ตอนที่ 342 ทำการค้า
เมื่อจางซิ่วเอ๋อกลับถึงบ้าน ก็ลงมือทำความสะอาดบ้านจนลืมปัญหาเหล่านี้ไปชั่วขณะและเข้านอน
วันรุ่งขึ้นจางซิ่วเอ๋อไม่ได้ทำอะไร นอกจากจดจ่อกับการทำเครื่องเทศของตัวเอง
จางซิ่วเอ๋อใช้เครื่องเทศปรุงรสเนื้อตุ๋นและหาผ้าฝ้ายสะอาดทําถุงเล็ก ๆ เย็บทั้งหมดลงในนั้นเพื่อทําเป็นถุงเครื่องเทศ
วันถัดมา จางซิ่วเอ๋อจึงไปที่ตลาดอีกครั้ง
ในเวลานี้หม้อเหล็กที่จางซิ่วเอ๋อต้องการได้ถูกตีเสร็จแล้ว จางซิ่วเอ๋อมองอย่างละเอียดและรู้สึกว่าไม่มีปัญหาอะไร นางจ่ายเงินก้อนสุดท้ายและใช้เกวียนลากของสิ่งนี้ไปยังโรงเตี๊ยม
ตอนนี้เสี่ยวเอ้อที่ต้อนรับแขกล้วนไม่มีใครไม่รู้จักจางซิ่วเอ๋อ
เมื่อเห็นจางซิ่วเอ๋อมาถึงก็มีคนเข้ามาต้อนรับทันที “แม่นางจาง ท่านมาแล้ว!”
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า และก่อนที่จางซิ่วเอ๋อจะบอกให้คนไปหาเถ้าแก่เฉียน ใครบางคนก็ได้เรียกเถ้าแก่เฉียนมาแล้ว
เมื่อเถ้าแก่เฉียนเห็นจางซิ่วเอ๋อ รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“แม่นางซิ่วเอ๋อ” เถ้าแก่เฉียนเรียกนางอย่างสนิทสนมมากกว่าเสี่ยวเอ้อ
“เจ้ามาแล้ว รีบเข้ามาเร็ว ข้าจะให้คนเตรียมอาหารให้เจ้า” เถ้าแก่เฉียนกระตือรือร้นมาก
ตอนนี้เครื่องปรุงรสของจางซิ่วเอ๋อได้นำประโยชน์มากมายมาสู่เขา เขาจึงไม่รู้สึกตระหนี่กับอาหารเลย
ตอนนี้เขาเพียงอยากจะปรนนิบัติพัดวีเทพเจ้าแห่งโชคลาภของเขาเท่านั้น!
จางซิ่วเอ๋อยิ้มและพูดขึ้น “วันนี้ข้ามาเพราะมีเรื่องจะขอร้อง คงไม่รบกวนให้ท่านเตรียมอาหาร”
เถ้าแก่เฉียนมองจางซิ่วเอ๋ออย่างสงสัย “โอ้? ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไรหรือ?”
จางซิ่วเอ๋อชี้ไปที่หม้อในรถของนางแล้วกล่าว “คืออย่างนี้ ข้าตั้งใจจะทําการค้าเล็ก ๆ ในเมืองนี้… ข้าย้ายหม้อไปมาทุกวันก็ลําบากเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะคุยกับท่านได้ไหมว่าขอฝากหม้อใบนี้ไว้กับท่านชั่วคราวได้หรือไม่?”
หม้อใบนี้ทำจากเหล็ก แต่น้ำหนักก็ไม่เบาเลย หากวางหม้อใบใหญ่นี้ลงไปจะยิ่งหนักและกินพื้นที่มากขึ้น
นางมีเกวียนลาที่สามารถลากกลับได้ทุกวัน แต่การที่นางจะขนขึ้นและลงจากเกวียนทุกวันไม่ใช่เรื่องง่าย
ยิ่งกว่านั้น นางยังต้องเอาฟืนหรือของบางอย่างมาจากบ้าน เกวียนลานั้นเล็กกว่าเกวียนวัวเท่าหนึ่งแล้ว ทั้งลาก็ไม่ค่อยแข็งแรง เป็นอย่างนี้ทุกวัน จางซิ่วเอ๋อรู้สึกว่าคนก็ทำงานหนักและลาก็ทำงานหนักเช่นกัน
แค่พยายามจะยึดหม้อไว้ในเกวียนที่ขรุขระก็ไม่รู้ว่าเสียแรงไปเท่าใด!
หากสามารถวางไว้ที่ร้านเถ้าแก่เฉียนนี้ได้ แล้วตั้งแผงลอยในบริเวณใกล้ ๆ กับโรงเตี๊ยม ถึงตอนนั้นก็จะช่วยได้หลายอย่าง
เถ้าแก่เฉียนได้ยินดังนั้นก็หัวเราะทันที “ข้ายังคิดอยู่ว่าเป็นเรื่องอะไร ที่แท้ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ เรือนด้านหลังข้าใหญ่มาก เจ้าอยากวางอย่างไรก็วางตามต้องการได้เลย”
เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ เถ้าแก่เฉียนก็มองไปที่ลาของจางซิ่วเอ๋อแล้วพูดขึ้น “หากเจ้ามาทํากิจการ แน่นอนว่าต้องรีบมา ถ้าตอนกลางวันเจ้าไม่มีเวลาดูแลลา ก็เอาไปฝากไว้ในภัตตาคารของข้าได้”
เขาชี้ไปที่พื้นที่เปิดโล่งหน้าร้านอาหารของเขา ซึ่งมีโรงเก็บของเรียบง่ายและเสาไม้
“เห็นหรือไม่ มีลูกค้ามาเอาสัตว์มาไว้ที่นี่อยู่บ่อยครั้ง ซ้ายขวาก็ไม่ค่อยมีลาสักตัว เจ้าวางใจได้ เอาเกวียนมาไว้ที่นี่ด้วย” เถ้าแก่เฉียนพูดอย่างกระตือรือร้น
จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยความซาบซึ้งใจ “เช่นนั้นก็รบกวนท่านแล้ว”
“ระหว่างพวกเรายังมีเรื่องยุ่งยากอะไรอีก แต่ไม่รู้ว่าแม่นางซิ่วเอ๋อวางแผนจะทําอะไร” เมื่อเถ้าแก่เฉียนพูดมาถึงตรงนี้ ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
เขาอยากรู้จริง ๆ ในความคิดของเขา จางซิ่วเอ๋อแตกต่างจากสตรีทั่วไป อาจจะมีความคิดบางอย่างก็เป็นได้
จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้าแค่จะขายเนื้อตุ๋นนิดหน่อย”
เถ้าแก่เฉียนได้ยินเช่นนั้นก็พยักหน้า “หากเจ้าทําเนื้อตุ๋นจะต้องอร่อยกว่าร้านอื่นแน่”
ในเมืองแห่งนี้มีคนขายเนื้อตุ๋น แต่เนื้อตุ๋นนั้นแตกต่างกันกับของจางซิ่วเอ๋ออย่างสิ้นเชิง
เพียงแค่หมักด้วยน้ำเกลือและซีอิ๊วขาวแล้วปรุงสุก แต่ไม่มีผู้ใดกล้าใส่เครื่องเทศลงไป
ด้วยเครื่องเทศที่จางซิ่วเอ๋อถืออยู่ในมือ สายตาของคนนอกล้วนแต่เป็นเป็นสมุนไพรทั้งนั้น ไม่มีผู้ใดกล้าเสี่ยง หากมีคนกินเข้าไปแล้วเสียสติล่ะ?
ทว่าจางซิ่วเอ๋อไม่กลัว แค่พริกไทยกับโป๊ยกั๊กหรืออะไรทำนองนั้นก็ยังทำให้คนเสียสติได้หรือ? หากเป็นจริงคนสมัยนี้คงสูญพันธุ์ไปนานแล้ว ใครจะกล้าพูดว่าตนเองไม่เคยกินของแบบนี้มาก่อน?
“ถึงตอนนั้นข้าจะส่งมาให้ท่านได้ลองชิม” จางซิ่วเอ๋อยิ้ม
นางไม่กลัวว่าเถ้าแก่เฉียนจะรังเกียจสิ่งที่นางส่งมาให้ ด้วยอาหารที่ใช้ต้อนรับแขกนั้นอร่อยมาก เรื่องนี้นางยังชื่นชม แต่เนื้อตุ๋นหรืออะไรจำพวกนี้ คนที่โรงเตี๊ยมอาจทำได้ไม่อร่อยเท่าที่นางทำ
เถ้าแก่เฉียนกล่าวอย่างเร่งรีบ “ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว เมื่อถึงเวลานั้นเจ้าอย่าลืมมันล่ะ”
จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เช่นนั้นตอนนี้ข้าจะฝากหม้อนี้ไว้กับท่าน”
เถ้าแก่เฉียนพยักหน้า “ได้สิ”
กล่าวจบเขาก็พูดเสียงดัง “พวกเจ้าสองคน ยังไม่รีบช่วยแม่นางซิ่วเอ๋อย้ายหม้อนี้ไปที่เรือนหลังบ้านพวกเราอีกหรือ? อย่าให้เปียกฝนเชียวล่ะ!”
ก่อนที่เถ้าแก่เฉียนจะกล่าวจบ เสี่ยวเอ้อสองคนก็พุ่งเข้ามา
ตอนนี้กิจการของเถ้าแก่เฉียนกำลังไปได้ดี เขาจ้างเสี่ยวเอ้อมาเพิ่มอีกหลายคน เถ้าแก่เฉียนหาเงินได้มากมาย และก็ไม่ได้ตระหนี่กับคนที่อยู่ด้านล่างมากนัก ตอนนี้นับว่าเป็นภัตตาคารที่มีเงินค่าแรงสูงสุดในเมืองชิงสือแล้ว
พวกเสี่ยวเอ้อทำงานแลกเงิน แน่นอนว่าขาและเท้าก็คล่องแคล่วเช่นกัน
ด้วยวิธีนี้จางซิ่วเอ๋อจึงประหยัดแรงได้อย่างมาก
จางซิ่วเอ๋อพูดคุยยิ้มแย้มกับเถ้าแก่เฉียน และซื้อหม้อเหล็กขนาดใหญ่อีกใบ ซึ่งถือว่าเข้ากับเตาได้อย่างสมบูรณ์
เตาที่สั่งทำพิเศษมีเพียงเตาด้านล่างเท่านั้น แต่ก็ไม่สำคัญนัก
โชคดีที่หม้อใบนี้หาซื้อได้ง่าย จางซิ่วเอ๋อซื้อมาตามขนาดแล้วฝากมันไว้กับเถ้าแก่เฉียน
เถ้าแก่เฉียนอาสาบอกว่าจะให้คนใช้น้ำมันทากระทะใบนี้ เพื่อให้จางซิ่วเอ๋อไปทําอย่างอื่นได้อย่างสบายใจ
ในเวลานี้จางซิ่วเอ๋อรู้สึกขอบคุณเถ้าแก่เฉียนเป็นอย่างมาก
หลังจากซื้อหม้อเหล็กมาแล้วก็ยังไม่สามารถใช้โดยตรงได้ ต้องเคลือบด้วยน้ำมันอีกชั้น อุ่นให้ร้อน แล้วปล่อยให้น้ำมันซึมเข้าไปในกระทะเหล็ก ด้วยวิธีนี้ในอนาคตเมื่อใช้หม้อนี้จะไม่เกิดสนิมได้ง่าย
ในสมัยโบราณไม่มีเหล็กกล้าหรืออะไรทั้งสิ้น มีเพียงต้องใช้วิธีนี้เพื่อป้องกันสนิมเท่านั้น
จางซิ่วเอ๋อจัดการเรื่องนี้แล้วไปหาพ่อค้าเนื้อซุนอีกครั้ง
พ่อค้าเนื้อซุนขายเนื้อไปเกือบหมดแล้ว เหลือแต่ของขายยาก เช่น หัวหมู หางหมู เครื่องใน เป็นต้น
“มาซื้อเนื้ออีกแล้วหรือ?” พ่อค้าเนื้อซุนมีความประทับใจต่อจางซิ่วเอ๋อมาก
ด้วยรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อซื้อของมากมายทุกครั้ง ทั้งยังเป็นคนกันเองด้วย
จางซิ่วเอ๋อกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ใช่”
จางซิ่วเอ๋อมองและชี้ไปที่หัวหมู เท้าหมู และเครื่องใน “ข้าต้องการสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด”
พ่อค้าเนื้อซุนเบิกตากว้าง “อะไรนะ? เจ้าต้องการพวกมันทั้งหมดเลยหรือ? นี่นับว่าไม่น้อยเลย! เจ้าจะกินหมดหรือ?”
พ่อค้าเนื้อซุนรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อซื้อเนื้อมากไปหน่อยในแต่ละครั้ง และเพิ่งซื้อไปได้ไม่นาน เหตุใดนางถึงซื้อเยอะเพียงนี้?
…………………………………………………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
มีพันธมิตรการค้าก็ดีแบบนี้ จะทำอะไรก็สะดวกขึ้นเยอะเลย
ไหหม่า(海馬)