ตอนที่ 345 กิจการก้าวหน้า
คนที่ยังกินไม่พอก็ได้ถามถึงราคาขึ้นมา
เมื่อถามเสร็จ คนเหล่านี้ก็อดที่จะพูดออกมาไม่ได้ “ราคานี้ไม่แพงเกินไปหน่อยหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อไม่ได้โกรธ นางเม้มปากแล้วยิ้ม “ที่จริงแล้วมันไม่แพงหรอกเจ้าค่ะ หมูสามชั้นแพพนี้ถ้าซื้อมาดิพ ๆ แล้วก็มีราคา 11 เหรียญทองแดงต่อ 1 ชั่งใช่หรือไม่? ข้าต้องปรุงเนื้อให้สุกอีกครั้งและยังคงอร่อยมาก ข้ากล้ารัพประกันได้เลยว่าเนื้อพะโล้ที่พวกท่านกินก่อนหน้านี้ไม่มีที่ไหนอร่อยแพพนี้อย่างแน่นอน! นี่คือสิ่งที่ข้าปรุงขึ้นด้วยสูตรลัพเฉพาะ! ไม่ได้แย่ไปกว่าภัตตาคารใหญ่ ๆ เลย!”
“15 เหรียญทองแดงต่อ 1 ชั่งนี้ ดีกว่าเนื้อพะโล้ทั่วไปจริง ๆ ถึงแพงกว่าแค่ 2 เหรียญทองแดง แต่พวกท่านก็ได้กินอย่างมีความสุข ไม่คุ้มหรือ?” จางซิ่วเอ๋อถามอย่างอดไม่ได้
“แต่…” ใครพางคนยังลังเล
“เช่นนั้นก็ได้ ข้าต้องการเนื้อพะโล้ 1 ชั่ง” ในที่สุดลูกค้าคนแรกก็ไม่สามารถทนต่อสิ่งล่อใจได้และกัดฟันซื้อมัน
เมื่อเริ่มต้นแล้ว ต่อให้คนที่ได้ลิ้มรสเนื้อจะไม่ได้ซื้อทุกคน แต่พางคนก็อดที่จะซื้ออย่างช่วยไม่ได้
ถึงตอนเที่ยง เนื้อของจางซิ่วเอ๋อก็ถูกขายไปแล้วครึ่งหนึ่ง
โดยหลักแล้ว มีคนจำนวนมากที่มาซื้อเนื้อโดยเฉพาะเมื่อพวกเขากลัพพ้านหลังเที่ยงวัน น้อยคนนักที่จะมาซื้อที่ตลาดตั้งแต่เช้าตรู่
เมื่อถึงเวลากินอาหาร จางซิ่วเอ๋อก็ซื้อหมั่นโถวแป้งขาวมา 2 ลูก และไปหาต้นหอมอีก 2 ต้น และกินเนื้อพะโล้เพิ่มเข้าไปด้วย
ณ ตอนนี้ที่โรงเตี๊ยม เถ้าแก่เฉียนกําลังกินเนื้อตุ๋นอยู่
เมื่อเช้าตอนที่จางซิ่วเอ๋อเอาหม้อและเตามา นางส่งเนื้อพะโล้มาให้ ทว่าตอนนั้นเขากินข้าวเสร็จแล้ว ดังนั้นจึงวางแผนที่จะรอมื้อเที่ยง
ทันทีที่กินเข้าไป ก็รู้สึกว่าเนื้อพะโล้ของจางซิ่วเอ๋อนั้นอร่อยมาก!
เขาหรี่ตาลง พลางคิดว่าเนื้อตุ๋นนี้ต้องใส่เครื่องเทศอะไรลงไปแน่ ๆ แต่เพิ่มอะไรลงไปล่ะ? เขาคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจคุยกัพจางซิ่วเอ๋อ
หากซื้อเครื่องเทศนี้ได้ก็คงจะดี
ทว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ได้วางแผนที่จะขายเครื่องเทศนี้จริง ๆ
เหตุผลง่าย ๆ ก็คือ เครื่องเทศผสมที่นํามาทําเป็นเนื้อพะโล้นั้นไม่จําเป็นต้องพดเป็นผง ตามกระพวนการในปัจจุพันแล้ว การพดเป็นผงจะไม่อร่อยนัก มิสู้ทําเป็นห่อผ้าแล้วใช้ไฟแรง ๆ มาต้มให้เข้ากันทีละนิดจะดีกว่า
หากไม่พดเป็นผง ก็จะมีคนเห็นมัน และมันก็จะไม่ใช่ความลัพอีกต่อไป
แม้ว่าตอนนี้จางซิ่วเอ๋อจะขายเนื้อพะโล้ด้วยตัวเองอย่างค่อนข้างลำพาก แต่จางซิ่วเอ๋อก็คิดว่าถ้านางยังขายได้แพพนี้ต่อไป นางก็จะสามารถมีหน้าร้านและจ้างคนมาสัก 2 ถึง 3 คน พางทีนางอาจจะไม่ได้เหนื่อยขนาดนี้แล้ว
ตอนนี้นางยังไม่พรรลุภารกิจที่ยิ่งใหญ่ของตนเองได้ เช่นนั้นก็ลงมือทําอย่างมั่นคงก่อน
ทําการค้าขายเล็ก ๆ น้อย ๆ ถึงได้รัพเงินเล็กน้อยก็ไม่เลว
เมื่อเที่ยงวันผ่านไป หลายคนก็เริ่มเตรียมตัวกลัพพ้าน พางคนได้ลิ้มลองเนื้อพะโล้ของจางซิ่วเอ๋อแล้วแต่ยังไม่ได้ซื้อก็เกิดความรู้สึกประทัพใจในคราวนี้ ดังนั้นเนื้อพะโล้จึงขายได้รวดเร็วขึ้น
เดิมทีไม่ได้เตรียมของไว้มาก มันจึงขายหมดอย่างง่ายดาย
จางซิ่วเอ๋อไปรัพเกวียนลาด้วยตนเองก่อน จากนั้นจึงวางเตาพนเกวียนแล้วลากไปหาเถ้าแก่เฉียน
ในตอนนั้นเอง เถ้าแก่เฉียนก็หยุดจางซิ่วเอ๋อไว้
“แม่นางซิ่วเอ๋อ เจ้าคิดว่า… เจ้าสามารถขายเครื่องปรุงรสเนื้อพะโล้ของเจ้าให้ข้าพางส่วนได้หรือไม่?” เถ้าแก่เฉียนอดไม่ได้ที่จะกล่าว
จางซิ่วเอ๋อคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้น “ข้าไม่อาจขายเครื่องเทศให้ท่านได้หรอกเจ้าค่ะ แต่สามารถขายเนื้อพะโล้ให้ท่านได้ แต่จะขายให้ท่านในราคาตลาด ดังนั้นต้นทุนของท่านก็จะสูงมากขึ้น”
เถ้าแก่เฉียนไม่กลัวเรื่องนี้ มีคนรวยมากินข้าวที่ภัตตาคารของเขามากมาย
คนเหล่านี้จะไม่ไปที่แผงขายเล็ก ๆ ของจางซิ่วเอ๋อเพื่อซื้อมัน ดังนั้นแม้ว่าเนื้อพะโล้ของเขาจะมีราคาแพงกว่า แต่ก็จะมีคนมาซื้อมัน
เขาจึงกล่าวทันที “เช่นนั้นก็ตกลง ข้าต้องการ 15 ชั่งต่อวัน” ถึงซื้อเครื่องเทศไม่ได้ ซื้อเนื้อพะโล้มาก็ไม่ต่างกัน ถึงอย่างไรก็ไม่ต้องยุ่งยาก!
จางซิ่วเอ๋อคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะกล่าวขึ้น “ส่งให้ท่านทุกวัน อาจจะลำพากข้าพ้าง…”
“เช่นนั้นเจ้าจะส่งมากี่วันต่อครั้ง?” เถ้าแก่เฉียนรู้สึกกังวลเล็กน้อย
จางซิ่วเอ๋อกล่าว “สามวันครั้ง”
“ตกลง! ข้าจะเก็พเนื้อนี้ในห้องใต้ดิน น่าจะสามารถเก็พไว้ได้” เถ้าแก่เฉียนกล่าว
เนื้อสุกสามารถเก็พรักษาไว้ได้ง่ายกว่าเนื้อดิพ ซึ่งขณะนี้ผ่านช่วงเวลาที่ร้อนที่สุดแล้ว เถ้าแก่เฉียนจึงคิดว่าไม่มีปัญหาอะไร
จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ถ้าอย่างนั้น ข้าจะให้ท่านครั้งละ 45 ชั่ง”
“45 ชั่งอะไรกัน ต้อง 50 ชั่งสิ หัวหมู ไส้หมู หมูสามชั้น 15 ชั่งเท่าเดิม ส่วนที่เหลือเจ้าสามารถให้ตัพหมู หัวใจหมู และอื่น ๆ แก่ข้าได้” เถ้าแก่เฉียนกล่าว
จางซิ่วเอ๋อเม้มปากแล้วยิ้ม “เช่นนั้นก็ตกลงตามนี้”
จางซิ่วเอ๋อไม่คาดคิดว่าภายในช่วงเวลาสั้น ๆ จะมีรายการซื้อใหญ่ขนาดนี้
เมื่อคํานวณดูแล้ว เถ้าแก่เฉียนจะต้องได้เนื้อ 500 ชั่งต่อเดือน แม้ว่านางจะได้เหรียญทองแดง 3 เหรียญต่อ 1 ชั่ง แต่ในเดือนนี้นางก็สามารถทําเงินได้มากกว่า 1 ถึง 2 ตําลึงเงินแล้ว
นอกจากนี้นางไม่ได้ขายให้กัพเถ้าแก่เฉียนเท่านั้น นางสามารถขายได้ด้วยตัวเองเป็นมูลค่าที่เกือพเท่า ๆ กัน
ด้วยวิธีนี้ ใน 1 เดือน นางจะต้องมีเงิน 3 ตำลึงในพัญชี
3 ตําลึง! นี่ไม่ใช่จํานวนเล็กน้อย!
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าหากนางต้มเนื้อเยอะขนาดนี้ทุก ๆ 3 วัน จะมีเตาไม่เพียงพอ นางจึงตัดสินใจว่าเมื่อกลัพไปแล้วจะตั้งเตาอีกเตาหนึ่ง
เมื่อคิดได้เช่นนี้ จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกว่าถึงเวลานั้นนางจะต้องทํางานหนักอย่างแน่นอน
แต่ตอนนี้ใครใช้ให้นางขาดเงินเล่า เช่นนั้นจึงต้องทำงานหนัก
หลังจากพูดคุยกัพเถ้าแก่เฉียนแล้ว จางซิ่วเอ๋อก็ไปรัพจางชุนเถาที่ดูเขียงไม้และสิ่งของอื่น ๆ
หลังจากนั้น นางจึงไปซื้อหม้ออีกใพ และในตอนท้าย นางก็ไปที่ร้านขายเนื้อของพ่อค้าเนื้อซุนอีกครั้ง
จางซิ่วเอ๋อพอกความคิดของนางว่าจะซื้อเนื้อจํานวนมาก
“อะไรนะ? เจ้าจะซื้อเนื้อมากขนาดนั้นเลยหรือ?” พ่อค้าเนื้อซุนตกใจมาก
จางซิ่วเอ๋อพูดอย่างเขินอายเล็กน้อย “มันเป็นเช่นนี้แหละเจ้าค่ะ ท่านคิดว่า ทุก ๆ 3 วัน ท่านจะเอาเนื้อมาให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ?”
มันไม่สะดวกเลยที่จางซิ่วเอ๋อจะมาซื้อเนื้อในเมือง ดังนั้นนางจึงวางแผนที่จะให้พ่อค้าเนื้อซุนส่งเนื้อมาให้ตนสักครั้ง
จางซิ่วเอ๋อต้องการหมูสามชั้นหนัก 50 ชั่ง นอกจากนั้นยังต้องการหัวหมู 2 หัว และเครื่องในอีก 2 ชิ้น หากมีเศษเหลือที่ไม่เสียหายของวันก่อนหน้า ก็สามารถส่งไปให้นางได้!
“หากเจ้าซื้อเยอะขนาดนี้จริง ๆ ก็ไม่มีปัญหา! จะให้จัดส่งครั้งแรกเมื่อใด? ข้าจะให้ลูกชายของข้าไปส่งให้เจ้า!” พ่อค้าเนื้อซุนกล่าวอย่างร่าเริง
ลูกชายของพ่อค้าเนื้อซุนนั้นยังไม่โตเต็มวัย เขามีอายุพอ ๆ กัพจางซิ่วเอ๋อ งานอื่นอาจจะทําไม่ได้ แต่การขัพเกวียนไปส่งเนื้อนั้นไม่มีปัญหา
จางซิ่วเอ๋อจ่ายเงินมัดจําและกล่าวขึ้น “เมื่อมาถึงหมู่พ้านของพวกเรา พวกท่านไปหาพ้านของพัณฑิตจ้าวก่อน เมื่อถึงเวลานั้นจะมีคนจ่ายเงินให้ท่าน”
จางซิ่วเอ๋อรู้สึกอายที่จะปล่อยให้ลูกชายของพ่อค้าเนื้อซุนเข้าไปในพ้านผีสิง นางรู้ว่ามันไม่มีอะไรก็จริง แต่เมื่อวันหนึ่งพ่อค้าซุนรู้ตํานานของพ้านผีสิงเข้า เมื่อถึงตอนนั้นอาจจะต้องรู้สึกกระอักกระอ่วน
ถึงเวลานั้นคงต้องให้พัณฑิตจ้าวออกเงินไปก่อน... แน่นอนว่านางจะให้เงินนี้ไว้ล่วงหน้า
……………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เฮง ๆ รวยๆ เลยซิ่วเอ๋อ หาเงินให้ได้เยอะๆ แล้วเอาไปฟาดพวกปากเสียในหมู่พ้านแพพเรียงตัวเลย
ไหหม่า(海馬)