ตอนที่ 344 ให้ชิมเปล่า
ไม่ต่างอะไรจากได้รับมาเปล่า ๆ?
ตอนนี้ตรงกับมื้ออาหารกลางวันของวันนี้พอดี
และนางก็ได้กลิ่นเนื้อโชยมาแต่ไกล กลิ่นหอมเช่นนี้คงรสชาติดีไม่น้อย
แม่เฒ่าซ่งถือเนื้อไว้ในมือ เดิมทีนางต้องการจะเก็บไว้กินในมื้อกลางวัน แต่นางอดไม่ได้ที่จะหั่นมันออกมาชิมสักหน่อย ขณะที่นางใส่มันเข้าปากแล้วลิ้มรส นางก็แทบจะครางออกมาอย่างไม่ได้ศัพท์
นางชิมอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะกลืนลงไป แล้วเอ่ยพึมพำ “ไม่นึกเลยว่าจางซิ่วเอ๋อแม่ม่ายตัวน้อยนี้จะมีฝีมือยอดเยี่ยมเช่นนี้”
นางมองดูเนื้อบนโต๊ะก่อนจะกินอีกหนึ่งคำ แล้วจากนั้นจึงกลั้นใจอย่างหนักเพื่อที่จะไม่กินต่อ
รอจนกระทั่งถึงมื้อเที่ยง เดี๋ยวตาเฒ่าและลูกชายกลับมาแล้วค่อยกินข้าวพร้อมกัน
จางซิ่วเอ๋อยังเดินทางต่อ นางได้รับความสนใจจากผู้คนมากมาย
มีคนสังเกตเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อหยุดพูดคุยกับแม่เฒ่าซ่ง และแม่เฒ่าซ่งซื้อของบางอย่าง ดังนั้นพวกเขาจึงอดไม่ได้ที่จะมาหาแม่เฒ่าซ่งเพื่อสอบถาม
“บนเกวียนลาของจางซิ่วเอ๋อมีสิ่งใด?” แม่เฒ่าหลิวถามขณะยืนอยู่นอกรั้ว นางมองแม่เฒ่าซ่งที่อยู่ในบ้านอย่างไม่วางตา
แม่เฒ่าซ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ “เนื้ออย่างไรล่ะ”
“เนื้อ?” แม่เฒ่าหลิวเอ่ยอย่างไม่เข้าใจ
แม่เฒ่าซ่งพูดต่อด้วยรอยยิ้ม “นางจะเอาเนื้อไปขายในเมือง ข้าได้กลิ่นแล้วคิดว่ารสชาติดีเลยซื้อมาชิ้นหนึ่ง ไม่ต้องพูดเลย รสชาติมันช่างยอดเยี่ยมนัก”
แม่เฒ่าหลิวมองแม่เฒ่าซ่งอย่างอิจฉา ตระกูลซ่งเพียงแค่อยากกินเนื้อก็สามารถหาซื้อได้ง่ายดาย
นางพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาพร้อมพูดต่อ “เนื้อของแม่ม่ายน้อย ระวังกินแล้วจะต้องพบเจอโชคร้าย!”
แต่แม่เฒ่าซ่งกลับไม่เห็นด้วย หากให้นางซื้อเนื้อ นางย่อมไม่ซื้อแน่ แต่เพราะได้มันมาเปล่า ๆ นางจึงสนใจ
นอกจากนี้จางซิ่วเอ๋อส่งอาหารมาที่บ้านตั้งกี่ครั้งแล้ว? พวกเขาก็รับประทานกันอยู่เสมอ ก็ไม่เห็นจะมีผู้ใดเป็นอะไร?
“บางคนต้องการโชคร้าย แต่ดูเหมือนว่าพวกเขาจะทำไม่ได้!” แม่เฒ่าซ่งกล่าวเยาะเย้ยอย่างลับ ๆ
แม่เฒ่าหลิวลอบรำพึงในใจ นางจ้องมองแม่เฒ่าซ่งหลายครั้งพร้อมคิดในใจว่าสามีของแม่เฒ่าซ่งคือผู้ใหญ่บ้านซ่ง เขาจะแบ่งที่ดินใหม่ในฤดูใบไม้ผลิครั้งหน้า นางจึงไม่อาจรุกรานแม่เฒ่าซ่งในเวลานี้ได้ จึงต้องยอมจากไปพร้อมความอับอาย
แม่เฒ่าหลิวอดไม่ได้ที่จะสาปแช่งแม่เฒ่าซ่งอย่างรุนแรงอยู่ในใจ
อิ๋งเค่อจวีอยู่ไม่ไกลจากทางเข้าเมืองนัก หลังจากที่จางซิ่วเอ๋อขนฟืนลง นางก็ขับเกวียนลาไปหยิบเตา และขอให้จางชุนเถาฝากลาให้ทางอิ๋งเค่อจวีเพื่อให้มีใครดูแลมัน
ตัวนางเองก็ตั้งร้านอยู่ไม่ไกลจากทางเข้านัก
ในเวลานี้ มีแผงขายของอยู่เต็มสองข้างทางแล้ว บางร้านก็ขายบะหมี่หยางชุน บางร้านขายเกี๊ยว บางร้านขายซาลาเปา และอื่น ๆ
พวกเขาเห็นจางซิ่วเอ๋อกำลังตั้งร้าน และบางคนก็จับจ้องมองจางซิ่วเอ๋อด้วยความสงสัย
ข้างร้าน จางซิ่วเอ๋อได้แขวนป้ายผ้าที่มีคำว่า ‘เนื้อพะโล้แม่จาง’ ติดอยู่
มีแผงลอยไม่กี่ร้านที่มีป้ายชื่อเหมือนกับร้านของจางซิ่วเอ๋อ
เพราะบรรดาผู้ที่สามารถกินอาหารที่นี่ได้ ส่วนใหญ่แล้วไม่มีการศึกษา
พวกเขาสามารถกินอะไรก็ได้ที่ตนต้องการ
แต่จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่านางต้องมีชื่อร้าน เพื่อที่ว่าเมื่อมีคนพูดถึงเนื้อพะโล้ พวกเขาจะนึกถึงร้านแม่จาง นางไม่ได้คิดชื่อร้านที่ยุ่งยากมากนัก นี่ก็เพื่อให้ทุกคนจดจำได้โดยง่ายขึ้น
อักษรเหล่านี้เขียนด้วยฝีมือของบัณฑิตจ้าว แน่นอนว่ามันไม่ได้สง่างามและแข็งแกร่งดั่งเช่นของเนี่ยหย่วนเฉียว แต่อย่างไรมันก็ให้ความรู้สึกกระจ่างชัด
ท้ายที่สุดแล้วบัณฑิตจ้าวก็เป็นคนที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นบัณฑิต ยากที่จะกล่าวว่าต้องเขียนอักษรอย่างไร
สำหรับจางซิ่วเอ๋อนั้น? นางไม่กล้าที่จะใช้ลายมือไก่เขี่ยเพื่อสร้างความอับอายให้ตัวเองหรอก
จางซิ่วเอ๋อจุดไฟเพื่อให้แน่ใจว่าพะโล้ของนางจะไม่เย็นชืด จากนั้นจึงหยิบตาชั่งที่ซื้อไว้ก่อนหน้าออกมาตั้ง นางมองผู้คนเดินผ่านไปมาแล้วจึงเริ่มตะโกน “ชิมเปล่าไม่คิดเงิน! ชิมเปล่าไม่คิดเงินเจ้าค่ะ!”
จางชุนเถากลับมาถึงพอดีในเวลานี้ นางได้ยินเช่นนั้นดวงตาถึงกับเบิกกว้าง “พี่หญิง! ท่านพูดว่าอะไรนะ? ให้ชิมเปล่าอย่างนั้นหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อตอบอย่างรวดเร็ว “ไม่ต้องกังวล ข้ามีเหตุผลที่ทำเช่นนี้”
แน่นอนว่าจางชุนเถาย่อมไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางจึงต้องแจกจ่ายเนื้อพะโล้นี้ออกไปโดยเปล่าประโยชน์ แต่ในช่วงแรก สิ่งที่นางต้องการไม่ใช่เพียงขายเนื้อเท่านั้น สิ่งที่สำคัญกว่าคือการขายชื่อเสียง
หลังจากที่ทุกคนได้ชิมเนื้อแล้ว บางคนจะเขินอายที่จะกินเปล่าแล้วจึงซื้อมันจริง ๆ และจะมีบางคนที่อดไม่ได้ที่จะซื้อเพราะของสิ่งนี้มันอร่อยเกินไป
ส่วนคนที่เหลือ หากพวกเขาไม่ซื้อก็ไม่เป็นไร แม้ไม่ซื้อแต่หากได้ชิมแล้วอร่อย ในอนาคตพวกเขาย่อมมีเงินมาซื้อแน่!
นางไม่ได้ต้องการให้คนเหล่านี้กินได้มากเท่าที่ต้องการ นางเพียงให้หนึ่งชิ้นต่อหนึ่งคน!
จำนวนคนสำคัญที่สุด นางสามารถทำให้คนกินเนื้อเหล่านี้ต่อแถวกันจนยาวเหยียดได้ และคนที่ผ่านไปผ่านมาก็จะยิ่งสนใจอยากร่วมสนุกด้วย!
จางชุนเถากล่าวคำอย่างเขินอายเมื่อได้ยินเช่นนั้น “ข้าคงกังวลมากเกินไป พี่หญิงใหญ่ จากนี้ข้าจะเชื่อฟังท่านและทำตามที่ท่านบอกกล่าว”
จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้าเอาเขียงขึ้นมาวางบนโต๊ะแล้วหั่นเนื้อเป็นชิ้น ๆ ไม่บางและไม่หนาจนเกินไป แค่หั่นตามขนาดของชิ้นเนื้อที่พวกเรามักใช้ทำอาหาร”
“ไส้หมูพวกนั้นก็เช่นกัน ข้าหยิบมันออกมาและสับไว้เรียบร้อยแล้ว ทุกคนสามารถชิมได้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น แต่หากพวกเขาซื้อเนื้อเกินครึ่งชั่ง ก็จะสามารถลองชิมคำอื่น ๆ เพิ่มได้!” จางซิ่วเอ๋อกล่าว
แม้จางชุนเถาจะรู้สึกไม่สบายใจนัก แต่นางก็รู้ตัวว่าต้องเชื่อฟังคำพูดของพี่สาว และนางก็ทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดด้วย
สักครู่หนึ่งจึงมีคนเดินเข้ามาพร้อมถามออกมาอย่างลังเล “ชิมได้จริง ๆ งั้นหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อยกยิ้ม “ท่านป้าไม่ต้องกังวลไป หากท่านไม่มีเงินก็สามารถชิมได้เจ้าค่ะ!” จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ถ้า… ถ้าอย่างนั้น… ก็… ขอข้าชิมหน่อย” สตรีผู้นั้นมองดูเนื้อบนเขียงก่อนจะกล่าวติดขัดอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้
จางชุนเถาเก็บความขุ่นเคืองใจเอาไว้ภายใต้ใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ท่านป้าอยากลองชิมแบบไหนหรือเจ้าคะ?”
“เนื้อ!” สตรีผู้นั้นคนนั้นขอชิมเนื้ออย่างไม่ลังเล
จางชุนเถาเลือกชิ้นเนื้อไม่หนาไม่บางพร้อมกับเสียบไม้ยื่นให้สตรีผู้นั้น
แท่งไม้ไผ่นี้จางซิ่วเอ๋อเป็นคนเหลา ในตอนแรกจางชุนเถาก็ไม่เข้าใจว่าทำไม แต่ในตอนนี้นางรู้แล้วว่านางกำลังจะยื่นเนื้อให้ลูกค้า ไม่จำเป็นต้องให้จางซิ่วเอ๋อพูดอะไร นางก็เข้าใจได้ทันทีว่าแท่งไม้ไผ่นี้มีไว้สำหรับสิ่งใด
สตรีผู้นั้นคว้าเนื้อใส่ปากของตน จากนั้นนางเผยสีหน้าพึงพอใจออกมา
“อะ… อร่อยนัก” สตรีผู้นั้นกล่าวอย่างตื่นเต้น
“เช่นนั้นข้าไปแล้วนะ?” จากนั้นนางจึงกล่าวอย่างกังวลเล็กน้อยเมื่อคิดว่าตนต้องจ่ายเงิน
จางซิ่วเอ๋อยิ้ม “ตามสบายเถิดเจ้าค่ะ ถ้าคราวหน้าท่านอยากกินอีกก็มาซื้อได้นะเจ้าคะ!”
สตรีผู้นั้นก้าวออกไปสองสามก้าวก่อนที่จะรู้สึกผ่อนคลายลง
บางคนที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างก็ได้เห็นแล้วว่าเป็นเรื่องจริง นอกจากนี้จางซิ่วเอ๋อและจางชุนเถายังเป็นเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เพียงสองคน ทั้งสองไม่มีความสามารถที่จะฉุดรั้งการจากไปของพวกเขา ดังนั้นทุกคนจึงคลายความกังวลและกล้าเดินตรงเข้าไปชิม
เพียงเวลาไม่นาน แถวก็เริ่มตั้งยาว
เนื้อของจางซิ่วเอ๋อนั้นอร่อยมาก บางคนมาเพียงเพราะต้องการเอาเปรียบแล้วจากไปเท่านั้น แต่เมื่อพวกเขาได้กัดกลืนมันลงไป ขาทั้งสองข้างก็กลับขยับไม่ได้
……………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
ธุรกิจไปได้สวยทีเดียว น่าภูมิใจแทนจริง ๆ ค่ะ
ไหหม่า(海馬)