พอขายดี ก็เป็นที่คับแค้นใจของผู้อื่น
ขณะนั้นชายรูปร่างสูงใหญ่คนหนึ่งได้กระเถิบเข้ามาใกล้ร้านเนื้อของจางซิ่วเอ๋อ เขากวาดสายตามองจางซิ่วเอ๋อก่อนและกวาดสายตามองจางชุนเถา สุดท้ายก็ยิ้มเย้ยหยันออกมา
เขาเดินมาอยู่ตรงหน้าและถามด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว “ได้ข่าวว่าหมูพะโล้ของพวกเจ้าชิมได้โดยไม่ต้องจ่ายเงิน?”
จางซิ่วเอ๋อขมวดคิ้วมองเขา นางรู้สึกว่าคนผู้นี้มาร้าย แต่ในเมื่อมาแล้วถือว่าเป็นแขก จึงไม่ได้แสดงกิริยาอะไรออกมา เพียงแต่ยิ้มและบอก “ชุนเถา หั่นเนื้อให้พี่ชายคนนี้ที”
จางชุนเถาหั่นเนื้อมาหนึ่งชิ้น ทว่าชายผู้นี้ไม่ได้หยิบไม้จิ้ม
ทว่าเขายื่นมือไปจับเลย และหยิบเอาเนื้อชิ้นใหญ่ที่จางชุนเถายังไม่ได้หั่นขึ้นมาพร้อมกับกัดทันที
จางชุนเถาไม่พอใจในบัดดล “เอ๊ะ ท่านนี่…..”
เนื้อที่เป็นชิ้นต่างหากคือส่วนที่ให้ชิม แต่คนผู้นี้หยิบชิ้นใหญ่ไปเลย อย่างน้อย ๆ ก็ต้องหนักถึงหนึ่งใน 3 ชั่งเลยล่ะ
ถ้าหั่นเป็นชิ้น พอให้คนมากมายชิม
เขากลับหยิบเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนั้นไปแต่เพียงผู้เดียว!
“ข้าทำไม? ข้ามาชิมถือว่าเป็นเกียรติของพวกเจ้าแล้ว!” ชายผู้นั้นเอ่ยพลางกัดไปคำหนึ่ง
ความจริงเขาตั้งใจจะโยนเนื้อชิ้นที่กัดทิ้ง แต่เนื่องจากอร่อยเกินไป จึงอดกินอีกสองคำไม่ได้ ท้ายที่สุดแล้วถึงโยนใส่เขียง
น้ำพะโล้กระเด็นเต็มหน้าจางชุนเถา
จางชุนเถาเดือดขึ้นมาทันที “เจ้าทำอะไรน่ะ?”
จางชุนเถาไม่ใช่คนใจเย็นอะไร โต้กลับไปในบัดดล
“ทำอะไรรึ? ข้าก็รังเกียจที่เนื้อพวกเจ้ารสชาติห่วยอย่างไรเล่า!” ชายผู้นั้นตอบเสียงเกรี้ยวกราด
เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้มาหาเรื่อง
“ขนาดไม่อร่อยเจ้ายังกินไปตั้งสองคำ? หากไม่อร่อยจริงเหตุใดเจ้าไม่ล้วงคอเอาของในปากเจ้าออกมาด้วยล่ะ!” จางซิ่วเอ๋อก็โมโหเหมือนกัน
ถ้าคนผู้นี้แค่ไม่มีเหตุผลยังไม่เท่าใด
แต่เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้รังแกจางชุนเถา
จางชุนเถาคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับนาง เวลานี้มีคนรังแกจางชุนเถา นางในฐานะพี่สาวจะไม่ยืนหยัดปกป้องได้อย่างไร!
“เจ้าหุบปากไปเลยนะ! ข้าบอกว่าไม่อร่อยก็ไม่อร่อย เจ้าอย่ามาพิรี้พิไร ระวังว่าข้าจะล้มร้านของเจ้าเสีย!” ชายผู้นั้นหน้าตาบิดเบี้ยว
จางซิ่วเอ๋อเห็นว่าคนผู้นี้รูปร่างกำยำ จึงข่มความโกรธตัวเองลง
นี่ถ้ามีเรื่องกันขึ้นมา นางและจางชุนเถาน่าจะเสียเปรียบกว่า
“ในเมื่อไม่อร่อยเจ้าก็ไปเสียเถอะ หลังจากนี้ไม่ต้องมาซื้อเนื้อของข้าก็พอ” จางซิ่วเอ๋อกล่าวขณะข่มโทสะไว้
จะขอบคุณฟ้าดินเป็นอย่างสูง ขออย่าให้คนผู้นี้มาอีกเลย
แต่ต่อให้ตอนนี้จางซิ่วเอ๋ออยากจะข่มโทสะไว้และให้เรื่องจบอย่างสงบ ทว่าคนผู้นี้กลับไม่อยาก
“ข้าบอกว่าเนื้อของพวกเจ้าไม่อร่อย! พวกเจ้าก็อย่ามาตั้งร้านที่นี่อีก! รีบไสหัวไปซะ!” คนผู้นั้นเอ่ยตาขวาง
จางซิ่วเอ๋อเอ่ยเสียงเย็น “เจ้ารู้สึกว่าไม่อร่อย แต่มีคนที่รู้สึกว่าอร่อยอยู่! อีกอย่างต่อให้ไม่อร่อยจริง ๆ จนเนื้อพวกนี้ขายไม่ออก ก็เป็นความเต็มใจของพวกเราที่จะขาดทุน! ไม่น่าจะเกี่ยวอะไรกับเจ้านะ!” จางซิ่วเอ๋อพูดอย่างโกรธเกรี้ยว
“คิดไม่ถึงว่าแม่นางน้อยอย่างเจ้าจะปากเก่งขนาดนี้! ข้าจะพูดไว้ตรงนี้เลยว่ารีบไสหัวไปซะ! หากคราวหน้าข้ายังเห็นพวกเจ้าตั้งร้านที่นี่ ข้าไม่เอาพวกเจ้าไว้แน่!” คนผู้นั้นทิ้งคำขู่ไว้
…………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
น่าเกลียดมาก เลือกเนื้อชิ้นใหญ่ไปกัดแล้วก็โยนทิ้ง มันน่าประเคนให้ซักหมัด คุณชายเนี่ยจัดการทีสิ
ไหหม่า(海馬)