ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวนบทที่ 355 คนงาม

บทที่ 355 คนงาม

ตอนที่​ 355 คน​งาม

แค่​ขาอ่อน​ครึ่ง​ท่อน​ จางซิ่ว​เอ๋อ​ย่อม​ไม่รู้สึก​ว่า​จะเป็นเรื่อง​อัน​ใด​

แต่​เถี่ย​เสวียน​ที่อยู่​ตรงข้าม​กองไฟ​ได้สติ​ก่อน​ใคร​ เขา​หัน​หนี​ทันที​และ​บ่นพึมพำ​ “ข้า​อยู่​ฝั่งตรงข้าม​กองไฟ​! อยู่​ฝั่งตรงข้าม​กองไฟ​! ข้า​ไม่เห็น​อะไร​ทั้งนั้น​! ไม่เห็น​อะไร​ทั้งนั้น​!”

ฟ้าดิน​เป็น​พยาน​ได้​ เขา​ไม่เห็น​อะไร​จริงๆ​!

ทั้ง​มีกองไฟ​คั่น​กลาง​ มีทั้ง​ควัน​ทั้ง​หมอก​ เขา​จะไปเห็น​อะไร​?

แต่​เขา​ก็​ต้อง​เอ่ย​ย้ำ​

เดี๋ยว​เจ้านาย​ตัวเอง​เข้าใจผิด​ไป ถึงตอนนั้น​….ลูกตา​ใสแจ๋ว​ของ​ตัวเอง​คง​ไม่รอด​!

เวลานี้​จางซิ่ว​เอ๋อ​ยัง​หายใจ​หอบ​ด้วย​ความตกใจ​ไม่หาย​

เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ลงมือ​ได้​ทันเวลา​มาก​ ถึงนาง​ไม่โดน​ไฟคลอก​ แต่​ก็​มีเสียขวัญ​อยู่​บ้าง​

เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ทอดสายตา​มอง​ต้นขา​จางซิ่ว​เอ๋อ​อย่าง​ละเอียด​

อย่า​เข้าใจผิด​ไป เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ย่อม​ไม่ใช่พวก​คน​ลามก​ ที่​เขา​มอง​นั่น​ก็​เพราะ​เป็นห่วง​เกินไป​จน​ทำ​อะไร​ไม่ถูก​ เขา​กังวล​เรื่อง​จางซิ่ว​เอ๋อ​ ไม่อย่างนั้น​เขา​จะเป็น​แบบนี้​ได้​อย่างไร​

จางซิ่ว​เอ๋อ​สัมผัส​ได้​ถึงสายตา​ร้อนผ่าว​ของ​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ จึงกระอักกระอ่วน​ขึ้น​มา

นาง​ไม่คิด​ว่า​การเผย​ต้นขา​เพียง​เล็กน้อย​จะเป็น​อะไร​ แต่​โดน​มอง​แบบนี้​นาง​เอง​ก็​ไม่สบายใจ​เท่าใด​นัก​

“พี่​ ไม่เป็นอะไร​ใช่ไหม​เจ้าคะ​” จางชุน​เถาถามด้วย​ความกังวล​เล็กน้อย​

จางซิ่ว​เอ๋อ​รีบ​บอก​ “ไม่เป็นไร​ ข้า​จะไปเปลี่ยน​เสื้อผ้า​เดี๋ยว​นี้แหละ​”

พูด​เสร็จ​ จางซิ่ว​เอ๋อ​ก็​เดิน​เข้าไป​ใน​ห้อง​

รอ​จน​จางซิ่ว​เอ๋อ​เปลี่ยน​ชุด​เสร็จ​และ​ออกมา​แล้ว​ กองไฟ​นั้น​ก็​เหลือ​เพียง​ขี้เถ้า​

จางชุน​เถาและ​จางซาน​ห​ยา​สอง​คน​กำลัง​หา​รวง​ข้าวสาลี​ที่​ย่าง​สุก​แล้ว​ใน​กองไฟ​

จางซิ่ว​เอ๋อ​จึงลืม​ความ​กระอักกระอ่วน​เล็ก​ๆ นั้น​ไปชั่วขณะ​ ขณะนี้​กำลัง​ถูรวง​ข้าวสาลี​กิน​อยู่​ เมื่อ​ครู่​มัน​ยัง​ร้อน​อยู่​นิดหน่อย​ตอนที่​วาง​บน​มือ​

“ซี้ด​….” จางซิ่ว​เอ๋อ​ครวญ​เบา​ๆ

เนี่ย​หย่วน​เฉียว​มอง​มาทันที​ด้วย​ความเป็นห่วง​เล็กน้อย​

รอ​จน​เห็น​ว่า​จางซิ่ว​เอ๋อ​ไม่เป็นไร​แล้ว​ สายตา​ของ​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ถึงได้​อ่อน​ลง​

รวง​ข้าวสาลี​ไหม้​จน​เป็น​สีดำ​ เมื่อ​หยิบ​มาถูเบา​ๆ เมล็ด​ข้าวสาลี​ข้างใน​ก็​จะเผย​ออกมา​ เม็ด​ข้าว​มีสีดำ​เล็กน้อย​ ทว่า​ส่งกลิ่นหอม​เตะจมูก​

พอ​เอา​เข้า​ปาก​ยิ่ง​ได้​รสชาติ​อันเป็น​เอกลักษณ์​

จางซิ่ว​เอ๋อ​กิน​ไปกิน​มาก็​ชัก​หยุด​ไม่ได้​

ดี​ที่​เอา​รวง​ข้าวสาลี​กลับมา​หนึ่ง​ตะกร้า​เต็ม​ แม่โจว​ออกแรง​กด​ให้​แน่น​ๆเพื่อ​ใส่มาให้​พวก​นาง​ได้​เยอะ​ๆ รวง​ข้าวสาลี​จึงมีพอ​กิน​

แน่นอน​ว่า​เถี่ย​เสวียน​ไม่ต้อง​ให้​จางซิ่ว​เอ๋อ​เรียก​ เขา​ใน​ตอนนี้​ไม่ขยะแขยง​แล้ว​ว่า​สกปรก​ ยื่นมือ​ออก​ไปหยิบ​รวง​ข้าวสาลี​ที่​เมื่อ​ครู่​จางชุน​เถาคุ้ย​ออก​มาจาก​กอง​ขี้เถ้า​ทันที​

จางชุน​เถาตาขวาง​ใน​บัดดล​ “อยาก​กิน​ก็​หา​เอา​เอง​”

“โถ่แม่คุณ​ชุน​เถา ให้​ข้า​ได้​ชิมหน่อย​นะ​ เดี๋ยว​ข้า​จะคืนให้​” เถี่ย​เสวียน​พูด​เสร็จ​ก็​ถูอย่าง​ทน​รอ​ไม่ไหว​ เป่าขี้เถ้า​ออก​เล็กน้อย​และ​เอา​เม็ด​ข้าว​เข้า​ปาก​

“หืม​ อร่อย​ขอรับ​เจ้านาย​ ท่าน​ชิมเร็ว​” เถี่ย​เสวียน​หันไป​มอง​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ประหนึ่ง​ขอ​ความดี​ความชอบ​

เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ย่อ​ตัว​ลง​ แงะเอา​รวง​ข้าวสาลี​สี่ห้า​อัน​ออกจาก​กอง​ขี้เถ้า​และ​เริ่ม​กิน​

จางซิ่ว​เอ๋อ​เหลือบมอง​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​

ท่าทาง​ของ​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​แล​ช่ำชอง​มาก​ ดู​ไม่เหมือน​เพิ่ง​เคย​กิน​ครั้งแรก​

จางซิ่ว​เอ๋อ​รู้สึก​ว่า​ตัวเอง​คิดมาก​ไปแน่ๆ​ เนี่ย​หย่วน​เฉียว​จะเคย​กิน​ของ​แบบนี้​ได้​อย่างไรเล่า​?

ทว่า​พริบตาเดียว​ จางซิ่ว​เอ๋อ​ก็​รู้สึก​ว่า​ใช่ว่า​จะเป็นไปไม่ได้​

เนี่ย​หย่วน​เฉียว​เหมือน​เป็น​ปริศนา​อย่างหนึ่ง​ เขา​ดู​ไม่เหมือน​คนธรรมดา​ทั่วไป​ แต่กลับ​ทำงาน​ชาวไร่​ได้​ช่ำชอง​

และ​ใช่ว่า​จะเป็นไปไม่ได้​ที่​เขา​จะเคย​กิน​รวง​ข้าวสาลี​

จางซิ่ว​เอ๋อ​คิด​มาถึงตรงนี้​ก็​ได้สติ​กลับมา​ เนี่ย​หย่วน​เฉียว​จะเคย​กิน​สิ่งนี้​หรือไม่​ก็​ไม่เกี่ยว​อะไร​กับ​ตน​นี่​

นาง​จะจริงจัง​ไปทำไม​

“อร่อย​มาก​” จู่ๆ เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ก็​พูด​ขึ้น​

ที่​เขา​พูด​คือ​ความจริง​ รสชาติ​นี้​ทำให้​เขา​นึกย้อน​ไปถึงเมื่อ​หลาย​ปีก่อน​ ใน​ค่ำคืน​เหมือนกับ​คืนนี้​ เขา​ได้​กิน​รวง​ข้าวสาลี​ย่าง​อย่างนี้​เช่นกัน​

เขา​นึก​ว่า​ชั่วชีวิต​นี้​ตัวเอง​ก็​คง​ไม่สามารถ​รู้สึก​สงบ​เฉกเช่น​ตอนนั้น​ได้​อีกแล้ว​ คิดไม่ถึง​ว่า​จะได้​รื้อฟื้น​ความรู้สึก​นี้​อีก​

จางซิ่ว​เอ๋อ​เอ่ย​ขึ้น​ “ก็​ต้อง​อร่อย​อยู่แล้ว​ ข้า​เสีย​กระโปรง​ไปหนึ่ง​ตัว​เพราะ​รวง​ข้าวสาลี​นี่​เลย​นะ​”

นาง​แค่​พูด​ไปอย่างนั้น​ แต่​พอ​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ได้ยิน​แบบนี้​กลับ​รู้สึก​อึดอัด​นิดหน่อย​

เมื่อ​ครู่​เขา​เพิ่ง​ฉีก​กระโปรง​จางซิ่ว​เอ๋อ​…..จนขา​ด…..​

ความคิด​นี้​วน​อยู่​ใน​หัว​ของ​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ จน​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​หน้าแดง​เล็กน้อย​

“เจ้านาย​ ท่าน​เป็นไข้​หรือ​ขอรับ​” เถี่ย​เสวียน​นั่น​ติดกับ​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​จึงเห็น​ เขา​พูด​พลาง​ยื่นมือ​ไปแตะ​หน้าผาก​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​

เขา​ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง​แบบนี้​จน​ชิน​แล้ว​ กิริยาท่าทาง​ก็​ไหล​ลื่น​ไม่ติดขัด​

แต่​ขณะที่​มือ​ของ​เถี่ย​เสวียน​แตะ​ลง​ไปบน​หน้า​ของ​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ก็​กวาดสายตา​มอง​ไป “หุบปาก​”

จางซิ่ว​เอ๋อ​มอง​ด้วย​ความ​อยากรู้อยากเห็น​ “เป็น​อะไร​หรือ​?”

เวลานี้​เถี่ย​เสวียน​ก็​อยากรู้​ว่า​เป็น​อะไร​ไป เขา​ทำ​อะไร​ผิด​ให้​เจ้านาย​ตัวเอง​ต้อง​โกรธ​ แต่​ก็​ดูเหมือน​จะไม่ได้​ทำ​นี่​

แต่​ตอนนี้​เขา​ไม่กล้า​ถามไปแบบ​นั้น​

เขา​ได้​แต่​ตอบ​เสียง​แห้ง​ๆ “ไม่เป็นอะไร​”

ตอนนี้​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ไม่มีกะ​จิต​กะ​ใจจะไปห่วงใย​เถี่ย​เสวียน​ที่​เสียความรู้สึก​ กลับ​ทอดสายตา​ไปที่​จางซิ่ว​เอ๋อ​

พอ​ตั้งใจ​ดูดี​ๆ เนี่ย​หย่วน​เฉียว​กลับ​พบ​ว่า​จริงๆ​ แล้ว​จางซิ่ว​เอ๋อ​นั้น​หน้าตา​ดี​ตั้งแต่​เกิด​

เทียบ​กับ​ตอน​พบกัน​ครั้งแรก​ ตอนนี้​นาง​มีเนื้อมีหนัง​ขึ้น​มาก​ สายตา​เป็นประกาย​ดุจ​ดวงดาว​ สีผิว​ก็​หาย​หมอง​คล้ำ​ลง​ไปมาก​ กลับ​ดู​ขาวผ่อง​มากขึ้น​

หน้า​เรียว​เล็ก​ คิ้ว​โค้ง​ ริมฝีปาก​เป็น​กระจับ​สีชมพู​ระเรื่อ​ ไม่ถือว่า​โดดเด่น​มาก​ แต่​เมื่อ​รวม​เข้าด้วยกัน​โดย​ไร้​ซึ่งเครื่อง​ประทิน​โฉมก็​ให้​ความรู้สึก​สดใส​ไปอีก​แบบ​

โดยเฉพาะ​ตอนที่​นาง​พูด​ ท่าทาง​กระฉับกระเฉง​นั่น​ประหนึ่ง​นก​น้อย​ที่​แสน​จะมีความสุข​

นาง​ไม่เหมือนกับ​บรรดา​คุณหนู​ตระกูล​ใหญ่​ ไม่รู้จัก​การยิ้ม​ไม่เห็น​ฟัน​เดิน​ไม่เห็น​เท้า​ แต่​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​กลับ​สัมผัส​ได้​ถึงความจริงใจ​อีก​แบบ​

เนี่ย​หย่วน​เฉียว​มอง​ไปมอง​มาก็​เริ่ม​ตาค้าง​

จางซิ่ว​เอ๋​ออด​ปาดหน้า​ตัวเอง​ไม่ได้​ “เจ้ามอง​ข้า​ทำไม​? หน้า​ข้า​เปื้อน​ขี้เถ้า​รึ​?”

ตอนแรก​ไม่เปื้อน​ แต่​พอ​โดน​จางซิ่ว​เอ๋อ​ปาด​ก็​กลายเป็น​ว่า​เปื้อน​

เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ได้สติ​กลับมา​ และ​เอ่ย​ขึ้น​ทันที​ “เปื้อน​ขี้เถ้า​”

เขา​ตอบ​โดย​ไม่มีสติ​เลย​สักนิด​

หลังจาก​กิน​รวง​ข้าวสาลี​แล้ว​ ทุกคน​ก็​ล้างมือ​และ​แยกย้าย​กัน​กลับ​ห้อง​

เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ยืน​อยู่​หน้า​ประตู​ มอง​จน​จางซิ่ว​เอ๋อ​เข้า​ห้อง​ไปถึงยอม​หันหลัง​เข้า​ห้อง​

เมื่อ​เข้า​มาถึงใน​ห้อง​แล้ว​ เขา​ก็​อด​มอง​ไปทาง​ห้อง​ของ​จางซิ่ว​เอ๋อ​ไม่ได้​

เถี่ย​เสวียน​เขยิบ​ตัว​เข้ามา​ “เจ้านาย​ มอง​อะไร​อยู่​หรือ​?”

เนี่ย​หย่วน​เฉียว​หัน​กลับมา​มอง​เถี่ย​เสวียน​พลาง​กล่าว​ “คน​งาม”

ขณะนั้น​เถี่ย​เสวียน​กำลัง​หยิบ​น้ำ​ถ้วย​หนึ่ง​ขึ้น​มาดื่ม​อยู่​ ครั้น​เขา​ได้ยิน​มาถึงตรงนี้​ก็​แทบ​พ่น​น้ำ​ออกมา​ ข่มอารมณ์​อยู่​ครู่หนึ่ง​ถึงกลืน​น้ำลง​ไปได้​ และ​อดทน​วาง​ถ้วย​ให้​ดี​

หลังจากนั้น​ถึงได้​ถอนหายใจ​อย่าง​โล่งอก​….ดี​นะ​ที่​ไม่พุ่ง​ออกมา​

จากนั้น​เขา​ก็​ถามอย่าง​ไม่อยาก​จะเชื่อ​ “เจ้านาย​ เมื่อ​ครู่​ท่าน​บอ​กว่า​มอง​อะไร​นะ​ขอรับ​? คน​งาม? ทำไม​ข้า​ถึงไม่เห็น​ล่ะ​?”

เนี่ย​หย่วน​เฉียว​มอง​เถี่ย​เสวียน​อย่าง​มีความหมาย​

เถี่ย​เสวียน​เหมือน​จะอ่าน​ความหมาย​บางอย่าง​ออกจาก​สายตา​ของ​เนี่ย​หย่วน​เฉียว​ เวลานี้​จึงพูด​ด้วย​ความประหลาดใจ​ “คือ​ว่า​…..เจ้านาย​ อย่า​บอก​นะ​ขอรับ​ว่า​ คน​งามที่​เจ้านาย​พูดถึง​คือ​….จางซิ่ว​เอ๋อ​?”

………………………………………………………………………………………………………………

สาร​จาก​ผู้แปล​

คน​งาม…บ้า​ บ้า​ที่สุด​ เขิน​ไปหมด​แล้ว​นะ​

เอาจริง​คุณชาย​เนี่ย​ก็​โรแมนติก​อยู่​น้า​ ซิ่ว​เอ๋อ​ไม่สนใจ​เหรอ​

ไหหม่า​(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset