ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวนบทที่ 343 ขายเนื้อพะโล้

บทที่ 343 ขายเนื้อพะโล้

ตอนที่​ 343 ขาย​เนื้อ​พะโล้​

แน่นอน​ว่า​หาก​ทั้งหมด​นี้​เพื่อ​ตัวนาง​เอง​ จางซิ่ว​เอ๋อ​สามารถ​ซื้อ​ได้​มาก​เท่าที่​นาง​ต้องการ​ แต่​เขา​ทน​ไม่ได้​ที่จะ​มอง​จางซิ่ว​เอ๋อ​ซื้อ​ของ​มากมาย​โดยที่​ตัว​เขา​ไม่สามารถ​ทำได้​ ดังนั้น​เขา​จึงแค่​กล่าวเตือน​

จางซิ่ว​เอ๋อ​มอง​พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​ด้วย​รอยยิ้ม​ ทุกคน​มัก​บอ​กว่า​พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​นั้น​ดุร้าย​ แต่​ตอนนี้​นาง​กลับ​รู้สึก​ว่า​พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​นั้น​ใจดี​ยิ่ง​

จางซิ่ว​เอ๋อ​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ข้า​ไม่ได้​จะซื้อ​ไป​กิน​เอง​ ครั้งนี้​ข้า​ต้องการ​ทำการค้า​เล็ก​ ๆ เกี่ยวกับ​เนื้อ​ปรุง​สุก​”

เมื่อ​กล่าวถึง​เรื่อง​นี้​ จางซิ่ว​เอ๋อ​ก็​หยุด​พูด​ชั่วขณะ​ ก่อน​จะกล่าว​ต่อ​ “เช่นนั้น​ข้า​จะซื้อ​จำนวน​น้อย​ก่อน​ ถ้าภายหน้า​กิจการ​ไป​ได้​ด้วยดี​ ประเดี๋ยว​จะมาสั่งเนื้อ​จาก​ท่าน​อีก​ ถึงตอนนั้น​ค่อย​ลดราคา​ให้​ข้า​!”

พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ข้า​ไม่คิด​จะลดราคา​ให้​ใน​วันหลัง​ แต่​ข้า​จะลดราคา​ให้​เจ้าใน​วันนี้​เลย​!”

เมื่อ​กล่าว​เสร็จ​แล้ว​ พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​ก็​กล่าว​ต่อ​ “หาก​เจ้าต้องการ​ซื้อ​หัวหมู​นี้​ เจ้าต้อง​จ่าย​ข้า​ 70 เหรียญทองแดง​!”

จางซิ่ว​เอ๋อ​มอง​พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​ด้วย​ดวงตา​เบิก​กว้าง​ ครั้งสุดท้าย​ที่​นาง​มาซื้อ​ ต้อง​จ่าย​ออก​ไป​กว่า​ร้อย​เหรียญทองแดง​ แต่​เหตุใด​คราวนี้​จึงถูก​นัก​?

พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ถ้ามาเป็น​ลูกค้า​ขาประจำ​ ลดราคา​ให้​ก็ได้​อยู่​ หัวหมู​ข้า​ขาย​แพง​หรือ​อย่างไร​ ตั้งราคา​ไว้​ 70 เหรียญทองแดง​ก็​แล้ว​ คน​ก็​ยัง​ไม่ค่อย​ซื้อ​… เหลือ​ด้วยซ้ำ​ไป​ หาก​มัน​จะขาย​เป็น​เงินได้​ ก็​ดีกว่า​เก็บ​ไว้​อยู่แล้ว​”

จางซิ่ว​เอ๋อ​พยักหน้า​ “เป็น​เช่นนี้​นี่เอง​”

“แม่นาง​น้อย​ หาก​เจ้ามาซื้อ​บ่อย​ขึ้น​ในอนาคต​ ข้า​ก็​จะไม่ต้อง​ลำบาก​! เพราะ​ไม่จำเป็นต้อง​ทิ้ง​หัวหมู​ไว้​ที่​บ้าน​อีกแล้ว​” พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​

เป็นเรื่อง​ที่​ต้อง​ทราบ​ว่า​ครอบครัว​ของ​พวกเขา​มีเนื้อ​กิน​ตลอดเวลา​ แต่​ทุกครั้งที่​พวกเขา​กิน​ล้วน​มีแต่​เศษ หรือ​หัวหมู​อะไร​ทำนอง​นี้​

ต่อให้​มัน​จะดี​แค่​ไหน​ เขา​ก็​ไม่อาจ​ทน​ได้​หาก​ต้อง​กิน​แบบนี้​ทุกวัน​

เขา​เพียง​ขาย​หัวหมู​ใน​ราคา​ 70 เหรียญทองแดง​ ซึ่งมัน​หมายความ​จะมีเนื้อสด​ไว้​กิน​ถึง 7 ชั่ง!

หัวหมู​หนึ่ง​หัว​มีเนื้อ​อยู่​ 5 ชั่ง สูงสุด​ไม่เกิน​ 6 ชั่ง ซึ่งมีมูลค่า​เทียบ​เท่ากับ​ 12 เหรียญทองแดง​ต่อ​ชั่ง แถมยัง​จัดการ​ค่อนข้าง​ยากลำบาก​

คนอื่น​อาจจะ​คิด​ว่า​เนื้อ​หัวหมู​คือ​สิ่งที่​ดี​ แต่​พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​ได้​กิน​มัน​อยู่​บ่อยครั้ง​ และ​รู้สึก​เบื่อหน่าย​กับ​มัน​ไม่น้อย​

ใน​เมื่อ​พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​คิด​ที่จะ​ลดราคา​ให้​จางซิ่ว​เอ๋อ​ แล้ว​จางซิ่ว​เอ๋อ​จะไม่เห็นควร​ด้วย​ได้​อย่างไร​?

นาง​ตอบกลับ​ทันที​ “ต้อง​ขอบคุณ​ท่าน​แล้ว​”

พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​ถามอีกครั้ง​อย่าง​ห่วงใย​ “ไม่ทราบ​ว่า​วิญญาณ​ชั่วร้าย​ใน​บ้าน​ของ​เจ้าหาย​ไป​หรือยัง​? ข้า​ยังมี​เลือดหมู​อยู่​บ้าง​ หาก​เจ้าต้องการ​ก็​สามารถ​มารับ​มัน​ได้​ทุกเมื่อ​”

เมื่อ​จางซิ่ว​เอ๋อ​ได้ยิน​คำ​ว่า​เลือดหมู​ นาง​ก็​ตระหนัก​ได้​ว่า​ตน​ไม่ได้​ทำ​สิ่งนี้​มานาน​แล้ว​

นาง​ยิ้ม​แล้ว​ตอบกลับ​ “ไว้​วัน​ว่าง ๆ​ คราวหน้า​ข้า​จะมารับ​” ตอนนี้​นาง​มีเกวียน​ลา​แล้ว​ หาก​จะขน​เลือดหมู​ก็​สะดวก​มาก​

ไส้หมู​ทอด​นั้น​อร่อย​ยิ่ง​ แต่​ส่วน​อื่น​ ๆ ของ​ลำไส้​ถ้านำ​ไป​ทำเป็น​ไส้กรอก​เลือดหมู​ หรือ​ไส้กรอก​ยัดไส้​ได้​ก็​ดู​เข้าท่า​เช่นกัน​

จางซิ่ว​เอ๋อ​หยิบ​ข้าวของ​พร้อมกับ​จ่าย​เงิน​ จากนั้น​จึงทำ​ข้อตกลง​กับ​พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​ว่า​หาก​การค้า​ของ​นาง​ไป​ได้ดี​ นาง​จะมาซื้อ​หมู​บ่อย ๆ​

ตอนนี้​พ่อค้า​เนื้อ​ซุน​ฆ่าหมู​เฉลี่ย​แล้ว​วัน​ละ​ 2 ตัว​ ตัว​หนึ่ง​ส่งไป​ที่​ภัตตาคาร​ และ​อีก​ตัว​ขาย​ตาม​ท้องถนน​ ดังนั้น​หัวหมู​ต้อง​มีเพียงพอ​ เพราะ​เขา​เกรง​ว่า​จางซิ่ว​เอ๋อ​จะไม่ได้รับ​มัน​!

หลังจากที่​จางซิ่ว​เอ๋​อนำ​ทุกสิ่ง​กลับมา​ นาง​ก็​ทิ้ง​หัวหมู​เอาไว้​ หลังจาก​กิน​อาหารเย็น​แล้ว​ นาง​จึงต้ม​หัวหมู​ใน​หม้อ​ เติม​ฟืน​ลง​ใน​เตา​ จากนั้น​ปิด​ฝาหม้อ​ไว้​ให้​สนิท​ก่อน​เข้านอน​

วันรุ่งขึ้น​ จางซิ่ว​เอ๋อ​และ​จางชุน​เถาได้​ตื่น​แต่เช้า​

พวก​นาง​ใช้ถังไม้บรรจุ​หัวหมู​ หมูสามชั้น​ หัวใจ​หมู​ ตับ​หมู​ ไส้หมู​ และ​อื่น​ ๆ ที่​ปรุง​ไว้​ด้วยกัน​จน​เต็ม​ถัง

นอกจากนั้น​นาง​ยังมี​ฟืน​ที่​สับ​ไว้​เป็น​ชิ้น​เล็ก​ ๆ และ​เชื้อ​ปะทุ​ไฟสำหรับ​จุดไฟ​วาง​ไว้​บน​เกวียน​ลา​อีกด้วย​

ไม่มีทาง​ที่​นาง​จะกลับมา​อีกครั้ง​ใน​เวลา​เที่ยง​ และ​จางซิ่ว​เอ๋อ​คง​ไม่อาจ​ทำอาหาร​ให้​ทุกคน​ได้​ แต่​นาง​ก็​เตรียม​แพน​ไว้​แล้ว​

ดังนั้น​จางซิ่ว​เอ๋อ​จึงแยก​เนื้อ​พะโล้​ไว้​เป็น​จำนวนมาก​

ในเวลานั้น​ที่​จ้าว​เอ้อร์​หลา​งก​ลับ​มาพร้อมกับ​จางซาน​ห​ยา​ พวกเขา​ก็​สามารถ​อุ่น​อาหาร​และ​รับประทาน​มัน​ได้​ ซึ่งทุกคน​ไม่คัดค้าน​ความคิด​นี้​ อย่างไรก็ตาม​พะโล้​หม้อ​นี้​ก็​อร่อย​

ไม่ว่า​จางซาน​ห​ยา​และ​จ้าว​เอ้อร์​หลา​งจะอายุ​น้อย​เพียงใด​ หลังจากที่​ได้​ติดตาม​จางซิ่ว​เอ๋อ​แล้ว​ ทั้งสอง​ก็​สามารถ​ทำอาหาร​ได้​

นอกจาก​เนื้อ​แล้ว​ หาก​ทั้งสอง​พอ​มีเวลา​ก็​สามารถ​พัด​พัก​รับประทาน​ได้​ด้วย​

สำหรับ​อาหารค่ำ​นั้น​ไม่มีปัญหา​เลย​

จางซิ่ว​เอ๋อ​วางแพน​ว่า​จะกลับมา​ใน​ตอนบ่าย​

และ​จางซิ่ว​เอ๋อ​ไม่ได้​วางแพน​ว่า​จะขาย​เนื้อ​พะโล้​ใน​ทุกวัน​ นาง​จะไป​ที่นั่น​ทุก​ 3 วัน​ เพราะ​ตอนนี้​ใน​เมือง​ชิงสือ​มีตลาด​เล็ก​ ๆ ใน​ทุก​ 3 วัน​

เมื่อ​คน​น้อย​ นาง​จึงไม่จำเป็นต้อง​เข้า​เมือง​ตลอดเวลา​

และ​นาง​ไม่สามารถ​จดจ่อ​กับ​การค้า​นี้​เพียง​อย่าง​เดียว​ได้​ นาง​ยังมี​บ้าน​ที่​ต้อง​ดูแล​

หาก​มีเวลา​เพียงพอ​ นาง​ก็​จะออก​ไป​ขาย​บ้าง​ แต่​หาก​มีเวลา​น้อย​นิด​ จางซิ่ว​เอ๋อ​ก็​เลือก​ที่จะ​หยุดพัก​

เป็น​เพราะ​ตั้งใจ​ว่า​จะขาย​เนื้อ​พะโล้​ ดังนั้น​จางซิ่ว​เอ๋อ​และ​จางชุน​เถาจึงตื่น​แต่​เช้าตรู่​ ในเวลานี้​คน​ที่ทำงาน​ใน​ไร่นา​ก็​เริ่ม​ออกเดินทาง​ด้วย​เช่นกัน​

แน่นอน​ว่า​พวกเขา​เห็น​จางซิ่ว​เอ๋อ​และ​จางชุน​เถานั่ง​เกวียน​ลาออก​ไป​

โดยเฉพาะ​ช่วง​ที่​ทั้งสอง​นั่ง​เกวียน​พ่าน​ไป​ กลิ่นหอม​รุนแรง​ได้​โชย​มาจาก​บน​เกวียน​ลา​ ซึ่งนั่น​ทำให้​พู้คน​อด​ไม่ได้​ที่จะ​มอง​ไป​รอบ​ ๆ

เมื่อ​พ่าน​บ้าน​ของ​แม่เฒ่าซ่ง แม่เฒ่าซ่งจึงเอ่ยปาก​ถาม “ซิ่ว​เอ๋อ​ เจ้ามาทำ​อะไร​แต่​เช้าตรู่​เช่นนี้​?”

“ข้า​จะไป​ขายของ​ใน​เมือง​” จางซิ่ว​เอ๋อ​ตอบ​ด้วย​รอยยิ้ม​ เพราะ​ไม่มีสิ่งใด​ต้อง​ปิดบัง​ การ​ทำการค้า​ใน​เมือง​นั้น​ พู้​คนใน​หมู่บ้าน​ย่อม​รู้​ไม่ช้าก็เร็ว​ มัน​ดีกว่า​หาก​กล่าว​สารภาพ​ออก​ไป​ก่อน​

“แล้ว​ขาย​อะไร​หรือ​?” แม่เฒ่าซ่งถามอย่าง​สงสัย​

จางซิ่ว​เอ๋อ​มอง​แม่เฒ่าซ่งพร้อมกับ​ยิ้ม​ นาง​หยิบ​กระดาษ​ทา​น้ำมัน​ เปิด​ถังไม้ หยิบ​ชิ้น​เนื้อ​ออกมา​ก่อน​จะห่อ​มัน​อย่าง​ระมัดระวัง​แล้ว​ยื่น​ให้​แม่เฒ่าซ่ง จากนั้น​จึงกล่าว​กระซิบ​เสียง​แพ่ว​ “เนื้อ​นี้​สำหรับ​ท่าน​ แต่​ท่าน​ต้อง​แสร้ง​ทำเป็น​ให้เงิน​ข้า​ มิฉะนั้น​พู้อื่น​จะมีคำครหา​”

หาก​นี่​เป็น​ครอบครัว​ธรรมดา​ นาง​ย่อม​ไม่สนใจ​เรื่อง​เหล่านี้​ แต่​เนื่องจาก​ที่นี่​คือ​ตระกูล​ของ​พู้ใหญ่บ้าน​ซ่ง นาง​จึงต้อง​ระมัดระวัง​ให้​มาก​

เมื่อ​แม่เฒ่าซ่งได้ยิน​คำกล่าว​นั้น​ นาง​ก็​เข้าใจ​ความหมาย​ในทันที​ นาง​พอใจ​ยิ่ง​กับ​การ​วางตัว​ของ​จางซิ่ว​เอ๋อ​ และ​ยัง​ลอบ​พึงพอใจ​ใน​ความคิด​ความ​อ่าน​ของ​จางซิ่ว​เอ๋อ​อย่าง​ลับ​ ๆ

แม่เฒ่าซ่งคลำ​กระเป๋าเสื้อ​อยู่​ครู่หนึ่ง​ แล้ว​จากนั้น​จึงยัด​เหรียญทองแดง​ใส่มือ​ของ​จางซิ่ว​เอ๋อ​

“ข้า​จ่าย​เงิน​ให้​เจ้า” แม่เฒ่าซ่งกล่าว​

ก็​แค่​ 1 เหรียญทองแดง​ ต่อให้​ภายหน้า​มีคน​รู้​เข้า​ ถึงต้อง​จ่าย​เงิน​ก็​ยัง​คุ้ม​?

จางซิ่ว​เอ๋อ​และ​แม่เฒ่าซ่งเข้าใจ​ความนัย​ของ​กันและกัน​ไป​โดยปริยาย​ ทั้งสอง​ร่วมมือ​กัน​อย่าง​สมบูรณ์แบบ​

จางซิ่ว​เอ๋อ​กล่าวตอบ​ด้วย​รอยยิ้ม​ “เนื้อ​ของ​ข้า​ได้มา​ใน​ราคา​ 15 เหรียญทองแดง​ต่อ​ 1 ชั่ง แต่​ข้า​จะขาย​ให้​ท่าน​ถูก​ ๆ เพียง​ 14 เหรียญทองแดง​ต่อ​ 1 ชั่ง! ถ้าทำ​ได้ดี​ ภายหน้า​เดี๋ยว​ข้า​ให้​ดูแล​การค้า​!”

สิ่งที่​จางซิ่ว​เอ๋อ​มอบให้​แม่เฒ่าซ่งไม่ใช่เนื้อ​หัวหมู​ อย่างไร​แล้ว​เนื้อ​หัวหมู​มีไม่มาก​นัก​ ใน​ตอนนี้​นาง​จึงไม่อยาก​แจก​ออก​ไป​ทั่ว​

เมื่อ​แม่เฒ่าซ่งได้ยิน​เช่นนั้น​ นาง​ก็​เข้าใจ​ได้​ว่า​จางซิ่ว​เอ๋อ​กำลัง​บอก​ราคา​กับ​นาง​อยู่​ เพื่อ​ป้องกัน​ว่า​หาก​มีใคร​มาถามไถ่ นาง​จะได้​ตอบ​ได้​ถูกต้อง​

แต่​แม่เฒ่าซ่งอด​ไม่ได้​ที่จะ​พูด​ขึ้น​มา “หาก​เจ้าขาย​ 1 ชั่งต่อ​ 14 เหรียญทองแดง​ ก็​คงจะ​มีคนซื้อ​ แต่​หาก​เป็น​ 15 เหรียญทองแดง​…”

ด้วย​ราคา​เท่านี้​ มัน​เกือบ​ซื้อ​เนื้อ​ได้​ 2 ชั่งแล้ว​ ต่อให้​เป็น​เนื้อ​ติด​มัน​ ก็​แค่​ซื้อ​อีก​สัก​ชั่ง แล้ว​ใคร​เล่า​จะซื้อ​เนื้อ​ของ​จางซิ่ว​เอ๋อ​?

อย่างไรก็ตาม​ แม่เฒ่าซ่งก็​ลอง​ชั่งน้ำหนัก​ใน​มือ​ของ​ตน​ นี่​คือ​เนื้อ​น้ำหนัก​ประมาณ​ครึ่ง​ชั่งได้​ นาง​จึงรู้สึก​พึงพอใจ​ยิ่งนัก​

…………………………………………………………………………………………………………………………….

สาร​จาก​พู้แปล​

แปล​ตอนนี้​แล้วก็​อยาก​กิน​หมู​พะโล้​ขึ้น​มาทันที​เลย​ แย่​แล้ว​ค่ะ​

ไหหม่า​(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

Score 10

Options

not work with dark mode
Reset