ตอนที่ 339 ยุยง
เมื่อแม่เฒ่าจางคิดได้ดังนั้น ก็จดจำเรื่องนี้ไว้ในใจของตนเองก่อน
สิ่งที่สําคัญที่สุดในตอนนี้คือการนําผลประโยชน์ที่มองเห็นเข้ามาอยู่ในมือของตัวเอง
จางต้าหูมองไปที่จางต้าเหอและไม่รู้ว่าตนควรจะตอบอย่างไร
แม่เฒ่าจางฉวยโอกาสนี้กล่าวขึ้นมา “เอาเถอะ เจ้าอย่าคิดจะคืนของกลับไปเลย หากเจ้าเป็นพ่อที่มีความสามารถ เช่นนั้นก็ไปคิดบัญชีกับท่านหมอเมิ่ง! ล้างอายให้ซิ่วเอ๋อเสีย!”
จางต้าหูมองแม่เฒ่าจาง ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ ท่านเรียกหาข้ามีเรื่องอะไรหรือ?”
จางต้าหูไม่รู้ว่าเขาควรไปชำระบัญชีแค้นกับท่านหมอเมิ่งอย่างไร จึงตัดสินใจทำตัวเป็นเต่าหดหัวชั่วคราว และไม่คิดถึงเรื่องนี้
แม่เฒ่าจางกล่าว “ที่ข้าเรียกหาเจ้าไม่ได้มีเรื่องอันใดหรอก แต่ซิ่วเอ๋อไม่ได้ซื้อลาหรอกหรือ? ไม่ว่าเงินจะมาจากที่ใด ก็เป็นเรื่องดี เจ้าดูสิ ข้าวสาลีบ้านเรากําลังจะเก็บเกี่ยวแล้ว เอาลาตัวนั้นมายืมใช้ เจ้าจะได้ไม่ต้องเหนื่อยใช่หรือไม่?”
จางต้าหูได้ยินดังนั้นก็กล่าวด้วยเสียงอู้อี้ “งานนี้ข้าทำได้ ไม่ต้องยืมลาหรอกขอรับ”
นัยน์ตาของแม่เฒ่าจางเบิกกว้าง “ไม่ใช่ว่าข้าสงสารเจ้าอยู่หรือ? เจ้าอยากจะแบกสิ่งเหล่านี้กลับมาเหมือนปีที่แล้วเช่นนั้นรึ?”
ก่อนหน้านี้ แม่เฒ่าจางไม่ยินยอมที่จะเสียเงิน 2 ถึง 3 เหรียญทองแดงเพื่อเช่ารถ ดังนั้นจึงขอให้จางต้าหูขนข้าวสาลีกลับมาด้วยตัวเอง ตรงกันข้าม นางกลับไม่ต้องทำสิ่งใด ทั้งยังไม่ต้องเสียเงิน
ในหมู่บ้านมีลานข้าวสาลีและก้อนหินที่สามารถนวดเอาเมล็ดข้าวสาลีออกได้
คนทั่วไปมักจะใช้เงินไม่กี่เหรียญเพื่อจ้างสัตว์มาใช้งาน แต่ตระกูลจางและแม่เฒ่าจางไม่ยอมจ่ายเงิน ผลก็คือจางต้าหูและโจวเหมยจื่อสองคน ผู้หนึ่งลากอยู่ด้านหน้า อีกคนผลักข้างหลัง ใช้คนต่างสัตว์ เพื่อนวดข้าวสาลีนี้ออกมา
หลายปีผ่านมานี้ แม่เฒ่าจางไม่เคยกล่าวคำว่าสงสารจางต้าหูออกมาเลยแม้แต่ครั้งเดียว
ปีนี้กลับเริ่มปวดใจขึ้นมา
แค่คิดก็รู้แล้วว่าในใจของแม่เฒ่าจางคิดสิ่งใดอยู่ นางสงสารจางต้าหูเสียที่ไหน เห็นได้ชัดว่านางกำลังอยากได้ลาของจางซิ่วเอ๋อ
แต่จางต้าหูเป็นคนซื่อ ในเวลานี้เขาจึงคิดว่าแม่เฒ่าจางห่วงใยเขาจริง ๆ
ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา “ท่านแม่ ลูกชายท่านทำให้เป็นห่วงแล้ว”
“เจ้าเป็นลูกชายข้า ข้าไม่ห่วงเจ้าแล้วจะให้ห่วงผู้ใด? ซิ่วเอ๋อไม่มีที่ดิน ลาตัวนั้นซื้อมาก็ไร้ประโยชน์ แทนที่จะปล่อยให้ลาตัวนั้นไม่ได้ใช้งาน สู้เจ้ายืมมาใช้เสียดีกว่า เจ้าประหยัดแรงได้หน่อย บ้านเราก็สามารถเก็บเสบียงกลับมาได้เร็ว ๆ” แม่เฒ่าจางดูเหมือนจะใส่ใจทุกอย่าง
“ถ้าอย่างนั้น พวกเราขอยืมลานั่นไปใช้เถิด” จางต้าหูกล่าวทันที
หลังจากกล่าวจบ จางต้าหูก็ลังเลเล็กน้อย เขารู้ว่าการจะเจรจากับจางซิ่วเอ๋อตอนนี้ไม่ง่ายเลย
จางซิ่วเอ๋อจะให้ยืมลาได้หรือ?
จางต้าหูลังเลเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “จะเกิดอะไรขึ้นขอรับ หากซิ่วเอ๋อปฏิเสธที่จะให้ยืมมัน?”
จางอวี่หมินหรี่ตาลง “พี่สี่ ซิ่วเอ๋อเป็นลูกสาวท่าน ท่านที่เป็นพ่อจะไม่สามารถใช้ลาของนางได้หรือ? เป็นไปได้หรือไม่ว่านางจะเฝ้าดูท่านทนทุกข์ทรมานได้?”
“หากนางไม่ให้ยืม… ข้าก็ทำอันใดไม่ได้เช่นกัน” จางต้าหูกล่าวเสียงเบา
เมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นกับจางซิ่วเอ๋อหลายครั้ง จางต้าหูไม่แน่ใจจริง ๆ ว่าจางซิ่วเอ๋อจะให้ยืมมันหรือไม่
“ต้าหู เจ้าเป็นพ่อ! นางเป็นลูกสาวของเจ้า! นางจะไม่ช่วยเจ้าเรื่องนี้หรือ? เช่นนั้นก็อกตัญญูเกินไปแล้ว! แม้ว่าเจ้าจะคิดเผื่อนาง แต่นั่นก็ไม่ควรปล่อยให้นางมีชื่อเสียงที่อกตัญญูเช่นนี้! ดูซิว่าตอนนี้นางเป็นอย่างไร หากเจ้าไม่สนใจนางอีก ต่อไปนางจะมีที่ยืนในหมู่บ้านนี้หรือไม่?” แม่เฒ่าจางกล่าวเสียงสูง
จางต้าหูตกตะลึงเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
จากนั้นเขากล่าวพึมพํา “ท่านแม่ ข้าเข้าใจแล้ว” เพื่อผลประโยชน์ของซิ่วเอ๋อจึงต้องยืมลามา อย่างน้อยก็เป็นการทําให้ซิ่วเอ๋อมีชื่อเสียงในด้านความกตัญญู
“ในเมื่อเจ้าเข้าใจแล้ว เหตุใดเจ้ายังยืนบื้ออยู่ตรงนี้! จางซิ่วเอ๋ออยู่ในห้องฝั่งตะวันตกของเจ้า! หากไม่รีบไปเร็ว ๆ นี้ อีกสักครู่ทุกคนจะออกไปแล้ว!” แม่เฒ่าจางเร่งเร้า
จางต้าหูยกเท้าขึ้นแล้ววิ่งออกนอกห้องไปในทันที
แม่เฒ่าจางยกไม้ปัดขนไก่ในมือขึ้น หากจางต้าหูเดินช้าอีกหน่อย ไม่แน่ว่าคงถูกแม่เฒ่าจางทุบตี
จางอวี่หมินกลอกตาแล้วกระซิบ “ข้าจะไปดู!”
หลังจากกล่าวจบ จางอวี่หมินเดินตามไป แต่นางไม่ได้เข้าไปในห้อง เพียงแค่ยืนแอบฟังอยู่ข้างหน้าต่างแทน
เมื่อจางต้าหูเข้ามาในห้อง ก็เห็นแม่โจวกําลังกินหมูตุ๋นอยู่พอดี
เนื้อหมูชิ้นใหญ่ถูกปรุงด้วยเครื่องเทศจนมีสีเข้มและเป็นมันเงาเล็กน้อย ดูน่ารับประทานมาก
เนื้อบนหัวหมูมีเอ็นค่อนข้างมาก และรสชาติแตกต่างจากเนื้อหมูทั่วไป นี่ยิ่งดึงดูดสายตาของจางต้าหู
เดิมทีหลังจากเข้ามาก็อยากจะเอ่ยปากขอยืมลา แต่พอเห็นเนื้อพวกนี้ เขาก็ลืมเรื่องนี้ไปในทันที ในใจมีเพียงเนื้อในจานเท่านั้น
“ซิ่วเอ๋อ เจ้ามาแล้ว” จางต้าหูพูดด้วยน้ำเสียงโกรธเคือง
จางซิ่วเอ๋อพยักหน้า และยังคงแสดงสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาว “มาแล้วเจ้าค่ะ”
จางต้าหูมองไปแม่โจวอีกครั้งแล้วพูดขึ้น “เหมยจื่อ เจ้ากำลังกินอะไรอยู่?”
จางซิ่วเอ๋อกลอกตาอย่างจนปัญญา ในเมื่อจางต้าหูไม่ได้ตาบอด เหตุใดจะต้องถามอีก?
แม่โจวหยิบเนื้อเข้าปากแล้วกล่าว “กำลังกินสิ่งนี้อยู่”
จางต้าหูถามอีกครั้ง “เหตุใดเนื้อนี้จึงดูแปลกนัก?”
แม่โจวยิ้มและกล่าวตอบ “นี่คือเนื้อหัวหมู”
ในความเป็นจริงจางต้าหูสามารถบอกได้ว่ามันเป็นเนื้อหัวหมู เขาเคยเห็นมันมาก่อนแล้ว แต่เขายังไม่เคยกินเนื้อหัวหมูมาก่อน
“เนื้อหัวหมู?” จางต้าหูกล่าวซ้ำอีกครั้ง เขารู้สึกว่าขณะที่ตนได้ยินคำพูดเหล่านี้ ในปากก็บังเกิดน้ำลายสอขึ้นมา
แม่โจวพูดไปหนึ่งคำแล้วก็กินเนื้อไปหนึ่งชิ้น
หากเป็นก่อนหน้านี้ แม่โจวคงรู้สึกกดดันมากยามกินเนื้อต่อหน้าจางต้าหู แต่ตอนนี้แม่โจวไม่เพียงแต่อยากกิน แต่ยังอยากโกรธเคืองจางต้าหูผู้นี้อีกด้วย
หึ เขาไม่เหมือนกับแม่เฒ่าจางหรอกหรือ? ก็แค่อยากให้นางมีลูก! เช่นนั้นเขาก็จงมองดูเนื้อที่ลูกสาวยอดกตัญญูเอามาให้นางไปเถอะ!
เป็นเพราะแม่เฒ่าจางเพิ่งต่อว่าจางซิ่วเอ๋อ จึงทำให้นางไม่มีความสุขและรู้สึกไม่พอใจจางต้าหูอยู่หลายส่วน
แม่โจวกินเนื้อแล้วยังไม่ลืมเลียปากอีกด้วย
จางต้าหูมองอยู่นาน แต่ก็ไม่มีผู้ใดอนุญาตให้เขากิน เขาจึงมองไปที่จางซิ่วเอ๋ออย่างเก้อเขินเล็กน้อยก่อนจะกล่าว “ซิ่วเอ๋อ เจ้าซื้อหัวหมูมากินได้อย่างไร? หัวหมูนี้ดูเหมือนจะราคาถูก แต่หัวหมูมีเนื้อไม่กี่ชั่งเองนะ นั่นหมายความว่าเจ้าจ่ายเงินเพื่อซื้อกระดูกจํานวนมาก! เจ้าทําอะไรกับการจ่ายเงินที่ไม่คุ้มค่าเช่นนี้?”
จางซิ่วเอ๋อฟังคําเทศนาของจางต้าหูแล้วรู้สึกขบขันเล็กน้อย
“ท่านพ่อ ถ้าท่านอยากกินจริง ๆ ท่านก็ลองชิมดูสักชิ้น” จางซิ่วเอ๋อเหล่ตา มองแล้วกล่าว
จางต้าหูตอบราวกับได้รับการนิรโทษกรรม “ฮ้า!”
จางต้าหูพูดพลางยื่นมือไปหยิบเนื้อทันที จางซิ่วเอ๋อจึงหยุดจางต้าหูไว้ “ล้างมือแล้วค่อยกินเจ้าค่ะ”
………………………………………………………………………………………………………………………..
สารจากผู้แปล
เอาอาหารมาล่อให้คายความลับออกมาเลยซิ่วเอ๋อ กินยั่วคนอื่น ๆ ในบ้านด้วย
ไหหม่า(海馬)