ตอนที่ 330 ให้ของขวัญ
จางซิ่วเอ๋อมองดูแล้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉา
เมื่อใดกันที่ตัวอักษรของนางจะสวยได้ขนาดนี้?
จางซิ่วเอ๋อมองออกทันที นี่เป็นอักษรที่เขียนโดยเนี่ยหย่วนเฉียว ไม่ใช่ตัวอักษรของคนอื่นที่ซื้อมาตามใจชอบ
โดยไม่มีเหตุผลอื่นใด ชื่อของนางถูกเขียนไว้ที่ตอนต้นของบทความนี้
จางซิ่วเอ๋ออดคิดไม่ได้ว่าตอนนั้นเนี่ยหย่วนเฉียวเคยพูดไว้ว่าตัวอักษรของนางน่าเกลียด ควรจะหาตัวเทียบมาอ่านดู นี่คงเป็นเหตุผลว่าเหตุใดเนี่ยหย่วนเฉียวถึงตั้งใจเขียนเป็นพิเศษ
จางซิ่วเอ๋อพูดขึ้นมาทันที “ของสิ่งนี้ ข้า…”
นางอยากจะปฏิเสธ แต่พอกล่าวได้เพียงครึ่งคำ นางก็สัมผัสถึงสายตาลึกล้ำคู่นั้นของเนี่ยหย่วนเฉียว ราวกับว่าต่อให้เขาไม่แสดงท่าทางอะไรออกมา แต่กลับแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายที่จางซิ่วเอ๋อไม่อาจปฏิเสธได้
ขณะที่จางซิ่วเอ๋อกําลังลังเลว่าควรทําอย่างไร ไม่รู้ว่าควรจะรับมันเอาไว้หรือจะให้กลับคืน
เนี่ยหย่วนเฉียวก็กล่าวเสียงเรียบ “ลายมือของเจ้า ดูน่าเกลียดเกินไป”
มุมปากจางซิ่วเอ๋อกระตุก เขาพูดแบบนี้หมายความว่าอย่างไร? ทุกคนรู้ถึงความอัปลักษณ์ของลายมือของนางแล้ว!
เนี่ยหย่วนเฉียวชะงักไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวต่อ “ควรจะฝึกคัดให้หนักตามอักษรของข้า!”
กล่าวจบเนี่ยหย่วนเฉียวก็เดินจากไปด้วยสีหน้าภาคภูมิ
จางซิ่วเอ๋อ “…”
นี่เป็นการตราหน้าว่าลายมือของนางน่าเกลียดเพียงใด ทั้งยังเป็นการยกตนข่มท่านให้ดูดีขึ้นใช่หรือไม่?
ทว่าจางซิ่วเอ๋อไม่อาจปฏิเสธได้ในขณะนี้
ท้ายที่สุดแล้วลายมือของนางก็น่าเกลียดจริง ๆ
จางซิ่วเอ๋อมองกระดาษแผ่นหนาในมือของตนอย่างเคียดแค้น คิดกับตัวเองว่าในอนาคตจะต้องทําให้เขามองด้วยความชื่นชมให้ได้!
เถี่ยเสวียนซบกับหน้าต่างและเห็นฉากนี้เข้า และยังได้เห็นท่าทางหงุดหงิดใจของจางซิ่วเอ๋อด้วย
เขาถอนหายใจเบา ๆ … และพบว่าตัวเองไม่สามารถพูดอะไรกับเจ้านายของเขาได้อีกต่อไป
ต้องรู้ก่อนว่าสมุดฝึกคัดลายมือฉบับนี้นายท่านต้องลําบากยากเข็ญ เขียนออกมาอย่างจริงจัง เวลาให้ไปแล้ว ไม่ใช่ว่าควรมอบให้ด้วยความรักใคร่มากกว่านี้หน่อยหรือ? เหตุใดถึงแสดงท่าทางหยิ่งยโสเช่นนี้ออกมาเล่า?
เจ้านายของเขาไม่ใช่คนหยิ่งยโส! หากเป็นเช่นนี้ ย่อมหมายความว่าเจ้านายรู้สึกเขินอายเล็กน้อย จึงใช้วิธีนี้เพื่อซ่อนเจตนารมณ์ของตนเองเท่านั้น
เอาล่ะ ตอนนี้เจ้านายของตนรู้สึกสบายใจแล้ว แต่จางซิ่วเอ๋อกลับดูไม่ค่อยซาบซึ้งใจเท่าใดนัก
จางชุนเถามาและไปเหมือนสายลม หลังจากนั้นไม่นานก็ตัดหญ้าเป็นพวงกลับมาจากริมแม่น้ำ
หญ้านี้เติบโตใกล้กับป่าผีสิงมาก คนทั่วไปรู้สึกว่ามันน่าสะพรึงกลัว ดังนั้นต่อให้มีคนในหมู่บ้านต้องการหญ้าเขียวขจี ก็ไม่มีทางมาตัดหญ้า ตอนนี้นับว่าเข้าทางจางชุนเถาแล้ว
จางชุนเถาถือหญ้าสีเขียวและยื่นมันออกมา “นี่คือหญ้าสุ่ยไป้* ไม่รู้ว่าเจ้าลาตัวนี้ชอบกินหรือไม่”
*หญ้าปล้องละมาน ชื่อวิทยาศาสตร์คือ Echinochloa crus-galli (L.)
หญ้าสุ่ยไป้เป็นหญ้าชนิดหนึ่งที่พบได้บ่อย จางชุนเถาไม่เคยเลี้ยงลามาก่อน จึงไม่รู้ว่าลาชอบกินอะไร นางแค่เห็นว่าหญ้าชนิดนี้ดูนุ่มชุ่มฉ่ำ ลาน่าจะชอบกิน
อันที่จริงแล้วก็เป็นเช่นนี้ เจ้าลากัดหญ้าในคำเดียว ใช้ปากงับดึงออกจากมือของจางชุนเถาโดยตรงแล้วเคี้ยวมัน
หลังจากกินเสร็จ มันก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังมัดหญ้าที่วางอยู่ไม่ไกล ดวงตาคู่โตของมันเต็มไปด้วยความโหยหาอย่างชัดเจน
จางชุนเถาเห็นฉากนี้ก็เผยรอยยิ้มออกมา นางยื่นมือไปจิ้มที่หูลา ทําให้ลาตัวนี้พ่นลมหายใจร้อน ๆ ออกมาอีกครั้ง
“พี่หญิง พี่หญิง มาตั้งชื่อให้ลาตัวนี้กันเถอะ!” จางชุนเถาพูดอย่างตื่นเต้น
จางซิ่วเอ๋อมองจางชุนเถาอย่างขบขัน “ตามใจเจ้า”
“อืม เรียกมันว่าฮุยเหมา*ก็แล้วกัน” จางชุนเถาสรุปลักษณะของลาตัวนี้อย่างรวบรัด
*ขนสีเทา
จางซิ่วเอ๋อ “…” ชื่อนี้ช่างเห็นภาพชัดเจนจริง ๆ
สองพี่น้องหยอกล้อเจ้าลาอยู่อีกสักพัก ก่อนจะเริ่มทําอาหาร
ได้เวลาทำอาหารแล้ว จางซิ่วเอ๋อมองไปที่หัวหมูที่รอให้นางใช้ไฟย่างขนเส้นสุดท้ายของมัน นางอดไม่ได้ที่จะรู้สึกลำบากใจ
แน่นอนว่าหัวหมูจะต้องไม่สุก จุดประสงค์ในการเผาด้วยไฟนั้นง่ายมาก เพียงแค่เผาขนหมูที่ทําความสะอาดยากด้านบนให้หมด หลังจากนั้นล้างให้สะอาดแล้วต้มอีกครั้ง หัวหมูที่ทําแบบนี้จะอร่อยมาก
หากต้มมันหมดทั้งหัว… ประการแรกจะล้างไม่สะอาด ประการที่สองมันไม่ง่ายในการปรุงอาหาร จะเป็นการดีกว่าหากสามารถผ่ามันออกได้
แต่…
สำหรับนางแล้วมันยากจริง ๆ ที่จะผ่าหัวหมูนี้ออกมา
จางซิ่วเอ๋อมองไปยังห้องที่เนี่ยหย่วนเฉียวพักอยู่ ลังเลอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ ๆ ห้อง
และตะโกนเข้าไปด้านใน “เถี่ยเสวียน เจ้าออกมาช่วยหน่อย”
เมื่อเถี่ยเสวียนได้ยินคําพูดนี้ เขาก็นั่งลงบนเตียงก่อน จากนั้นเขามองไปยังเนี่ยหย่วนเฉียวที่จ้องเขาเขม็ง แล้วพูดด้วยความมั่นใจ “เจ้านาย ท่านไปช่วยเถอะ ข้าเหนื่อยมาก”
เนี่ยหย่วนเฉียวมองไปที่เถี่ยเสวียนด้วยความพึงพอใจ
เถี่ยเสวียนทรุดตัวลงและพักผ่อนต่อไป คนรับใช้ผู้นี้ช่างลำบากแสนเข็ญจริง ๆ… ไม่เพียงแต่ต้องช่วยเจ้านายทํางาน ยังต้องคาดเดาความคิดของเจ้านายให้ดีด้วย งานแบบใดที่ตนเองต้องทําอย่างแข็งขัน และงานแบบใดที่ไม่สามารถทำได้
เมื่อเห็นเนี่ยหย่วนเฉียวออกมา จางซิ่วเอ๋อก็คิดในใจว่าเถี่ยเสวียนคนนี้ช่างกล้าหาญจริง ๆ ถึงกับใช้งานเจ้านายของตนเช่นนี้
อย่างไรก็ตามจางซิ่วเอ๋อคิดไปเรื่อยเปื่อย นางคิดว่าทั้งสองคนเป็นเพียงนายบ่าวในนาม แต่การคบหากันเป็นการส่วนตัวนั้นไม่มีกฎมากมาย ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจ
โชคดีที่เถี่ยเสวียนไม่รู้ว่าจางซิ่วเอ๋อคิดเช่นนั้น หากเขารู้คงอดถอนหายใจไม่ได้
ในใจของเขากำลังขมขื่น แม้ว่าเจ้านายจะปฏิบัติต่อเขาอย่างดี แต่เขาก็ปฏิบัติตามหน้าที่ของเขาเสมอ การสั่งให้เจ้านายของตนทำสิ่งต่าง ๆ เช่นนี้ก็ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน
หลังจากที่เนี่ยหย่วนเฉียวออกมา เขาก็เห็นหัวหมูที่จางซิ่วเอ๋อวางอยู่ท่อนไม้
เนี่ยหย่วนเฉียวออกมาแล้ว แม้ว่าจางซิ่วเอ๋อจะรู้สึกอับอายอยู่บ้าง แต่นางก็ยังคงฝืนใจพูด “ช่วยผ่าหัวหมูให้ข้าหน่อยเถิด”
เนี่ยหย่วนเฉียวพยักหน้าพลางรับมีดทําครัวจากจางซิ่วเอ๋อ
ทันทีที่ฟันมีดลงไป จางซิ่วเอ๋อก็ได้ยินเสียงกระดูกหักที่ชัดเจน
จางซิ่วเอ๋อมองท่าทางอันเฉียบคมของเนี่ยหย่วนเฉียวแล้ว อดคิดไม่ได้ว่าที่ชำนาญเช่นนี้ คงเป็นเพราะฝึกฆ่าคนมานานแล้วหรือไม่?
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ จางซิ่วเอ๋อก็รู้สึกหนาวยะเยือกอย่างช่วยไม่ได้
นางรีบเอาหัวหมูที่ผ่าเป็น 4 ส่วน ใส่ลงในอ่างไม้ขนาดใหญ่ แล้วล้างทําความสะอาดอย่างละเอียดอีกครั้ง
จากนั้นจึงเริ่มทําอาหาร
เมื่อตั้งหม้อลงไปแล้ว จางซิ่วเอ๋อได้เพิ่มเครื่องเทศลงในหม้อเพื่อหมักหมูให้หอม ขอเพียงแค่ไม่ใส่ของชิ้นใหญ่จนเกินไป
โป๊ยกั๊ก อบเชย ใบกระวาน ฯลฯ จางซิ่วเอ๋อใส่ลงไปอย่างไม่ตกหล่น
เมื่อทุกอย่างถูกวางลง จางซิ่วเอ๋อก็มองไปที่หม้อใบนี้ด้วยความคาดหวัง คราวนี้นางควรจะประสบความสําเร็จ! ด้วยวิธีนี้จะช่วยให้นางตัดปัญหาไปได้มาก
เดิมทีนางคิดจะปรุงแยกกัน แต่เมื่อคิดว่าตอนนี้อากาศร้อน หัวหมูยากที่จะถนอมไว้มากกว่าเนื้อหมู และคิดว่าการทำอาหารด้วยตัวเองคงจะไม่เลวร้ายนัก นางจึงทำแค่ปรุงมันด้วยกัน
หากรสชาติยังไม่อร่อย นำไปผัดอีกสักรอบก็กินได้เหมือนเดิมแล้ว