ตอนที่ 340 พิพากษา
จางต้าหูบ่นพึมพํา “ครอบครัวเดียวกันไยต้องมีพิธีรีตอง?”
จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้วขึ้น “หากท่านไม่ล้างมือก็ห้ามกิน ท่านกินแล้วจะเป็นอย่างไรก็ช่าง แต่แม่ข้ายังมีเด็กอยู่ในท้อง หากกินของที่ไม่สะอาด แล้วเด็กในท้องเป็นอะไรขึ้นมา นั่นไม่เกี่ยวอะไรกับข้าแล้ว!”
เมื่อจางต้าหูได้ยินดังนั้นเขาก็ไม่กล่าวคำใดอีก และตรงไปล้างมือทันที
โชคดีที่มีอ่างน้ำอยู่ในห้องนี้ การที่จางต้าหูจะล้างมือจึงไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอะไร
เมื่อจางต้าหูล้างมือกลับมาเขาก็เริ่มกินเนื้อ
จางซิ่วเอ๋อมองจางต้าหูด้วยสายตาเย็นชา ทันทีที่จางต้าหูกลับมา ก็ถูกแม่เฒ่าจางเรียกตัวไป แม้ว่านางจะไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง แต่ลานบ้านขนาดใหญ่แห่งนี้แค่ฟังก็ได้ยิน
แม้นางจะไม่เห็นว่าแม่เฒ่าจางพูดอะไรกับจางต้าหูด้วยตัวเอง
แต่แค่ใช้นิ้วเท้าคิดก็รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
นางอยากจะเห็นว่าจางต้าหูผู้นี้กินของที่นางให้ แล้วจะกล้าช่วยคนตระกูลจางพูดอย่างไร!
หลังจากที่จางต้าหูกินเนื้อชิ้นหนึ่งแล้ว เขาก็รู้สึกอิ่มเอมใจเล็กน้อย เขามองไปที่จานใบใหญ่และลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะหยิบมันขึ้นมากินอีกชิ้นอย่างระมัดระวัง
หลังจากกินเสร็จ เขาก็สังเกตสีหน้าของจางซิ่วเอ๋อและแม่โจว
เขาพบว่าทั้งคู่ไม่ได้กล่าวอันใดราวกับว่ายอมจำนน ดังนั้นเขาจึงรู้สึกโล่งใจ
“ซิ่วเอ๋อ เนื้อนี้ของเจ้าอร่อยจริง ๆ!” จางต้าหูอดชมเชยไม่ได้
จางซิ่วเอ๋อกล่าว “เมื่อครู่นี้ท่านไม่ได้บอกว่าเป็นการสิ้นเปลืองเงินหรอกหรือ?”
“ไม่ใช่ว่าข้าเป็นห่วงเจ้าหรอกรึ?” จางต้าหูตอบ
จางซิ่วเอ๋อยิ้มอย่างไม่เห็นด้วย ถ้าจางต้าหูเป็นห่วงนาง ซิ่วเอ๋อคนเดิมก็คงจะไม่ตาย
แม้ในเวลานั้นจางต้าหูจะไม่อยู่บ้าน แต่การที่แม่เฒ่าจางกล้าทําแบบนี้กับจางซิ่วเอ๋อ นั่นไม่ได้เกิดจากการเพิกเฉยของจางต้าหูมาเป็นเวลานานหรอกหรือ?
การที่เขานิ่งเงียบก็เท่ากับว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดในการฆาตกรรม!
แม่โจวมองจางต้าหูแล้วกล่าว “หากท่านอยากกินก็รีบกิน อย่าพูดเรื่องไร้สาระให้มาก!”
เมื่อจางต้าหูได้ยินดังนั้นก็รีบเริ่มกินเนื้อโดยไม่พูดไม่จา ในเวลานี้เขาไม่สนใจอะไรแล้ว ในใจของเขามีเพียงความคิดเดียว นั่นก็คือมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะมีโอกาสได้กินให้เพียงพอ
จางอวี่หมินฟังเรื่องพวกนี้อยู่ข้างนอก หัวใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกเกลียดชัง
ตอนนี้นางอยากจะพุ่งตัวเข้าไปดูว่าคนเหล่านี้กำลังกินอะไรลับหลัง!
นางรู้อยู่แล้วว่าพี่สี่ของนางไม่ใช่คนดีอะไร ดูผิวเผินแล้วดูซื่อ ๆ แต่แอบกินของอยู่หลังบ้านเสมอ! มีของดีแบบนี้อยู่ก็ไม่รู้จักเอาออกมาให้นางกิน!
เมื่อฟังเสียงการกินจากในห้อง จางอวี่หมินเองก็อยากกิน นางพยายามควบคุมตัวเองให้ดีที่สุด
นางรู้ดีว่าต่อให้รีบบุกเข้าไป ด้วยเป็นของที่จางซิ่วเอ๋อเสียเงินซื้อมา นางก็ไม่อยากกินแม้แต่คำเดียว!
ฮึ ต้องเอาลาของจางซิ่วเอ๋อมาให้ได้! ถึงเวลาก็ขายเอาเงินมาซื้อเนื้อกิน! หรืออย่างมากก็ฆ่าลาแล้วกินเนื้อมันซะ! จางอวี่หมินคิดอย่างเคียดแค้น
หลังจากรอจนจางต้าหูกินเนื้อชิ้นสุดท้ายลงไปแล้ว จางต้าหูก็ยังนั่งอยู่ตรงนั้นและคิดถึงรสสัมผัสของมัน
“ท่านแม่ หากไม่มีอะไรแล้วข้าขอตัวก่อนเจ้าค่ะ” จางซิ่วเอ๋อกล่าว
เมื่อจางต้าหูเห็นจางซิ่วเอ๋อกําลังจะจากไป ทันใดนั้นก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีจุดประสงค์อย่างไร เขาจึงรีบพูดขึ้นมา “ซิ่วเอ๋อ อย่าเพิ่งรีบไป ข้ายังมีเรื่องจะคุยกับเจ้า!”
จางซิ่วเอ๋อกล่าว “คุย?”
หากไม่ใช่เพราะจางต้าหูผู้นี้คือบิดาของนาง นางคงอยากจะพูดสักคําจริง ๆ ว่ามีอะไรก็รีบ ๆ พูดรีบ ๆ ผายลมออกมา!
จางต้าหูรีบกล่าวขึ้นมา “เจ้าไม่ได้ซื้อลาหรอกหรือ? เจ้าให้ข้ายืมลาไว้ใช้งานเถิด”
จางต้าหูคิดว่าตัวเองฉลาดมาก จึงยังไม่ได้พูดถึงเรื่องของท่านหมอเมิ่งในตอนนี้ เขารู้สึกว่าหากพูดถึงเรื่องท่านหมอเมิ่งในตอนนี้ จางซิ่วเอ๋อจะต้องโกรธแน่นอน และจะไม่มีทางให้เขายืมลา
จางซิ่วเอ๋อแอบแค่นเสียงเย็นชา นางรู้อยู่แล้ว! จางต้าหูผู้นี้จะต้องถูกล้างสมองอีกแล้ว
จางซิ่วเอ๋อกล่าวเสียงเบา “เร็ว ๆ นี้ข้าต้องใช้งานลาของข้า คงให้ท่านยืมไม่ได้หรอก”
“ซิ่วเอ๋อ เจ้าไม่มีที่นา เจ้าต้องใช้ลาตัวนี้ทำประโยชน์อันใด? อยู่เฉย ๆ ก็เปล่าประโยชน์ เหตุใดไม่เอามาให้ข้าใช้” จางต้าหูกล่าว
จางซิ่วเอ๋อมองไปที่จางต้าหู และนางก็นึกสงสัยว่าจางต้าหูผู้นี้เป็นคนโง่หรือคนไร้ยางอายกันแน่…
จางซิ่วเอ๋อจึงถามกลับ “ข้าไม่มีที่ดินก็จริง เมื่อข้าซื้อสัตว์เลี้ยงมา ก็ต้องให้ผู้อื่นใช้หรือ? แม้ว่าลาของข้าจะไม่ได้ใช้งาน ข้าต้องให้คนอื่นยืมหรือไม่?”
จางซิ่วเอ๋อเกลียดน้ำเสียงที่เป็นธรรมชาติของจางต้าหูเสียจริง
จางต้าหูรู้สึกกังวลเล็กน้อย “ข้ามิใช่ใครอื่น แต่เป็นพ่อของเจ้า หากข้าลงไปทำงานในท้องทุ่งโดยไม่มีสัตว์เลี้ยง คนในหมู่บ้านต้องบอกว่าเจ้าอกตัญญู เพื่อตัวเจ้าเอง เจ้าก็ต้องให้ข้ายืมลา”
จางต้าหูค่อนข้างโง่เขลา ไม่รู้ว่าจะกล่าวคำเยินยออย่างไร และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเกลี้ยกล่อมจางซิ่วเอ๋ออย่างไร ในเวลานี้เขาเกือบจะพูดซ้ำในสิ่งที่คนเหล่านั้นพูด
เมื่อจางซิ่วเอ๋อได้ยินเช่นนี้ ก็เกือบจะหัวเราะออกมา
“ท่านพ่อ หากท่านคิดว่านี่เป็นสิ่งที่ดีต่อข้า เช่นนั้นก็ขอบคุณท่านมาก ข้าไม่ต้องการความดีเช่นนี้ ท่านรีบเก็บความหวังดีของท่านไปเสียเถอะ!” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเย็นชา
“เจ้าอกตัญญูเกินไปแล้ว หากข่าวนี้แพร่งพรายออกไป จะให้คนอื่นมองเจ้าอย่างไร?” จางต้าหูกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
จางซิ่วเอ๋อเลิกคิ้วขึ้น “ไม่ใช่ว่าท่านก็คิดว่าข้าอกตัญญูหรอกหรือ?”
จางต้าหูรีบกล่าวทันที “หากเจ้ากตัญญู เช่นนั้นก็ควรให้ข้ายืมลา!”
จางซิ่วเอ๋อถามกลับด้วยใบหน้าเหมือนจะยิ้มแต่ไม่ยิ้ม “หากข้าเป็นคนอกตัญญู แล้วท่านเพิ่งกินอะไรไป?”
เมื่อจางต้าหูนึกถึงเนื้อที่เขาเพิ่งกินไป ใบหน้าก็พลันเห่อแดงและรู้สึกกระอักกระอ่วนเล็กน้อย
“ครั้งหน้าถ้าท่านบอกว่าข้าอกตัญญู เช่นนั้นท่านก็อย่ากินของของข้าอีกเลย! และคายอาหารของข้าออกมาด้วย!” จางซิ่วเอ๋อแค่นเสียงเย็นชา
จางต้าหูไม่สามารถกดดันจางซิ่วเอ๋อด้วยเรื่องความกตัญญูได้ในตอนนี้
ผู้ใดทำให้เขาเพิ่งทนไม่ได้และกินอาหารของจางซิ่วเอ๋อเข้าไปล่ะ?
“ซิ่วเอ๋อ… เจ้าไม่สามารถให้ข้ายืมลาได้จริง ๆ หรือ?” เมื่อพูดถึงตอนท้าย จางต้าหูก็ทําได้เพียงถามออกไปอย่างหมดแรง
จางซิ่วเอ๋อพูดขึ้นมาอย่างจริงจัง “ท่านพ่อ หากท่านต้องการยืมลานี้ ข้าก็ไม่สามารถให้ท่านยืมได้ แต่หากเป็นผู้อื่นให้ท่านมายืมลาตัวนี้… ข้าก็ยิ่งให้ไม่สามารถให้ยืมได้”
“เมื่อเวลานั้นมาถึง เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับลาของข้า ท่านรับผิดชอบได้หรือไม่?” จางซิ่วเอ๋อถามกลับ
“ข้า…” จางต้าหูอับจนคำพูดไปชั่วขณะ
“ข้าเองก็ทําเพื่อท่านเช่นกัน ลาของข้าตัวนี้ไม่ได้ราคาถูก คราวนั้นท่านทำจานของข้าแตกแล้วยังไม่ได้ชดใช้เลย ตอนนี้หากท่านทําให้ลาตัวนี้ของข้าเสียหายอีก ข้าจะต้องทําอย่างไรดี?” จางซิ่วเอ๋อเลียนแบบวิธีที่จางต้าหูพูด
เมื่อจางต้าหูคิดถึงเรื่องจานเขาก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจอีกครั้ง
จางต้าหูรู้ดีว่าวันนี้เขาไม่สามารถยืมลาได้ และเขาก็อับอายเกินกว่าจะพูดคุยกับจางซิ่วเอ๋อ
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ลากเรื่องมาพัวพันกับเรื่องอื่นที่ตนเองนึกได้ “เกิดเรื่องอะไรขึ้นระหว่างเจ้ากับท่านหมอเมิ่งกันแน่? เจ้าเป็นแม่ม่ายมานานแค่ไหนแล้ว? เหตุใดถึงไปยั่วยวนผู้คนได้?”
………………………………………………………………………………………………………………………….
สารจากผู้แปล
คิดจะยืมลาเหรอฝันไปเถอะ กินของดีไปตั้งเยอะทำไมไม่ฉลาดขึ้นเลยน้าต้าหู
ไหหม่า(海馬)